[เมืองลั่วหยาง] โรงเตี๊ยมอี้เถา

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-10-2 16:37:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

วางแผนซื้อบ้าน
.
.
.

          ยามเหม่าในโรงอาบน้ำที่มีเพียงร่างเล็กของหนึ่งสตรีภายในถังไม้ขนาดกลางถังหนึ่ง เสียงน้ำเคลื่อนดังแผ่วรับกับร่างเนียนที่ขยับทำความสะอาดเรือนกายอย่างไม่เร่งร้อน ดวงตาหวานโศกมองผ่านยังม่านน้ำลงหาเรียวขาที่กำลังถูกมือเรียวไล้ลูบขัดผะแผ่วจรดยังปลายเท้าที่แอบงอนิ้วน้อย ๆ จากสัมผัสสากระคายของใยบวบชวนจั๊กจี้ ก่อนย้อนเชื่องช้าปัดผ่านหน้าท้องราบพลางถูวนเบาให้พอนิ้วปัดผ่านแล้วรู้สึกลื่นมือ ทว่าสักพักนางกลับหยุดมือ ฝ่ามือเคลื่อนสัมผัสไม่แรงนักยังบาดแผลที่เคยโดนคมมีดแทงทะลุผ่านยามที่ได้ช่วยถ่วงเวลาให้น้องชายเอาไว้

          จะปลอดภัยหรือไม่นะทั้งสามคน..

          ในหัววนเวียนคิดถึงเสมอมายามเห็นรอยแผลที่ใกล้สมานสนิทเต็มทีนี้ ถึงอย่างนั้นความรู้สึกเจ็บแปล๊บยังคงปรากฏชัดทุกคราเช่นเดียวกันให้ปลายนิ้วเล็กเผลอจิกลงหวังช่วยคลายความรู้สึกนั้นลง

          จิ้นอิ๋งพลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนไล่มือทำความสะอาดต่อขึ้นมาจนปัดผ่านถึงหนั่นเนื้อนุ่มทั้งสองที่ปรากฏชัดมาตามวัย กระทั่งถึงช่วงคอขาวและมือที่ยกลูบล้างทั่วดวงหน้านวลที่เริ่มขึ้นสีฝาดจากอุณหภูมิน้ำ เด็กสาวก็คล้ายพอใจและละมือมาล้างตัวใยขัดในถังน้ำอีกเล็กน้อยก่อนผุดลุกขึ้นไม่เร็วนักจนเสียงน้ำซ่ากระเซ็นดังชัด เรือนร่างขาวโพลนแทบคู้ตัวเข้าหากันด้วยความเย็นที่ไล้ผิว ก่อนนางจะเร่งคว้าเอาผ้าที่เตรียมมาห่อคลุมตัว เช็ดทั่วให้พอหายชื้น และสวมเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยถึงย้อนกลับยังห้องพักเพื่อขอให้สตรีซูฮวาช่วยทำผมของตน
          .
          .
          ภายในโรงเตี๊ยมอี้เถาจิ้นอิ๋งได้เอ่ยสั่งซุปเยื่อไผ่ทั้งหมดสามที่เพื่อเลี้ยงผู้ติดตามก่อนจะกลับมาสบตาทั้งสองที่ตอนนี้กำลังมองยังดวงหน้าของดรุณีน้อยนิ่งราวอยากจะคาดคั้นเอาบางสิ่งจนจิ้นอิ๋งแทบจะห่อไหล่ลงด้วยไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดมาหรือไม่ และก็เป็นฝ่ายซูฮวาที่เอ่ยแทรกขัดบรรยากาศที่ยังไร้คำพูดนี้ขึ้นมา

          " กับบุรุษแซ่กัวนี่อย่างไรกันแน่เจ้าคะอิ๋งเอ๋อร์ ข้าว่าสายตาของบุรุษผู้นั้น… หากมีคนในดวงใจแล้วก็ดูจะไม่ใช่ผู้ที่มีเพียงคนเดียวอะไรแบบนั้นนะเจ้าคะ " ซูฮวาเอ่ยตามความเห็นที่เฝ้าสังเกตท่าทางและบุคลิกของกัวฟ่งเสี้ยวมาตลอดที่เดินทางกลับมาด้วยกัน ไหนจะยามเย็นของวันวานที่แม้จะมองไม่ค่อยชัดจากแสงที่น้อยลงของยามย่ำค่ำ ทว่าก็ยังเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นยื่นมือสัมผัสแผ่วยังข้างเรือนผมของจิ้นอิ๋ง

          " สหายเจ้าค่ะ! ส่วนบุคลิกของท่านกัวก็แค่ช่างเย้าหยอกไปเสียหน่อยน่ะเจ้าค่ะ "

          ถึงอย่างนั้นเพราะดรุณีน้อยก็เอ่ยหนักแน่นไม่น้อยถึงสถานะที่วางให้คนผู้นั้น ไหนจะเอ่ยกล่าวราวกับเข้าใจถึงบุคลิกของสหายจนดูไม่ค่อยถือสานั้นอีก ทำให้สุดท้าซูฮวาที่อยากจะเอ่ยคัดค้านขึ้นมายอมเงียบอย่างจำยอมในที่สุด มีก็แต่ถานเจ๋อที่ยังคงถอนหายใจดูอยากจะต่อว่าบุรุษหน้าหยกนั่นให้ผู้เป็นนายฟัง ทว่าก็ทำเพียงเอ่ยทิ้งท้ายเตือนเอาไว้เพียงเท่านั้น เพราะอย่างน้อยกัวฟ่งเสี้ยวก็ยังถือว่าเป็นสหายที่ท่านหญิงของมันค่อนข้างไว้ใจ

          " อย่างไรก็ตามท่านหญิงก็ต้องอย่ายอมให้เจ้า… ท่านกัวแตะตัวเกินความจำเป็นนะขอรับ " สิ้นเสียงเตือนที่ฟังดูดุเข้มไม่น้อย จิ้นอิ๋งก็พยักหน้ากลับหาไปอย่างหนักแน่นให้เจ้าของคำพูดพอได้สบายใจ

          และไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟให้แก่ทั้งสามพร้อมเสียงหวานที่เอ่ยบอกถึงมื้ออาหารที่ตั้งใจจะเลี้ยงให้ บรรยากาศเคร่งขรึมก่อนหน้าก็พลันสลายและดูผ่อนคลายลงแทน ซึ่งระหว่างมื้ออาหารนั้นตัวขอจิ้นอิ๋งก็เอ่ยถามความเห็นเรื่องซื้อบ้านไปด้วย เนื่องจากได้เงินมาไม่น้อยหลังจากที่ไปช่วยคุ้มครองเหล่าหลวงจีนสู่หมู่บ้านซีตี้นั้น

          " ข้าว่าจะซื้อบ้านตงฟางที่เมืองซีเหอน่ะเจ้าค่ะ ราคาไม่ได้มากมายเกินไป มีพื้นที่กว้างขวางพอให้พี่สาวซูฮวาได้อยู่อย่างผ่อนคลายมากกว่าตามโรงเตี๊ยมด้วยเจ้าค่ะ ทั้งน้ำตกยังแถวหน้าบ้าน และด้านหลังที่ประดับด้วยเทือกเขาเป็นทิวแถว ..แล้วก็มีพื้นที่เพาะปลูกด้วยนะเจ้าคะ! ถ้าพี่สาวอยากหาอะไรทำก็สามารถปลูกพืชได้ด้วยล่ะเจ้าค่ะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยนำโดยเน้นถามอีกสตรีเป็นหลัก เพราะปัญหาเรื่องสุขภาพเท้าของสหายผู้ติดตามผู้นี้ไม่อาจทำให้นางพาเดินทางไปไหนได้บ่อยครั้งเท่ากับถานเจ๋อที่แข็งแรงกว่าและตั้งใจเดินทางไปด้วยกันกับเด็กสาวเพื่อคุ้มครองตามปณิธานที่เอ่ยขอติดตาม

          " ซีเหอ.. หรือเจ้าคะ? ก็ดีนะเจ้าคะ ว่าแต่บ้านตงฟางนี่ต้องปรับปรุงเยอะหรือไม่เจ้าคะ? "

          คำถามที่ราวกับลืมเลือนไปแล้วว่าสถานที่นั้นเป็นที่ที่นางเคยสลบไสลไว้ ทำให้ตัวจิ้นอิ๋งพอจะคาดเดาได้ไม่ยากว่ายามที่ถูกพาไปยังที่นั่นตัวนางคงไม่รู้แน่ว่าสถานที่ที่อยู่นั้นคือที่ไหน ความกลัวคงทำให้สตรีแซ่เหมยไม่ทันสังเกตโดยรอบและหาทางหลีกหนีกลุ่มโจรชั่วช้าเหล่านั้นเสียมากกว่า เช่นนั้นแล้วเด็กสาวพลันคิดอย่างหมายมาดในใจไปว่าจะปรับปรุงสถานที่ภายในตัวบ้านให้พลิกโฉมสะอาดสะอ้านขึ้นมากเลยเชียวจนคนตรงหน้าไม่อาจย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าพวกนั้นไปเลย

          " ก็.. เยอะอยู่นะเจ้าคะ! เพราะตัวบ้านค่อนข้างเก่ามาก ทั้งในครัวยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นเป็นที่สุด.. ยามข้าซื้อเลยคิดว่าจะลองเอ่ยขอให้ทางอหังสาช่วยปรับปรุงให้ใหม่เอี่ยมไปเลยเจ้าค่ะ! จะได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปด้วย "

          สิ้นคำกล่าว ถานเจ๋อที่แม้หัวช้าแต่เหตุการณ์ที่ผู้เป็นนายแบกสาวแปลกหน้าออกมาจากบ้านร้างนั้นก็ยังติดในความทรงจำมันให้พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้และพยักหน้ารับตามไปด้วยอีกแรงเพื่อให้ซูฮวาสบายใจ

          .
          หลังจากมื้ออาหารเช้าผ่านพ้นไปพร้อมกับที่แผนการซื้อบ้านของเด็กสาวถูกเห็นชอบไปด้วย จิ้นอิ๋งก็ได้เอ่ยถามถึงงานบูชาข้าวพระที่วัดไป๋หม่าพรุ่งนี้ว่าอยากไปเข้าร่วมหรือไม่ ทางฝั่งผู้ติดตามถานเจ๋อที่ครั้งไปส่งหลวงจีนยังนอนหลับระหว่างฟังเทศน์ จะให้ไปงานบุญทั้งวันเจ้าตัวคงไม่ไหวทำให้เอ่ยปฏิเสธกลับไป รวมถึงเหมยซูฮวาที่เพิ่งจะเดินทางไกลแทบไม่หยุดหย่อน ยามนี้ปลายเท้าส่วนนิ้วที่งองุ้มผิดปกติของอีกสตรีนั้นก็แดงเถือกอย่างที่จิ้นอิ๋งก็สังเกตเห็นยามนอนด้วยกันที่ห้องพัก

