เจ้าของ: ไม่ระบุชื่อ

[เมืองลั่วหยาง] จตุรัสกลางเมือง | ลานฉง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-10-10 16:19:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-10-10 13:35
⌜87⌟ บทที่ 15ปลามาแล้วจ้าฉากที่ 1                                       ...

สตรีเยือกเเข็ง
รับปลา

@ดูด้านบน [ปลามาแล้วจ้า ฉาที่ 1 ]

หลังจากที่พักอยู่ในโรงหมออยู่นาน ในที่สุดเทียนโจวก็ก็ได้เริ่มหลับลง ทำให้ในเวลานี้ปิงจวนนั้นเริ่มเบื่อหน่ายจากการที่ต้องอยู่คนเดียว จึงได้ออกมาจากโรงหมอเพื่อมาเดินเล่นที่จัตตุรัสกลางเมือง แต่แล้วในระหว่างทางที่เดินไปมาก็ได้ยินเสียงของชายผู้อ้างตัวว่าเป็นบัณฑิตกำลังแจกปลาอยู่

“น่าสนใจจัง”

ปิงจวนเดินไปดูยังแผงปลาที่บัณฑิตได้แสดงออกมา มีปลามากมายที่ตรงกับตำราที่เธอเคยเห็นมาตามลักษณะที่บรรยายไว้อย่างครบถ้วน

“เจ้าแจกจ่ายพวกนี้เท่าไหร่หรอ”

ปิงจวนพลันกล่าวถามกับบัณฑิตตรงหน้าที่ยืนคุมแผงอยู่คนเดียว

“เราแจกจ่ายให้คนละ 20 ตัว”

บัณฑิตกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ปิงจวนนั้นยิ้มออกมาด้วยความสนุกสนานเล็กน้อย

“ข้าขอมากกว่านั้นได้หรือไม่”

ปิงจวนกล่าวออกมาพร้อมขณะที่จ้องมองไปยังบัณฑิตด้วยตาที่เป็นประกาย แต่บัณฑิตคนนั้นมิได้มีปฏิกิริยาอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ยิ้มออกมาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น

“มิได้จริงๆ แม่นางน้อยของข้าสั่งมาเช่นนี้”

ปิงจวนนั้นยังมิหมดประกายในดวงตา เธอยังตั้งมั่นที่จะขอต่อไป

“เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับแชมป์ที่ชื่อเทียนโจวหรือไม่ บุรุษผู้นั้นน่ะแข้งแกร่งมากๆจนอยากที่หาใครเทียบได้เลยเชี่ยวนะ แล้วก็มีอีกเรื่อง รู้เเล้วเหยียบไว้เลยข้าเป็นสหายของเขาเอง!”

ปิงจวนเริ่มใช้ความโด่งดดังของผู้ร่วมเดินทางให้เป็นประโยชน์

“แน่นอนข้ารู้จัก ชาวบ้านมากมายต่างพูดถึงเรื่องของเขากันไปทั่ว แต่ไม่ว่าท่านจะใช้เหตุผลอะไรข้าก็คงต้องขอบอกว่ามันจะไม่เป็นผลอยู่ดี”

เหลียงต้าซิ่นยิ้มออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ในสายตาของปิงจวนนั้นชายตรงหน้าราวกับปีศาจที่ยากจะต่อกร

“ร้ายกาจ! งั้นข้าขอปลากง 20 ตัว”

ปิงจวนกล่าวออกมาพร้อมน้ำตา ก่อนที่เหลียงต้าซิ่นจะยื่นปลาให้ปิงจวนพร้อมรอยยิ้มการค้า ปิงจวนนั้นรับปลามาก่อนจะเดินกลับไปยังโรงหมอที่เทียนโจวนั้นได้พักอยู่

ปลากง 20 ตัว



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-10-10 16:47:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด


เควสประจำวัน รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน

ตอนที่ 1 รับภารกิจ



หลายวันหลังจากร่วมพิธีบูชาข้าวพระกับครอบครัวของชายวัยกลางคนที่ได้พบเจอเมื่อวันแรกที่มาถึงยังเมืองลั่วหยาง เก้อหลี่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ช่วยอบรมสั่งสอนและให้ความรู้แก่บรรดาบุตรและบุตรีในครอบครัวชายวัยกลางคนรวมถึงบรรดาบุตรหลานของครอบครัวในละแวกนั้น แลกกับการได้พักอาศัยและอาหาร ซึ่งเขาได้นำความรู้ที่เขาได้ร่ำเรียนมาจากสำนักปรัชญาขงจื้อมาชี้แนะแก่่บรรดาเด็ก ๆ ทั้งหลาย โดยพยายามปรับให้เข้ากับแนวทางของศาสนาพุทธเพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสับสนในเรื่องความคิด ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งความขัดแย้งแก่พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็ก ๆ เหล่านั้น นั่นทำให้ช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมาเด็ก ๆ ทั้งหลายต่างสนอกสนใจและติดใจในแนวทางการสอนของชายหนุ่มเป็นอย่างมาก เพราะเขาพยายามสอนด้วยการยกตัวอย่างที่เข้าใจได้ง่าย และมักจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้นให้พวกเขาฟังอยู่เสมอ แต่ถึงกระนั้นงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา เช้าตรู่ของวันนี้เก้อหลี่ได้ทำการเก็บข้าวของต่าง ๆ ใส่ย่ามของตน ก่อนจะเดินออกจากห้องพัก พอดีกับว่าชายวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าบ้านที่กำลังจะเดินออกไปทำงานได้มาพบเจอพอดี


"อ้าวพ่อหนุ่ม วันนี้เจ้าจะไปที่ไหนอีกหรือ ?"


ชายวัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะปกติแล้วเขาคงจะใช้เวลาเช้ามืดในการนั่งวิปัสสนาหรือไม่ก็นั่งอ่านตำราเพื่อที่จะเตรียมสอนหนังสือแก่บุตรของเขา ชายหนุ่มได้ยินคำถามของชายผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย


"ข้าคิดว่า ถึงเวลาที่ข้าจะเดินทางต่อแล้ว ต้องเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนสักที แต่ถึงอย่างนั้นข้าคิดว่า จะลองหางานทำเสียหน่อยเพื่อเป็นทุนสำหรับเดินทางต่อ ท่านพอจะชี้แนะให้ข้าได้บ้างหรือไม่เล่า "


เก้อหลี่เอ่ยถึงความต้องการของตนซึ่งนั่นทำให้ชายวัยกลางคนต้องยืนเอามือเท้าคางมองดูชายหนุ่มร่างสูงโปร่งพลางครุ่นคิดว่าจะแนะนำบัณฑิตหนุ่มผู้นี้ทำงานใดดี


"อืม . . . ข้าว่านะพ่อหนุ่ม ช่วงนี้ยังไม่มีการเปิดสอบจอหงวนน่ะ อีกอย่างร้านขายตำรากับหอสมุดแถวนี้ก็คงจะรับคนเข้าทำงานเต็มแล้วล่ะนะ คงจะเหลืองานหนัก ๆ ทำน่ะ หรือว่าเจ้าอยากจะลองทำดูมั้ย ข้าจะได้พาเจ้าไปรับทำงานในที่ทำงานที่ข้าทำอยู่ ไม่ไกลนักหรอก ตรงจตุรัสกลางเมืองน่ะ เจ้าน่าจะพอได้ยินชื่อของพ่อค้าหวังกระมัง . . ."


ชายวัยกลางคนเอ่ยปากบอกชายหนุ่ม แต่ในใจก็นึกเป็นห่วงหาใช่จะดูถูกเขาแต่ประการใดไม่ นั่นเพราะชายหนุ่มนั้นเป็นบัณฑิต คงจะมิเคยทำงานหนักเลยกระมัง แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน การที่ชายหนุ่มมาจากแดนเหนือนั้นก็ยากแค้นพอสมควร คงจะเคยพบพานเรื่องลำบากมาก่อน . . . เก้อหลี่ได้ยินดังนั้นก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าให้กับชายวัยกลางคนแทนการตกลง


"พ่อค้าหวังงั้นหรือ ข้าเคยได้ยินอยู่บ้าง เช่นนั้นท่านพาข้าไปสมัครงานย่อมได้ ที่บ้านเกิดที่ข้าจากมานั้น พวกข้าเคยทำงานช่วยเหลือพ่อแม่มาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว งานหนักงานเบาข้ามิค่อยจะเลือกนักหรอก"


ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยความกระตือรือร้น ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกโล่งใจก่อนจะยิ้มกว้างให้กับชายหนุ่ม ว่าแล้วเขาก็พาชายหนุ่มเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปสมัครงานที่ร้านของพ่อค้าหวัง ณ จตุรัสกลางเมือง โดยทันที



ณ จตุรัสกลางเมือง ลานหินลาดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญต่าง ๆ แทบจะตลอดทั้งปี เรียกได้ว่า เป็นศูนย์รวมความคึกคักของเมืองหลวง ในเวลาเช้าของวันนี้ แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาปกติ แต่ผู้คนในเมืองต่างก็ยังพากันเดินขวักไขว่มากมายนักด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก็มาจับจ่ายซื้อของ บ้างก็มาตั้งวงสนทนาพาที บ้างก็มาทำงาน ชายวัยกลางคนได้พาเก้อหลี่เดินผ่านผู้คนไปยังร้านแห่งหนึ่งซึ่งดูจะใหญ่ที่สุดในย่านจตุรัสแห่งนี้ ที่ซึ่งมีผู้คนกำลังทำงานต่าง ๆ มากมาย ทั้งคนขายของตามแผงลอย หรือกระทั่งกุลีขนสินค้า ซึ่งดูจะวุ่นวายยิ่งนัก ทั้งยังมีเสียงตะโกนออกคำสั่งโดยชายร่างท้วมผู้หนึ่งในชุดพ่อค้าที่ดูภูมิฐานแสดงถึงฐานะที่ร่ำรวยยิ่งนัก


"เฮ้ย !!! เจ้านั่นน่ะ รีบเดินหน่อย เดี๋ยวเอาของไปส่งไม่ทันนะ แล้วก็เดินระวังด้วยเกิดหกล้มขึ้นมาข้าวของเสียหายจะเป็นเรื่องใหญ่นะ"


ชายร่างท้วมตะโกนพลางชี้พัดไปยังชายร่างเล็กผู้หนึ่งซึ่งกำลังแบกกระสอบข้าวกระสอบใหญ่จนตัวงอเป็นกุ้งให้รีบเดินเอากระสอบข้าวไปไว้ยังเกวียนบรรทุกข้าวโดยเร็ว ซึ่งชายผู้นั้นก็พยายามก้าวเดินไปโดยเร็วแต่ด้วยร่างกายที่เล็กเกินกว่าจะแบกกระสอบข้าวนั่นไหวประกอบกับคำพูดเร่งเร้าของชายผู้เป็นนายทำให้เขาลนลานจนเผลอสะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่งจนเกือบล้ม แต่โชคดีที่อยู่ ๆ ก็มีร่างสูงโปร่งมาช่วยค้ำประคองร่างของชายร่างเล็กและใช้สองมือแบกกระสอบข้าวแทนเขา แล้วเดินนำไปวางลงบนเกวียนได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปมองชายร่างเล็กผู้นั้น


"ไม่เป็นไรนะท่าน"


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพลางมองดูชายร่างเล็กผู้ที่ยังยืนตัวสั่นอยู่ คงเป็นเพราะยังตกใจกับสิ่งที่พึ่งเกิดและกังวลถึงสิ่งที่จะตามมา


"ข ข้า ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่ม ต แต่ . . ."


