เจ้าของ: Watcher

[หมู่บ้านเซิ่งหุน] บ้านตีเหล็ก | สกุลเสิ่น

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-10-10 23:14:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด

 


เควสประจำวัน รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน

ตอนที่ 7 ถึงที่หมายและพักเอาแรง



พลบค่ำของวันนี้ ในที่สุดแล้วเก้อหลี่กับเฉินกวง หนึ่งนักปราชญ์หนุ่มกับหนึ่งอดีตโจรกลับใจได้เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางของวันนี้ นั่นคือ หมู่บ้านเซิ่งหุน หมู่บ้านที่ซึ่งตามที่พ่อค้าหวังมอบหมายงานมานั้น เก้อหลี่จะต้องไปติดต่อรับแร่ยังบ้านตีเหล็กประจำหมู่บ้านตามใบสั่ง เพื่อนำกลับไปส่งมอบให้กับพ่อค้าหวัง เป็นอันจบงาน และชนะคำท้าระหว่างเขากับพ่อค้าหวัง พร้อมกับรับค่าตอบแทน


“เฮ้อ ถึงแล้วสินะ ข้าชักจะง่วงเสียแล้วสิ”


เสียงทุ้มห้าวพูดออกมาอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเอามือใหญ่ป้องปากแล้วหาว ขณะที่อีกมือก็ยืดเหยียดเพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง เช่นเดียวกับเก้อหลี่ที่ยืดเหยียดแขนขาเพื่อคลายความปวดเมื่อยและอ่อนล้าจากการที่เขาเดินทางยาวนานตั้งแต่ตอนสาย ๆ จากนครลั่วหยางมาจนถึงตอนนี้ เขาแทบไม่อยากจะก้าวเดินต่อแล้ว แต่เมื่อนึกถึงว่า ต้องหาที่พักในคืนนี้เสียก่อน ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องก้าวเดินต่อไป


หลังจากถามทางกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่กำลังตั้งวงนั่งดื่มสุรากันอยู่นั่นเอง เก้อหลี่ก็เดินตรงไปยังทางเดินที่จะพาเขาไปยังบ้านตีเหล็กของคนสกุลเสิ่นเพียงคนเดียว ส่วนเฉินกวงนั้นหลังจากพูดคุยกับชาวบ้านอยู่สองสามประโยคประกอบกับความอยากสุราจึงขอนั่งดื่มสุราร่วมกับชาวบ้านรอเก้อหลี่คุยธุระเสร็จก่อน เก้อหลี่นั้นแม้จะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่อยากจะบังคับอะไรมากมาย จึงได้ปรามและเตือนให้ชายผู้เป็นอดีตโจรโพกผ้าเหลืองให้ระมัดระวังในคำพูดคำจาและการกระทำเสีย อย่าให้เกิดเรื่องเดือดร้อนเป็นอันขาด มิฉะนั้นเราทั้งสองจะเดือดร้อน ซึ่งเฉินกวงก็รับฟังแต่โดยดี


เก้อหลี่เดินมาหยุดยังบริเวณลานกว้างของคฤหาสน์หลังหนึ่ง ซึ่งเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่มากตั้งกินพื้นที่แนวเขาของหมู่บ้าน แนวกำแพงสีแดงและกระเบื้องหลังคาสีดำช่างเป็นสีตัดกันที่ดูบาดตาและงดงามแปลก ๆ ชายหนุ่มยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินไปหยุดยืนตรงประตูคฤหาสน์ เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วกำมือเคาะประตูสองสามที


“นั่นใคร จงแจ้งชื่อเสียงเรียงนามพร้อมเหตุผลที่มาที่นี่ในยามวิกาลมาเสีย มิเช่นนั้นก็จงกลับไป”


เสียงทุ้มดุดังขึ้นจากเบื้องหลังประตูบานใหญ่ แม้จะฟังดูน่ากลัวแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย


“ข้าเก้อหลี่ ได้รับคำสั่งจากพ่อค้าหวังให้มาพบกับเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ เพื่อติดต่อธุรกิจ ขออภัยที่ข้าเดินทางมาถึงที่แห่งนี้ช้ายิ่งนัก”


ชายหนุ่มเอ่ยแจ้งธุระของตนให้อีกฝ่ายที่อยู่หลังประตูฟังอย่างใจเย็น ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝั่งนั้นจะเงียบเสียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนกลับมา


“คนของพ่อค้าหวังงั้นหรือ ไหนลองส่งหนังสือคำสั่งมาให้เราดูหน่อยสิ”


