เจ้าของ: Watcher

[เมืองลั่วหยาง] โรงเตี๊ยมอี้เถา

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2022-1-19 15:50:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuYiGuang เมื่อ 2022-1-19 19:06

จากไปเสียนั้นมิเคยหวนกลับมาเลยตั้งแต่คราวยามนั้น บัดนี้ตนได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานที่เก่าเดิมของตนอีกครั้งหนึ่ง


                           ณ.ร้านอี้เถา


    ร้านประจำอันเป็นร้านเดิมที่ตนเคยทำงานแลมีความรักใคล่กับสาวผู้หนึ่งซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยะของร้านอี้เถาแห่งนี้นั้นเอง. อี้กวางขับม้ามาหยุดยังหน้าร้านนั้นก่อนจะลงจากม้าแล้วก้าวฝีเท้าเดินเข้าไปยังข้างใน


   เสี่ยวเอ้อคนนั้นคนเดิมเมื่อมองเห็นอี้กวางก็เร่งพุ่งตรงเขามาทักทายอย่างว่องไวด้วยความคิดถึงก่อนที่ตนจะสั่งอาหารจากเสี่ยวเอ้อผู้นั้นและทำสัญญานอย่าเถ้าแก่เนี้ยะว่าตนได้มายังที่แห่งนี้ หลังจากทำเสร็จเสี่ยวเอ้อก็ได้เดินเข้าไปในครัวจัดเตรียมอาหารมาเสริฟให้ตนยังโต๊ะแห่งหนึ่ง


ช่วยด้วยครับมีคนขโมยม้า!!!! เสียงตะโกนของบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นในขณะที่ยังไล่คนผู้หนึ่งที่ควบม้าไป ซึ่งม้าตัวนั้นก็คือม้าของอี้กวางนั้นเอง อี้กวางทราบก็รีบวิ่งออกจากร้านว่าจะหาม้าไล่ตามแต่ !!!!  มีบุรุษผู้องอาจผู้หนึ่งกระโจนเข้าโจมตีจากตรงหน้าที่เป็นเส้นทางการควบม้าของโจรผู้นั้น อี้กวางมองดูท่วงท่าผู้ชายคนนั้นอย่างพินิจ ก่อนจะเข้าไปทักทายกล่าวคำขอบคุณชายผู้นั้นไปว่า


" คารวะท่านผู้กล้า "


ตนเอ่ยทักทายอีกฝ่ายออกไป . บุรุษตรงหน้าก็ตอบกลับด้วยความสุภาพ มีการถามชื่อถามแซ่กันชัดเจนจนได้รู้ว่าชื่อ : มู๋ซุ่น อีกทั้งตนยังพบว่ามู๋ซุ่นกำลังทำงานขนของรับจ้างอยู่จึงได้ไปทำงานขนของช่วยโดยไม่เอาค่าจ้างยกใหญ่มู๋ซุ่นแต่เพียงผู้เดียวเพื่อตอบแทนบุญคุญครั้งนี้


ก่อนที่ทั้งสองสนทนากันละกันด้วยท่าทีดูเป็นมิตรจนมู๋ซุ่นเองก็ทราบถึงเชื้อสายและปณิทานของตนอย่างชัดเจน ก่อนจะคุยกันยาวอีกทั้งอี้กวางยังสั่งสุรารสเลิศมอบให้มู๋ซุ่นเป็นการตอบแทน


นานเข้าทั้งสองคุยถูกคอ ก่อนจะคิดว่าจะลองฝีมือกันดูสักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไรจึงชวนกันไปลานประลอง ก่อนที่จะเลือกทวนโดยทั้งสอง


: อี้ตนตวัดทวนปลายแหลมชี้ไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มประลองกันหลายเพลงจนมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งชนะ


เมื่อชนะกันแล้วด้วยธุระที่มีอี้กวางจึงจ่ายค่าเลี้ยงและมอบอัญมณีเป็นการตอบแทนแก่มู๋ซุ่นพร้อมทั้งขอตัวอำลามู๋ซุนด้วยใจรักใคล่ จากกันวันนี้ขอวันหน้าพรุ่งนี้ให้เจอกันใหม่  กล่าวจบจึงเร่งขึ้นม้าหันมาคำนับมู๋ซุ่นอีกครั้งก่อนจะควบม้าออกไปโดยหวังจะมุ่งขึ้นภาคเหนือไปเขตโยวโจวนั้นเอง


                    • ปักดวลกับ มู๋ ซุ่น


                    • ลักษณะนิสัยผู้รู้คุณ
    +4 point ทุกครั้งที่ทำงานช่วยเหลือผู้มีพระคุญ


                    • ทะเยอทะยาน
    +2 point จากการโรลต่อสู้


                    • มอบอัญมณีเพชรให้ [ 119 ] มู๋ซุน
      
         • ท้าดวลอีกฝ่ายได้โบนัส+20แต้ม
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ทวนสามพยัคฆ์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x1
x1
x1
x5
x1
x2
x1
x1
x10
x1
x10
x29
x8
x2
x4
x4
x5
x1
x1
โพสต์ 2022-1-20 22:04:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด




โรลพบเจอท่านเฉาตามนัดที่โรงเตี๊ยม



สำหรับตอนนี้นั้นจีเทียนเต๋ากำลังอยู่ในโรงเตี๊ยมอี้เถาเพื่อที่จะพูดคุยกับท่านเฉาโดยที่หลังจากที่ตนเองมาเพียงไม่นานอีกฝ่ายนั้นก็เข้ามาพอดีเหมือนกับรอตนเองอย่างไงอย่างงั่นแหละ


"คาราวะท่านเฉาขอรับไม่ทราบว่าที่ท่านเฉานั่นต้องการเจอข้านั่นมีเรื่องราวอันใดหรืออย่างงั้นหรือขอรับ?"


"อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องธุระนั้นก่อนเลยพวกเรามานั่งพูดคุยจิบชากันยามดึกก่อนดีกว่านะข้ามีเรื่องที่จะพูดคุยกับเจ้าเยอะแยะเลยล่ะ"


"ออถ้าแบบนั้นก็ได้ขอรับงานท่านเฉาไม่เยอะอย่างนั้นหรือขอรับช่วงนี้"


"งานข้ามันก็มีมาเรี่อยๆล่ะเจ้าก็รู้ว่าช่วงนี้ผู้คนนั้นเป็นอย่างไรกันแต่ก็นะ..เอาเถอะข้ามเรื่องงานไปเถอะนี้มันเวลาพักแล้วช่วงนี้ อาจารย์ของเจ้าได้ไปอยู่ที่เหอไนได้หลายเดือนแล้วนี้นะ"


"ใช่แล้วขอรับอาจารย์ของข้าจะต้องไปประจำที่เหอไนข้าก็อยากจะไปเยี่ยมท่านอาจารย์บ้างเหมือนกันแต่ว่าช่วงนี้ยังหาเวลาเพื่อปลีกตัวไปไม่ได้เลยล่ะขอรับ"


"เช่นนั้นสินะ โจรผ้าเหลืองก็เต็มไปหมดแถมยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอีกเห้อ"


"นั้นสินะขอรับถ้าเกิดยังเป็นอบบนี้ไปเรี่อยๆล่ะก็มีหวังว่ากำลังคนของทางการคงจะไม่พอสำหรับการป้องกันเมืองต่างๆอย่างแน่นอน"


"อืมเรื่องแบบนี้มันก็พูดยากเหมือนกันด้วยหน้าที่และตำแหน่งของพวกเราตอนนี้ก็คงจะทำได้แค่เพียงตามตำแหน่งและอำนาจที่พวกเรานั้นมีได้เท่านั่นแหละนะตอนนี้"


"ข้าเข้าใจขอรับท่านเฉาแต่ข้าก็อยากที่จะช่วยเหลือเหล่าชาวบ้านให้ได้มากกว่านี้แต่ว่าเนื่องจากติดที่....ไม่ได้มีอำนาจอะไรขนาดนั้นจนตอนนี้เลยทำได้เพียงแค่น้อยนิดได้เท่านั่นเองขอรับ"


พร้อมกับที่ทั้งคู่นั่นก็พูดคุยในหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นการที่เกี่ยวกับบ้านเมืองหรือว่าผู้คน รวมทั้งการงานด้วยเพียงแต่ไม่ได้กล่าวถึงเหล่าขันทีหรือพวกขุนนางกังฉินในตอนนี้เพราะว่าหูตาของพวกขันทีนั้นมีอยู่ทั่วไปหมด
@Watcher


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2022-5-16 23:21:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ทำงานพาร์ทไทม์
-2-
ดิ้นรนให้อิ่มท้อง
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦

             ‘คิดถูกจริงๆ ที่เลือกเดินทางย้อนกลับมาเมืองลั่วหยาง รอบทิศเต็มไปด้วยภัยสงครามจากกองกำลังโจรโพกผ้าเหลือง อย่างน้อยเมืองหลวงยังคงเป็นสถานที่ ท้ายๆ พวกโจรสามารถตีฝ่าได้’

             อู้ม่าน หรือในนามฐานะของพี่ชายที่ใช้ในปัจจุบัน ‘เสิ่นโม่เสวียน’ ออกเดินทางจากศาลเจ้าร้างนอกตัวเมืองกลับเข้ามายังย่านการค้าีท่คับคั่งจอแจ พยาธในท้องร้องกันระงมเมื่อตัวเขาไร้ทั้งทรัพย์สินและไม่มีค่าซื้อม้ารึว่าจ้างเรือกลับเจียงเยี่ย คุณชายตกยากจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียบรู้ที่จะหารายได้แบบคนหาเช้ากินค่ำ

             โชคดีไป ตระกูลเสิ่นฝั่งปาสู่หาได้มีธรรมเนียมเลี้ยงผู้สืบทอดเสมือนไข่ในหินอย่างพวกฝั่งเจียงหนาน ร่างสูงเพรียวมีเรีย่วแรงและพละกำลังพอที่จะเดินทางไกลโดยอดข้าวเป็นเวลานาน ไม่นับร่วมกับระดับพลังปราณที่จัดว่าพอเอาตัวรอดได้อย่างไม่ยากเย็น

             เนตรสีไพลินเข้มจดจ่อไปตามร้านอาหารชวนน้ำลายสอ พึ่งรุ้สึกอัปยศเพียงนี้เพราะไม่มีเงินสักเก๊เดียว อาศัยว่ารื้อหาทวนสามแฉกจากศาลเจ้าร้างได้มันก็เก่าเกินจำมีราคาในร้านจำนำของ

             หาเงินก่อน..

             คิดได้แล้้วตบเท้าเข้าไปบากหน้าของานจากเถ้าแก่เนี้ยในโรงเตีย้มใหญ่ ตนหาข้อมูลมาดี ที่นี่มีแขกเหรื่อคับคั่งงานต้องล้นมือยิ่งในช่วงเวลากลางวันเช่นนี้ ย่อมหยิบจับอะไรไม่ทัน

             “หากว่าที่แห่งนี้ขาดคนช่วยงาน ข้าสามารถให้หยิบยืมแรงได้. คิดค่าแรงไม่มาก ที่ซุกหัวนอนร่วมกับอาหารอีกสามมื้อเท่านั้น เป็นอย่างไรสนใจรึไม่”

             เถ้าแก่เนี้ยหน้าหวานพิจารณาบุรุษชุดเข้มตรงหน้า เค้าความคมคายดูอย่างไรก็ไม่คล้ายพวกไร้บ้าน ราศีจับขนาดนี้มาเป็นเสี่ยวเอ้อร์คงเรียกลูกค้าได้ไม่หยอก “เอ่.. เจ้าดูไม่ใช่คนเมืองหลวง แต่เอาเถอะ ถ้าน้องชายอยากได้ค่าแรงพิเศษ ช่วยไปรับรองลูกค้าที่ชั้นสองสักหน่อย เขาเมาหนักแล้วชอบสั่งเพิ่ม”
             “ได้เลย เถ้าแก่เนี้ยโปรดวางใจ” แน่นอนว่าเขาไม่ลืมวางแผนในใจ ยุคนี้ข้าวแพงค่าแรงถูก ลำพังมีอาหารสามมื้อไม่ต้องจ่ายสักแดงยังนับว่าหรูหรา

             เมื่อเขาเดินขึ้นไปที่ชั้นสองพร้อมอมหารในมือก็พบเข้ากับร่างล่ำสันของขุนพลผู้หนึ่งกำลังกระดกสุราชามใหญ่ ดื่มเนื้อคำโต “สุราอาหารที่ท่านสั่งได้แล้ว หากไม่ต้องการให้ขาดสาย สั่นกระดิ่งนี้เบาๆ ข้าจะยกขึ้นมาให้ทันที”

             “กระดิ่งรึ? วิธีรับรองแบบใหม่สืนะะ ก็ดี.. เสี่ยวเอ้อร์อย่างพวกเจ้ากว่าจะเรียกขึ้นมาได้ นายท่านเช่นข้ารอแล้วรอเล่า” ขุนพลท่านนั้นยังคงกระดกต่ออย่างหนำใจคล้ายมีเรื่องให้คิด รอจนพบว่าเสี่ยวเอ้อรืน้อยไม่จากไปเสียทีจึงหันมาเผชิญหน้ากัน

             “ข้าไม่คุ้นหน้าเจ้า มาใหม่รึ”

             “ประสบความลำบาก แค่ทำงานชั่วคราวเท่านั้น”

             “อื้ม หน่วยก้านไม่เลว เจ้าคอยฝึกพลังกล้ามเนื้ออยู่บ่อยๆ สินะ? ทำถูกแล้วๆ” บทสนทนาดำเนินไปอย่างชายชาตรี คล้ายว่าทั้งสองค่อนข้างสนทนาถูกคอ ถูกโฉลกบางประการ ฝั่งของตี้จิงจึงชักชวนให้ร่วมดื่มสุราเบญจมาศ เป็นการฉอลองที่ทั้งคุ่มาพบกันในยามยาก

           ระหวา่งนั้นที่ด้านข้างมีแขกกำลังเล่าถึงข่าวลือเสียงดัง “เมื่อคืนวันที่สิบสี่ปีนั้น.. ข้าจำได้ว่าเห้นกบัตา เถ้าแก่เนี้ยคนงามกับบุรุษผู้หนึ่งกอดจูบกันกลางที่สาธารณะชน น่าไม่อาย บัดสีจริงๆ”

             “โอ้ ตกลงที่นี่คือโรงเตี้ยมหรือหอโคมเขียวกันแน่ ชู่ว เจ้าเบาเสียงลงหน่อย”

             ตี้จิงแทบสำลักสุรา ความเผ็ดร้อนของเรื่องเล่าจักว่าไม่ธรรมดา มือเพรียวยกกาเหล้ารินให้คุ่สนทนาสอบถามให้แน่ชัด “ที่พวกเขาพูดเป้นเรื่องจริงหรือ?”