          สุดท้ายวันงานพรุ่งนี้เด็กสาวเลยตัดสินใจที่จะไปร่วมงานคนเดียว ปล่อยให้ผู้ติดตามอีกสองนั้นได้พักผ่อนไป

          " ถึงข้าเดินเยอะไม่ได้ แต่ช่วยอิ๋งเอ๋อร์ทำอาหารถวายภัตตาหารให้หลวงจีนได้นะเจ้าคะ " ทว่าซูฮวาก็คล้ายอยากมีส่วนร่วมมากกว่านั่งนอนในห้องพักอยู่เฉย ๆ จึงเอ่ยอาสาออกไป

          เด็กสาวที่ได้ยินก็เผยรอยยิ้มกว้างพลางพยักใบหน้ากลับหาดูกระตือรือร้นไม่น้อยที่จะให้อีกสตรีนั้นทำอาหารร่วมกัน ก่อนบอกให้สตรีแซ่เหมยได้นั่งรอที่โรงเตี๊ยมไปก่อน ส่วนนางจะไปซื้อวัตถุดิบเข้ามาให้โดยมีถานเจ๋อที่แอบรู้สึกผิดเช่นกันที่ผู้เป็นนายก็ยอมให้มันได้พักง่ายดายเอ่ยขอตามไปช่วยถือของให้ด้วย ซึ่งจิ้นอิ๋งก็รับคำอย่างยินดีก่อนทั้งสองจะเดินไปซื้อของด้วยกันให้ซูฮวาที่เห็นพลันเบาใจขึ้นมาด้วย


สถานะธาตุหลัก : +20 ความสัมพันธ์ [159] ธาตุไฟ - เกื้อหนุนเรา
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
.
มอบอาหารให้แก่ NPC ในสภา
[159] มอบ ซุปเยื่อไผ่ ให้
[ผู้ติดตามถานเจ๋อ] มอบ ซุปเยื่อไผ่ ให้


ใช้งาน NPC เหมยซูฮวา [159]
ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-2 23:46:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

⌜58⌟

บทที่ 10
พบพานสหายใหม่
ฉากที่ 6
                    
   
          เดินทางมาถึงลั่วหยางในตอนเย็นก็ตรงเข้าโรงเตี๊ยมทานอาหารเย็นแล้วแยกย้ายกันเข้าพักผ่อนตามอัธยาศัย เฟินเยว่อาศัยจังหวะนี้ปรึกษากับต้าซิ่นว่าปกติแล้วทำบุญตักบาตรแบบชาวพุทธเขาทำกันอย่างไร แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้นับถือพุทธศาสนาแต่ก็สามารถอธิบายทุกอย่างออกมาได้ดี ทั้งหมดมาจากการศึกษาทั้งในและนอกตำรา เช่น ที่พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านซีตี้หลายวัน
         
          “ตอนเช้าตรู่จะมีการตักบาตรในส่วนนี้จะเป็นอาหารแห้งหรือว่าปรุงสุกก็ได้ตามศรัทธา จากนั้นจะเป็นการสวดมนต์และนั่งสมาธิ และช่วงสายจะถวายอาหารเพลเป็นข้าวกล่อง ข้าแนะนำว่าช่วงตักบาตรใส่อาหารแห้งลงไปก็ดีนะ คนทำบุญกับหลวงจีนมีน้อย บิณฑบาตรแต่ละครั้งก็ใช่ว่าจะได้อาหารมามากมาย หากได้เป็นอาหารแห้งอย่างน้อยพระสงฆ์ก็จะนำไปหุงหาทำกินเองได้”
         
          เมื่อได้รับคำแนะนำมาเด็กสาวก็ไม่รบกวนการพักผ่อนของบัณฑิตหนุ่มอีก นางไปจ่ายตลาดเพียงลำพังซื้อของสำหรับใส่บาตรในตอนเช้าและวัตถุดิบทำอาหารถวายเพล ไม่ลืมที่จะซื้อบ๋วยมาดองด้วยเพื่อที่จะได้ส่งงานโรงน้ำชาทันท่วงที และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือยาทาแผลให้ให้กับเด็กหนุ่มเลือดร้อน แต่แค่ยาทาไม่ได้ ยากินก็จำเป็น เขาน่าจะระบมจนไข้ขึ้นแบบที่นางเป็นเมื่อตอนนั้น แล้วยังซื้อเสื้อผ้าสะอาดไปให้เขาได้เปลี่ยนอีกสองสามชุด
         
          เมื่อได้ทุกอย่างมาแล้วเฟินเยว่ก็กลับมาที่โรงเตี๊ยม นางจัดของที่ซื้อมาออกเป็นชุด ๆ จำนวนแปดชุดเพราะทึกทักเอาเองว่าเป็นเลขมงคล ส่วนข้าวกล่องถวายเพลค่อยขอยืมโรงเตี๊ยมทำอีกทีในตอนเช้า เย็นวันนี้นางแค่ทำบ๊วยดองเอาไว้ก่อน จะต้องทำถึงหนึ่งพันลูกก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แต่ทว่าไม่ได้เกินความสามารถ ทำบ๊วยดองไม่มีอะไรยากเย็นเพียงแค่ใช้เวลาและความอดทน คัดผลบ๊วยที่ดีมีคุณภาพมา นำไปต้มน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรค จากนั้นซับให้แห้งผึ่งลมเอาไว้ก่อน วันนี้ยังทำได้เท่านี้จึงยังไม่เสร็จกระบวนการดอง พรุ่งนี้กลับมาจากวัดไป๋หม่าบ๊วยที่ตากไว้ก็น่าจะแห้งพอดี
         
          เมื่อจัดการธุระส่วนตัวที่จำเป็นเรียบร้อยแล้วก็แวะเวียนไปหาตงฮั่วเสียหน่อยเพื่อดูอาการและทำแผล
         
          ก๊อก.. ก๊อก.. ก๊อก..
         
          “คุณชายซูเจ้าคะ หลับแล้วหรือยัง”
         
          ไม่นานนักบานประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มที่เปลือยท่อนบน รอยฟกช้ำทั้งเก่าและใหม่จารึกอยู่ทั่วทั้งร่างกายอันแข็งแรง ในตอนนี้เด็กสาวไม่รู้จะเอาตาไปมองตรงไหนดีก็เลยหลุบสายตามองพื้นดีกว่าจะได้ไม่ต้องเขินมากนัก
         
          “บอกแล้วไงว่าให้เรียกตงฮั่วน่ะ”
         
          “อะ.. ขอโทษเจ้าค่ะ ข้ายังติดปากอยู่” ชำเลืองสายตาขึ้นมองอีกฝ่ายก็เห็นว่าเขาเดินโขยกเขยกไปที่เตียง ท่าทางอาการดูจะแย่กว่าเมื่อวันก่อนตอนที่ทั้งอดนอนแล้วยังบาดเจ็บเสียอีก เฟินเยว่ตามเข้าไปด้านในแล้วปิดประตูห้องให้ “อาการเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
         
          “ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง”
         
          คำพูดของอีกฝ่ายในครั้งนี้เฟินเยว่ขอไม่เชื่อ หากว่าสบายดีจริงเขาไม่เดินแบบนั้นหรอก
         
          “ข้าซื้อยามาด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะต้มให้นะเจ้าคะ” ไม่พูดเปล่าเด็กสาวตรงไปต้มน้ำในกาน้ำชาของแขกให้เดือดก่อนที่จะนำยาผงที่ซื้อมาจากตลาดแก้อาการช้ำในลงในถ้วยชามาชงแล้วส่งให้อีกฝ่ายได้ดื่ม “ค่อย ๆ ดื่มระวังร้อนนะเจ้าคะ”
         
          “เจ้าเนี่ยเซ้าซี้จริง ๆ เลยนะ ทำตัวอย่างกับเป็นแม่ข้าอย่างไรอย่างนั้น”
         
          แม้พูดบ่นแต่เด็กหนุ่มก็รับถ้วยชามาจิบอย่างว่าง่าย กินไปก็เบ้หน้าไปด้วยความขมของตัวยา ถึงแม้ว่าสุราเองก็มีส่วนผสมของยาพวกนั้นแต่เขากลับกลืนมันได้ลื่นคอมากกว่า
         
          “เหมือนหรือเจ้าคะ ถ้าเช่นนั้นท่านจะคิดว่าข้าคือท่านแม่หนึ่งวันก็ได้นะเจ้าคะ” เด็กสาวขยับยิ้มหวานจนตาปิด “ถ้าดื่มยาแล้วฉะนั้นก็มาทำแผลกันนะเจ้าคะ”
         
          “ไม่เอาข้าคิดไม่ลงหรอก แม่ที่ไหนจะอายุเท่ากันเล่า”
         
          ตงฮั่วตอบแต่ประโยคแรกแต่ไม่ได้ตอบรับเรื่องการทำแผล แต่ก็คงเหมือนกับทุกครั้งที่ถ้าไม่ตอบก็แปลว่าได้ เด็กสาวจึงเริ่มจากการเช็ดตัวให้อีกฝ่าย ทำความสะอาดคราบไคลให้หลุดไปจากร่างกายแล้วจึงใส่ยาตามจุดช้ำต่าง ๆ เมื่อผ้าแตะซับไปโดนรอยเขียวเด็กหนุ่มก็สะดุ้งขึ้นมาทีนึง แม้ทำตัวเหมือนไม่รู้สึกรู้สาแต่เฟินเยว่รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายก็ปวดตัวไม่ใช่เล่น เด็กสาวพยายามจะไม่สัมผัสกับร่างกายของอีกฝ่ายจริง ๆ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเนื้อหนัง อุณหภูมิภายนอกที่ผิวเนื้อดูจะร้อนกว่าปกติจนเด็กสาวขมวดคิ้ว
         
          “ข้าซื้อชุดใหม่มาให้ท่านเปลี่ยนด้วยล่ะเจ้าค่ะ ส่วนเสื้อผ้าเก่าข้าขอเก็บไปก่อนนะเจ้าคะ เอาไว้ซักทำความสะอาดแล้วจะคืนให้เจ้าค่ะ”
         
          “ลำบากเจ้าอีกแล้วนะ ไม่เห็นจะต้องพยายามทำได้เพื่อข้าขนาดนั้น ถ้าเกิดข้าเข้าใจผิดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ”
         
          “เข้าใจผิดอะไรหรือเจ้าคะ?”
         
          เด็กสาวเอียงใบหน้าพลางเอ่ยถาม
         
          “ก็เข้าใจผิดไปว่าเจ้าคิดกับข้ามากกว่าสหาย ..อะไรทำนองนี้”
         
          “....”
         
