[เมืองลั่วหยาง] โรงเตี๊ยมอี้เถา

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-8-31 09:05:23 |โหมดอ่าน


โรงเตี๊ยมอี้เถา
{ เมืองลั่วหยาง }






【โรงเตี๊ยมอี้เถา】

โรงเตี๊ยมแห่งนี้ จัดเป็นโรงเตี๊ยมที่มีขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก
แม้จะสู้โรงเตี๊ยมลี่กว่างจงใจกลางเมืองไม่ได้ แต่ก็นับว่าที่นี่...
ยังพอมีชื่อเสียงในด้านการรับแขกทุกประเภทไม่ว่าจะ ยากไร้
หรือ มั่งมี ก็สามารถเข้ามาดื่ม มากินได้เลย หากมิอิ่มท้องก็มิต้องกลับ
เมนูอาหารขึ้นขึ้นชื่อของร้านนี้ประกอบไปด้วย
- บะหมี่เกี๊ยวหมูน้ำพัดมันหอย
- บะหมี่น้ำใส
- หมูพัดกระเทียม
- และเมนูอื่นๆอีกหลายอย่าง เพียงแค่สั่งมาเราทำให้ทันที

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 100 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)


ข่าวลือ: เมื่อคืนวัน (14 เดือนสือเยว่) ยามไห้
มีบุรุษกับสตรีชุดแดงทำบัดสีบัดเถลิงกลางโรงเตี๊ยม ทั้งสองจูบกันต่อหน้าต่อตาสาธารณชน
ฟังข่าวลือได้รับ +8 EXP




เถ้าแก่โรงเตี๊ยม: เถา ฮัว
อุปนิสัยเถ้าแก่: เถาฮัวเป็นสตรีที่มีจิตใจดี สนุกสนานเฮฮาต่อลูกค้า
มิถือตัวว่าจะมาจากชนชั้นไหน ขอเพียงอิ่ม และ ถูกปาก ก็พอใจเถาฮัวแล้ว





โพสต์ 2021-8-31 12:17:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
| ณ . ร้านอี้เถา |

เสียงดังอึกทึกของแขกผู้เข้ามาพักกินดื่มนั้นดังออกมานอกเส้นทางการสัญจรของผู้คน อันแสดงถึงร้านแห่งนี้ว่า ฝีมือการทำอาหารของเถาฮัว | เถ้าแก่สาวร้านอี้เถา | นั้นมิเป็นสองรองร้านใครในเมืองหลวง และ บริเวณเขตแถวแห่งนี้เลย

พลันปรากฏร่างสามชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะด้านในที่ตอนนี้ได้ตบโต๊ะตะโกนถามเถ้าแก่เนี้ยของร้านแห่งนี้

❝ เนี่ยๆ! เจ้าแก่ เสร็จแล้วรึยังขอรับ!  ❞

เหล่าผู้เดินทางที่กำลังหิวโซ เนื่องจากเดินทางมาจากต่างเมืองที่แสนห่างไกลพูดขึ้นพลัน มองเข้าไปยังประตูที่เป็นทางเข้าปยังห้องครอบครัว ที่บัดนี้ หญิงสตรีสุดสวยคนหนึ่งกำลังมุ่งเป้าตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอย่างใจเย็น พลางสั่งลูกน้องอีก 2 คนให้ช่วยกันทำเข้า

❝ จ๋าา ใกล้เสร็จแล้วเจ้าค่าา ❞

❝  เร็วๆน่ะเถ้าแก่เนี้ย พวกเราหิวมากแล้วด้วย!  ❞
ผู้ติดตามของชายคนนั้นสองคนพูดขึ้นพร้อมกันว่า

❝ ใช่ๆ เราหิวแล้ว  ❞

❝  จะรีบทำให้เสร็จเร็วๆน่าา  ❞ เถาฮัวพูดขึ้นมาก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารที่ลูกค้าสั่งอย่างใจเย็น เพื่อรสชาติอาหารจะได้เข้าเนื้อและอร่อยถูกปากแขกอย่างดี

หลังจากนั้น มิกี่เพลาต่อมา อาหาร 3 ชามนั้นคือ บะหมี่เกี้ยวหมูน้ำมันหอย ของขึ้นชื่อในร้านได้มาเสริฟยังหน้าโต๊ะของชายทั้ง 3 อย่างร้อนๆ และ กลิ่นที่หอมโชยอันแสดงถึงรสชาติอาหารที่อร่อยจุใจอย่างแน่นอน

❝ มาแล้วเจ้าค่ะ~~~  ❞

❝ ว้าววว กินหอมจังเลยน่ะเถ้าแก่เนี้ย ~ ❞

❝ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ? ❞

หญิงสาวยิ้มร่าอย่างดีใจ ที่มีแต่คนชมฝีมืออาหารของตน ก่อนที่ตนจะขอตัวจากชายทั้ง 3 เข้าไปทำอาหารต่อไป

เมื่อนางจากไปแล้ว บุรุษทั้ง3 ต่างพูดคุยกระซิบถึงเรือนร่างนางอย่างชอบใจพลันมองดูนางที่เดินเข้าไปยังในครัว เหมือนว่าชายทั้งสามนั้นจะมีอารมณ์ตัณหาราคะ โดยไม่ยับยั้งชั่งใจเลย และ ดูเหมือนว่าทั้งสามนั้นจะเป็นกลุ่มอันธพาลที่มาจากเมืองอื่น หรือ หลบหนีอะไรสักอย่างจนมาถึงเมืองหลวงแห่งนี้ ก่อนที่จะเริ่มกินบะหมี่ด้วยความเอร็ดอร่อย

         |  ณ. ไม่กี่เพลาต่อมา  |

❝ กลับก่อนนะเถ้าแก่เนี้ย ❞ แขกคนอื่นขอตัวกลับ พลันจ่ายตังค์ให้เสร็จสรรพ

❝ ขอบคุณเจ้าค่าา อย่าลืมมาอุดหนุนด้วยน๊าา  ❞ เถาฮัวโค้งศีรษะขอบคุณแขกทั้งหลาย

เมื่อชายทั้งสามนั้นทานเสร็จจนอิ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พอดีกับแขกคนอื่นๆออกไปหมด พวกเขาจึงได้เรียกให้ เถาฮัว ออกมาคิดเงิน โดยวางแผนอะไรเอาไว้อยู่

❝ เถ้าแก่เนี้ย! เถ้าแก่เนี้ย! มาคิดเงินเลย ❞

❝ เจ้าค่าาาา ~~  ❞ นางเดินออกมาพลันยืนคิดค่าบะหมี่อยู่อย่างงั้น.. ทันใดนั้น!

ฟึบ! ~

ชายโฉดคนหนึ่งได้จับเอวของ เถาฮัว ลากลงมานั่งที่ตักของตน โดยที่เถาฮัวนั้น ยังมิทันได้ตั้งตัวเลย

กรี้ด!!!! เสียงร้องกรี้ดของหญิงสาวดังขึ้นมาทันใด ลูกน้องเสียวเอ้อทั้งหมด 2 คนในร้านก็รีบวิ่งมาดูเหตุการณ์

❝ แม่นาง!!!! เนื้อนวลกลิ่นหอมยิ่งนักก ~ ขายให้เราเถอะ เดี๋ยวจะเพิ่มเงินให้! ❞

❝ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยค่ะ !!! ❞

เถาฮัวนางตะโกนเสียงดัง พลันน้ำตาไหลอาบสองแก้มด้วยความกลัว และ ดิ้นพล่านสุดชีวิตแต่สู้แรงชายโฉดผู้นั้นมิได้ . แถมอีกอย่างก็มีใครกล้าเข้าไปช่วยเลย เนื่องจาก 1 ในนั้นมีกระบี่อยู่

❝ มิมีใครช่วยเจ้าได้หรอก แม่นางเออ~~ ฮ่าๆ ❞
ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพลันหัวเราะร่า

❝ ช่วยข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ ใครก็ได้ ฮือๆๆๆๆ ❞ หญิงสาวร้องไห้ พลันดิ้นไปมา

ทันใดนั้นก็ปรากฏน้ำเสียงของชายผู้หนึ่งขึ้น

❝ ข้าช่วยเอง!!! ❞

  พลันปรากฏร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่คนหนึ่งขึ้นมาจากการหาโอกาสย่องมาจากด้านหลัง พลันได้ใช้ท่อนไม้หนาในกำมือของตนนั้น ฟาดไปที่ท้ายทอยของชายคนนั้นผู้ได้จับเถาฮัวเอาไว้

ตุ๊บ!!!!!! เสียงท่อนไม้ที่ฟาดไปท้ายทอยของชายผู้นั้นอย่างจัง

ร่างของชายผู้นั้น ฟุ๊บ! ทรุดลงกับพื้นทันที เปิดโอกาสให้เถาฮัววิ่งหนีไปหลบอยู่ที่หลังของเสี่ยวเฮ้อสองคนที่ยืนมองดูอยู่ไกลๆ

❝ เห้ย!! เจ้าทำอะไร!! ❞

ชายคนสองนั้นตกใจ พลันหันหลังมาดูนายใหญ่ตนที่นอนลงกับพื้น พลันซักกระบี่ออกมาหวังจะสู้กับบุรุษผู้ที่ถือท่อนไม้นั้น ซึ่งบุรุษคนนั้นคือ ฉางเซิ่งนั้นเอง


❝ หึๆ พวกเจ้ารีบพาไอ่คนนี้กลับออกไปจากร้านนี้เสีย อย่ากลับมาอีก! ❞

ฉางเซิ่งปล่อยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พลันมองหน้าจ้องดูชายทั้งสอง และ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งขันในเชิงไล่ให้ทั้ง 3 นั้นออกไปจากร้าน

❝ ใครสนว่ะ! จัดการมัน!!! ❞ ชายผู้ถือกระบี่บอกกับอีกคนให้รุมฉางเซิ่งอย่างเร็ว โดยชายผู้ถือกระบี่นั้นหันปลายแหลมพุ่งเป้าจะแทงฉางเซิ่งให้ตาย

ฉางเซิ่งใช้เพลงอาวุธที่เคยร่ำเรียนมาจากหมู่บ้านตวาดท่อนไว้รับเพลงกระบี่ของชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว พลันได้แกว่งท่อนไม้เข้าไปใส่ที่มือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ทำให้กระบี่หลุดจากมือ และ เสียงร้องเจ็บปวดพร้อมมือที่แดงของชายผู้นั้นดังขึ้น โดยที่ชายผู้นั้นได้นั่งกุมมือที่แดงของตนพลางร้องด้วยความเจ็บปวด