"เฮ้ย !!! เจ้านั่นน่ะ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ ดีที่เจ้าหนุ่มนั่นช่วยไว้ ไม่งั้นล่ะก็ข้าคงจะหักค่าแรงเจ้าเพราะเจ้าทำกระสอบข้าวตกพื้นแน่ แต่ถึงอย่างงั้น เพราะเจ้าสะเพร่าข้าจะหักค่าแรงเจ้า . . ."


ไม่ทันที่ชายผู้นั้นจะเอ่ยปากพูด เสียงตะโกนจากชายร่างท้วมก็ดังขึ้นพลางจ้องมองชายชราและชายหนุ่มด้วยสีหน้าบึ้งตึงดูไม่ค่อยพอใจเป็นอย่างมาก คำพูดของเขาทำให้ชายร่างเล็กรู้สึกท้อแท้ถึงกับเข่าอ่อนลงไปนั่งกับพื้น นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจจึงเดินย่างสามขุมไปยืนอยู่ตรงหน้าชายร่างท้วม


"ทำเช่นนี้ช่างดูไร้ซึ่งความยุติธรรมเสียจริง ๆ ท่านคงเป็นพ่อค้าหวังสินะ ท่านลองตรองดูเสียก่อนเถิด หากท่านหักค่าแรงของชายผู้นั้นแล้ว เขาจักมีเงินเพียงพอที่จะยังชีพได้หรือไม่เล่า อีกอย่างสินค้าของท่านก็มิได้บุบสลายเสียหน่อย มิใช่หรือ . . ."


เก้อหลี่เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ พลางมองดูชายร่างท้วมที่น่าจะเป็นพ่อค้าหวังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยอย่างใจเย็น นั่นทำให้ผู้คนแถวนั้น ทั้งคนงานและลูกค้าต่างหันไปมอง ชายร่างท้วมได้ยินคำพูดและท่าทางของชายหนุ่มก็มองดูเขาไล่จากศรีษะจรดปลายเท้าแล้วไล่มองขึ้นมาจากปลายเท้าจรดศรีษะ ก่อนจะยิ้มเยาะ


"ท่าทางเจ้าคงจะเป็นบัณฑิตจบใหม่สินะ ดูวาจาท่าทางช่างกล้านัก ใช่แล้ว ข้าคือ พ่อค้าหวัง แน่นอนว่า สินค้าของข้านั้นไม่ได้เสียหายเพราะเจ้าช่วยเจ้านั่นไว้ แต่นั่นก็ทำให้เสียเวลาอยู่ดี ดังนั้นไม่ว่าเช่นไร เจ้านั่นก็ต้องถูกหักค่าแรง นอกเสียจากว่า เจ้านั่นจะต้องทำงานเป็นสองเท่าเพื่อชดเชย ซึ่งดูแล้วคงเป็นไปไม่ได้ นี่ข้าไม่เลิกจ้างเจ้านั่นก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ดูสารรูปสิ ข้าเตือนเจ้านั่นแล้ว แต่ก็ยังดื้อดึงอยากทำงานเอง ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ"


ชายร่างท้วมเอ่ยปากพูดพลางหัวเราะในลำคอเชิงเยาะเย้ยอีกฝ่าย นั่นทำให้เก้อหลี่ต้องลอบถอนหายใจ ซึ่งพอดีกับที่ชายวัยกลางคนที่มัวแต่ไปสนทนากับเพื่อนของเขาได้วิ่งมาดูเหตุการณ์แล้วเห็นชายหนุ่มที่เขาจะพามาสมัครงาน กำลังยืนคุยกับพ่อค้าหวังผู้เป็นนายใหญ่ของตนด้วยสีหน้าที่ดูไม่เป็นมิตรต่อกันเลย ก็รีบวิ่งมาหาทันที


"พ่อหนุ่ม เจ้าทำอะไรน่ะ ขออภัยขอรับนายท่าน พ่อหนุ่มคนนี้เป็นบัณฑิตจบใหม่ ยังมิค่อยรู้เรื่องราวภายนอกสำนักที่เขาเล่าเรียนมา ขออภัยด้วยขอรับหากว่า เขาพูดจาล่วงเกินท่าน . . ."


ชายวัยกลางคนรีบเอ่ยขออภัยแก่ชายร่างท้วมผู้เป็นนายแทนชายหนุ่มโดยเร็ว ซึ่งชายร่างท้วมมองดูชายผู้นั้นแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองชายหนุ่ม


"ข้านึกแล้วไม่มีผิดว่า เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นบัณฑิตดูถ้อยคำเจรจาแล้วช่างพูดเสียจริง . . ."


ชายร่างท้วมพูดพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่ไม่ทันที่ชายวัยกลางคนจะเอ่ยอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ใช้มือใหญ่คว้าหมับที่ไหล่ของเขาแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย เขายืดอก หลังตรงมองดูชายร่างท้วมก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูมีความมุ่งมั่น


"ถึงแม้ว่า ข้าจะเป็นเพียงบัณฑิต แต่ก็ใช่ว่า ข้าจะไม่เคยรับรู้ถึงการใช้ชีวิตของผู้คนเลย ข้า เก้อหลี่ เป็นชาวอู๋เว่ย เป็นศิษย์สำนักปราชญ์ขงจื้อ ถึงแม้ว่าข้าจะพึ่งจบใหม่ แต่ข้าก็รู้ดีว่า ชีวิตของผู้คนนั้นลำบากเพียงใด ดังนั้นหากว่า ท่านคิดจะหักค่าแรงของชายผู้นั้นหรือจะบังคับให้เขาทำงานเพิ่มเป็นสองเท่าล่ะก็ เช่นนั้นข้ามีข้อต่อรอง . . ."


คำว่า ข้อต่อรอง ทำให้ชายร่างท้วมรู้สึกสนใจชายหนุ่มผู้นั้นขึ้นมา เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยืนใกล้ ๆ ชายหนุ่มแล้วหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ


"เจ้ามีข้อต่อรองเช่นไรรึ เจ้าบัณฑิตน้อย แล้วมันจะคุ้มค่าสำหรับข้ารึไม่เล่า"


ชายร่างท้วมเอ่ยพลางยืนกอดอกมองดูอีกคนพลางยิ้มกริ่ม เก้อหลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูด


"แน่นอน ข้าว่า อาจจะคุ้มค่าสำหรับท่านอยู่นะ ที่จริงข้าตั้งใจจะให้ท่านผู้นี้พามาสมัครงานกับท่าน แต่ดันมามีเรื่องกับท่านเสียได้ แต่ถึงกระนั้นข้าก็ต้องการจะทำงานกับท่านอยู่ดี ข้ายินดีจะทำงานให้ท่าน โดยให้ท่านหักค่าแรงในส่วนของข้าแทนชายผู้นั้นเสีย โดยที่ข้าจะทำงานหนักเป็นสองเท่า ท่านคิดเห็นว่ากระไร"


คำพูดของชายหนุ่มทำให้ชายร่างท้วมที่ได้ยินหัวเราะออกมาแทบจะในทันที 


"ฮ่า !!! เจ้าหนุ่มเอ้ย จะทำงานถึงสองเท่า และยอมให้หักค่าแรงแทนเจ้านั่นงั้นหรือ ช่างกล้าหาญและมีน้ำใจโดยแท้ แต่เจ้ามั่นใจจริง ๆ งั้นหรือว่าจะทำได้ ถึงแม้ต่อให้เจ้าจะแบกกระสอบข้าวได้อย่างสบายดังที่ข้าเห็น ก็ไม่ใช่ว่าจะสบายเหมือนกับที่เจ้าร่ำเรียนอ่านตำราในสำนักปราชญ์หรอกนะ แต่เอาเถอะ หากว่าเจ้ามั่นใจก็ย่อมได้ ข้ามีงานที่ต้องการคนมารับทำอยู่พอดี คงจะเห็นแล้วในป้ายประกาศหน้าร้านสินะ เจ้าจะเลือกทำงานอะไรเล่า แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวนะ เจ้าต้องทำให้เสร็จภายในสองวัน มิเช่นนั้นข้าจะไม่ยอมจ่ายค่าแรงให้เจ้า แทนค่าเสียเวลาที่ต้องเจรจาพาทีกับเจ้า . . ."


ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยปากตอบกับชายร่างท้วม


"เช่นนั้นแล้วข้าเลือกที่จะรับงานรับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน แน่นอนว่า ข้าจะทำให้เสร็จภายในสองวัน หากช้ากว่านั้นแล้ว เชิญท่านทำตามข้อตกลงได้เลย"


คำพูดของเก้อหลี่ สร้างความตกใจให้กับชายร่างเล็กกับชายวัยกลางคนยิ่งนัก แต่สำหรับพ่อค้าหวังแล้วเขากลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องอีกคนนำใบคำสั่งมอบหมายงานมาให้กับเขา เมื่อลูกน้องนำใบคำสั่งมาให้กับชายร่างท้วมผู้เป็นนายใหญ่แล้ว พ่อค้าหวังก็ยื่นม้วนใบคำสั่งให้แก่ชายหนุ่ม


"จงไปยังหมู่บ้านเซิ่งหุน เจ้าคงจะรู้จักล่ะนะ ถ้าไม่ก็คงต้องใช้เวลาเยอะอยู่ หึหึ แต่ช่างเถอะ เมื่อเจ้าเดินทางไปถึงก็จงไปติดต่อกับนายช่างเสิ่น ช่างตีเหล็กประจำหมู่บ้าน แล้วยื่นใบคำสั่งนี้ให้กับเขา แล้วเขาจะให้เจ้านำแร่กลับมาส่งที่นี่ หวังว่าเจ้าจะมีปัญญานำมันกลับมานะ ถึงอย่างไรก็เถอะ ภายในสองวัน ข้าจะนั่งรออยู่ที่นี่ละกันนะ ขอให้เจ้าโชคดี เก้อหลี่ บัณฑิตน้อยแห่งอู๋เว่ย"


ชายหนุ่มรับใบคำสั่งจากมือของพ่อค้าหวัง ก่อนจะนำมันไปเก็บไว้ในกระเป๋าย่ามของตน แล้วโค้งคำนับให้กับพ่อค้าหวัง แล้วเดินแยกออกมาโดยมีชายวัยกลางคนเดินตามมาด้วย พ่อค้าหวังเห็นชายหนุ่มเดินออกไปแล้ว เขาก็ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วตะโกนบอกให้คนงานของตนแยกย้ายกันทำงานต่อ


"เกือบไปแล้วนะพ่อหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็กล้ามากเลยนะที่ไปเจรจาต่อรองกับพ่อค้าหวังอย่างนั้น แล้วเจ้าจะทำไหวใช่มั้ย มีเวลาแค่สองวันเองนะ"


ชายวัยกลางคนเอ่ยปากพูดด้วยความเป็นห่วง เก้อหลี่ได้ยินคำถามของชายวัยกลางคนก็ยิ้มให้กับชายผู้นั้น


"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีกว่าที่เรามิได้ลงมือทำสิ่งใดมิใช่หรือท่าน เช่นนั้นแล้วจะสำเร็จหรือไม่นั่นก็อยู่ที่ว่าเราจะมุ่งมั่นทำให้สำเร็จหรือไม่ เช่นนั้นแล้วคงจะเสียเวลาไม่ได้แล้ว คงจะต้องแยกย้ายกันเสียตรงนี้ ไว้ข้ากลับมาข้าจะแวะไปเยี่ยมท่านกับครอบครัวนะ . . ."


เก้อหลี่เอ่ยพลางกล่าวลาแก่ชายวัยกลางคน ซึ่งเขาก็ยิ้มพลางยื่นมือตบบ่ากว้างของชายหนุ่มเบา ๆ สองสามที


"เช่นนั้นก็ขอให้โชคดีนะพ่อหนุ่ม เดินทางปลอดภัย ข้าจะรอพบเจ้าที่ร้านของพ่อค้าหวังนะ . . ."


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-10 18:15:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ที่จตุรัสกลางเมืองลั่วหยางได้มี ขบวนทหารขนาดย่อมกองนึงหยุดพักอยู่
"พวกเจ้าหยุดพักอยู่ที่นี่ห้ามไปไหนใครขัดคำสั่งตาย!!!" คำขาดได้ถูกประกาศขึ้นโดยกัวฟ่ง ทหารแต่ละคนยืนเป็นระเบียบอยู่ข้างเกวียน ตลอดการเดินทางมาที่นี่พวกเขาได้เห็นกัวฟ่งเป็นคนเด็ดขาดและถือคำสั่งเป็นใหญ่ตอนนี้บารมีของกัวฟ่งในใจพวกเขามีมากขึ้นไปอีก กัวฟ่งคอยชี้แนะและฝึกวิธีการสู้แบบป้องกันให้พวกเขา ตอนนี้ถึงแม้พวกเขาไม่สามารถสู้เพื่อฆ่าเป้าหมายได้แต่การตั้งรับของพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

"เห้ย เจ้าหนูรู้จักพ่อค้าหวังรึป่าว" กัวฟ่งควบม้าไปถามเด็กหนุ่มคนนึงแถวนั้น

"พ่อค้าแซ่หวังที่ใหญ่ที่สุดก็คงเป็น พ่อค้าหวังจิน เขาอยู่ทางxxx" ชายคนนั้นพยามอธิบายเส้นทางไปจวนพ่อค้าหวังให้กับกัวฟ่ง

"ขอบใจมากไอหนุ่มน้อย " กัวฟ่งควบม้าไปตามทหารเพื่อเดินไปที่จวนพ่อค้าหวัง

เมื่อขบวนเดินมาถึงจวนขนาดใหญ่ก็มีเด็กรับใช้ออกมาทันที

"ไม่ทราบว่านายท่านมาหาใครหรือขอรับ "เด็กรับใช้ออกมาถามด้วยทาทีสุภาพ เพราะอีกฝั่งเป็นทหารของทางการ


"ข้ามาจวนเถ้าแก่หวังแล้วคิดว่าข้ามาหาฮ่องเต้รึไง ไปตามนายของเจ้ามา!!!" กัวฟ่งพูดด้วยความหงุดหงิด บ่าวรับใช้รีบวิ่งเเจ้นไปตามนายว่าอย่างไว ไม่นานก็มีชายแต่งดูดีเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


"ไม่ทราบว่านายท่านเซิงชี่ มาถึงจวนข้ามีอะไรหรือขอรับ" พ่อค้าหวังยิ้มด้วยความหยอกล้อชายตรงหน้า


"พ่อค้าหวัง ข้าไม่ได้มาเล่น" กัวฟ่ง พูดด้วยนํ้าเสียงเข้ม หวังจินยิ้มเจื่อนก่อนจะกลับมายิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตร


"ขออภัยใต้เท้า แล้วไม่ทราบว่าใต้เท้ามาหาข้าน้อยมีอะไรหรือไม่"


"ข้าได้รับคำสั่งให้มาซื้อเสบียงกับเจ้า จำนวน8000หาบ" กัวฟ่งไม่ได้สนใจที่จะผูกมิตรกับพวกพ่อค้าเท่าไหร่นัก


"เรียนใต้เท้า ทั้งหมดคือเงิน3000ตำลึงเงินถ้วน" เถ้าแก่หวังพูดพรางดีดลูกคิดในมือเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง


"ดี มารับเงินนี่ไป แล้วนำเสบียงไปใส่ที่เกวียนพวกนั้นให้เรียบร้อย"  "ได้ขอรับ ใต้เท้าโปรดรอการขนเสบียงสักครู่


ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามทุกอย่างก็เสร็จ ขบวนเดินทางก็เตรียมเดินทางออกจากลั่วหยาง


เซิงซี่=ขี้โมโห
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-10 21:33:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:49

   
⌜89⌟
   
บทที่ 15
ปลามาแล้วจ้า
ฉากที่ 4
เควส (2) รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน (ประจำวัน)
                    
          กว่าจะกลับมาถึงลั่วหยางก็เล่นเอาเสียมืดค่ำ แม้ท้องจะร้องจ๊อก ๆ แต่เด็กสาวก็เก็บท้องรอเอาไว้ไปทานกับสหาย แต่ปัญหาก็คือไม่รู้ว่าสองหนุ่มทานอาหารกันไปแล้วหรือยัง ยิ่งนางกำชับคุณชายเหลียงเอาไว้ด้วยว่าฝากดูแลหาอาหารให้ตงฮั่วด้วย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะทานมือเย็นกันเรียบร้อยก็เป็นได้ แต่ไม่เป็นไรดรุณีน้อยอย่างเฟินเยว่กินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้ว หากพวกเขาทานอาหารกันไปเรียบร้อยเดี๋ยวนางก็ค่อยลงไปนั่งสั่งข้าวต้มมื้อดึกที่โรงเตี๊ยมเอา ...หากว่าครัวไม่ปิดหนีไปเสียก่อน
         
          และเมื่อมาถึงเมืองหลวงเด็กสาวก็จัดการส่งงานให้เสร็จสรรพ นับว่าวันนี้เป็นการรับงานส่งงานที่เร็วที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก
         
          “เถ้าแก่หวังเจ้าคะ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวหอบถุงกระสอบแร่ทองแดงพะรุงพะรังเต็มสองมือ หวังจินเห็นท่าทางนั้นก็รีบส่งสัญญาณให้ลูกน้องไปช่วยยกกระสอบแร่มานับ แม้แต่ชายฉกรรจ์ยังหิ้วกระสอบมือเดียวได้ยากนับว่าสาวคนนี้แรงเยอะไม่เบา และเมื่อส่งมอบสินค้าเสร็จเด็กสาวก็นำใบส่งของมอบให้เถ้าแก่หวังจินเป็นหลักฐาน
         
          “เหนื่อยหน่อยนะแม่นางน้อย”
         
          “แหะ ไม่เลยเจ้าค่ะ เพียงแค่นี้เอง หมู่บ้านเซิ่งหุนก็อยู่ไม่ไกลมากด้วย”
         
          หลังจากที่สนทนากันพอหอมปากหอมคอคนงานก็นับแร่จนครบแล้วแจ้งแก่เถ้าแก่หวังจิน
         
          “ถึงงานจะใกล้แต่หาคนที่จะรับงานนี้ยากจริง ๆ ส่วนนี่รางวัลของเจ้ารับไปเสียสิ”
         
          เถ้าแก่หวังมอบถุงเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าแรงให้เด็กสาว เพราะว่าเป็นงานง่าย ๆ ก็เลยไม่มีของแถมอะไร
         
          “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวลานะเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่ค้อมศีรษะเป็นการลาแล้วหิ้วถุงเงินเดินจากไป
      

.
.
.
         

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์อัจฉริยะ
+30 EXP จากการโรลทำงาน

-----------------------------------

ส่งเควส (2) รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน
   


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-10 21:53:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-10-10 13:35
⌜87⌟ บทที่ 15ปลามาแล้วจ้าฉากที่ 1                                       ...


เหมยซูฮวา | พักผ่อนหลังร่ำเรียน
.
.
.