             “คล้ายว่าแบบนั้น ไม่รุ้สิ ข้าไม่เคยเห็น”

             “อ้อ.. ทั้งสองช่างเปิดเผยดีแท้”

             รอจนกระทั่งพ้นเที่ยงวัน เขาทำงานเสร็จค่อยหลบไปนอนพักผ่อนเอาแรง


♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦


(เลื่อมใสศรัทธา)
+3 Point จากการโรลทำงาน
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(ฉลาด)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ

(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
(อัจฉริยะ)
+30 EXP จากการโรลทำงาน
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
(ข่าวลือ)
+8 exp ฟังข่าวลือในโรงเตี้ยม
(มู่ ซุน 119 )
(หูดี)
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย  
(เลื่อมใสศรัทธา)
+15 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน
+35 มอบสุราเบญจมาศ
+5 พูดคุยรายวัน
+20 ธาตุเกื้อหนุน ไฟ หนุน ดิน
+17
+55
+85
-20 สูญเสียความเครียดเมื่อโรลทำงาน (เลื่อมใส)
-20 ความเครียดจากการโรลกินไม่อั้น (ชอบกิน)
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ (หูดี)


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-6-2 23:01:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-6-4 21:52

-โรลทำงาน-
-โรลเผยแพร่ศาสนา-
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
             หลังได้นอนพักเต็มคราบก็ถึงเวลาลุกขึ้นมากินให้เต็มอิ่ม โม่เสวียนในคราคุณชายตกยากเลือกสวมชุดผ้าป่านสีเข้มครามเพื่อความคล่องตัวในการทำงาน เขาอาศัยข้าวเช้าที่แลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรง แกงสามอย่าง กับสองชนิด ตะเกียบในมือเคลื่อนไหวรวดเร็วประดุจพายุไม่ทันไรข้าวทั้งถังค่อยๆ พร่องลงไปจนเกลี้ยงเกลา เมื่อเถ้าแก่เนี้ยสาวให้คนมาตามเขาลงไปช่วยงานนั่นก็เป็นจังหวะที่เก็บจานล้างมือแล้วพอดิบพอดี

             “ด้านล่างกำลังวุ่นๆ กันอยู่ เหมือนว่าจะมีนักเดินทางหลั่งไหลจากแถบซีอวี้ สองสามวันนี้คงได้ยินข่าวจากแดดไกลมาคลายเบื่อหน่ายได้บ้าง”
             “แบบนี้ยิ่งต้องใส่ใจในการรับรองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง รอจนพวกเขากลับไปไม่แน่ว่าชื่อเสียงของโรงเตี้ยมจะดังไดลถึงตะวันตก” โม่เสวียนคล้ายได้ยินเรื่องที่น่าสนใจ นักเดินทางเหล่านี้ไม่แน่ว่านำเอาความรู้วิทยาการจากดินแดนอื่นติดตัวมาด้วย เขาคลี่รอยยิ้มบางรับคำก่อนจะเดินตามเถ้าแก่สาวลงมาด้านล่าง

             เหล่าชาวนอกด่านทั้งตาน้ำข้าวตาใสเกาะกลุ่มกันดื่มกิน ชาวหูและชาวชี่ตันประปราย บางภาษาที่เขาคุ้นหูอยู่บ้างพอจะจับใจความได้ว่าคนเหล่านี้ติดตามกลุ่มพ่อค้าคาราวานชาวฮั่นเข้ามายังจงหยวนเพื่อผจญภัย น่าเสียดายยุคบ้านเมืองไม่สงบบางกลุ่มไปปะทะกับกองโจรโพกผ้าเหลืองทำให้ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมบ้านเกิด

             ‘ดูเหมือนความไม่สงบจะส่งผลกระทบแม้แต่กับชาวนอกด่าน.. พกเขากำลังสูญเสียขวัญและกำลังใจ…’ หลังเรียนรู้ข้อเท็จจริงนี้สภาวะอันหม่นหมองนี่กลับเป็นประโยชน์ต่อบางสิ่งในเป้าหมายของตน

             ในกลุ่มนั้นมีอยู่หลายคนที่เอาแต่ก้มหน้าเศร้าซึมไม่ยอมทานอะไร หากเป็นคนอื่นคงแค่เมินเฉยว่าไม่ใช่เรื่องของตนเองผิดกับร่างเพรียวที่วาดวางแผนการในใจ เขาเดินไปนำอาหารและเครื่องดื่มมาวางลงเบื้องหน้าชาวนอกด่านแต่ละกลุ่ม เสียงสรวงเสเฮฮาของเหล่าชาวฮั่นรอบด้านดูจะไม่ค่อยส่งผลต่อคนกลุ่มนี้

             เงาร่างสีครามนำสุราไปไว้ยังโต๊ะตัวเดิมทำความสะอาดจัดการโต๊ะรับรองแขกเหรื่อ ตลอดจนทักทายและปลอบโยนเหล่าแขกที่รออาหารเป้นเวลานาน เมื่อเขาเริ่มว่างและรับค่าจ้างแล้ว ก่อนจะชวนให้ชายเจ้าของนาม มู่ชุน คนเดียวกับที่ตนสานสัมพันธ์ไว้วันก่อนมารอชมบางสิ่งด้วยกัน “สุรานี้ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาของท่าน แน่นอนไม่ต้องจ่ายข้าเลี้ยงเอง”

             “หึหึ น่าสนุกดีนี่เจ้าหนุ่ม คิดทำอะไรกับพวกนอกด่านนั่นกันแน่” เมื่อได้สุราหนึ่งไหจากคนที่ตนถูกชะตาด้วยก็เริ่มก๊งอย่างสบายใจ มู่ชุนลงมาจากชั้นสองจับจองโต๊ะตัวที่ใกล้กับลานกว้าง

             โม่เสวียนเริ่มจากการทำนมแพะที่ต้องยกไปให้ชนนอกด่านร่วมยี่สิบกว่าคนนั้นหกกระจาย พร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยบางบางคนที่สนใจเสียงก็พอจะเงยหน้าขึ้นมาบ้าง “ขออภัย ข้าไม่ทันระวัง..น่าเสียดายที่ไม่อาจดื่มกินน้ำนมแพะนี้ได้อีก”

             “หกแล้วก็แล้ว มัวยืนเสียดายอยู่ทำไม เร่งไปเอาของให้มาเร็ว” ภาษาฮั่นแปร่งๆ ตอบกลับมาเหล่าคนหม่นหมองแทบจะไม่หันมองเขาเลยสักนิด
             กลุ่มชาวนอกด่านกลับไปอึมครึมหม่นเศร้าเช่นเคยนั่นคือจุดที่โม่เสวียนต้องการ คนชุดครามปล่อยให้เสี่ยวเอ้อร์คนอื่นๆ เข้ามาทำความสพอาดขณะที่ตนเองยังคงยืนสง่าอยู่พร้อมใช้น้ำเสียงถามกลับไป

             “อื้ม.. ‘มัวเสียดายไปทำไม’ ช่างเป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง แล้วเพราะเหตุใดพวกท่านจึงปล่อยวางเรื่องที่จบสิ้นลงแล้ว ปล่อยวางความโศกาถึงผู้ที่จากไปไม่ได้เล่า?”

             ราวกับเป็นเสียงระฆังกระตุ้นสติมีบางคนเริ่มเงยหน้าขึ้นหาผู้พูดขณะโม่เสวียนยังคงกล่าวต่อ “จริงอยู่ว่าเราควรให้ความเคารพต่อผู้ตาย การโศกเศร้าเมื่อพวกพ้องรึมิตรสหายจากไปนั้นคือสิ่งที่มนุษย์ร่วมโลกกระทำให้แก่กัน ไว้อาลัย ปลอบประโลมดวงวิญญาณ เก็บเกี่ยวเรื่องราวของพวกเขาเอาไว้ในความทรงจำ..”

             ทุกใบหน้าที่ยังมีสติพอจะเข้าใจในคำที่บุรุษชุดครามกล่าวต่างเงยขึ้นมา หลับตาแล้วซึมซับถ้อยคำเอาไว้ในใจ ความรู้สึกส่งไปไม่ถึงวิญญาณในอีกฝากฝั่ง คนตายได้รับการปลอบประโลม แล้วคนเป็นเล่าจะเอาวิธีใดมาพักพิงจิตใจ

             “แล้วจากนั้นเล่า…? หนทางของพวกท่านจะเป็นเช่นไร หนึ่งเท้าเก้าเข้าสู่ดินแดนอันวุ่นวายในกลียุคเช่นนี้จะถามหาความรับผิดชอบจากผู้ใด แม้มีใจคิดต่อต้านทว่าก็จนด้วยกำลังดั่งมดตัวจ้อยไม่อาจต้านทานมรสุม ยอมจำนนแล้วหรือ? วันนี้มิตรสหายจากไป วันรุ่งขึ้นอาจถึงคราวของตัวพวกท่านเอง…”

             โม่เสวียนเริ่มเพาะปลูกต้นกล้าของความไม่ยินยอมจำนอนต่อโชคชะตา เอร่มเริม่เล่าถึงสภาพแว่นแคว้นและสังคมที่ขาดสเถียรภาพ วันนี้เกิดพรุ่งนี้ดับให้เหล่าชาวนอกด่านและคนในโรงเตี้ยมได้ฟัง โดยส่วนมากคนเหล่านี้ล้วนเคยสูญเสียคนรู้จักรึแม้แต่ครอบครัวอันเป็นที่รักไปกับไฟสงคราม การที่วาจาของเขากล่อมเกลาใจของพวกเขาให้เอนเอียงได้นับว่าไม่จำเป้นต้องใช้ความพยายามเลย

             “เราทำเพื่อผู้ที่จากไปด้วยการจดจำว่าครั้งหนึ่งเคยมีพวกเขาอยู่ ถึงเวลาที่ดราจะทำเพื่อตนเอง สร้างหลักยึดเหนี่ยวจิตใจที่แข็งแกร่งพอจะไม่สั่นคลอนไปตามกลไกของโชคชะตา เชื่อในความเท่าเทียมที่จะนำพาชีวิตไปสู่หนทางที่ถูกต้อง ศรัทธา! ในวิถีที่จะจรดรากของต้นไม้แห่งปัญญาให้พวกท่านทุกคน”

             ถึงเวลาหาสาวก.. ฝ่ามือเรียวที่ขาวจัดนั้นยื่นออกไปเบื้องหน้าของทุกคน คลี่รอยยิ้มดังพ่อพระขณะใช้วาจาอันมั่นคงกล่าวสรุป “พลังใจไม่ใช่ของที่กำหนดได้ด้วยอายุ เพศสภาพ ความสามารถ หรือแม้แต่ฐานะทางสังคม… อย่าปล่อยให้โชคชะตากำหนดชีวิต ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะลิขิตเส้นทางข้างหน้าด้วยตนเอง จงเชื่อว่าทำได้ วันหนึ่งท่านก็จะสามารถทำมันได้จริงๆ”

           หลังอีกฝ่ายออกมาอยู่ลำพัง ขันทีน้อยได้เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายพร้อมกับทหารองครักษ์จำนวนนึง

           "เป็นคำกล่าวที่ดีคุณชายน้อย" ขันทีน้อยกล่าว "เห็นแก่เจ้าที่เป็นนักเดินทางหน้าใหม่ ข้าจะเก็บค่าผ่านทาง 30 ตำลึงทองแล้วข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเผยแพร่ลัทธินอกรีตเหล่านี้"

           "ลัทธินอกรีตหรือ? ใต้เท้าหมายถึงสิ่งใดกัน? หากพูดถึงเรื่องค่าผ่านทางก่อนเข้ามาลั่วหยางข้าและบิดาได้ชำระไปแล้วสองเท้ายังไม่เคยก้าวออกจากเมืองนี้.. ใยเก็บซ้ำซ้อนเล่า?" แม้จะแยกมาอยุ่ลำพังหากทว่าโม่เสวียนยังคงระแวดระวังรอบข้างอยุ่เสมอ ขันทีผู้นี้จู่ๆ ก็พาทหารจำนวนหนึ่ง เหตุที่ตนจดจำเครื่องแบบได้นั่นเพราะก่อนหน้านี้เข้าวังไปรักษาผู้สูงส่งท่านหนึ่งได้เห็นรูปแบบชุดขุนนางหลากหลายระดับ มุมปากของเขากระตุกยิ้มทว่านัยน์ตากับทอแววถูกรังแก น้ำเสียงยิง่มาก็ยิ่งฉะฉานดังไปถึงคนที่เดินสัญจรผ่านทางเริ่มหันมามุงกันมากขึ้น

