เจ้าของ: Watcher

[นอกเมืองเหอตง] ถ้ำไป๋หู่

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-10-4 11:19:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-4 12:48


⌜63⌟

บทที่ 12
งานที่ต้องสะสางต่อ
ฉากที่ 1
                    
          เช้าอันสดใสของวันใหม่ได้มาเยือน อันดับแรกที่เฟินเยว่ทำหลังจากที่ล้างหน้าล้างตาแล้วก็คือไปดูบ๊วยดองที่ตากเอาไว้ในโรงเตี๊ยม ตอนนี้บ๊วยดองทั้งพันเม็ดแห้งดีแล้วจากสีเขียวอ่อนกลายเป็นสีน้ำตาลจากการที่ถูกลวกทิ้งไว้เมื่อคืน ขั้นตอนต่อมาที่ต้องทำก็คือนำขั้วของบ๊วยออกซึ่งในจุดนี้หากไม่นำออกดี ๆ อาจจะทำให้ก่อเกิดเชื้อราขึ้นได้

          เมื่อจัดการกับหัวขั้วเจ้าปัญหาเสร็จเรียบร้อยก็ขอยืมครัวที่โรงเตี๊ยมต่อ นำบ๊วยบรรจุใส่ไหที่ลวกน้ำร้อนผึ่งตากแห้งมาอย่างดี ขึ้นตอนนี้สำคัญมาก หากว่าภาชนะไม่สะอาดอาจก่อให้เกิดเชื้อราได้อีกเช่นกัน เด็กสาวต้มน้ำเกลือ อีกหนึ่งเคล็ดลับของการทำบ๊วยดองให้อร่อยก็คือตัดน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น แต่ว่าให้ใส่น้ำตาลลงไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นอย่ามากเกินความพอดี มิเช่นนั้นจากบ๊วยดองเค็มจะกลายเป็นบ๊วยเชื่อมเอาได้ เมื่อต้มจนน้ำเกลือได้ที่ดีแล้วก็พักทิ้งไว้ให้เย็นครู่หนึ่งก่อนที่จะนำไปราดบ๊วยดองในไห ปิดฝาจนแน่นสนิทดีแล้วก็เป็นอันเสร็จงาน
         
          เหลือแค่ว่ารอเวลาสักสามเดือนบ๊วยถึงจะเค็มได้ที่ แต่เฟินเยว่คงไม่ต้องรอนานขนาดนั้น เมื่อทำเสร็จแล้วก็นำไปส่งที่ร้านน้ำชาในจินหยางได้เลยทันที และเช่นเคยเด็กสาวก็ได้มอบบ๊วยดองจำนวนสิบชุดเป็นค่าน้ำใจที่โรงเตี๊ยมอี้เถาให้ยืมครัว เมื่อเสร็จงานนางก็ขึ้นไปปลุกสหายร่วมทางทั้งสองเพื่อลงมาทานอาหารเช้าแล้วเดินทางต่อ รายการอาหารเช้าวันนี้ก็คือข้าวห่อใบบัว
         
          “ข้าอยากจะแวะไปที่ถ้ำไป๋หู่สักหน่อยน่ะ ยังมีของบางอย่างที่ลืมทิ้งไว้อยู่น่ะ”
         
          “ได้สิเจ้าคะ ตงฮั่วต้องจากถ้ำมาต้องคิดถึงแน่ ๆ เลย กลับไปเยี่ยมบ้างนาน ๆ ครั้งก็ได้นะเจ้าคะ” เด็กสาวเข้าใจ นางชวนเขาไปเที่ยวอีกฝ่ายคงไม่ได้นำสัมภาระชิ้นใหญ่ทั้งหมดติดตัวมาด้วย แต่หลังจากที่เฟินเยว่พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงออกมากลับเห็นว่าสหายหนุ่มทำตาขวางหน้ามุ่ยใส่ “อุ้ย.. ขะ.. ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแซวนะเจ้าคะ”
         
          หน้าบึ้งเพียงครู่เดียวแต่ตงฮั่วก็ยิ้มตอบกลับมา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้โกรธจริง
         
          “รู้แล้วน่า คนอย่างเยว่เอ๋อร์คนนี้จะไปแซวใครเป็น ที่พลั้งปากก็มาจากความใสซื่อของเจ้าเองทั้งนั้น”
         
          ฟังเหมือนจะชมแต่ก็เหมือนว่าถูกด่าอยู่กลาย ๆ
         
          “เอ่อ.. อันนี้ชมหรือว่าเจ้าคะ?”
         
          “ไม่รู้ คิดเองสิ”
         
          เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างยียวน ก่อนที่จะจูงม้าออกจากคอกแล้วขึ้นขี่หลังจากที่ช่วยยกไหบ๊วยดองทั้งหมดเทียมหลังม้าจนข้าวของพะรุงพะรัง จนรู้สึกว่าอยากจะมีเกวียนหรือรถม้าสักคันเอาไว้ขนของ ตอนนี้ทั้งสามเหมือนกับชาวเร่ร่อนนอกด่านที่กินอยู่บนหลังม้าอย่างไรอย่างนั้น ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ก็ไม่มีปัญญาจะไปหาซื้อรถม้าที่ไหนอีกอยู่ดี เป็นคนจนชีวิตช่างน่าเศร้า...
         
          “อันที่จริงข้าเองก็มีที่ ๆ อยากจะแวะไปอยู่เหมือนกันนะ บ้านข้าอยู่ไท่หยวนน่ะ ออกมาหาตำราก็เลยไม่ได้บอกกล่าวใคร ตอนนี้มาติดตามเจ้าแล้วจึงน่าจะกลับไปอำลาครอบครัวเสียหน่อย”
         
          “อย่างนี้เองเจ้าค่ะ ได้สิเจ้าคะ” เด็กสาวยิ้มหวานด้วยความยินดี นางรู้ว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตจึงไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ หากสหายคิดถึงบ้าน “ถ้าอย่างนั้น...” เฟินเยว่หยิบแผนที่ขึ้นมากางออกดู “เดินทางไปถ้ำที่เหอตงก่อน จากนั้นผ่านทางอี้อันขึ้นไปถึงจินหยาง”
         
          “จากนั้นข้าจะขอแยกตัวไปไท่หยวนก่อน ต่อจากนี้ไปพวกเจ้ามีอะไรที่ต้องทำเป็นพิเศษหรือเปล่าล่ะ หากไม่ล่ะก็แวะไปเที่ยวชมแม่น้ำหงชุนที่เหอไน่ดีหรือไม่ ที่นั่นปลาดี ๆ ชุกชุม เห็นพวกเจ้าชอบตกปลา ทำเลแถวนั้นน่าจะดีนะ”
         
          “เรื่องที่ต้องทำหรือเจ้าคะ.. อ๊ะ ข้าต้องไปจัดการสุสานของซินแสที่ฉางอันนี่นา.. ทำอย่างไรดีนะ งานก็ต้องรีบไปส่งเสียด้วยสิ”
         
          “ป่านนี้แล้วท่านซินแสคงไม่ว่าอะไรมั้ง”
         
          “กะ.. ก็จริงนะเจ้าคะ” ซินแสตงฟางเสียชีวิตมาร่วมสองร้อยปีแล้ว ให้รอต่อไปอีกสักนิดก็น่าจะไม่เป็นไร “ถ้าอย่างนั้นหลังแยกกับคุณชายเหลียงที่จินหยางแล้ว เรากลับมาส่งงานที่ซีเหอแล้ววันรุ่งขึ้นเดินทางไปเหอไน่กันต่อ...”
         
          “ได้แหล่ะ ข้าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว.. ถ้าอย่างนั้นไม่ตกปลาให้ได้อย่างละร้อยตัวไม่กลับ!” ดูเหมือนว่าคนรักสันโดษจะมีไฟขึ้นมาเสียแล้วสิ “ตอนนี้พวกเรามีปลากันเท่าไรแล้ว?”
         
          “เอาจริงหรือเจ้าคะตงฮั่ว” ความตั้งใจของเด็กหนุ่มดูเป็นอะไรทีน่าเหลือเชื่อไปสักนิด แต่เฟินเยว่ก็ไม่คิดห้ามเขา หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรงก็ตามใจได้ทุกอย่าง “ตอนนี้มีปลาดุกอยู่สี่สิบหกตัว ปลาเฉาหนึ่งร้อยยี่สิบเก้าตัว ปลาชิงเก้าตัว ปลาลิ่นสี่สิบเจ็ดตัว ปลาเก๋าหนึ่งร้อยตัว แล้วก็ปลากงหนึ่งร้อยสิบหกตัวเจ้าค่ะ”
         
          ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ ว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาตกปลาแล้วรวม ๆ มากมายหลายร้อย จะว่าฆ่าชีวิตไปเป็นร้อยเลยก็ถูก แต่หากเทียบกับที่ต้องนำมาประทังชีพก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย เพราะปลาหนึ่งตัวสามารถนำมาทำกับข้าวเลี้ยงท้องได้หนึ่งครอบครัว
         
          “ยังเหลืออีกเยอะเลยแฮะ.. ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเสียเวลาอยู่เลย รีบออกเดินทางกันเถอะ”
         
          หลังจากปรึกษาหารือเรื่องการเดินทางทั้งสามก็เริ่มออกเดินทางขึ้นเหนือโดยมีจุดแวะพักอยู่ที่ถ้ำไป๋หูเพื่อเอาสัมภาระที่เหลือของตงฮั่ว แต่ดูเหมือนว่าแค่เริ่มออกเดินทางก็จะผิดแผนไปเล็กน้อยเสียแล้ว บัณฑิตเหลียงที่มักจะไม่ถูกโรคกับม้าเร็วให้ทั้งสองล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเขา ทางฝั่งนั้นขอขี่ม้ากินลมชมวิวไปชิว ๆ ดีกว่า
         
          เฟินเยว่และตงฮั่วจึงออกเดินทางเพียงลำพังกันแค่สองคน ทั้งสองเริ่มจะชินกับการซ้อนม้าตัวเดียวกันแล้ว และไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เมื่อเดินทางมาถึงที่อยู่เก่าก็จอดม้าเอาไว้ที่หน้าถ้ำ ผูกมันเอาไว้เป็นอย่างดี
         
          “ในถ้ำนี้มีปลาดุกด้วยนะ ขอแวะตกเพิ่งอีกสักหน่อยก็แล้วกัน ขึ้นไปเหนือกว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีให้ตกอีกไหม”
         
          “ได้เจ้าคะ ยังพอจะเหลือเวลาอยู่ หากว่าทางเหนือไม่มีปลาดุกให้ตกอีกแล้วก็น่าเสียดายน่าดู อย่างไรก็จะตกให้ครบหนึ่งร้อยตัวไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
         
          “ใช่แล้ว เพราะงั้นก็ขอเวลาหน่อยเถอะนะ”
         
          ตงฮั่วถือเบ็ดและถังใส่ปลาเดินเข้าไปในถ้ำโดยมีเด็กสาวหยิบเบ็ดของตัวเองเดินตามเข้าไปติด ๆ
         
          “ใครน่ะ?”
         
          เสียงหนึ่งดังทักออกมาจากด้านใน เป็นเสียงของสตรีที่ฟังดูแล้วมีความห้าวหาญคล้ายคลึงกับบุรุษ ด้วยความมืดจึงทำให้มองไม่เห็นต้องปรับสายตาอยู่สักระยะจึงเห็นว่ามีผู้ที่อยู่อาศัยในถ้ำแห่งนี้ นางดูเหมือนจอมยุทธ์หญิงเสียยิ่งกว่าฉายาที่เด็กสาวชุดผ้าพริ้วได้รับมาเสียอีก ในมือถือขวานเป็นอาวุธป้องกันกายเอาไว้อย่างมั่นคง
         
          “อ๊ะ.. คือว่าสหายข้าเคยพักอาศัยอยู่ที่นี่น่ะเจ้าค่ะ วันนี้มาเอาของที่เหลือ ตกปลาแล้วก็จะย้ายออกไปจากที่นี่แล้วน่ะเจ้าค่ะ”
         
          เฟินเยว่ออกหน้าพูดแทนเพราะรู้นิสัยสหายว่าเขาคงไม่ยอมเจรจากับอีกฝ่ายเป็นแน่แท้ ผู้ฟังเห็นเด็กทั้งสองดูไม่มีพิษมีภัยคนนึ่งเป็นเด็กสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ดูมีไมตรีดี ส่วนอีกคนเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่หน้าตาเอาเรื่องแผลเป็นเต็มตัวชวนน่าเกรงขาม แต่ในมือถือเบ็ดตกปลา ดูแล้วเป็นชาวบ้านที่ไม่ได้มีเจตนาร้ายจึงยอมผ่อนปรนลงแต่ก็ยังไม่ลดความระแวดระวังภัย
         
          “ถ้าเช่นนั้นก็ตามสบาย เจ้าของถ้ำเก่า”
         
          สตรีนางนั้นยอมหลีทางให้ทั้งสองเข้าไปด้านใน ตงฮั่วเก็บข้าวของส่วนที่เหลือเอาไว้ มันไม่ได้มีอะไรมากมายก็แค่เสื้อผ้าชุดเก่า ๆ ที่ดูเน่า ๆ จะโยนทิ้งไปเมื่อไรก็ยังได้ จากนั้นเขาก็ตรงไปยังแหล่งน้ำแล้วหย่อนเบ็ดลงตกปลาเงียบ ๆ ตามลำพัง
         
          แต่ในเมื่อสถานที่นี้มีอีกบุคคลอยู่ด้วยเฟินเยว่จึงเข้าไปพูดจาทักทายตามนิสัย
         
          “แม่นางย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือยังเจ้าคะ”
         
          “ข้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้แค่สี่วัน เห็นมีข้าวของทิ้งเอาไว้ไม่คิดว่าจะมีคนมากลับมาเอา ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้แตะต้องอะไรหรอกนะ”
         
          แม่นางผู้นั้นกล่าวออกมาดักทางไว้ก่อน ประเดี๋ยวของหายจะถูกโยนความผิดหาว่านางลักขโมย
         
          “ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่เขาออกไปข้างนอกพอดีน่ะเจ้าค่ะ น่าจะคลาดกันเพียงแค่นิดเดียว จริงสิ แม่นางชอบดื่มชาไหมเจ้าคะ ข้ามีชาหลงจิ่งติดมาด้วย”
         
          “ชาหลงจิ่งอย่างนั้นหรือ...” หญิงสาวครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “แต่ว่าจะชงอย่างไร?”
         