            " หากอยากพักผ่อน เจ้าจะเดินทางเข้าตัวเมืองลั่วหยางก็ได้ ข้าบอกเสี่ยวเอ้อร์ให้เตรียมรถไม้สี่ล้อไว้ให้เจ้าใช้กับคนรถอีกหนึ่ง แจ้งเขาได้หากต้องการเดินทาง "

            เป็นคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ได้กล่าวเอาไว้เนื่องด้วยกลัวว่าลูกศิษย์จะพลอยเบื่อหน่ายหรือเครียดเคร่งไปเสียก่อนหากอยู่แช่เพียงโรงเตี๊ยมของตน เพราะแม่นางกู่ของสหายกัวคล้ายจะเคยบอกไว้ถึงปัญหาสุขภาพของผู้เป็นศิษย์ หลิวจื่อเค่อจึงไม่เสี่ยงให้นางต้องอาการกำเริบทั้งที่รับปากสตรีแซ่กู่เสียดิบดีว่าจะดูแลซูฮวาให้ดี

            ในยามนี้หญิงสาวจึงมาเยือนถึงยังตัวเมืองลั่วหยางเพื่อแวะเวียนเยี่ยมเยือนคนเจ็บที่นอนพักอยู่ยังโรงหมอ และด้วยคล้ายจะมาพลาดจังหวะไปเสียหน่อย คือมาในช่วงที่ถานเจ๋อกำลังหลับพักสบาย ทว่าบาดแผลตามตัวยังคงเด่นชัด ทำให้ซูฮวายอมปล่อยให้อีกคนได้หลับพักผ่อนโดยไม่ได้รบกวนใด ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนมือแตะแผ่วผ่านยังบาดแผลที่ช่วงบ่าแกร่ง พร้อมเอ่ยเสียงแว่วผ่านอวยพรให้คนที่ยังหลับสนิทให้รักษาตัวได้โดยไว

            .
            และเพราะไร้เป้าหมายต่อไปแล้วหลังได้เข้าเยี่ยมอีกบุรุษในกลุ่มผู้นั้นไป ตัวเหมยซูฮวาจึงทำการเดินดูของยังจตุรัสกลางเมืองเพื่อหาของไปฝากยังคนเจ็บในวันอื่น ระหว่างนั้นก็พลันได้ยินเสียงพูดเซ็งแซ่เกี่ยวกับบัณฑิตเหลียงต้าซิ่นผู้ติดตามของสตรีน้อยซุนเฟินเยว่ออกมาแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้านฟรีคนละ 20 ตัว เรียกความสนใจสตรีแซ่เหมยให้มองหาทิศที่มีผู้ที่ถูกกล่าวถึงอยู่

            [ดูโพสต์บน] - (โรลปลามาแล้วจ้า : ฉากที่ 1)

            ก่อนนางจะพบพานเข้าร่างของบุรุษร่างสูงโปร่งเจ้าของดวงหน้าหวานนุ่มนวลกำลังแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้านที่ต่อแถวเสียเป็นระเบียบ เรียกรอยยิ้มระคนความเอ็นดูให้เผยออกจากซูฮวา นางที่มักคอยช่วยเหลือและแบ่งปันของให้ชาวเมืองเจียซิ่วมาก่อนเช่นกันพลันอดนึกชื่นชมผู้เป็นนายของบัณฑิตหนุ่มผู้นี้อีกทอดหนึ่งไม่ได้

            และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจของผู้ที่ต้องการมอบของ สตรีแซ่เหมยจึงเข้าร่วมต่อแถวนั้นไปด้วย ระหว่างนั้นก็เปิดย่ามที่พกมาน้อย ๆ ว่าพอจะมอบของอะไรตอบแทนผู้ให้กลับไปบ้าง ก่อนซูฮวาจะทันสังเกตเห็นถึงชาชั้นดีที่เด็กน้อยของนางได้แบ่งมอบมาให้หลังจากที่รู้ว่านางชอบพอดี พลันหมายมาดจะมอบของสิ่งนี้แก่บัณฑิตที่อุตส่าห์ออกมายืนเหนื่อยแจกของ และด้วยเพราะตั้งใจจะส่งมอบปลาต่อให้แก่จิ้นอิ๋งนำไปทำประโยชน์อื่น ๆ และมอบให้แก่โรงเตี๊ยมของผู้เป็นอาจารย์ไปด้วยที่สละเวลามาสอนความรู้ให้แก่นาง ซูฮวาจึงได้คิดชนิดปลาที่ต้องการไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

            " ข้าขอปลาเก๋าทั้งหมด 10 ตัวและปลาชิง 10 ตัวเจ้าค่ะท่านบัณฑิตเหลียง "

            ยามเมื่อถึงคิวสตรีแซ่เหมยก็เอ่ยหาอย่างสุภาพไม่ต่างกันกับอีกคนที่พูดจาดีให้ชวนรู้สึกประทับใจไม่น้อย ก่อนในระหว่างที่ปลากำลังถูกจัดเตรียมส่ง ซูฮวาก็ทำการหยิบชาชั้นดีเตรียมออกมาให้เช่นเดียวกัน

            " ขอบคุณสำหรับน้ำใจของแม่นางน้อยซุนมากเลยนะเจ้าคะที่มาแจกจ่ายปลาให้แก่ชาวบ้านเช่นนี้ ส่วนนี้เป็นของที่อยากตอบแทนให้แก่แม่นางน้อยและท่านบัณฑิตที่สละเวลามาแจกจ่ายปลาให้เจ้าค่ะ โปรดรับไว้ด้วยนะเจ้าคะ "

            หลังแลกเปลี่ยนของให้แก่กันเสร็จสิ้น เหมยซูฮวาก็เร่งค้อมตัวลาเพื่อผละจากแถวไปให้ผู้อื่นได้ต่อแถวรับปลาต่อโดยไม่ได้เอ่ยชวนคุยสิ่งใดอีกให้เสียเวลาอีกฝ่าย ซึ่งหลังอิ่มเอมใจกับการเจอบุคคลชวนชื่นชมแล้ว สตรีร่างระหงก็พลันเดินดูของต่อเพื่อแวะเวียนซื้อของฝากคนเจ็บต่อก่อนเตรียมตัวเร่งกลับยังโรงเตี๊ยมชิงหมิงอันเป็นที่พักแรมเพื่อร่ำเรียนชั่วคราวไม่ให้อาจารย์ได้ดุนางว่าออกมาเที่ยวเล่นนานเกินไปได้..



รับปลาเก๋า 10 ตัว
รับปลาชิง 10 ตัว
.
มอบ ชาผิงลี่หนี่วา ให้ตอบแทนน้ำใจ

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-10 23:32:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย GuoFong เมื่อ 2021-10-10 23:38

กัวฟ่งควบม้ากลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อเขาคิดได้ว่าลืมของแจก แต่กว่าเขาจะมาถึงผู้คนก็เริ่มเบางลงเสียแล้ว

เขาเดินไปที่จุดแจกปลาก็พบบัณฑิตหน้าหวานคนนึง

"เจ้าหนู เจ้าคือคนที่แจกปลารึ" กัวเฟิ่งถามชายหน้าหวานด้วยความใจเย็น ถึงแม้เขาจะรีบมากก็ตาม เขาควบม้ามาด้วยความเร็วทำให้มีอาการเหนื่อยล้านิดหน่อย

"ไม่ใช่ข้าหรอก แต่เป็นแม่นางซุน" หนุ่มหน้าหวานตรงหน้ากลับไม่มีความกลัวหรือตกใจ เลยเมื่อเจอเข้ากับร่างใหญ่โตประดุจหมีของกัวฟ่ง เขายังสามารถโต้ตอบกัวฟ่งด้วยความนิ่งสงบ


"ดี!! งั้นข้าขอปลาจาระเม็ด10ตัวและปลาซ่ง10ตัว"กัวฟ่งบอกด้วยความรีบร้อนเพราะเขาทิ้งทหารกับเกวียนขนเสบียงไว้ที่หงหนงทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง


"ได้ ข้าจะรีบจัดการให้" เมื่อปลาถูกส่งให้กับกัวฟ่งเขาก็รีบเก็บเข้ากระเป๋าก่อนจะหันไปหาหนุ่มน้อยหน้าหวาน


"ฝากขอบคุณแม่นางซุนด้วยหากวันหน้าแม่นางซุนต้องการความช่วยเหลือจากข้า สามารถหาข้าเหลาหู่ได้ที่เเถบเหลียงโจวนี่แหละ"


กัวฟ่งพูดเสร็จก็กระโดดขึ้นหลังม้าจากไป ทิ้งให้หนุ่มน้อยงวยงงว่าชายคนนี้จะรีบไปไหน


@Fenyue

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-12 15:50:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด


เควสประจำวัน รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน

ตอนที่ 10 ถึงที่หมาย ส่งภารกิจ

เควสประจำวัน ส่งข้าวสารให้ผู้ว่าการอู๋เว่ย

ตอนที่ 1 ออกเดินทางอีกครั้ง



หัวค่ำของเมื่อวาน ณ ร้านค้าของพ่อค้าหวัง ชายวัยกลางคนยังคงยืนรอการมาถึงของสหายของเขาเช่นเดียวกับชายร่างเล็กคนหนึ่ง แต่ก็ดูจะไร้วี่แววของชายที่เขาเฝ้ารอตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ชายผู้หนึ่งในชุดพ่อค้าได้เดินออกมาดูพวกเขาพลางใช้พัดวีที่ใบหน้าเพื่อให้ความเย็น


“หึ ข้าว่า เจ้านั่นคงจะมาไม่ทันสะแล้วล่ะ”


พ่อค้าหวังเอ่ยพลางหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างใจเย็น ท่าทางของเขานั้นช่างดูจะตรงข้ามกับชายทั้งสองคนอย่างมาก ที่ในใจคงจะร้อนรุ่มและเป็นห่วงสหายของเขาที่เดินทางไปทำงานตามที่ตกลงกับพ่อค้าหวังไว้ แต่ก็ยังมิได้กลับมาเลย ว่าแล้วชายวัยกลางคนก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะใช้มือใหญ่ตบบ่าของชายร่างเล็กแล้วเดินไปทำงานต่อ ชายร่างเล็กยืนมองดูผู้คนที่ยังคงเดินกันขวักไขว่หน้าร้านค้าอยู่ครู่หนึ่ง ก็ถอนหายใจแล้วหันกลับไปเพื่อที่จะไปทำงานต่อด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว แต่ไม่นานนัก . . .


