เจ้าของ: ไม่ระบุชื่อ

[เมืองฉางอัน] ศาลเจ้าเทพธิดาฉางเอ๋อ

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-9-22 01:06:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลมาเที่ยวงานพบเจอสหายใหม่กับแจกข้าวต้มฟรี(เผยแผ่ศาสนา)



"งานที่นี้สวยงามมากเหมือนกันนะเนี้ย ข้าไม่ได้ชมอะไรแบบนี้มานานเหมือนกันนะเนี้ย"

จีเทียนเต๋าที่ตอนนี้นั้นกำลังมองไปยังเหล่าผู้คนที่มาเที่ยวงานนี้กันมากมายโดยที่ข้างๆตนเองนั้นก็เป็นเหวินหยวนที่มาร่วมงานกันในครั้งนี้นั้นเองโดยที่คนทั้งคู่นั้นก็ค่อยๆเดินดูบรรยากาศบริเวณนี้พร้อมกับที่ มองไปยังผู้คนตลอด

"ข้าว่าเราไปเดินดูที่บริเวณนั้นดีกว่านะข้าว่ามันน่าจะมีอะไรอยู่บ้างเหมือนกันเราจะได้ไป นมัสการด้วย"

"เอาสิข้าก็ไม่ได้ขัดอะไรอยู่แล้ว"

ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆเดินไปที่ศาลากลางริมน้ำที่ตอนนี้มีเหล่าชาวบ้านมาขอพรกันเต็มไปหมดเลยในบริเวณนี้นั้น โดยที่เหวินหยวนก็สงสัยเหมือนกันว่าต่างศาสนาแบบจีเทียนเต๋านั้นจะเคราพร ศาสนาอื่นด้วยหรือเพราะอีกฝ่ายนั้น นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็ต้องสร้างความงงให้กับตนเองยิ่งก็เพราะ จีเทียนเต๋านั้นกลับที่จะ นมัสการเทพีฉางเอ๋ออย่างหน้าตาเฉยก่อนที่ทั้งคู่นั้นจะออกมาจากศาลาริมน้ำแล้วก่อนจะเดินต่อไปเรี่อยๆ

"ท่านเหวินหยวนอาจจะงงว่าทำไมข้าถึงได้ นมัสการเทพีฉางเอ๋อทั้งที่ข้าก็ต่างศาสนา ข้ามนัสการด้วยใจที่เชื่อว่า ทุกศาสนานั้นต่างก็แตกต่างแค่เพียงหลักคำสอนก็เท่านั้นเองเราอย่าได้แบ่งแยกเค้าแบ่งแยกเรากันเลย"

"ออแบบนั้นเองข้าเข้าใจแล้วล่ะงั้นพวกเราก็ไปต่อทางนี้เลยก็แล้วกัน"

ก่อนที่ทั้งคู่นั้นจะเดินไปเรี่อยจนจีเทียนเต๋านั้นไปเดินชนอีกฝ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ

"เป็นอะไรมากไหมท่านข้าต้องขอโทษท่านด้วยที่ชนท่านแบบนั้น"

"ไม่เป็นไรข้าไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนท่านคงไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"

จีเทียนเต๋าที่ได้มองเห็นรูปร่างของอีกฝ่ายพร้อมกับลักษณะท่าทางก็ต้องมีความรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายก่อนที่จะค่อยๆเดินยิ้มให้กับอีกฝ่าย

"ไม่เป็นไรหรอท่านข้าต้องขอโทษด้วย นี้สหายข้าเหวินหยวน ข้าจีเทียนเต๋าแล้วท่านชื่ออันใดหรือถ้าไม่รังเกียจไปเดินเล่นกับพวกเราก็ได้"

"ข้าชื่อว่าฮั่นเซิง ข้าก็ไม่ได้มีอะไรไหนๆพวกท่านก็ชวนแล้วงั้นพวกเราไปชมพระจันทร์กันไหมข้าคิดว่าเจอมุมดีๆตรงบนิเวณนั้น"

"แน่นอนข้ากับสหายข้าต้องไปอย่างแน่นอน"

ก่อนที่ทั้งสามคนจะเดินทางไปชมพระจันทร์ด้วยกันที่บริเวณวิวที่ ฮั่นเซิงนั้นว่าดี

"ข้าว่าไหนๆพวกเราสามคนก็มาชมจันทร์กันทั้งทีก็ไปปล่อยโคมไฟเลยก็ไม่ได้แน่นะพวกท่านคิดเห็นว่าอย่างไรบ้าง?"

"ดีๆไหนก็มาชมพระจันทร์แล้วไปปล่อยโคมไฟด้วยเลยก็ไม่เป็นความคิดที่แย่สักเท่าไหร่นะข้าว่า"

โดยที่ทั้งสามคนก็เดินไปหาสถานที่จะปล่อยโคมไฟโดยที่ ก่อนที่ทุกคนจะปล่อยโคมไฟนั้นก็ต่างเขียนคำ อธิษฐานกันก่อนโดยที่จีเทียนเต๋าพยายามจะแอบดูของสหายตนเองว่าเขียนอันใดลงไปแตาเหวินหยวนก็หลบได้จนจีเทียนเต๋าต้องยอมแพ้ไป ก่อนที่ ฮั่นเซิงนั้นจะขอแยกตัวออกไปเพราะว่าตนเองนั้นต้องไปตรงอื่นอีก พวกจีเทียนเต๋าก็เพียงโบกมือให้อีกฝ่ายก่อนจะมอบชา หลงจิ่งให้อีกฝ่ายเอาไว้เป็นมิตรภาพระหว่างกัน

"ข้าว่าเราไปเตรียมตัวแจกข้าวต้มให้ประชาชนกันเถอะนะถึงแม้ว่าเราจะเตรียมมาไม่มากแต่ก็น่าจะพอได้อยู่"

"ข้าก็ว่าเช่นนั้น"

แต่ระหว่างสายตาของจีเทียนเต๋านั้นก็มองไปเห็นพ่อค้าชื่อดังแห่งแผ่นดินทั้งสามคนนั้นกำลังทำการแจกอะไรกันก็ไม่รู้ด้วยความสนใจตนเองจึงไปทันที

"พวกเจ้าใครอยากได้เงินมาทางนี้สิ พวกเราสามพี่น้องวันนี้วันดีเทศกาลชวนสร้างกุศลจะแจกเงินแก่ทุกคน"

"เงิน!!!! ข้าต้องการพวกท่านต้องการให้ข้าจริงๆอย่างงั้นหรอ?"

"แน่นอนท่านนักบวชพวกเราเหล่าพ่อค้าตระกูลหวังพูดจริงทำจริงอยู่แล้วแต่ว่าก่อนหน้านั้นพวกเราต้องขอให้ท่านแสดงใบยืนยังตัวเองก่อนนะ"

พร้อมกับที่ลูกน้องพ่อค้าหวังแบมือมาขอดูหลักฐานของจีเทียนเต๋าหลังจากที่ดูหลักฐานเรียบร้อยแล้วนั้น เหล่าพอค้าก็ให้จีเทียนเต๋าเลือกว่าต้องการของแจกอะไรบ้าง

"อ่าเงินก็ดีของก็น่าสนใจแหะ......"

หลังจากที่ขบคิดมาเป็นเวลาสักพักนั้น จีเทียนเต๋าก็ตัดสินใจได้ว่าจะเลือกอะไร!!!

" ข้าขอใบรับรองของพ่อค้าหวังน่ะขอรับแหะๆหวังว่าพวกท่านคงจะไม่คืนคำ"

"ฮ่าๆแน่นอนท่านนักบวชพวกเราตระกูลหวังไม่คืนคำอยู่แล้วเด็กๆเอาใบรับรองให้ท่านนักบวชคนนี้หน่อยสิ"

"ครับนายท่าน"

ก่อนที่เหล่าลูกน้องของพ่อค้าหวังจะนำใบรับรองพ่อค้าหวังมาให้กับจีเทียนเต๋าแล้วเดินกลับไป

"ขอบคุณครับขอให้กิจการร่ำรวยเงินทองนะครับบบ"

ก่อนที่จีเทียนเต๋าจะเก็บใบรับรองพ่อค้าเอาไว้แล้วเดินกลับไป กับเหวินหยวนเพื่อบริจาคข้าวต้มในนามของ ศาสนาคริสต์ต่อ

"ข้าวต้มแจกฟรีจ้ากินฟรีทุกชาม กินได้ยันชามเลยจ้า หยอกเล่นนะอย่ากินจริงนะชามข้าต้องเอาไปคืนเค้าอยู่ อร่อยทุกชามชามไหนไม่อร่อยชามนั้นก็ไม่อร่อยนะ ฮ่าๆๆ กินฟรีจ้าไม่คิดเงินกินให้อิ่มท้องเพื่อมีแรงเดินเที่ยวงานต่อพวกเรา ศาสนาคริสต์เป็นมิตรกับทุกศาสนา ไม่พอเติมได้ไม่อั้นเรามาเพื่อแจก!!! กองทัพต้องเดินด้วยท้อง!!! มากินกันเลยจ้าา ด้วยแสงของพระองค์นั้นทรงมอบกำลังและจิตวิญญาณให้กัยเราจงเชื่อมั่นในพระองค์และเชื่อในตัวของพระองค์ด้วย"

พร้อมกับที่เหวินหยวนถึงกับกุมขมับกับอีกฝ่ายที่พอได้ใบรับรองพ่อค้าหวังว่าก็ดีใจจนกระทบกับสมองแบบนี้เลยพลางส่ายหน้าให้กับจีเทียนเต๋าอย่สงน่าสงสสรมากๆ

ใช้ลักษณะนิสัย ถ่อมตน

+2 points จากการโรลให้เกียติอีกฝ่าย

+10ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

+10ต่อผู้ปกครองของคุณ


ผู้รู้คุณ

+10ความสัมพันธ์ขุนนางในสภา


มอบไอเทม ชาหลงจิ่งให้ NPC (132)

+15ความสัมพันธ์ (ผู้รู้คุณ)


- เดินชมเทศกาลได้รับ +5 EXP

- นมัสการขอพรเทพีฉางเอ๋อ +10 EXP
- เขียนคำอธิษฐานและปล่อยโคมลอย (ค่าโคม 15 ตำลึงเงิน) +10 EXP
- ชมจันทร์ +10 EXP
- ชวน NPC ที่มาเที่ยวเทศกาลเดินเล่นทำความรู้จัก ได้รับความสัมพันธ์พิเศษ+25 - EXP+15

(1) ใบรับรองพ่อค้าหวัง (30 วัน)