          ได้ยินคำพูดนั้นเฟินเยว่ก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย รู้สึกได้เลยว่าใบหน้าของตนร้อนวูบขึ้นมาชั่วขณะ อีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้าใจอะไรผิดจึงไม่มีอะไรที่ต้องแก้ต่าง แต่ครั้นจะยอมรับในทันทีก็พูดยากจนเกินไป ทั้งสองเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน หากยอมรับว่าชอบไปจะดูเหมือนเป็นสตรีไร้ยางอายหรือเปล่านะ เด็กสาวจึงเพียงแค่ยิ้มตอบเขาไปเท่านั้น แต่การไม่พูดไม่จามีเพียงแค่รอยยิ้มก็มากพอที่จะเป็นคำตอบพอให้ได้เข้าใจตรงกัน คราวนี้เป็นฝ่ายเด็กหนุ่มเองที่ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นมาบ้าง
         
          “เอ่อ.. ข้ารู้สึกเวียนหัว ขอนอนพักก่อนดีกว่า”
         
          ตงฮั่วเบี่ยงใบหน้าเบนสายตาทำเฉไฉ ปวดหัวด้วยพิษไข้ก็ถูกส่วนหนึ่ง กับอีกส่วนคือเขาวางตัวไม่ถูก สาวน้อยคนนี้ดีต่อเขาหลายอย่าง ความรู้สึกดีก่อกำเนิดขึ้นมามากไม่น้อย เพียงแต่ว่าเด็กหนุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลใครในตอนนี้ เขาจึงทำเป็นนอนดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดอกแล้วหลับตา เฟินเยว่มองกิริยานั้นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู บางทีที่ออกมาในรูปแบบนี้หมายถึงว่าเด็กหนุ่มเองก็กำลังเขินจัดอยู่ด้วยเช่นกันใช่หรือไม่ แต่นางก็ไม่ได้ถามต่อให้รู้สึกอึดอัดใจ ไม่ว่าสหายจะคิดอย่างไรกับตนเอง นางก็เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว
         
          “เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นนอนพักเยอะ ๆ นะเจ้าคะ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาปลุกเจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวเก็บอุปกรณ์ทำแผลกลับ ค้อมศีรษะลงแล้วบอกลาให้เขาได้พักจะได้หายเจ็บในเร็ววัน
   

.
.
.



ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 EXP จากการโรลทำงาน หรือ โรลเดินทางช่วงค่ำ (เรียลไทม์)

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)




ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ















←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-4 21:08:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เชิญยอดฝีมือหญิง
พานพบผู้ว่าจ้าง
.
.

           หลังจากตัวจิ้นอิ๋งจัดการธุระเกี่ยวกับบ้านที่ซื้อเอาไว้จนเรียบร้อยแล้วนั้น ก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามสะดวกโดยจิ้นอิ๋งได้วางแผนให้ว่าในวันพรุ่งนี้ค่อยเดินทางไปดูบ้านที่เพิ่งซื้อยังเมืองซีเหอกันอีกที ตัวนางที่ห่างหายจากร้องรำมานานก็ได้แวะเวียนไปดูยังโรงอุปรากรของเมืองให้หายคิดถึง แวะทักทายเถ้าแก่เนี้ยะที่เคยร่วมสอนสั่งการร่ายรำแก่นางจนผ่านไปกระทั่งยามเซินเด็กสาวจึงกลับมาเยือนตัวโรงเตี๊ยมอี้เถาเพื่อทำการทานข้าวเย็นร่วมกันกับผู้ติดตาม

           แล้วเพราะตัวจิ้นอิ๋งที่เริ่มมีเงินสำหรับใช้จ่าย ทำให้นางสั่งอาหารดี ๆ ให้ผู้ติดตามได้ทานหลังจากที่ก่อนหน้าต้องช่วยกันประหยัด กระทั่งซุปกระต่ายเบญจมาศมาเสิร์ฟ ถานเจ่อก็แทบตาโตกับอาหารตรงหน้าทั้งยังดูยึกยึกไม่กล้าตักทานเลยเชียว

           " ซุปกระต่ายเบญจมาศเลยหรือขอรับ " บุรุษผู้ติดตามเอ่ยเสียงแผ่วสลับกลืนน้ำลายลงคอ ทำเอาจิ้นอิ่งที่จับสังเกตได้เกือบจะหัวเราะออกมา

           " ใช่แล้วเจ้าค่ะ! ทานเต็มที่เลยนะเจ้าคะ ตอบแทนท่านทั้งสองที่คอยดูแลข้ามาตลอด.. ขอบคุณมากเลยนะเจ้าคะ "

           น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างจริงใจก่อนจะมองสบทั้งถานเจ๋อและซูฮวาที่แม้เข้ามาร่วมกลุ่มกับนางได้ไม่นานก็ให้ความช่วยเหลือในอีกมุมที่อีกบุรุษไม่อาจทำให้ได้จนจิ้นอิ๋งแทบจะนับทั้งคู่เป็นครอบครัวของนางไปเสียกลาย ๆ แล้ว ทั้งสองที่ได้ยินคำขอบคุณนั้นก็คล้ายยกยิ้มตามไปด้วยก่อนจะเริ่มลงมือทานอาหารกันด้วยความรู้สึกที่มื้ออาหารดูจะรสชาติดีขึ้นมาอีกเสียหลายเท่าตัว

           ระหว่างนั้นในหัวของดรุณีน้อยก็พาลคิดไปเรื่อยว่า หากถึงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้นางอาจขอนับญาติกับสตรีแซ่เหมยให้เป็นพี่สาวของนางด้วยก็ได้ อย่างไรกว่าจะได้เจอครอบครัวก็อีกนานโข หากมีคนที่คล้ายกับครอบครัวอยู่ด้วยในตอนนี้ไม่ว่าจะถานเจ๋อหรือเหมยซูฮวา คงทำให้เด็กสาวคลายความเหงาที่ต้องไกลจากคนที่บ้านลงได้มากทีเดียว
           .
           .
           ด้วยยังเหลือเวลาราวครึ่งชั่วยามที่จะถึงเวลานัดหมายกับผู้ว่าจ้าง ตัวจิ้นอิ๋งจึงชวนซูฮวามาอาบน้ำร่วมกันกับนาง สองสตรีจึงมาเยือนยังส่วนโรงอาบน้ำของตัวโรงเตี๊ยม ในคราแรกความเขินอายของสตรีแซ่เหมยยังคงมีบ้างอยู่ ยิ่งยามเห็นส่วนสัดเว้าโค้งเหมาะเจาะไปหมดจากเรือนร่างของสตรีที่เด็กกว่านางก็แทบทำให้นางอยากปิดบังร่องรอยความเจ้าเนื้อเล็กน้อยของตน ทว่าเพียงครู่เท่านั้นหลังได้รับคำชมจากจิ้นอิ๋งมากเข้า ไหนจะความกระตือรือร้นอยากสระผมให้เสียชวนเอ็นดูนั้นอีก ทำให้ซูฮวาแทบลืมเลือนเรื่องรูปร่างของกันและกันไปเสียหมด

           สองสตรีผลัดเปลี่ยนเวียนสระผมให้กันอย่างสนุกสนาน กลิ่นน้ำข้าวที่นำมาสระคลุ้งอ่อนจากเรือนผมปนเปกับกลิ่นกายเอกลักษณ์ ชวนให้ห้องอาบน้ำนี้หากมีผู้มาใช้งานต่อไม่แคล้วรู้สึกหอมสะอาดตั้งแต่ยังไม่เริ่มอาบเป็นแน่ ก่อนผ่านไปราวสองเค่อทั้งคู่ก็อาบเรียบร้อยโดยเป็นตัวสตรีแซ่เหมยเองที่ช่วยเร่งเวลาให้แก่เด็กสาวที่ดูชอบการอาบน้ำมากกว่าที่นางคิด หากไม่เอ่ยเตือนว่าต้องรีบแต่งตัวไปเจอผู้ว่าจ้างต่อ จิ้นอิ๋งคงยังนอนแช่น้ำในถังไม้ต่อไป

           เมื่อกลับถึงห้องพักซูฮวาก็ช่วยเช็ดตามเรือนผมชื้นของเด็กสาวจนรู้สึกสบายไปแทบทั้งหัว ดวงตาหวานแทบจะปรือปรอยดูง่วงหงาวหาวนอนขึ้นมาจนคนเช็ดต้องช่วยเลื่อนนิ้วจิ้มลงแก้มนิ่มเพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นมาเสียหลายรอบ

           กระทั่งจิ้นอิ๋งแต่งตัวและรวบผมดูเรียบร้อยดีแล้วก็ถึงเวลาตามนัดพอดีให้อีกสตรีเอ่ยบอกให้ซูฮวาพักรอยังห้องพัก ส่วนตัวดรุณีน้อยจะเร่งไปพูดคุยเรื่องงานกับผู้ว่าจ้าง และเมื่อได้ความมาอย่างไรจะนำมาแจ้งบอกเพื่อปรึกษาสตรีแซ่เหมยเอง ผู้ที่ฟังอยู่จึงยินยอมพยักหน้ารับและปล่อยให้ร่างเล็กออกจากห้องไปคนเดียวในที่สุด

           .
           โรงเตี๊ยมอี้เถายามห้ายที่เริ่มมีคนไม่พลุ่กพล่านนัก บริเวณส่วนท้ายของโรงเตี๊ยมมีบุคคลใส่ชุดคลุมดำผู้หนึ่งนั่งอยู่ เด็กสาวที่กวาดตามองดูโดยรอบพลันสังเกตเห็นเข้าก็คิดไปว่าน่าจะเป็นบุคคลที่พ่อค้าหวังจินนัดไว้ให้เป็นแน่ นางจึงเดินเข้าหากระทั่งยืนไม่ไกลจากโต๊ะนั้นให้พอรับรู้ว่าศรีษะที่ถูกคลุมปิดด้วยผ้าคลุมขยับรับราวกับเงี่ยหูฟังว่าเป็นใครที่มาเยือนหา

           " สวัสดีเจ้าค่ะ ข้ากู่จิ้นอิ๋งเป็นผู้ที่ได้รับคำแนะนำงานมาจากท่านพ่อค้าหวังจินเจ้าค่ะ "

           แม้ไม่เห็นหน้าคร่าตาและท่าทางว่าคนตรงหน้าคงไม่บอกชื่อแซ่ให้นางรับรู้ในตอนนี้ แต่จิ้นอิ๋งก็ไม่คิดปิดบังตัวตนเพื่อให้ทั้งผู้ว่าจ้างวางใจและเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในฐานะที่เป็นคนที่พ่อค้าหวังแนะนำงานมาด้วย ซึ่งบุคคลในผ้าคุลมดำหลังได้ยินดรุณีน้อยเอ่ยแนะนำตัวมาเช่นนั้นก็คล้ายชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะรับพลางผายมือเชื้อเชิญให้เด็กสาวนั่งลง