ก็มีเกวียนเล่มหนึ่งวิ่งมาตามทางในจตุรัสอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงตะโกนแหกปากดังให้ผู้คนแถวนั้นหลบทาง เกวียนเล่มนั้นวิ่งตรงมายังร้านของพ่อค้าหวัง นั่นทำให้บรรดาคนงาน และลูกค้าต่างพากันมายืนดู รวมไปถึงชายวัยกลางคนและชายร่างเล็กด้วย แม้แต่พ่อค้าหวังเองก็ถึงกับเก็บพัดแล้วลุกจากเก้าอี้ยืนมอง เกวียนเล่มนั้นวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงจนคนในร้านค้าพากันระแวงด้วยกลัวว่าจะวิ่งเข้ามาชนเสียมากกว่า จึงพากันวิ่งมาหลบในร้านเสียอย่างชุลมุน


เอี้ยดดดด


เสียงล้อเกวียนที่ถูกห้ามไว้หยุดลงตรงหน้าร้าน ตามมาด้วยฝุ่นที่ตลบอบอวล จนคนที่อยู่บริเวณนั้นต้องพากันสำลักไอจามและโบกไม้โบกมือไล่ฝุ่นเสียยกใหญ่ เมื่อฝุ่นจางลงก็ปรากฎเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกระโจนลงมาจากเกวียนเล่มนั้น เขาถึงกลับเข่าอ่อนทรุดกายลงไปนั่งพิงล้อเกวียนเสียด้วยอาการเมาอีกครา แต่ครานี้ดูจะหนักกว่าคราวที่แล้วเพราะด้วยชายอีกคนที่คุมเกวียนนั้นขับเกวียนผ่านเส้นทางลัดที่ดูจะทุรักทุเรเสียเหลือเกิน


“นั่นเก้อหลี่นี่นา”


ว่าแล้วชายวัยกลางคนกับชายร่างเล็กก็วิ่งไปช่วยประคองชายหนุ่มที่ดูจะอ่อนเพลียเสียจริง ๆ ชายร่างสูงใหญ่กระโดดลงจากเกวียนลงมาดูอาการแล้วหัวเราะอย่างสบายใจ


“ฮ่า !!! ขับเกวียนเช่นนี้ช่างสนุกเสียจริง ๆ คราวหลังให้ข้าขับอีกนะ อ้าวไฉนถึงมานั่งอยู่ตรงนี้เล่า เจ้าต้องไปคุยกับพ่อค้าหวังนะ”


เฉินกวงเอ่ยด้วยเสียงห้าวดุ ก่อนจะประคองชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของตนให้ลุกขึ้นยืน ชายวัยกลางคนและชายร่างเล็กเห็นท่าทางของเก้อหลี่ก็พยายามพัดวีเสียให้คลายจากอาการวิงเวียนศีรษะ แม้พวกเขาจะดีใจที่ชายหนุ่มสามารถเดินทางกลับมาได้ทันเวลา แต่ดูจากสภาพคงจะเหน็ดเหนื่อยเสียหน้าดู เก้อหลี่ที่อาการเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วก็หันไปยิ้มให้กับชายวัยกลางคนและชายร่างเล็ก


“ข้าคงกลับมาทันเวลาสินะ”


เก้อหลี่เอ่ยปากพูดพร้อมกับยิ้มขำเบา ๆ ก่อนจะยืนหลังตรงเหยียดแข้งขาเล็กน้อย แล้วสะบัดหน้าเบา ๆ เพื่อไล่อาการวิงเวียนศีรษะออกไปเสีย เมื่อดูเหมือนร่างกายจะเริ่มทรงแล้ว เขาก็รีบเดินไปยืนต่อหน้าชายร่างท้วมผู้หนึ่งซึ่งก็คือ พ่อค้าหวัง เขายืนมองเก้อหลี่ด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางใช้พัดกระดาษ พัดวีใบหน้าของตนอย่างใจเย็น เก้อหลี่แสดงความเคารพกับพ่อค้าหวังแล้วผายมือไปยังเกวียนเล่มนั้นที่เขาใช้เดินทางกลับท้ายเกวียนบรรทุกแร่เหล็กจำนวนหนึ่งร้อยหาบไว้จนเต็ม


“ตามที่ข้าได้สัญญากับท่านไว้ ท่านพ่อค้า ข้าได้นำแร่เหล็กจากหมู่บ้านเซิ่งหุนจำนวนหนึ่งร้อยหาบมาส่งให้ท่านเรียบร้อยแล้ว ตามเวลาที่กำหนด หวังว่า ท่านจะรักษาสัญญานะ”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยก่อนจะหันไปมองพ่อค้าหวังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย พ่อค้าหวังเดินมาดูที่เกวียนเล่มนั้นก่อนจะชะโงกหน้ามองดูลังที่เต็มไปด้วยแร่เหล็ก เขาเลิกคิ้วมองดูมันพลางใช้มืออีกข้างลูบคางราวกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนจะหันไปมองชายร่างสูงใหญ่ ชายวัยกลางคนและชายร่างเล็ก


“ข้าจะยอมทำตามสัญญาก็ต่อเมื่อข้าตรวจสอบสินค้าที่เจ้านำมาว่า มันถูกต้องครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ และหากว่า แร่เหล็กหายไปแม้แต่ก้อนเดียว ข้าจะถือว่า เจ้าผิดข้อตกลง เอาล่ะพวกเจ้ายกลงมาแล้วนำไปช่างเสียให้เรียบร้อย และอย่าคิดจะโกงข้าเชียวนะ”


ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มราวกับจะขอความเห็น ซึ่งเก้อหลี่ก็ไม่พูดอะไรมากมายนอกจากพยักหน้าเบา ๆ ให้พวกเขาแทนการบอกว่า ทำตามที่พ่อค้าผู้นี้สั่งเสียเถอะ ชายทั้งสามคนเห็นดังนั้นก็พากันแบกลังบรรทุกแร่เหล็กเดินไปวางยังจุดที่รับชั่งน้ำหนักสินค้า โดยมีเก้อหลี่กับพ่อค้าหวังยืนมองดูอย่างไม่วางตา เมื่อขนแร่เหล็กลงจากเกวียนเสียเรียบร้อยแล้ว คนของพ่อค้าหวังคนนึงก็จูงวัวเทียมเกวียนไปพักยังคอก ทีนี้ก็ถึงเวลาลุ้นเสียทีว่า การทำงานในครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ คนงานของพ่อค้าหวังที่ทำงานอยู่บริเวณตราชั่งก็ค่อย ๆ นำแร่เหล็กมาชั่งยังตราชั่งทีละลัง พลางจดบันทึก เก้อหลี่ยืนมองดูอย่างใจเย็น เช่นเดียวกับพ่อค้าหวังที่ยืนโบกพัดวีอย่างสบายใจ เมื่อคนงานของพ่อค้าหวังชั่งแร่เหล็กทั้งหมดแล้วก็เดินมาแจ้งกระซิบบอกกับพ่อค้าหวัง เก้อหลี่ เฉินกวง ชายวัยกลางคนและชายร่างเล็กพากันมองพ่อค้าหวังด้วยความสงสัย พ่อค้าหวังเมื่อได้ยินคนงานชองตนกระซิบบอกก็แอบชายตามองเก้อหลี่ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วสะบัดพัดให้คนงานผู้นั้นกลับไปทำงานต่อ จากนั้นก็หันไปมองเก้อแล้วถอนหายใจเล็กน้อย


“เหล็กครบถ้วนทั้งหนึ่งร้อยหาบ ไม่มีขาดไม่มีเกิน แน่นอน สัญญาย่อมเป็นสัญญา ข้ายอมจ่ายค่าแรงให้กับเพื่อนร่างเล็กของเจ้าเต็มจำนวนก็ได้ รวมถึงค่าแรงของเจ้าด้วย เจ้าทำงานได้ดีจริง ๆ นะพ่อหนุ่มบัณฑิต แต่หวังว่าจะทำได้ดีเช่นนี้ไปตลอดนะ เอาล่ะ ยินดีต้อนรับกลับ แล้วก็ไปรับรางวัลเสียให้เรียบร้อย”


พ่อค้าหวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะพัดวีใบหน้าของตนเสียอย่างใจเย็น แล้วเดินกลับไปนั่งดื่มน้ำชาต่อ ชายวัยกลางคนและชายร่างเล็กได้ยินเช่นนั้นก็พากันดีใจเป็นลิงโลด โดยเฉพาะชายร่างเล็กที่กระโดดไปกอดคอเก้อหลี่ด้วยความดีใจ


“ข ขอบใจ จ เจ้า ย ยิ่งนักนะ”


ชายร่างเล็กเอ่ยพลางสะอื้นออกมาเบา ๆ ด้วยความดีใจปนตื้นตันใจ นั่นทำให้เก้อหลี่ยิ้มพลางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะใช้มือใหญ่ตบบ่าของเขาเบา ๆ


“มิเป็นไรหรอก”


เก้อหลี่พูดด้วยเสียงทุ้มนุ่ม เฉินกวงเดินมาหาเก้อหลี่พลางหัวเราะอย่างสบายใจ แล้วเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงห้าวดัง


“เช่นนี้แล้ว คืนนี้เราก็เลี้ยงฉลองกันได้สินะ”


ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้ยินคำถามเชิงบังคับของผู้ติดตามของตนก็ยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากพูดตอบ


“ย่อมได้ แต่อย่าได้ดื่มหนักเสียล่ะ พรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะเดินทางกลับอู๋เว่ย”


“เช่นนั้นคืนนี้พวกเจ้าก็ไปพักที่บ้านของข้าเสียเถอะ ข้าได้บอกกับเมียของข้าไว้แล้วว่า เจ้าจะกลับมา แต่ . . . ในเมื่อเจ้ามีสหายอีกคนติดตามมาด้วย เห็นทีคงต้องให้เมียเตรียมที่นอนเพิ่มให้เสียสักหน่อยแล้วล่ะ”


ชายวัยกลางคนเอ่ยพลางยิ้มกว้าง นั่นทำให้เก้อหลี่นึกได้ว่า ลืมแนะนำตัวชายผู้ติดตามเขามาด้วยให้ชายวัยกลางคนรู้จัก


“อ้อ ข้าลืมไปเลย ชายผู้นี้ชื่อ เฉินกวง พอดีข้าพบเจอเขาที่เมืองหรูหนานโดยบังเอิญเลยชักชวนให้มาร่วมกันด้วย”


เฉินกวงได้ยินชายผู้เป็นเจ้านายแนะนำตนให้ชายอีกคนรู้จักก็แสดงความเคารพแก่เขา ดูเหมือนว่าในเวลานี้เฉินกวงจะเริ่มปรับตัวเข้ากับเก้อหลี่ได้บ้างแล้วล่ะนะ


ครั้นแล้วเมื่อเก้อหลี่รับรางวัลค่าตอบแทนจากการทำงานให้พ่อค้าหวังเรียบร้อยแล้ว เก้อหลี่กับเฉินกวงก็ได้พากันไปกินเลี้ยงฉลองกันที่บ้านของชายวัยกลางคน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองก็จริง แต่ก็มีเพียงเฉินกวงเพียงผู้เดียวล่ะนะที่ดื่มสุรา ส่วนเก้อหลี่นั้นได้ปฏิเสธที่จะดื่มสุรา และกับชายวัยกลางคนนั้นด้วยว่า เขาเป็นชาวพุทธ จึงหลีกเลี่ยงที่จะดื่มเช่นกัน ดังนั้นในวงสนทนาแม้จะมีแค่เฉินกวงคนเดียวที่เมามายด้วยฤทธิ์สุรา แต่งานเลี้ยงก็จบลงไปด้วยดี ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะวิวาทใด ๆ ทั้งสิ้น และเก้อหลี่ก็ยังคงคุมพฤติกรรมของเฉินกวงมิให้รบกวนหรือทำความเดือดร้อนให้กับชายวัยกลางคนและครอบครัวมากเกินไป . 