          “ได้สิเจ้าคะ สักครู่นะเจ้าคะ”
         
          เด็กสาววางคันเบ็ดในมือเอาไว้ก่อนที่จะรับรุดไปที่ถังถังแล้วนำชาและกาน้ำออกมาจากกระเป๋าสัมภาระ เปาเปาตื่นขึ้นแล้วมันร้องอู๊ดขอลงมาวิ่งเล่น เฟินเยว่จึงกลับมาหาพร้อมกับอุปกรณ์ชงชาและลูกหมูป่าตัวหนึ่ง
         
          “อู๊ด”
         
          เปาเปาวิ่งเข้าไปดมสตรีคนนั้นที่กำลังทำหน้างงอยู่ว่าลูกหมูมาจากไหน เด็กสาวจุดไฟตั้งเตาชงชาไปปากก็เจื้อยแจ้วอธิบาย
         
          “เปาเปาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าน่ะเจ้าค่ะ มันไม่ดุน เล่นกับมันได้เจ้าค่ะ”
         
          “งั้นเหรอ..” หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนที่จะลองวางมือลงบนตัวลูกหมูแล้วลูบเบา ๆ เมื่อได้เล่นกับสัตว์นางก็ผ่อนคลายลงไปอีกหลายส่วนแต่ก็ยังไม่ทิ้งมาดหญิงนักสู้ที่เข้มแข็งออกไปหมด “ข้า เจิ้ง หลัน แล้วเจ้าค่ะ”
         
          “โอ๊ะ ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าลืมแนะนำตัวไปเลย ข้าซุนเฟินเยว่เจ้าค่ะ ส่วนสหายคือซูตงฮั่ว” เด็กสาวบุ้ยปากไปทางคนที่นั่งตกปลาอยู่เพียงลำพัง เมื่อชาได้ที่ก็รินใส่ถ้วยแล้วยื่นออกไปให้ “ระวังร้อนนะเจ้าคะแม่นางเจิ้ง”
         
          “ขอบใจแม่นางน้อย”
         
          หญิงสาวรับถ้วยชามาถือไว้ ยกขึ้นมาเป่าก่อนจึงค่อยจิบ ชาหลงจิ่งมีรสชาติเรียบง่าย แม้ว่าไม่ใช่ชาชั้นดีอย่างเจียวกู่หลานหรือกงอวี้ฮวา แต่ทว่าก็ช่วยทำให้เพลิดเพลินทุกครั้งเมื่อได้จิบ
         
          “ถ้าอย่างไรเดี๋ยวข้าขอตัวไปช่วยสหายตกปลาก่อนนะเจ้าคะ จะได้ไม่กลับถึงเมืองมืดค่ำเอา”
         
          “ตามสบายเถิดแม่นางซุน”
         
          เฟินเยว่ค้อมศีรษะขอตัวลาไปทางบ่อปลา ปล่อยให้หญิงสาวผู้นั้นได้อยู่กับเปาเปาไปก่อน และเมื่อเดินไปดูที่แหล่งน้ำก็เห็นว่าเพียงครู่เดียวตงฮั่วก็ตกปลาดุกขึ้นมามากมายหลายตัว
         
          “เสร็จธุระแล้วเหรอ”
         
          บุรุษเอ่ยถามโดยไม่ได้หันหน้ามามอง
         
          “เรียกว่าธุระเชียวหรือเจ้าคะ”
         
          เฟิยเยว่หัวเราะแผ่วเบาก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งหนึ่งของบ่อ จะได้ไม่เป็นการแย่งกันตกปลามากเกินไป ปลาที่ถ้ำแห่งนี้ชุกชุมจริง ๆ เพียงหย่อนเบ็ดไม่ได้เท่าไรปลาดุกก็ติดเบ็ดขึ้นมาแทบจะในทันที พอจะรู้แล้วว่าทำไมตงฮั่วถึงได้ติดใจการเป็นมนุษย์ถ้ำนัก
         
          ทั้งสองช่วยกันตกปลาไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงสายของวันแล้วมาดูกันว่าจะได้ปลาจำนวนเท่าไร...
         
          “โอ้โห ตกได้เยอะเหมือนกันนะเนี่ย”
           
          “จริงด้วยเจ้าค่ะ ถ้าเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
            
          “อืม ถ้างั้นก็ไปกันต่อเถอะ”
         
          พูดจบตงฮั่วก็เดินถือถังปลาและถุงสัมภาระออกจากถ้ำที่เคยอยู่อาศัย เขาไม่แม้ที่จะเหลียวมองทักเจ้าของถ้ำคนใหม่เลย ส่วนเฟินเยว่ต้องเก็บถ้วยชาของนางกลับไปก่อน
        
          “เขาโกรธอะไรข้าหรือเปล่า?”
           
          “ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ ตงฮั่วเขาก็เป็นคนแบบนั้นเอง แม่นางเจิ้งอย่าได้ถือสาเลยนะเจ้าคะ” เฟินเยว่ยิ้มตอบ เรื่องนิสัยของสหายก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรดี “เดี๋ยวข้าไปก่อน แม่นางเจิ้งรักษาตัวด้วยนะเจ้าคะ”
            
         “พวกเจ้าก็เช่นกันล่ะ”
         
          ร่ำลากันเสร็จเด็กสาวก็รีบตามตงฮั่วไปที่ม้าโดยมีเปาเปาวิ่งตามไปดุ๊ก ๆ แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางต่อไปจินหยาง
         
         
.
.
.





ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
-20 EXP จากการโรลทำงานในช่วงกลางวัน หรือ โรลเดินทางช่วงกลางวัน (เรียลไทม์)
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[144] เจิ้ง หลัน
มอบ ชาหลงจิ่ง
-15 ความสัมพันธ์จาก ธาตุดิน ข่ม ธาตุน้ำ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี)

พัฒนาขุนนางในสภา
[152] ซู ตงฮั่ว
มอบ ข้าวห่อใบบัว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)

[NPC ในสังกัด] เหลียง ต้าซิ่น
มอบ ข้าวห่อใบบัว
.....
มอบบ๊วยดองเค็ม
ให้โรงเตี๋ยมอี้เถา จำนวน 10 ชุด



ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
+3 Point เมื่อโรลเพลย์ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ

โบนัสการตกปลา x2




















ซุนเฟินเยว่ + ซูตงฮั่ว
ตก ปลาดุก ทั้งหมด


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-5 16:22:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เชิญยอดฝีมือหญิง
พบที่พำนักใหม่ของแม่นางเจิ้ง
.
.

          เป็นอีกวันที่จิ้นอิ๋งจำต้องออกเดินทางหลังได้พักผ่อนเพียงไม่กี่วัน แต่การเดินทางครั้งนี้แตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ตรงที่นางมีบ้านให้ได้กลับไปพักผ่อนได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีกับซูฮวาด้วยที่ไม่อาจเดินทางร่วมกับเด็กสาวได้บ่อยเท่ากับถานเจ๋อ ในยามนี้นอกจากแวะเวียนไปเกลี้ยกล่อมแม่นางเจิ้งให้ลองมารับงานจากบุคคลปริศนาผู้นั้นแล้วก็ถือโอกาสแวะเข้าไปส่งสตรีแซ่เหมยที่บ้านไปด้วยเลย

          ทั้งสามตัดสินใจเลือกเดินทางด้วยการขี่ม้าที่จิ้นอิ๋งมี โดยซูฮวานั่งม้าตัวเดียวกันกับเด็กสาวเช่นเดิมพลางวางแผนกันก่อนว่าหากเจออันตรายหรือโจรระหว่างทาง ถานเจ๋อจะให้ทั้งคู่ขี่ม้าหนีออกไปเสียก่อน สตรีแซ่เหมยที่ไม่อยากให้ตัวเองคุ้มคลั่งไปดั่งครั้งก่อนจึงกอดเอวของร่างเล็กตรงหน้าเสียแน่น ถึงอย่างนั้นจิ้นอิ๋งก็ไม่ได้ว่าอะไรและยังบอกให้หลับตาไว้ตลอดเส้นทางก็ได้ จนเมื่อเดินทางมาเรื่อย ๆ กระทั่งถึงเมืองเหอตง จิ้นอิ๋งก็อดคิดว่าโชคดีไม่ได้เพราะไร้การดักปล้นของเหล่าโจรโพก

          ทว่ายังโล่งใจได้ไม่เท่าไหร่ ทางออกของเมืองก็เจอเข้ากับอันธพาลเข้าเสียก่อน พวกมันมีท่าทีเคร่งเครียดและเตรียมหาเรื่องด้วยเต็มที่จนดรุณีน้อยที่คิดว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครถึงขนาดเผลอนิ่วคิ้วหาเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ

          " พวกท่าน.. เป็นใครหรือเจ้าคะ? " จิ้นอิ๋งถามน้ำเสียงไม่แน่ใจ แต่กลับได้ท่าทีถมน้ำลายลงพื้นให้เด็กสาวเผลอยิ้มแหยกลับไป

          " ไม่เกี่ยวกับเจ้าแม่นาง! พวกข้ามาเพราะไอ้คนที่ขี่ม้าข้างหลังเจ้า! "

          เด็กสาวหันตามสายตาก็เห็นถานเจ๋อจ้องหน้าบึ้งกลับหายังพวกอันธพาลดูติดอารมณ์ฉุนไม่น้อยเช่นกัน กำลังจะถามไถ่เรื่องราวเหล่าอันธพาลก็เฉลยออกมาให้เสียหมกเปลือกว่าแค้นเคืองถานเจ๋อที่ขี่ม้าเตะดินใส่พวกมันตอนเพิ่งเข้าเมืองมา จิ้นอิ๋งที่ได้ยนเหตุผลก็เผลอกระพริบตาปริบไปครู่ คล้ายยอากช่วยไกล่เกลี่ยสถานการณ์ให้ ทว่าก็คล้ายกลุ่มอันธพาลไม่อยากเสวนา ต่างชักดาบออกมากันเสียโช้งเช้ง

          " พวกแกนี่มัน.. เจ้าคิดเจ้าแค้นในเรื่องประหลาดจริงเชียว "

          " ว่ายังไงนะ!! เพ้ย! วันนี้พ่อต้องเอาเลือดออกหัวไอ้ลูกเต่านี่ให้ได้! คอยดูไว้เลยนะ!! "

          ยิ่งถานเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งดูถูกพวกมันก็ยิ่งตะคอกกลับอย่างกริ้วโกรธ ตั้งท่าจะสู้กันให้ได้เดือดร้อนจิ้นอิ๋งต้องเร่งม้าพากันหนีออกไปให้ถานเจ๋อเร่งตามมา แต่คล้ายกับพวกนั้นคิดแค้นกว่าที่คาดไว้มาก ต่างสับเท้าวิ่งหาไม่หยุดหย่อน พลันแว่วเสียงโวยวายจากจุดพักม้าขึ้นมาพร้อมเสียงม้าร้องขรม ก่อนจะตามด้วยฝีเท้าม้าไล่ตามมาจำนวนหนึ่ง เดือดร้อนให้สุดท้ายแผนที่กะจะใช้กับโจรโพกจำต้องมาใช้กับอันธพาลแทนเสียอย่างนั้น

          " ท่านหญิงหนีไปก่อนขอรับ! " ถานเจ๋อกัดฟันกล่าวดูหงุดหงิดไม่น้อย

          จิ้นอิ๋งที่อยากให้ผู้ติดตามไม่ต้องไปสนใจและขี่ม้าไปทางเหนือต่อก็จำต้องยอมขึ้นมาเมื่อเห็นอันธพาลยังตามมาไม่ลดละ ทว่าก่อนจากก็ไม่ลืมสอดส่องสายตามองหาสถานที่นัดพบก่อนจะชี้ชวนให้เห็นยังถ้ำหนึ่ง ๆ ที่ตั้งอยู่ออกไปไม่ไกลนักเป็นสัญญาณให้ถานเจ๋อพยักใบหน้ารับก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากลุ่มอันธพาลที่เริ่มยิ้มแย้มหลังมันหยุดหนี

          ดรุณีน้อยพลันเอ่ยปากบอกให้ผู้ติดตามระวังตัวก่อนจะเร่งผละออกไปเหลือไว้เพียงถานเจ๋อที่ดึงเอาดาบออกจากฝักและขยับบังเหียนพุ่งม้าเข้าใส่พวกอันธพาลที่ไม่ทันตั้งตัว ไหนจะม้าที่ไม่ได้เป็นเจ้าของทำให้พวกม้าพากันกระวีกระวาดยกขาอย่างตกใจสลัดเอาพวกอันธพาลเหล่านั้นล้มลงจากม้าเป็นทิวแถว ก่อนกลุ่มม้าจะพากันวิ่งห้อกลับเมืองคืนหาเจ้าของกันไป

          " เพ้ย! ลงมาสู้กันบนพื้น---.. อ่อก!! " ยังไม่ทันที่เจ้าพวกนักเลงผู้หนึ่งจะเอ่ยจบก็โดนด้านสันดาบกระแทกคอจนจุกทรุดลงไปให้พวกอันธพาลคนอื่นพาลเห็นแล้วสะดุ้งตามไปด้วย

          " ไม่มีปัญญาเกาะให้อยู่บนหลังม้าก็สู้บนพื้นไปสิ! "

          ถานเจ๋อว่าเสียงเข้มอย่างติดอารมณ์ ก่อนกระตุกบังเหียนอีกหนให้เข้าจู่โจมพวกอันธพาลที่เหลือพร้อมตวัดดาบเข้าฟันหา และเริ่มใช้สันดาบเหวี่ยงกระแทกสับหายังตำแหน่งสำคัญให้อันธพาลต่างทรุดหมอบไปไม่อาจลุกมาสู้ไหวได้มากกว่าที่จะให้เกิดบาดแผลเฉือนแทงทีละเล็กละน้อยจนทนเจ็บไม่ไหวและล่าถอยไปเอง เนื่องด้วยเจ้าตัวพอจะได้เคยได้ยินชื่อเสียของเหล่าอันธพาลครองเมืองแต่ละที่ว่าช่างคิดช่างแค้น หากไม่โดนตีให้สลบหรือแพ้จนหมดรูปก็จะไม่ยอมถอย

          เช่นนั้นก็ทำให้สลบกันไปให้หมดเลยแล้วกันจะได้เลิกตามมาเสียที!