           "ข้าไม่ทราบใต้เท้าท่านพูดถึงสิ่งใด ที่ข้ากล่าวในโรงเตี้ยมเมื่อครู่เพียงคำปลอบประโลมผู้ที่กำลังไว้ทุกข์การที่มันจะกลายเป้นลัทธินอกรีต นั่นมิเท่ากับว่าทุกครั้งที่มีคนตาย มีการไว้ทุกข์ เมื่อนั้นถือเป็นการกระทำอันนอกรีตนอกรอยเช่นนั้นหรือ? หากท่านจะพูดว่าข้านั้นผิดเพราะเผยแพร่คำสอน แล้วคำสอนที่ท่านว่าน่ะ ตัวข้าได้เอ่ยถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพไท้ หรือแม้แต่คำเรียกของลัทธิรึไม่เล่า"

           โม่เสวียนเห็นเหล่าทหารองค์รักษ์ล้อมกรอบเข้ามา เขาคล้ายถอยหลังไปหนึ่งก้าวมีสภาพอย่างผู้ไร้กำลังถูกพาลพาโลเสียงที่รันทดนั้นดังไปจนถึงหน้าถนนใหญ่กล้ำกลืนคามอยุติธรรมอย่างเต็มที่ "โหดร้ายยิ่ง.. ข้าเข้าลั่วหยางคราแรกเคยได้ยินว่านครหลวงเป็นเมืองของผู้เจริญ ใต้เท้าท่านกระทำการเช่นนี้ ไม่ทันไรก็ยัดความผิด ขยับทีก็คิดใช้กำลังกับข้าผู้ไร้อาวุธ ทำเช่นนี้.. ถูกแล้วหรือ!!"

           "ทหารรวบตัวมันไว้" กงกงน้อยสั่งทหารจำนวนมากเข้าไปล้อมรวบตัวอีกฝ่าย ก่อนตนเดินเข้าไปคลำถุงเงินและหยิบออกมาสามสิบตำลึงทอง
           "แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นต้องทำให้วุ่นวาย วางใจได้สหาย ข้าจะเล่นเส้นสายให้ลัทธิถลุงเจ้าเผยแพร่ในลั่วหยางพรุ่งนี้ได้อีกวัน จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าในพรุ่งนี้"

           ระหว่างที่กำลังขัดขืนได้มีทหารนายหนึ่งกะแรงไม่ถูกพลั้งมือถองเข้าที่คางของโม่เสวียนจนเลือดตกมุมปาก ร่างในชุดครามมีแววตาที่เข้มขึ้นอีกหนึ่งระดับ ตั้งแต่เกิดมาพวกที่ไร้เหตุผลใช่ว่าไม่เคยแต่ แต่สำหรับผู้ที่สามารถทำเขาเลือดตกยางออกได้มีน้อยมาก

           "เจ้าชื่ออะไร..." ข้าจะได้ไม่ล้างแค้นผิดคน

         "เสิ่น ชง เรียกข้าเสิ่นกงกงก็ได้ ว่าง่ายแต่แรกก็จบ ขอบคุณที่ร่วมทำธุรกิจกัน คู่ค้าที่ดี ฮ่าๆ " กงกงน้อยกล่าวก่อนเดินขึ้นรถม้า ดีดนิ้วเรียกทหารเดินตามรถม้าไป ปล่อยบุรุษหนุ่มน้อยไว้ตรงนั้นอย่างไม่เหลียวมอง

           @WuMan จบ

           ชาวบ้านหลายคนเห็นอีกฝ่ายยืนหยัดขัดขืนขันที ทำให้พวกเขาเกิดความเสื่อมใสศรัทธาในตัวบุรุษ (ได้รับ 100 ศรัทธาจากชาวบ้านรอบ ๆ)

            
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
@Watcher
เอฟเฟคอุปนิสัย
เลื่อมใสศรัทธา
+3 Point จากการโรลทำงาน
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
-20 สูญเสียความเครียดเมื่อโรลทำงาน

ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย

เห็นอกเห็นใจ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

เอฟเฟคลักษณะพันธุกรรม

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
+30 EXP จากการโรลทำงาน

ชอบกิน
-20 ความเครียดจากการโรลกินไม่อั้น
หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย            
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ        
โม่เสวียน รวม +17 Point +50exp -40 ความเครียด +40 ความศรัทธา
(มู่ ซุน 119 ) มอบสุรา +35
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+15 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน (เลื่อมใสศรัทธา)
+5 พูดคุยรายวัน
+20 ธาตุเกื้อหนุน ไฟ หนุน ดิน
รวม +85




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-6-5 23:38:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-6-7 20:17

-ทำงานพาร์ทไทม์-
-เผยแพร่ความเชื่อ-
ทำงานที่เรารัก
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦


            ‘ลั่วหยางนครชะตาขาด’ ไม่รู้ว่าตนควรตั้งสมญาเมืองแห่งนี้ให้มันดีกว่าเดิมได้อย่างไร

            แรกก้าวเท้าเข้าลั่วหยางพลัดพรากจากบิดา ก้าวออกจากลั่วหยาง ถูกขอทานและขันทีช่วงชิงวิ่งราวทรัพย์ ใยเมืองแห่งนี้มิใช่รั่งแกผู้บุตรสกุลเสิ่นจนเกินพอดี เขาอยากเงยหน้าถามฟ้าว่าท่านเทพลิขิตชะตาโกรธแค้นกันหรือชาติก่อนข้าไปเผาบ้านฉุดลูกเมียท่านมาย่ำยีใช่ไหม?

            ชะตาอาดูรนัก มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงออกจากหางตา

            กลับจากด่านหู่เหลากวนด้วยเวลาอันกระชั้นชิดหากไม่ติดที่ว่าตนไม่ยอม ‘เสียส่วย’ ให้ขันทีเสิ่นชงผู้นั้นโดยเปล่าประโยชน์ การยอมสละเวลาพักผ่อนเพื่อหวนกลับมาเผยแพร่ความเชื่อคงจะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่ สามสิบตำลึงทอง 300 ตำลึงเงิน จำนวนปริมาณนี้สามารถให้ครอบครัวระดับกลางมีอยู่มีกินไปได้หกเดือน บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ หลายวันมานี้โม่เสวียนจดจำและจารึกทั้งใบหน้า น้ำเสียง ชื่อแซ่ของอีกฝ่ายเอาไว้ในบัญชีรอวันล้างบาง

            ระหว่างเดินสำรวจตลาดเพื่อวางแผนในการรวบรวมความศรัทธา เขายังเหลืออีกแค่วันเดียวสำหรับสิทธิ์ในการส่งต่อความเชื่อ ย่อมต้องเลือกจุดที่คนให้ความสนใจแหล่งที่ทุกชนชั้นมารวมตัวกันอย่างหนาแน่น.. รุ่นคิดได้เพียงไม่นานโม่เสวียนดึงเอารายชื่อโรงเตี้ยมเด็ดดังห้าแห่งออกมาวงไว้ ช่วงเวลาเอาเป็นช่วงเย็นย่ำผู้คนกำลังเลิกงานประจำวันปรารถนาการพักผ่อน ดื่มสุราทานอาหารจากเม็ดเงินที่พวกเขาได้จากน้ำพักน้ำแรง

            เพราะมาดูทำเลเสียตั้งแต่ก่อนถึงเวลาในใจ โม่เสวียนส่งรอยยิ้มให้เถ้าแก่เจตนาว่าวันนี้ไม่เพียงมาของานหากยังยืมขอสถานที่ ฝั่งของเถ้าแก่สาวพบว่าบัณฑิจหนุ่มหน้ามนวกกลับมาอีกครั้งยังยินดีเสียยกใหญ่ “พ่อหนุ่ม! ข้าได้ยินจากเด็กๆ ว่าวันก่อนเจ้าถูกขันที่ชั่วนั้นขูดรีดทั้งยังบาดเจ็บ วันต่อมาเจ้าก็หายไป ดูสิปล่อยให้เป็นห่วงเสียตั้งนานรู้จักกลับมาแล้วหรือ ไปที่ใดมาเล่า ไม่ต้องห่วงนะคนพาลนั้นไม่อยู่แล้วเจ้าสบายใจได้ไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเด็ดขาด”

            “สร้างความกังวลให้คนงามอย่างเถ้าแก่เนี้ย เป็นเสิ่นโหม่วเองที่ไม่รอบคอบ หลายวันก่อนเพระายังคิดไม่ตกว่าตัวข้าทำสิ่งใดผิดถึงต้องถูกเอารัดเอาเปรียบ มาวันนี้กระจ่างแจ้ง เพราะสองคำ ‘ไร้สามารถ ไร้บารมี’ จึงได้ถูกคนพาลรังแกไม่มีโอกาสแม้จะทวงความเป็นธรรมให้ตนเอง นับว่าสมควรแล้ว ข้าไม่เป็นไร ทำให้ทุกท่านเป็นห่วงแท้ๆ ประเดี๋ยวจะไปขอโทษทุกคนด้านในขอรับ”

            วาจาของโม่เสวียนกล่าวอย่างชัดเจนราวกับว่าเขานั้นปล่อยวางไม่ถือสาเพราะจนใจ ไม้ซีกมีหรือสามารถงัดไม้ซุงยามนี้สิบขันทีเรืองอำนาจ แม้แต่กงกงเล็กๆ ยังสามารถใช้กำลังขมขู่ชาวบ้านตาดำๆ เรื่องที่บัณฑิตหนุ่มปลอบขวัญเหล่าชาวนอกด่านกลับถูกขันทีต่ำช้าลากตัวไปริบทรัพย์สินวันนั้นมีชาวบ้านมากมายพบเห็น

            นอกจากความสงสาร ความเห็นใจในคนร่วมชะตากรรมหัวอกเดียวกันยังมีจังหวะที่เด็กหนุ่มร่างบางผู้นี้ยืนหยัดโต้แย้งกับคนพาลอย่างกล้าหาญ นับเป้นภาพที่ทุกคนเกิดความรู้สึกเลื่อมใสเขามากขึ้นไปอีก เถ้าแก่สาวจดจำได้ คนในโรงเตี้ยมแห่งนี้ก็จดจำได้ยื่นมือออกไปชวนให้เขาเข้าไปด้านใน

            “โถ่.. เด็กคนนี้ เจ้าช่างมีจิตใจที่กว้างขวางนักถูกผู้อื่นรังแกยังจะให้อภัยอีก เข้ามาก่อนเถิด ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าเลยผู้เผยแพร่คนอื่นๆ ที่ผ่านมายังโดนกดขี่หนักเสียยิ่งกว่าบางรายยังถูกยัดเยียดความผิดจนแห้งตายอยู่ในคุกนั่นแน่ะ”
            
            “พวกเขาคงโชคร้ายไปเจอคนพาลที่อำมหิตยิ่งกว่า แต่ในเมื่อเถ้าแก่เนี้ยกล่าวเช่นนี้ หลังจากนี้ไปข้าจะระวัง”

            บอกว่าระวังไม่ได้แหลว่าล้มเลิกความตั้งใจ ในเมื่อครั้งก่อนถูกรังแกเหยียดหยามเพราะตนไร้อำนาจบารมี ในวันนี้และวันต่อๆ ไปมีแต่จะต้องสร้างสมตั้งตนใหม่ย่อมมีสักวันคนที่เคยรังแกเขาทำได้เพียงแหงนหน้ามองแล้วร้องขอความเมตตา

            คิดอ่านทำการใหญ่อาศัยเพียงใจกล้าย่อมอายุสั้น อาศัยเพียงสามารถยังขาดวาสนา อาศัยเพียงกำลังแล้วใหญ่คนคอยระวังหลังให้ยังไม่มี แผนการระยะยาวเช่นนี้ตัวเขาเสิ่นโม่เสวียนจะค่อยคิด ค่อยทำ ไม่อาจใจร้อนเป็นอันขาด

            โม่เสวียนอาสาสะสางบัญชีในโรงเตี้ยมระหว่างที่ตัวเขาอยู่เพียงลำพังมีวูบหนึ่งความคิดโลกแล่นดังลูกศร รอยยิ้มพลันแปรเปลี่ยนยิ่งลุ่มลึกในอุบายกำจัดศัตรู
            ‘ล้างคอคอยก่อนเถิดเสิ่นชง.. ใช้ชีวิตละโมบของเจ้าให้ดีมัจจุราชคนนี้จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องรอนานนัก’

             เพียงเวลาสั้นๆ คล้ายเงาของทายาทตระกูลเสิ่นปรากฎปีกสีดำที่มองไม่เห็นสยายออกกระทั่งสมุดบัญชีในมือเขายังแปรเป็นภาพลวงตาของเครื่องมือทรมานชุ่มโชกไปด้วยโลหิตสดๆ แทบเท้าเต็มไปด้วยกะโหลกศีรษะของศัตรูที่ถูกตัดมาใหม่มีภูเขากระดูกสายธารแดงเป็นฉากหลัง ทั้งหมดล้วนเป็นเพียงจินตภาพ…
.
.
.      