. .


เช้าวันต่อมา เก้อหลี่ร่ำลาชายวัยกลางคน ก่อนจะพาเฉินกวงที่กำลังง่วงซึมเดินออกจากบ้านของชายวัยกลางคนแต่เช้าตรู่เพื่อที่จะมายังจตุรัสกลางเมืองลั่วหยางอีกครั้ง ซึ่งแม้ว่าในเวลานี้จะยังเป็นเวลาเช้ามืดก็จริง แต่ ณ จตุรัสแห่งนี้ ไม่ว่าจะในเวลาใดก็แทบจะดูเหมือนว่า ผู้คนจะยังคงคราคร่ำ เดินทำธุระกันขวักไขว่ราวกับว่า ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่จะมีความเงียบสงบ


เก้อหลี่บอกกับเฉินกวงว่าให้แยกย้ายกันไปหาอะไรกินรองท้องเสียให้เรียบร้อย แล้วไปเจอกันที่ร้านค้าของพ่อค้าหวังตามเวลาที่นัดหมาย อย่าได้ชักช้าทำสิ่งอื่นเป็นอันขาด เฉินกวงเอามือป้องปากก่อนจะหาวหวอดใหญ่ แล้วพยักหน้ารับคำสั่งของชายหนุ่มแต่โดยดี ก่อนจะแยกย้ายกันไปยังตรอกซอยของร้านรวงต่าง ๆ ที่แน่นขนัดในจตุรัส เก้อหลี่เดินไปยังซื้ออาหารมาทานรองท้องเสียให้เรียบร้อยแล้วก็เดินตรงไปยังร้านค้าของพ่อค้าหวังที่เป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ ซึ่งแทบไม่จำเป็นต้องถามทางจากผู้ใดเลย เพราะร้านแห่งนี้ใหญ่สะดุดตาที่สุดแล้วนั่นเอง


พ่อค้าหวังที่ตื่นมาแต่เช้ามืดก็ยืนคุมคนงานของเขาที่กำลังขนสินค้าใส่เกวียนเพื่อที่จะเดินทางไปส่งยังจุดหมายปลายทางที่ติดต่อไว้ เขาตะโกนชี้นิ้วออกคำสั่งเหมือนเช่นที่เคยทำในทุก ๆ ครั้นเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เขาพึ่งให้รางวัลค่าตอบแทนที่ช่วยงานเขาไปเดินมายังร้านค้าของเขาอีกครั้ง ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยว่า ยังขุ่นเคืองชายหนุ่มเล็กน้อย แต่ก็นับถือน้ำใจของเขาอยู่บ้าง


“ว่าไงล่ะพ่อหนุ่ม มาหาข้าแต่เช้าเช่นนี้ จะมาสมัครงานกับข้าอีกงั้นหรือ ข้านึกว่าจะขยาดกับการทำงานเช่นนี้แล้วกลับบ้านเจ้าไปขลุกตัวอยู่กับตำหรับตำราเช่นบัณฑิตทั่วไปเหมือนเดิมเสียอีก”


ชายร่างท้วมในชุดพ่อค้าเอ่ยปากพูดพลางหัวเราะเบา ๆ และยิ้มเยาะชายหนุ่มเล็กน้อย เก้อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็หาได้ใส่ใจกระไรมากนักนอกจากเดินมายืนอยู่ตรงหน้าพ่อค้าหวังแล้วแสดงความเคารพกับเขา ก่อนจะเอ่ยปากพูดธุระที่เขาจะมาติดต่อกับพ่อค้าหวัง


“ท่านอย่าได้เอาบัณฑิตที่ท่านพบเจอมาเปรียบเทียบกับข้าเลย เพราะข้าคงจะขลาดเขลาเบาปัญญาเกินกว่าจะงอมืองอเท้าหวังคอยวาสนาเพียงอย่างเดียวล่ะนะ ที่ข้ามาหาท่านแต่เช้าเช่นนี้ก็เนื่องด้วยว่า ข้าจะเดินทางกลับเมืองอู๋เว่ย จึงใคร่มาถามท่านว่า จะฝากสินค้าใดไปส่งยังเมืองนั้นหรือไม่เล่า ท่านจะได้มิเสียเวลา แลข้าก็ไม่ได้คิดค่าแรงมากมายเสียด้วยนะ”


เก้อหลี่เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่ฟังดูเป็นมิตร พ่อค้าหวังได้ยินดังนั้นก็เอามืออวบของตนลูบคางเบา ๆ พลางครุ่นคิดก่อนจะเรียกคนงานคนหนึ่งที่ดูจะทำงานเกี่ยวกับบัญชีมาสอบถามอยู่ครู่หนึ่ง ก็ให้นายบัญชีคนนั้นเดินกลับไปทำงานต่อ พ่อค้าหวังหันกลับไปมองชายหนุ่มแล้วยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากบอก


“ก็พอจะมีสินค้าที่ต้องนำไปส่งท่านเจ้าเมืองอู๋เว่ยล่ะนะ แต่คราวนี้ข้าไม่ค่อยจะเร่งร้อนเท่าใดนัก เพราะอีกสองวันก็จะถึงเทศกาลฉงหยาง ข้าว่าจะไม่อยู่ที่ร้านสักวันสองวันเพื่อไปพบกับน้อง ๆ ของข้า ดังนั้นหลังเทศกาลฉงหยางจบลง ข้าให้เวลาเจ้าเดินทางกลับมาที่นี่โดยทันที หากช้าเกินหนึ่งวันข้าจะหักค่าแรงของเจ้าออกเสีย แทนค่าเสียเวลาของข้า”


ชายร่างท้วมเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย พลางมองดูท่าทีของชายหนุ่มว่าจะมีความคิดเห็นเช่นไร ชายหนุ่มได้ยินข้อเสนองานจากพ่อค้าหวังก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดตอบ


“ย่อมได้ หากเทศกาลจบลงแล้ว ข้าจะรีบเดินทางกลับมายังเมืองลั่วหยางเสียโดยทันที ข้ารับปาก ว่าแต่ท่านต้องการให้ข้านำสิ่งใดไปส่งมอบให้กับเจ้าเมืองงั้นหรือ”


เก้อหลี่เอ่ยปากถามชายร่างท้วมด้วยความกระตือรือร้น ซึ่งพอดีกับที่เฉินกวง อดีตโจรโพกผ้าเหลืองผู้กลับใจได้เดินมาถึงร้านค้าของพ่อค้าหวังพอดี ชายร่างสูงใหญ่แสดงความเคารพกับพ่อค้าหวังด้วยการโค้งตัวเพียงเล็กน้อย พ่อค้าหวังเห็นเช่นนั้นก็ยักไหล่เบา ๆ แล้วเดินไปยังเกวียนเล่มหนึ่งซึ่งบรรทุกข้าวสารไว้เต็มเกวียน เก้อหลี่และเฉินกวงเดินตามหลังเขามาดูเกวียนเล่มนั้นก็พอจะเดาได้ว่า งานชิ้นต่อไปของเขาคืออะไร


“ข้าวสารจำนวนร้อยกระสอบบนเกวียนเล่มนี้จะต้องไปถึงมือของเจ้าเมืองอู๋เว่ย คงไม่ยากเท่าไหร่สำหรับพวกเจ้าล่ะมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าวสารจะต้องครบทั้งร้อยกระสอบ ห้ามขาดแม้แต่กระสอบเดียว มิเช่นนั้นจะถือว่าผิดข้อตกลง เข้าใจรึไม่เล่า”


พ่อค้าหวังเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พลางมองดูชายหนุ่มและชายร่างสูงใหญ่ ซึ่งทั้งสองคนพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยคำลาแล้วกระโดดขึ้นเกวียน คราวนี้เก้อหลี่ตัดสินใจจะขับเกวียนเองเสียบ้าง ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันไปมองดูเฉินกวงที่นั่งมองดูเขาด้วยสายตาเยาะเย้ยและยิ้มกริ่ม


“ครานี้ข้าจะลองขับเสียบ้าง”


เก้อหลี่เอ่ยปากพูด ก่อนจะค่อย ๆ กระตุกบังเหียนของวัวทั้งสองตัวที่เทียมเกวียน แต่ดูเหมือนว่าจะเบาเสียจนพวกมันไม่รู้สึกอะไร เก้อหลี่ตะโกนก็แล้วกระตุกบังเหียนแรง ๆ ก็แล้วแต่ดูจะไร้ผล เฉินกวงป้องปากหาวหวอด ๆ มองดูชายหนุ่มด้วยความเบื่อ ก่อนจะแย่งบังเหียนจากมือของชายหนุ่มแล้วตะโกนเสียงดังและกระตุกบังเหียนทีเดียว วัวทั้งสองตัวถึงกับสะดุ้งแล้วเดินลากเกวียนไปอย่างรวดเร็ว สร้างความสงสัยให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร ได้แต่ถอนหายใจและยอมให้เฉินกวงเป็นสารถีคอยขับเกวียนอีกครั้ง หวังว่า เขาจะชินกับการนั่งเกวียนบนเส้นทางวิบากเสียแล้วนะ


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-14 21:22:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลช่วงค่ำพบเจอจื้อจ้ง&คาราวะกราบอาจารย์พร้อมรับราชการ



หลังจากที่ผู้อวุโสนั้นตกลงที่จะไปเที่ยวงานกับตนเองนั้นจีเทียนเต๋าก็นัดแนะสถานที่กับผู้อวุโสเรียบร้อยส่วนตัวเองก็กลับโรงเตี๊ยมพร้อมกับที่กลับโรงเตี๊ยมของตนเองโดยที่ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั้นตนเองก็ให้ทุกคนในขบวนของตนเองนั้นไปเที่ยวกันได้เต็มที่เลยโดยที่ตนเองนั้นอยากจะให้ทุกคนได้ผ่อนคลายกันในวันงานกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับโรงเตี๊ยมมาพักผ่อนได้เลยหลังจากบอกทุกคนไปแบบนั้นตนเองก็รอทุกคนนั้นไปงานกันก่อนที่ตนเองนั้นจะไปบ้างหลังจากที่มาถึงที่นัดหมายแล้วนั้นก็พบกับผู้อวุโสทันที

"สวัสดีครับท่านผู้วุโสท่านหิวหรือยังขอรับแบบนั้น"