มิรอช้า ฉางเซิ่งได้รีบก้มตัวไปเก็บกระบี่ของชายคนนั้นขึ้นมา แล้วชี้ไปยังชายที่ยืนจังก้าโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย

❝ พวกเจ้าไสหัวไปเร็ว!!!!!  หากชักช้าตาย ❞

ฉาวเซิ้งพูดในเชิงที่ไล่หนี ห้ามมาเหยียบที่นี่อีกมินั้นตายสถานเดียว

❝ ขอรับ!!! ไปๆ  ❞ ชายผู้นั่งกุมมือพูดขึ้น ก่อนที่จะบอกให้อีกคนที่ยืนกลัวเกรงต่อฉางเซิ่งนั้นพยุงตัวชายผู้นอนอยู่นั้นออกไป

เมื่อทั้งสามออกไปแล้ว ฉางเซิ่ง ได้เดินเข้าไปหา เถาฮัว นางสาวที่ตอนนี้ได้ขอบคุณคนอย่างซึ้งใจ

❝ พี่ฉาวเซิ่ง หากมิมีพี่น้องคงโดนย่ำยีแล้วเป็นแน่ ? ❞ หญิงสาวพูดขึ้นพลางยิ้มร่าอย่างดีใจที่เห็นชายหนุ่มที่ตนนั้นรู้จักพอมานานได้สักพักเข้ามาช่วยเอาไว้ตนจึงพูดออกมาในเชิงตอบแทนบุญคุญ พร้อมรอยยิ้มหวานอันน่ารักที่ชวนหลงไหล

❝ น้องขอเลี้ยงอาหารพี่ 5 วันเพื่อเป็นการตอบแทนนะเจ้าคะ?  ❞

❝ เอิ่ม....... มิต้องขนาดนั้นก็ได้~~ พี่แค่ช่วยเท่านั้นเอง...แฮะๆ ❞

ฉางเซิ่งมองหน้าของนางก่อนจะหันหนี เพราะเห็นรอยยิ้มที่แสนหวาน และ ความน่ารักของนางนั้น ด้วยความเขินอายนั้นแหละ

❝ .... พี่ต้องกิน ไม่งั้นน้องจะโมโหเอา .. ❞ นางพูดขึ้น พร้อมสีหน้าที่แหย๋ๆ เหมือนจะโกรธๆ

❝ ก็ได้ๆๆๆ.... ขอบคุณน้องมากนะ  ❞

   ฉางเซิ่งพูดขึ้น ก่อนที่เถาฮังนางจะจูงแขนไปนั่งที่โต๊ะพิเศษในร้าน พร้อมกับเดินเข้าครัวไปทำอาหารหลากหลายมาตอบแทนแก่ ฉางเซิ่งนั้นเอง
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ทวนสามพยัคฆ์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x1
x1
x1
x5
x1
x2
x1
x1
x10
x1
x10
x29
x8
x2
x4
x4
x5
x1
x1
โพสต์ 2021-8-31 21:36:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuYiGuang เมื่อ 2021-8-31 22:06

หลังจากที่เหตุการณ์เมื่อเช้านี้ได้ผ่านพ้นไป แม่นางเถาฮัว ตอบแทนด้วยการทำอาหารเลิศรสทุกอย่างตอบแทนแก่ชายผู้มีพระคุณ | ฉางเซิ่ง | นั้นเอง

  หลังจากทานอะไรกันเสร็จอิ่มจุใจกันเสียหมดแล้ว ฉางเซิ่งจึงพูดกับแม่นางเถาฮัวออกไป พลันลุกขึ้นจากโต๊ะที่ตนนั่งพลันมองหน้า และ เอ่ยกับหญิงสาวไป

❝ ขอบคุณมากที่น้องตอบแทนพี่ เอิ่ม.....  ❞

ชายหนุ่มมองไปยังด้านนอกเมื่อดูแล้วน่าจะถึงเวลา

❝ เอางี้พี่ช่วยเก็บกวาดร้านช่วยนะ ❞

❝ พี่... ขอบคุณพี่มากเจ้าค่ะ ? ❞

หญิงสาวก้มศีรษะต่อบุรุษที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่ทั้งสอง และ เสี่ยวเอ้อ 2 คนประจำร้านจะได้ลงมือทำความสะอาดเก็บกวาดร้านอย่างดุดัน และ ขยันจนผ่านไปหลายเพลาจึงเข้าที่เข้าทาง พื้นร้านสะอาด และ ที่นั่งเก็บเข้าที่ เป็นอันที่สิ้นสุด

  เมื่อเสร็จกิจแล้ว ฉางเซิ่งจึงได้ขอตัวต่อ เถาฮัว เพื่อจะได้ออกไปหางาน และ เดินหน้าสานต่อปณิธานของคนที่ตั้งเป้ามาเสียนานให้สำเร็จ

❝ น้องเถาฮัว พี่ขอตัวก่อนนะ ❞

❝ พี่จะไปแล้วหรือเจ้าคะ.... ❞ หญิงสาวพูดพลางมองหน้า

❝ ใช่แล้วละ... ปณิธานพี่รออยู่ พี่ต้องสานต่อ... ขอให้โชคดีนะ ❞

ชายหนุ่มพูดขึ้นพลันโค้งศีรษะอำลา เถาฮัว และ หนุ่มน้อยเสี่ยวเอ้อทั้งสองนั้น ก่อนที่เขาจะสวมหมวกฟาง แล้วเดินออกจากร้านอี้เถาไปโดยมี เถาฮัวโค้งศีรษะขอบคุณที่เคยช่วยตอนเช้า และ โค้งเพื่อเป็นการอำลา

    ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในเสื้อคุมฟาง และ หมวกฟาง ก่อนที่เขาเดินทางมุ่งหน้าออกจากหน้าร้านอี้เถา และ มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองลั่วหยาง เพื่อเดินทางมุ่งหน้าสู่ตะวันตก เพื่อเดินทางไปเมืองฉางอันเพื่อไปทำงานตามคำประกาศชวนในเมืองลั่วหยาง นั้นคือ : งานจากพ่อค้าสกุลหวังนั้นเอง
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ทวนสามพยัคฆ์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x1
x1
x1
x5
x1
x2
x1
x1
x10
x1
x10
x29
x8
x2
x4
x4
x5
x1
x1
โพสต์ 2021-9-1 12:40:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
      เทียนหลงที่ในตอนแรกได้มุ่งหน้าขึ้นสู่ทิศเหนืออย่างไรจุดหม่ายได้ก็ได้ไปหยุดอยู่ที่เมืองสวี่ซาง และได้ยินเช้าเมืองที่นั้นกล่าวว่าหากมายังเมืองนี้จะสามารถได้รับงานที่ได้เงินดี และยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลือเกี่ยวกับ เถ้าแก่ผู้งดงามภายในเมืองแห่งนั้นด้วย

      เทียนหลงแค่ได้ยินเพียงเท่านั้นก็รีบตรงดิ่งมายังลั่วหยางอย่างรวดเร็วผ่านด้านทั้งสองมาอย่างยากลำบากเล็กน้อย แต่นั้นมิใช่ปัญหามากนัก เพราะตอนนี้ในที่สุดเขาก็มาถึงยังหน้าของโรงเตี๊ยมอี้เถาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


      เทียนหลงเริ่มลงมาจากอาชาขาวคู่ใจอย่างช้าๆ ก่อนจะเดินเข้าไปภายในโรงเตี๊ยมที่มิได้ใหญ่มากนัก ภายในตกแต่งได้งดงามต่างจากความคิดของเขาในครั้งแรก ผู้คนมากหน้าหลายตา ต่างเพศ ต่างวัย ต่างชนชั้น ต่างมารับประทานอาหารในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เต็มไปหมด


     "ยินดีตอนรับเจ้าคะ รับอะไรดีคะ" เสียงใส่ของหญิงสาวพลันทำให้ชายหลายคนต่างหลงไหล กลิ่นกายอันเย้ายวน นั้นทำให้หญิงสาวผู้นี้มีเสน่ห์น่าดึงดูดมากยิ่งขึ้น


     "แม่นางคงเป็นเถ้าแก่ของที่นี่สินะ.....งั้นข้าขอเป็นเมนูขึ้นชื่อแล้วกัน" เทียนหลงนั้นเดาได้อน่างไม่ยากเย็นเพราะเห็นทีในเมืองแห่งนี้คงมีแม่นางผู้นี้เท่านั้นที่เป็นหญิงงามครองเมือง


     "ได้เลยเจ้าคะ งั้นรอซักครู่นะ" หญิงสาวพลันกล่าวออกมาก่อนจะเดินจากไป หลังจากนั้นไม่นานอาหารที่เขาได้สั่งก็พลันได้มาเสิร์ฟยังโต๊ะของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับหญิงสาวที่กำลังเดินจากไป..