           ยามเมื่อนั่งลงได้ ชาที่ถูกสั่งมาก่อนหน้าก็ถูกรินเสิร์ฟให้อย่างใจเย็น ด้วยจิ้นอิ๋งก็ไม่ใช่คนที่รีบร้อนอะไรเช่นกันจึงยกถ้วยรับชาพร้อมค้อมศีรษะหาทั้งรอยยิ้มสำหรับน้ำใจจากอีกฝ่าย หลังพากันนั่งดื่มชาเงียบ ๆ ไปหนึ่งเค่อ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าบุคคลภายใต้ผ้าคลุมนั้นได้พิจารณาดรุณีน้อยไปด้วยจนรู้สึกมั่นใจในบางอย่างแล้วจึงยอมเอ่ยธุระงานที่อยากให้ช่วยเหลือออกไป

           " ได้ยินข่าวลือมาว่า.. ที่เขาไป๋สวินเมืองอันอี้ มีโจรสาวคนหนึ่งมีฝีมือการต่อสู้ไม่ธรรมดาและนางมีคดีติดตัวอยู่ " โทนเสียงแหลมหวานบ่งบอกความเป็นสตรีเพศอย่างที่พ่อค้าหวังเคยบอกทำให้จิ้นอิ๋งที่ได้ยินไม่รู้สึกแปลกใจอะไรมากไปกว่าเนื้อความที่ได้รับ

           จิ้นอิ๋งคล้ายชะงักมือที่ถือถ้วยชาไปเล็กน้อยยามที่ได้ยิน ในหัวนึกถึงแม่นางเจิ้งที่นางคอยแวะเวียนไปพูดคุยเล่นด้วยกันอยู่ช่วงหนึ่ง จนดวงตากลมเลื่อนมองนิ่งลงยังถ้วยชาในมือคล้ายกับกำลังคิดคำพูดที่จะตอบโต้ขึ้นมา ด้วยไม่รู้เพราะคนตรงหน้ามีเจตนาดีหรือร้ายต่อบุคคลที่เด็กสาวแอบนับสหายในใจ ทำให้นางไม่กล้าเอ่ยโพล่งตอบสิ่งใดกลับไปนัก ทว่าท่าทางของจิ้นอิ๋งที่แทบแปะคำว่ารู้จักแม่นางที่เป็นโจรผู้นั้นชัดเจนบนสีหน้าลำบากใจก็ทำให้อีกสตรีภายใต้ผ้าคลุมดำเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงพึงพอใจมากขึ้นที่ไม่ต้องเท้าความถึงสตรีโจรผู้นั้นให้มากเรื่อง

           " ไม่ต้องกังวลไป.. ข้าเพียงอยากเชิญโจรสาวผู้นั้นมาช่วยเหลืองานสำคัญ และข้ามีข้อเสนอล้างมลทินให้แก่นางจนไม่ต้องกลัวทางการตามล่าอีกต่อไป "

           สิ้นประโยคดวงตาของจิ้นอิ๋งยามเลื่อนมองยังกลุ่มผ้าคลุมที่ปิดบังหน้าของอีกสตรีนั้นก็พลันทอประกายอย่างชัดเจน รู้สึกในอกยินดีขึ้นมาที่จะช่วยเหลือสตรีผู้นั้น แต่อีกใจส่วนลึกของจิ้นอิ๋งกลับกำลังร้องเตือนว่าการช่วยเหลือนี้ดีจริงแล้วใช่หรือไม่สำหรับคนผู้หนึ่งที่ลงมือสังหารใครสักคนลงไปอย่างผิดกฏหลักบ้านเมือง

           " ข้าก็อยากช่วยนางนะเจ้าคะ.. สตรีผู้นั้นมีจิตใจหาความยุติธรรมแก่ชาวบ้านไม่น้อย แต่ว่าท่าน.. คิดว่าที่นางลงมือสังหารแม่ทัพผู้นั้นเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้หรือเจ้าคะ? " จิ้นอิ๋งเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไป คล้ายเห็นร่องรอยชะงักของสตรีชุดคลุม ก่อนน้ำเสียงที่เอ่ยหาต่อมาจะทอดอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

           " แน่นอนว่าการทำตัวเป็นศาลเตี้ยไม่ใช่สิ่งที่พึงกระทำนัก ข้าจึงจำต้องมอบงานให้นางทำเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ทำผิดไป… ไม่ต้องห่วงนะแม่นาง งานที่นางโจรผู้นั้นต้องทำเพื่อแลกกับการล้างมลทินที่ลงมือสังการคนนั้นย่อมสมน้ำสมเนื้อ "

           จิ้นอิ๋งคล้ายเบาใจขึ้นมา นางสบมองคนตรงหน้าอย่างเชื่อใจก่อนทั้งสองจะพูดคุยแลกเปลี่ยนตัวงานที่นางต้องทำคือเพียงแค่เกลี้ยกล่องให้แม่นางเจิ้งมาพบกับอีกฝ่ายให้ได้ก็ถือว่างานสิ้นสุดลง ซึ่งเด็กสาวที่เคยรู้จักกับคนผู้นั้นมาแล้วย่อมคิดว่าไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง จึงได้รับปากออกไปจนสตรีปริศนาผู้นั้นวางใจและเอ่ยลานางไปในที่สุด


           .
           ยามเด็กสาวเดินย้อนกลับคืนสู่ห้องพักก็เล่าเนื้อความทั้งหมดให้แก่เหมยซูฮวาได้รับฟังไปด้วย กระทั่งอีกสตรีได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็คล้ายขมวดคิ้วมุ่นขึ้นมาขณะสบมองเด็กสาว นางเลื่อนมือกอบกุมมือเล็กของจิ้นอิ๋งผะแผ่ว บีบขยับเบาราวกับกำลังปลอบโยนนางอยู่ในทีจนภายในอกที่มั่นใจของเด็กสาวพลันอ่อนลงและเริ่มไม่มั่นใจในบางสิ่งขึ้นมา

           " อิ๋งเอ๋อร์มั่นใจใช่หรือไม่เจ้าคะ? ว่าหากทำเสร็จแล้วจะไม่เสียใจทีหลัง.. แม้สตรีแซ่เจิ้งผู้นั้นอิ๋งเอ๋อร์จะนับเป็นสหาย… หากแต่ก็ไม่รู้นางได้นับอิ๋งเอ๋อร์เป็นสหายด้วยหรือไม่ อีกอย่างหากสุดท้ายช่วยเหลือไปแล้วอิ๋งเอ๋อร์อาจกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับผู้ที่เป็นโจรด้วยก็ได้นะเจ้าคะ "

           คำกล่าวนั้นตรงใจกับความกังวลของเด็กสาวทุกประการจนดวงหน้านวลแทบจะบิดเบ้ลงด้วยความหนักใจ ถึงอย่างนั้นยามที่เคยได้รู้จักและพูดคุยกับแม่นางเจิ้งก็พอทำให้นางรับรู้ได้ว่าอีกคนไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ถูกกล่าวหา สุดท้ายแม้จิ้นอิ๋งจะรู้สึกว่านางอาจจะโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ช่วยเหลือโจร แต่สิ่งที่ทำนั้นเป็นการหาความยุติธรรมให้แก่สตรีที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกขูดรีดนับร้อย นางจึงพยักหน้ากลับไปหนักแน่นให้แก่สหายผู้ติดตามตรงหน้า

           " ข้า.. คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ควรทำ …ข้า ข้าจะช่วยแม่นางเจิ้งเจ้าค่ะพี่สาวซูฮวา พี่สาว… พี่สาวจะยังอยู่เคียงข้างข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ "

           ประโยคท้ายจิ้นอิ๋งคล้ายเอ่ยถามเสียงเครือไม่มั่นใจดั่งประโยคหน้าทำเอาซุฮวาได้แต่ยกยิ้มจนใจ ก่อนจะเลื่อนอ้อมแขนโอบกอดเด็กสาวตรงหน้าเอาไว้แน่นแทนคำตอบทั้งหมด


ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
ลักษณะนิสัยใจกว้าง
+10 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน
สถานะธาตุหลัก : +20 ความสัมพันธ์ [159] ธาตุไฟ - เกื้อหนุนเรา

มอบอาหารให้แก่ NPC ในสภา
[159] มอบ ซุปกระต่ายเบญจมาศ ให้
[ผู้ติดตามถานเจ๋อ] มอบ ซุปกระต่ายเบญจมาศ ให้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-5 22:21:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ส่งสตรีชุดแดงยังที่หมาย

        เข้าสู่ตัวเมืองลั่วหยางนครหลวงที่ครั้งหนึ่งหลี่ซีซวนเคยมารับราชทหารที่นี่  เดินจูงม้าเข้านครหลวงโดยมีสตรีชุดแดงผู้เลอโฉมนั่งบนหลงม้า  หญิงงามย่อมเป็นธรรมดาของชายหนุ่มทั้งหลายจะมองดูความงามของนาง  หลี่ซีซวนพอจะคาดเดาความคิดของพวกมันได้ว่าหน้าตาเช่นหลี่ซีซวนที่หาความหล่อเหลา  ความคู่ควรแทบไม่เจอเลยแต่ใครจะรู้ว่าหน้าตาเช่นหลี่ซีซวนเคยหยอกเหย้ากับนางผู้นี้มาแล้วหลายครา  มากคนย่อมหลากหลายทางความคิดจุดนี้ย่อมไม่ถือสา  หากชายใดสงสัยในความสามารถของหลี่ซีซวนแล้วไซร้  ชายหนุ่มพเนจรผู้นี้ยินดีน้อมสนองตามความเรียกร้องทุกเมื่อ  ขึ้นว่านครหลวงย่อมหมายถึงความรุ่งโรจน์  รุ่งเรือง  ความยิ่งใหญ่ของนครา  นครฉางอันย่อมมีร่องรอยขององค์ประกอบเหล่านี้เช่นกัน  ผู้คนมากมายย่อมเข้ามาแสวงหาความเจริญให้กับชีวิตของตัวเอง  โดยเฉพาะเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่อยากพำนักในนครหลวง  เพื่อความสะดวกในการเดินทางและอำนาจในมือตน  ใครบ้างมิอยากมีประกาศิตสั่งผู้อื่นให้ทำตามบัญชาตามที่ตนเองปราถนา

        เดินทางเรื่อยมาจนมาถึงโรงเตี๊ยมอี้เถาของเมืองลั่วหยาง มันไม่ได้ใหญ่โตมากมายเท่าโรงเตี๊ยมที่อื่นกลับมีคนมาใช้บริการโรงเตี๊ยมแห่งนี้เยอะมาก  หลี่ซีซวนผายมือให้สตรีชุดแดงเดินนำเข้าไปด้านในโรงเตี๊ยม  สตรีชุดแดงเลือกนั่งโต๊ะริมด้านหน้า  หลี่ซีซวนนั่งลงด้านตรงข้าม