เก้อหลี่ได้ยินดังนั้นก็หันไปล้วงควานหาหนังสือใบสั่งสินค้าของพ่อค้าหวังในกระเป๋าย่ามของตน เมื่อเจอแล้วก็หยิบออกมา ยื่นส่งมันผ่านช่องประตูเล็ก ซึ่งก็มีคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูดึงมันเข้าไปในช่อง ชายหนุ่มยืนรอเงียบ ๆ รอการตอบรับจากอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนจะนานกว่าเมื่อครู่เสียอีก แต่แล้วก็มีเสียงตะโกนตอบกลับมา


“นายท่านบอกว่า รับทราบแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาติดต่อธุระอีกครั้ง ในเวลานี้จะให้ไปพักเสียที่ห้องรับรอง ว่าแต่เจ้ามากันกี่คนหรือ”


ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็นึกขึ้นได้ว่า ในยามนี้เฉินกวงจะเมามายแล้วหรือเปล่า และหากเกิดเมาแล้วอาละวาดขึ้นมาเล่า จะเกิดเรื่องวุ่นวายเสียกระมัง แต่เอาเถอะถึงจะเมาเช่นไร คนมีสติก็คงจะจัดการคนเมาได้อยู่ล่ะมั้งนะ ชายหนุ่มคิดตรึกตรองในใจ ก่อนจะเอ่ยปากตอบไปว่า


“ข้ามากับผู้ติดตามอีกคนนึง เดี๋ยวข้าจะไปตามเขามาพักเสียด้วยกันนะ”


“ย่อมได้ เร็ว ๆ หน่อยละกันนะ มันยามวิกาลแล้ว”


เสียงตะโกนดังตอบกลับมา ทำให้ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินกลับไปยังจุดที่ชาวบ้านกำลังนั่งดื่มสุราพูดคุยกัน ซึ่งในเวลานี้ดูเหมือนว่า ชาวบ้านกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันแล้ว คงเหลือแต่เฉินกวงชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังนั่งดื่มสุราร้องเพลงกับชาวบ้านอีกสองสามคน ดูท่าจะเริ่มติดลมเสียแล้วสิ ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนเบื้องหน้าอดีตโจรกลับใจแล้วมองดูอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย


“ว่าไงหรือเจ้านาย ทำงานเสร็จแล้วหรือ”


เฉินกวงที่ดูท่าจะเมาได้ที่แล้ว เริ่มพูดลิ้นพันกันแต่หากฟังดูแล้วเหมือนกับว่า จะพูดสุภาพเสียกว่าตอนที่ยังมีสติดีอยู่เสียอีกนะ เก้อหลี่ลอบยิ้มขำก่อนจะปั้นหน้าเรียบเฉยอีกครา แล้วเอ่ยปากพูด


“เรียบร้อยแล้ว และข้าหาที่พักให้พวกเราสองคนได้แล้ว ดังนั้นเลิกดื่มเสีย แล้วตามข้ามาได้แล้ว”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น ดวงตาสีน้ำตาลของเขามองดูอีกฝ่าย เพื่อดูท่าทีว่าอีกฝ่ายจะต่อต้านตนหรือไม่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเงียบแล้วจ้องมองเขากลับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกไหสุราใบนั้นขึ้นมาดื่มเสียจนหมดแล้ววางลงบนโต๊ะ เฉินกวงลุกขึ้นยืนแล้วยืดเหยียดแขนก่อนจะหาวเสียงดัง


“ย่อมได้ เฉินกวงผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ยอมรับฟังท่านแต่เพียงผู้เดียว”


เก้อหลี่ถอนหายใจเล็กน้อย แล้วยิ้มอ่อน ก่อนจะหันหลังแล้วเดินนำชายร่างสูงใหญ่ผู้เมามายเดินไปยังคฤหาสน์สกุลเสิ่นโดยเร็ว


เมื่อเดินไปถึงประตูคฤหาสน์แล้ว เก้อหลี่ก็เคาะประตูสองสามทีอีกครา แล้วแจ้งชื่อเสียงเรียงนามให้คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูทราบ ไม่นานนักประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก ปรากฎว่า เป็นชายร่างเล็กหน้าตาบึ้งตึงกำลังจ้องมองเขาอยู่ ชายผู้นั้นมองดูเก้อหลี่และเฉินกวงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้เฉินกวงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ถูกเก้อหลี่ผู้เป็นนายหันไปมองส่งสายตาปรามไว้เสียก่อน


“นายท่านให้พวกเจ้าไปพักยังเรือนรับรองของพวกคนรับใช้ของพ่อค้าเสียก่อน อยู่ทางปีกตะวันตก ไม่ไกลนักหรอก ข้าได้ให้คนเตรียมห้องนอนไว้แล้ว ไว้รุ่งเช้า เจ้าค่อยพบกับนายท่าน”