   
            หลังสะสางสมุดบัญชีแล้วเสร็จในช่วงเย็นใกล้ถึงเวลาที่ตัวเขาขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากเถ้าแก่เนี้ยเอาไว้เต็มที โม่เสวียนไม่เกรงกลัวว่าหนนี้จะมีใครมาก่อกวนอีกในเมื่อสามสิบตำลึงทองจ่ายออกย่อมต้องเกิดผลเป็นสิทธิ์ขาดในสองวันนี้ ร่างในอาภรณ์ครามจัดแต่งรอยยับบนเสื้อให้กลับมาเรียบ มุ่นมวยผมใหม่รอบกวานผ้าจนดูไม่ต่างจากบัณฑิตตกยากทั่วไปนอกจากประกายเฉลียวฉลาดในดวงตาและท่วงท่าสง่างามของคุณชายตระกูลเก่าแก่

            สร้างความนิยมด้วยภาพลักษณ์สมถะถ่อมตัว เขาไม่ได้ตั้งใจแต่เงินมีพอซื้อแค่นี้ถือเสียว่าเป็นประโยชน์โดยบังเอิญก็แล้วกัน

            “น้องชาย นั่นเจ้าเองหรือ?” มีเสียงทักทายจากโต๊ะตัวในเรียกความสนใจของเด็กหนุ่ม

            “อ้าว ท่านมู่.. สวัสดียามเย็นวันนี้ก็มาดื่มหลังเลิกงานรึขอรับ”

            โม่เสวียนคลี่รอยยิ้มรับเดินเข้าไปข้างโต๊ะของชายหน้าหนวด เขาหยิบเอาสุราดอกท้อที่เหลืออยุ่เพียงไม่กี่ขวดขึ้นมารินลงจอกที่ว่างเปล่า “อีกไม่นานข้าตั้งใจจะออกจากเมืองหลวง สุรานี้ได้มาโดยบังเอิญแบ่งปันพี่มุ่ร่วมดื่ม โปรดรับการคาราวะจากข้าด้วย”

            “โอ้ สุราดอกท้อ!! ฟังว่าเป็นสุราสุขภาพที่ขึ้นชื่อ แม้รสไม่ร้อนแรงกลับลื่นคอนัก ของดีนี่! อ่าห์ สดชื่น” มู่ชุนยกจอกทันใดเขาไม่ปฎิเสธผู้ที่ตนรุ้สึกถูกชะตาด้วย สองสามวันที่อีกฝ่ายหายไปตนยังไปกระชากคอพวกทหารมาถามเสียยกใหญ่ว่าได้ทำสิ่งไม่ดีลงไปกับสหายต่างวัยผู้นี้รึเปล่า

            “จะไปแล้วหรือ? ไปที่ใดเล่า อย่าหาว่าข้าไม่เตือนยามนี้ใต้หล้าเต็มไปด้วยสงครามเจ้ารั้งอยู่ลั่วหยางจะปลอดภัยกว่านา”

            โม่เสวียนส่ายหัวยิ้มแย้มเห็นได้ชัดว่าไม่เกรงกลัว “ข้าจำต้องไปสืบข่าวตามหาบิดาที่พลัดพราก โชคชะตายากจะฝืน ต่อให้ไม่ใช่ลั่วหยางทุกที่ล้วนมีคนพาลจะอยู่ที่ใดล้วนไม่ต่างกันหรอกขอรับ”

            “อื้ม.. เจ้าหนุ่มน้อยพูดถูก ลำพังเทพไท้ยังไม่อาจยื่นมือแก้ไขชะตามนุษย์ เอาเถิด.. ข้าขอใช้สุราจอกนี้อวยพรให้เจ้าล่วงหน้า! ดื่ม!”

            หลังอยุ่สนทนาพาทีกับมู่ชุนจนเข้าใกล้เวลาที่ตนต้องการ โม่เสวียนเห็นว่าอีกฝ่ายมีน้ำใจกว้างขวางมุทะลุตรงไปตรงมา ไม่เอาแต่รักษากิริยาอ้างคำปราชญ์อย่างพวกลัทธิหยูก็พอจะคาดเดาได้ว่าไม่นับถือของเหล่านั้น หลังครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนบัณฑิตหนุ่มจึงเชื้อเชิญให้คุ่สนทนาเข้าร่วมชมเวทีของเขาไปด้วยเสียเลย

            “พี่มู่.. อีกประเดี๋ยวผู้น้องจะแสดงบางสิ่งให้ท่านได้ชม อย่าพึ่งลุกไปไหนเสียเล่า”

            “หืม.. เจ้าเด็กน้อยเตรียมเรื่องสนุกๆ เอาไว้งั้นหรือ?”

            ใบหน้างดงามกระตุกรอยยิ้มขบขัน “สนุกรึสาแก่ใจ.. เอาไว้รอให้ท่านช่วยตัดสิน”

            “ดี! กำลังเบื่อๆ อยู่เชียววันนี้พวกนางรำหายหัวไปไหนกันหมด ข้าจะรอชมอยู่ตรงนี้ น้องชายลุยให้เต็มที่!”

            ได้รับกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยมเสิ่นโม่เสวียนย่อมไม่ทำให้คนรู้จักต้องผิดหวัง ในช่วงเวลาที่ตนกลับมาลั่วหยางครั้งนี้ระหว่างที่ผ่านย่านการค้ายังได้เห็นได้ฟังข่าวสารอันเป้นประโยชน์ เพื่อสร้างบทพูดที่กินใจคนฟังจับใจคนดูนับว่าตนลงแรงไปมาก เขารอจนแขกเหรื่อทยอยเข้ามาด้านในโรงเตี้ยมแล้วเลือกจดที่เป้นระเบียงชั้นสอง ด้านนอกสามารถได้ยิน ด้านในสามารถรับฟังประการแรกคือยุทธศาสตร์ ประการสองคือหากเกิดเหตุร้ายยังสามารถหาทางหนีไปตามหลังคาได้สบายๆ

            เสียงคึกคักจอแจในโรงเตี้ยมลำพังอาศัยเสียงตนเชื้อเชิญเพียงอย่างเดียวมีหรือผู้คนจะสนใจ สำหรับผู้ที่เตรียมการมาดีประหนึ่งพร้อมออกศึกอย่างโม่เสวียนเขายืมเจิ้งจากนักดนตรีมาวางเหนือตัก ด้านหลังคือทิวทัศน์ยามราตรีแห่งนครหลวงอันเกรียงไกรท้องฟ้ารัตติกาลมีลมรำเพยพัดเอากลิ่นอายจากแม่น้ำลั่วลางเลือน

            “ถึงด่านอี้เหมินกวนดวงใจระทม อำลามาตุภูมิเพื่อปวงราษฎสุขสม
คำนับบิดามารดาบุตรไม่อาจตอบแทน หวังวิญญาคืนเหย้าเมื่อยามสิ้นลม…”
            เส้นเกศาที่ถูกย้อมจนดำสนิทสยายระแผ่นหลัง บุรุษหน้ามนลากปลายนิ้วผ่านเจิ้งเกิดเป้นท่วงทำนองอันองอาจ เมื่อนั้นผู้ที่กำลังสนทนาต่างสงบคำ แม้ตะเกียบในมือจอกสุราบางรายยังชะงักค้างไว้เมียงมองมายังจุดเดียวกันเมื่อบทลำนำสรรเสิรญผู้กล้าถูกขับขานออกจากริมฝีปากราวกับมีมือที่มองไม่เห็นสั่นคลอนจิตใจคน

“จันทราทอแสงเหนือนครฉางอัน
จัดสำรับรอพร้อมครัน
ลมวสันต์ผันไปไม่ขาดสาย
โอ้...เมื่อใดปราบไพรีได้ราบคาบ
อีกนานเท่าใดญาติมิตรจะพร้อมหน้า
.
จันทราจรัสแสงเหนือฉีเหลียงซาน
ทหารกล้าฝากชีพไว้บนอาน
ลมพัดผ่านมายาวไกลนับหมื่นลี้
หอบความภักดีถึงมาตุภูมิ
.
ชนเมืองเถื่อนจับจ้องแดนชิงไห่
ขุนชนะชัยรุดถึงเขาไป๋เติง
ตีกระเจิงกลยุทธ์สุดแยบคาย
เสียงรถศึกเคลื่อนไปดังกึกก้อง
แม่ทัพหาญเป็นหนึ่งไม่มีสอง
.
สมรภูมิเลือดไหลนองดั่งธารา
เชิดชูแคว้น ปกป้องแดน เพื่อเราผอง
ขุนแกล้วกล้ากรำศึกแต่วัยเยาว์
พิชิตเผ่าลำน้ำเลือดกระดูกขาว
ปราบชงหนูพิทักษ์แคว้นแดนเกรียงไกร
แล้วเหตุใดท่านผู้กล้าไม่หวนคืน”
.
-บทโศลกประมวลสงครามฮั่น-ชงหนู-
-กวีหลิงจื่อ เสิ่นหลิงเฮ่า ในสมัยฮั่นอู่ตี้รจนา-
            การบรรเลงอันโศกศูลย์สลับกับท่วงทำนองอันองอาจสะกดทุกการเคลื่อนไหวทั้งด้านในและด้านนอกโรงเตี้ยม มือขาวดั่งหยกแกะลากผ่านเส้นไหมเสียงเจิ้งสะท้อนเข้าภายในจิตของผู้ฟัง บทคำร้องอันพิศดารแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีบทกวีคลอเสียงดนตรีให้รสชาติที่แปลกใหม่ต่างจากละครหรือเพลงระบำ บางคนตกภวังค์ไปกับห้วงแห่งดนตรี มีบ้างก้มลงปิดหน้าสะอื้นนึกถึงบ้านเกิดและญาติมิตรที่ล่วงลับ

            ยามนี้สี่ทิศมีแห่งใดเล่าไร้ไฟสงคราม โมเสวียนหยิบยืมผลงานของบรรพชนตระกูลตนที่เคยโดดเด่นจรัสแสงมาประกาศศักดาใหม่อีกครั้ง ในใจลึกๆ ตนเชื่อว่าสิบรุ่นตระกูลเสิ่นแม้เร้นกายแม้ห่างหายจากหน้าประวัติศาสตร์ไปบ้างยุค ทว่าเมื่อพวกเขาปรากฎตัวคำเล่าลือที่เกี่ยวกับยอดคนในตระกูลตนย่อมยังมีผู้จดจำมันได้

            ปราชญ์แห่งกวีหลิงจื่อ ราชฑูตฮั่นผู้บุกเบิกเส้นทางชมภูทวีป ข้าเลือกท่าน..
            มีบรรพบุรุษสร้างผลงานสะเทือนเลื่อนลั่นจารึกตัวตนในตำนานไว้มากมาย ไม่หยิบมาใช้ในคราวคับขันถือว่าลบหลู่แล้ว.. เอาไว้กลับเจียงเยี่ยค่อยยกลูกชิ้นหัวสิงห์ไปไหว้เคารพสุสานสักหลายจาน

            เมื่อบทลำนำสิ้นสุดลงโม่เสวียนคืนเจิ้งให้นักดนตรีขอโทษว่าวันนี้ตนแย่งงานอีกฝ่ายแล้วแต่ดูเหมือนพวกเขาจะซาบซึ้งเสียมากกว่าไม่ต้องออกแรงดึงความสนใจแขก อาศัยช่วงที่ผู้คนรอบด้านยังตกอยู่ในภวังประกาศก้องด้วยน้ำเสียงอันกระจ่างชัด
            
            “ด้วยความเคารพ.. ทุกท่านที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้แม้ต่างช่วงวัย ต่าง ที่มา ต่างชาติกำเนิด ข้าเชื่อว่าบทลำนำเมื่อครู่ทุกคนที่มีครอบครัวย่อมเข้าใจถึงความนัย อดีตในยุคฮั่นเป็นอย่างไรปัจจุบันสมัยจิ้นเองใยไม่ต่างกัน”
            เมื่อเริ่มเปิดประเด้นแล้วก็ไม่ลังเลที่จะขยายความต่อ “กี่ครั้งแล้วที่พวกท่านต้องเฝ้ามองแผ่นหลังของสามี บุตรชาย หรือแม้แต่หลานในวัยหนุ่มที่ควรมีโอกาสได้เติบโตก้าวขาสู่สมรภูมิ กี่ครั้งแล้วที่คนผมขาวส่งคนผมดำ ท่านตั้งสำรับเฝ้ารอพวกเขาได้แต่มองสิ่งของแทนคนไกล ใต้หล้าผูกผ้าขาวไว้ทุกข์กลิ่นควันเถ้าของเงินกระดาษไม่เคยจางลงไป”

            “ฮึก… ลูกชายข้าทุกวันนี้เขาก็ยังไม่ได้กลับมา” ฟูเหรินของคหบดีท่านหนึ่งฟังมาจนถึงตอนนี้ก็หมดความสามารถในกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีก

            สิ่งที่โม่เสวียนกำลังทำ แน่นอนว่าไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน เขากำลังกังขาและตั้งข้อสงสัยในหลักคุณธรรมของลัทธิที่ฝังรากมาอย่างยาวนาน กระตุ้นเตือนสติให้ผู้คนที่กำลังฟังคิดได้ถึงความเป็นจริงในข้อนี้ ว่าพวกเขาถูกกรอกหัวด้วยคำสอนอันเอื้อประโยชน์ต่อผู้ปกครอง สร้างความชอบธรรมในการกระทำต่อประชาชนอย่างไรก็ได้เพื่อเถลิงอำนาจของตนเอง

            “ลูกหลานของพวกท่านหาได้ปรารถนาการพรากจาก เมื่อใดกันที่ญาติมิตรสามารถอยู่พร้อมหน้า เราจะถามหาความรับผิดชอบในการจากไปของพวกเขาจากผู้ใด? หากกล่าวว่าผู้ที่ไม่ไปรบนั้นคือคนขี้ขลาดปราศจากความภักดี เช่นนั้น บุตรโทนที่มีมารดาชราให้เลี้ยงดูใยมิใช่คนอกตัญญูทอดทิ้งบุพการีเล่า? รึท่านจะบอกว่าเขาจงรักภักดีต่อแผ่นดินจึงสมควรตาย?”