     "เดี๋ยวก่อนเถ้าแก่ผู้งดงาม" เทียนหลงพลันกล่าวขึ้นเพื่อยื่อเวลาที่จะได้คุยกับสาวงามผู้นี้อีกซักหน่อย


     "มีอะไรรึเจ้าคะ หรืออาหารของทางร้านมีปัญหา" หญิงสาวกล่าวถามออกมาด้วยความจริงใจ หากอาหารของตนมีปัญหา เธอนั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนให้ใหม่อย่างเต็มใจ


     "มิใช่หรอกเถ้าแก่ ข้าจะถามบางเรื่องเพียงเท่านั้นเอง" เทียนหลงพลันกล่าวออกมาเพราะสิ่งที่เขาต้องการจะรู้นั้นมิได้เกี่ยวกับอาหารแม้แต่น้อย อีกอย่างที่เขาสร้างอาหารมาก็เพื่อเป็นมารยาทเพียงเท่านั้น


     "หากเป็นเรื่องที่ข้ารู้เชิญถามมาได้เลยเจ้าคะ" หญิงสาวพลันกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่แสดงออกถึงความจริงใจ


     "ข้าได้ข่าวว่าเมืองแห่งนี่สามารถหางานที่ได้เงินดีได้ เถ้าแก่พอจะรู้ไหมว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ใดกัน" เทียนหลงพลันกล่าวถามอย่างตรงประเด็น เพราะเขาเองก็พึ่งมาเมืองนี้ครั้งแรก ที่สามารถมาถึงยังโรงเตี๊ยมแห่งนี้ได้เป็นเพราะเขานั้นถามทางจากชาวบ้านทั่วไป ซึ่งทุกคนก็เหมือนจะรู้จักร้านแห่งนี้กันเป็นอย่างดี


     "ท่านคงหมายถึงพ่อค้า หวังจิน สินะ"


     "เขาอยู่ที่จัตุรัสกลางเมืองเจ้าคะ" หญิงสาวพลันกล่าวตอบเท่าที่เธอรู้เพียงเท่านั้นส่วนรายละเอียดเรื่องงานนั้นเธอมิเคยทราบซักครั้ง


     "ขอบคุณเถ้าแก่ผู้งดงาม" เทียนกล่าวออกมาก่อนจะเริ่มกินอาหารที่ตนได้รับมันเป็นบะหมีน้ำใสที่ดูธรรมดา แต่กลับมีรสชาติที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่ตาเห็น


     "เจ้าคะ" หญิงสาวเมื่อได้เห็นลูกค้าของตนทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยก็พลันยิ้มออกมา ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบ...


     เทียนหลงหลังจากที่ทานทุกอย่างเสร็จก็พลันว่างเงินได้ที่โต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากร้านควบอาชาคู่ใจไปที่จัตุรัสกลางเมือง
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-9-5 19:56:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ร่ำสุราหวนรำลึกวีรชน

        ยุครุ่งเรืองของราชสำนัก  ขุนนาง  กำลังเสื่อมถอยลง  ความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อราชสำนักถึงคราววิกฤติ  ผู้ใดกอบกู้คืนได้ย่อมเป็นวีรบุรุษ  ชนรุ่นหลังรำลึก  ซาบซึ้งคุณ  กวาดสายมองดูแล้วเพียงเอาตัวรอดได้นับว่าดีที่สุดแล้ว    เฉกเช่นบุรุษผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นอัศวินบนหลังมาตอนนี้ต้องกลัมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง  หลี่ซีซวนเดินเข้ามาในเมืองลั่วหยางยังมิได้รับทำงานใดโดยทันที   เขาอยากหาความสำราญก่อนที่จะต้องเดินทางอีกครั้ง   หนนี้เลือกสวมชุดชาวบ้านธรรมดาปรับตัวและพฤติกรรมไม่ให้เป็นที่โดดเด่น  ชาวบ้านธรรมดา  จิ้งจอกหุ้มหนังแกะ  ฝีมือของเขาตกต่ำอย่างถึงที่สุด   ทว่าปัญญญาและความสามารถผู้ใดพรากมันไปจากบุรุษที่ครั้งหนึ่งเคยอหังการ์ได้บ้าง   หลี่ซีซวนเดินมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งสายตามองเข้าไปด้านในพบว่ามีคนมาใช้บริการมากหน้าหลายตา  แน่นอนว่าไม่มีพวกคนจร  คนเร่ร่อน  ไม่อย่างนั้นคงต้องตอบคำถามยาวแน่นอน  มองสำรวจจนแน่ใจจึงเดินเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม  บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้เต็มไปความสรวญเส  เฮฮา  ท่ามกลางบรรยากาศการลุกฮือของโจรโพกผ้าเหลือง  แม้อ้างความชอบธรรมอย่างไรคนเหล่านั้นย่อมคือโจร  หลี่ซีซวนเลือกโต๊ะตรงด้านในเกือบหลบมุมมืดด้วยอยากได้ความเป็นส่วนตัว  แต่ก็อยากฟังเสียงดนตรีประโลมใจให้ตัวเองยามตกต่ำถึงเพียงนี้  เส้นทางที่ต้องเดินคนเดียว  ดั่งทางเปลี่ยวในที่มืด  

  "ไม่ทราบจะรับอะไรดี"

   บริกรวัยไล่เลี่ยกับหลี่ซีซวนเดินเข้ามาถาม  น้ำเสียงเจือปนความเหยียดหยาม  ทำเอาเขาต้องกล้ำกลืนน้ำลายลงไปอีกครั้ง

  "สุรานารีแดงกับสุราไม้ไผ่ เอามาอย่างละไร  น้ำแกง 1 ถ้วย  เป็ดอย่าง 1 ที่  เนื้อแพะย่างด้วย"

   หลี่ซีซวนสั่งอาหารและสุราโดยไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองมากมาย  การสั่งเมนูอาหารอย่างผู้มีอันจะกินทำเอาบริกรยืนมองด้วยความงุนงง  มันพยักหน้ารับทราบแล้วเดินจากไป   ครานี้โต๊ะที่นั่งใกล้และถัดไปไม่ไกลนักพวกมันหันมามองหลี่ซีซวนแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปที่เดิม  แต่ละคนล้วนไม่ใช่ชนชั้นกินเจหากมีเรื่องกันในโรงเตี๊ยมสำหรับหลี่ซีซวนไม่ประสงค์จะให้มันเกิดขึ้น  พยัคฆ์เพิ่งฟื้นตัวมิควรมีเรื่องกับผู้อื่นให้เจ็บตัวอีก  กระทั่งดนตรีบรรเลงขึ้นพร้อมกับบริกรนำอาหารทั้งหมดพร้อมสุรามาวางไว้บนโต๊ะ  มิทันได้ร่ำสุรา  กินอาหารบนโต๊ะ  หลี่ซีซวนควักเงินจ่ายให้บริกรไปก่อนแล้ว  เขาไม่สนใจท่าทีกับสายที่มองการกระทำของตนเอง   นี่อาจจะเป็นอุบายปลีกตัวหากมีเรื่องวิวาท  หลี่ซีซวนมาเพื่อนร่ำสุรารำลึกถึงเหล่าวีรชนที่ออกต่อสู้ฟาดฟันพวกโจร  ผู้ร้ายอย่างพลุ่มโพกผ้าเหลือง  เมื่อคิดก่อการใดล้วนต่างมีข้ออ้างและคำพูดหวานหูเสมอ  พวกเขาต่างคือสหายในสมรภูมิรบอย่างลืมตาย  ไว้เกียรติและศักดิ์ศรีของขุนศึก  ขุนพล  แล้ววันเวลาพรากพวกเราให้ต้องห่างไกลกัน

  "วันใดข้ากลับมาผงาดอีกครั้ง  ข้าจะไม่ลืมวีรชนเช่นพวกท่าน"

   หลี่ซีซวนมีแววตาอาลัยและนั้นคือความคิดที่จะกลับมามีอำนาจอีกครั้งในเส้นทางของอำนาจ  ผงาดดั่งมังกรที่โผล่พ้นกลีบเมฆ   ดนตรีบรรเลงทำนองราวกลับพาผู้คนที่ได้ฟังไปสู่ความสงบท่ามกลางความวุ่นวายของสงคราม  หลี่ซีซวนนั่งถือขวดเหล้าปล่อยใจไปกับเสียงดนตรีที่กำลังบรรเพลงจากท่วงทำนองสบายๆ เปลี่ยนมาเป็นทำนองดุดัน  ฮึกเหิม  ราวกับกำลังปลุกความฮึกเหิมในใจผู้ฟัง  เบื้องหน้าสายของหลี่ซีซวนเห็นคนภายในโรงเตี๊ยมสนุกไปตามท่วงทำนองของบทเพลง  เพียงราตรีมาเยือนไม่นานอาหารในจานหมดเกลี้ยง  เขาขอห้องพักจากบริกรสำหรับพักผ่อนในค่ำคืนที่เหนื่อยล้าทว่าสนุกอย่างที่สุด   หลี่ซีซวนเข้าพักห้องด้านในสุดแล้วไม่ออกมาพบเจอผู้ใดอีกเลย




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-9-8 00:40:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ณ โรงเตี๊ยมอี้เถา

เสียงเอะอะในโรงเตี๊ยมที่มีเสียงผู้คนกำลังดื่มสุราและคุยกันอย่างเสียงดังอยู่นั้นเอง ก็ได้มีเสียงฝีเท้าเบาๆกำลังเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ซึ่งรูปร่างของเขาก็เตี้ยใบหน้าเรียว ที่กำลังจะเดินเข้าไปนั่งที่นั่งตรงใกล้ๆกับประตูร้าน

“ เถ้าแก่ของชา 1 ที ”

“ โอเคจ๊ะ ”

เถ้าแก่ที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มที่กล่าวอันนุ่มกับเขา ซึ่งเถ้าแก่ก็ตกลงและทำน้ำชาซึ่งเป็นรายการเครื่องดื่มที่ชายหนุ่มเตี้ยใบหน้าเรียวเป็นคนสั่ง

แต่ก็นะก็ได้มีเสียงเปิดประตูโรงเตี๊ยมขึ้นมาดัง ฟุบ!! ซึ่งเป็นผู้ชายทั้งสองคนหนึ่งสูงแต่หน้าดำ ส่วนอีกคนใบหน้าขาวสะอาดและสูง
พวกเขาทั้งสองก้าวเดินเข้าร้านอย่างนักเลงและไม่เกรงกลัว

ซึ่งทั้งสองเองกำลังจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะนั้นก็เห็นเถ้าแก่หญิงของร้านที่ดูสวยและงดงามจัดๆ ทั้งสองจึงเดินเข้าไปว่าจะจีบนางเป็นของตนเองให้ได้

" น้องสาวขอรับ มิทราบว่าน้องช่างงดงามเยี่ยงนัก มีคู่รักยังขอรับ "

ชายที่สูงหน้าดำเข้าเกี้ยวพาราสีหญิงสาวอย่างแหนบแหน่ม พร้อมกับมีผิวปากเบาๆให้หญิงสาว

" ขอโทษเจ้าค่ะ ถ้าจะมากินอาหาร ที่นี้ ข้า ยินดีต้อนรับ แต่ถ้ามาเกี้ยวพาราสีข้า ขอบอก เลยว่า มันช่างไร้หน้ายางอายสิ้นดี "

" บังอาจ!!! "

ชายที่สูงหน้าดำจับแขนของหญิงสาวอย่างแรงเพราะเขาเองไม่ชอบเลยที่มีใครมาว่าเขาเช่นนี้