มอบข้าวต้มให้กับเหล่าชาวบ้านที่มาร่วมงาน 300 ชาม

@Webmaster


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-9-22 02:58:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:24
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-21 23:49
⌜ 33 ⌟
บทที่ 7เทศกาลชงจิวเจี๋ยฉากที่ 3


⌜ 34 ⌟

บทที่ 7
เทศกาลจงชิวเจี๋ย
ฉากที่ 5


          รู้สึกว่าวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะมากมายจนหัวหมุน หากได้สักการะเทพีฉางเอ๋ออาจจะทำให้จิตใจผ่องใสมากขึ้นก็ได้ เฟินเยว่และตงฮั่วเดินเข้าไปที่หน้ารูปปั้นของเทพีพร้อมกัน วางขนมเยว่ปิ่งถวายไว้สามลูกแล้วจุดธูปเพื่อกราบไหว้บูชาอธิษฐานขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคล ก่อนจะมาที่นี่เด็กสาวคิดเอาไว้มากมายว่าจะขอพรเรื่องอะไรบ้าง แต่ด้วยอาการมึนงงจากการพักผ่อนน้อย ทำให้เด็กสาวนึกพรที่จะขอไม่ออกเลยสักอย่าง แต่ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้วและวันจงชิวเจี๋ยก็มีเพียงปีละหน เลยต้องรีดเร้นอะไรสักอย่างในหัวออกมา

          ‘ขอให้โลกนี้สงบสุข มีแต่ความ เอะ-เอะ-โอ้ว! เจ้าค่ะ’
         
          เฟินเยว่ขอพรเสร็จแล้วแต่เห็นเด็กหนุ่มยังคงหลับตาอธิษฐานอยู่ ไม่รู้เลยว่าเขาขอเยอะขอนานหรือว่านึกไม่ออกเหมือนกับนางกันแน่ เมื่อเสร็จจากการขอพรแล้วก็เดินออกมาให้ผู้อื่นได้สักการะกันต่อไป
         
          “ต่อไปจะทำอะไรกันดีล่ะ?”
         
          “อืม..” เฟินเยว่หันมองไปรอบ ๆ เห็นคู่หนุ่มสาวต่างไปซื้อโคมมาลอยกันโดยลืมเอะใจไปเลยว่าแถวนี้มีแต่คู่รักเต็มไปหมด “ปล่อยโคมลอยกันไหมเจ้าคะ?”
         
          “ข้าก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรหรอกนะ”
         
          ในเมื่อทั้งสองตกลงก็ไปซื้อโคมกัน ในขณะที่เปิดกระเป๋าเงินออกเด็กสาวก็อุทานออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก
         
          “อะไรเหรอ?”
         
          “เปล่าเจ้าค่ะ ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ” เด็กสาวยิ้มแหย ไม่รู้ตัวเลยว่าเงินในกระเป๋ากรอบแกรบไปลงไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร “ถ้าเราลอยโคมเดียวกันคุณชายซูจะว่าอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ” พูดไปก็ติดเกรงใจเพราะนางเพิ่งจะมานึกถึงความหมายของการลอยโคมคู่ได้ก็ตอนนี้นี่เอง
         
          “ไม่นี่ คนอื่นก็ลอยด้วยกันตั้งเยอะแยะออก”
         
          “จะ..จริงด้วยสิเจ้าคะ”
         
          ได้ยินตงฮั่วพูดเช่นนั้นก็แปลว่าเขาไม่น่าจะทราบความหมายที่แฝงอยู่ เด็กสาวมองหน้าไปอีกทีคล้ายกับจะถามว่า ‘แน่ใจนะ’ แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเขาไม่รู้จริง ๆ นางเองก็ตีเนียนไม่บอกดีกว่าเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้ารู้ความหมายอาจพาบรรยากาศกร่อยไปอย่างเช่นทุกที เฟินเยว่จ่ายเงินไปทั้งหมดสิบห้าตำลึงแล้วรับเอาโคมมา
         
          “เจ้าเขียนก่อนเลย”
         
          “อะ.. จะดีหรือเจ้าคะคุณชายซู?”
         
          “อื้ม!”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบอย่างหนักแน่น จึงเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ที่จะเขียนคำอธิษฐานลงไปเป็นคนแรก แต่เฟินเยว่ยังสมองว่างเปล่าอยู่เลย ด้วยความนึกไม่ออกจึงเขียนลงไปว่า 『 ขอให้คำอธิษฐานของซูเสวียนจินสมปรารถนาทุกประการ จาก ซุนเฟินเยว่ 』 แล้วพออีกฝ่ายเห็นเข้าก็โวยเสียงดุ
         
          “เดี๋ยวก่อน ทำไมเจ้าถึงขอออกมาแบบนี้ ตามใจข้าอีกแล้วนะ ทำไมถึงไม่ขอของตัวเอง”
         
          “แหะ.. นั่นก็คือความปรารถนาอย่างหนึ่งของข้านี่เจ้าคะ” นางพูดจริงไม่ได้โป้ปด คุณชายซูเป็นคนดีขนาดนี้นางยอมยกพรของตัวเองให้เขาไปเปล่า ๆ เลยก็ไม่เสียดาย แต่เมื่อสบใบหน้าก็เห็นริมฝีปากคว่ำเป็นระฆังของอีกฝ่ายแทน “อุ้ย.. เอ่อ คือว่าข้านึกไม่ออกน่ะเจ้าค่ะ เมื่อครู่ตอนขอพรเทพีฉางเอ๋อยังขอไปว่าขอให้โลกนี้มีแต่ความสงบสุขเลย...”
         
          “โอ๊ย ให้ตายสิ เจ้าเนี่ยไม่รู้เหรอว่าหากบอกคำอธิษฐานแก่คนอื่นไปก่อนมันจะไม่สำเร็จน่ะ”
         
          “เอ๋! จริงหรือเจ้าคะ บะ..แบบนี้คำขอจะกลายเป็นคำแช่งแทนอย่างนั้นเหรอ โลกจะถึงคราววิบัติอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!?”
         
          พอได้ยินเข้าเด็กสาวก็หน้าตาตื่นตระหนก ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจแรง ๆ ตงฮั่วควรจะเขียนคำอธิษฐานเดียวในใจที่เป็นปณิธานอันยิ่งใหญ่ของเขา ‘ล้างแค้นเพื่อครอบครัว กำจัดโจรผ้าเหลืองให้หมดจากแผ่นดิน’ แต่กลับมีบางอย่างที่รั้งเอาไว้ไม่ให้เขียนคำขอนั้น เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้งด้วยความปลงแล้วลงมือเขียนแผ่นป้ายขอพรสักทีจะได้ไม่เสียเวลา จากนั้นก็จุดไฟแล้วปล่อยให้มันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยที่เฟินเยว่ยังไม่ทันได้เห็น

『 ขอให้โลกนี้สงบสุข จาก ซูเสวียนจิน 』

『 ขอให้คำอธิษฐานของซูเสวียนจินสมปรารถนาทุกประการ จาก ซุนเฟินเยว่ 』

.
.
.

          ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วเวลาล่วงเลยเข้ายามโฉ่ว พ่อค้าทั้งหลายเก็บร้านกลับไปหมดแต่ยังคงมีเถ้าแก่ใหญ่ทั้งสามแห่งต้าฮั่นนั่งหาวหวอด ๆ ทำตาโหลให้พรหรือแจกทรัพย์สมบัติแก่ผู้มาร่วมงาน

          “อ้าว สวัสดีเจ้าค่ะเถ้าแก่หวัง ไม่คิดเลยนะเจ้าคะว่าได้ได้พบกับท่านเวลานี้”
         
          “ฮ่า ๆ สวัสดีแม่นางน้อย พวกข้าเป็นประธานพิธีในการจัดงานน่ะ ก็ต้องอยู่อวยพรให้กับแขกที่มาเที่ยวงานด้วยสิ”
         
          หวังจินพี่ชายคนโตกล่าวตอบคำทักแบบตาปิดไปครึ่งเบ้า
         
          “ไหน ๆ เจ้าก็มาตรงนี้แล้ว อยากได้อะไรบ้างหรือเปล่าล่ะ ใบรับรองพ่อค้าชั่วคราวที่จะทำให้ใช้จ่ายในร้านค้าลดลงครึ่งนึง หรือจะเอาหีบเงินชั่ง เงินตำลึง เงินอีแปะก็มีให้นะ”
         
          หวังทู่กล่าวสมทบ เขาดูจะเป็นคนที่ตื่นมากที่สุดในหมู่สามพี่น้องจากความชินในการเป็นสุภาพบุรุษเจ้าสำราญที่ท่องราตรีชมสะคราญแทบทุกวัน เขาเห็นว่าพี่ชายคนรองสัปหงกคอพับคออ่อนไปแล้วก็แอบเขี่ยแขนจนหวังเย่าสะดุ้งตื่น
         
          “หรือว่าจะแค่รับคำอวยพรจากพวกข้าทั้งสาม.. แต่ไม่ค่อยจะมีใครสนใจกันหรอก เพราะงั้นข้าม.. เอาเป็นเสบียงอาหารไหม ข้ามีข้าวสารผักและเนื้อสัตว์อีกเพียบ หรือจะรับเป็นม้วนโองการฟ้าดีล่ะ ใคร ๆ ก็ต่างชอบนะ หรือถ้าอยากสร้างบ้านก็มีไม้และหินให้ด้วย”
         
          ตงฮั่วที่เงียบมาตลอดได้ยินทุกอย่าง เขาคิดว่าคำอวยพรจากเถ้าแก่ทั้งสามแห่งต้าฮั่นดูจะเล็กน้อยจริง ๆ อย่างที่หวังเย่ากล่าว หากเป็นผู้อื่นคงเลือกเงินทองหรือไม่ก็ส่วนลดการค้าแต่เขาคิดว่าตนเองเดาถูกอย่างแน่นอนว่าเด็กสาวที่มาด้วยต้องการข้อไหน
         
          “อูย.. อยู่ ๆ จะให้ของกันหรือเจ้าคะ ข้าเกรงใจจัง ขอเป็นรับคำอวยพรจากเถ้าแก่ใหญ่ทั้งสามท่านก็พอแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
         
          หลังได้ยินซูตงฮั่วก็ขำพรืดหลุดจากมาดคนขรึมเมื่อตีใส่คนอื่น
         
          “กะแล้วเชียวว่าจะต้องเลือกข้อนั้น สมกับเป็นเจ้าจริง ๆ แม่นางซุน”

          “เอ๋?”
         
          “แล้วเจ้าล่ะพ่อหนุ่ม อยากได้ของอะไรไหม?”
         