          คิดได้ดังนั้นปลายเท้าก็เหวี่ยงเตะเข้าหาปลายคางของนักเลงอีกคนที่พุ่งเข้าหาเสียหน้าสะบัดสลบกลางอากาศเลยเชียว ทำเอาถานเจ๋อได้เรียนรู้ไม่รู้ตัวว่าตำแหน่งลูกกระเดือดกับปลายคางเป็นจุดที่ดีในการเล่นงานให้หมดท่า รอยยิ้มพลันแย้มพรายดูชวนหวาดก่อนการสู้ตะลุมบอนจะมีเริ่มอีกไม่นานผลก็ออกมาเป็นไปในทางที่น่าพอใจ..
          .
          .
          ทางด้านจิ้นอิ๋งที่มาหลบยังถ้ำที่ไม่รู้จักได้แล้ว ก็ค่อยคอยพยุงพาซูฮวาให้ลงจากม้าและพากันเดินเข้าไปซ่อนยังด้านในด้วยกัน บรรยากาศครึ้มมืดเพราะภายในแทบไร้แสงส่อง และอุณหภูมิที่เย็นเยียบลงทำเอาชวนน่าหวาดหวั่นไม่น้อย สองสตรีจึงไม่ได้เข้าไปลึกมากกว่านี้ และต่างหยุดมองยังหน้าปากทางเข้าถ้ำเพื่อรอบุรุษคนเดียวกลุ่มกลับมารวมกัน

          แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่ก้าวแผ่วหาทำให้จิ้นอิ๋งลอบสะดุ้งก่อนเร่งเอาตัวบังซูฮวาเอาไว้ สตรีแซ่เหมยที่ไม่รู้ตัวว่ามีเสียงเข้าจากด้านหลังเกือบหลุดร้องออกมาแล้วหลังถูกผลักให้ยืนด้านหลังของเด็กสาว ถ้าไม่เพราะเห็นร่างของสตรีอีกคนเดินมาเผชิญหน้าทั้งคู่พอดี แต่ยังโล่งใจไม่ทันไรซูฮวาก็ร้องเสียงหลงหลบหลังจิ้นอิ๋งแทบจะเดี๋ยวนั้นหลังเห็นขวานในมืออีกฝ่าย ทว่ากลับแว่วเสียงหัวเราะใสของจิ้นอิ๋งดังขึ้นทำเอาคนหลบรู้สึกงุนงงขึ้นมาเล็กน้อยก่อจะค่อยคอยชะโงกหน้ามองบุคคลไม่คุ้นหน้า

          " แม่นางเจิ้ง! สวัสดีเจ้าค่ะ.. เหตุใดได้มาอยู่ที่นี่ได้ล่ะเจ้าคะ "

          คำทักทายอย่างเป็นมิตรของจิ้นอิ๋งทำให้พอรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่ต้องตามหา แต่ตามคำบอกเล่าที่บอกว่าอยู่ยังเมืองอันอี้ทำให้ซูฮวานึกสงสัยไม่น้อยเช่นกัน ก่อนจะลอบสบตาสตรีแซ่เจิ้งที่ว่านั้นราวอยากรู้คำตอบไปด้วย แต่เพราะคนโดนถามก็ไม่คุ้นหน้าคนที่อยู่ข้างหลังเด็กสาวที่นางรู้จักเช่นกันเลยเกิดความเงียบโรยตัวทั้งสามแทน

          " อ่า.. ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะแม่นางเจิ้ง ด้านหลังข้าเป็นสหายผู้ติดตามข้าอีกคนหนึ่งน่ะเจ้าค่ะชื่อ เหมยซูฮวา เจ้าค่ะ " จิ้นอิ๋งแนะนำตัวให้จริงใจ ก่อนซูฮวาจะผละจากด้านหลังของร่างเล็กออกมาค้อมทักทายให้สตรีแซ่เจิ้งผู้นั้นพอได้คลายมือที่กำแน่นยังขวานนางลงน้อย ๆ

          " ข้า… ก็แค่อยากเปลี่ยนสถานที่พำนักก็เท่านั้น ..แล้วเจ้าเล่า ไปทำอะไรมา? "

          คำถามที่ได้ยินถึงเรื่องที่ไปทำมาแทนที่จะเป็นมาทำอะไรที่นี่ทำให้จิ้นอิ๋งเผลอเลิกคิ้วขึ้นมาน้อย ๆ พลางลอบสำรวจร่างกายตัวเองและซูฮวาไปด้วยว่าทั้งสองมีอะไรผิดปกติมากหรือไม่ถึงโดนถามว่าไปทำอะไรมาเช่นนั้น ในตอนเอ่ยถามย้อนกลับไปเด็กสาวจึงแทบจะจัดเรือนผมและเสื้อผ้าของนางที่เรียบร้อยอยู่แล้วให้ยิ่งเนี้ยบกริ้บกว่าเดิมเสียอีก

          " ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ? ที่ว่าข้าไปทำอะไรมา? "

          สตรีตรงหน้าไม่ตอบคำ ทว่าเดินข้ามาใกล้จิ้นอิ๋งอีกนิด ใบหน้าอีกฝ่ายคล้ายก้มหาจนระดับสายตาเสมอกันให้จิ้นอิ๋งเผลอตาปริบมองกลับน้อย ๆ แต่แล้วสักพักอีกสตรีก็คล้ายพยักหน้าเข้าใจอะไรขึ้นมาก่อนผละถอยห่างไปพร้อมมือที่ปัดผ่านปลายจมูกตัวเองแผ่วเบา

          " ข้าเพียงรู้สึกเจ้ามีอะไรเปลี่ยนไปเสียหน่อย แต่เปลี่ยนในทางที่ดีไม่ต้องกังวล.. แล้วเจ้าเล่า มาทำอะไรที่นี่? " คำถามที่ควรได้รับถูกส่งหาในที่สุด จนจิ้นอิ๋งไม่ทันได้สงสัยประโยคข้างต้นก็เร่งเอ่ยเรื่องราวอย่างติดห่วงขึ้นมา

          " มีกลุ่มบุรุษเจ้าคิดเจ้าแค้นตามล่าถานเจ๋อน่ะเจ้าค่ะ เห็นได้ยินว่าถานเจ๋อขี่ม้าเตะดินใส่ก็โกรธเสียเป็นฟืนเป็นไฟเลยเชียว.. ยามนี้ก็ยังไล่มาไม่หยุด ถานเจ๋อเลยให้ข้าหนีมาซ่อนก่อนส่วนเขาจะรับมือไว้ให้แทนน่ะเจ้าค่ะ ป่านนี้ก็ไม่รู้เป็นอย่างไรแล้วบ้าง… "

          " โฮ่…พวกอันธพาลสินะ ว่าแต่ผู้ติดตามเจ้าผู้นั้นมั่นใจขึ้นน่าดูเลยนี่ ตอนช่วยข้าสู้กับชาวยุทธ์ก่อนหน้ายังปล่อยให้เจ้ามาช่วยกันสู้อยู่แท้ ๆ "

          สตรีแซ่เจิ้งที่ได้ฟังเรื่องราวพลันเผยรอยยิ้มชอบใจขึ้นมาน้อย ๆ พร้อมกับมือข้างหนึ่งที่เหวี่ยงขวานเป็นวงอย่างนึกสนุก กระนั้นในตอนที่กำลังจะเอ่ยปากลงขันพนันเสียหน่อยว่าบุรุษผู้นั้นจะกลับเข้ามาในยามใด ถานเจ๋อก้ปรากฏยังหน้าถ้ำเสียก่อนให้นางหลุดถอนหายใจดูเสียดายขึ้นมา ทว่าแววตาที่มองผ่านก็มีร่องรอยความชื่นชมไม่น้อย

          " อืม.. ฝีมือดีขึ้นสินะถ้าให้ข้าเดา " แม่นางเจิ้งเอ่ยระหว่างลอบสำรวจตัวถานเจ๋อที่ลงจากม้ามายืนเคียงยังท่านหญิงของมัน

          " ก็เห็นว่าอยากลงประลองที่ลั่วหยางด้วยน่ะเจ้าค่ะ คงอยากลองซ้อมประมือเช่นกันเลยยอมสู้คนเดียวเช่นนี้ ใช่หรือไม่ถานเจ๋อ? "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยน้ำเสียงติดเย้าขึ้นมาให้ผู้ติดตามเผลอหลบสายตาขึ้นมา โดยไม่ต้องพูดอะไรก็คล้ายยอมรับไปกลาย ๆ เสียแล้ว ซูฮวาที่คล้ายฉุกคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ว่าปกติถานเจ๋อแทบจะขี่ม้าระมัดระวังไม่เคยทำให้ฝุ่นดินปลิวลอยใส่คนรอบตัวเสียทีก็พลันจดจ้องเขม็งอย่างจับไต๋เรื่องราวได้ขึ้นมา

          " ถานเจ๋อ… บอกข้าทีว่าที่ม้าเตะดินนั่นเจ้าไม่ได้จงใจ แล้วที่สู้กับพวกอันธพาลก็ไม่ได้หวังให้ได้สู้กันเพื่อซ้อมมือน่ะเจ้าค่ะ "

          น้ำเสียงหวานที่มักใจดีเสมอของซูฮวายามนี้มีร่องรอยความคาดคั้นอยู่หลายส่วน ถานเจ๋อที่โดนจับอุบายที่เจ้าตัวคิดไปเองว่าแสนแยบยลก็พลันตาล่อกแล่กขึ้นมา ปากอ้าพะงาบเหมือนจะแก้ตัวแต่ก็นึกไม่ออก บรรยากาศที่คล้ายจะต้องมีคนโดนดุขึ้นมาแน่ทำให้เด็กสาวที่รับรู้ได้โพล่งขัดความกระอั่กกระอ่วนขึ้นมาด้วยการเอ่ยชวนคุยกับแม่นางเจิ้งที่ตอนกำลังทำหน้าละเหี่ยเหมือนโดนอาหารสุนัขปาใส่

          " แม่นางเจิ้ง! วันนี้ข้ามีบะหมี่ผัดเต้าหู้มาฝากด้วยล่ะเจ้าค่ะ ตอนแรกนึกว่าต้องไปถึงอันอี้เสียแล้ว.. อย่างไรก็เจอที่นี่ทานด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ? พี่สาวซูฮวาแล้วก็ถานเจ๋อด้วยนะเจ้าคะ ทานข้าวกันดีกว่าเจ้าค่ะ ใกล้ยามอู่เต็มทีแล้ว! "

          และเพราะคำชวนของเด็กสาวทำให้หนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษคลายบรรยากาศบทดุกล่าวฉันท์สามีภรรยาลงให้สตรีแซ่เจิ้งถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะยินยอมแวะทานข้าวกับเด็กสาวแต่โดยดีขึ้นมาราวกับอยากจะขอบคุณกลาย ๆ เลยเชียว..
.
ใช้งาน NPC ถานเจ๋อ [ขุนนางในสภา]
ลักษณะนิสัยชอบดูถูก
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
(เรียนรู้การโจมตีตำแหน่งจุดอันตรายบนร่างกาย)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(ใช้อุบายขี่ม้าให้เตะดินใส่อันธพาลให้โดนหาเรื่องกลับเพื่อฝึกประลองฝีมือ)
[144] มอบ บะหมี่ผัดเต้าหู้ ให้
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-5 18:52:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เชิญยอดฝีมือหญิง
โน้มน้าวครั้งที่หนึ่ง
.
.

          หลังทานอาหารกันจนเสร็จจิ้นอิ๋งกลับไม่ได้จากไปอย่างทุกครั้ง เด็กสาวยืนประจันหน้ากับอีกสตรีนิ่งดูคล้ายอยากพูดอะไรขึ้นมาแต่ก็ไม่กล้า ทางฝั่งผู้ติดตามทั้งสองก็พากันผละออกมาให้ทั้งคู่ได้คุยกันเป็นการส่วนตัว ทำเอาแม่นางเจิ้งที่สังเกตเห็นแอบนิ่วคิ้วใส่ดรุณีน้อยตรงหน้าอย่างติดระแวดระวังขึ้นมาว่าจะกล่าวพูดสิ่งใดกันแน่ ท่าทางที่ดูผ่อนคลายก่อนหน้ายามนี้จึงกอดอกแน่นดูวางท่ากดดันให้เด็กสาวเร่งเอ่ยออกมา

          " คือ.. มีคนวานข้ามาฝากบอกแม่นางเจิ้งว่าอยากพบ-- "

          " ไม่ไป "

          ยังไม่ทันกล่าวจบสตรีตรงหน้าก็กล่าวปฏิเสธเสียงแข็งขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้นจนดรุณีน้อยหน้างอง้ำ ริมฝีปากเล็กยู่หาดูเสียดายขึ้นมา ทว่าเพราะบรรยากาศรอบตัวเด็กสาวหลาย ๆ อย่างทำให้สตรีแซ่เจิ้งที่ตั้งใจอยากจะปั้นหน้าเข้มใส่และเอ่ยปากไล่เสียเป็นมั่นเหมาะต้องถอนหายใจออกมาอย่างนึกใจอ่อน ทว่านางก็ไม่ได้แก้ความเรื่องที่ปฏิเสธคำกล่าวของเด็กสาวไป แต่ลั่นถามเรื่องอื่นเพื่อเปลี่ยนเรื่องแทนการเอ่ยปากไล่

          " แล้วนี่แข่งประลองกันวันไหนล่ะ ผู้ติดตามเจ้าพร้อมแล้วหรืออย่างไร? " จบคำก็เพยิดหาคนที่กำลังยืนก้มหน้าประจันกับซูฮวาที่กำลังกอดอกกล่าวบางสิ่งอยู่เสียจริงจัง จนเป็นภาพที่ชวนขบขันอยู่ไม่น้อยให้จิ้นอิ๋งที่เห็นเผลอหลุดขำออกมาผะแผ่ว