" ใจเย็นๆก่อนสหายถ้าจับแค่นั้นมันคงไม่เจ็บหรอก คนต้องจั บ น ม ดี ก ว่ า "

พอหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็ใช้มือขวาตบหน้าแรงๆใส่ชายที่สูงหน้าสะอาดคนนั้น 1 ที
ทำให้ชายสูงหน้าสะอาดรู้สึกโกรธมากจึงใช้มือขวาตบหน้านางจากขวาไปซ้าย 1 ที

" เป็นแค่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมแค่นี้อยากคิดริบังอาจกลับข้า!!! "

เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง ซึ่งชายเตี้ยใบหน้าเรียวผู้นั้นเองที่รอน้ำชาจากเถ้าแก่อยู่ก็เห็นว่าเถ้าแก่เองโดนพวกนักเลงรังแก จึงลุกขึ้นยืนจากเก้าและก้าวเดินไปอย่างปกติ แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นๆ

" แต่เจ้าต้องมาเจอกับข้า "

เขาเองกล่าวออกมาก่อนที่จะกำมือขวาของตัวเองชกเข้าเบ้าหน้าของชายสูงหน้าดำไป 1 ปัก!! ทำให้ชายสูงหน้าดำต้องล้มลงในการต่อยเข้าเบ้าหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นเอง

" เพื่อนข้าเจ้าเป็นอะไรไหม "

ชายสูงหน้าสะอาดเข้าไปดูอาการของชายสูงหน้าดำและถามด้วยความเป็นห่วง

" ข้าไม่เป็นไรๆ "

ชายหน้าดำกล่าวออกมาและก็ลุกขึ้นยืนด้วยความมึนเล็กนัอยที่ชายหนุ่มเตี้ยใบหน้าเรียวต่อยเขาโดนไม่ทันตั้งตัว

" เจ้าเป็นใครว่ะ อยากลองดีรึ!!!"

" แน่นอนอยู่แล้ว "

จากนั้นจึงได้เริ่มการต่อสู้กัน ชายสูงหน้าดำเริ่มกำหมัดมือขวาและต่อยมาจากทางขวาซึ่งชายหนุ่มเตี้ยผู้นั้นก็หลบตัวโดยเอนตัวลงจากด้านหลังและก็ใช้เท้าขวาเตะใส่ชายสูงหน้าดำผู้นั้นไปทางซ้าย
ซึ่งพอชายสูงหน้าดำคนนั้นที่เห็นก็โดนลูกเตะเต็มๆของชายหนุ่มเลยทำให้เสียหลักเล็กน้อย แต่ก็นะชายหนุ่มเตี้ยเองก็เจ็บเท้าขวาเหมือนกันพอเตะใส่ชายสูงหน้าดำไปอย่างแรงเลย แต่ในจังหวะนั้นเองชายสูงหน้าสะอาดเขาได้ทำการยกเก้าอี้ในโรงเตี๊ยมเข้ามาฟาดจากด้านซ้ายไปทางขวา ซึ่งชายหนุ่มร่างเตี้ยก็โดนเต็มๆ มันก็ทำให้ชายหนุ่มร่างเตี้ยนั้นเซไปทางขวาชนเข้าจังกับกำแพง
ซึ่งพอชายหนุ่มสูงหน้าสะอาดที่เห็นเช่นนั้นว่ากำลังจะเข้าพุ่งเข้าไปต่อยอีกฝ่ายเข้าตรงหน้าจังๆ
แต่ ชายหนุ่มร่างเตี้ยเองพอตั้งสติได้ก็ย่อตัวลง นั้นจึงทำให้ชายหนุ่มสูงหน้าสะอาดต่อยเข้ากำแพง อย่างจัง นั้นทำให้ชายหนุ่มสูงหน้าสะอาดเจ็บตรงที่มืออย่างจัง นั้นทำให้ชายเตี้ยผู้นั้นมีโอกาสสวนได้จึงเข้าสวนโดยการใช้มือซ้ายของตนต่อยเข้าไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มสูงหน้าสะอาด ซึ่งชายหนุ่มสูงหน้าสะอาดนั้นจุกเต็มๆเพราะโดนจุดซ่อนเร้นของชายสูงหน้าสะอาดนั้นจึงทำให้ชายผู้นั้นร้องด้วยเสียงครวญครางอย่างมากเพราะมันเจ็บทรมาณที่โดนจุดซ่อนเร้น ทั้งชายสูงของคนนั้นที่โดนอีกฝ่ายต่อยนั้นก็กำลังจะลุกขึ้นและก้าวเดินออกไปจากโรงเตี้ยมแห่งนี้อย่างทุลักทุเล

ซึ่งพอหลังจากจบการต่อสู้นั้นชายร่างเตี้ยเองก็นอนพิงที่กำแพงพร้อมกับเลือดตรงหัวที่ออกเรื่อยลงซิบๆจากด้านบนลงมาด้านล่าง ซึ่งเถ้าแก่สาวก็มาหาชายร่างเตี้ยอย่างเร็วเพื่อจะช่วยอีกฝ่ายขึ้นมา

" ไม่เป็นไรนะเจ้าค่ะ "

" ไม่เป็นไรขอรับ "

เถ้าแก่สาวก็พาอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนซึ่งสภาพของชายหนุ่มร่างเตี้ยดูไม่โอเคเลยเพราะไปสู้กับนักเลงพวกนั้นจนเกือบตาย แต่ก็ยังรอดมาได้ เขาเองกำลังจะเดินออกไปจากร้านแต่ก็ต้องหยุดและหันไปหาเถ้าแก่สาว

" แล้ว...ชาของข้าล่ะ "

" นี่เจ้าค่ะ เครื่องดื่มของท่านที่สั่ง "

นางยื่นแก้วชาให้กับอีกฝ่ายได้ดื่ม ซึ่งชายหนุ่มร่างเตี้ยก็ดื่มชาแก้วนี้จนหมด เขา ร้อง อ้าก
อย่าง สดชื่น ก่อนที่เถ้าแก่สาวจะถามอะไรเขาเสียหน่อย

" ว่าแต่ท่านชื่อแซ่ว่าไรรึ "

" ข้าแซ่ เฉา ชื่อ เชา "

เขาบอกชื่อแซ่ให้กับหญิงสาวผู้นั้นก่อนจะยื่นตำลึงให้กับเถ้าแก่สาวเป็นการจ่ายเงินค่าชานั้นเอง พอชายเตี้ยให้เสร็จก็เดินออกจากโรงเตี้ยมแห่งนี้ออกไป





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
โพสต์ 2021-9-9 19:53:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhaoPei เมื่อ 2021-9-24 11:17


สิ่งที่คิดว่าไกลตัว อาจจะเป็นหัวใจสำคัญของทั้งหมด รอยร้าวเกิดเป็นช่องว่างระหว่างประชาชนและราชสำนักดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นจากตรงนั้น เหล่าผู้คนที่เริ่มสิ้นศรัทธาในราชวงศ์ยิ่งนานเข้ายิ่งเกิดความคับข้องใจ บางคนไม่สามารถกลับยังบ้านเกิดได้ ความจราจลก่อตัวอยู่ทุกทั่วหนแห่งไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเลย

เกือบสามราตรีที่จ้าวเพ่ยได้ออกเดินทางด้วยตัวเองโดยทิ้งชีวิตเดิมไว้เบื้องหลังเพื่อค้นหาชะตากรรมบนพรมแดนอันโหดร้าย การดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเพียงลำพังตลอดการเดินทางของหญิงสาว มันเพียงพอที่จะพาจ้าวเพ่ยมาถึงเมืองรู้จักอย่างลั่วหยางได้แต่กลับเป็นยามราตรีที่ดูอันตรายสำหรับสาวเพียงตัวคนเดียว จ้าวเพ่ยลงจากรถม้าที่เธอจ้างมาเพื่อมาถึงยังที่นี่ ความอ่อนเพลียจากการเดินทางมาตลอดตั้งแต่ออกเดินทาง ยิ่งเร่งเร้าให้จ้าวเพ่ยรีบหาโรงเตี๊ยมสักที่ที่จะพอพักอาศัยได้

"ท่าน.." โชคเข้าข้างที่ยังพบชาวบ้านที่ยังไม่กลับเรือน จ้าวเพ่ยเรียกชาวบ้านผู้นั้นให้หันมาสนใจตน สองเท้าก้าวไปยังคู่สนทนาแปลกหน้าเพื่อสอบถามคำถามที่ผุดในใจทันที

"ที่นี่มีโรงเตี๊ยมราคาถูกหรือไม่"



แสงแดดสาดส่องเข้ามาปลุกสาวครวญครางทั้งกระพริบตาเปิดและลุกขึ้นนั่งแทบจะทันที สภาพโดยรอบบ่งบอกถึงวันที่แจ่มใสมาเยือนอีกวัน คาดเดาได้ว่าอาจจะเป็นยามซื่อจากความอบอุ่นของแสงแดดที่โลมเลียร่างกายในยามนี้

ก่อนหน้านี้ความทรงจำของจ้าวเพ่ยรับรู้เพียงว่าเธอออกเดินทางมาถึงยังเมืองลั่วหยาง  แม้ว่าดวงตาจะยังพร่ามัวจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมา แต่เมื่อมองโดยรอบก็พบว่าตอนนี้กลับอยู่ภายในห้องของโรงเตี๊ยมเล็กๆที่หนึ่ง สภาพกึ่งเปลือยภายใต้ผ้าผืนบาง ทั้งอาภรณ์ที่สวมใส่ก่อนหน้านี้ถูกพับเก็บไว้อย่างเรียบร้อยข้างๆ แทนที่จะเป็นสถานที่ที่ความทรงจำสุดท้ายนึกถึงได้

จ้าวเพ่ยตัดสินใจลุกขึ้นไปหาอาภรณ์ เก็บชุดที่สวมใส่อยู่พับเก็บไว้อย่างเรียบร้อย แม้ว่าจะจำไม่ได้จริงๆว่าเข้าเมืองนี้มาได้อย่างไร แต่ทำได้แค่ทิ้งคำถามเอาไว้ในหัว ในขณะที่สองขาก้าวออกจากห้อง ดวงตากลมสวยกลับถูกดึงดูดไปยังภายในโรงเตี๊ยมบางส่วน ผู้คนมากหน้าหลายตาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดังถึงหูให้จ้าวเพ่ยได้เพียงแค่ยืนมอง