            คนหนุ่มต้องมาตายแต่วัยเยาว์ หญิงสาวเป็นหม้าย บุตรหลานกำพร้าไร้ที่พึ่ง

            โม่เสวียนหรุบนัยน์ตาลงบรรยากาศรอบตัวเขาคล้ายเซียนผู้มาจากแดดนสวรรค์อดทนต่อความอยุติธรรมและการเข่นฆ่าแย่งชิงมายาวนาน ทั้งหมดเป็นเพราะสิ่งเดียวคือ “สงคราม.. ไม่เคยให้อะไรกับใครนอกจากความสูญเสีย ไม่ว่าผู้ชิงชัยหรือปราชัยล้วนบอบช้ำทั้งสองฝ่าย การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งมีหนทางอื่นอีกมากมายโดยไม่ต้องสังเวยชีวิต”

            “หากหนทางสู่สันติสุขต้องแลกมาด้วยเลือดและน้ำตาเสมอ การปลูกฝังคุณธรรมและความสามัคคีปรองดองให้แก่อนุชนคือเครื่องนำทาง ทุกท่านโปรดมองย้อนกลับไปแล้วไตร่ตรองสิว่าสิ่งที่ข้ากำลังกระตุ้นเตือนอยู่นี้ ถูกรึผิด?”

             เสิ่นโม่เสวียนยืนหยัดตัวตรงกล่าวถ้อยคำด้วยสีหน้าเด็ดขาดเขาตั้งคำถามแต่ละคำชวนให้เหล่าปราชญ์และชนชั้นปัญญาได้ขบคิด เนตรสีฟ้ากระจ่างแปลกตานั้นจดจ้องเข้าไปในการรับรุ้ของแต่ละคน ทีละคน ทีละน้อย ได้สร้างทั้งความศรัทธาและความยำเกรงขึ้นมาเป็นวงกว้าง

             เหล่าชาวบ้านแม้แต่พ่อค้าแม้ค้าที่อยู่ด้านในและด้านนอกโรงเตี้ยมเริ่มคิดตามชายชุดคราม บัณฑิตผู้นี้มีวาทะที่แตกต่างแต่ละประโยคคือความจริงสิ่งที่เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ปราชญในหอตำราเหล่านั้นเอาแต่พูดถึงความภักดี คุณธรรมทำให้ลุกหลานของพวกเขาถูกพรากไปรบโดยไม่เต็มใจ ‘สงคราม’ ไม่เคยให้ผลลัทธ์ที่ดี ถึงต่อให้มีมันก็ไม่เคยตกมาถึงมือของชาวประชา

             มือคู่ขาวยื่นออกแล้วกำเข้าหากันพลางขมวดคิ้วเรียวราวกับนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ความอยุติธรรมที่ตนทั้งได้รับโดยตรงรึแม้แต่พบเห็นแต่ไม่อาจช่วยเหลือ

             “ไม่เพียงแต่ไฟสงคราม ทั่วใต้หล้าเต็มไปด้วยอสูรในคราบคน พวกนั้นห่มหนังมนุษย์กระทำเรื่องชั่วช้า กลียุคแท้จริงเป็นเพียงคำเรียก การกระทำของคนที่ข่มเหงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันต่างหากที่สร้างนรกบนดินขึ้นมา ผู้มีอำนาจกดขี่ผู้น้อย ชาวนาแร้นแค้นอดตายจนต้องขายลูกเพื่อให้มีข้าวกิน ข้าเห็น พวกท่านเองก็เห็น ทำไมเราถึงไม่มีหนทางที่จะหยุดวงจรนี้ลง?”
             “ข้านั้นไร้สามารถเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ถึงอย่างนั้นจิตวิญญาณของข้ากลับมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่หวังเอาไว้ให้เป็นจริง เพราะข้าไม่อาจยินยอม.. ข้าขุ่นเคืองโชคชะตา ข้าถือสาในความไม่เป็นธรรม แล้วพวกท่านเล่า? ไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้บ้างเลยหรือ? จะยอมให้คนเหล่านั้นรังแกเอารัดเอาเปรียบจนไม่เหลือแม้กระดูกรึอย่างไร!”

             ใบหน้างดงามราวรูปสลักนั้นหยักออกเป็นรอยยิ้ม วูบหนึ่งลมวสันต์พัดผ่านผู้พบเห็นรุ้สึกปลอดโปร่งไปทั่วทั้งร่าง เห็นบัณฑิตหนุ่มประสานมือน้อมศีรษะลงแล้วแนะนำตัว

             “ข้าคือเสิ่นโม่เสวียน ทายาทตระกูลเสิ่นแห่งเจียงเยี่ย ชีวิตนี้ไม่เคยกระทำเรื่องผิดต่อฟ้าดิน เพียงทิ้งคำถามเหล่านี้ให้พวกท่านได้ขบคิด”

             คำประกาศอันถ่อมตนทว่ากึกก้อง ชี้นำโดยปราศจากการบังคับชวนให้ผู้ฟังเกิดความคิดอ่าน หาได้ครอบงำโดยความหวดกลัวทั้งยังห่างไกลจากโฆนาชวนเชื่อเพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทุกคนล้วนประสบในยุคสมัย พบเห็นจนชินชาทว่าไม่อาจยอมรับได้ ถ้อยคำอันได้สร้างความรู้สึกชาวูบตั้งแต่หัวจรดเท้าบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์แม้ปราศจากวิหารและเหล่านักบวชแผ่ออกมาจากร่างสีคราม

             หนึ่งประโยคของคนผู้นี้ เปิดความทรงจำเหมือนสั่งได้…

             แค่คำถามแรกผู้ที่ลังเลก็กุมอกร่ำไห้กันแล้ว คำถามต่อๆ มามีหรือจิตใจมวลชนจะทนทานได้ พวกเขาที่ศิโรราบก็ศิโรราบ บางคนยังคงจมจ่อมอยู่กับคลื่นความคิดของตนเอง นคกถึงเหตุการโศกนาฎกรรมที่เคยได้พบเห็นเจอะเจอมา

             “กลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง.. พวกมันย่ำยีเมียและลูกสะใภ้ข้า ลูกข้าแค้นใจจนไปแก้แค้น ก็.. ก็ถูกพวกมันตัดหัวแล้วมามาโยนทิ้งไว้ในป่า ฮือ.. ลูกพ่อ” ที่ชั้นสามแว่วเสียงใครบางคนหล่นจากเก้าอี้ลงไปทุบฟื้นอย่างฟูมฟายด้วยความแค้น ศึกครั้งนี้เขาคิดจะอาสาไปรบเนื่องจากตนไม่เหลือสิ่งใดให้เสียอีกแล้ว

             “หลานชายข้าเป็นคหบดีทำการค้าอย่างสุจริตมาโดยตลอด ปีก่อนนี้ตอนมาเยี่ยมข้าที่ลั่วหยาง ขากลับก็ถูกขุนนางชั่วยัดเยียนความผิด.. พวกนั้นขูดรีดเขา ขังเขาเอาไว้จนป่วยตาย!”

             อีกเสียงของหญิงชราที่คร่ำครวญขึ้นมากลางโถงเรียกเาอความสงสารเห็นใจและเจ็บแค้นจากผู้คน สิ่งีท่พวกเขาพูดนั่นคือเรื่องราว คือความจริงของแต่ละคนมันถูกร้อยและถักทอเข้าด้วยกัน แปรสภาพเป็นโครงข่ายของความเจ็บแค้นในกลียุคอันวุ่นวาย เชื่อว่าแหตาข่ายนี้สามารถคร่าได้แม้วิญญาณในแม่น้ำเหลือง

             “ตอนที่เกิดอุทกภัยในแดนใต้.. พวกเราอพยพขึ้นเหนือครอบครัวขอลี้ภัยที่เมืองหนึ่ง ไม่คิดว่าเจ้าเมืองจะสั่งปิดประตูเมืองรังเกียจว่าพวกเราจะนำโรคระบาดเข้าไป อ้อนวอนอย่างไรเจ้าเมืองก็เมินเฉย เสบียงอาหารพวกเรามีน้อย ข้าเห็นเด็กเล็กๆ ถูกชาวบ้านที่หิวโหยจับไปต้มกินทำน้ำแกง..”

             “ปีศาจอสูร...กินแม้กระทั่งเด็กเล็กๆ” ความสลดหดหู่แผ่ไปทั่วทั้งโรงเตี้ยม แต่ละประโยคกัดกร่อนใจคน ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในชนชาติที่มีอารยธรรม

             มีหรือจะปล่อยให้พวกเขาเป็นลุกแกะหลงทางจมดิ่งกับความโศกเศร้าอาดูร เมียงมองสีหน้าของแต่ละคนที่บ้างยกสุราขึ้นย้อมใจน้ำตาไหลจรดปลายคาง แม้แต่มู่ชุนเองก็ก้มใบหน้าซ่อนอยุ่ใต้ม้านไม่ทราบความคิด โม่เสวียนเริ่มคิดอ่านวิธีที่เขาจะสามารถปลอบประโลมจิตใจของมวลชน

             โดยปราศจากเล่ห์เหลี่ยมในครานี้ใจของเขาหมายช่วยเหลือปลอบโยนผู้คนรอบข้างอย่างจริงแท้ เจิ้งตัวเดิมถูกหยิบยืมอีกคราคราวนี้บทบรรเลงทั้งแผ่วพลิ้วและปล่อยอารมณ์อันเมตตาดั่งดอกบัวขาวที่โผล่พ้นน้ำ ชำระล้างทุกความขุ่นข้องผ่านทำนองเพลง บทกวีจารึจารของเหล่าชนคนกล้าที่ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นขุนนางหรือทหารหาญถูกหยิบยกขึ้นมา

“มุ่งขึ้นเหนือ ลงสู่ใต้ ออกตกทั่ว
ปุถุชน ดีชั่ว ล้วนว่างเปล่า
อดีตกาล ผ่อนไกล ให้เพียงเงา
ยกจอกเฝ้า จันทร์สกาว ในคืนเพ็ญ
.
หวนคำนึง ถึงมิตร แต่หนหลัง
ยากลืมทั้ง อุปสรรค แสนยากเข็ญ
ร่วมฝันฝ่า ไม่หวั่น แม้ตายเป็น
ทางลำเค็ญ ตัดสิน ถูกหรือผิด
.
ขุนเขาเขียว สายธารา นั้นสถิต
ล้วนชีวิต สูญไป ไม่ถวิล
ไร่นาว่าง สมบัติว่าง เปล่าทั้งสิ้น
คืนผืนดิน พลีชีพ เพื่อปวงชน”
             ข้าวสาลีเพียงเมล็ดเดียวย่อมไม่เกิดเป็นรวง สิ่งที่ขาดเว้ารอวันเติมเต็มไม่ได้มีเพียงข้อจำกัดอย่างความหิวโหยอดอยากรึการสูญเสีย โม่เสวียนระลึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการเพียงอาหารของร่างกายเพื่ออิ่มท้อง เสียงเจื้องทำหน้าที่เติมเต็มเป้นอาหารของจิตวิญญาณโดยตรง หล่อหลอมแทนธรรมชาติที่ชืดชาไปเพราะใจอันระทม

             “สำหรับข้าแล้ว วีรชนหาใช่เพียงยอดขุนพลผู้เหี้ยมหาญรึนักปกครองมากความสามารถ เพราะหากปราศจากแรงสนับสนุนจากประชาชนเช่นทุกท่านแล้ว พวกเขาไม่มีทั้งเสบียงหรือไพร่พล ชัยชนะที่เกิดขึ้นหากจะกล่าวก็คือเป็นชัยชนะที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของทุกคน หาใช่กลศึกอันพิศดารหรือเพลงยุทธ์ที่แข็งแกร่งเป็นหนึ่งในใต้หล้า”

             “น้องชายกล่าวได้ดี!! ขาดแรงสนับสนุนของประชา ผู้ปกครองก็ไม่นับว่าเป็นผู้ปกครองแล้ว!!” มู่ชุนเอ่ยสนับสนุนในจุดนี้ ตนดื่มกินสุราดอกท้อของอีกฝ่ายจนพร่องไปกว่าครึ่งไห จะให้นั่งฟังเฉยๆ ก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไปเสียหน่อย

             เมื่อมีคนเริ่มต้นย่อมมีผู้ที่ตามมา ความเห้นคล้อยตามนี้เองที่ฟื้นกำลังใจของเหล่าชาวบ้านว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ยังมีคุณค่าและความสำคัญ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเดิมแรกค่อยๆ ถูกความหวังและกำลังใจเมื่อครู่เข้ามาเติมเต็ม สายตาที่มองไปยังบุรุษชุดครามยิ่งมาก็ยิ่งลึกล้ำ

             นายน้อยเสิ่นยังคงจดจำได้ถึงคำสอนที่สืบทอดมาของบรรพชน ยุคสมัยที่รุ่งเรืองไม่เคยขาดบุคคลมีความสามารถ สงครามนอกจากนำชื่อเสียงเกียรติยศแล้วยังพรากหลายสิ่งจากไปด้วย มีผู้พ่ายแพ้ มีผู้ชนะ มีผู้ที่สูญเสียและผู้คนร่ำไห้ถึงผู้เป็นที่รัก ญาติมิตรพลัดพรากกันวันใดจึงได้หวนกลับมาพบกันใหม่ คืนวันเทศกาลฤดูบางบ้านเฉลิมฉลองอย่างสุขสันต์

             ‘บรรพชนตระกูลเสิ่นพวกท่านได้เห็นรึไม่ ชาวประชากำลังหลั่งเลือดและน้ำตา เพราะแบบนี้ใช่ไหมพวกท่านถึงสั่งห้ามลูกหลานทุกรุ่นเอาไว้ เรื่องราวในใต้หล้ามีแต่การแย่งชิง ความละโมบของมนุษย์ไม่เคยสิ้นสุด’

             ลูกแกะหลงทางกำลังถูกนักล่าเข้าขย้ำ พวกเขาดิ้นรนหลบหนีสุดท้ายเบื้องหลังก็ยังคงมีสุนัขป่าอีกฝูงรอฉีกทึ้ง

             ในยุคสมัยหนึ่งเสียงกลองศึกที่ชายแดนยังคงกึกก้อง ผู้กล้าที่หลั่งเลือดชโลมดิน ณ แดนไกลก็เพื่อปกป้องรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ปกป้องความผาสุขของชาวประชาในแดนเกิด หากบรรพชนยุคก่อนได้เห็นว่าชนรุ่นหลังปราศจากศึกนอกยังขยันสร้างศึกภายในไม่จบสิ้น..