   "ข้าขอบะหมี่เกี๊ยวหมูน้ำผัดน้ำมันหอย 2 ที่ ขาแกะ 1 ที่  ไก่ย่าง 1 ที่ สุราไผ่เขียว 1 ไห"  บริกรพยักหน้ารับทราบแล้วเดินจากไป  
     นี่เป็นการทำความรู้จักครั้งใหมหรือไม่  หลี่ซีซวนไม่แน่ใจในจุดนี้มากนักเพราะทุกครั้งที่ได้นั่งใกล้ชิดกับแม่นางชุดแดง  จังหวะหัวใจเต้นแรงดังกลองรบทุกครั้ง  บริกรนำของทุกอย่างตามที่สั่งไปมาวางบนโต๊ะ  พวกเขาสองคนลงมือทานอย่างอเร็ดอร่อยโดยมีหลี่ซีซวนรินสุราพลางชนจอกทุกครั้งก่อนดื่ม  อาหารและเครื่องดื่มตรงหน้ารสชาติดีก็จริง  แต่มันกลับเลิศรสมากยิ่งขึ้นเมื่อไหร่ร่วมรับประทานกับหญิงงามตรงหน้า  บรรยากาศราวกับตกลงสู่ภวังค์ที่มีเพียงสองคนในโรงเตี๊ยม  หารู้ไม่ว่าชายหนุ่มฉกรรจ์ทั้งหลายของเมืองลั่วหยางเดินเข้ามาจับจองที่นั่งในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จนเต็มที่นั่งหมดแล้ว  สิ่งที่ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งหลายตาร้อนผ่าวคือหลี่ซีซวนหยิบผ้าออกมาจากด้านในเสื้อเช็ดปากของสตรีชุดแดงที่เอะคราบน้ำมันหอยจากการทานบะหมี่เกี๊ยวหมูเข้าไป
        ภารกิจคุ้มครองสาวงามได้เสร็จสิ้นลงแล้ว  ส่งสาวงามถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย  ตามจริงหลี่ซีซวนต้องลงใต้ไปดูความเรียบร้อยของบ้านที่เมืองหนานชาง  ทว่าก็อยากรู้ว่าสตรีชุดแดงจะมีอันใดกับตัวเองต่อหรือไม่  หากไม่แล้วจะได้กลับสู่เจียงหนาน

     


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
 เจ้าของ| โพสต์ 2021-10-5 22:28:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  
.: แขกที่สัญจรมาที่นี่ :.

กติกาการโรลเพลย์สนทนาทำความรู้จักขุนพลสัญจรผ่านมา
(1) 1 โรลเพลย์ สามารถเจอได้แค่ 1 คนเท่านั้น ยกเว้นมีระบุว่า xx นั่งกับ xx
(2) ในโรลเพลย์สร้างสถานการณ์พบเจอครั้งแรกได้อิสระ โดยไม่แหกนิสัย NPC
(3) นอกจากทำความรู้จัก พูดคุย ใน 1 โรลเพลย์สามารถมอบของขวัญให้ 1 ชิ้นเท่านั้น
(4) การชักชวนเข้ากองกำลัง บาง NPC ไม่จำเป็นต้องหัวใจเต็ม 10 ดวงเสมอไป นอกจากอยู่ที่การให้ของแล้ว การพูดคุย โรลทิ้งท้ายไว้ และ กำกับว่า "ชักชวน"
ทางทีมงานจะมาคอมเม้นท์ว่าชวนสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จคุณจะได้โต้วาทีกับเขา ถ้าชนะแสดงว่าเขายอมรับใช้คุณ


ความสำคัญก่อนโรลสร้างความสัมพันธ์ NPC
(1) สำคัญมาก ที่คุณจะต้องตรวจเช็ค (ลักษณะนิสัยขัดแย้งกันหรือไม่ สามารถเช็คได้จากที่นี่ คลิก)
(2) รองลงมา ตรวจเช็ต ธาตุวันเกิด และ ปีนักษตร ชงกันหรือไม่ สามารถเช็คได้ที่นี่ (คลิก)
(3) ทุก ๆ การโรลเพลย์ที่มีความขัดแย้งในด้านนิสัย และ ธาตุหรือปีนักษัตรชงกัน เนื้อหาโรลเพลย์คุณจะต้องสร้างให้สมเหตุสมผล
เมื่อความสัมพันธ์ต้องลบลงในโรลเดียวกับจีบ ที่ความสัมพันธ์เพิ่ม โดยการครีเอทสร้างสถานการณ์โรลเพลย์ไม่ถึงกับทะเลาะ ขัดแย้งกัน
แต่ให้คุณเผลอทำอะไรที่ไม่ดี หรือใช้คำพูด หรือ บางอย่างเกี่ยวกับนิสัย ตัวคาร์คุณในโรลนั้นด้วย เพื่อให้มีความเมคเช้นส์ในการลดความสัมพันธ์




[116] ฉุนยวี่ ฉง (อิเขง)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: ยังไม่มีแววไปจากที่นี่



[131] หลี่ ซู่ (ลิซก)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: ยังไม่มีแววไปจากที่นี่


[109] เหยียน เซี่ยง (เอียมเซียง)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: ยังไม่มีวี่แววไปจากนี่



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-10-7 22:32:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ร่วมโต๊ะกับสาวงาม

        เหตุการณ์เมื่อวานในโรงเตี๊ยมเพียงหลี่ซีซวนหยิบผ้าจากในอกเสื้อเช็ดคราบน้ำมันหอยจากบะหมี่เกี๊ยวหมู   ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้งโรงเตี๊ยมจองตัวแล้ว  ยิ่งสตรีชุดแดงนำนิ้วเรียวมาประทับบนแก้มของหลี่ซีซวน  ผู้คนอิจฉาทั้งโรงเตี๊ยมในวาสนานารีของหลี่ซีซวนแล้ว  คุ้มครองหญิงงามที่ยั่วยวนมาตลอดทางโดยหลี่ซีซวนไม่คุ้มคลั่ง  น่าเลื่อมใสบวชพระเสียจริง  คฤหาสถ์ที่หนานชางอย่างไรต้องกลับไปแน่นอน  หากหลี่ซีซวนขอได้ชดเชยเวลาที่ไม่ได้แวะไปจิงโจวมาลั่วหยางแทน  แม้จะส่งนางถึงที่หมายปลอดภัยแต่หลี่ซีซวนขอตามใจตัวเองมากหน่อย  เที่ยวสำราญในนครหลวงลั่วหยางซักหลายวันหรือเกิดเหตุการจวนตัวค่อยหลบหนีลงใต้  
        หลี่ซีซวนพักม้าไว้ชานเมืองหลวงหากกลับเมื่อใดค่อยผิวปากยาวเรียกมาได้  ค่ำคืนนี้อยากสำราญเสียหน่อย  แผ่นดินกำลังกลียุคเพราะโจรโพกผ้าเหลือง  ชาวบ้านต่างไปเข้าร่วมกับกลุ่มโจรนี้นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที  ครั้นจะโทษชาวบ้านตามเมืองต่างๆทั่วแผ่นดินฝ่ายเดียวคงมิได้  ราชสำนักทำตัวเสื่อมโทรมจนราษฎรหมดศรัทธา  ขุนนางต่างทำตัวแหลกเหลว  เรื่องนี้หลี่ซีซวนพอรู้มาบ้างสมัยรับราชการทหาร  หลี่ซีซวนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยมอี้เถากำลังมีดนตรีบรรเลงอยู่พอดีและมีชายฉกรรจ์นั่งจับจองจนเกือบแน่นร้าน  พอรู้ว่ามีสตรีชุดแดงมาอยู่ลั่วหยาง  คงอยากมาชมเชยกัน  ข่าวลือไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก  หลี่ซีซวนจับจองโต๊ะด้านหน้าตรงกลาง
   "ขอบะหมี่เกี๊ยวหมูน้ำผัดน้ำมันหอย  ไผ่เขียว  ขาแกะ เอามาอย่างละที่พอ"  
    หลี่ซีซวนหันมาสั่งเมนูกับบริกรรอเจอกับสตรีชุดแดง
   "ใยคุณชายไม่สั่งเผื่อข้าด้วย"
    สตรีชุดแดงบอกเสียงหวานพลางนั่งลงตรงข้ามหลี่ซีซวน  ซึ่งหลี่ซีซวนได้ขอเพิ่มอีกอย่างละชุด
        แม่นางชุดแดงปรากฎตัวขึ้นอีกครา  สายตาชายหนุ่มฉกรรจ์ในโรงเตี๊ยมเริ่มพุ่งมาที่โต๊ะของหลี่ซีซวน  หากพวกเขาสองคนไม่ได้สนใจกับปฏิกิริยารอบข้างเท่าที่ควร  บริกรทำอาหารและสุรามาวางบนโต๊ะ  เสียงนิ้วกรีดลงบนสายของผีผาเริ่มบรรเลงทำนองเศร้าสร้อยเล็กน้อยมิรู้ว่าต้องการสื่อความหมายต่อสิ่งใด  กระทั่งนางเริ่มร้องเพลงตามท่วงทำนอง
บนเตียงอาบแสงจันทร์    หิมะโปรยปรายลงมาอย่างลวงตา
แหงนหน้ามองที่จันทรา   ก้มหน้าคะนึงหาบ้านเก่า
ลมโชยปะทะกิ่งไม้   สะเทือนไปถึงขั้วหัวใจ
นึกถึงทุกวันคืน   เนิ่นนานมิอาจลืมเลือน
ดวงจันทร์สะท้อนกลางสายธารา  ในสั่นไหวตามระลอกน้ำ
หนึ่งก้าวหนึ่งคะนึงหา  ความทรมานใจเริ่มคืบคลานเข้ามา
มองย้อนไปตามทาง  ค่อยๆปิดกั้นโลกของตัวเอง
ชีวิตก็เหมือนดั่งชาหนึ่งกา  ลอยห่างเคว้งคว้างอย่างกลิ่นควัน
เพลงขลุ่ยเชิงจบลง แต่เสียงเพลงยังบรรเลงวนเวียนอยู่
คนจากไปเหลือเพียงความเศร้าที่ว่างเปล่า  บุปผาบ้านแล้วโรยรา
อยู่คนเดียวดั่งฝันหวนคืน ข้ามัวเมาอยู่คนเดียวฟังเลงเคล้าสุรา
เมามาย
        เสียงขับร้องจบลงพร้อมกับการกรียดสายผีผาจบลงตามมาด้วย  ดั่งขับขานให้พวกชอบดื่มสุรารับฟังเสียงของตัวเอง  บ่อยครั้งที่ตัวเราดื่มสุราเพียงผู้เดียวใต้แสงจันทราไร้ผู้รู้ใจ  ค่ำคืนนี้ของหลี่ซีซวนร่ำสุรากับแม่นางชุดแดงไม่เปล่าเปลี่ยวใจเช่นครั้งแรกๆที่ต้องชื่นชมอยู่ห่างๆ  จอกสุราชนกันอย่างสนุกสนานไม่มีการถือตัว  หากสงวนท่าทีไม่คุกคามอีกฝ่าย  จบงานเลี้ยงคืนนี้เกรงว่าการออกจากโรงเตี๊ยมหนนี้ของหลี่ซีซวนจะไม่ปลอดภัย  ได้สั่งบริกรขอห้องพักหนึ่งห้อง  ก่อนจะขึ้นไปพักได้ขอจุมพิตบนฝ่ามือของสตรีชุดแดงไว้นอนฝันดีในราตรีนี้