"ในที่สุด ท่านก็ตื่น" เสียงใสดังขึ้นสร้างจุดสนใจอีกจุดแก่จ้าวเพ่ย รูปหน้างามเข้ากับน้ำเสียง ยิ่งขับความสมบูรณ์แบบให้จ้าวเพ่ยรู้สึกตาร้อนผ่าวๆขึ้นมา รอยยิ้มประดับใบหน้าปรากฏต่อหญิงสาว สองมือกำลังง่วนกับการเช็ดถ้วยชามอยู่ ดูแล้วน่าจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อย

จ้าวเพ่ยกระพริบตา

"ในที่สุด.. ข้านอนนานเท่าไหร่"

"สองราตรี" กล่าวทั้งวางผ้าไว้ข้างๆ "ท่านถูกพามายังที่นี่ เห็นว่าท่านต้องการโรงเตี๊ยม โชคดีที่ท่านไม่เป็นอะไร"

จ้าวเพ่ยถอนหายใจทั้งใช้มือลูบผมนุ่ม การนอนหลับที่ยาวนานแบบนี้เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ เว้นเพียงเสียงคำรามที่ท้องดังขึ้นเป็นสิ่งย้ำคำพูดของอีกฝ่ายได้อย่างดี

เถาฮัวหัวเราะ โดยไม่ถือสาอะไร

"นั่งก่อนเถอะ.. ข้าจะนำอาหารมาให้"

จ้าวเพ่ยยิ้มให้เถ้าแก่เนี๊ยะอย่างซาบซึ้งและนั่งลงอย่างว่าง่าย โต๊ะกลมเล็กที่ว่างเปล่าถูกวางมือเรียวสวยลง ขณะที่เถาฮัวเดินออกไปเพื่อทำอะไรบางอย่างที่พอจะบรรเทาอาการหิวของเธอ จ้าวเพ่ยทำได้เพียงแค่มองรอบๆด้วยความคิดมากมายที่ผุดขึ้นมา

พอใช้เวลาเพียงครู่เพื่อรวบรวมความทรงจำ พยายามค้นหาสิ่งที่พอจะอธิบายให้ตัวเองได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นิ้วเรียวกลับถูกยกขึ้นแตะริมฝีปาก หลังนิ้วชี้ถูกกัดลงอย่างลืมตัวให้จ้าวเพ่ยรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง ตากลมมองลงที่นิ้วปรากฏรอยกัดก็กำมือไว้แน่น

บะหมี่น้ำใสถูกยกวางตรงหน้าพร้อมน้ำชากลิ่นหอม จ้าวเพ่ยเหลือบมองเล็กน้อยทั้งหยิบตะเกียบขึ้นมาเพื่อลิ้มรสชาติบะหมี่น้ำใส ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมุมปากกับรสชาติที่ได้รับ แต่ก่อนที่จะกินมากไปกว่านี้ จ้าวเพ่ยวางตะเกียบลงอย่างเงียบๆ ใบหน้าได้รูปหันมองเถาฮัวที่ยังยืนรออยู่

"ข้างนอกยังวุ่นวายอยู่หรือไม่"

"เจ้าค่ะ.." เถาฮัวตอบอย่างตรงไปตรงมา ส่งผลให้จ้าวเพ่ยถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายทั้งพยักหน้าสองสามที เถาฮัวเห็นดังนั้นก็เดินออกไปทิ้งให้เธนั่งกินบะหมี่น้ำใสอยู่คนเดียว

สายตามองทอดออกยังนอกตัวร้านขณะที่มือและปากยังคงทำหน้าที่เพื่อคลายความหิวของท้องที่ยังคงเรียกร้องในตอนนี้ ผู้คนมากมายต่างทำกิจของตนจนดูเป็นสิ่งที่คุ้นชินตาไปแล้ว หากไม่นับจราจลที่มีทั่วทุกสารแห่ง ก็น่าจะเป็นเมืองที่น่าอยู่อีกเมืองเลยก็ว่าได้

หลังกินเสร็จจ้าวเพ่ยดึงผ้าผืนเล็กขึ้นมาซับปากเล็กน้อย แม้จะไม่มีอะไรที่เลอะเทอะ แต่เป็นสิ่งที่ทำประจำจนเป็นความเคยชิน หญิงสาวลุกขึ้นเพื่อจะออกจากโรงเตี๊ยม เพียงแค่จะก้าวเท้าออกจากที่นี่กลับมีเสียงใสเรียกจากด้านหลังให้หันไปมองทันที

"ท่านจะไปแล้วหรือ.. ให้ข้าเรียกเสี่ยวเออร์ไปส่งท่านไหม ไปผู้เดียวอันตราย"

เถาฮัวคงจะคิดว่าจ้าวเพ่ยมีที่ให้ไป แต่คงจะคิดผิดอย่างมหันต์ จ้าวเพ่ยหันมายิ้มให้เถาฮัวเพียงครู่ก็เดินออกไปโดยไม่สนใจคำเตือนเลยแม้แต่น้อย แม้คำพูดที่ว่าข้างนอกยังวุ่นวายก็ทำเธอตัวสั่นอยู่ไม่น้อย

"ไม่เป็นไร…" เสียงหวานตอบออกไปอย่างหนักแน่นพลันหันกลับและเดินออกไปอย่างไม่รีรอ การเดินทางที่เหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นจริงๆคงจะนับตั้งแต่นี้ หากเที่ยวเอาแต่หนีไปยังเมืองนั้นเมืองนี้ สักวันตำลึงคงได้หมดและอดตายเป็นแน่ คงต้องหางานทำเสียบ้างไม่ให้เป็นขี้ปากผู้คน เมื่อคิดว่าควรจะมีจุดมุ่งหมายแต่สตรีที่เคยคาดหวังจะพึ่งผู้ชายต้องมาปากกัดตีนถีบด้วยตัวเองในยามนี้ คงจะทำใจกับความฝันที่เคยสุขสบายแหลกสลายลงยากเสียหน่อย


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-9-16 20:23:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhaoPei เมื่อ 2021-9-24 11:18

"ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ" เสียงใสเอ่ยขึ้นทันทีที่จ้าวเพ่ยก้าวเข้ายังโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ใบหน้าเถ้าแก่เนี๊ยะที่ปรากฏรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรเมื่อพบบุคคลที่มีใบหน้าอันคุ้นเคย "รับอะไรดีเจ้าคะ"

"ขอบะหมี่น้ำใสสอง" แม้เมนูขึ้นชื่อของทางร้านจะมีมากกว่านี้ แต่สิ่งที่จ้าวเพ่ยอยากกินกลับมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นางตัดสินใจสั่งแทนผู้ติดตามที่มาด้วยกันโดยไม่คิดแม้จะถามความต้องการใดๆเลยแม้แต่น้อย

เถ้าแก่เนี๊ยะที่เคยบริการหญิงที่ถูกพามาทั้งที่ยังสลบครั้งหนึ่งก็ยิ้มรับและหายกลับเข้าไปยังหลังร้าน

"กินเสร็จข้าจะพัก" จ้าวเพ่ยกล่าวความตั้งใจของเธอกับซุนหยางพลางหันไปมองรอบๆร้านที่ยังคงความวุ่นวายเป็นอย่างดี "ยามเหม่าต้องออกเดินทาง เจ้าอย่ามัวแต่หลับนอนให้มาก"

"คิดว่าข้าเป็นคนอย่างไร" ซุนหยางถามกลับเมื่อรู้สึกจะถูกดูถูกด้วยวาจากล่าวว่าตนเป็นดั่งคนขี้เกียจ

เมื่อจ้าวเพ่ยเลือกจะเงียบเพื่อไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อ กลิ่นหอมของบะหมี่น้ำใสก็โชยมาแตะจมูก ถ้วยบะหมี่ร้อนๆถูกวางไว้ตรงหน้าจ้าวเพ่ยขณะที่เธอได้รับอภิสิทธิ์ที่ถูกเสิร์ฟด้วยเถ้าแก่เนี๊ยะเอง

"หากมีอะไรเรียกข้าได้เสมอ" เถาฮัวกล่าวก่อนจะเหมือนมีจุดสนใจอีกจุดเมื่อถูกเรียกโดยลูกค้าที่อยู่ไม่ไกล ดูเหมือนเถ้าแก่เนี๊ยะจะมีบทสนทนากับจ้าวเพ่ยแต่เมื่องานบริการสำคัญกว่าทำให้เธอต้องละออกจากโต๊ะนี้ไป

"ที่นี่เถ้าแก่เนี๊ยะจิตใจดี ข้าเลยเลือกโรงเตี๊ยมนี้" จ้าวเพ่ยเอ่ยลอยๆให้ซุนหยางได้ยินพลางหยิบตะเกียบขึ้นมาเพื่อรับประทานบะหมี่น้ำที่อยู่ตรงหน้า ริมฝีปากสีชาดอ้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อรับเส้นบะหมี่แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาของผู้ติดตามที่จ้องมาไม่วางตา

"อ.. อะไร" แค่สายตานั้นกลับทำจ้าวเพ่ยเกิดความหวาดระแวงขึ้นมา บุรุษที่นั่งร่วมโต๊ะทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนจะคว้าบะหมี่ในส่วนของตัวเองมากิน ขณะที่ซุนหยางก้มกินอย่างไม่สนใจใคร จ้าวเพ่ยก็ได้แต่งุนงงก่อนจะคีบบะหมี่มากินบ้าง ท่ามกลางเสียงเอะอะภายในโรงเตี๊ยมมีเพียงโต๊ะนี้เท่านั้นที่ขับเคลื่อนไปได้ด้วยความเงียบ

ความเงียบดำเนินไปจนหยุดลงด้วยเสียงวางตะเกียบเมื่อบะหมี่หมดจากชาม จ้าวเพ่ยที่ใช้ผ้าผืนเล็กแตะปากมองซุนหยางที่กินอย่างตะกละตะกลามก็พลันชักสีหน้าไม่พอใจใส่ นางเตรียมจะลุกเพื่อเข้าพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับแผนการเดินทาง เพียงยังไม่ทันได้เดินออกจากจุดนั้นเสียงอันคุ้นเคยของซุนหยางก็ดังขึ้นผ่านหลังมาให้นางได้หน่ายใจเล่นๆ