          " วันที่ 9 ที่ใกล้จะถึงนี่แหละเจ้าค่ะ.. ส่วนเรื่องพร้อมไม่พร้อมข้าก็ไม่มั่นใจ แต่ถึงถานเจ๋อจะแพ้หรือชนะข้าก็ไม่คิดมากอะไรนะเจ้าคะ! แค่ถานเจ๋อได้เรียนรู้เพลงดาบการสู้เพิ่มเติมจากสนามประลองได้ข้าก็ดีใจแล้วล่ะเจ้าค่ะ หรือถ้าจะไม่ได้อะไรเลยข้าก็ไม่ว่าอะไรเลยเจ้าค่ะ.. ขอเพียงไม่นึกเสียใจที่ได้ลงประลองก็พอแล้ว "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยหาผู้ติดตามอย่างจริงใจ น้ำเสียงที่ใช้ก็แสนใสกระจ่างไร้ความกดดันใดในเนื้อความทำให้รับรู้ได้จริง ๆ ว่าดรุณีน้อยผู้นี้ไม่ได้คาดหวังการชนะใดเลย มีเพียงความหวังดีที่อยากให้อีกฝ่ายที่ลงสนามประลองนั้นได้ประโยชน์เองเสียมากกว่าอีกด้วย สตรีแซ่เจิ้งที่ได้ยินก็พลันถอนหายใจออกมาน้อย ๆ อดนึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าสรุปแล้วที่ให้อีกบุรุษนั้นมาเป็นผู้ติดตาม ถ้าไม่หวังให้เก่งกาจจนปกป้องตัวเองได้ ก็แสดงว่าให้ติดตามในฐานะสหายหรือพี่ชายหรืออย่างไร

          " เจ้านี่… ใจดีไปทั่วเสียจริงนะ "

          คำกล่าวที่จะเป็นคำชมก็ไม่เชิงคำเอ่ยดุก็ไม่ใช่ ทำให้จิ้นอิ๋งได้แต่ยิ้มสู้กลับไปแม้จะยังมีแววตาติดงุนงงอยู่ไม่น้อยยามสบหาผู้ที่เอ่ยกล่าวจนเรียกเสียงหัวเราะแผ่วจากสตรีแซ่เจิ้งขึ้นมา ก่อนนางจะโบกมือราวกับเตรียมจะลาเข้าไปภายในตัวถ้ำยังที่ที่นางได้หลบซ่อนอยู่ต่อ จิ้นอิ๋งที่เห็นก็อยากจะเข้าไปตามเพื่อลองเอ่ยเกลี้ยกล่อมต่อแต่ก็ได้รับสายตาถลึงตาติดดุจากอีกฝ่ายแทนจนเด็กสาวแทบจะหยุดยืนกับที่เสียเดี๋ยวนั้น

          ทว่ายังไม่ทันที่สตรีแซ่เจิ้งจะถอนสายตาออกไปไหน ร่างเล็กก็ค่อยคอยก้าวขาใกล้นางเข้ามาเสียอย่างนั้น ดูท่าทางแล้วเริ่มไม่ได้จะหวาดกลัวนางจนอยากจะเอ่ยปากไล่ไปเสียจริงจัง แต่แม่นางเจิ้งก็พ่ายให้ดวงตากลมใสราวกับกวางน้อยที่ซุกซนเท่านั้นจนได้แต่ถอนหายใจคิดคำพูดมาเอ่ยปากทางอ้อมแทน

          " เมืองถัดไปทางเหนือที่เป็นเมืองผูโจว มีเหมืองแร่หลวนเหมินอยู่ " คำพูดที่เอ่ยมาไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยเช่นนั้นเหมือนจะได้ผลที่ว่าช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ สตรีแซ่เจิ้งที่พบความฉงนในแววตาดำขลับตรงหน้าก็เร่งเอ่ยต่อไม่ให้พลาดโอกาส

          " นอกจากการฝึกประลองประมือเพื่อพัฒนาฝีมือ การขุดแร่ก็อาจช่วยให้ผู้ติดตามเจ้าพัฒนากำลังได้มากขึ้นด้วย แต่ก็มีค่าธรรมเนียมเข้าใช้ อย่างไรก็เข้าไปถามรายละเอียดเอา ..นอกจากนี้ถ้าขุดได้แร่ดี ๆ ก็อาจเอามาช่วยพัฒนาอาวุธให้ผู้ติดตามหรือแม้กระทั่งกระบี่ของเจ้าด้วยก็ได้ "

          อีกสตรีเอ่ยหาระหว่างพเยิดใบหน้าลงสู่กระบี่ข้างเอวจิ้นอิ๋งที่แม้สภาพยังดีอยู่มาก ทว่าก็รู้ได้อีกเช่นกันว่าคงมีคุณภาพไม่ได้ดีนักด้วยวัสดุที่ตีขึ้นไม่แคล้วเป็นของพื้นฐานทั่วไป เด็กสาวที่มองตามก็พลันตาวาวขึ้นมาพร้อมกันนั้นก็ถูกเปลี่ยนเรื่องล่อลวงไปเสียง่ายดาย ก่อนนางจะเอ่ยเสียงเจื้อยแจ้วว่าจะไปยังเหมืองตามคำแนะนำอีกฝ่ายเป็นแน่ ก่อนจะผละไปชวนถานเจ๋อและซูฮวาให้เดินทางมุ่งสู่เมืองผูโจวต่อ

          สตรีแซ่เจิ้งที่สามารถหลอกเด็กสาวให้ออกจากถ้ำไปได้ก็เกือบจะถอนหายใจโล่งอกขึ้นมาแล้ว ถ้าไม่เพราะได้ยินเสียงหวานของดรุณีน้อยเอ่ยทิ้งท้ายเข้าเสียก่อน ท่าทางดูไม่ยอมแพ้ที่จะเกลี้ยกล่อม ไหนจะเอ่ยถึงของที่จะสามารถทำให้นางยอมต้อนรับนั่นอีก ทำเอาสตรีแซ่เจิ้งทั้งขำทั้งฉิวขึ้นมาจนไม่แม้แต่จะหันกลับไปหาด้วยกลัวอีกคนจะเห็นว่าตนกำลังเผยรอยยิ้มนึกขันออกมาอยู่ ก่อนจะจ้ำอ้าวเข้าไปในตัวถ้ำต่อจนแว่วเสียงหัวเราะใสที่ดังตามอย่างกับรู้ทันไปเสียได้

          .
          " ไว้เดี๋ยวข้าพาถานเจ๋อไปฝึกขุดแร่เสร็จ จะกลับมาเยี่ยมแม่นางเจิ้งใหม่นะเจ้าคะ~ ข้าจะเอาขนมชิงถวนมาฝากด้วยเจ้าค่ะ รอข้านะเจ้าคะแม่นางเจิ้ง! "


ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-6 18:35:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-6 19:17


เชิญยอดฝีมือหญิง
โดนปฏิเสธอีกหน
.
.

          ภายในตัวถ้ำไป๋หู่ที่เงียบสงบ ปรากฏร่างสตรีผู้หนึ่งพำนักอยู่ภายใน นางกำลังนั่งทำความสะอาดขวานคู่กายช้า ๆ ขัดเอายังคราบโลหิตและสิ่งสกปรกใดออกหลังจากที่ออกไปหาอาหารแล้วพลันได้ประมือสู้รบกับเหล่าชาวยุทธ์ทั้งที่ตามจับตัวนางและแค่อยากลองประลองฝีมือ พลันแว่วเสียงสูดปากแผ่วดังขึ้นเนื่องด้วยลาดไหล่ข้างหนึ่งคล้ายได้รับบาดเจ็บจนไม่อาจขยับได้ถนัดถนี่ สีหน้าของสตรีแซ่เจิ้งพลันนิ่วหาดูขัดใจไม่น้อย ทว่ายังไม่ทันที่จะได้หันมาทำแผลก็ต้องกลับมาตั้งท่าระมัดระวังและเคลื่อนลงจากหินที่นั่งพีกเมื่อครู่เข้าสู่มุมเงามืดของตัวถ้ำหลังได้ยินเสียงฝีเท้าปริศนา

          ทว่ายังไม่ทันได้หลบซ่อน เสียงหวานเอกลักษณ์ก็เอ่ยดังสะท้อนในตัวถ้ำขึ้นมา จากความระมัดระวังแทบจะเปลี่ยนเป็นสีหน้ากึ่งระอาไม่น้อยทว่ามุมปากของนางก็เผยรอยยิ้มรับมาเล็กน้อยไม่รู้ตัว

          " แม่นาง~... อ่า ไม่ได้อยู่แถวนี้--...!!! "

          จิ้นอิ๋งเกือบจะหลุดร้องหวีดเสียงดังขึ้นมาแล้วทันทีที่เห็นร่างของสตรีที่ตามหาขยับกายออกมาจากเงามืดของถ้ำ ร่างทั้งร่างแทบสะดุ้งจนตัวจะลอยแต่ยังยั้งปากได้ทันนั้น ท่าทางดูชวนขันไม่น้อยทำเอาสตรีแซ่เจิ้งอดไม่ได้ที่หลุดหัวเราะออกมา แต่แค่ครู่เดียวก็กลับมาหน้าขึงดุเสียอย่างนั้นจนเด็กสาวแทบทำหน้าตอบรับไม่ถูกว่าควรยิ้มรับตามที่โดนหัวเราะหรือหงอยลงจากที่โดนทำตาโกรธใส่แบบนั้น

          ถึงอย่างนั้นสุดท้ายดรุณีน้อยก็หลุดรอยยิ้มออกมาอยู่ดียามได้ยินคำกล่าวที่คล้ายจะต้อนรับนางขึ้นมา แม้มองอีกแง่อีกฝ่ายอาจแค่อยากจะได้ของจากนางก็ตาม

          " ไหนขนมชิงถวนที่เจ้าบอกล่ะ "

          " นี่เจ้าค่ะ! ดูท่าแม่นางเจิ้งชอบขนมนี้น่าดูเลยนะเจ้าคะ "

          เด็กสาวกล่าวกลั้วขำ ทว่าก็ไม่ได้คำตอบรับจากคู่สนทนามากกว่าไปอีกฝ่ายเดินเข้ามารับขนมจากนางและผละมานั่งทานบนหินเงียบ ๆ แต่แม้จะพยายามทำท่าทางปกติมากเพียงใด กลิ่นเลือดที่โชยออกและเริ่มซึมออกให้เห็นที่ลาดไหล่ก็ทำให้จิ้นอิ่งจับสังเกตได้อยู่ดี จากที่ตั้งใจจะมาเอ่ยพูดเรื่องที่จะเกลี้ยกล่อมต่อ ก็ต้องหันมาสนใจบาดแผลของสตรีตรงหน้าแทน

          " แม่นางเจิ้งไปโดนอะไรมาเจ้าคะ! ไอโยว.. เจ็บหรือไม่เจ้าคะ? "

          ร่างเล็กแทบจะเดินเข้าหาเพื่อดูไหล่ที่บาดเจ็บของอีกสตรีเสียเดี๋ยวนั้น แม้สตรีแซ่เจิ้งจะพยายามเบี่ยงไหล่หลบแต่ก็โดนจิ้นอิ๋งจับให้ดูแผลอยู่ดี ร่องรอยของเสื้อที่ขาดแหว่งออกจนเห็นรอยแผลด้านในทำเอาดวงหน้าหวานซีดเซียวลงเล็กน้อยราวกับเป็นผู้บาดเจ็บเสียเอง ผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดถูกเอาออกมาช่วยซับยังคราบเลือดและสิ่งสกปรกออกให้ โดยสลับละมาล้างกับน้ำเปล่าไปด้วย จนตอนนี้เหลือเพียงให้พันผ้าช่วยลดการเคลื่อนไหวก็เสร็จสิ้น

          " เจ้านี่ช่างวุ่นวาย "

          สตรีแซ่เจิ้งเอ่ยอย่างติดฉิว แต่ก็ยื่นส่งผ้าดิบสำหรับพันแผลให้จิ้นอิ๋งช่วยจัดการจนแว่วเสียงหัวเราะใสดังออก ดรุณีน้อยรับมาก่อนจะช่วยพันแผลให้อย่างตั้งใจโดยลอบมองอีกสตรีที่เริ่มทานขนมด้วยท่าทางผ่อนคลายลง ทำเอานางอดที่จะโล่งใจไปด้วยไม่ได้

          " ไม่ลองเอาเรื่องที่ข้าเคยบอกไปคิดดูหรือเจ้าคะ.. "

          " ไม่ "

          " แต่คนผู้นั้น-- "

          " หากเจ้ายังเอ่ยอีกหนึ่งคำข้าจะไล่เจ้าออกจากถ้ำ "

          สิ้นประโยคกึ่งดุจิ้นอิ๋งก็เม้มริมฝีปากเล็กแน่นแทบจะเดี๋ยวนั้น ปิดกั้นประโยคที่จะเอ่ยหาไปเสียสิ้น ร่องรอยความเศร้าจางบนดวงหน้านวลจนดูหมองลงไปเล็กน้อย พร้อมกันนั้นมือที่กำลังช่วยมัดผูกทำแผลก็ดูจะทำเชื่องช้าลงไปด้วย สตรีแซ่เจิ้งที่กำลังจะหยิบขนมชิงถวนอีกชิ้นเข้าปากพลันสังเกตเห็นก็ลอบถอนหายใจแผ่ว

          " จริง ๆ เลย! เจ้านี่วุ่นวายข้าจริง ๆ " คำเปรยบ่นดังขึ้นก่อนแม่นางเจิ้งจะขยับตัวเว้นที่ให้จิ้นอิ่งได้นั่งบนก้อนหินด้วยกัน ก่อนส่งขนมชิ้นหนึ่งจ่อปากเด็กสาวให้อ้าปากรับเข้าไป

          จิ้นอิ๋งที่ตอนแรกกำลังครุ่นคิดว่าจะมาพูดคุยกับอีกสตรีในวันอื่นใหม่ดีหรือไม่ ก็กลายเป็นถูกชวนให้ทานชนมด้วยกันจนแย้มยิ้มออก ปากเล็กอ้างับขนมเข้าปากเคี้ยวไปจนแก้มตุ่ยก่อนจะเคลื่อนตัวไปนั่งด้วยกันหลังทำแผลให้สตรีแซ่เจิ้งเสร็จสิ้น ระหว่างนั้นก็พลันเอ่ยเรื่องราวน่าอายของนางที่โรงเตี๊ยมให้ฟังไปด้วยเพื่อหวังคลายบรรยากาศอึมครึมก่อนหน้า ซึ่งก็ได้ผลไม่น้อยเพราะแทบจะโดนแม่นางเจิ้งดุเข้าให้ที่เด็กสาวทำตัวเซ่อซ่าเสียแบบนั้น

          แต่สุดท้ายคนที่นั่งฟังตั้งแต่แรกก็หลุดหัวเราะออกมาเมื่อนึกสีหน้าของเด็กสาวข้างกายออกว่าคงนั่งซึมไม่น้อยเลยเชียวในเวลานั้น..