          หนึ่งในเถ้าแก่หวังถามผู้ที่ติดตามมาด้วย
         
          “ไม่ล่ะ ข้าก็ขอเหมือนกับนางขอรับ”

          สุดท้ายทั้งคู่ก็ฟังคำอวยพรจากเถ้าแก้หวังทั้งสาม ก่อนจากลาเด็กสาวได้มอบขนมเยว่ปิ่งรูปหมูเหมือนกับที่เคยให้เถ้าแก่หวังเย่าแก่คนที่เหลือทั้งสอง แล้วเดินออกมาจากจุดนั้น


.
.
.


          ในยามนี้ฉางอันแทบจะไร้ซึ่งเงาผู้คนที่เดินเตร็ดเตร่ไปมาต่างจากเมื่อตอนยามไห่เสียลิบลับ แต่แสงสว่างที่ส่องลงมายังคงงดงามอยู่เหนือเมฆ
         
          “วันนี้พระจันทร์สวยจังเลยนะเจ้าคะ”
         
          “เห็นเขาว่าวันนี้พระจันทร์จะใหญ่ที่สุดในรอบปี.. จริงหรือไม่นะ”
         
          “เอ๋ จริงหรือเจ้าคะ?” เฟินเยว่หันมามองตงฮั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะแหงนหน้ามองจันทราอีกครั้ง “ใหญ่มากจริง ๆ ด้วย คำกล่าวอาจจะจริงก็ได้นะเจ้าคะ”
         
          “ตรงนั้นมีเนินดินอยู่ จะไปนั่งชมจันทร์กันสักนิดไหมเล่า ยังไงพรุ่งนี้ทั้งเจ้าและข้าก็น่าจะตื่นสายโด่งด้วยกันทั้งคู่”
         
          “จริงด้วยสิเจ้าคะ สงสัยได้ตื่นสายที่สุดในรอบปีแน่ ๆ เลย”
         
          เด็กสาวหัวเราะ แล้วทั้งสองก็พากันไปนั่งรับลมชมจันทร์ในยามโฉ่ว เฟินเยว่นั่งลงกอดเข่า เวลานี้อากาศเย็นลงมาก และชุดที่สวมใส่ก็ค่อนข้างบางอยู่ นางยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด ๆ ตงฮั่วเห็นอาการนั้นก็ถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นออกไปให้จนตัวเขาเหลือแต่เพียงหนังห่มเนื้อ
         
          “อากาศค่อนข้างเย็น สวมซะ”
         
          “ไม่ได้นะเจ้าคะ หากเป็นหวัดขึ้นมาล่ะก็แย่กันพอดี คุณชายซูยิ่งอาศัยอยู่ในถ้ำด้วย จะต้องดูแลตัวเองมาก ๆ หน่อยสิเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่รับเสื้อของอีกฝ่ายมาแต่กลับเอาไปคลุมคืนเจ้าของเสียเอง ตงฮั่วกำลังจะอ้าปากเถียงแต่กลับเห็นคนพยายามปั้นหน้าดุที่ไม่ดุแต่ตลกเหมือนปลาปักเป้าจนเขายอมแพ้เสียเอง
         
          “ก็ได้ ๆ ถ้าไม่สบายขึ้นมาข้าจะซ้ำเติม”
         
          “โธ่ เห็นแบบนี้แต่ข้าก็แข็งแรงนะเจ้าคะ เมื่อก่อนตอนอยู่อันติงต้องหาบน้ำมาใช้เองทุกวันด้วย”
         
          “เรื่องจริง?”
         
          เด็กหนุ่มหรี่ตามองทำหน้าไม่เชื่อ สำหรับเขาเฟินเยว่ไม่ใช่เด็กสาวที่ตัวเล็กมากมายแต่ก็ถือว่าดูบอบบางอยู่ดี งานหาบน้ำถ้าเต็มสองถังแม้แต่บุรุษก็ยังเหนื่อยล้า
         
          “จริงสิเจ้าคะ ห้าปีที่ผ่านมาเข้าอยู่บ้านกับท่านยายเพียงสองคน หากข้าไม่ทำแล้วใครจะทำกันล่ะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เหนื่อยเลยหรอกนะเจ้าคะ”
         
          “ตกลง ข้าเชื่อแล้ว” เด็กหนุ่มร่างกำยำเพียงแค่จับเสื้อมาคลุมไหล่แต่ไม่ได้สวมใส่เข้าแขนไปดี ๆ สายตามองตรงขึ้นไปบนฟากฟ้าจับไม่ได้ว่ามองพระจันทร์หรือว่าอะไรอยู่ “จะว่าไป.. ตอนที่ได้ยินเจ้าเรียกคุณชายท่านนั้นว่าพ่อ.. ทำเอาข้าตกใจนะ”
         
          “แหะ.. ขอโทษด้วยนะเจ้าคะที่ทำให้ลำบาก” เฟินเยว่ยกมือลูบท้ายทอยตนเองเพื่อรับความอบอุ่นจากเถาคอ “แต่คุณชายหยวนยรั่งเขาคล้ายกับท่านพ่อในความทรงจำของข้ามากจริง ๆ ...อ้ะ แต่ว่ามันก็เลือนลางมากแล้วน่ะเจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าเพิ่งจะห้าขวบเอง ความจริงอาจจะไม่เหมือนกันเลยก็ได้เจ้าค่ะ”
         
          “ห้าขวบอย่างนั้นเหรอ ยังเด็กอยู่มากเลยนะ เสียเสาหลักของครอบครัวไปคงลำบากมากน่าดู” ตงฮั่วเองก็สูญเสียบิดาไปตั้งแต่เล็ก ตอนนั้นเขาอายุได้เพียงแค่หกขวบเท่านั้น จึงพอจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวได้ดี “แต่เจ้าก็เข้มแข็งมากเลยนะ”
         
          “อย่างนั้นเหรอเจ้าคะ.. ขอบคุณนะเจ้าคะ” เฟินเยว่ยิ้มรับคำชม แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า “ข้าอาจจะไม่ได้เข้มแข็งก็ได้นะเจ้าคะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันขัดเกล้าให้ข้าโตขึ้นมาเป็นแบบนี้… ล่ะมั้งเจ้าคะ?”
         
          “ถ้าอย่างนั้นก็เล่าสิว่าเจ้าเติบโตขึ้นมาเป็นแบบไหน”
         
          “เอ่?”
         
          เฟินเยว่ละสายตาออกจากพระจันทร์หันมามองคนตรงหน้า แววตาดุดุจพยัคฆ์กำลังจ้องมองนางอย่างไม่วางตา ราวกับถูกมนตร์สะกดไว้ทำให้แม้แต่เบนสายตาหนีเด็กสาวก็ทำไม่ได้
         
          “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มตั้งแต่เด็กเลยนะเจ้าคะ.. ที่บ้านข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับผ้าไหม มีโรงงานตั้งอยู่ในตัวเมือง ส่วนตัวบ้านจริงอยู่ชานเมืองออกไป พวกเราไม่มีปัญหาด้านการเดินทางเพราะว่ามีเกวียนและรถม้าไว้ใช้งานกันอยู่แล้ว ตอนนั้นข้ายังจำความไม่ค่อยได้เลยเจ้าค่ะ แต่อยู่มาวันหนึ่งท่านพ่อกับท่านแม่ออกไปคุมงานที่โรงงานทอผ้าแล้วไม่ยอมกลับมา ทว่าหลังจากนั้นทุกคนก็ต่างเศร้าโศกเสียใจ มารู้ทีหลังว่าท่านพ่อท่านแม่เสียไปเพราะไฟไหม้ก็ตอนที่รู้ความขึ้นมากแล้ว ข้าวของในบ้านค่อย ๆ หายไปทีละชิ้น คนงานก็ด้วย สุดท้ายบ้านหลังใหญ่ก็เหลือเพียงแค่ท่านยายแม่บ้าน ข้า และพี่ชายอีกสองคน...”
         
          “พี่ชายก็เลยต้องออกไปหางานทำ แล้วขาดการติดต่อใช่ไหม”
         
          “ใช่แล้วล่ะเจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวหลับตายิ้มจนตาปิด ดีใจอยู่บ้างที่อีกฝ่ายยังพอจำได้
         
          “ท่านยายคนนั้นเลี้ยงเจ้ามาดี”
         
          “จริงเจ้าค่ะ ท่านยายเลี้ยงข้ามาดีมาก ๆ ท่านยายเองมักจะบอกอยู่เสมอว่าที่ใคร ๆ ต่างรักใคร่สกุลซุนเพราะว่าแต่เดิมบรรพบุรุษมักจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นและสั่งสอนลูกหลานให้ประพฤติแต่ในทางที่ชอบ... ดังนั้นท่านยายก็เลยสอนให้ข้าได้เป็นแบบนั้นด้วยน่ะเจ้าค่ะ”
         
          “เริ่มไม่ประหลาดใจแล้ว นิสัยแบบนี้ส่งต่อมาทางสายเลือดแล้วล่ะ”
         
          “คุณชายซูก็พูดไป”
         
          เด็กสาวหัวเราะคิกคัก เมื่อไม่ได้ถูกจ้องตาแล้วและหันไปมองฟ้าก็เริ่มที่จะง่วงขึ้นมาแปลก ๆ
         
          “แล้วเจ้าล่ะ ไม่คิดจะถามเรื่องของข้าบ้างเหรอ?”
         
          “เอ๋?” เฟินเยว่ได้ยินก็กะพริบตาปริบ ๆ เรื่องนั้นนางคิดมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากัน ตงฮั่วเป็นเด็กหนุ่มที่มีปริศนามากมาย ทำไมเขาถึงอาศัยอยู่ในถ้ำเพียงลำพัง อยู่มานานแล้วหรือยัง แล้วทำไมถึงออกมาอยู่คนเดียว แต่เดิมมีประวัติความเป็นมาอย่างไร นางทราบเพียงแค่ว่าแต่เดิมอีกฝ่ายบ้านอยู่ที่ซีเหอเป็นร้านขายผ้า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะรู้จักกับคนตรงหน้ามากขึ้นกว่านี้อีก “แต่ว่า.. ตอนนั้นคุณชายซูทำท่าไม่อยากเล่านี่เจ้าคะ”
         
          “ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน”
         
          “ถ้าอย่างนั้นก็อยากฟังเจ้าค่ะ!”
         
          คนกอดเข่าหันหน้ามาฟังตาใส ไม่มองแล้วพระจันทร์หรือดาวหรืออะไรก็ช่าง
         
          “คือว่าข้าน่ะ.. เดิมทีบ้านอยู่ซีเหอทำงานทอ--...”
         