"เสี่ยวเอ้อ.. ขอสุรามาให้ข้าด้วย"

จ้าวเพ่ยเลือกที่จะไม่สนใจที่จะกล่าวใดๆ หากซุนหยางเลือกที่จะร่ำสุรานั่นก็เรื่องของเขา นางคิดเพียงแค่ว่าไม่มีสิทธิไปก้าวก่ายให้มาก สตรีเดินหลีกเสียงเอะอะโวยวายเข้ามาในห้องพักให้รู้สึกสงบลงมากกว่าครั้งที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน


จวบจนเวลาล่วงผ่านไปยังยามหยิน จ้าวเพ่ยที่เหมือนจะตื่นในช่วงเวลาที่คิดว่าเหมาะสมสำหรับนางสำหรับการตระเตรียมของเพื่อให้พร้อมที่สุด หลังจากที่กลับจากโรงอาบน้ำ นางก็ได้กลับมายังห้องพักเพื่อตรวจดูผ้าอาภรณ์ที่สวมอยู่ว่าเรียบร้อยดี และไม่มีส่วนใดหลุดลุ่ยไปหรือไม่ หญิงสาวลูบไล้ผมเปลือยดำขณะเริ่มสางด้วยหวีก่อนจะกลัดไว้ด้วยปิ่นประดับเพื่อเพิ่มเสริมความงาม ครั้นพอต้องประทินโฉมทั้งหมดด้วยตัวเองก็พลันนึกถึงในยามที่มีอาอี๋คอยช่วยเหลือในด้านนี้มาตลอด

หญิงสาวหลุบตาลงต่ำเมื่อเผลอนึกถึงผู้ที่ไม่มีวันได้เจอกันอีกต่อไปให้เจ็บใจเล่นไปเสียได้ น้ำตาสีใสเอ่อขึ้นที่รื้นรอบขอบตา ให้นางรีบซับมันเสียก่อนที่จะไหลหยดลงมา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการออกเดินทาง นางจึงค่อยมั่นใจที่จะเดินออกจากห้องพักเพื่อมายังใจกลางโรงเตี๊ยมหวังจะหาอะไรลงท้องเพิ่มเรี่ยวแรงแต่ดวงตาที่สอดส่องไปทั่วบริเวณกลับสะดุดบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่นางยืน

"เจ้า!!"

ร้องเรียกออกมาเมื่อเห็นซุนหยางยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สิ่งที่แตกต่างไปคือไหสุราที่เกลื่อนโต๊ะที่นั่น สองเท้ารีบจ้ำอ้าวเข้าไปหาชายที่นอนฟุบกับโต๊ะนั้นเพื่อปลุกให้ตื่นทันที

"มีอะไรหรือ?" เสียงพึมพำราวกับคนพึ่งตื่นดังขึ้นจากปากของซุนหยาง กลิ่นสุราคละคลุ้งไปให้ทั่วบริเวณ ยิ่งสร้างความไม่พอใจแก่จ้าวเพ่ยเป็นอย่างมาก

"ข้าบอกเจ้าว่า ให้พักผ่อน เหตุใดจึงเมามายเช่นนี้"

"ข้าก็พักผ่อนด้วยวิธีของข้า"

จ้าวเพ่ยกำมือแน่นเมื่อตอนนี้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์กับชายผู้นี้มากนัก หญิงสาวแสดงความหงุดหงิดออกมาด้วยท่าทางเล็กน้อยให้พอรู้ว่านางโกรธ แต่คงไม่ผลีผลามที่จะโวยวายกลางโรงเตี๊ยมให้หมดความเป็นกุลสตรีที่สั่งสมมานาน ทั้งๆที่ยามนี้ควรจะอารมณ์ดีเพื่อต้อนรับวันใหม่แต่ก็ต้องมาถูกทำลายอารมณ์ด้วยผู้ติดตามเพียงคนเดียว ก็คงจะเป็นเรื่องที่นางไม่ค่อยจะชอบใจเสียเท่าไหร่

"หากข้ากลับมาแล้วเจ้ายังไม่ตื่น ข้ากับเจ้าได้เห็นดีกันแน่!" จ้าวเพ่ยประกาศกร้าวทั้งเดินไปยังเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ไม่ไกล นางสั่งอาหารเพื่อให้พอลืมเรื่องราวคุกกรุ่นในจิตใจไปบ้าง ในยามนี้นางยังพอให้เวลาแก่ผู้ติดตาม คิดในแง่ดีให้แก่อีกฝ่ายว่านางคงจะตื่นผิดมนุษย์มนาไปบ้าง ซุนหยางก็อาจจะตื่นตรงตามระเบียบที่นางตั้งไว้ แต่คงไม่ใช่ในยามนี้

แสงแดดเข้าสาดส่องในโรงเตี๊ยมมาสักระยะ บ่งบอกว่าถึงยามเหม่ามานานแล้ว จ้าวเพ่ยนั่งมองอดีตโจรโพกผ้าเหลืองที่ยังคงเอาแต่นอนไม่วางตา ความอดทนที่จะรออีกฝ่ายตื่นเริ่มลดถอยลงทุกที ทั้งสูญตำลึงกับเหล่าสุราที่นางไม่คิดว่าจะเสียให้กับมัน ทั้งทำเวลาในการเดินทางที่นางคาดไว้พังไม่ท่า

จนสุดแล้วสุดรอด จ้าวเพ่ยก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

หญิงสาวลุกอย่างผลุนผลันไปหาผู้ติดตาม ก่อนจะจับแขนและออกแรงดึงปลุกซุนหยางให้ตื่นขึ้น นางเผยสีหน้าแอบโกรธแต่ไม่พูดจาอะไร เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอีกฝ่ายเปิดตานางจึงทำได้เพียงแค่หันกลับและเดินนำออกไปยังนอกโรงเตี๊ยม ส่งผลให้ซุนหยางต้องลุกเดินตามนายตน ทั้งๆที่หัวยังคงหมุนอยู่ไม่น้อย


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-9-25 23:51:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ก่อนร่วมงานแต่งงาน
.
.
.

          ยังโรงเตี๊ยมอี้เถา จิ้นอิ๋งจัดการเช่าห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้องให้แก่ถานเจ๋อส่วนนางก็ตรงไปยังห้องที่เช่าพักให้แก่ซูฮวา ทันทีที่เคาะประตูพร้อมส่งเสียงเรียกเพียงครู่ หญิงสาวก็ออกมาเปิดประตูให้แทบจะเดี๋ยวนั้น ดวงหน้างามส่งยิ้มทักทายอย่างยินดีที่เห็นเด็กสาว ก่อนจิ้นอิ๋งจะชวนกันลงไปทานข้าวด้วยกันรวมถึงถานเจ๋อไปด้วย

          ขณะกำลังรออาหารขึ้นชื่อของทางโรงเตี๊ยมที่สั่งออกไป ดรุณีน้อยพลันเข้าประเด็นที่นางอยากสอบถามก่อนจะเริ่มเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้

          " พี่สาวซูฮวาเจ้าคะ พรุ่งนี้จะมีงานแต่งงานฉินเพ่ยเอ๋อห์.. คนรู้จักของข้าที่เคยช่วยเหลือกันเอาไว้น่ะเจ้าค่ะ ที่หรูหนาน พี่ซูฮวาอยากไปหรือไม่เจ้าคะ? "

          สิ้นคำถาม ซูฮวาพลันนึกถึงเรื่องที่ต้องออกเดินทางอีกก็มีท่าทีลังเลขึ้นมาเล็กน้อย แม้ช่วงเมื่อวานนางพอจะทำใจมาได้บ้างแล้วที่ต้องเดินทางร่วมกับเด็กสาว ทว่าในคืนก่อนนางเพิ่งจะฝันถึงความทรงจำเดิม ๆ ทำเอาความกลัวกัดกินเข้าสู่ความรู้สึกของนางอีกหนจนไม่สามารถตอบรับได้ในทันที จิ้นอิ่งที่จับสังเกตได้พลันยื่นมือเล็กคว้าเข้ามือของอีกฝ่าย ส่งแรงบีบสลับผ่อนนักราวกับอยากให้สัมผัสช่วยให้กำลังใจแก่อีกสตรีที่นั่งตรงข้ามโต๊ะนี้ไปให้

          ฝั่งถานเจ๋อที่เริ่มพอรับรู้ว่าอาการของอีกสตรีกำลังอยู่ในช่วงขึ้นลงไม่แน่นอน มันพลันเท้าศอกยกมือรองใบหน้าที่ทำทีเป็นผินมองไปทางอื่นไม่ให้ซูฮวาต้องเห็นใบหน้าของบุรุษที่อาจส่งผลให้นางหลอนความทรงจำเก่าขึ้นมาอีก

          " ถ้าไม่อยากไปก็อยู่ที่โรงเตี๊ยมได้นะเจ้าคะ ลั่วหยางค่อนข้างสงบสุข ไม่มีใครมาทำร้ายพี่สาวได้แน่นอนเจ้าค่ะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยหนักแน่นก่อนส่งยิ้มให้กำลังใจแก่หญิงสาว พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟให้ทั้งสามได้มีเวลาใส่ใจกับบะหมี่เกี๊ยวหมูผัดน้ำมันหอยขึ้นชื่อของทางโรงเตี๊ยม

          รสชาติเข้มข้นที่ปนเปกับกลิ่นหอมกรุ่นของน้ำแกง ทำเอาคนทานรู้สึกเจริญอาหารไม่น้อย เนื้อหมูยังนุ่มนวลเคี้ยวแล้วพลันได้กลิ่นน้ำมันหอยปนตี เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อบะหมี่ก็หมดลงไปทั้งสามคนแล้วจนจิ้นอิ๋งยังตกใจ ถานเจ๋อที่เป็นบุรุษพลันรู้สึกไม่อิ่มจึงขอเอ่ยสั่งอีกถ้วยพลันหันมาขอผู้เป็นนายเสียงอ้อมแอ้มว่าช่วยเลี้ยงมันอีกถ้วยได้หรือไม่ เรียกเสียงหัวเราะแรกของซูฮวาได้สำเร็จในที่สุด