[144] มอบ ขนมชิงถวน ให้
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-6 23:36:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เชิญยอดฝีมือหญิง
เหตุผล
.
.

          เมื่อขนมหมดลง สตรีแซ่เจิ้งก็คล้ายหยิบเอาขวานมาขัดเช็ดต่อหลังจากที่ถูกขัดจังหวะจากจิ้นอิ๋งก่อนหน้า ซึ่งทันทีที่เด็กสาวเห็นก็อดไม่ได้ที่จะนำกระบี่ออกมาขัดเช็ดตามไปด้วย ท่าทางราวกับกำลังเลียนแบบเรียกสายตาคมของอีกสตรีให้เหลือบมอง ท่าทางเก้กังดูไม่คล่องแคล่วแต่ก็ตั้งใจทำให้นางผละมามองดูอย่างสนใจว่าจะดูแลอาวุธตัวเองได้ดีสักเพียงใด

          " กระบี่สะอาดดีนี่... " สตรีแซ่เจิ้งเงียบไปครู่ก่อนเลื่อนนิ้วแตะทดสอบคมของกระบี่ก่อนพลันนิ่วคิ้วขึ้นมา

          " เจ้าได้ลับกระบี่บ้างหรือไม่? "

          " ลับ? ลับเหมือนที่ลับมีดน่ะหรือเจ้าคะ? "

          คำถามย้อนหาทำให้แม่นางเจิ้งคาดเดาได้ไม่ยากว่าเด็กสาวไม่แคล้วเอาแต่เช็ดแต่ไม่เคยลับมันแน่ ตัวดาบเลยค่อนข้างทื่อเสียแบบนั้น อีกสตรีที่อยากจะเอ่ยดุดรุณีน้อยขึ้นมาว่าดูถูกคู่ต่อสู้หรืออย่างไรถึงเอากระบี่ทื่อนี่ไปแกว่งเล่น ทว่าเพราะทันเห็นแววตากลมใสที่จ้องสบหาอย่างกระตือรือร้นอยากได้รับคำตอบทำให้นางได้แต่ลอบถอนหายใจ ท่าทางราวกับคุณหนูที่เพิ่งออกมาเผชิญโลกเช่นนี้ แค่รู้จักเช็ดทำความสะอาดกระบี่ก็ดีมากโขแล้ว

          สตรีผู้ถือขวานพลันวางอาวุธตัวเองลงก่อนหยิบคว้าเอาหินตะไบออกมาวางไว้พร้อมขวดใส่น้ำมันที่ใช้ลับคม จิ้นอิ๋งที่รับรู้ได้ว่ากำลังจะได้เห็นการลับขวานของสตรีแซ่เจิ้งก็มองตามอย่างใคร่รู้ ดวงหน้านวลคล้ายเผยรอยยิ้มนำไปก่อนด้วยอารามตื่นเต้น

          แต่แล้วอีกสตรีกลับไม่ได้หยิบขวานของตัวเองขึ้นมาแต่ยื่นมือหามาทางจิ้นอิ๋งราวกับจะขอกระบี่ในมือ ดรุณีน้อยที่กำลังงุนงงก็ส่งให้อย่างไม่รู้ตัว กระทั่งได้ยินเสียงลับที่ดังขึ้นถึงได้สติก่อนร่างเล็กจะแทบผละไปนั่งเคียงอีกฝ่ายเพื่อตั้งใจจดจำวิธีการลับอย่างกระตือรือร้นเลยเชียว พลอยทำสตรีแซ่เจิ้งที่คิดแค่จะลับให้จบไว ๆ เพื่อตัดรำคาญที่ต้องมาเจอหน้าตาไม่รู้เรื่องรู้ราวในการดูแลอาวุธของสตรีที่เคยเอาชนะตนได้ จำต้องลดความเร็วในการทำลงเพื่อให้เด็กสาวได้เรียนรู้ไปด้วย

          " เอียงทำมุมตัวคมกระบี่กับหินให้ดี แล้วกดไล้ลับไปด้วยแรงที่สม่ำเสมอ ทำสลับกันให้แน่ใจว่าเจ้าไม่ได้ลับอยู่ฝั่งเดียว "

          จิ้นอิ๋งพยักใบหน้ารับระหว่างที่ริมฝีปากเล็กก็ขยับขมุบขมิบราวกับทวนคำไปด้วย คนสอนที่เห็นคนที่มานั่งดูตั้งใจรับฟังเช่นนั้นก็เลยเอ่ยแนะนำอีกเล็กน้อยถึงสถานที่หาซื้อตัวหินลับและน้ำมันที่ช่วยป้องกันสนิมหรือให้ตัวกระบี่ของจิ้นอิ๋งยังคมอยู่เสมอเมื่อนำมาลับ กระทั่งผ่านไปราวหนึ่งเค่อสตรีแซ่เจิ้งก็ลับกระบี่ให้เด็กสาวเสร็จสิ้น ก่อนจะผละเอาผ้ามาช่วยเช็ดคราบน้ำมันและเหล็กบนตัวกระบี่ออกไปให้ด้วย

          เมื่อครบขั้นตอนก็ยื่นกระบี่คืนส่งหาเด็กสาวที่รอรับตาวาว นิ้วเรียวที่ตั้งท่าจะลองแตะทดสอบคมเลียนแบบอีกสตรีที่ช่วยแตะให้ก่อนหน้าก็พลันชะงักมือไปเมื่อได้ยินน้ำเสียงเข้มเอ่ยเตือนขึ้นมา

          " ถ้าไม่อยากนิ้วขาดก็อย่าแตะตรง ๆ! ที่ก่อนหน้าข้าแตะได้เพราะแน่ใจว่ามันทื่อสนิทไปแล้ว " สิ้นคำสตรีแซ่เจิ้งก็หันไปลับขวานตัวเองต่อจนจิ้นอิ๋งแทบจะยิ้มแหยออกมา ก่อนนางจะตัดสินใจเก็บกระบี่ลงฝักอย่างเชื่อใจว่าอีกสตรีคงทำมันจนคมเหมือนใหม่แน่

          " แม่นางเจิ้ง… "

          " ไม่ "

          ยังไม่ทันที่จิ้นอิ๋งจะได้เกิร่นต่อว่าจะกล่าวหาในเรื่องอะไร อีกคนก็ตั้งท่าปฏิเสธแทรกขึ้นมาแล้วจนดรุร๊น้อยแทบยู่ปาก ทว่าครั้งนี้กลับต่างจากก่อนหน้าเพราะอีกสตรีไม่ได้ทิ้งช่วงไปเลยหลังเอ่ยปฏิเสธ แต่กลับเอ่ยถามบางสิ่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

          " คนที่เจ้าอยากให้ข้าไปพบ.. เป็นคนที่จะช่วยเหลือข้าได้งั้นหรือ? "

          " ใช่เจ้าค่ะ! " จิ้นอิ๋งพลันตอบรับอย่างจริงจังไม่ต่างกัน กระนั้นยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยรายละเอียดใด กลับโดยเอ่ยแทรกอีกหนโดยครั้งนี้สตรีแซ่เจิ้งถึงกับผละมือจากขวานที่ลับอยู่มาสบตาเด็กสาวเลยเชียว

          " ช่วยทำไม.. "

          " ข้าก็ไม่ทราบเขาผู้นั้น--.. "

          " ข้าหมายถึงเจ้า… เจ้าจะมาอยากช่วยข้าทำไม "

          สิ้นคำถามก็กลายเป็นจิ้นอิ๋งที่ชะงักไป เพราะตามจริงเด็กสาวก็ยังมีความคิดที่หวาดกลัวไม่น้อยเช่นกันว่าการช่วยเหลืออีกฝ่ายนั้นคล้ายกับช่วยเหลือผู้เป็นโจรและฆาตกร อีกทั้งการที่ต้องมาพยายามมาเกลี้ยกล่อมถึงเพียงนี้นางก็ยังคิดอยู่เรื่อย ๆ ว่าตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ แม้แต่ตัวจิ้นอิ๋งเองยังสับสน ดรุณีน้อยจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยที่อีกคนยังระแวงนางและตั้งท่าปฏิเสธอยู่ตลอดเช่นนี้

          อีกฝ่ายที่พลันเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเด็กสาวก็ลอบมองผิดหวังด้วยพาลคิดไปว่าไม่แคล้วคงคาดหวังรางวัลจากงานเสียมากกว่า ก่อนจะหันไปลับขวานต่อไม่คิดสนใจเด็กสาวอีก กระนั้นคำกล่าวของจิ้นอิ๋งต่อมาที่เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้มาเทียวเกลี้ยกล่อมไม่ยอมแพ้นี้ ทำให้มือที่ลับขวานของอีกสตรีชะงักไป

          " ก็.. ยามที่เห็นสหายลำบากแล้วเราพอจะช่วยอะไรสักอย่างได้… ก็ต้องช่วยเป็นธรรมดาไม่ใช่หรือเจ้าคะ " สองสตรีสบตาหากันหลังสิ้นประโยค ก่อนน้ำเสียงเครียดขึงจากสตรีแซ่เจิ้งพลันเอ่ยคล้ายอยากจะค้านขึ้นมา

          " แต่ข้าเป็นฆาตกร "

          " ข้ารู้เจ้าค่ะ.. "

          " เจ้ากำลังจะช่วยโจรที่เป็นฆาตกร รู้ตัวใช่หรือไม่? "

          " เจ้าค่ะ… ถึงอย่างนั้นฆาตกรผู้นั้นข้าก็นับสหายไปแล้ว และไม่ใช่ว่าข้าจะช่วยให้หนีโทษ.. ข้ายังอยากให้สหายได้รับโทษที่เหมาะสมตามความผิดที่กระทำ ทว่าหากมีหนทางให้ได้รับโทษแต่ไม่ถึงกับเอาชีวิตและสามารถทำให้สหายผู้นั้นได้รับการอภัยได้ ข้า... ยินดีที่จะทำเจ้าค่ะ "

          คำกล่าวนั้นราวบอกกลาย ๆ ถึงเนื้อหางานที่นางต้องมาเกลี้ยกล่อมแก่อีกสตรี ทว่าก็ยังไม่ได้เอ่ยบอกออกไปตรง ๆ เสียทั้งหมดด้วยตอนนี้จิ้นอิ๋งยังเห็นว่าคนตรงหน้ายังตั้งแง่กับนางอยู่ไม่น้อย ทว่าหลังสิ้นประโยคที่พยายามอธิบายไปก่อนหน้าแล้ว ดรุณีน้อยก็พอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่คลายลงได้บ้างจากสตรีแซ่เจิ้งให้พอเผยรอยยิ้มออกมาได้จนอีกสตรีที่เห็นเบือนใบหน้าหนีมาลับขวานต่อราวกับสื่อว่ายังคิดปฏิเสธอยู่ไม่คลายหาย

          " ข้าไม่เคยนับเจ้าเป็นสหาย! " น้ำเสียงดุเอ่ยหา ทว่าความจริงจังในเนื้อความไม่เท่ากับประโยคก่อนหน้าให้ได้รับเสียงหัวเระาแว่วหวานตอบรับจากจิ้นอิ๋ง

          " ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ! เพราะอย่างไรข้าก็จะนับแม่นางเจิ้งเป็นสหายอยู่ดี ..ข้าก็รบกวนเวลาแม่นางนานแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ข้าจะแวะเวียนเข้ามาใหม่แล้วกันนะเจ้าคะ อยากได้อะไรเป็นของฝากหรือไม่เจ้าคะ? "

          ประโยคท้ายเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้นแต่กลับได้รับท่าทางโบกมือไล่เสียอย่างนั้นให้จิ้นอิ๋งได้แต่หัวเราะกลับหา กระนั้นยังไม่ทันที่นางจะได้คว้ากระเป๋าย่ามและค้อมตัวลากลับได้ยินเสียงของอีกสตรีเอ่ยแผ่วให้ต้องเงี่ยหูพร้อมทวนถามไปด้วยอย่างติดฉงน

          .
          " อะไรนะเจ้าคะ? "

          " ข้าบอกว่าอยากดื่มชา! "

          " อ๋อ.. คิก~ ได้เจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะนำชามานั่งดื่มร่วมกับแม่นางเจิ้งนะเจ้าคะ~ "



ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-7 22:06:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-7 23:09


เชิญยอดฝีมือหญิง
น้ำตกจินเซียง
.
.