          เด็กหนุ่มเล่าไปได้ไม่ถึงสิบคำเขาก็หยุดชะงัก ดวงตาค่อย ๆ หรี่จ้องเด็กสาวที่เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วยังทำเป็นตั้งใจฟังตาใส แต่แค่พูดออกมาทีละคำ ดวงตาใสแจ๋วก็ค่อย ๆ หรี่ลงจนปิดสนิท แถมยังตัวเอียงโคลงเคลงโยกไปเยกมาคล้ายกับว่าจะล้มมาซบเขา ตงฮั่วเพียงแค่จ้องมองดูว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาตอนไหน แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าเด็กสาวจะหลับลึกไปแล้วและหงายหลังไปอีกทาง
         
          “เฮ้ย!!!”

          ตงฮั่วร้องลั่นท่ามกลางราตรีกาลอันเงียบสงัด มือรีบจับไหล่ของเด็กสาวไม่ให้ล้มลงไปหัวกระแทกหิน เพิ่งมาสังเกตเอาก็ตอนนี้แหล่ะว่าไหล่นางแข็งแน่นไม่บอบบางนุ่มนิ่มจริง ๆ ด้วย และเสียงนั้นทำเอาเด็กสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาทีแล้วตาก็หรี่ลงไปใหม่ นางส่งเสียงประหลาดคล้ายต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างในลำคอทว่าฟังแล้วไม่เข้าใจ
         
          “กลับกันเถอะไม่ไหวแล้วนะเจ้าเนี่ย” เฟินเยว่ยังคงไม่ลืมตาแต่พยักหน้าแล้วทำท่าจะลุกยืน ทำให้ตงฮั่วต้องลุกขึ้นมาตามและตั้งแขนคอยกันไม่ให้นางล้มได้ทุกเมื่อ “เดินกลับกันไหวใช่ไหม?”
         
          “เจ้าอ้ะ---..”

          เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมา แต่ตาก็ยังคงไม่ลืมขึ้น เขาจับมือนางให้เกาะชายเสื้อของเขาไว้
         
          “งั้นก็เดินดี ๆ เดี๋ยวข้าจะนำทางกลับไปเอง”
         
          ไร้ปฏิกิริยาตอบรับมีเพียงแต่มือที่จับชายเสื้อไม่ปล่อยไป เอาเป็นว่าเด็กสาวน่าจะพอหลงเหลือสติอยู่บ้างเล็กน้อย ตงฮั่วพาเฟินเยว่ออกจากศาลเจ้า แม้อยากจะรีบเดินกลับแค่ไหนแต่ดูเหมือนอุปสรรคไม่เป็นใจ เด็กสาวที่เกาะเขาเดินเชื่องช้าราวกับว่าเป็นผีดิบ เดินไปสักพักก็หยุดเดินไปเอง แต่กระนั้นมือเล็กก็ยังไม่หลุดออกจากชายแขนเสื้อของเด็กหนุุ่ม
         
         “ให้ตายสิน่า เห็นข้าเป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือยังไง..”
         
          สิ่งสุดท้ายที่เด็กสาวพอรับรู้จากปลายนิ้วไม่ใช่เนื้อผ้าแต่คือมืออันอบอุ่นกอบกุมเข้ามาแทน
         

.
.
.



ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

ของแจกจากพ่อค้าหวัง
(3) แจกคำอวยพรจากพ่อค้าหวัง +35 EXP , +6 Point

นมัสการขอพรเทพีฉางเอ๋อ +10 EXP
เขียนคำอธิษฐานและปล่อยโคมลอย (ค่าโคม 15 ตำลึงเงิน) +10 EXP
ชมจันทร์ +10 EXP
ทำขนมเยว่ปิ่งมาถวายเทพีฉางเอ๋อ 3 ลูก +10 EXP





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-12-15 16:30:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-12-17 03:39

      
⌜139⌟
     
บทที่ 24
งานจิตอาสา
ฉากที่ 2
เควส (4) ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ประจำสัปดาห์)
              
          เดินทางมาถึงฉางอันก็เฉียด ๆ เข้ายามเว่ย เป็นเวลาท้องร้องที่ชวนให้อยากรับประทานอาหารกลางวันพอดิบพอดีด้วยเกวียนเทียมม้าความเร็วต่ำ กว่าจะเร่งความเร็วได้ก็ใกล้ถึงอดีตเมืองหลวงที่ถนนปูด้วยแผ่นศิลาเนื้อดี แม้จะผ่านกาลเวลามาร่วมร้อยปีแต่ก็เรียบเนียนกว่าพื้นขรุขระของชนบทเป็นไหน ๆ แต่เร่งความเร็วไปได้ไม่เท่าไรก็จำต้องลดความเร็วเกวียนลงเมื่อเคลื่อนเข้าสู่ประตูเมืองฉางอันที่เป็นเขตชุมชนอยู่ดี
         
          เมื่อมาถึงจุดหมาย..  ในตอนนี้ศาลเจ้าฉางเอ๋อคราคร่ำไปด้วยผู้คน ไม่ใช่เพราะด้วยงานเทศกาลแต่เป็นเพราะว่าขณะนี้ศาลเจ้าเป็นแหล่งพักพิงสำหรับชาวบ้านทางเหนือที่เดือดร้อนจากภัยหนาว ในเมื่อไม่มีญาติที่อยู่ทางใต้ก็จำต้องขออาศัยอยู่ยังสถานที่สาธารณะอย่างศาลเจ้าเป็นการชั่วคราว ประชาชนเหล่านั้นพกมาเพียงแค่เสื่อผืนหมอนใบมากหน่อยก็มีผ้าห่มกับเสบียงอาหารแห้งเล็กน้อย แต่เวลาผ่านไปทุกอย่างย่อมร่อยหรอและหวังพึ่งพาโรงเจ ทว่าแม้จะเป็นโรงเจก็ไม่อาจรองรับคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ไหว ผู้ที่รวยทั้งน้ำใจและทุนทรัพย์จึงรับอาสาแบ่งเบาภาระศาลเจ้าในส่วนนี้
         
          เฟินเยว่ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แม้ว่าจะถือว่าเป็นงานของเถ้าแก่หวังแต่ส่วนหนึ่งแล้วเด็กสาวก็อยากช่วยเหลือ หากเป็นเมื่อก่อนคงช่วยได้แค่ลงแรง แต่ตอนนี้นางได้รับทรัพย์สมบัติมีค่ามาจากบุรุษลึกลับที่ตีความได้ว่า ‘ให้ช่วยเหลือชาวประชา’ ในเมื่อเงินเหล่านั้นไม่ใช่ของนางตั้งแต่แรก ก็ไม่อาจขี้โกงเก็บเอาไว้เพียงผู้เดียวไม่สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวม
         
          เจ้าหน้าที่ดูแลศาลเจ้าน่าจะวิ่งวุ่นเป็นพิเศษในเวลาเช่นนี้ จึงทำให้ไม่มีเวลาเข้าไปถาม สงสัยว่าคงต้องจัดระเบียบการแจกอาหารกันเอง เฟินเยว่จึงลองเข้าไปสอดส่องผู้บริจาคผู้อื่นไว้เป็นแบบแผนจากนั้นจึงตามมาสมทบกับสหายและหาพื้นที่ตั้งโต๊ะอุ่นอาหาร และเมื่อชาวบ้านเห็นผู้ใจบุญรายใหม่นำอาหารมาแจกก็ต่างมาออกันที่เกวียนเทียมม้าเสียจนขยับเขยื้อนหาทำเลแจกของไม่ได้
         
          “ใจเย็น ๆ ก่อนขอรับพ่อแม่พี่น้อง ตอนนี้เกวียนของพวกข้ายังขวางทางเข้าอยู่ อย่างไรช่วยเปิดทางสักนิดจะได้ตั้งซุ้มแจกอาหารกัน”
         
          ต้าซิ่นผู้เฉลียวฉลาดและประสบการณ์สูงกว่าเป็นแกนนำในการจัดระเบียบแจกจ่ายอาหาร พอตะโกนบอกกล่าวกันดี ๆ แล้วชาวบ้านก็ยอมรับฟังและแหวกทางให้ทั้งสามได้จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพราะต้องอุ่นอาหารด้วย
         
          เป็นไปตามคาด อาหารที่ไม่ได้ทำเสร็จจากเตาในทันทีนั้นเย็นชืดและยิ่งเย็นกว่าเดิมเมื่อเข้าฤดูหนาว ไขมันสัตว์ในน้ำแกงจับตัวกันเป็นไขจนแทบจะทานไม่ได้ คิดดีแล้วที่นำอุปกรณ์สำหรับอุ่นมาด้วย ตงฮั่วกับเฟินเยว่ช่วยกันก่อไฟอุ่นผัดผักกับน้ำแกงและยังต้องเริ่มหุงข้าวเพิ่มเพราะคิดว่าที่หุงมาจากบ้านอาจจะไม่พอจริง ๆ ด้วย ส่วนกับข้าวอาจจะต้องให้อย่างพอดีไม่แถมชาวบ้านมากไป
         
          ในขณะที่ทั้งสองกำลังง่วนอยู่กับงานอุ่นอาหาร ต้าซิ่นก็เป็นผู้จัดระเบียบแถวรับอาหารโดยให้ตั้งแถวขดหนึ่งแถวและควบคุมไม่ให้ใครแย่งที่กัน
         
          “กรุณาเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบด้วยขอรับ หากยิ่งช้าจะยิ่งได้อาหารช้านะขอรับ”
         
          ชายหนุ่มไม่ได้ใจดีอย่างเช่นสาวน้อยเฟินเยว่จึงมีการขู่ไปบ้าง ซึ่งนั่นก็ทำให้ชาวบ้านที่แตกแถวยอมเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรอรับอาหารเป็นอย่างดี และเมื่อทางด้านหลังเตรียมการเรียบร้อนแล้วเฟินเยว่ก็ออกมากล่าวแนะนำรายการก่อนเริ่มแจกจ่าย
         
          “อาหารที่ทำมาจะมีทั้งหมดห้าร้อยชุดนะเจ้าคะ ขออภัยด้วยที่ไม่อาจทำมาทีเดียวได้ถึงสามพัน ในรายการจะมีข้าวสวย ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ แกงจืดเต้าหู้นึ่ง และกล้วยหอมเจ้าค่ะ”
           