มอบอัญมณีอความารีน 1 เม็ด ให้กับ [096]







←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-10-8 20:38:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ราชสีห์จรจัด
ทางเลือกต่อไป

เทียนโจวเริ่มเดินทางออกมาจากหรูหนาน เพราะในตอนนี้เขานั้นก็มิได้มีเป้าหมายที่นั่นอีกต่อไปแล้ว จึงเดินทางมาอย่างเรื่อยเปื่อยจนมาถึงยังลั่วหยาง แต่แล้วทันทีที่เข้ามาถึงยังเมืองใหม่ เทียนโจวก็พลันโดนเจ้าถิ่นรับแขกอย่างรวดเร็ว

“เห้ พี่ชายไม่คุ้นหน้าเลย พึ่งมาหรอ?”

ชายคนหนึ่งพลันกล่าวขึ้นมาจากกลุ่มของตนที่อันธพาลรวมตัวกันราวๆ10คน ส่วนทางด้านของเทียนโจวนั้นจ้องมองไปที่เหล่าอันธพาลพวกนั้นด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะเริ่มทอดเสื้อของตนออกเผยให้เห็นมันกล้ามเนื้อที่แน่นราวกับม้าศึก

“พวกเจ้าอย่าทำอะไรจะกว่า เพราะไม่ว่ายังไงเจ้าก็ทำได้แค่เพียงฝากแผลเป็นไว้บนร่างของข้า แต่แค่นั้นก็ถือเป็นเกียรติของพวกเจ้าแล้ว”

เทียนโจวแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับสายตาดูถูก แตกต่างจากเหล่าอันธพาลที่เริ่มเดือดดาลก่อนจะกรูกันเข้ามาด้วยความโมโห

“หากพวกเจ้ายังมิหยุดข้าจะตัดแขนของพวกเจ้าซะ”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะหยิบทวนของตนมาควงเล่นรอบตัว ส่วนอันธพาลพวกนั้นก็ยังเข้ามาโดยมิสนใจคำขู่ของเทียนโจวแม้แต่น้อย

“ตายซะเถอะ!”

มีดทั้งห้าพุ่งตรงใส่ร่างของเทียนโจวคนละแผล แต่เทียนโจวนั้นมิได้สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เพราะเเผลเหล่านี้เดี๋ยวก็กลายเป็นเพียงแค่แผลเป็นเท่านั้น เทียนโจวเริ่มตวัดทวนของตนอย่างดุดันก่อนที่แขนของเหล่าอันธพาลจะขาดกันไปกันคนละข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ต่อไปพวกเจ้าอยากเสียอะไรดีล่ะ”

เทียนโจวยิ้มออกมาราวกับมัจจุราชที่แสนชั่วร้าย เหล่าอันธพาลพลันหน้าถอดสีอย่างรวดเร็วก่อนจะพากันวิ่งหนีไปกันคนละทิศละทาง

“พวกขยะ”

เทียนโจวพลันกล่าวออกมาสั้นๆ ก่อนจะเริ่มเดินทางต่อ ซึ่งหลังจากที่เดินทางมาได้ซักพักเทียนโจวก็พบเข้ากับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งจึงได้ลองเดินเข้าไปเพื่อพักผ่อนดูซักเล็กน้อย เพียงระยะเวลาไม่นานหลังจากที่เข้ามาทั้งสองก็ได้ที่นั่งกันอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้ยินเสียงของชายแปลกหน้าบางกลุ่มกำลังคุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจ

“นี่เจ้า ข้าไปได้ยินเรื่องน่าสนใจมากจากพวกพ่อค้าด้วยล่ะ”

“เรื่องอะไรหรอ?”

“คืองี้ มันมีกลุ่มคนแต่งตัวไม่ได้ดูดีไรมากแต่กลับถือตะเกียงที่แสนงดงามลงไปยังทิศใต้แถวตงอัน”

“ตะเกียงงั้นหรอ ทำไมถึงต้องทำขนาดนั้น? หรือว่าจะเป็นสมบัติ”

“ใช่! ข้าเองก็คิดเช่นเจ้า”

หลังจากฟังการสนทนาของทั้งสองอยู่ซักพัก ปิงจวนก็ได้เริ่มการสนทนาขึ้นจนเทียนโจวหันมาฟัง

“เจ้าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้ ตอนนี้เจ้าเองก็ได้พบเจอครอบครัวของเจ้าแล้ว...ข้าก็คงหมดประโยชน์กับเจ้า….”

ปิงจวนพลันนิ่งเงียบไปซักพักหลังกล่าวจบพร้อมกับสีหน้าเศร้าใจ

“ไม่หรอก ข้ายังต้องการเจ้าเสมอ อีกอย่างยังมีเรื่องอีกมากให้พวกเราได้ร่วมเดินทางด้วยกัน ส่วนเรื่องที่ข้าจะทำต่อไปนั้นแน่นอนว่าข้ามีอยู่ในใจแล้ว ข้านั้นจะเผยแพร่แนวคิดของข้าให้กลายเป็นศาสนาเพื่อให้คนหมู่มากนั้นสามารถแข็งแกร่งขึ้นในแบบของตนได้”

เทียนโจวกล่าวออกมาด้วยความมุ่งมั่น ส่วนปิงจวนนั้นก็ร้องไห้ออกมาบางๆที่ตนเองยังได้ร่วมทางไปต่อ แต่ก็แอบหัวเราะออกมาจากแนวคิดของอีกฝ่าย แต่ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ชายตรงหน้าของเธอต้องกการ ก็คงมิมีใครหยุดเขาได้

“แบบนั้น ข้าก็จะตามเจ้าไป”

ปิงจวนยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังกล่าวจบ เช่นเดียวกับเทียนโจวที่ก็ยิ้มออกมาไม่ต่างกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะพาหญิงสาวเดินออกจากร้านแล้วอุ้มขึ้นม้าขาวเหมือนยังเคย

“พวกเราไปกันเถอะ”

.
.
.
.
.
ณ มุมหนึ่งของร้าน

“สองคนนั้นมานั่งฟรีโดยไม่สั่งอาหารสินะเจ้าคะ”

เถาฮัวกำหมัด




เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)
+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี)
+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)
+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+5 มีธาตุทองเหมือนกัน
+20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
-10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว)
+5 กับคนที่สนใจ (มีแผลเป็น)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30
+40
+30



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-10-9 11:49:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"ข้านึกว่าเจ้าจะกินอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้เสียแล้ว"

คำทักทายหลังจากได้เจอกันครั้งแรกในรอบหลายวันได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเนือยๆเมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งเดินออกจากห้องพักของนางมายังห้องอาหารของโรงเตี๊ยม จ้าวเพ่ยกรีดสายตามองไปยังซุนหยางผู้เมามาย พลันใช้นิ้วเรียวเทียบกับคางเพื่อค้ำยามที่นางโน้มหน้าเข้าไปหา

กลิ่นสุราเหม็นหึ่งออกจากตัวบุรุษผู้นี้พลันให้นึกย้อนไปคราที่นางไม่ได้อยู่ดูแล ซุนหยางเองจะดื่มสุราเมามายที่แห่งนี้ขนาดไหน

"สี่ราตรีที่ข้าเอาแต่อยู่ที่ห้อง เจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ"

"ข้าจะทำอะไร เจ้าไม่ได้สั่งข้าเอาไว้เสียหน่อย"

คำตอบที่ได้รับมาทำเอาจ้าวเพ่ยทำหน้าเข้าใจกับสิ่งที่ซุนหยางต้องการจะสื่อก่อนจะเรียกบริกรโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้มาหาพวกนาง นิ้วเรียวชูขึ้นมาขณะเอ่ยสั่งอาหารเมนูโปรดของนางยามเข้ามายังโรงเตี๊ยมแห่งนี้ สายตาคมกริบไม่วายจะมองไหเหล้าบนโต๊ะนี้ ก็ยกยิ้มและชี้ที่ไหเหล้าที่ซุนหยางถือให้กับเสี่ยวเออร์ไปด้วย

"ให้ข้ากินแล้วหรือ" ซุนหยางเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าจ้าวเพ่ยสั่งสุราให้เขา สตรียกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้รับคำถามมา แม้นางจะไม่อยากตอบก็จามแต่เมื่ออีกฝ่ายเกิดข้อสงสัยในตัวนางขนาดนี้ ครั้นจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็อาจจะได้คำถามมาเรื่อยๆระหว่างวันก็เป็นได้

"ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่ห้ามเรื่องการกินสุราอีกต่อไป ความชอบของเจ้าจะทำอะไรก็ทำเถอะ" นางตอบพลางรับก๋วยเตี๋ยวมาวางตรงหน้า ไหเหล้าระเกะระกะตรงหน้าถูกดันไปให้ผู้ติดตามของนางขณะที่จ้าวเพ่ยเริ่มจะจับตะเกียบขึ้นมาเพื่อกินอาหารเก็บเอาแรงสำหรับการเดินทางต่อ

"ขอบใจเจ้า ที่เข้าใจข้า" ผู้ติดตามเห็นว่าจ้าวเพ่ยไม่มีท่าทีโกรธอะไรก็โล่งใจขึ้นมาบ้าง มือหนาจับขนมตรงหน้ากขึ้นมากินพลางมองสาวงามตรงหน้าผู้เอาแต่ก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจที่จะสนทนาต่อเลยแม้แต่น้อย

ดวงตากรอกขึ้นมามองชายหนุ่มให้รับรู้ว่านางรู้ตัวว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร แสงสะท้อนจากรอบข้างปรากฏนัยน์เนตรสีอำพันไม่เหมือนที่พบเจอมาตลอด พอถูกมองเช่นนี้ซุนหยางกลับรู้สึกขนลุกเกรียวกราวกับถูกหมาป่าจ้องรอจะขย้ำเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น จ้าวเพ่ยกระพริบตาพลันก้มลงมองชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าต่อ