"สวัสดีท่านจีเทียนเต๋าอ่านั้นสิเดี่ยวเราไปเดินเล่นในงานก่อนก็ได้นะแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินกันแบบนั้นก็ไม่เลว"

ก่อนที่ทั้งคู่นั้นจะเดินเล่นภายในงานจนกระทั้งจีเทียนเต๋านั้นไปพบกับการปล่อยโคมลอยที่พวกชาวบ้านนั้นกำลังปล่อยกันพอดีโดยที่ตนเองนั้นก็ไม่รอช้าจึงชักชวนท่านผู้อวุโสทันที

"ท่านผู้อวุโสข้าว่าพวกเราไปปล่อยโคมลอยกันดีหรือไม่ขอรับจะได่มีแต่เรื่องดีๆที่เข้ามาเรื่องร้ายๆจะได้ผ่านพ้นไปด้วย"

"เอาสิไหนๆเราก็มางานเทศการทั้งทีแล้วนี้นะจะไม่ปล่อยโคมลอยเลยมันก็จะยังไงอยู่กันนะแบบนี้"

พร้อมด้วยที่ทั้งคู่นั้นต่างก็ซื้อโคมลอยจากเหล่าพ่อค้าที่ขายโคมลอยอยู่แถวนั้นเพื่อทำการเขียนคำ อธิษฐานลงไปในโคมลอยหลังจากใช้เวลาเขียนแล้วปล่อยโคมลอยเสร็จแล้วนั้นจีเทียนเต๋าก็นำท่านอวุโสนั้นไปนั่งที่ร้านขายของกินก่อนเลยเพราะว่ากลัวว่าผู้อวุโสนั้นจะหิว ส่วนตัวเองนั้นขอตัวสักครู่เพื่อที่จะนำสมุดยืนยันของตนเองนั้นไปหาฝ่ายเจ้าเมืองที่ตอนนี้นั้นมีผู้คนกำลังต่อแถวเพื่อรอประทับตราสำหรับการยืนยันว่าตนเองนั้นมาเที่ยวยังที่แห่งนี้

"ทำไมแถวยาวแบบนี้กันนะเร็วๆสิข้าจะต้องไปหาท่านผู้อวุโสอีกนะเนี้ย"

หลังจากที่รอไปได้สักพักนั่นตนเองก็ถึงคิวปั้มของตนเองหลังจากที่ได้รับการปั้มแล้วเรียบร้อยนั้นตนเองก็รีบเดินทางไปหาผู้อวุโสทันที เพียงแต่ว่าพอถึงที่หมายนั้นตนเองก็ได้พบเจอกับ บัณฑิตอารมณ์ร้อนคนนั้นอีกครั้งโดยที่ตอนนี้นั้น บัณฑิตอารมณ์ร้อนกลับทำตัวสงบสเงี่ยมมากกว่าเดิมโดยที่แตกต่างกับตนเองนั้นรู้จักอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่ตนเองเข้าไปหาท่านผู้อวุโสนั้น

"ท่านผู้อวุโสขออภัยด้วยนะขอรับที่ข้านั้นมาช้าพอดีต้องต่อแถวรอปั้มตราประทับของท่านเจ้าเมืองก่อนถึงจะเสร็จได้ ว่าแต่ท่าน บัณฑิตอารมณ์ร้อนเห้ยไม่ใช่สิท่าน บัณฑิตรู้จักผู้อวุโสด้วยอย่างนั้นหรอเนี้ย?"

"ท่านนักบวช!"

"ฮ่าๆใจเย็นก่อนนะจื้อจง ส่วนนี้ก็คือท่านจีเทียนเต๋าอย่างไรล่ะที่ข้าได้พูดกับเจ้าไป ส่วนท่านจีเทียนเต๋านี้คือจื้อจง บัณฑิตที่ความฉลาดนั่นก็ไม่ได้น้อยกว่าใคร พวกท่านรู้จักกันเข้าไว้ละกันนะ"

"สวัสดีขอรับท่านจื้อจง ข้าจีเทียนเต๋าถ้าไงก็ขออภัยด้วยที่พูดออกไปแบบนั้นตอนแรกถ้ายังไงเรามากินอาหารกันก่อนดีหรือไม่ขอรับข้าว่าเริ่มหิวแล้ว"

"เอาสิถ้างั้นพวกเราก็เริ่มกินกันดีกว่านะ"

"ข้าเข้าใจแล้วครับท่านหลู่ จื้อ"

โดยที่ทั้งสามคนนั้นก็กินอาหารไปด้วยพร้อมกับการที่พูดคุยสร้างความสนิทสนมกันโดยที่ผู้อวุโสนั้นเป็นฝ่ายเชื่อมจีเทียนเต๋าแบะก็จื้อจงนั้นในการพูดคุยกัน หลังจากที่ใช้เวลาในร้านนี้แล้วนั้นทั้งสามคนก็ได้เดินเล่นเพื่อที่จะย่อยอาหารกัน

"สมกับที่ท่านจื้อจงนั้นเป็นคนที่ถ่อมตนจริงๆนะขอรับ ข้าว่าท่านกับข้านั้นเราก็มีอะไรที่เหมือนๆกันบ้างถึงแม่ว่ามันจะมีอะไรที้ไม่เหมือนกันบ้างก็เถอะนะ"

"เช่นนั้นหรอข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกันนะท่าน ออแล้วก็ขอบคุณสำหรับที่เลี้ยงอาหารข้าด้วยขอรับท่านหลู่จื้อ ถ้าไงเดี่ยวโอกาศหน้าข้าจะไปหาท่านนะขอรับข้าจำต้องขอตัวก่อน"

"เอาสิขอให้เจ้าเดินทางโชคดีนะจื้อจง"

"แล้วท่านจะมาหาข้าไหมขอรับแหะ..ข้าล้อเล่นน่ะขอรับไม่ต้องมองข้าแบบนั้นก็ได้ขอให้ท่านจื้อจงเดินทางปลอดภัยนะขอรับ"

ก่อนที่จื้อจงนั้นจะคาราวะทั้งคู่ก่อนที่จะขอตัวออกไปก่อนส่วนจีเทียนเต๋านั้นก็เชิญท่านผู้อวุโสไปยังใต้ต้นไม้ที่มีที่พักก่อนที่จะขอเวลาจัดเตรียมของก่อนจะเดินมาหาอีกฝ่ายพร้อมกับที่จีเทียนเต๋านั้นคุกเข่าให้กับอีกฝ่าย

"ข้าจีเทียนเต๋าขอสาบานต่อฟ้าดินนี้และบรรพบุรุษของตระกูลว่าข้านั้นจะขอกราบท่านจื้อก้านนั้นเป็น อาจารย์จะไม่มีวันทรยศหรือหักหลังจะเคารพและนับถือท่านเป็นสเมือนดั่งบิดาและมารดา จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านความตั้งใจของท่านก็คือความตั้งใจของข้าด้วยต่อให้ต้องยากลำบากขนาดไหนหรือจะต้องตายข้าจีเทียนเต๋าก็จะไม่มีวันทิ้งท่านอาจารย์หรือหักหลังเด็ดขาดถ้าข้าจีเทียนเต๋า ทรยศหักหลังท่านอาจารย์ขอให้ข้าไม่ตายดีซากศพแหลกเหลวไม่เหลือชิ้นดี ข้านั้นจะปกป้องท่านอาจารย์ด้วยชีวิต ในชีวิตของข้านี้ล้วนแล้วแต่ไม่มีสิ่งใดที่ดี สมองก็ไม่ได้ฉลาด เงินทองก็ไม่มี แต่ข้านั้นมีใจช่วยเหลือเหล่าประชา ข้าพร้อมที่จะติดตามท่านอาจารย์เป็นขุนนางช่วยเหลือชาติบ้านเมืองกอบกู้ต้าฮั่นคืนมาจากพวกขันทีพวกขุนนางกังฉินแม่ตัวตายก็จะไม่มีวันทอดทิ้งความคิดนี้ ขอให้ท่านอาจารย์ได้โปรดรับข้าเป็นศิทย์ด้วยเถอดให้ข้าคนนี้ได้เป็นกำลังให้ท่านในการช่วยเหลือชาติบ้านเมืองช่วงเหลือเหล่าประชาชนที่ตอนนี้นั้นทุกข์ร้อนกันทุกข์ย่อมหญ้า โปรดรับข้าเป็น ศิษย์ด้วยเถอะขอรับท่านอาจารย์"


พร้อมกับที่ตนเองนั้นคาราวะอีกฝ่ายสามครั้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากความตั้งใจของตนเองที่อยากจะมีอาจารย์ที่ดีมีคุณธรรมแบบนี้เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน โดยที่ตนเองนั้นมองไปที่อีกฝ่ายว่าจะรับการคาราวะของตนเองนั้นหรือไม่

ใช้ลักษณะนิสัยถ่อมตน

+15ความสัมพันธ์กันคนที่มีนิสัยเดียวกัน (NPC 005, 183)

ติ่งหูยาว

-10ผู้ให้ความสนใจ

หูดี

+5 EXP เมื่อโรลสร้างความสัมพันกับคนอื่นก่อน

+15ความสัมพันธ์คนที่คุยด้วย (NPC 005,183)

-15 ความสัมพันธ์นักษัตรขัดกัน (NPC 183)

-5ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง (NPC 183)

+10ความโหดเมื่อเจอคนหัวคลั่ง (NPC 183)

+15ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวดี (NPC 005)

+30คุณธรรมเมื่อเจอคนนิสัยเดียวกัน (005)

มอบไอเทมชาต้าหงผาให้กับ NPC 005

มอบไอเทมชาต้าหงผาให้กับ NPC 183

เขียนคำอธิษฐานและปล่อยโคมลอยร่วมกับคู่เดท (ค่าโคม 15 ตำลึงเงิน) +10 EXP
- ให้เจ้าเมืองประทับตราว่าท่านมาเที่ยวเทศกาล เพื่อไปยื่นสิทธิ์รับของแจกฟรีจากพ่อค้าหวังแห่งลั่วหยาง
- นัดเดทกับ NPC เดินเทศกาล ได้รับความสัมพันธ์พิเศษ+35 (ไม่รวมมอบของและพูดคุย) (NPC 005)
- ชวน NPC ที่มาเที่ยวเทศกาลเดินเล่นทำความรู้จัก ได้รับความสัมพันธ์พิเศษ+25 - EXP+15 (NPC 183)
@Webmaster

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-10-14 22:49:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลซื้อของ