          หลังกล่าวจบเด็กสาวสังเกตเห็นสีหน้าชาวบ้านดูเซ็ง ๆ พวกเขาคงกำลังคาดหวังว่าจะได้ทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ กระนั้นคนที่ต่อแถวแล้วก็ไม่มีใครที่เดินออกไปเพื่อเข้าซุ้มอื่น บางทีอาจจะต้องทำใจที่ต้องรับประทานอาหารสุดแสนธรรมดาอย่างผัดผักและแกงจืดเต้าหู้ อย่างน้อยมีให้กินก็กินไปดีกว่าอดตายเพราะความเรื่องมากส่วนบุคคล ถือเสียว่ากล้วยที่แถมมาเป็นสิ่งปลอบใจก็แล้วกัน เพราะน้อยคนนักที่จะบริจาคของล้างปากที่ไม่จำเป็นมาด้วย
         
          เฟินเยว่และตงฮั่วต่างช่วยกันตักแบ่งผัดผักและน้ำแกงใส่ภาชนะที่ผู้ลี้ภัยพกติดตัวมา แม้ว่างานนี้จะคนเยอะเป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่ชอบทว่าตงฮั่วก็ไม่ได้แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา ไม่ใช่เพราะว่าเขากำลังอดทนอดกลั้นแต่เป็นเพราะว่างานแจกอาหารนั้นยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นจนลืมความอึดอัดเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนไปเสียสนิท ส่วนบัณฑิตเหลียงก็เป็นผู้คุมแถวอยู่ด้านหน้าคอยจัดระเบียบเรียบร้อยและป้องกันคนขี้โกงที่ลัดแถวแซงคนอื่น
         
          การแจกจ่ายอาหารแก่ชาวบ้านห้าร้อยคนดำเนินจบไปอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากขั้นตอนการทำและการเดินทางเสียลิบลับจนเหลือเวลาว่างพอจะเดินเล่นนิดหน่อยก่อนจะกลับอันติง แต่ในกรณีนี้หมายถึงเดินเล่นที่ฉางอัน..
         
          “ข้าสัญญากับเด็ก ๆ เอาไว้น่ะเจ้าค่ะว่าจะซื้อของเล่นจากเมืองหลวงไปฝากพวกเขา”
         
          “เมืองหลวง.. ที่เจ้าว่าหมายถึงที่นี่ หรือว่าลั่วหยาง”
         
          หากพูดถึงเมืองหลวงใคร ๆ ต่างก็คิดกันว่าคือลั่วหยาง แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งสามอยู่กันที่ฉางอันที่เป็นอดีตเมืองหลวงเนี่ยสิ
         
          “อ๋า.. ข้าก็ชอบลืมเสียเรื่อยเลยว่าฉางอันไม่ใช่เมืองหลวงแล้ว แต่พอจะพูดว่าฉางอันก็ดันบอกว่าเป็นเมืองหลวงเสียเรื่อยเลยเจ้าค่ะ” เด็กสาวยิ้มแหะพร้อมกับเกาแก้มอย่างเด๋อ ๆ ด๋า ๆ ไม่สมเลยที่เป็นผู้สอนเด็ก “แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ หากว่าซื้อที่ฉางอันจะกลายเป็นผิดคำพูดหรือเปล่านะ..”
         
          “คิดมากน่า ถ้าใจเจ้าว่าเป็นฉางอันต่อให้พูดว่าเมืองหลวงแต่ก็คือฉางอันนั่นแหล่ะ” ตงฮั่วกล่าวไปพลางก็ขมวดคิ้วไปด้วย แม้เขาจะพูดปลอบนางไปเช่นนั้นเพราะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ว่าด้วยนิสัยเป็นคนเที่ยงธรรมและเที่ยงตรง พูดคำไหนต้องเป็นอย่างนั้น ถ้ารู้อยู่แก่ใจว่าโกหกก็จะรู้สึกไม่สบายใจแปลก ๆ “เอาจริง ๆ ถ้ามารู้ทีหลังว่าไม่ได้มาจากฉางอันก็คงจะเสียใจน่าดู..”
         
          “ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ไหมล่ะ” ระหว่างที่เด็กหนุ่มสาวกำลังเคร่งเครียดอยู่กับปัญหาชวนหัวอยู่นั้นเอง ผู้ทรงปัญญาที่สุดในกลุ่มก็เอ่ยขึ้นเพื่อเสนอทางออก “ข้าอยากไปซื้อของที่ลั่วหยางที่ฉางอันไม่มีล่ะ แล้วก็อยากจะไปแช่บ่อน้ำร้อนบำรุงผิวด้วย ถ้าแค่นั้นก็มีเหตุผลที่จะไปลั่วหยางแล้วใช่ไหม”
                  
          อันที่จริงบัณฑิตหนุ่มก็แค่อยากทำตามใจตนเองแล้วไปเสพความศิวิไลที่ไม่ได้ไปเยือนมานานเสียหน่อยก็เท่านั้น
         
          “ที่บ้านก็มีบ่อน้ำร้อน แล้วเจ้าก็เข้าไปแช่ทุกวัน ยังต้องไปเสียเงินแช่ที่อื่นทำไม”
         
          “ก็เพราะว่าที่บ้านคือที่บ้านนี่นา จะไปมีบรรยากาศเหมือนบ่อน้ำร้อนที่อื่นได้อย่างไร แถมที่บ่อน้ำร้อนจินสู่ยังมีเด็กนวดหลังให้บริการด้วย…” ชายหนุ่มหน้าหวานเว้นช่วงเล็กน้อยหลังหาสารพัดเหตุผลมากล่าวอ้าง “เห็นว่าช่วงนี้มีกิจกรรมเปิดลงแช่ไม่เก็บเงินด้วยล่ะ มีแต่ได้ไม่มีเสียเลยใช่ไหมล่ะ”
         
          “อ่า.. ถ้าไม่เสียเงินฟังดูก็น่าสนใจ แต่เด็กนวดหลังเนี่ยนะ นวดกันเองก็ได้ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปให้ใครก็ไม่รู้มานวดให้เปลืองตัว”
         
          เด็กสาวที่ฟังบทสนทนาอยู่กำลังจำอ้าปากพูดว่า ‘ดีจังมีคนนวดหลังให้ด้วย ข้าก็อยากลองเจ้าค่ะ’ แทบจะกลืนถ้อยคำเหล่านั้นลงคอแทบไม่ทัน นางเป็นสาวเป็นแซ่แท้ ๆ แต่กลับหวงเนื้อหวงตัวน้อยกว่าสหายหนุ่มตรงหน้าเสียอีก
         
          “หืม เจ้าพูดแล้วนะว่านวดกันเองก็ได้” ต้าซิ่นคลี่พัดขนนกขึ้นมาปิดปากเห็นเพียงแค่เสี้ยวตาที่หยียิ้มดูเจ้าเล่ห์อย่างสุนัขจิ้งจอก น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะได้เอาคืนใช้แรงงานเจ้าเด็กมนุษย์สัมพันธ์ต่ำเสียบ้าง “บอกแล้วนะถ้างั้นอย่าผิดคำพูดล่ะ”
         
          “เฮ้ย! ข้าไม่ได้..” หนุ่มคิ้วพยัคฆ์โวยลั่นแต่ก็เลิกลั่กหาคำแก้ตัวไม่ทันในเมื่อพูดออกมาเอง ดังนั้นคงมีแต่ต้องยอมรับคำท้าทาย “ชิ! ก็ได้ ข้าเป็นคนรักษาคำพูดอยู่แล้ว คอยดูเลยนะ” กล่าวจบก็ทำหน้ามุ่ยฮึดฮัดในอก ก่อนจะหันสายตาไปทางสตรีเพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มเผื่อว่าสนทนากับนางแล้วใจจะเย็นลง “แล้วเจ้าล่ะว่าไง”
            
          “เอ๋ ข้าเหรอเจ้าคะ” เฟินเยว่ยังคงยกมือลูบแก้มพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ออกมา “จริง ๆ ก็อยากจะลองดูสักครั้ง… น่ะเจ้าค่ะ”
         
          “ถ้างั้นก็มีเหตุผลเหมาะเหม็งให้ไปกันแล้ว งั้นก็ไปลั่วหยางกันเลยเถอะเดี๋ยวจะเย็นเอา”
         
          หลังเก็บกวาดอุปกรณ์ขึ้นเกวียนหมดทั้งสามก็ออกเดินทางต่อไปลั่วหยางด้วยความเร็วที่มากขึ้นแต่ก็ยังคงเรียกว่าซิ่งไม่ได้…  
              
.
.
.
            

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
-20 EXP จากการโรลทำงานในช่วงกลางวัน
หรือ โรลเดินทางช่วงกลางวัน (เรียลไทม์)
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

อัตลักษณ์ขาดความรอบคอบ
-20 ความเครียดจากการโรลบริจาคให้ผู้อื่นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง

-----------------------------------------

มอบอาหารให้ผู้ประสบภัย
เควส (4) ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ประจำสัปดาห์)

ข้าวสวย 500 ถ้วย, ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ 500 จาน, ซุปเต้าหู้นึ่ง 500 จาน
แถม กล้วย 500 ผล

เหลืออาหารที่ต้องบริจาคอีก 2,500 ชุด




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2022-6-7 22:08:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XianXi เมื่อ 2022-6-7 22:10


          พวกเขาทั้งสองเดินทางมาที่ศาลเจ้าเทพธิดาฉางเอ๋อ ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยชาวบ้านผู้ประสบภัย โดยการปรากฏตัวมาของเขามาพร้อมกับยกอาหารและเสบียงต่างๆมากมายเพื่อเตรียมมอบให้แจกจ่ายประทังชีวิตแก่เหล่าชาวบ้านที่กำลังตกระกำลำบากและรอคอยผู้ใจบุญมาช่วยเหลือ

          หงอวี้ เข้ามาช่วยจัดระเบียบแถวก่อนที่จะนำแจกอาหาร ซึ่งเธอนั้นมีคิ้วพยัคฆ์ที่น่าเกรงขาม จึงทำให้ชาวบ้านไม่กล้าทำอะไร รีบเดินเข้าคิวเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ มีทั้งลูกเล็กเด็กแดง เหล่าชาวบ้านผู้ประสบภัยคอยอาหาร “นายท่าน เดี๋ยวข้าช่วยดูระเบียบแถวให้”

          “ได้ งั้นทางเรื่องแจกอาหารข้าจะเป็นคนทำ เจ้าคอยดูแถวให้ดี อย่าให้พวกเขาแตกแถวเป็นอันขาด” น้ำเสียงทุ้มละมุนเอ่ยสั่งบอก ซึ่งเป็นการพูดอย่างนอบน้อมถ่อมตน ยังไงอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นสหายผู้ร่วมเดินทาง