             ไม่หัวร้อนก็คงจะหัวร่อแล้วสะบัดหน้าหนี…

             “พวกท่านล้วนผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวด แผลเก่านั้นไม่เคยหายด้วยเคราะห์ร้ายจากยุคสมัยยังคงปรากฎ.. ถึงกระนั้นบาดแผลที่สดใหม่ปรารถนากาลเวลาและหลักยึดหนี่ยวที่มั่นคงเพื่อเยียวยา  พวกเราพึงประคับประคองกันและกัน กบฎโจรโพกผ้าเหลืองอันที่จริงก็คือเหล่าชาวบ้านที่อดอยากไร้ที่พึ่ง เราและเขาก็ไม่ได้ต่างกันในจุดนี้”
             เขาหยุดพูดเพียงเล็กน้อยเพื่อเว้นจังหวะการส่งต่ออารมณ์ เห็นได้ชัดว่ารู้วิธีควบคุมหัวข้อการสนทนาเป็นอย่างดี

             “เพียงแต่ในบรรดากลุ่มคนที่ยังคงรักษาคุณธรรมในใจเอาไว้ได้เขาจะไม่เลือกทำร้ายเพื่อนมนุษย์เพื่อประโยชน์ส่วนตน..”

             ด้วยเข้าใจว่าในการทำศึกสงครามมิใช้เพียงกำลังคนหนุ่มฉกรรจ์ที่เปี่ยมไปด้วยกำลังวังชา ยังต้องประกอบด้วยยุทโธปกรณ์ อาชาศึกและเสบียงกรัง สิ่งที่ยกมานี้จำต้องใช้ทุนรอนและกำลังช่างฝีมือที่สูงมาก แล้วผู้ปกครองจะไปเอาของพวกนี้มาจากไหนหามิใช่การรีดไถจากชาวบ้านตาดำๆ ?

             เชื่อเถอะว่าแม้ดาบกระบี่ ชุดเกราะ ยังต้องพึ่งเรี่ยวแรงของประชาชนเป็นคนสร้าง ชนชั้นสูงเอ๋ย พวกท่านติดค้างปุถุชนคนธรรมดาเอาไว้มากกว่าที่คิด

             แรงงานทำนาถูกเกณฑ์ไปรบ ข้าวที่ควรเป็นเสบียงให้พวกเขาอยู่กินก็ถูกเรียกเก็บเป็นส่วยเป้นเสบียงกองทัพ โม่เสวียนคิดแล้วก็ไม่ใคร่ประหลาดใจที่คนแซ่จางผู้นั้นจะปลุกปั่นชาวบ้านผู้ทนแค้นมานานจนเกิดก่อกำลังก่อสงคราม ทนแล้วไม่กบฎสิแปลก..
             “ผู้ที่ร่วงหล่นลงสู้เส้นทางละเลงเลือด กลับใจจึงสามารถถึงฝั่ง ใช่ว่าพวกเขาปรารถนาที่จะโหดร้าย เป็นเพราะโลกนี้ทำร้ายพวกเขาก่อน ไม่มีใครที่ไม่เคยตกอยู่ในสภาพของเหยื่อไร้ทางสู้ ล้วนแต่ถูกบีบคั้นให้กลายเป็นปีศาจในคราบคนเป็น”

             แม้ในยุคสมัยฮั่นอู่ตี้จุดประสงค์ของการ ‘ยกเลิกสถาบันที่ไร้ประโยชน์ ส่งเสริมและศรัทธาเพียงข่งจื้อ’ เพื่อเป็นแบบแผนให้ทวยราษฎ์ปฎิบัติตามกรอบจารีตเดียวกัน ยึดถือคุณธรรมนำชีวิตสอดคล้องกับความภักดีต่อแผ่นดิน สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวเบิกทางสู่การสร้างขวัญกำลังใจของกองทัพในเวลาต่อมา

             เห็นได้ชัดว่าเป็นกุศโลบายทางการเมือง กล่อมเกลาและตีกรอบให้ผู้คนศรัทธาในสิ่งเดียวกันเพื่อสร้างความสามัคคีในบรรทัดฐานเดียวกัน โม่เสวียนไม่แปลกใจเลยที่คนแซ่หลิวผู้นั้นเลือกข่งจื้อ ลัทธิหยูวันๆ สอนให้บุตรกตัญญู ขุนนางภักดี ก็เพราะว่าถ้าภักดีกันหมดผู้ใดจะก่อกบฎเล่า! ต่อให้โอรสสวรรค์ไร้สามารถบริหารบ้านเมืองย่อยยับก็ยังต้องภักดีไง!!
             เอาล่ะ ข้อนี้ตระกูลเสิ่นคิดได้นานแล้วถึงสั่งลูกหลานช่างแม่งจารีต ช่างหัวประเภนีคล้อยหลังจากรุ่น ‘เทียนเซิ่ง’ ของเสิ่นหลิงเฮ่า เหล่าชาวตระกุลเสิ่นนอกจากหลักวิธีกำหนดจิตของพุทธและเต๋าก็ไม่เอาคำสอนศาสนาใดทั้งนั้น

             ความคิดในหัวของนายน้อยเสิ่นกลับมาที่การปลอบประโลมและเผยแพร่ความเชื่ออีกครั้ง ตอนนี้กว่าครึ่งผู้คนมีสีหน้าที่ดีขึ้นเป็นลำดับ บางคนถึงกับมองมายังเขาด้วยแววตาเลื่อมใส

             “ทุกท่านในยามนี้อาจมีข้อกังขาในคำของข้า แต่โปรดนำสิ่งีท่ได้ยินและได้ฟังในวันนี้กลับบ้านไปไตร่ตรอง อย่างช้าๆ อาจใช้เวลาเพื่อที่จะเข้าใจและยอมรับ มันคือความจริงแม้ว่าใจของเราจะเดียดฉันท์ก็ตาม”

             หากคิดสร้างความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่สร้างฐานอำนาจที่มั่นคงนั้นจำเป็นต้องสร้างบารมีจากชนชั้นล่าง ประชาชนคือผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินอย่างแท้จริงเขาต้องกุมใจผู้คนให้ได้เสียก่อนเป็นอันดับแรก

             โม่เสวียนหรุบแพขนตาลงประสานมือใต้แขนเสื้อเป็นท่ามาตราฐานของเหล่าบัณฑิตอันน่าเคารพ กล่าวโดยสรุปถึงความเชื่อที่เขาเพียรสร้าง นี่เป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น..

             “ชัยชนะที่แท้จริง คือชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ต้องรบ ในโลกที่เปิดกว้างไม่แบ่งแยกเราเขา ใต้หล้านี้เราทุกคนล้วนเป็นครอบครัวเดียวกันความเท่าเทียมคือบ่อกำเนิดของจิตที่เมตตาไม่ดูหมิ่นผู้อื่น เคารพซึ่งกันและกัน นี่ก็คือ...การพัฒนาเส้นทางแห่งสันติสุขที่ยั่งยืน บนพื้นฐานของศรัทธาและปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ ปล่อยให้สงครามเป็นเพียงทางเลือกสุดท้ายเถิด”

             เขาไม่ปรารถนาคำขอบคุณหรือการปรบมือชื่นชมสรรเสริญ เพียงเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมายังได้มีชาวบ้านบางคนก้มหัวให้ด้วยความศรัทธาที่ล้นใจ โม่เสวียนเข้าไปประคองคนผู้นั้นอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าจงอย่าถือว่าตัวเขานั้นคือผู้มาโปรด หากเป็นเพียงเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เล็งเห็นถึงข้อเท็จจริงของโลก ไม่จำเป้นต้องเทิดทูนเขาแต่ให้ทุกคนตระหนักรู้ข้อหนึ่ง

             “หากท่านศรัทธาในตัวบุคคล มนุษย์นั้นสามารถเปลีย่นแปลงได้เพียงชั่วพริบตา แต่หากท่านศรัทธาในคำสอนและอุดมการณ์ แม้คนผู้นั้นจากไปแล้วคำสอนนี้ยังคงอยู่ชั่วนิรันดร์”
             หลังร่ำลาขอตัวจากหมู่ชาวบ้านเดินกลับมาที่โต๊ะของมู่ชุน เดิมคิดจะจบการเผยแพร่แต่เพียงเท่านี้ หากไม่ติดเรื่องที่เขามีเวลาเพียงค่ำคืนเดียวก็คงจะออกปราศัยโต้รุ่งกันไปข้างหนึ่ง มือเรียวรินสุราดอกท้อให้ตนเองจนจอกกับมุ่ชุนแล้วคลี่รอยยิ้มหัว

             “เป็นอย่างไรพี่มู่? สนุกสนานหรือสาแก่ใจ?”

             ฝ่ายของมู่ชุนนั้นได้ยินแล้วก็ตบเข่าฉาดกรอกสุราลงคอด้วยความชอบใจ “พ่อหนุ่มเอ้ย! มีไม้เด็ดเช่นนี้ก็ไม่บอกแต่แรก แต่ละประโยคของเจ้ายิ่งกว่าศรของโฮ่วอี้ปักลงกลางใจข้าเสียทะลุทุกดอก ทำเอาข้ามู่ชุนคนนี้เลื่อมใสเจ้าขึ้นมาแล้วจริงๆ”

             ผู้หนึ่งเกิดความเลื่อมใสตนได้เสิ่นโม่เสวียนในใจรุ้สึกปิติยินดีรีบรินสุราอีกจอกให้คู่สนทนา เขาคีบกับแกล้มลงจานเล็กเมื่อครุ่ใช้พลังงานมากเริ่มหิวเล้กน้อย ระหว่างที่พูดไปยังหรุบสายตาถ่อมตนหาได้อวดโอ่ในความสามารถ

             “มิกล้ารับๆ พี่มู่ให้ความสนใจในอุดมการณ์ของข้านับว่าเป็นเกียรติยิ่งนัก หากไม่เพราะที่แล้วมาด้อยวาสนาคงได้พบเจอกันให้ไวกว่านี้ ข้ายังด้อยประสบการณ์ทางโลกต้องเรียนรู้จากพี่อีกมาก”  

             “วางใจเถอะ คนเช่นข้ามุ่ชุนหวงแหนคนชมยิ่งนัก ออกปากครั้งนี้หมายความตามดังว่า น้องเสิ่นเจ้าไม่อาจดูเบาเพียงรูปลักษณ์ภายนอกได้เลย”

             วาจาเสนาะหูราวกับผู้น้อยที่หวังที่พึ่ง มู่ชุนอยู่ในค่ายทหารพบเจอแต่เหล่าชายหัวเซอย่างกุนซือ ชายบ้าพลังกระโชกโฮกฮากไร้สัมมาคารวะจนชิน น้องชายแซ่เสิ่นผู้นี้กลับมีท่วงทำนองที่ต่างออกไปเปิดเผย จริงใจ ทว่ายังมีส่วนที่อ่อนโยนชวนอ่อนใจว่าเขาผู้นี้ไม่อาจใช้วิธีรุนแรงบังคับอีกฝ่ายได้ลง

             “ข้าเห็นพี่มู่ในวันแรกก็คิดเอาไว้แล้วว่าโหงวเฮ้งของท่านเป็นคนเด็ดเดี่ยว ซื่อตรง ทั้งยังกล้าหาญ ผู้น้องนับถือในน้ำใจที่ท่านเอ่ยหนึ่งประโยตช่วยสนับสนุนในวันนี้นัก ท่วาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง” หนึ่งประโยคที่คู่สนทนาร่างใหญ่กล่าว ดึงเอาเสียงสนับสนุนส่วนมากจากหลายคนในโถงเมื่อครู่มาได้ ผู้แซ่เสิ่นจึงนับเป้นการช่วยเหลือ