หลังจากที่จีเทียนเต๋านั้นที่ได้แยกจากท่านอาจารย์แล้วนั้น ตนเองก็ได้เดินทางมายังตลาดของลั่วหยางที่ตอนนี้นั้รเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาซื้อของกันเต็มที่นั้นเอง หลังจากที่สายตาของตนเองนั้นสอดส่องไปยังทั่วบริเวณแล้วนั้นตนเองก็ได้เห็นสิ่งของที่น่าสนใจเต็มไปหมดเลย

"โห้ของพวกนี้น่าสนใจจริงๆเลยอ่า...ข้าควรที่จะซื้อพวกมันให้หมดเลยไหมนะแต่ว่าข้าก็จะต้องซื้อเผื่อเอาไว้บ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไรนะแบบนั้นเอาล่ะงั้นเราก็ซื้อของไปเผื่อด้วยก็แล้วกันอ่าพวกใบชาจำเป็นที่จะต้องซื้อเพราะว่ามันมีความจำเป็นที่เราจะต้องใช้นะแบบนั้น"

ก่อนที่จีเทียนเต๋านั้นจะเหมาพวกใบชาไปหมดเลยโดยที่ให้พวกพ่อค้าแม่ค้านั้นนำไปส่งที่โรงเตี๊ยมด้วยเพราะว่าตนเองนั้นมาเพียงคนเดียวคงขนไปไม่ไหว ก่อนที่ตนเองนั้นจะมองไปยังเหล่าเนื้อม้ากับพวกของแปลกๆที่ตนเองนั้นไม่เคยเห็นมาก่อน

"เอาล่ะงั้นข้าเอานี้เอานู้นด้วยก็แล้วกันนะแบบนั้น ข้าใช้คนล่ะครึ่งนะขอรับนี้ใบคนละครึ่งของข้า"

"ออของจริงแท้แน่นอนแบบนี้ได้เลยครับนายท่านข้าจะนำของที่ท่านสั่งนั้นเอาไปส่งให้ถึงที่หมายอย่างแน่นอนขอให้ท่านนั้นสบายใจได้เลยขอรับ"

"ขอบคุณท่านมากครับท่านพ่อค้า"

ก่อนที่จีเทียนเต๋าจะเก็บใบรับรองพ่อค้าเอาไว้แล้วเดินกลับไปซื้อของตรงนั้นตรงนู้นอีกเพียบเลยเหมือนช่วงนี้เป็นช่วงกอบโกยของตนเองแบบนั้นก็ไม่ปานเพราะว่าใบคนละครึ่งของพ่อค้าหวังนั้นของตนเอวมันก็ใกล้ที่จะหมดอายุแล้วเลยจะต้องรีบใช้จะได้คุ้มค่าที่สุด

ปลาทูน่า 2       500×2  อีแปะ 1000
ปลาชิง 2          500×2 อีแปะ  1000
โสมคน 1          5,000   อีแปะ  5,000
ปลาลิ่น 2           500×2  อีแปะ  1000
สีย้อม 2             1,500×2 อีแปะ  3000
เนื้อม้า 5             2,000×5 อีแปะ  8,000
เนื้อฮั่นเสีย 1     4,500      อีแปะ  4,500
รวม 23,500 อีแปะ


ใบชาผิงหลี่ 3         800×3  อีแปะ 2,400
ใบชาต้าหงผา 3      800×3  อีแปะ 2,400
ใบชาเจียวกู่หลาน 2 800×2  อีแปะ 1,600
ใบชาเหมาเฟิง 3     700×3   อีแปะ 2,100
ใบชาหลงจิน 2         700×2   อีแปะ 1,400
ใบชาฝู่เอ่อ 5            800×5    อีแปะ 4,000
รวม 13,900 อีแปะ

รวมภาษี10% 41140 อีแปะ ใช้คนละครึ่ง เหลือ 20,570


รถม้าของเล่น6    100×6 ตำลึงเงิน     600
ถุงน้ำตาล 2         500×2 ตำลึงเงิน   1,000
ช่อบัวแม่ลูก 6       199×6 ตำลึงเงิน  1,194
ว่าว 6                    299×6ตำลึงเงิน  1,794

รวมภาษี10% 5047 ตำลึงเงิน ใช้คนละครึ่ง เหลือ 2524


@Webmaster


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-10-16 13:48:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhaoPei เมื่อ 2021-10-16 13:51


         "ที่นี่เคยจัดงานอะไรที่พวกข้าไม่รู้หรือเปล่า…" จ้าวเพ่ยกล่าวถามผู้ติดตามของนางเมื่อเห็นว่าเหล่าร้านค้าที่แห่งนี้ดูครึกครื้นกว่าที่เคย ขณะเดินทางไปหาพ่อค้าหวังที่เมืองลั่วหยาง

         เสียงผู้คนมากมายสร้างแรงขยับเล็กน้อยจากแมวตัวสีดำมอมแมม อุ้งเท้าเล็กๆเกาะจ้าวเพ่ยแน่นด้วยความกลัว นางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อยเมื่อถูกแมวน้อยปีนขึ้นบนตัวก็เร่งจับแมวมากอดที่อกแน่นก่อนจะกระโดดหายไปที่ใด

         ผู้คนมากมายในย่านการค้า ทำให้เจ้าแมวตัวน้อยกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา จ้าวเพ่ยไม่รู้อดีตเบื้องลึกเบื้องหลังแมวจรตัวนี้ว่าพบเจออะไรมา แต่เมื่อก้มมองเห็นตากลมใสทั้งใบหน้าน่าเอ็นดูก็พลอยเห็นใจไม่น้อย

         "เร่งส่งอาหารเถอะ ดูท่าแมวที่เจ้านำมาด้วยจะไม่ชอบเสียเท่าไร" ซุนหยางกล่าวขณะควบม้าไปหยุดตรงหน้าร้านค้าของพ่อค้าหวัง จ้าวเพ่ยก็ลงจากหลังม้าทันที นางยื่นลูกแมวให้ซุนหยางรับช่วงต่อแต่ แมวสีดำตัวน้อยกลับเอาแต่เกาะนางแน่น

         กลัวว่าพาเจ้าตัวดำเล็กมาที่นี่จะยิ่งสร้างความเครียดกว่าเดิม นางมองหน้าซุนหยางขณะแมวเริ่มปีนขึ้นคอหญิงสาวก็จำใจต้องให้ผู้ติดตามของนางอุ้มออกไป ก่อนนางจะเดินออกไปโดยที่มีเสียงแมวร้องไล่หลังเป็นช่วงๆ

         หญิงสาวถือข้าวกล่องเดินตรงเข้าไปหาพ่อค้าหวังก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างเป็นมิตร จ้าวเพ่ยไม่ค่อยอยากจะเสวยากับพ่อค้าผู้นี้เสียเท่าไหร่เมื่อครั้งล่าสุดที่ได้เตอกันนางเสียเหลี่ยมพ่อค้าผู้นี้เข้าเสียเต็มๆ

         "ว่าอย่างไรแม่นาง มารับงานหรือ?" พ่อค้าหวังกล่าวทักทายทันทีที่เห็นจ้าวเพ่ยมาหาเขาถึงที่

         "ข้าไม่ได้มารับงานหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่พ่อค้าหวังทู่ ฝากปลาราดพริกมาส่งให้ท่าน"

         หญิงสาวกล่าวจบก็ยื่นกล่องข้าวที่นางทำมาให้กับพ่อค้าหวัง กล่องที่มีผ้าผืนสีขาวห่อสวยงามถูกแกะดึงออกต่อหน้าจ้าวเพ่ยทันที ภายในประกอบด้วยปลาราดพริกที่ถูกทำมาได้ไม่นาน ส่งกลิ่นหอมฉุยไปรอบๆ

         "น้องข้าทำมาให้ข้าหรือ" พ่อค้าหวังถามนางออกมาแล้วยกปลาขึ้นมาดมกลิ่นไปด้วย

         "พ่อค้าหวังทู่ไม่มีเวลาว่างจึงฝากให้ข้าทำมาให้เจ้าค่ะ.."

         "ข้าก็ว่า..." พ่อค้ากล่าวทั้งรอยยิ้มและหยิบตะเกียบขึ้นมาตักเนื้อปลาที่นางทำเข้าปาก "ทั้งกลิ่นและรสชาติไม่เหมือนที่น้องข้าทำเลย"

         "ไม่อร่อยหรือเจ้าคะ" นางเริ่มเกิดความกังวลเมื่อพ่อค้าได้กล่าวออกมาเช่นนั้น จ้าวเพ่ยประสานมือวางไว้ที่อกทั้งบีบแน่นด้วยความกังวลขึ้นมา

         "ไม่ใช่เช่นนั้น.. ปลาราดพริกที่แม่นางทำก็อร่อย แต่ข้าเพียงแค่กล่าวว่าต่างจากที่น้องชายข้าทำเพียงเท่านั้นเอง" พ่อค้าหวังแก้ต่างให้ เขาตักเนื้อปลาที่ถูกย่างกรอบเข้าปากอีกคำและยิ้มขึ้นมาให้จ้าวเพ่ยสบายใจขึ้นมาบ้าง "หากคราหน้าแม่นางว่างไม่มีงาน ทำปลาราดพริกมาส่งอีกสิ.."

         "เจ้าค่ะ.. หากพ่อค้าชอบมันข้าก็จะรับงานทำอาหารมาส่งให้บ่อยๆ" นางยิ้มอย่สงดีอกดีใจเมื่อได้รับการตอบรับมาดีเกินที่นางคาดเอาไว้ จ้าวเพ่ยหันไปมองซุนหยางอุ้มแมวที่ร้องระงมมาก็สร้างความสนใจแก่พ่อค้าไม่น้อย "ข้าต้องเร่งกลับแล้วนะเจ้าคะ น่าเสียดายที่ไม่ได้คุยนาน.."

         "เดินทางปลอดภัยล่ะแม่นาง" พ่อค้ากล่าวกับจ้าวเพ่ยเมื่อเห็นว่านางกล่าวลากับตน เขาวางปลาราดพริกเอาไว้ข้างกายเพื่อต้อนรับลูกค้าที่พึ่งมาใหม่ขณะที่จ้าวเพ่ยเองก็เดินออกจากหน้าร้านไป

         แมวตัวน้อยๆเกาะซุนหยางแน่นสร้างเสียงหัวเราะเล็กๆแก่ต้าวเพ่ยขณะที่นางปีนขึ้นบนหลังม้า หญิงสาวมองร้านค้ารายทางรอบๆขณะกำลังเดินทางกลับยังซีเหอ ก็สอดส่องหาอาหารและนมที่พอจะให้แมวตัวน้อยๆได้กินประทังชีพก่อนระหว่างการเดินทาง



Side Quest Update :: ทำปลาราดพริกส่งพี่ชาย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้