          หลังจากนั้นจึงนำอาหารที่เตรียมมาเริ่มทยอยแจก เมนูหลักๆมีสามอย่าง ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าวต้ม เกี๊ยวนึ่ง ของแต่ละอย่างเหมือนจะทำง่ายแต่ต้องมีใจรักในการทำจริงๆและต้องคิดคำนวณวัตถุดิบให้ถูกต้อง เขาอยากให้เหล่าชาวบ้านได้ทานของดีๆและการที่ใช้พวกน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญจะทำให้ลื่นคอ อย่างเช่นเกี๊ยวนึ่ง

          ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ เป็นอาหารที่มีประโยชน์ด้านโภชนาการ แต่ละอย่างนั้นถูกวางแผนไว้เป็นอย่างดี อัจฉริยะหนุ่มในระหว่างแจกจึงเอ่ยพูด ถึงเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดให้เหล่าชาวบ้านที่มาต่อคิวรับอาหาร “เรื่องการเมืองนั้นเป็นเรื่องของทุกคน ช่วงในกลียุคเฉกเช่นนี้ จำเป็นจะต้องมีผู้สร้างศรัทธาแห่งความหวัง ในตัวข้านั้น มีปณิธานที่ต้องการจะทำให้ทุกคนล้วนใช้ชีวิตกันอย่างเท่าเทียม ได้รับการศึกษา อีกทั้งเรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัว”

          “สตรีสามารถเท่าเทียมกับบุรุษ และความรักไม่จำกัดเพศสภาพ ศาสนาที่ใช้ตัวตัดสินว่าความรักบางอย่างนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม ช่างเป็นเรื่องน่าขัน” แจกอาหารให้เหล่าเด็กๆ

          ชาวบ้านที่อยู่ที่นี่นั้นล้วนได้ฟังในสิ่งที่เขาพูดทุกคน ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องตลกหรือน่าขันเหมือนกับคนมานั่งเล่านิทาน ทว่า สักวันต้องเป็นจริง

          หญิงสาวเข้ามาช่วยแจกอาหารเมื่อใกล้หมดคิวแถว

          “พี่ชาย ขอบคุณนะเจ้าคะ” เด็กหญิงตัวน้อยเดินมาขอบคุณพร้อมกับครอบครัว

          “เห็นพวกเจ้าทุกคนได้ทานอาหารกันอย่างอิ่มเอม มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีแล้ว ข้าทำด้วยใจไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน” เขาเดินไปพูดคุยกับพวกชาวบ้านสักพักใหญ่ ก่อนจะกลับออกไปพร้อมอี้หง

          ทุกอย่างมันอยู่ในแผนการของเขาหมดแล้ว เซียนซีลอบยิ้มคนเดียว และกอดมองหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีใส่ชาวบ้าน

นักวิชาการ
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้

เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย : เหลียน หงอวี้

รวม 55 ความศรัทธา / 24 Point / +15 EXP
ระดับเริ่มต้น - คนจรเล่าเรื่อง
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +25 ความศรัทธา
X2 ศรัทธา

—-----

[H-001] เหลียน หงอวี้
มีไหวพริบ
+2 Point เมื่อโรลใช้แผนและกลอุบาย
+2 Point เมื่อโรลเรียนรู้

แม่มด
+1 Point เมื่อโรลใช้กลอุบาย
+1 Point เมื่อโรลเรียนรู้
-1 Point เมื่อโรลเพลย์ทางการทูต หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา

มอบของแจกชาวบ้าน
เกี๊ยวนึ่ง 3000
ข้าวสวย 3000
ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ 3000





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
โพสต์ 2022-6-14 14:57:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด

         กว่าจะเดินทางมาจนถึงที่นี่ใช้เวลาอยู่นาน เซียนซีมาหยุดอยู่แถวหน้าประตู เห็นผู้ประสบภัยอยู่ด้านในกันมากมายซึ่งมันก็เยอะพอๆกับตอนที่เขาเคยมาครั้งก่อน รอบนี้จึงได้จัดเตรียมเมนูอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนและดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น ชาวบ้านผู้ประสบภัยออกมาต้อนรับกันบางส่วน

          เขานั้นรับบทเป็นผู้ใจบุญทำหน้าที่แจกจ่ายอาหาร ช่วยกันยกโต๊ะหงอวี้ มาวางไว้ตรงกลางและให้หญิงสาวนั้นไปช่วยจัดระเบียบแถว ต้องมีคนคอยควบคุมแถวไม่อย่างนั้นมันอาจจะเกิดความคนละหนได้เพราะทุกคนต่างก็อยากทานอาหารเหมือนกันความหิวไม่เข้าใครออกใคร จึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ดีกว่า

          “หงอวี้ เจ้าไปดูระเบียบเรื่องแถว ส่วนข้าจะคอยตักอาหารแจกจ่าย ถ้าแถวใกล้หมดเมื่อไหร่ค่อยมาช่วยข้าแจกจ่ายอาหารก็แล้วกัน” หันไปสั่งหญิงสาวโดยการพูดของเขานั้นเรียบง่ายและน้ำเสียงไม่ดุดัน

          หงอวี้พยักหน้า “เช่นนั้นหน้าที่นี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” หลังจากกล่าวพูดจบจึงเดินไปควบคุมแถวชาวบ้านที่มารับเสบียง เธอสามารถใช้ประโยชน์จากการสร้างความหวาดกลัวทำให้พวกเขาไม่กล้าคิดที่จะแตกแถว

          “เป็นโอกาสอันดีที่ได้พบเจอกันอีกครา อาหารมื้อนี้ข้ากับผู้ติดตามตั้งใจทำสุดความสามารถ ไก่ต้มมะพร้าว ข้าวต้ม กระต่ายย่างสามรส ขอให้ทุกคนนั้นเข้าแถวกันอย่างสงบ อาหารจะแจกจ่ายถึงพวกท่านครบทุกคน”

          เริ่มทยอยแจกจ่ายอาหารให้กับเหล่าผู้ประสบภัย ซึ่งมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปะปนกันไป ในระหว่างที่กำลังแจกอาหารมอบให้ เซียนซีคิดที่จะให้ชาวบ้านพวกนี้นั้นได้ฟัง เรื่องลัทธิที่เขาต้องการจะสร้าง ในฐานะของผู้ใจบุญ ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็ย่อมต้องมีคนฟังอยู่แล้ว “ความรักต้องห้ามของเครือญาติทำไมถึงไม่สามารถรักกันได้? ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรัก อีกทั้งยังถูกจำกัดความด้วยเรื่องของเพศ สตรีถูกกดขี่ข่มเหงให้ต่ำต้อยกว่าบุรุษ สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่น่าสมควรแล้วหรือ”

          “ข้าอยากให้พวกท่านทุกคนนั้นคิดตาม หากเปิดให้ทุกเพศสภาพนั้นมีความเท่าเทียมกันการบริหารบ้านเมืองก็จะมีความน่าอยู่เพราะบางคนก็มีความสามารถแต่ก็ไม่สามารถที่จะใช้ความสามารถนั้นแสดงออกมาได้ทั้งหมดเมื่อถูกจำกัดด้วยเรื่องของ ความไม่เท่าเทียมกัน”

          อาหารทยอยจนใกล้หมด ตอนนี้ทุกคนไปหาที่นั่งรับประทานอาหาร เขามองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้มแม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มจอมปลอมก็ตาม หงอวี้เดินเข้ามา หลังจากที่แถวใกล้จะหมดลง เขาได้พูดสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้านผู้ประสบภัย

          เมื่อจัดการธุระเสร็จเรียบร้อย จึงไปเดินพบปะพูดคุยกับคน หลังจากนั้นเขาจึงเดินกลับออกมาจากศาลฉางเอ๋อ การมาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ทำให้ได้เรียนรู้ในหลายเรื่อง หงอวี้เองก็เช่นกัน

นักวิชาการ
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้

เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย : เหลียน หงอวี้

รวม 55 ความศรัทธา / 24 Point / +15 EXP
ระดับเริ่มต้น - คนจรเล่าเรื่อง
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +25 ความศรัทธา
X2 ศรัทธา vip

—-----

[H-001] เหลียน หงอวี้
มีไหวพริบ
+2 Point เมื่อโรลใช้แผนและกลอุบาย
+2 Point เมื่อโรลเรียนรู้

แม่มด
+1 Point เมื่อโรลใช้กลอุบาย
+1 Point เมื่อโรลเรียนรู้
-1 Point เมื่อโรลเพลย์ทางการทูต หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา

มอบของแจกชาวบ้าน
ไก่ต้มมะพร้าว 3000
ข้าวต้ม 3000
กระต่ายย่างสามรส 3000




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
โพสต์ 2022-6-18 23:42:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ท่องเที่ยวส่านซี
รับภารกิจช่วยเหลือผู้ยากไร้ 3
แจกจ่ายอาหารให้ผู้ยากไร้

หลังจากหญิงสาวใช้เวลา 4 วันในการปรุงทำอาหารมากกว่าพันจาน หญิงสาวจึงนำอาหารเหล่านั้นเข็นไปตามทาง เพื่อที่จะไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัยที่ศาลเจ้าฉางเอ๋อร์ในเมือง
ซึ่งเรารอไม่ได้ ความช่วยเหลือต้องส่งไปให้ถึง และบรรเทาความหิวโหยแก่พวกเขาโดยเร็ว

หญิงสาวเดินทางมาถึงพร้อมกับรถเข็นใส่อาหารมากมาย เธอจึงบ่าวประกาศให้ชาวบ้านที่พักแรมลี้ภัยอยู่ เข้าแถวมารับอาหารไปทีละคน คนละ 3 อย่าง

"ท่านผู้ประสบภัยทุกท่านเจ้าคะ ข้าได้รับการไหว้วานจากพ่อค้าหวังแห่งฉางอันให้นำอาหารมาเลี้ยงบรรเทาแก่ผู้ประสบภัยทุกๆท่านเจ้าคะ
ขอให้ทุกๆท่านเรียงแถวตอนหนึ่งเข้ามารับทีละคนนะเจ้าคะ ข้าจะแจกคนละ 3 อย่างเพื่อให้ไปทานกันอย่างทั่วถึงเจ้าคะ"
หลังจากหญิงสาวบ่าวประกาศไปเช่นนั้นแล้ว ชาวบ้านผู้ประสบภัยต่างที่หิวรอความช่วยเหลือก็ทำตามที่หญิงสาวกล่าว เข้าแถวมารับอาหารทีละคน
หญิงสาวต้องแจกจ่ายอาหารคนละ 3 อย่างให้แก่ชาวบ้านหนึ่งคน  

"แม่หญิง ขอบคุณมากๆที่ช่วยเหลือพวกเรา.."