             “เฮอะๆ ไม่ใช่เรื่องมากมายอันใด ข้าถือหลักความเป็นจริงมากกว่าสิ่งงมงายที่ผู้คนสร้างมาหลอกตัวเอง น้องชายเอ่ยในสิ่งที่ผู้คนกล้าคิดไม่กล้าพูดออกมาพอดีจึงอดไม่ได้ก็เท่านั้น”

             มู่ชุนตรงไปตรงมาเช่นนี้กลับเป็นเรื่องดีที่ทำให้อีกฝ่ายลดความระแวดระวังลง เมื่อมาคิดว่าตนนั้นมีเล่ห์กลอยู่เต็มท้องทว่าอีกฝ่ายปฎิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจ ทำให้จุดนี้คนเกิดความละอายขึ้นมาตั้งใจว่าหลังจากนี้จะคบหากันด้วยความรอบคอบบนพื้นฐานน้ำใสใจจริง

             หลังพิจารณาอีกฝ่ายจนเริ่มจับสังเกตนิสัยใจคอได้ โม่เสวียนชั่งใจเล้กน้อยเขาเก็บจอกสุราเพื่อเอ่ยคำแนะนำแก่มู่ชุนด้วยเจตนาที่ดี

             “ท่านพ่อข้าเคยสอนว่าการเป็นนักปกครองหรือยอดแม่ทัพ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการรู้จักตนเอง ควรรู้ซึ้งถึงจุดด้อยของตนเพื่อที่จะได้เตรียมตัวรับกับทุกสถานการณ์ที่มิอาจเอาชนะได้ ความกล้าหาญนั้นคือสัญชาติญาติพื้นฐานที่ยอดนักรบพึงมีก็จริง แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือสติปัญญา ความสุขุมรอบคอบ และกลยุทธ์การทหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนจะเป็นในการทำศึกทั้งภายในและภายนอก เพราะลำพังความกล้าหาญในการบุกตะลุยในสมรภูมิเพียงอย่างเดียวย่อมไม่พอให้คนผู้หนึ่งเอาชนะศึกได้เสมอไป”
             “...........” มือที่กำลังยกจอกสุราขึ้นดื่มของมู่ชุนนิ่งค้างไป เขาไม่คิดว่าวันนี้ตนจะได้ยินทั้งอุดมการณ์ของอีกฝ่ายรวมไปถึงได้รับคำแนะนำจากคลื่นลูกหลัง หากเป็นในยามปกติคงมีอาละวาดกับคนที่กล้ามาเสี้ยมสอนตน

             ตัดภาพจากเหตุผลก่อนหน้า.. คนแซ่เสิ่นผู้นี้คือบุรุษที่ตนเลื่อมใสโดยไม่เกี่ยงว่าอีกฝ่ายจะอายุมากน้อย ด้วยถ้อยคำที่ปลุกจิตใจควบคุมมวลชนในดถงมาแล้วพอจะคาดเดาได้ว่าสติปัญญาของคนตรงหน้า ไม่ได้อยู่ในระดับสามัญเป็นแน่..

             น้องชายเสิ่น.. อายุเพียงเท่านี้ ความคิดอ่านระดับนี้

             บ้านเจ้าเลี้ยงเจ้ามาด้วยอะไร?...

             “ได้รับการชี้แนะจากน้องเสิ่น ข้ามู่ชนคนนี้นับว่าเกิดมาไม่เสียชาติแล้ว!”
             มู่ซุนรินสุราอีกจอกคาราวะผู้ที่ตอนนี้ตนยกย่องเปรียบเสมือนปราชญ์น้อย เชื่อว่าใช้เวลาเพียงไม่นานรอจนอีกฝ่ายเติบใหญ่ความสามารถย่อมเป้นที่ประจักษ์แน่ เนื้อเขาเต้นระริกนี่ตนเป็นคนแรกๆ ที่ได้มีโอกาสสัมผัสบุคคลที่จะกลายเป็นตำนานในอนาคตรึนี่?

             “มิกล้าๆ เพียงแต่เห็นว่าถ้อยคำบางคำเมื่อกล่าวถูกที่ ถูกเวลาย่อมทำให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังไม่มากก็น้อย”

             โม่เสวียนแทบสำลักกับท่าทีสุดแสนจะตรงไปตรงมาของคนเบื่องหน้า ดีแล้วที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ล้วนกลับบ้านไปนอน ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องลำบากหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมจู่ๆ คนผู้นี้จึงได้แผดเสียงเสียดังลั่น…

             "ขอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง.. นับวันข้ายิ่งเลิ่มใสท่าน ชายชาติบุรุษไม่หวั่นเกรงความลำบากนกที่ดีรุ้จักเลือกไม้ทำรัง.."

             โม่เสวียนเพียงอีกฝ่ายเปรยขึ้นมาเช่นนี้ก็คาดเดาได้หลายส่วน หัวคิ้วพลันยกยิ้ม "ท่านมู่คิดติดตามข้าทำการใหญ่ในอนาคตหรือ?"

             "ถูกต้อง.. หากแต่ตัวข้ามีเงื่อนไขบางประการ เป็นเพียงบททดสอบเล็กน้อยสำหรับผู้ที่จะมาเป็นนาย หนึ่งการประลองขอเพียงท่านเสิ่นชนะ ชีวิตของข้ามู่ซุนจะติดตามเป็นขุนพลข้างกายท่าน ชั่วชีวิตภักดีไม่เปลี่ยนแปร" เขาเป้นขุนพลบู๊ ย่อมเลือกวิธีประลองกำลังเพื่อทดสอบความสามารถอีกฝ่าย แม้เลื่อมใสในเชาว์ปัญญาญาณ หากนายในอนาคตไม่รุ้แม้วิธีปกป้องชีวิตตนเองก็ยากจะยอมรับโดยง่าย

             ฝ่ายคนชุดครามฟังแล้วลูบคางเล้กน้อย ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ "เรื่องนี้ไม่ยาก.. เพียงแต่บอกกล่าวอย่างกระทันหันควรให้ทัง้สองฝ่ายมีการเตรียมตัว ท่านไปรอข้าในยามค่ำของคืนวันที่ 7 เดือน 6 ไม่เกินรุ่งสาง ไม่พบไม่เลิกรา"

             "ได้! ข้ามู่ชุ่นจะไม่ผิดสัจจะอย่างแน่นอน!!"

ปลดอัตลักษณ์ #นักวิชาการ

♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
@Watcher @Watcher

(เลื่อมใสศรัทธา)
+3 Point จากการโรลทำงาน
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(ฉลาด)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
(อัจฉริยะ)
+30 EXP จากการโรลทำงาน
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+8 EXP จากการทำงานพาร์ทไทม์
(มู่ ชุน 119)
(หูดี)
+35 มอบสุราดอกท้อ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย  
(เลื่อมใสศรัทธา)
+15 นิสัยเดียวกัน
+ 20 ธาตุเกื้อหนุน (ไฟ หนุน ดิน)
+5 พูดคุยรายวัน
+10 ความเชื่อเดียวกัน (ไร้ศาสนา)
+17
+63
+100
-20 สูญเสียความเครียดเมื่อโรลทำงาน (เลื่อมใส)
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ (หูดี)
คนจรเล่าเรื่อง
(ทะเยอทะยาน)
+10 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
(เลื่อมใสศรัทธา)
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
x2.5 ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน (ไร้ศาสนา-มู่ชุน)


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-6-8 00:21:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ออกเดินทาง 10
สู่จงหยวน 2

หลังจากหญิงสาวแวะพักที่นอกเมืองลั่วหยางชั่วครู่ ก่อนจะขี่ม้าย่างก้าวเข้าเมืองในเวลาต่อมา ที่แรกที่นางไปเลยคือโรงเตี๊ยมภายในเมืองลั่วหยางเสียก่อน

เมื่อมาถึงเมืองลั่วหยางแล้ว ที่แรกที่นางอยากไปเลยก็คือโรงตี๊ยมที่ดีที่สุดในลั่วหยาง เธอจึงมุ่งหน้าไปยังที่นั่น

และเมื่อมาถึงหญิงสาวก็ได้พบกับผู้คนมากมายที่นี่ ไม่ว่าจะทั้งคนชั้นล่างไปจนถึงคนชนชั้นสูง เหมือนจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่มากมายเชียว

หญิงสาวก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยม ก่อนจะได้รับการบริการอย่างดีจากคนใช้ในโรงเตี๊ยม พาไปนั่งยังที่นั่งส่วนของสตรีที่แบ่งไว้อย่างดี
นี่หรือโรงเตี๊ยมมาตราฐานเมืองหลวง ช่าง...มีการตีกรอบแบ่งเขตกันด้วยเหมือนกันนะเนี่ย..

พอหญิงสาวเข้ามาในเขตที่นั่งของฝั่งสตรี ก็เห็นสตรีอีกคนหนึ่งอยู่ด้วยกันและอยู่โต๊ะข้างๆ ก็ดูยังเป็นหญิงสาวตัวน้อยที่มีรูปโฉมงดงามคนหนึ่ง
หญิงสาวเลยเอ่ยปากถาม ถึงแม่นางคนนั้นจะอยู่คนเดียว

"แม่นางน้อย บิดามารดาเจ้าอยู่ที่ใดกัน เหตุใดจึงมาอยู่คนเดียว?" หญิงสาวเอ่ยถามไป

เด็กหญิงคนนั้นได้ยินแล้วกลับมาสนทนาแบบ แปลกใจว่าทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงมีความสง่างามได้ขนาดนี้
"พ่อแม่ข้าปล่อยข้าไว้ที่นี่ก่อนอะแม่หญิง ว่าแต่แม่หญิงเจี่ยๆเพิ่งเคยมาที่นี่เหรอ?" หญิงตัวน้อยถามกลับไป

"ไม่เชิงหรอกจ๊ะ ข้าเคยมาที่นี่นานแล้ว แต่ได้กลับมาอีกครั้งด้วยความคิดถึงน่ะจ๊ะ" หญิงสาวเอ่ย
"ว่าแต่เหงารึเปล่าจ๊ะ มาคุยอะไรกับพี่สาวหน่อยไหม?" หญิงสาวเอ่ยชักชวน

"อืมมม ก็ได้อยู่นะคะเจี่ยเจี่ย" หญิงสาวตอบตกลง

"แม่นางน้อยนับถืออะไรจ๊ะ" หญิงสาวถาม

"ขงจื้อคะเจี่ยเจี่ย" หญิงสาวน้อยตอบมา

"ขงจื้อสอนว่าให้กตัญญูต่อบรรพบุรุษ บิดามารดาใช่ไหมจ๊ะ เท่าที่ข้ารู้มา" หญิงสาวถาม

"ใช่แล้วเจ้าค่ะเจี่ยเจี่ย " สาวน้อยตอบ

"แล้วแม่นางน้อยรู้สึกอะไรรึเปล่าที่ขงจื้อเนี่ยสั่งสอนให้ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบนี้" หญิงสาวถาม

"อืม.. ยังไม่ค่อยรู้เลยคะแม่หญิงเจี่ยเจี่ย หนูรู้แค่ว่ามันทำอย่างนี้.." สาวน้อยตอบ

"อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะจ๊ะ แบบนี้เอง เจี่ยๆว่าสอนการมีความกตัญญู เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ของให้แม่นางน้อยมีความจริงใจประกอบด้วย
ถ้าถือคุณธรรมข้อนี้ไปด้วยกัน ชีวิตของแม่นางน้อยจะราบรื่นแน่นอน" หญิงสาวเอ่ย

"เอ๋ จริงเหรอคะเจี่ยๆ เหมือนในตำราจะไม่มีสอนเลย..." แม่นางน้อยกล่าว

"บางทีในตำราก็ไม่มีสอนบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่แล้ว เราต้องลองออกไปค้นหาด้วยตัวเองดูนะจ๊ะ" หญิงสาวเอ่ย

"จริงอย่างที่เจี่ยๆว่า แต่ข้ายังกังวลอยู่.." แม่นางน้อยเอ่ย

"ไม่เป็นไรจ๊ะ ถ้าเจ้าโตขึ้น เจ้าก็จะได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ที่ขงจื้อไม่ได้สอนเองนะ" หญิงสาวเอ่ย

"เจี่ยๆต้องเป็นคนที่มีความรู้เยอะแน่ๆเลย เจี่ยๆชื่ออะไรเหรอคะ?" แม่นางน้อยถาม

"เรียกข้าว่า เซียงซานก็ได้นะ" หญิงสาวตอบไปเช่นนั้น

"ข้าชื่ออวี้เฟิ่งนะคะเจี่ยๆ เรียกอาเฟิ่งก็ได้นะ" สาวน้อยแนะนำตัว ดูเหมือนจะค่อนข้างดีใจที่มีคนคุยด้วย กับค่อนข้างวางใจในตัวหญิงสาวเนื่องจากไม่เป็นอันตรายสักเท่าใด
จากนั้นหญิงสาวก็จะดื่มน้ำชาทานขนมในโรงเตี๊ยมหรูซะก่อน ก่อนจะไปทำอย่างอื่นต่อ