           วันต่อมาตัวจิ้นอิ๋งได้ทำการซื้อชาเตรียมเอาไปให้สตรีแซ่เจิ้งตามคำสัญญา และเป็นอีกวันที่ผู้ติดตามทั้งสองไม่ได้ตามไปเช่นเดิม และถานเจ๋อก็เลิกแวะเวียนไปประมือกับพวกอันธพาลแล้วด้วยให้เหตุผลว่าจะไม่ฝืนตัวเองให้ทั้งซูฮวาและจิ้นอิ๋งกังวล ทว่าสองสตรีก็ได้แต่อมยิ้มมองสบตากันอย่างรู้ทันว่าอีกคนก็แค่ขี้เกียจเท่านั้น

           หลังตามใจปล่อยให้ถานเจ๋อกลับไปนอนขี้เกียจบนโรงเตี๊ยมไม่คิดซ้อมสู้ทั้งที่ใกล้วันแข่ง และให้ซูฮวาคอยช่วยดูไป๋เซ่อดั่งเมื่อวานเรียบร้อย จิ้นอิ๋งก็ออกเดินทางมาที่ถ้ำไป๋หู่ที่มีสตรีที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ด้านใน

           .
           ซึ่งทันทีที่เข้าไปถึง เด็กสาวก็เอ่ยส่งเสียงเรียกอย่างทุกคราเพื่อไม่ให้สตรีด้านในต้องตกใจว่าเป็นใครกันที่มาเยือนหานางถึงถิ่นพำนัก

           ทั้งที่ความจริงจิ้นอิ๋งจะไม่ส่งเสียงเรียกก็ได้ เพราะเพียงเข้าใกล้ได้ระยะหนึ่ง กรุ่นกลิ่นเอกลักษณ์ของนางก็โชยจางให้รับรู้การมาถึงแล้ว ทว่าสตรีแซ่เจิ้งที่กำลังนั่งตกปลาอยู่ก็ไม่ได้คิดเอ่ยบอก ปล่อยให้สตรีจอมวุ่นวายนั่งเคียงกับนางไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าที่พอสื่อให้รู้ว่าตนรับรู้แล้วว่าจิ้นอิ๋งได้มาหา

           " บ่อน้ำในนี้มีปลาด้วยหรือเจ้าคะ? "

           จิ้นอิ๋งถามอย่างใคร่รู้ขึ้นมาด้วยนึกไม่ถึงว่าภายในถ้ำที่มีแอ่งน้ำภายในนี้จะมีปลาเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย ซึ่งตัวของสตรีแซ่เจิ้งก็เพียงพเยิดใบหน้าให้ดรุณีน้อยหันมองตามจนเห็นถังน้ำที่ตั้งไม่ไกล ภายในมีปลาดุกว่ายเวียนสลับกับปลากงให้เด็กสาวที่เห็นถึงกับตาวาวขึ้นมา หลังจากนั้นในตอนที่หยิบชาหลงจิ่งที่เป็นของฝากออกมาวางข้างเคียงเพื่อรินให้อีกสตรีดื่มร่วมกัน จิ้นอิ๋งก็แทบจะขยับอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยกลัวจะทำปลาแตกตื่น

           ทว่าคนข้างกายที่เห็นท่าทางของเด็กสาวก็พลันนิ่วคิ้ว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกึ่งระอาไม่น้อยทว่ามุมปากกลับค่อยคอยเผยรอยยิ้มติดขบขันออกมาไม่รู้ตัว

           " จะขยับแรงกว่านี้ถ้าไม่ไปตีน้ำปลาก็ไม่ตื่นหรอก " น้ำเสียงกึ่งดุกึ่งกลั้วขำส่งหา เรียกรอยยิ้มแหยจากจิ้นอิ๋งก่อนนางจะรินชาลงถ้วยให้โดยที่อีกสตรีก็รับถ้วยมายกรับจิบดื่มพร้อมผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลาย

           " ชาหลงจิ่งสินะ "

           " ชอบหรือไม่เจ้าคะ? " จิ้นอิ๋งเอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม ก่อนได้รับการตอบรับเพียงผงกศีรษะหา แต่ก็ทำให้ดรุณีน้อยยิ่งวาดรอยยิ้มกว้างและดื่มชาในถ้วยด้วยความพอใจไม่น้อยที่เลือกชามาให้อีกสตรีได้เป็นที่พอใจเช่นนี้

           และเพราะด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะพาลคิดไปว่านางมาหาเพียงแค่เรื่องงานที่นางถูกว่าจ้าง ในวันนี้จิ้นอิ๋งจึงไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ถูกจ้างวานแก่อีกฝ่าย ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งจะคุยเรื่องแผนการมาหาสตรีแซ่เจิ้งในวันนี้กับผู้ติดตามไปแล้ว ทว่ายังเหลือเวลาอีกตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ ตัวนางจึงคิดว่าอยากจะมาเที่ยวเล่นกับผู้ที่นับเป็นสหายโดยไร้จุดประสงค์แอบแฝงไปก่อน

           .
           ทางฝั่งสตรีแซ่เจิ้งที่วันนี้ไม่ได้ยินเด็กสาวข้างกายเอ่ยคะยั้นคะยอเรื่องให้ไปพบใครก็ไม่รู้ดั่งวันก่อนก็ค่อนข้างสบายใจขึ้นไม่น้อย จนอดเสียงฮัมเพลงแผ่วขึ้นมาไม่ได้ให้จิ้นอิ๋งหันมองอย่างสนใจ และเพราะเป็นบทเพลงทำนองที่นางรู้จักเด็กสาวพลันวางถ้วยชาลง ก่อนจะขยับแขนร่ายรำพิศมองแล้วชดช้อยตามจังหวะทั้งที่ยังนั่งเคียง ให้เสียงทุ้มหวานของสตรีแซ่เจิ้งพลันร้องเอ่ยบทเนื้อเพลงออกมาอย่างชอบใจ และคล้ายเป็นสัญญาณให้จิ้นอิ๋งที่แสนคะนึงถึงการร่ายรำผุดลุกขยับวาดลวยลายตามบทเพลงอย่างสนุกสนาน

           จนสักพักทั้งสองสตรีก็ได้เต้นรำเคียง ระบำตามจังหวะให้แว่วเสียงหัวเราะแผ่วผ่าน ปลาที่ตกก็ถึงกับละวางไม่ได้ตกต่อ ให้เพลาผันผ่านพร้อมสองสตรีต่างแลกเปลี่ยนท่อนร่ายรำจนจบห้วงทำนองบรรเลงที่ประสานร้องหากันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครทราบ ทั้งจิ้นอิ๋งและสตรีแซ่เจิ้งถึงกลับมานั่งลงที่เดิมและรินชายกดื่มเพื่อให้ชุ่มคอที่แห้งผากจากก่อนหน้า

           " ร่ายรำเก่งน่าดูเลยนี่ " คำชมที่ส่งหาพร้อมรอยยิ้มทำให้เด็กสาวพลอยเผยรอยยิ้มตามไปด้วย

           " ข้าชอบน่ะเจ้าค่ะ สมัยยังเยาว์เลยตั้งใจเรียนมากเลยเชียว.. แต่ก็หลาย ๆ อย่างทำให้ข้าได้นำมาใช้น้อยลง… เมื่อครู่สนุกมากเลยล่ะเจ้าค่ะ "

           " อืม ข้าก็ด้วย "

           ความเงียบโรยตัวอีกหนหลังจากสิ้นประโยคของสตรีแซ่เจิ้ง ทว่าแม้จะเงียบลงไปแต่บรรยากาศรอบตัวก็ไม่ได้อึดอัดอย่างทีจิ้นอิ๋งหวาดระวัง ทำให้นางพลันเฝ้ามองดูปลาแหวกว่ายตามน้ำและติดเบ็ดของอีกสตรีขึ้นมาอย่างคอยลุ้นไปด้วย กระทั่งตกปลาได้จำนวนหนึ่งคนตกก็หยุดมือเพื่อเตรียมนำปลาไปประกอบอาหารต่อ ระหว่างที่จิ้นอิ๋งช่วยอีกสตรีก่อไฟจึงอดเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยออกไปไม่ได้

           " ในนี้มีปลาแค่สองชนิดหรือเจ้าคะ? "

           " อืม เท่าที่ข้ามาอยู่ตอนนี้ก็จับได้เพียงสอง… หากเจ้าอยากได้ปลาชนิดอื่น ใกล้ ๆ นี้ที่เมืองผูโจวมีน้ำตกจินเซียง อย่างไรก็ลองไปตกปลาดูได้ เห็นเขาว่าโชคดีก็ตกได้ปลามังกรด้วยล่ะ "

           น้ำเสียงเรียบเรื่อยของแม่นางเจิ้งส่งหา แต่ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับตาเป็นประกายขึ้นมาแทน ด้วยเพราะตัวจิ้นอิ๋งก็ไม่ค่อยได้เห็นปลามังกร และได้ยินชื่อเสียงถึงความมงคลของมันที่คล้ายน่านำมาเลี้ยงมากกว่าเป็นอาหาร

           " อย่างนั้นเองหรือเจ้าคะ!... อืม ไว้ว่าง ๆ ข้าจะลองไปตกปลาดูนะเจ้าคะ! แม่นางเจิ้งสนใจไปด้วยกันหรือไม่เจ้าคะ "

           " ไม่ล่ะ " คำปฏิเสธทันทีทันใดทำริมฝีปากเล็กพลันยู่เข้าหากันด้วยความผิดหวังขึ้นมา เรียกเสียงหัวเราะจากอีกสตรีให้ดังขึ้น ก่อนนางจะเอ่ยหากลับไปทั้งนึกดุทั้งขบขัน

           " เด็กโง่ ข้าโดนตามล่าตัวอยู่จำไม่ได้หรืออย่างไร สรุปเจ้าอยากช่วยข้าหรือไม่อยากกันแน่ "

           จิ้นอิ๋งได้ยินเช่นนั้นดวงหน้าหวานก็เปลี่ยนเป็นตกใจขึ้นมาด้วยความเห็นด้วย ทำสตรีแซ่เจิ้งนึกอยากส่ายหัวให้กับท่าทางซื่อบื้อนั้นขึ้นมาเลยเชียว สักพักดรุณีน้อยจึงทิ้งท้ายเพียงแค่จะลองไปที่น้ำตกตามคำแนะนำของอีกสตรี ก่อนเมื่อเห็นว่าใกล้ยามอู่เต็มทีนางจึงขอตัวเพื่อไปทำธุระบางอย่าง และไว้พรุ่งนี้นางจะกลับมาเยี่ยมเยียนใหม่อีกครา

           ฝั่งสตรีที่โดนรบกวนหากไร้เจตนาร้ายจากเด็กสาวจนเคยชินแล้วก็ได้แต่โบกมือปัดกลับไปให้ภายในถ้ำกลับมาเงียบสงบอย่างก่อนหน้าเสียที..



ใช้งาน NPC ถานเจ๋อ [ขุนนางในสภา]
ลักษณะนิสัยขี้เกียจ
+10 EXP ทุกครั้งที่โรลนอนขี้เกียจ

[144] มอบ ชาหลงจิ่ง ให้
.
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
ค่าชื่อเสียง ต่อ [144] : -5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง
และ +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-8 16:04:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เชิญยอดฝีมือหญิง
ให้เวลา
.
.

          วันประลองที่ลั่วหยางใกล้เข้ามาทุกขณะทำให้จิ้นอิ๋งตั้งใจจะเร่งไปพบอาจารย์ของซูฮวาตามที่ให้สัญญาเสียก่อน ภารกิจที่ต้องคอยมาเกลี้ยกล่อมเอ่ยบอกให้สตรีแซ่เจิ้งลองไปหาบุคคลที่จะช่วยเหลือนางได้นั้น เด็กสาวจึงเก็บไว้พูดคุยในคราอื่น ทั้งนี้เพื่อให้อีกสตรีนั้นได้มีเวลาขบคิดมากขึ้นอีกด้วย เพราะจิ้นอิ๋งพอจะเข้าใจถึงความไม่ไว้วางใจที่มีต่อตนได้แม้จะพบพานกันหลายครั้งหลายคราแล้วก็ตาม อย่างไรคนที่โดนตามล่ามาตลอดคงไม่วางใจใครง่ายดายและเป็นเด็กสาวเองที่ต้องทำให้อีกฝ่ายเห็นถึงความจริงใจและปรารถนาดีของนางจริง ๆ

          ในวันนี้จิ้นอิ๋งจึงมายังถ้ำไป๋หูเพื่อบอกลาสตรีแซ่เจิ้ง ซึ่งอีกฝ่ายที่เห็นเด็กสาวจอมวุ่นวายมาพร้อมกับผู้ติดตามทั้งสองก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าคงไม่ได้มาพูดคุยเล่นดั่งสองสามวันที่ผ่านมา

          " จะไปแข่งประลองกันแล้วงั้นสิ? " แม่นางเจิ้งเอ่ยคาดเดาระหว่างฉีกเนื้อปลาที่เพิ่งย่างเสร็จเข้าปากไป

          " เจ้าค่ะ ข้าเลยคิดว่าอาจไม่ได้มาหาแม่นางประมาณสองสามวันได้ เลยมาบอกไว้ก่อนน่ะเจ้าค่ะ "

          " ยังไม่คิดล้มเลิกความพยายามอีกงั้นหรือ? "

          สตรีแซ่เจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันก่อนแว่วเสียงแค่นหัวเราะขึ้นให้จิ้นอิ๋งถึงกับหลุดยิ้มแหย ทว่าสักพักร่างเล็กก็พลันตรงเข้าหาไปนั่งเคียงอีกฝ่ายด้วยท่าทีราวกำลังอยากอ้อนหาอยู่ในทีจนอีกสตรีเผลอนิ่วหน้าใส่อย่างหวาดระวังขึ้นมา ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับหนีไปไหนให้จิ้นอิ๋งพอจะเผยรอยยิ้มกว้างสู้กลับสีหน้าดุรั้นของแม่นางเจิ้งได้ ก่อนนางจะวางขนมไหมเงินที่ซื้อมาฝากลงตรงหน้าอีกคนที่เหลือบมองของสิ่งนั้นด้วยความชอบใจขึ้นมาวูบหนึ่ง

          " ไม่ล้มเลิกหรอกเจ้าค่ะ ก็ข้าบอกแล้วว่าอยากช่วยแม่นางเจิ้งนี่นา… "

          " ถ้าข้ายังปฏิเสธล่ะ " สตรีแซ่เจิ้งคล้ายเงียบไปช่วงหนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกึ่งจนใจ

          " ข้าก็จะตื้อจนกว่าแม่นางเจิ้งจะลองไปพบคนผู้นั้นดูเจ้าค่ะ "

          รอยยิ้มเผล่ดูซุกซนส่งหา ทำเอาสตรีแซ่เจิ้งนึกส่ายหัวระอาออกมาก่อนจะคว้าเอาขนมไหมเงินไปและเอ่ยเพียงคำขอบคุณแผ่วก็ไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรออกมาอีก จิ้นอิ๋งที่ต้องรีบเดินทางจึงผุดลุกเตรียมตัวลาไปเช่นเดียวกัน ถึงอย่างนั้นก่อนจากเด็กสาวก็ไม่ลืมจะเอ่ยกระซิบถึงบางสิ่งที่นางเฝ้าคิดตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาถึงรายละเอียดงานที่ได้รับจนถี่ถ้วนแล้ว

          " แล้วก็.. ตามจริงงานนี้ข้าเพียงทำหน้าที่มาเชิญท่านให้ลองพบคนแปลกหน้าผู้นั้น ไม่ใช่เป็นงานที่ต้องบังคับแม่นางเจิ้งให้ตอบรับคำของคนที่ว่าจ้างข้าที่จะกล่าวกับแม่นางเลยนะเจ้าคะ "