"เจ้าโกรธข้าหรือ" เพราะสายตาเมื่อครู่ ทำเอาซุนหยางหวาดระแวงเกินกว่าจะคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น บุรุษมองไหสุราในมือก็รีบวางลงอย่างเร็วพลัน สายตาจับจ้องใบหน้างามเคี้ยวตุ้ยๆจนแก้มข้างหนึ่งโป่งพองขึ้นเล็กน้อย

"ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย อะไรทำให้เจ้าคิดว่าข้าโกรธเจ้า"

"สายตาเจ้า…"

จ้าวเพ่ยหยิบผ้าผืนเล็กมาเช็ดปากพลางรินน้ำชากลิ่นโปรดของนางเพื่อตอบมันพอล้างกลิ่นก๋วยเตี๋ยวที่ติดค้างในปากบ้าง ก่อนจะแตะๆหางตาตัวเองเบาๆเมื่อถูกพูดถึงดวงตาของนาง

"ข้าคงลงผงหนักไปล่ะมั้ง… คิดว่าจะงามแล้วเสียอีก คงต้องประทินโฉมใหม่อีกครา"

"ไม่ใช่เช่นนั้น" ซุนหยางกล่าวไปก่อนจ้าวเพ่ยจะเข้าใจผิดเรื่องความสวยความงามที่นางคอยเป็นกังวลนักหนา เขามองไปที่ใบหน้าอีกคราก็ยังไม่วายกลัวสายตาคมที่ดูแล้วอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิมที่เคยพบมาเสมอ "ข้าหมายถึงเจ้ามองข้าเหมือนโกรธอย่างไรไม่รู้"

จ้าวเพ่ยยิ้มกว้างขึ้นมาเพื่อให้ซุนหยางสบายใจเรื่องนาง อีกนัยหนึ่งนางต้องการให้ซุนหยางไม่คิดว่านางโกรธอีกฝ่ายอยู่ น้ำชาถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเบามือขณะที่นางเริ่มจะจ้องหน้าผู้ติดตามนางกลับบ้าง

"เจ้าคิดมากไปเอง" นางกล่าวก่อนจะเริ่มเปลี่ยนเรื่องใหม่ทันที "ซุนหยางเจ้าคิดว่าชีวิตเจ้าในกาลครั้งหน้าเจ้าจะเป็นอย่างไรหรือ"

ซุนหยางเงียบเมื่อถูกถามเช่นนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่อยากพูดให้จ้าวเพ่ยได้ฟัง แต่เขาเองก็ไม่นึกถึงอนาคตที่จะมาถึงเลยแม้แต่น้อย เพียงใช้ชีวิตไปวันๆ รอคอยสตรีผู้เป็นนายตนกำหนดทุกอย่างให้เพียงเท่านั้น

"เช่นนั้น เจ้าลองคิดตามที่ข้าพูดเพียงครู่ดีหรือไม่" จ้าวเพ่ยเอ่ยทั้งยกน้ำชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย สตรีงามจรดนิ้วเรียวลงบนโต๊ะพลางเคลื่อนไปแตะปลายนิ้วอีกฝ่ายพอให้รับรู้ นางยิ้มขึ้นมาทั้งตาฉ่ำเยิ้มสะท้อนภาพบุรุษตรงหน้าที่มองนางไม่วางตา

"หากเจ้าได้แต่งงานกับสตรีงามสักคน อยู่อาศัยบ้านหลังเล็กๆ มีลูกตัวน้อยๆสักสองสามคน ชีวิตเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่เป็นที่รู้จักและรักใคร่ของผู้คนในระแวกเรือน มีอาชีพปลูกผักปลูกสวนพอขายเลี้ยงชีพ" คำพูดของจ้าวเพ่ยสร้างภาพในหัวให้ซุนหยางเป็นอย่างดี นางกล่าวถึงชีวิตครอบครัวที่ไม่หวือหวาและดูสงบสุขจนน่าแปลกใจที่สตรีเช่นนางจะคิดถึงครอบครัวเช่นนี้ แทนที่จะกล่าวไปถึงครอบครัวมีบ้านเรือนหลังโต เงินทองมากมีมั่งคั่ง บุรุษจับจ้องใบหน้างามคอยยิ้มให้ตนไม่วางตา พลันใบหน้ากลับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นไม่ใช่เพียงเพราะฤทธิ์เหล้า "หลังจากทำงาน กลับมาที่บ้านก็มีฮูหยินและลูกคอยรอต้อนรับ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ และพูดคุยกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้า"

"จ.. เจ้าหมายถึง" ซุนหยางเอ่ยขัดขึ้นมาขณะที่มือถูกนิ้วเรียวงามเกาให้รู้สึกจั๊กจี้ เขารีบชักมือออกมาหญิงสาวพลางจับนิ้วทั้งรู้สึกสะอึกขึ้นมา

มีเพียงจ้าวเพ่ยที่ยิ้มออกมา นางใช้มือป้องปากขณะหัวเราะคิกคักราวกับสาววัยแรกแย้มอย่างไรอย่างนั้น นางยกมือลงเผยปากสีแดงชาดอีกครา

"คิดภาพฮูหยินเป็นข้าอยู่หรือไง.. ถึงจ้องข้าตอนข้าพูดให้เจ้าฟัง" จ้าวเพ่ยหัวเราะขึ้นคเล็กน้อย หญิงสาวเอียงคอมองอีกฝ่ายที่หน้ายังคงแดงจากฤทธิ์เหล้าไม่หาย "แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่นึกถึงข้าในความคิดหรอก ถึงคิดก็ไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะข้า.. ไม่ใคร่บุรุษติดสุรา"

นางได้วาดฝันให้ซุนหยางและดับฝันในเวลาเดียวกัน หญิงสาวรินน้ำชาเริ่มอุ่นลงพลางเคลื่อนมันให้ผู้ติดตามได้ดื่มล้างปากจากเหล้าบ้าง

"วันนี้จะออกเดินทางกันต่อ.. เจ้าไหวหรือไม่.." นางกล่าวถามซุนหยางแต่ไม่รอคำตอบก็ลุกขึ้นจากตรงนี้เพื่อไปพูดคุยเรื่องค่าบริการทั้งหมดจากเสี่ยวเออร์ด้วยตัวเอง นางหันมาหาผู้ติดตามพลันปรากฏรอยยิ้มอย่างน่าสมเพชขึ้นมาเพื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เมามายจนกู่ไม่กลับแล้ว

หากจะถามว่านางโกรธหรือไม่ที่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ร่ำสุรา ก็คงตอบได้อย่างชัดเจนว่าโกรธ และโกรธมากๆจนแทบจะพังโรงเตี๊ยมที่นี่ได้ แต่นางก็ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ เมื่อถูกซุนหยางถามเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้นางได้ใจพอให้เขารู้ตัวด้วยตัวเองว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

จ้าวเพ่ยได้เก็บข้าวของทุกอย่างของนางในห้องพักที่เริ่มตั้งวางราวกับเป็นห้องส่วนตัวลงในกระเป๋าของนาง ไม่วายที่จะขอเสี่ยวเออร์เพื่อเข้าห้องของผู้ติดตามเพื่อคอยเก็บของให้ นางรู้สึกชินตากับความรกที่บุรุษผู้นี้ทำเอาไว้ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีข้อดีอะไรให้พูดถึงเลยแม้แต่น้อย ครั้นเมื่อเก็บของทุกอย่างเสร็จหญิงสาวก็เดินมาหาผู้ติดตามและยื่นสัมภาระส่วนตัวของอีกฝ่ายให้เตรียมตัวที่จะออกเดินทางออกจากโรงเตี๊ยมก่อนที่จะได้พักอาศัยที่นี่เป็นบ้านหลักไป

เอฟเฟคลักษณะนิสัย
มีตัญหา
+2 point ทุกครั้งที่วางแผนการจีบเพศตรงข้าม

เอฟเฟคอัตลักษณ์
งดงาม
+6 point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์



เอฟเฟคลักษณะนิสัย (ผู้ติดตาม)
+10 EXP เมื่อนอนขี้เกียจ

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-10-10 23:02:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ผู้คนได้แต่อิจฉา

        ชีวิตเราลิขิตเองปราถนาใคร่อยากทำสิ่งใดจงทำเถิด  หากสิ่งที่กระทำลงไปไม่กระทบต่อความเดือดร้อนต่อผู้อื่นและตัวเอง  มันสั้นเกินกว่าจะมาครุ่นคิดถึงความยาวไกลในห้วงเวลา  มิรู้ว่าจะอยู่ถึงวันที่ผมบนศีรษะเป็นสองสีหรือไม่  ยิ่งในห้วงเวลาที่แผ่นดินไม่สงบสุขเกิดความปั่นป่วนเช่นนี้  ตัวอย่างที่หอนางโลมเป็นอย่างไร  พวกผู้มีบรรดาศักดิ์ยังเดินเข้าใช้บริการหอนางโลม  มันมีเรื่องประหลาดใจให้เห็นได้ทุกวัน  สำหรับหลี่ซีซวนในเวลานี้เรื่องใดจะสำคัญเท่าได้เจอสตรีชุดแดงเป็นไม่มี  และไม่สนใจแล้วว่าใครจะมองหรือเอาไปลือเช่นใด  อย่างไรคนจำพวกนั้นไม่ได้มีผลต่อชีวิตของหลี่ซีซวน