          " งั้นวันพรุ่งนี้พี่สาวซูฮวาอยู่ที่โรงเตี๊ยมเหมือนเดิมนะเจ้าคะ ไว้ข้าจะพยายามกลับมาที่นี่ให้ทันในยามโหย่วของพรุ่งนี้นะคะ พอดีมีธุระให้ทำต่อ พี่ซูฮวาอาจได้อยู่ที่ลั่วหยางทั้งสัปดาห์เลยนะเจ้าคะ… ไม่เป็นไรใช่หรือไม่เจ้าคะ? "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้สึกเกรงอกเกรงใจไม่น้อยที่ออกปากชวนให้ติดตามนางทว่ากลับให้อยู่ยังโรงเตี๊ยมอยู่เช่นนี้ ทว่าซูฮวากลับรีบโบกมือปฏิเสธ ใบหน้าเผยรอยยิ้มขอบคุณความห่วงใยจากเด็กสาวพร้อมมือที่ยกลูบลงยังศีรษะเล็กผะแผ่วไปด้วย

          " ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ.. ที่ลั่วหยางสวยงามทั้งยังกว้างขวางดีด้วย ไหนจะมีไป๋เซ่ออยู่เป็นเพื่อนอีก.. อิ๋งเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ "

          น้ำเสียงเอ่ยหายแสนจริงใจ ไร้ร่องรอยความเท็จภายในให้คนฟังยกยิ้มตามไปด้วย ดวงตาหวานหลับลงน้อย ๆ เพื่อรับสัมผัสที่ยังลูบค้างยังศีรษะของนาง จนบะหมี่อีกถ้วยของถานเจ๋อมาเสิร์ฟ จิ้นอิ๋งถึงลืมตาขึ้นมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้

          " จริงด้วย! พี่สาวซูฮวาเจ้าคะ พอดีธุระที่ข้าว่าคือไปรับงานคุ้มครองคณะหลวงจีนมา จำเป็นต้องเดินทางที่เขตซวี่โจว แล้วข้าคิดว่าอยากจะถวายภัตตาหารแก่คณะหลวงจีนน่ะเจ้าค่ะ อืม.. ว่าจะลงมือทำให้ เลยอยากวานฝากให้พี่ซูฮวาช่วยซื้อให้ในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ? "

          ซูฮวาที่รักในการช่วยเหลือและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่แล้วนั้น หลังได้ยินคำขอก็พยักหน้ากลับเสียหนักแน่นเลยเชียว เรียกเสียงร้องดีใจจากเด็กสาวให้ดังขึ้น และเพราะตัวซูฮวานั้นความจำดีอยู่แล้ว ไหนจะทำอาหารเป็นเช่นกัน เพียงจิ้นอิ๋งเอ่ยบอกเมนูออกไป ก็สามารถคำนวณคร่าว ๆ ได้อย่างรวดเร็วว่าต้องซื้อสิ่งใดในปริมาณเท่าไหร่ ลดความกังวลที่เด็กสาวไม่มีกระดาษไว้คอยเขียนรายการวัตถุดิบให้เป็นอย่างดีเลยเชียว

          " เช่นนั้นอิ๋งเอ๋อร์ต้องเช่ารถม้าคันเล็กไว้ขนของเองเสียแล้วกระมัง วัตถุดิบดูเยอะไม่น้อย แต่อาจลดค่าใช้จ่ายโดยใช้ม้าของอิ๋งเอ๋อร์เทียมเอง " จิ้นอิ๋งผงกหัวรับเสียหลายรอบหลังสิ้นประโยค ท่าทางดูราวกับเด็กน้อยมองชื่นชมพี่สาวของนางจนตาประกาย เรียกเสียงหัวเราะจากซูฮวาให้ดังออกพร้อมมือที่ยกยีแก้มนิ่มของจิ้นอิ๋งแผ่วเบาอย่างติดมันเขี้ยว

          " ข้าจะรีบจัดการก่อนออกเดินทางแล้วกันนะเจ้าคะ! แล้วก็! ถานเจ๋อ พรุ่งนี้ก่อนไปเมืองหรูหนาน ข้าขอแวะไปที่เฉินหลิวด้วยนะ "

          แว่วเสียงตะเกียบหลุดมือกระทบถ้วยให้คนโดนเรียกต้องรีบจับตะเกียบมาถือให้มั่นอีกหน มันสบตามองผู้เป็นนายทั้งติดฉงนปนความไม่เชื่อบางอย่าง ราวกับว่ามันอยากจะให้สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่มันแค่หูฝาดไปเท่านั้น แต่จิ้นอิ๋งก็ดับฝันมันสิ้นด้วยการย้ำประโยคเดิมขึ้นมาเพราะนึกว่าท่าทางที่สบตาหานางนั้นสื่อว่าตนไม่ทันฟัง

          " พรุ่งนี้พาข้าแวะเฉินหลิวด้วย ข้าจะลองไปชวนท่านกัวฟ่งเสี้ยวให้มางานแต่งเพ่ยเอ๋อห์ด้วยกันน่ะ "

          คราวนี้ชัดเต็มสองหู ถานเจ๋อเกือบหลุดสบถออกแล้วถ้าไม่เพราะห้ามปากได้ทัน ตาคมดุของมันแทบจะตวัดมองอีกสตรีของกลุ่มราวกับให้ช่วยเหลือบอกกล่าวเด็กน้อยของกลุ่มตอนนี้ให้หยุดพฤติกรรมคล้ายเกี้ยวหนุ่มเช่นนี้เสียที ซึ่งซูฮวาก็รับรู้ได้ แต่ก็ทำได้เพียงยกยิ้มแห้งกลับไปเท่านั้น เพราะจริง ๆ ตัวนางก็คล้ายอยากจะเอ่ยห้ามอยู่เช่นกันแต่ทันเห็นแววตาใสกระจ่างดูคาดหวังของเด็กสาวไปเสียก่อนเลยได้แต่เงียบเสียงลงไปเท่านั้น

          ถานเจ๋อที่ขัดใจจึงหันมาสบตาผู้เป็นนายและตั้งใจจะหาข้ออ้างไม่ไปด้วยตัวเอง ทว่าดวงหน้าหวานที่กำลังแสดงออกถึงความคาดหวังและพร้อมจะแย้มยิ้มออกมาเสมอจนดวงตากลมนั้นคงโค้งรับหากตนตอบตกลงก็ทำให้มันยอมแพ้ในที่สุด

          " ….ขอรับ "



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-1 07:25:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เสียงเอะอะโวยวายดังเข้าหูมาจากร้านตั้งแต่อยู่ภายนอก จ้าวเพ่ยได้กลับมาพักที่โรงเตี๊ยมประจำของนางอีกครา ด้วยสภาพที่มอมแมมคลับคล้ายพึ่งจะกลับจากการสู้รบ ก็ได้เร่งเปิดห้องและหมกตัวอยู่ที่นั่นทั้งวันโดยไม่คิดจะออกจากห้องเลย

ยิ่งนานวัน อคติกับโจรโพกผ้าเหลืองยิ่งก่อตัวขึ้นมามาก ความรู้สึกทับถมกันเริ่มสุมขึ้นเป็นความโกรธแค้นต่อทุกอย่างที่นางได้พบมา

"จ้าวเพ่ย… เจ้าไม่คิดจะออกมาเลยหรือไง"

ซุนหยางกล่าวเรียกนางเมื่อเห็นว่าเอาแต่หมกตัวในห้อง จ้าวเพ่ยตัดสินใจลุกจากที่นอนของนางเพื่อเปิดประตูออกพบแสงภายนอกบ้าง

สภาพของนางตอนนี้กลับดูไม่จืดเอาเสียเลย ปกติแล้วจ้าวเพ่ยมักจะแต่งองค์ทรงเครื่องเสมอ แต่ในยามนี้นางเลือกที่จะออกมาทั้งใบหน้าเปลือยเปล่าไร้ซึ่งการแต่งเติมใดๆ นางเหลือบมองซุนหยางเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินไปยังห้องโถงอาหารด้วยสภาพทั้งแบบนั้น

ไม่มีแม้คำสนทนาใดๆจากทั้งสอง จ้าวเพ่ยรู้ดีว่าไม่ได้โกรธอะไรกับผู้ติดตามนางเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่นางไม่มีอารมณ์แม้จะสนทนากะบผู้ใดในยามนี้ ซุนหยางเดินตามนางมานั่งที่โต๊ะกลมพลางยกมือเพื่อเรียกเสี่ยวเออร์เพื่อมาบริการและสั่งอาหารให้นางพอได้หาอะไรรองท้องบ้าง

"เกิดอะไรขึ้น.." เสียงหวานดังขึ้นจากข้างหลังทำให้ผู้ติดตามจ้าวเพ่ยต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง เถาฮัวมาเห็นสภาพลูกค้าของนางเป็นเช่นนี้ก็นั่งลงข้างๆเพื่อมองสีหน้าของจ้าวเพ่ยทันที นางหันไปมองซุนหยางที่ยังคงนั่งอยู่ก็กล่าวขึ้นมา "ขอยืมตัวสักประเดี๋ยวนะจ๊ะ"

เถาฮัวจูงมือจ้าวเพ่ยให้ลุกจากเก้าอี้ก็พาไปยังห้องพักของนางอีกครั้ง เถ้าแก่เนี๊ยะคนสวยปิดประตูเพื่อไม่ให้ใครมาเห็นก่อนจะนั่งลงตรงหน้าจ้าวเพ่ยเพื่อขอคุยอะไรบางอย่าง ใบหน้าเศร้าหมองของจ้าวเพ่ยเลือกที่จะไม่สบตากับเถ้าแก่โดยตรง นางกดสายตาลงต่ำเพื่อไม่ให้รู้สึกเศร้ายามที่ถูกมองด้วยสายตาอ่อนโยน

"มีอะไรหรือเปล่า.. บอกข้าได้นะเจ้าคะ"

"ข้าคิดว่าข้าควรจะเลิกเดินทาง.. ทุกที่มีแต่อันตราย"

"แล้วท่านจะไปอยู่ที่ใดหรือ"

จ้าวเพ่ยเงียบไป

เถ้าแก่เนี๊ยะพอจะรับรู้คำตอบว่านางอาจจะเจอเหตุการณ์บางอย่างเกี่ยวกับโจรมา ศีรษะถูกคลุมด้วยเส้นผมนุ่มสีดำถูกลูบเบาๆราวกับนางเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ก่อนนางจะลุกขึ้นเดินไปยังข้างหลังจ้าวเพ่ยเพื่อหยิบหวีซี่ที่วางบนโต๊ะมาสางผมดำขลับยาวไปพลาง