          " ...เจ้าหมายความว่าอย่างไร? " สตรีแซ่เจิ้งมองสบหายังดรุณีน้อยด้วยสีหน้าติดเครียดเคร่ง ทว่าในแววตาคลายปรากฏประกายใคร่รู้บางสิ่งขึ้นมาด้วยความคาดเดาว่าหนทางที่เด็กสาวกำลังจะเอ่ยต่อไปนี้ไม่แคล้วต้องเป็นผลดีต่อนางอีกเป็นแน่

          " ก็คือ.. หากแม่นางเจิ้งไปพบคนว่าจ้างของข้าแล้วไม่ชอบใจสิ่งที่คนคนนั้นเอ่ยเสนอก็ปฏิเสธได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ หรือหากเขาไม่ยอมข้านี่แหละจะพาแม่นางเจิ้งหลบออกมาเองเจ้าค่ะ! "

          สิ้นประโยคท้ายที่เอ่ยอย่างมุ่งมั่น จิ้นอิ๋งก็ส่งรอยยิ้มจริงใจให้แก่อีกสตรีราวอยากจะให้เห็นว่านางไม่ได้เอ่ยโกหกหรือกล่าวเพื่อเอาอกเอาใจใด ๆ แน่ เพราะหากให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าหรือสหาย นางย่อมเลือกสหายอย่างสตรีแซ่เจิ้งก่อนอยู่แล้ว เช่นนั้นหากเนื้องานที่สตรีในผ้าคลุมนั้นไม่ได้บอกกล่าวแก่จิ้นอิ๋งเอาไว้ก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หรืออันตรายเกินไป แม้จะทำให้คดีของสหายแซ่เจิ้งผู้นี้ถูกผ่อนผันลงไปได้ จิ้นอิ๋งก็ไม่เสี่ยงจะให้สหายทำด้วยเช่นกัน

          ฝั่งสตรีแซ่เจิ้งที่ได้ยินก็คล้ายเงียบลงไป สบตาจ้องหายังจิ้นอิ๋งก่อนจะโบกมือไล่ให้ไปทำธุระของนางต่อไปจนเด็กสาวเผยรอยยิ้มประดับขึ้นมาที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทางปฏิเสธอย่างแรก ๆ แล้ว ทว่าก็ยังไม่ได้ตอบรับด้วยเช่นกัน ถึงอย่างนั้นดรุณีน้อยก็ไม่ได้มีท่าทางยอมแพ้ด้วยเช่นกัน

          " งั้นข้าต้องขอตัวลาก่อนนะเจ้าคะ ไว้จะมาแวะเวียนหาแม่นางเจิ้งใหม่เจ้าคะ! "
          .
          " ...อย่างไรเรื่องคนที่ข้าอยากให้ลองไปพบ แม่นางเจิ้งก็ค่อย ๆ ลองทบทวนดูได้นะเจ้าคะ "



[144] มอบ ขนมไหมเงิน ให้
.
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
ค่าชื่อเสียง : -5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง
และ +10 ความโหดเมื่อคนคนหัวมาร/หัวคลั่ง


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-10 12:28:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลังจากเดินทางจากลั่วหยางโดยไม่พักมาได้สักระยะหนึ่ง ทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะหยุดพักที่ถ้ำแห่งนี้เสียหน่อย แม้จะเป็นจุดที่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีสำหรับทั้งสองในคราวนั้น แต่จ้าวเพ่ยหาได้สนใจเรื่องราวในอดีตไม่

จ้าวเพ่ยมองบุรุษผู้มาด้วยกันปิดปากหาวออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงความเงียบสงัดในถ้ำที่จะมาพักชั่วคราว หญิงสาวลอบถอนหายใจกับพฤติกรรมของซุนหยาง พลางนำสัมภาระมาตั้งวางภายในถ้ำไปพลาง จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าที่นี่มีบ่อน้ำมากพอจะตกปลาเล่น หญิงสาวเดินไปยังจุดๆนั้นพลันเห็นมนุษย์ผู้หนึ่งเหมือนจะมาอาศัยพักที่นี่ชั่วครู่ นางจับคันเบ็ดที่ถือมาด้วยแน่นหากผู้นี้เป็นโจรมาพักพิงจะได้ไหวตัวได้ทันท่วงที

"ผู้ใด.." นางเอ่ยออกมา สร้างความสนใจแก่สตรีผู้นั้นและซุนหยางให้หันมามองยังจุดที่จ้าวเพ่ยยืนอยู่ สายตาสองคู่ประสานกันเมื่อสตรีนางนั้นหันกลับมาตามเสียงเรียก

"ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าเจ้าเป็นใคร" สตรีปริศนากล่าวถามจ้าวเพ่ยกลับ สองนางยังคงหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นบุรุษหน้าตาคล้ายโจรมายืนด้านหลังจ้าวเพ่ย ยิ่งทำให้นางผู้มาก่อนในถ้ำแห่งนี้หวาดระแวงยิ่งขึ้น

"เกิดอะไรขึ้น" ซุนหยางกล่าวถามขณะเดินมาหาจ้าวเพ่ย สายตามองไปยังสตรีตรงหน้าไม่วางตาก่อนจะรีบจับคันเบ็ดในมือจ้าวเพ่ยให้ตกลงไม่ให้ตั้งการ์ดเป็นอาวุธพร้อมต่อสู้อีกฝ่ายเช่นที่จ้าวเพ่ยกำลังทำอยู่ "อย่าชี้หน้าผู้อื่นเช่นนั้น"

ผู้ติดตามของจ้าวเพ่ยพยายามทำให้สถานการณ์แรกเจอกันดีขึ้น เขาดันจ้าวเพ่ยให้ถอยไปอยู่หลังตนเพื่อให้ตัวเขาได้รับหน้าด้วยตัวเอง

"แม่นางคือใครหรือ เหตุใดมาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้เพียงคนเดียว"

"ข้ามาพักอาศัยที่นี่เพียงเท่านั้น"

คำตอบของสตรีปริศนาทำเอาจ้าวเพ่ยจับชายเสื้อของซุนหยางเพื่อดึงให้ออกจากที่นี่ทันที หญิงสาวเดินไปเก็บสัมภาระที่วางพักเอาไว้นำมาอยู่บนตัวม้าขณะเริ่มจัดของทุกอย่างราวกับจะเดินทางต่อ

"หากพวกข้ามาบุกรุกที่อาศัยของแม่นางขออภัยด้วยขอรับ" ซุนหยางกล่าวขอโทษพลางหันไปหาจ้าวเพ่ยที่ช่างด่วนตัดสินใจจะทำอะไรรวดเร็วโดยไม่ไถ่ถามอะไรเสียเลย นางเดินออกจากตัวม้าเพื่อกลับมาหาทั้งสองและโค้งขออภัยและจะดึงตัวผู้ติดตามนางเพื่อให้กลับออกจากถ้ำแห่งนี้

"ขออภัย.." จ้าวเพ่ยเอ่ยขึ้นมายิ่งทำให้สาวปริศนารู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกเหมือนนางจะไล่ที่นักเดินทางอย่างไรอย่างนั้น ทั้งบุรุษหน้าคล้ายโจรก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรนางเลย ทั้งสตรีชุดสีหม่นก็เตรียมเบ็ดคลับคล้ายจะมาเพื่อตกปลาเพียงเท่านั้น

"ข้าไม่ใช่เจ้าของถ้ำแห่งนี้ เพียงแต่มาอาศัยเท่านั้น พวกเจ้าจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ" นางกล่าวขึ้นมาทำให้ทั้งจ้าวเพ่ยและซุนหยางหันมาพร้อมกัน

"ขอบคุณแม่นาง.. แต่พวกข้าคงจะต้องออกเดินทางต่อแล้ว จ้าวเพ่ยนำของขอโทษที่ทำให้นางเสียเวลาสิ" ซุนหยางตอบหญิงสาวก่อนจะหันไปคุยกับนายหญิงของตน จ้าวเพ่ยได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

"ข้าไม่มีของหรอก.. เสียไปมากมายกับเทศกาลไปแล้ว" จ้างเพ่ยตอบออกไปอย่างที่เกิดขึ้นมา นางไม่ได้บอกซุนหยางเกี่ยวกับงานนั้นเลย กลับมายังโรงเตี๊ยมตั้งแต่ดึกดื่นก็เอาแต่อยู่ในห้องถึงสี่ราตรีโดยไม่คิดจะออกมาคุยกับใครเสียขนาดนั้น

"ได้อย่างไร.. ข้าเห็นเจ้ามีเงินมากมายไม่ใช่หรือ" ซุนหยางกล่าวพลางหันไปพูดกับหญิงอีกคน "ขออภัยอีกครั้งนะขอรับ"

สตรีผู้มาอาศัยที่ถ้ำแห่งนี้มองชายหญิงเริ่มทะเลาะกันนางทำได้เพียงแค่มองอย่างเงียบไป ทั้งสองเถียงกันขณะก้าวเดินไปยังม้าของทั้งคู่ โดยเสียงพูดคุยยังคงดังขึ้นมาไม่หยุดหย่อน

"ข้านำไปซื้อของหมดแล้ว คิดว่าทั้งเจ้าและข้าอิ่มทิพย์กันหรือไง"

"เจ้าซื้อของมาใช่หรือไม่ อย่างเจ้าคงจะซื้ออะไรที่ไม่เป็นประโยชน์มาแน่ๆ"

"นี่.. เงียบไปเลยนะ!!"

เสียงบ่นดังเรื่อยๆพร้อมกับเสียงกีบเท้าม้า ดังลงเรื่อยๆตามระยะทางที่ทั้งสองออกห่างจากถ้ำแห่งนี้ไป เหลือเพียงสตรีผู้มาอาศัยถ้ำแห่งนี้ ยังคงนึกสงสัยกับบุรุษและสตรีสองคนนี้ผู้มาเยือนและจากไปได้สร้างความน่าประหลาดใจแก่นางได้ไม่น้อย



เอฟเฟคธาตุและความสัมพันธ์
-15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ ข่ม ธาตุไฟ

เอฟเฟคค่าหัว
-5 ความสัมพันธ์ เมื่อเจอคนหัวคลั่ง
+10 ความโหด เมื่อเจอคนหัวมาร/คลั่ง

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-10-11 21:36:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"นี่เจ้าหนะมานี่" กัวฟ่งกวักมือเรียกทหารนายนึงเข้ามาใกล้วๆ "ไม่ตรวจดูเส้นทางด้านหน้าว่ามีสถานที่ให้หยุดพักหรือไม่
ทหารนายนั้นรีบวิ่งไปสำรวจเส้นทางก่อนจะกลับมารายงาน "เรียนนายท่าน ข้างหน้านี้มีถํ้าอยู่ขอรับ"

"อืม ทหารทุกคนฟัง! เราจะไปหยุดพักที่ถํ้าด้านหน้า" เมื่อขบวนมาถึงถํ้า กัวฟ่งก็ได้สั่งการให้แบ่งคนไปสำรวจในถํ้าและเฝ้าจุดพักเสบียง

"เรียนนายท่าน ข้างในถํ้าพบชาวบ้านสองสามีภรรยาขอรับ" ทหารกลับมารายงานกัวฟ่ง
"นำพวกเขาออกมา " เมื่อทหารพาสองสามีภรรยาออกมา ทำให้กัวฟ่งตกตะลึง ข้างหน้าของเขาคือชายชราที่มีแขนข้างเดียวบนร่างของเขามีบาดแผลเต็มตัวไปหมดส่วนข้างๆคือหญิงชราที่แต่งตัวดูมอมแมม

"ท่านพ่อ ท่านแม่!!" กัวฟ่งรีบวิ่งไปคุกเข้าอยู่ต้องหน้าสามีภรรยา "หู่เอ๋อนั่นเจ้าหรอ เจ้าจริงๆใช่ไหม" ผู้เป็นมารดารีบวิ่งเข้ามากอดกัวฟ่งด้วยความดีใจพร้อมนํ้าตาที่ไหลออกมา "ท่านพ่อท่านแม่ข้าอกตัญญู ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องลำบาก" มารดารีบพยุงเขาขึ้น "เจ้าผอมลงไปมากเป็นอยู่อย่างไรลำบากมากหรือไม่" ผู้เป็นมารดาจับกัวฟ่งพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อตรวจดูร่างกายลูกชาย "อะเเห่ม!!!" เสียงของกัาเกาผู้เป็นบิดาขัดจังวะขึ้น "ลูกก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วมีอะไรค่อยพูดกันทีหลัง"

"เด็กๆ ไปพักผ่อนตามสบายข้ามีธุระจะคุยกับท่านพ่อท่านแม่" กัวฟ่งพูดจบก็พยุงบิดามารดาไปหาที่นั่งคุย "ฮ่าๆ ลูกชายของข้าโตเป็นหนุ่มแล้วถึงขนาดคุมกองขนเสบียง ก้ามข้ามข้าเมื่อสมัยอดีตไปไกลแล้ว" ผู้เป็นบิดาพูดพลางตบไหล่ลูกชายเบาๆ

"ต้องทำให้บิดาขายหน้าแล้ว ตอนนี้ข้าได้รับภารกิจให้มาช่วยกองเสบียงนี้ไปที่ เยี่ยนเหมิน" กัวฟ่งพูดด้วยสีหน้าอับอาย

"อืม ก็ไม่ได้แย่แล้วเจ้าวางแผนเส้นทางข้างหน้าเจ้าไว้อย่างไร" ผู้เป็นพ่อมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะกลับมาปกติ แล้วเจ้าจะเอายังไงต่อกับเส้นทางข้างหน้า

"ข้าจะเข้ากับกองทัพออกปราบปรามกบฎผ้าเหลือง"

"ดี!! เป็นลูกผู้ชายต้องมีเป้าหมายเรื่องข้ากับแม่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้ามีเพื่อนเก่าที่ฉางอาน ข้าสามารถไปพักอาศัยที่นั่นได้ เจ้าเดินตามเส้นทางเจ้าเถอะ"

"ท่านพ่อจะเดินทางไปพร้อมข้าหรือไม่"

"เจ้าไปทำธุระของเจ้าให้เสร็จเถอะ ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน จนกว่าจะเจอกันครั้งหน้าเจ้าห้ามตายก่อนล่ะไอลูกชาย"

"ขอให้ท่านแม่ท่านแม่เดินทางปลอดภัย"

หลังจากกัวฟ่งส่งพ่อแม่ขึ้นรถม้าไปยังฉางอานแล้วเขาก็กลับมาสั่งให้กองขนเสบียงเดินทางต่อ
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-12 15:52:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เชิญยอดฝีมือหญิง
โน้มน้าวครั้งที่สาม
.
.