"แม่หญิงทำเองเลยเหรอ สุดยอดเลย ขอบคุรน้ำใจแม่หญิงมากๆ"

ชาวบ้านหลายคนพอเห้นท่าทางสง่างามของหญิงสาวนำอาหารมาแจกจ่ายชาวบ้านก้มีหลายคนที่เลื่อมใสในตัวเธอ คิดว่าเธอเป็นหญิงสูงศักดิ์จากตระกุลใหญ่ลงมาช่วยเหลือ
แต่หญิงสาวถ่อมตัวแล้วบอกว่าไม่ใช่หรอก ข้าก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่อยากช่วยราษฎรเจ้าคะ

ระหว่างหญิงสาวแจกจ่ายอาหารให้ชาวบ้าน เธอก็พูดเล่าเรื่องไปด้วยพลางๆ
"ผู้รับฟังที่เคารพรักทุกท่านเจ้าคะ ชาวบ้านทุกท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่าเหตุใดการศึกษาถึงไม่ค่อยเข้าถึงทุกผู้ทุกคนนัก โดยเฉพาะสตรีเองก็ควรจะได้รับเช่นกัน

การที่กลุ่มลัทธิโพกผ้าเหลืองเกิดขึ้นมาได้นั้น เกิดจากความแร้นแค้นและภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้รับการเยียวยาแก้ไขจากส่วนกลาง รวมถึงความอดอยาก แต่ก็ลืมไปแล้วหรือว่าการที่ผู้คนเราไม่ได้รับการศึกษาที่เพียงพอ เลยไม่สามารถแก้ปัญหาได้จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น
นั่นก็เพราะว่ากลุ่มลัทธิโพกผ้าเหลืองเหล่านั้นขาดการไตร่ตรองหรือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ดี

เพราะฉะนั้นผู้รับฟังที่เคารพรักเจ้าคะ การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะสตรีที่ว่ากันว่าควรอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนนั้นเป็นสิ่งไม่จริง หากพวกเราทุกคนมีปัญญาที่ดีแล้ว ความรุนแรงกดขี่เช่นนี้ก็คงไม่เกิด
ดังนั้น สตรีเองก็ควรได้รักการศึกษาที่ดีเฉกเช่นบัณฑิตทั่วๆไป เพราะว่าสติปัญญาของสตรีที่มีความละเอียดอ่อนกว่าจะต้องนำสิ่งที่หยุดความขัดแย้ง โอบอ้อมอารีออกมาเป็นอันดับแรก พูดคุยเป็นอันดับสอง กล้าหาญเป็นอันดับสาม นั่นคือลำดับของผู้มีปัญญาให้การแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะสตรีนั่นเองเจ้าค่ะ
ชาวบ้านผู้รับฟังที่เคารพรักเห็นด้วยไหมเจ้าคะ ว่าการที่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันแล้ว ปกติฝ่ายสามีนั้นเก่งอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าหากลองให้ฝ่ายภรรยามีความสามารถเก่งกาจเหมือนกับเช่นสามีด้วย จะมีชีวิตคู่ที่ลงตัวมากเพียงใดเจ้าคะ"

หญิงสาวทำการแจกจ่ายไปเรื่อยๆจนครบ 3000 คนที่ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ รวมๆแล้วก็แจกไป 9000 จาน 3 เมนูหลักๆ ก็พอจะทำให้พวกเขาอิ่มท้องได้บ้างล่ะ
กว่าจะแจกหมดก็เหนื่อยพอตัว แต่หญิงสาวรู้สึกยินดีมากกว่า ที่ทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ได้อิ่มท้อง แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว..

หลังจากนั้น หญิงสาวก็เดินทางกลับไปรายงานถึงการเลี้ยงอาหารแจกจ่ายที่สำเร็จลุล่วงแล้วด้วยดี... จะว่าไปแล้วเราก็หมดเงินไปเยอะเหมือนกันนะเนี่ย...
แต่หมดไปกับการช่วยเหลือและซื้อความสุขให้ผู้คน ก็นับว่าทำให้เราเบิกบานใจได้เหมือนกัน..

เลี้ยงอาหารชาวบ้าน
ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ 3000
ข้าวต้ม 3000
ซุปเห็ดหูหนูขาว 3000
---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการ หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้วางแผน นักวางแผน
+3 Point โรลทำงาน เลื่อมใสศรัทธา
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 18 Point / 30 EXP

---------------------------

ค่าศรัทธา
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา ถ่อมตน
+10 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ ทะเยอทะยาน
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ เลื่อมใสศรัทธา
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา เลื่อมใสศรัทธา
รวม 65
+ ศรัทธา ตามจำนวน exp ที่ได้รับ x4 // ฐานะ จ้าวลัทธิ

---------------------------

-20 ความเครียด โรลทำงาน เลื่อมใสศรัทธา


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-6-24 23:23:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด

          การได้กลับมาที่นี่อีกครั้งเขาเองก็ยังคงมีความรู้สึกว่าชาวบ้านผู้ประสบภัยที่อพยพมาอยู่ที่นี่ยังขาดแคลนเรื่องทรัพยากรอาหาร แม้ว่าจะมีคนมาบริจาคอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการพวกเขามีจำนวนคนที่เยอะ มันจึงมีหลายครั้งที่ต้องอดมื้อกินมื้อและสารอาหารที่ได้รับก็ไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวัน มีกลุ่มเด็กๆวิ่งมาต้อนรับ

          “พี่ชาย พี่สาว!” เด็กสาวคนนึงรีบวิ่งเข้ามาหาเธอจำได้ว่าทั้งสองคนนี้เคยเอาอาหารและขนมมาบริจาคให้กับครอบครัว ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มกว้าง

          “จำข้าได้ด้วยรึ?”

          “ทำไมพวกข้าจะจำพวกพี่ไม่ได้ล่ะ”

          มือหนาลูบหัวเด็กๆ แล้วจึงหันไปเอ่ยพูดเหลียนหงอวี้ต่อ “เจ้าไปจัดการเรื่องแถว ส่วนข้าจะไปทำตรงส่วนแจกจ่ายอาหารเอง ส่วนพวกเจ้า จะมาช่วยค่าแจกอาหารด้วยก็ได้ถ้าไม่ดื้อไม่ซน”

          “เย่ๆๆ!!”

          เซียนซีและกลุ่มเด็กๆ ต่างช่วยกันนำอาหารแจกจ่ายให้เราผู้อพยพที่เริ่มมาต่อแถวกันอย่างเป็นระเบียบโดยมีหญิงสาวผู้ติดตามคอยจับแถวให้ทำให้ไม่เกิดจลาจล เขาวางท่าทีด้วยการเป็นคนง่ายๆสบายๆ คอยหยิบยื่นแจกอาหารให้ ซึ่งมีทั้งปู่แช่เหล้า ข้าวสวย ซุปหัวใจหมู สารอาหารครบถ้วนได้บำรุงอย่างมีประโยชน์

          “พวกเจ้าทุกคนคงรู้แล้วว่าข้านั้นต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ทุกคนได้มีความเท่าเทียมกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นมันจะไม่ใช่เพียงแค่ความฝันแต่อย่างใดถ้าทุกคนนั้นให้ความร่วมมือ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ข้าเชื่อว่าจะต้องมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น ขอเพียงแค่คิดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลง นั่นสินะ ตอนนี้ข้าเป็นจ้าวลัทธิแล้ว” น้ำเสียงทุ้มละมุนเอ่ยพูดอย่างใจเย็น เผยแพร่ศาสนาให้แก่พวกชาวบ้านผู้อพยพ

          “ข้าอยากจะขอเชิญชวนทุกคนมาเข้าร่วมศาสนาเทียนหย่งเหิง แต่ข้าไม่ได้บังคับพวกเจ้าหรอก หากใครมีความคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ ย่อมมาเข้าร่วมได้”

          เหลียนหงอวี้ใช้หางตามองดูเหล่าชาวบ้าน สร้างความน่าเกรงกลัวให้แก่ผู้คนที่ได้พบเจอเธอ แถวตอนนี้ก็ลดเหลือน้อยลง ทำให้หญิงสาวจึงเข้าไปช่วยแจกจ่ายอาหารให้หมดโดยเร็วที่สุด ได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือผู้คนที่อ่อนแอกว่า “นายท่านจะแจกผลไม้ด้วยหรือไม่?”

          “อืมแน่นอน เอาละๆมาต่อแถวกันดีๆ” นำแก้วมังกรมอบให้ทุกๆคน

          “ขอบคุณ คุณชายท่านช่างมีเมตตาเสมอ”

          “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้ทานอาหารดีๆเหมือนกัน รับไว้เถิด สิ่งที่ข้ามอบให้พวกเจ้าไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ เพราะข้าและหงอวี้ทำด้วยใจ ไร้ซึ่งผลประโยชน์”



นักวิชาการ
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้

เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย : เหลียน หงอวี้

รวม 55 ความศรัทธา / 24 Point / +15 EXP
จ้าวลัทธิ
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +25 ความศรัทธา
X4 ค่าความศรัทธา
X2 ศรัทธา vip

—-----

[H-001] เหลียน หงอวี้
มีไหวพริบ
+2 Point เมื่อโรลใช้แผนและกลอุบาย
+2 Point เมื่อโรลเรียนรู้

แม่มด
+1 Point เมื่อโรลใช้กลอุบาย
+1 Point เมื่อโรลเรียนรู้
-1 Point เมื่อโรลเพลย์ทางการทูต หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา

มอบของแจกชาวบ้าน
ปูแช่เหล้า 3000
ข้าวต้ม 3000
ซุปหัวใจหมู 3000
แก้วมังกร 3000




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
โพสต์ 2022-7-15 23:48:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-8-19 14:18

ให้ทานและการนัดหมาย
-แฟลชแบคหลังออกจากฉางซา-
-โรลสร้างความเชื่อ-
โรลเชคชื่อวันที่ 15 สัปดาห์ที่ 5
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
            เดินทางรอนแรมจากเมืองท่าจนสามารถกลับขึ้นมาบนบกได้อีกครั้งในยามฟ้าสาง ด้านของผู้ติดตามอย่างฟางอี้ จวี้ซิน และมู่ชุน ช่วยกำลำเลียงความเหนื่อยยากตลอดสี่วันสี่คืนของพวกเขาลงมา ทางด้านของโมาเสวียนเองก็รอบคอบพอที่จะติดต่อเกวียนคนส่งทั้งคณะเอาไว้เมื่อของในการบรรเทาทุกข์อาศัยแรงพวกเขาลำพังคงไปถึงศาลเจ้าช่วงค่ำ