        หลังจากที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์อันแสนพลุ่งพล่านออกไปจากร่างกายแล้ว  หลี่ซีซวนเดินท่องราตรีอีกคราชมดูบรรยากาศรอบนครหลวง  นครฉางอันมีขนาดไม่ต่างจากนครลั่วหยางเท่าไหร่  เนื่องจากครั้งวัยเยาว์หลี่ซีซวนผู้ไม่ค่อยอยู่ช่วยงานที่โรงน้ำชาออกวิ่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนทั่วนครฉางอัน  มันจึงอดไม่ได้ที่จะคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้น  มิรู้ว่าป่านฉะนี้กลุ่มเพื่อนที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันครั้งยังเยาว์ต่างมีชีวิตเป็นไร  คงยังรับราชการเป็นขุนนางกระมัง  เหลือเพียงหลี่ซีซวนชีวิตพลิกผันอยู่ผู้เดียว  ชีวิตของเด็กเพียงเล่นสนุกมิมีทุกข์ใดให้ต้องกังวลมากนัก  ระหว่างทางเดินย่ำเท้าเรื่อยเปื่อยมาจนถึงโรงเตี๊ยมอี้เถา  ก้าวเท้าเดินเข้าโรงเตี๊ยมอย่างสบายอารมณ์  หนนี้เลือกที่นั่งริมด้านในแทนไม่อยากตกเป็นสายตาของคนทั้งโรงเตี๊ยม  ทว่าหลี่ซีซวนลืมอันใดไปหรือไม่หากสตรีชุดแดงมานั่งร่วมโต๊ะด้วยมิว่านั่งโต๊ะตำแหน่งใดย่อใเป็นจุดสนใจได้ทั้งสิ้น  หลี่ซีซวนนั่งลงพลางสั่งอาหารแบบเดิมและเพิ่มสองชุดทุกครั้ง  เกรงว่าแม่นางชุดแดงมาจะบ่นเอาได้
   "มิได้เจอคุณชายหลี่หลายวันเชียว ข้ายังนึกว่าท่านมีธุระต่างเมืองเสียอีก"  เสียงหวานใสแฝงความยั่วยวนหลายส่วนนั่งลงตรงข้ามหลี่ซีซวน
   "ขออภัยแม่นางด้วย เพียงแต่ข้าติดทำธุระส่วนตัวจึงไม่ได้มาหาเสียหลายวัน"  หลี่ซีซวนผายมือให้นั่งลงด้านตรงข้ามมีแอบจับมือเล็กน้อย
     นักดนตรีขึ้นบนแท่นเวทีวางผีผาลงบนต้นขา  นิ้วมือกรีดสายผีผาเป็นจังหวะรัวเร็วเข้าใจว่าทดสอบเสียงดนตรีของมัน  บริกรนำอาหารและสุรามาวางลงบนโต๊ะ เป็นขณะเดียวกันกับที่นักดนตรีเริ่มขับขานบทเพลง
หนามที่ซ่อนอยู่ในใจข้า  อย่าถามเลยว่ามาจากที่ใด
ความเศร้าไม่ปราณีข้าเมื่อเจ้าจากไป  ยิ่งสัมผัสกับมันข้ายิ่งหนักใจ
ค่ำคืนนี้ความหนาวมาเยือน  บางคราก็เงียบงัน  บางคราข้าก็ต้องการเจ้า
ข้าจำใจหลีกหนีจากความรักด้วยความเจ็บช้ำ  และจะไม่หวนกลับไป
ไม่มีผู้ใดที่จะเข้าใจความรักที่แสนเจ็บปวด  มีเพียงข้าที่รู้
ข้าจำใจหลีกหนีความรักด้วยความเจ็บช้ำ  และจะไม่หวนกลับไป
มีเพียงข้าที่รู้ว่ามันเจ็บปวดเพียงใด
        มันเป็นบทเพลงแฝงความเศร้า  อาวรณ์  ราวกับโดนคนผู้หนึ่งที่รักมากที่สุดกระทำต่อตัวเราอย่างแสนสาหัส  ผู้ใดเล่าจะเข้าใจความเจ็บปวดได้อย่างลึกซึ่งเท่ากับผู้ที่โดนกระทำ  ทุกที่ที่หลี่ซีซวนได้ฟังการบรรเลงบทเพลงผีผาราวกับตตอบรับและเชื้อเชิญให้นักพเนจรได้พักผ่อน  ความเดียวดายมันอยู่คู่กับนักพเนจรดั่งเงาตามตัว  ในเวลานี้หลี่ซีซวนไม่ได้พเนจรไปที่ใดอีกแล้ว  การได้เจอสตรีสุดสวยเช่นสตรีชุดแดงตรงหน้ายามนี้  บ่งบอกว่าการเดินทาง  การพเนจรได้สิ้นสุดลงแล้ว
   "บางคราข้าต้องการคุณชายเช่นกัน" จู่ๆสตรีชุดแดงเอ่ยประโยคเบาเพียงกระซิบให้รู้กันเพียงเราสองคน
   "ข้าก็เช่นกัน  ค่ำคืนนี้ข้าก็ต้องการพบแม่นางเช่นเดียวกัน"  หลี่ซีซวนล้วงหยิบผ้าขนาดเล็กด้านในอกเสื้อ  เอื้อมมือมาเช็ดคราบสกปรกตรงริมฝีปากของสตรีชุดแดง  ขณะเดียวกันจมูกคมสันชนเข้ากับแก้มนวลปรางค์ของนางพอดี  มิรู้ว่าเพราะตั้งใจหรือบังเอิญกันแน่  แล้วจบลงด้วยการจุมพิตที่มือของสตรีชุดแดง  การกระทำทั้งหมดของหลี่ซีซวนทำเอาผู้คนอิจฉาทั้งโรงเตี๊ยมแล้ว
   "คืนนี้ข้าพักที่โรงเตี๊ยมนี่พอดี"  มันเป็นประโยเชื้อเชิญของหลี่ซีซวนหรือไม่? หรือเพียงบอกเล่าว่าพักแรมที่นี่เช่นกัน
มอบอัญมณีอความารีน 1 เม็ด ให้กับ [096]
ธาตุ-ปีนักกษัตร
ไม้-หยิน ปีมะเส็ง


เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-10-11 21:25:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
มิควรแหย่หนวดพยัคฆ์

        ค่ำคืนในราตรีของความผ่อนคลายสุขใจเป็นที่สุด  ทำให้คนทั้งโรงเตี๊ยมอิจฉาร้อนผ่าวได้ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว  หลี่ซีซวนขึ้นมาพักบนห้องที่ทางโรงเตี๊ยมได้จัดไว้ให้  ความครึกครื้นยังไม่เงียบจากไปไหน  ไม่นานมีสตรีชุดแดงปิดปากเดินเข้ามาให้ห้องของหลี่ซีซวน  รูปร่างเหมือนแม่นางชุดแดงมากยิ่งตอนนี้รู้สึกว่าเมาได้ที่แล้วด้วย  เขาเชิญชวนให้นั่งด้วยกันบนเตียง  ชวนพูดคุยสัพเพเหระ  แล้วอารมณ์ที่เก็บไว้นานก็ระเบิดออกมาในที่สุด  หลี่ซีซวนได้กระทำการร่วมรักสวาทกันบนเตียงในโรงเตี๊ยม  นางไม่พูดจาอันใดนอกจากส่งเสียงร้องครวญครางในลำคอ  พอทำกิจกรรมด้วยกันเสร็จได้จ่ายเงินให้นางออกไปจากห้อง  นอนทิ้งตัวงบนเตียงด้วยความสบายตัว  ได้สุขสำราญโดยมิใช่ในหอนางโลมช่างสนุกไม่น้อย

        วันทั้งวันหลี่ซีซวนนอนบิดขี้เกียจอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่ได้ออกไปไหน  ขอนอนขี้เกียจสักวันเนื่องจากอ่อนเพลียจากการกรำศึกเมื่อคืนที่ผ่านมา  ทำไมหลี่ซีซวนจะจำทรวดทรง  องค์เอวของแม่นางชุดแดงไม่ได้  ตอนขี่ม้าคุ้มครองมาก็ได้โอบเอวนางไว้เพื่อมิให้ตกจากหลังม้า  คาดคะเนได้ว่าคงอยากให้ได้สบายตัวบ้าง  อย่างไรนางย่อมหนีไม่พ้นชายพเนจรอย่างเขาเป็นแน่  พลบค่ำจึงออกมาจากห้องพักของตัวเอง  คนเริ่มทยอยเข้ามานั่งด้านในหนาตามากขึ้น  หลี่ซีซวนสั่งอาหารกับบริกรแล้วชี้นิ้วให้ไปส่งที่โต๊ะตามเดิม  เดินหลบหลักโต๊ะที่พวกผู้ชายมาเฝ้ารอเจอสตรีชุดแดง  ไม่กลัวภรรยาที่บ้านมาตามอาละวาดกันหรืออย่างไร  เขานั่งลงตรงด้านหน้าสุดของเวที  นักดนตรีกำลังจะขับขานบทเพลงพอดี

ดอกไม้สวยที่สุดในทุ่งหญ้าคือซารือหลางสีแดงฉาน

ฝันถึงกลิ่นดอกไม้จากแดนไกลทั่วทุกหนทุกแห่ง

คนร่อนเร่พเนจนคนนั้นมีเจ้าอยู่ในดวงใจแล้ว

ไม่ว่าพันลี้หมื่นลี้ก็สามารถกลับมาเยี่ยมเยือน

ดอกไม้สวยที่สุดในทุ่งหญ้าคือซารือหลางสีแดงฉาน

แดงราวไฟอับอบอุ่นพรั่งพรูออกมา

คนที่น่าหลงไหลคนนั้นมีเจ้าอยู่ในดวงใจแล้ว

นี่คือความสุขรูปแบบหนุ่งที่เรียกว่าตลอดไป

โลกกว้างใหญ่สักแค่ไหนก็ติดตามเขาไปในที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้น

ถนนสายนี้ยาวไกลสักแค่ไหน ความสุขนั้นยืนยาวสักเพียงใด
ฟังเสียงพิณที่รื่นหูของคนเลี้ยงม้า ตกหลุมรักในทุ่งหญ้าที่เชียวชะอุ่มแห่งนี้
ดอกไม้สีแดงผลิบานสะพลั่ง
แม่น้ำสายนี้ยาวไกลสักแค่ไหน  ความสุขนั้นยืนยาวสักเพียงใด
ความคุ้นเคยกับชีวิตที่อิสระของคนเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน มีคนรักอยู่ข้างกายทุกแห่งหนก็คือสวรรค์
        ลำนำบทเพลงผีผาที่ได้ขับร้องจบลงไปแล้ว  ดั่งมอบให้กับผู้ที่รักชีวิตอิสระเสรีออกท่องไปในโลกกว้าง  อย่าได้สนใจสิ่งใดว่าจะมีผลกระทบต่อผู้ใด  พึงใส่ใจกับสิ่งรอบข้างจักควรกว่าหลี่ซีซวนนั่งซดสุรานารีแดงเพียงผู้เดียว  จนการขับร้องได้จบลงเมื่อสักครู่  สายกวาดขึ้นไปเห็นสตรีชุดแดงเดินเข้ามาจากด้านหน้าของโรงเตี๊ยม  เดินตรงดิ่งเข้ามาหาหลี่ซีซวนขณะกำลังจะนั่งลงมีรอยยิ้มแพรวพราวผุดขึ้นบนใบหน้า  เขานั่งรินชาส่งให้สตรีชุดแดงพลางชนจอกสุรา  นางคงคิดว่าแผนการบรรลุผลอีกฝ่ายจับพิรุธไม่ได้อย่างแน่นอน  ซึ่งหลี่ซีซวนปล่อยให้นางเข้าใจไปแบบนั้น  วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับทั้งสองฝ่าย  พอไหสุราหมดสิ้นสุราให้ริน  หลี่ซีซวนเพียงขยิบตาให้สตรีชุดแดง  แล้วลุกขึ้นเดินกลับห้องพักบนโรงเตี๊ยม
มอบอัญมณีอความารีน 1 เม็ด ให้กับ [096]
ธาตุ-ปีนักกษัตร
ไม้-หยิน ปีมะเส็ง

เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว


   


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้