          บริเวณยังจตุรัสกลางเมืองของลั่วหยาง ก่อนออกเดินทางจิ้นอิ๋งได้พากัวเจียมาหาซื้อขนมเพื่อเอาไปฝากแก่บุคคลที่จะเข้าไปเยี่ยมเยียนและเอ่ยถามถึงคำตอบเกี่ยวกับคำชวนของนาง และเพราะไม่ได้อยากปิดบังสหายที่รู้สึกสนิทใจด้วยอย่างกัวเจีย ในยามค่ำของเมื่อวานก่อนแยกย้ายเข้าพักห้องในโรงเตี๊ยมของแต่ละคน ดรุณีน้อยก็ได้เล่าให้ฟังคร่าว ๆ ถึงคนที่ไปหาเสียก่อน ว่าอีกคนนั้นเป็นสหายที่บังเอิญเจอเข้าและรู้สึกชอบใจในอุดมการณ์รวมถึงความรักในเสียงเพลงและเต้นรำของนาง ทำให้ในยามนี้ที่อีกสตรีผู้นั้นโดนตามล่าจากการกระทำผิดบางอย่างมา จิ้นอิ๋งจึงกำลังหาทางช่วยเหลือให้นางได้รับบทลงโทษที่เหมาะที่ควรกับการกระทำที่คล้ายช่วยเหลือชาวบ้านเมืองอันอี้มากกว่าทำด้วยเจตนาร้ายอื่น ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากเล่าให้ฟังจนจบอีกบุรุษก็เอ่ยกล่าวแกมดุอย่างที่คาดเอาไว้

          " เจ้าก็ดูทำตัวเป็นศาลเตี้ยไม่ต่างจากแม่นางผู้นั้นเลยนะอาอิ๋ง " จิ้นอิ๋งแทบจะยู่ปากน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยเถียงกลับสิ่งใดด้วยนางก็คิดไม่ต่างจากอีกบุรุษ

          " แต่.. แต่จะให้ข้านิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือคนดีไว้ข้าก็ทำไม่ได้เช่นกันนี่เจ้าคะ " แววตามุ่งมั่นที่ส่งหาทำให้กัวเจียแย้มยิ้มรับขึ้นมา สีหน้าไร้ร่องรอยความตำหนิหรือระอาใดจนเด็กสาวเกือบจะเลิกคิ้วฉงน

          " อืม เจ้าทำไม่ได้หรอก.. มาคิดดูแล้วเจ้าช่วยก็น่าจะดีกว่าให้ทางราชสำนักมาจัดการ… พวกนั้นคงกลับขาวเป็นดำให้สหายเจ้าแน่อาอิ๋ง ..ระบบล้มเหลวถึงแก่นเช่นนั้นไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว "

          เสียงทุ้มกล่าวเข้มขึ้นขณะมองเหม่อยังทิศหนึ่งให้เด็กสาวที่พอรับรู้ได้ว่าอีกบุรุษกล่าวถึงสิ่งใดให้เผลอลอบเม้มริมฝีปากแผ่วผ่านขึ้นมา เรื่องเห็นด้วยในราชสำนักการปกครองก็อีกส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้นางเบาใจไม่น้อยเลยคือการที่กัวเจียเลือกที่จะเข้าข้างนางเช่นนี้เสียมากกว่า ในคืนนั้นจิ้นอิ๋งจึงรู้สึกดีไม่น้อยที่ตัดสินใจเอ่ยบอกเรื่องของแม่นางเจิ้งให้แก่อีกฝ่ายได้ฟัง

          .
          ในยามปัจจุบันที่กำลังเลือกดูของฝาก กัวเจียจึงได้คอยให้คำแนะนำไปด้วย ซึ่งหลังจากได้ยินว่าส่วนมากมักจะเอาขนมอาหารไปให้ หากจะไปเกลี้ยกล่อมให้มาตามคำชวนจากคนแปลกหน้าเช่นนั้น อีกบุรุษก็พลันแนะให้ลองหาของที่ลำค่ากว่านั้นเพื่อดึงความสนใจ

          " หากแม่นางผู้นั้นชอบร้องรำทำเพลง ไฉนเจ้าไม่ลองให้พวกตำราบทกวีหรือบทเพลงต่าง ๆ ให้แก่นางบ้างเล่า "

          " โอ้ะ…! จริงด้วยเจ้าค่ะ! ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากเจ้าค่ะ ดีจังเลยที่กัวเจียเดินทางมากับข้าเช่นนี้ " จิ้นอิ๋งกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจทั้งรอยยิ้ม ก่อนที่นางจะได้แวะซื้อตำรารวมบทกวีมาและเตรียมตัวไปเยือนหาแม่นางเจิ้งยังหงหนง
          .
          .
          ซึ่งหลังจากหาของฝากจนเรียบร้อยเด็กสาวก็เดินทางต่อมากับสหายแซ่กัวด้วยม้าคนละตัว ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็มาถึงยังเมืองเหอตง และแวะเวียนเข้าหายังตัวถ้ำไป๋หู่อย่างรวดเร็วไม่ให้เสียเวลา

          " ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่หงหนง " กัวเจียถามไถ่ระหว่างที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในตัวถ้ำแล้ว

          " เหอตง! เหอตงน่ะเจ้าค่ะ… เมื่อวานข้าคงเอ่ยบอกชื่อเมืองผิดไป "

          สิ้นคำตอบของดรุณีน้อยพร้อมรอยยิ้มแหย บุรุษแซ่กัวก็ลอบยิ้มขบขันก่อนจะโบกมือปัดไม่ถือสาอะไร ก่อนทั้งคู่จะเดินลึกเข้าไปในตัวถ้ำเรื่อย ๆ ที่คล้ายไร้สัญญาณการมีอยู่ของอีกหนึ่งชีวิตให้จิ้นอิ๋งเอ่ยเสียงเรียกหาคนที่เคยพำนักขึ้นมา โดยไม่ได้ระบุแซ่อีกฝ่ายเพื่อเผื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย อีกสตรีผู้นั้นจะได้ไม่เดือดร้อน และแม้ไม่เอ่ยชื่อ แต่เพราะพบกันเสียหลายครั้งหลายครา แม่นางเจิ่้งย่อมจดจำเสียงได้ นางจึงยอมออกมาจากที่ซ่อน

          กระนั้นก็กลับพบบุรุษแปลกหน้าที่อยู่ข้างกายเด็กสาวทำให้ขวานถูกหยิบยกตั้งท่าเข้าจู่โจมทำให้จิ้นอิ๋งต้องเร่งมายืนขวางทั้งคู่และยกมือห้ามคนถือขวานเป็นพัลวัน

          " ช้าก่อนเจ้าค่ะ! ..แม่นางเจิ้งวางขวานลงก่อนนะเจ้าคะ คนผู้นี้เป็นสหายสนิทของข้าเองเจ้าค่ะ นามว่ากัวฟ่งเสี้ยว… ไว้ใจเขาได้นะเจ้าคะ "

          สิ้นเสียงหวานที่เอ่ยอย่างหนักแน่นให้ได้วางใจ อีกสตรีจึงยอมลดขวานลงก่อนมองทั้งคู่สลับกันไปมาพร้อมกับลอบหรี่ตาเล็กน้อย

          " สหาย? สหายสนิทด้วยงั้นสินะ " ไม่รู้ทำไมทั้งที่เสียงของอีกสตรีนั้นฟังเรียบเฉย แต่จิ้นอิ๋งรู้สึกราวกำลังโดนล้ออยู่จนอดไม่ได้ที่พวงแก้มจะฝาดสีขึ้นมา ปากก็พลันละล่ำละลักยืนยันส่งหาอย่างที่ดรุณีน้อยก็ยังแปลกใจว่าจะลนลานไปเพื่ออะไร ซึ่งสตรีแซ่เจิ้งก็เพียงพยักหน้ารับแกน ๆ กลับไปเท่านั้น ทว่ามุมปากของนางก็แอบวาดรอยยิ้มเจือความขบขันอยู่เช่นกัน

          " การประลองเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ..เจ้าผู้ติดตามถานของเจ้าน่ะ "

          อีกสตรีกล่าวขึ้นระหว่างพาดขวานลงข้างหินก้อนหนึ่งก่อนขึ้นไปนั่งและผายมือเชิญราวกับอยากให้นั่งล้อมพูดคุยกัน หรือจริง ๆ ก็แค่อยากเปลี่ยนเรื่องไม่ให้จิ้นอิ๋งได้กล่าวตื๊อให้นางไปหาบุคคลแปลกหน้าที่จ้างเด็กสาวมาตามนางอยู่ก็เป็นได้

          " ก็.. สู้ได้ราวสามรอบก็แพ้แล้วล่ะเจ้าค่ะ แต่คู่ที่สองถานเจ๋อสู้ได้สูสีมากเลยเชียว คนดูชอบใจใหญ่เลยเจ้าค่ะ! แล้วก็เพราะสู้ได้ดีเลยได้รับบาดแผลหนักเช่นกัน... พอเจอคู่ที่สามที่นักสู้ค่อนข้างแข็งแกร่งมาก ๆ ตอนนี้เลยต้องพักฟื้นอยู่โรงหมอน่าจะเกือบหนึ่งอาทิตย์ได้น่ะเจ้าค่ะ "

          " หืม~ งั้นหรือ.. ชักเสียดายแล้วสิที่ไม่ได้ไปดูผู้ติดตามเจ้าแข่งขัน " สตรีแซ่เจิ้งเอ่ยหาทั้งรอยยิ้มเจือความชื่นชมไม่น้อย

          และนั่นคล้ายเป็นสัญญาณให้เด็กสาวหาก้อนหินใหญ่เพื่อนั่งลงและเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับงานประลองเสียได้อรรถรสให้แก่แม่นางเจิ้งที่ก็ดูตั้งใจฟังทั้งรอยยิ้มไม่ขาดสลับเอ่ยความเห็นเป็นระยะให้จิ้นอิ๋งยิ่งแย้มรอยยิ้มกว้าง จนหมดเรื่องก็พลันนึกได้ถึงเรื่องของฝาก จิ้นอิ๋งก็เร่งหยิบเอาตำราบทกวีขึ้นมาโชว์พร้อมมอบความดีความชอบให้แก่สหายแซ่กัวที่แนะนำให้ ซึ่งสตรีแซ่เจิ้งก็คล้ายชอบใจไม่น้อย เปิดดูตำราบทกวีแล้วเฝ้าเอ่ยถามเด็กสาวเป็นระยะ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกียวกับกลอนกวีกัน

          โดยที่ไม่รู้ตัว จิ้นอิ๋งก็ถูกพาเปลี่ยนเรื่องไปเสียกู่ไม่กลับ กัวเจียที่เฝ้ามองสองสตรีพูดคุยกันอยู่ก็เกือบจะหลุดรอยยิ้มระอาขึ้นมาเสียหลายหนที่จิ้นอิ๋งโดนปั่นเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจนตอนนี้คงลืมเรื่องโน้มน้าวให้อีกคนไปหาคนที่จ้างวานเด็กสาวเสียแล้วกระมัง

          " กู่จิ้นอิ๋ง "

          เสียงเรียกชื่อเสียเต็มยศช่วยเรียกความสนใจของเด็กสาวได้เป็นอย่างดี และยังทำให้จิ้นอิ๋งเผลอคิดไปว่าสหายจะน้อยใจหรือไม่ที่นางเอาแต่พูดคุยเล่นกับแม่นางเจิ้งจึงเดินเข้าหาพร้อมสีหน้าดูตั้งใจรอฟังคำพูดของอีกบุรุษมาก ๆ ราวกับกำลังเอาใจสหายอีกคนไปด้วย ทำเอากัวเจียเกือบจะลืมว่าต้องพูดอะไรเพราะดวงตากลมใสที่มองหานี้

          " เจ้ามาถ้ำหาสหายของเจ้าเพื่อมาคุยเรื่องชีวิตประจำวันหรอกหรือ? " พลันได้ยินเช่นนั้นจิ้นอิ๋งก็แสดงสีหน้าคล้ายคนพึ่งนึกได้ขึ้นมา รวมถึงแม่นางเจิ้งที่กำลังอ่านตำรารวมบทกวีก็แทบเดาะลิ้นขัดใจขึ้นมาเลยเชียวที่อีกบุรุษผู้นั้นมาพูดให้เด็กสาวตัวยุ่งนึกเรื่องที่ต้องมาตื๊อนางออก

          " แม่นางเจิ้งเจ้าคะ… ตลอดช่วงที่ข้าได้เอ่ยชวนมานี้ แม่นาง… มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างหรือเจ้าคะ? ท่านจะยอมลองไปพบคนที่จ้างวานข้ามาดูหรือไม่? "

          " อย่างที่ข้าเคยบอกไป ถ้าหากไม่ชอบใจกับข้อเสนอหรือคำพูดของคนแปลกหน้าผู้นั้น ท่านเอ่ยปฏิเสธก็ได้นะเจ้าคะ ข้าก็จะช่วยปฏิเสธด้วยอีกแรง.. ข้าจะพาท่านหลบคนผู้นั้นออกมาด้วยล่ะเจ้าค่ะ! เพราะอย่างไรจุดประสงค์ที่ข้ารับงานมาเกลี้ยกล่อมท่านเช่นนี้ก็เพื่อช่วยเหลือแม่นางอยู่แล้ว "

          .
          " แม่นางเจิ้ง.. จะลองไปพบคนผู้นั้นดูหรือไม่เจ้าคะ? "



กู่จิ้นอิ๋ง ขอเปิดโหมดเจรจากับ [144] เจิ้ง หลัน

ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
.
กัวเจีย
เจิ้งหลัน
สถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง

[144] มอบ ลำนำ (ซวีหยวน) ให้
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
ค่าชื่อเสียง : -5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง และ +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้