รับฐานะ นักวางแผน
เงื่อนไข มีความโหด 1000+ / มี INT 100+
เสร็จสมบูรณ์

---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+1 Point ทุกครั้งที่มีการดวลปัญญา / การทูต คิ้วหงส์
+3 Point ทุกครั้งที่โรลการทูต / ดวลปัญญา หลังตรง
+2 Point ทุกครั้งที่โรลการทูต / ดวลปัญญา หูดี
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 18 Point / 30 exp

---------------------------

145 ฟ่านอวี้เฟิ่ง
+5 พูดคุย
+15 คนที่คุยด้วย หูดี
+15 หัวดีเหมือนกัน
+15 น้ำหนุนไม้
+15 รู้จักกันครั้งแรก หลังตรง
+5 คิ้วหงส์ คนที่สนใจ
+20 โต้วาที เซียงซานชนะ
รวม 90


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-6-8 01:19:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย XiangShan เมื่อ 2022-6-8 01:22

ออกเดินทาง
สู่จงหยวน 3 พยายามสนิทกับ ฟ่านอวี้เฟิ่ง

หลังจากหญิงสาวสนทนากับแม่นางน้อยในเรื่องสาวนาง่ายๆกับเสี่ยวอวี้เฟิ่ง หญิงสาวก็เห็นว่าหนูน้อยคนนี้มีแววความฉลาดในระดับที่ดี
แต่แถมถูกปลูกฝังให้นับถือขงจื้ออีกต่างหาก ตอนนี้ขงจื้อนับว่าเป็นศัตรู ตั้งแต่ตอนที่มีบัณฑิตขงจื้อมาต่อว่าเรา

เราต้องลองโน้มน้าวเด็กคนนี้ ให้มาทางเราให้ได้... หญิงสาววางแผนในใจ

"เสี่ยวเฟิ่ง วันนี้คุยสนุกมาเลยนะจ๊ะ เสี่ยวเฟิ่งดูเป็นเด็กหัวไวดีนะ" หญิงสาวเอ่ยชม

"ขอบคุณเจ้าค่ะเจี่ยเจี่ย" หญิงสาวน้อยรู้สึกชอบอกชอบใจที่มีคนชื่นชม
"ว่าแต่ เจี่ยเจี่ยเป็นคนแรกเลยนะคะเนี่ย ที่ชมหนูว่ามีปัญญาเช่นนี้" เสี่ยวเฟิ่งกล่าว

"ไม่หรอกจ๊ะ เจี่ยๆพูดความจริง แต่ที่น่าแปลกคือพ่อกับแม่ของเจ้ามิได้เอ่ยชมอะไรเจ้าเลยหรือ ว่าเจ้ามีไหวพริบเช่นนี้?" หญิงสาวสงสัย

"อืม.. ไม่ค่อยค่ะเจี่ยๆ พ่อกับแม่ข้าสอนให้ข้าปฏิบัติตามหลักขงจื้อค่ะ เท่านั้นก็พอ" เสี่ยวเฟิ่งกล่าว

อย่างนี้นี่เอง ขงจื้อพยายามกดสิทธิสตรีให้เป็นคนไม่รู้หนังสือ กลายเป็นคนเชื่องๆคนนึงที่วันๆเอาแต่พูดคำว่ากตัญญู
เอาล่ะ.. เราต้องสนิทกับหนูน้อยคนนี้ แล้วพาไปเรียนรู้ด้วยกัน..

"เจี่ยๆให้รางวัลเสี่ยวเฟิ่งนะจ๊ะ ในฐานะที่เป็นเด็กฉลาด เจี่ยๆรู้สึกพอใจมากเลยจ๊ะ" หญิงสาวมอบขนมให้กับหนูน้อยอวี้เฟิ่ง

"หวาวว ขอบคุณค่าเจี่ยเจี่ยเซียงซาน" หญิงสาวน้อยชอบใจที่เซียงซานให้ขนมเธอ เธอนำไปรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย

ที่เหลือก็แค่ คุยกับนางไปอีกสักพักนึง...

---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้กลอุบายหรือวางแผน นักวางแผน
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 17 Point / 30 exp

---------------------------

145 ฟ่านอวี้เฟิ่ง
+5 พูดคุย
+15 คนที่คุยด้วย หูดี
+15 หัวดีเหมือนกัน
+15 น้ำหนุนไม้
+5 คิ้วหงส์ คนที่สนใจ
+35 มอบขนมที่ชอบให้
รวม 90
@Watcher


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-6-8 04:23:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ออกเดินทาง
สู่จงหยวน 4 พูดคุยกับ ฟ่านอวี้เฟิ่ง อีกครั้ง

หญิงสาวเพิ่งจะให้ขนมกับหญิงสาวไปหมาดๆ ทีนี้เราก็พูดคุยกับนางเรื่อยๆ เพื่อนเพิ่มความสนิทกับหญิงสาวน้อยเสี่ยวอวี้เฟิ่งอีกสักหน่อย
การโน้มน้าวพวกนางได้ จะต้องใช้ความสนิท ยิ่งเป็นขงจื้อน่าจะยิ่งเชื่อฟังเป็นแน่แท้
ถึงจะใช้ข้อดีของความเชื่อนางมาใช้ให้เป็นประโยชน์ก็เถอะ..

"เสี่ยวอวี้เฟิ่ง ขนมอร่อยรึเปล่า?" หญิงสาวลองถามดู

"อร่อยค่ะเจี่ยๆเซียงซาน ปกติพ่อกับแม่ไม่ค่อยซื้อให้ทานนะคะเนี่ย" สาวน้อยอวี้เฟิ่งค่อนข้างพอใจ

"...." หญิงสาวคิด นี่ขงจื้อคิดจะให้หญิงสาวไม่ออกความเห็นหรืออะไรบ้างเลยหรือนี่
"งั้นเหรอจ๊ะ เจี่ยๆคิดว่าเสี่ยวอวี้เฟิ่งน่าจะได้เปิดหูเปิดตากับขนมดีๆเช่นนี้อีกนะ" หญิงสาวเอ่ย

"ปกติพออยู่ที่บ้าน ก็ได้ท่านแต่ขนมเดิมๆเจ้าคะ
เจี่ยเซียงซานได้นำของดีๆมาให้เป้นคนแรกเลย!" เสี่ยวอวี้เฟิ่งเอ่ยขึ้น

"จริงเหรอจ๊ะ เจี่ยเจี่ยรู้สึกพอใจมากเลยที่เสี่ยวเฟิ่งชอบนะ
ถ้าเสี่ยวเฟิ่งมาคุยกับเจี่ยๆบ่อย เจี่ยๆจะให้ขนมเพิ่มอีกนะจ๊ะ" หญิงสาวเอ่ย

"เจี่ยๆใจดีจังเลยค่า" เสี่ยวอวี้เฟิงดูเหมือนจะชอบ เราวางตัวเป็นพี่สาวใจดีคนหนึ่งให้เด็กน้อยเชื่อใจ แล้วเราจะค่อยๆปลูกฟังแนวคิดเราลงไปอย่างช้าๆ
เอาละ ถึงมันจะต้องใช้เวลา เราก็จะทำ...

---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้กลอุบายหรือวางแผน นักวางแผน
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 17 Point / 30 exp

---------------------------

145 ฟ่านอวี้เฟิ่ง
+5 พูดคุย
+15 คนที่คุยด้วย หูดี
+15 หัวดีเหมือนกัน
+15 น้ำหนุนไม้
+5 คิ้วหงส์ คนที่สนใจ
รวม 55
@Watcher


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-6-8 13:19:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ออกเดินทาง
สู่จงหยวน 5 พูดคุยกับ ฟ่านอวี้เฟิ่ง

หญิงสาวได้อยู่เป็นเพื่อนกับสาวน้อยฟ่านอวี้เฟิ่งสักระยะ เธอก็ชวนเสี่ยวเฟิ่งสนทนาเป็นระยะๆหลังจากได้
คุยกันชอบอกชอบใจก่อนหน้านี้

"เสี่ยวอวี้เฟิ่ง ได้เคยออกไปข้างนอกบ้างหรือไม่จ๊ะ อย่างเช่นไปเที่ยว หรือเยี่ยมชมเมืองอื่นๆ" หญิงสาวถามดู

"อืม.. ยังไม่เคยไปเลยเจี่ยๆ ข้ายังเด็กอยู่แล้วรู้สึกว่าพ่อกับแม่ข้าต้องให้อยู่แต่บ้าน
เป็นบุตรีกตัญญู" เสี่ยวอวี้เฟิ่งตอบ

หญิงสาวคิดตาม แหม่ ช่างเป็นพ่อแม่ธรรมดาสามัญในฉบับของขงจื้อเสียจริงน๊า
เด็กฉลาดเยี่ยงนี้ ถ้าขาดโอกาสก็เท่ากับไม่ได้เฉิดฉายความสามารถแน่แท้

"แล้วก็มีภัยโจรผ้าเหลืองออกอาละวาดด้วย พ่อแม่ก็เลยให้มาอยู่เมืองหลวงเพราะเห็นว่าปลอดภัย" เสี่ยวเฟิ่งกล่าว

หญิงสาวคิดตาม เรื่องนี้ก็เป็นอีกปัจจัยนึงเหมือนกัน..
"เช่นนี้เอง เสี่ยวอวี้เฟิ้งรู้จักรักษาตัวก็นับว่าเป็นเสี่ยวเฟิ่งที่เก่งและฉลาดมากเลยล่ะจ๊ะ
เดี๋ยวไว้โจรผ้าเหลืองสงบลง เจี่ยเจี่ยจะพาเสี่ยวอวี้เฟิ่งไปท่องเที่ยวด้วยกัน สนใจหรือไม่?" หญิงสาวเอ่ยชมพร้อมกับพูดคุย

"น่าสนใจนะคะเจี่ยๆ แต่ข้าติดเรื่อง ครอบครัวน่ะพี่เจี่ยๆ" เสี่ยวอวี้เฟิ่งเอ่ย

เรื่องนั้น อาจเป็นเรื่องเล็กๆก็ได้...
---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้กลอุบายหรือวางแผน นักวางแผน
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 17 Point / 30 exp

---------------------------

145 ฟ่านอวี้เฟิ่ง
+5 พูดคุย
+15 คนที่คุยด้วย หูดี
+15 หัวดีเหมือนกัน
+20 น้ำหนุนไม้
+5 คิ้วหงส์ คนที่สนใจ
รวม 60
@Watcher

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-6-8 17:12:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ออกเดินทาง
สู่จงหยวน 8 กลับมาโรงเตี๊ยม

พอหญิงสาวได้อ่านตำราสำหรับวันนี้มากพอ หญิงสาวก็เดินทางกลับมายังโรงเตี๊ยมลั่วหยางอีกครั้งนึง เมื่อพอหญิงสาวเดินกลับไปยังฝั่งที่นั่งห้องของสตรีก็พบว่าสาวน้อยอวี้เฟิ่งยังอยู่ที่โรงเตี๊ยมไม่ได้ไปไหน

หญิงสาวเห็นสาวน้อยอวี้เฟิ่งอยู่ตัวคนเดียวอีกรอบ ก็เลยต้องเข้าไปคุยกับหนูน้อย

"เสี่ยวเฟิ่ง พ่อแม่ของหนูยังไม่มาเหรอจ๊ะ?" หญิงสาวเข้าไปนั่งคุยเป็นเพื่อสาวน้อยอีกครั้ง

"อืม.. ข้าก็ไม่รู้อ่ะเจ้าค่ะเจี่ยเจี่ย
บางครั้งบางทีพ่อกับแม่ก็ไม่มา จนข้าอาจจะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้เป็นครั้งคราว" สาวน้อยอวี้เฟิ่งตอบมา

"......" หญิงสาวคิดในใจ ทำไมพ่อแม่ของเด็กคนนี้ถึงปล่อยปะละละเลยขนาดนี้น้า..
ไม่คิดเลยเหรอว่าดรุณีน้อยคนนี้จะมีปมเรื่องอะไรบ้าง

"งั้น เดี๋ยวเจี่ยๆจะอยู่เป็นเพื่อนอวี้เฟิ่งสักพักนึงก่อนละกันนะ เสี่ยวเฟิ่งจะได้ไม่ต้องกลัวใครมาลักพาหรือล่อลวงไปจากที่นี่"
หญิงสาวเอ่ยจะอยู่เป็นเพื่อน สร้างความสนิทสนมกับสาวน้อย

"รบกวนเจี่ยๆเซียนซางจริงๆเจ้าคะ ตั้งแต่เจอกันคราแรก ข้าก็กลัวเจี่ยๆอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นคนหลอกลวงรึเปล่า.. ตอนนี้ข้าก็พอจะไว้ใจเจี่ยๆได้บ้าง..." เสี่ยวเฟิ่งเอ่ยขึ้นมา

"...." หญิงสาวฟังดังนั้น ก็คิดว่าไม่เข้าข่ายหลอกลวงหรอก แค่.. ไม่อยากให้สาวน้อยเช่นเจ้าต้องมาอยู่ตัวคนเดียว
อีกอย่างคือ ขงจื้อสอนให้หญิงสาวมีแต่กตัญญูและชื่อเสียง ไม่คิดจะให้มีสิทธิมีเสียงบ้างเลยรึยังไงนะ...

---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้กลอุบายหรือวางแผน นักวางแผน
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 17 Point / 30 exp

---------------------------

145 ฟ่านอวี้เฟิ่ง
+5 พูดคุย
+15 คนที่คุยด้วย หูดี
+15 หัวดีเหมือนกัน
+20 น้ำหนุนไม้
+5 คิ้วหงส์ คนที่สนใจ
รวม 60

@Watcher

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้