            “นายท่านให้นำข้าวสารไปทางจุดหมายเลยรึไม่ขอรับ”

            บนหลังอาชาจื่อเมี่ยวบัณฑิตรัตติกาลยืนม้าสั่งการอย่างขันแข็ง “นำไปที่ศาลเจ้าได้เลย อย่าลืมนำคนของข้าไปด้วย ของมากขนาดนั้นอาจล่อตาคนได้”


            เขากระทำการทุกสิ่งอย่างรอบคอบด้วยว่าระยะนี้ข้าวยากหมากแพงโจรผู้ร้ายชุกชุม การขนเสบียงโดยไร้การคุ้มกันไม่ต่างกับนำไปแจกโจรฟรีๆ ฟางอี้นัน้คอยลงบัญชีอย่างละเอียดชนิดที่ว่าหากมีข้าวหายไปสักเม็ดสามารถเอาดาบมาตัดคอเสมียนผู้นี้ได้เลย


            ระหว่างเตรียมการโม่เสวียนได้รับสานส์หนึ่งฉบับประทับนาม 'หลิว' ก็พอจะคาดเดาได้ว่าผู้เขียนนั้นคือใคร จนเมื่อเปิดออกอ่านก็เกิดริ้วจางๆขึ้นที่ใบหู อีกฝ่ายนัดหมายให้เขาไปพบในอีกสี่วันหลังจากได้รับจดหมาย จะไม่ไปได้อย่างไร.. แม้จะค่อนข้างวุ่นวายใจอยู่เล็กน้อยก็ตามที

            ทั้งคณะเคลื่อนย้ายของบรรเทาทุกข์มาจนถึงด้านในศาลเจ้าเทพธิดาฉางเอ๋อร์ โม่เสวียนให้คนของตนแบ่งออกเป็นห้าซุ้มในทิศทางวนเข็มนาฬิกา ขึ้นป้ายด้านบนไว้ว่า ‘สถานีอาหาร 1 2 3’ แยกย่อยออกเพื่อแจกจ่ายอาหารได้รวดเร็วขึ้น จึงนำอาหารมารวมไว้ตรงกลางใช้วิธีเวียนทิศ

            คุณชายเสิ่นยืนบนยกพื้นประกาสด้วยน้ำเสียงอันดังทว่าน่าฟัง ผู้ที่ได้ยินไม่มีใครไม่เหลียวมองเขา

            “ชาวบ้านทุกท่านมิต้องผลักกัน เราเตรียมของมาเพียงพอสำหรับทุกคน ให้ทุกท่านต่อแถวเรียงตามนี้ สถานีแรกสำหรับ สตรีตั้งครรภ์ มารดาและทารก ผู้เฒ่า ผู้ที่ป่วยไข้ และหากเคลื่อนไหวไม่สะดวกสามารถยกธงสัญญาณแจ้งได้ จะมีคนนำอาหารไปให้ท่านเอง แถวที่สองสำหรับสตรีและเด็กวัยไม่ถึงสิบสาม แถวสุดท้ายสำหรับบุรุษและผู้ที่ยังมีเรี่ยวแรงดี”
  

            “โอ้.. มีแถวสำหรับเด็กและคนแก่ด้วย คุณชายช่างรอบคอบนัก” ผู้เฒ่าอดีตบัณฑิตลูบเคราอยา่งชื่นชม หลายๆ คนรุ้สึกซาบซึ้งในความใส่ใจนี้

            “มาเถอะน้องพี่ พี่จะพาไปเข้าแถวนะ” เด็กน้อยสองคนจับมือกันก้าวไปตามคำบอกของผู้ใหย่อย่างเชื่อฟังว่าง่าย

            อีกสองสถานีที่เหลือคือ ‘สถานีข้าวสาร’ และ ‘สถานีรักษาโรค’ ตนได้ว่าจางแพทย์แบบเหมาวันจากในเมืงอมาเพื่อตรวรักษาอาการของชาวบ้านที่เจ็บป่วยเป็นรายวันโดยไม่คิดค่ารักษาเพิ่มเติม ตัง้ใจจะช่วยแล้วย่อมเป็นไปตามนั้น ครึ่งวันเช้าเขาออกแจกจ่ายอาหาร ครึ่งวันบ่ายตรวจรักษาโรค

            “หลังจากรับอาหาร ตรวจโรคแล้ว.. ทกคนสามารถไปที่สถานีสุดท้าย รับเอาข้าวสารไปได้ครอบครัวละ 2 กระสอบ หากคนในครอบครัวมีมากให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทะเบียน ขอเพิ่มได้” จวี้ซินเป็นคนคุมการแจกจ่ายข้าวสาร แน่นอนว่าด้วยท่าทางถมึงทึงดุจัด ไม่มีใครโง่พอจะเสี่ยงตายมาหลอกเขา

            “ขอให้ทุกคนจดจำน้ำใจที่ได้รับในวันนี้ ยามที่ท่านลำบากมีมือหยิบยื่นความช่วยเหลือ ในวันที่เห็นผู้อื่นลำบากก็จงอย่าได้เบือนหน้าหนี เมตตาต่อเพื่อนร่วมโลกคือสิ่งที่ให้แล้วไม่มีวันหมดไป”

            ท่ามกลางความเป็นระเบียบเรียบร้อยโม่เสวียนพร่ำสอนวิถีของเจียหลุนชางไปด้วย เดิมทีชาวบ้านต่างคิดว่าอาหารที่มาแจกรอบนี้คงไม่พ้นอาหารพื้นๆ อย่างผัดผักหรือน้ำแกงเศษกระดูกโครงไก่ธรรมดาอย่างที่แล้วๆ มา อย่างไรเสียพวกเขาก็อาศัยกินเพื่ออิ่มท้อง จนเมื่อมีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากหัวแถว ผู้ที่ชะเงื้อมองยังอดประหลาดใจมิได้


            “นั่น.. ลุกชิ้นหัวสิงห์หรือ?? เนื้อ! เนื้อทั้งนั้น! ลูกเอ๋ย มากินเร็ว เนื้อ.. สวรรค์โปรด เราไมไ่ด้กินเนื้อมาหลายปีแล้ว”

            “น้ำแกงนี้ทำจากสิ่งใดกัน? แม้จะใสเป็นสีทองแต่กลับได้รสหอมหวาน ยิ่งซดยิ่งมีแรง!”

            “นัน่ข้าวไก่ไห่นานใช่รึไม่?.. อาหารของบ้านเกิด ข้าไม่คิดว่าจะได้ลิ้มรสมันอีกหลังจากอพยพมาเมื่อสิบปีที่แล้ว ขอบคุณท่าน ขอบคุณคุณชาย!”

             ฟางอี้เห็นภาพของความปิติยินดีนั้นจึงค่อยเข้าใจอย่างแจ่มชัด นายท่านของเขามิใช่คนโง่ แต่ที่ยอมหักเนื้อตนเองนำทรัพย์ที่ได้กว่าครึ่งถลุงไปกับการจัดหาวัตถุดิบชั้นเลิศโดยไม่เสียดาย ที่แท้ก็ทั้งหมดก็เพื่อภาพที่เขาได้เห็นอยุ่เบื้องหน้านี้นี่เอง

            “ท่านจวี้.. ท่านมู่ นายท่านช่างเป็นคนที่.. มันจะมีอะไรให้ประหลาดใจอยุ่เรื่อย”

            มู่ชุนถือโอกาสนี้เชิ่ดกลับในฐานะคนที่อยู่กับคุณชายมานานกว่า “พึ่งรุ้รึ หึ แต่ข้าน่ะชินแล้ว”

            ใครเล่าจะล่วงรู้เหตุผลที่แท้จริงของโม่เสวียน เหตุผลข้อเดียวกันนี้เขาได้บอกต่อพี่บุญธรรมและพี่สะใภ้เอาไว้ว่า ‘การลดคุณค่าของอาหารเพื่อให้แจกจ่ายได้มากขึ้นไม่ใช่ทางแก้ที่ถูกต้อง ผู้ประสบภัยอดมื้อกินมื้อเดินทางจากบ้านพวกเขาย่อมสูญเสียทั้งพลังกายจิตใจถดถอย อาหารที่ได้รับหล่อเลี้ยงได้เพียงแค่กาย ต่อให้เป็นหมั่นโถวหนึ่งลูก ข้าก็อยากจะมอบหมั่นโถวที่ดีที่สุด นุ่มที่สุด ยังอุ่นร้อนและลูกใหญ่พอจะกินได้ทั้งครอบครัว ข้าไมไ่ด้กำลังจะช่วยแค่ชีวิตคน แต่ช่วยจิตใจของพวกเขาไปด้วย อย่างน้อยให้รู้สึกว่าวันพรุ่งนี้ยังมีความหวัง’

            บางครั้งแค่อิ่มท้องนั้น.. มันยังไม่มากพอ
            มีเพียงผู้ที่เคยเข้าใกล้ความตายและลิ้มรสความท้อแท้อย่างถึงที่สุดจึงสามารถเข้าใจจุดนี้ได้
            มือเรียวของโม่เสวียนยังคงขยับตักน้ำแกงอย่างคล่องแคล่วราวกับไม่รุ้จักเหน็ดเหนื่อย รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนราวกับเทพ “ดื่มเสีย อนาคตของพวกท่านยังอีกยาวไกล อย่าพึ่งหมดหวังในเวลานี้”
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
รายการอาการ
ข้าวไก่ไห่หนาน(ม่วง) 3000
ลูกชิ้นหัวสิงห์(ม่วง) 3000
น้ำแกงห้าสี(ทอง) 3000
แจกจ่ายข้าวสาร 10,000 กระสอบ


(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(ฉลาด)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย

(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น


+23
+25
+25 ความเครียดจากการมอบของล้ำค่า (ทะเยอทะยาน)
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ (หูดี)
(นักวิชาการ)
+10% โอกาสสำเร็จของแผนการแง่ร้าย
+10% โอกาสสำเร็จของแผนการส่วนตัว
สัตว์เลี้ยง เปิดใช้งานแมวดำ
หัวมารพบหัวคลั่ง x1 +30 โหด

+10 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
(เลื่อมใสศรัทธา)
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
x4 ความศรัทธา เจ้าลัทธิ
+50 ต่อวัน โรลเผยแพร่ศาสนา
x2 ความศรัทธา VIP



@Watcher
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้