"ข้าไม่รู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ แต่หากปล่อยตัวให้ทรุดโทรมลงเช่นนี้ ท่านทำให้คนรอบข้างท่ายเป็นห่วงเอานะ"

"...ข้าขออภัย" จ้าวเพ่ยกล่าวด้วยเสียงแผ่ว สองมือบีบเข้าหากันแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลายตีกันจนความนึกคิดรวนเรไปเสียหมด

"เล่าให้ข้าฟังได้นะเจ้าคะ" เถาฮัวกล่าวขณะสางผมให้จ้าวเพ่ย นางวางหวีลงเพื่อจะจัดทรงผมให้อีกฝ่ายไปพลาง เพื่อสร้างความสบายใจแก่ผู้สนทนา อีกหนึ่งคือนางไม่อยากให้จ้าวเพ่ยดูทรุดโทรมเช่นนี้

"ข้าไม่ใช่สตรีแกร่งพอที่จะออกเดินทาง ทุกที่ในยามนี้มีแต่โจร.. แต่ข้าไม่เคยปกป้องตัวเองได้เลย ข้าอ่อนแอเช่นนี้คอยแต่จะทำให้ผู้ติดตามข้าเหนื่อยเสียเปล่า"

"ข้าไม่คิดเช่นนั้น.. ท่านจำยามที่มาที่นี่คราแรกได้หรือไม่ ท่านอ่อนแอมากกว่านี้จนข้าและเหล่าเสี่ยวเออร์เป็นห่วง แต่ท่านมีความมั่นใจที่จะออกไปเผชิญกับภายนอก…"

เภาฮัวกล่าวทั้งหยิบปิ่นมาประดับเส้นผมดำขลับของจ้าวเพ่ย หญิงสาวจับผมเพื่อดูความเรียบร้อยก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้าจ้าวเพ่ยอีกครั้ง ด้วยสีหน้าเป็นมิตร

"ท่านกลับมาแต่ละคราก็มั่นใจขึ้นทุกครา.. ข้าไม่รู้ว่าท่านเจออะไรมา แต่ครานี้ท่านมีสภาพเป็นเช่นนี้ ผู้ติดตามของท่านเองก็เศร้า.. อาจจะเป็นห่วงท่านจึงเป็นเช่นนั้น" กล่าวทั้งนำแป้งละเลงบนใบหน้าของจ้าวเพ่ยจนขาวผ่อง เถาฮัวยิ้ขึ้นมาขณะนำเครื่องประทินโฉมที่จ้าวเพ่ยมีอยู่คอยตบแต่งประทินโฉมให้นาง แม้ลักษณะการตบแต่งหน้าจะไม่เหมือนกัน แต่เถาฮัวมั่นใจว่ารูปหน้าอย่างจ้าวเพ่ยไม่จำเป็นต้องลงเครื่องหนักเช่นที่เจ้าของใบหน้านี้ทำมาตลอด

"ข้าทำให้เขาเป็นห่วงหรือ…"

"ท่านเป็นเช่นนี้ใครเล่าจะนิ่งนอนใจ… กลับมาร่าเริงเช่นเดิมเถอะ อย่าคอยให้สิ่งที่มันผ่านไปแล้วคอยกวนใจเจ้า"

"ข้า.. ควรจะทำอย่างไรต่อไป" จ้าวเพ่ยกล่าวถามขึ้นมา นางเปิดปากขึ้นเล็กน้อยเพื่อรับผงชาดมาป้ายริมฝีปากให้ขึ้นสี หญิงสาวนึกไปถึงอาอี๋ผู้แสนใจดีที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้ "ข้าไม่อยากให้ผู้ติดตามข้าต้องมาพบอันตรายเพราะคอยปกป้องข้า ข้าเคยทำให้คนที่ข้ารักต้องตายเพราะความอ่อนแอของข้ามาครั้งหนึ่ง"

"บอกท่านแล้วไงว่าอย่านำอดีตมากวนใจ… หากท่านคิดว่าท่านอ่อนแอแล้วเป็นภาระก็เปลี่ยนตัวเองให้เข้มแข็งขึ้นเสียสิ"

ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องประทินโฉมของจ้าวเพ่ยกลับมาอีกครั้ง เหลือเพียงแค่สีหน้ายังคงความกังวลอยู่พอจะให้เถาฮัวต้องทำให้กลับมาเป็นเช่นเดิมให้ได้ สาวงามยิ้มแย้มขึ้นมาขณะกอบใบหน้าของจ้าวเพ่ยเอาไว้อย่างเบาๆ ทำเหมือนจ้าวเพ่ยเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง

"ออกเดินทางต่อเถิด.. ข้าเชื่อว่าท่านทำได้.. ท่านกับผู้ติดตามยังไปได้ไกลกว่านี้ เชื่อข้า"

จ้าวเพ่ยหลุบตาลงมองมือที่บีบกันแน่นเล็กน้อย กว่าจะตัดสินใจบางอย่างในใจได้ นางก็โผเข้ากอดเถ้าแก่เนี๊ยะตรงหน้าแน่น นัยน์ตาเอ่อล้นด้วยน้ำตาประกายขึ้นเมื่อนางถูกกอดและลูบหลังปลอบอย่างเบาๆ

"ขอบคุณมาก.." เป็นคำพูดสั้นไปของนางแต่อันแน่นด้วยความรู้สึก จ้าวเพ่ยขอบคุณที่มอบความมั่นใจให้นางกลับมาอีกครั้ง ขอบคุณที่ประทินโฉมให้นาง ขอบคุณที่แนะนำทางเลือกให้นางขณะที่นางกำลังหลงทาง หญิงสาวซุกไหล่อีกฝ่ายเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไห้ ก่อนจะผละออกและซับน้ำตาของนางเบาๆ

"สัญญากับข้า.. ท่านออกเดินทางและกลับมาที่นี่อีกคราจะต้องเป็นท่านที่มั่นใจในตัวเองเช่นที่มาที่นี่คราแรก"

"ข้า…" จ้าวเพ่ยนิ่งเงียบกับความคิดของนาง กลัวว่าจะทำตามสัญญาไม่ได้จะทำให้เถ้าแก่เนี๊ยะผู้นี้ผิดหวังในตัวนาง แต่เมื่อมองใบหน้างดงามนั้นแล้ว หญิงสาวกลับยิ้มมุมปากและอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างตามอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เถาฮัวกังวลไปมากกว่านี้ "ข้าสัญญา"

"ตอนนี้ท่านงามเช่นเดิมแล้ว ออกไปกันเถอะ" เถาฮัวกล่าวทั้งจับข้อมือให้จ้าวเพ่ยออกไปจากห้อง นางหันกลับมายิ้มให้จ้าวเพ่ยขณะพากลับไปยังโถงอาหารและส่งคืนซุนหยางผู้ซึ่งนั่งรออยู่แล้ว

ชามก๋วยเตี๋ยวถูกเลื่อนมาตรงหน้าจ้าวเพ่ยให้นางมองอาหารตรงหน้าและหยิบตะเกียบขึ้นมา ความรู้สึกเศร้ายังคงค้างคาอยู่พาลเอาให้ไม่อยากอาหารเอาง่ายๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าทั้งสองหญิงสาวก็ตัดสินใจคีบเส้นเข้าปากอย่างช้าๆพอไม่ให้ท้องว่างระหว่างวัน

"ดูแลนางด้วยนะเจ้าคะ" เถาฮัวจับไหล่สองข้างของจ้าวเพ่ยและบีบเบาๆขณะยิ้มให้กับซุนหยาง นางผละตัวออกจากที่นี่เพื่อทำงานในส่วนของนางต่อทิ้งให้ ชายหญิงอยู่ร่วมโต๊ะด้วยกันเพียงสองคน

อดีตโจรโพกผ้าเหลืองจ้องใบหน้างามจากเครื่องประทินโฉมพลางหรี่ตาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าจ้าวเพ่ยดูดีขึ้นกว่าเดิมก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง หญิงสาวก้มหน้าก้มตากินอย่างช้าๆดูเนิบนาบและไม่สนทนากับใครจนกว่าอาหารมื้อหลักของนางจะหมดลง ถึงเปิดโอกาสให้ซุนหยางได้พูดขึ้นมาบ้าง

"เป็นอย่างไรบ้าง"

"ก็อร่อยดี" จ้าวเพ่ยตอบคำถามแต่กลับไม่ตรงกับความต้องการของซุนหยางทำให้เขาหลุดขำขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวมองอาการของคนตรงหน้าก็เกิดความงุนงงเมื่อเห็นเขาทำท่าทีแปลกๆออกมา

"ข้าหมายถึง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ซุนหยางย้ำคำถามอีกครั้งให้จ้าวเพ่ยพึ่งจะเข้าใจ นางยิ้มขึ้นมาขณะเอียงคอเล็กน้อยเพื่อตอบคำถามแก่อีกฝ่ายด้วยภาษากาย ซุนหยางรับรู้คำตอบแล้วก็มองจ้าวเพ่ยอยู่ๆลุกออกไปก็รีบลุกเดินตามแต่ถูกนางหันกลับมาและชี้นิ้วให้เขานั่งลงรอที่โต๊ะนี้ไปก่อน

เพียงไม่นานจ้าวเพ่ยเดินออกมาพร้อมสัมภาระของนางและสัมภาระแยกของซุนหยางบ่งบอกว่านางเข้าไปในห้องของเขาเพื่อเก็บข้าวของให้ หญิงสาวยื่นย่ามส่วนตัวให้ซุนหยางเพื่อให้เขาเปิดย่ามออกมาดูเห็นของข้างในถูกจัดเป็นระเบียบกว่าครั้งที่ตนยัดๆของพอให้ใส่เพียงเท่านั้น

"อะไรหรือ?"

"ก็ออกเดินทางไง.. ไปกันเถอะ" นางเดินนำอีกฝ่ายเพื่อออกจากโรงเตี๊ยม หวังจะออกเดินทางไปตามตุดหมายที่กำหนดตั้งแต่แรก หญิงสาวพยายามทำใจให้ลืมภาพที่นางเกือบจะถูกฆ่าตายจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาพลันคิดว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้ผู้ติดตามคนนี้คอยช่วยเหลือนางมาตลอด

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้