เก้อหลี่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า แล้วเดินไปยังทิศทางที่ชายหน้าบึ้งตึงคนนั้นผายมือไปให้ เฉินกวงนั้นจ้องมองชายผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเดินตามเก้อหลี่ไปแต่โดยดี ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกับชายร่างสูงใหญ่เดินผ่านโถงที่กว้างกว่าเจ็ดลี้ประดับทาสีผนังด้วยสีแดงดั่งเลือดและพื้นกระเบื้องที่เป็นสีดำ ช่างดูแปลกตาเสียจริง ๆ ขณะที่เดินไปเรื่อย ๆ นั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงทั่งและค้อนตีเหล็กดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เรื่อย ๆ ทำให้เขารู้สึกสงสัยยิ่งนักว่า ยามวิกาลเช่นนี้ คนงานแห่งนี้ยังมิหยุดพักอีกงั้นหรือ แต่นั่นก็มิใช่ธุระใด ๆ ที่เขาจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง


สองนายบ่าวเดินมาถึงเรือนหลังเล็กหลังหนึ่งซึ่งมีห้องหนึ่งเปิดประตูทิ้งไว้อยู่ คงจะเป็นห้องพักที่ทางสกุลเสิ่นเตรียมไว้กระมัง เมื่อเดินเข้าไปก็มีเพียงฟูกนอนและหมอนผ้าห่มสองชุดปูอยู่บนพื้น คงจะรู้นั่นแหละนะว่า พวกเขาคงจะค้างคืนเพียงคืนเดียว แต่ก็เอาเถอะ เก้อหลี่หันไปชี้แจงงานที่ต้องทำพรุ่งนี้ให้กับเฉินกวงที่เริ่มสับปะหงกเพราะง่วงและเมาด้วยฤทธิ์สุรา ซึ่งเก้อหลี่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก เห็นทีคงจะต้องย้ำเตือนอีกครั้งในตอนเช้ากระมังนะ ว่าแล้วทั้งสองคนก็พากันนอนลงบนฟูกนอน เก้อหลี่ใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการที่จะข่มตานอน ทั้งด้วยความแปลกที่และด้วยเสียงกรนที่ดังลั่นห้องของเฉินกวง เขาครุ่นคิดวางแผนถึงสิ่งที่จะต้องทำในวันพรุ่งนี้เป็นการทบทวนอีกรอบเสีย ก่อนที่จะเผลอหลับไปในที่สุด . . .



ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-11 19:15:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด


เควสประจำวัน รับแร่จากหมู่บ้านเซิ่งหุน

ตอนที่ 8 ช่างตีเหล็กและก้อนเงิน



เช้ามืดของวันนี้ เฉินกวงสะดุ้งตัวลืมตาตื่นด้วยเสียงของทั่งและค้อนตีเหล็กที่ดังอยู่เป็นจังหวะสมำ่เสมอ ไม่ไกลจากจุดที่เขานอนพักอยู่ ชายร่างสูงใหญ่ผู้มีหน้าตาดุดันค่อย ๆ ขยี้ตาแล้วมองดูรอบ ๆ เขารู้สึกมึน ๆ หัวคงเพราะฤทธิ์ของสุราที่เขาดื่มไปเมื่อคืนยังคงตกค้างอยู่ เขาพยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่เขาจะหลับไป ก็นึกได้เพียงแค่ว่า ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายของตน นำทางเขามาพักยังห้องพักนี้ อ้าวแล้วเขาไปอยู่ที่ใดกันเล่า


“ตื่นแล้วงั้นหรือ”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทัก เฉินกวงหันไปมองหาเจ้าของเสียงพูดก็ปรากฎเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินถือซาลาเปาสามสี่ลูกเดินเข้ามา ชายร่างสูงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนฟูกอีกครั้ง เก้อหลี่เห็นท่าทางของชายผู้เป็นผู้ติดตามของตนแสดงอาการเกียจคร้านก็เดินไปยืนอยู่ตรงฟูกนอนของเฉินกวง


“ลุกได้แล้ว เราต้องเตรียมเดินทางกันต่อ”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเก้อหลี่ในยามนี้แฝงด้วยความจริงจัง แต่กลับกลายเป็นว่าชายร่างสูงใหญ่นั้นกลับเอามือป้องปากหาวหวอดหนึ่งเสีย แล้วหลับตานอน


“ของีบเสียอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นหรอกกระมัง”


คำพูดของชายร่างสูงใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มต้องมองบนด้วยความเอือมระอา แต่ถึงกระนั้นเขาก็วางซาลาเปาไว้ข้าง ๆ ชายร่างสูงใหญ่สองสามลูกก่อนจะเดินไปหยิบย่ามของตนมาสะพายไว้ ก่อนจะเดินไปยังประตู


“ข้าให้เวลาเจ้าเตรียมตัวออกเดินทางแลกินซาลาเปาสองลูกนั่นเสียให้เรียบร้อยภายในห้านาที แล้วมาพบข้าที่โถงใหญ่”


ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องพักไป ทิ้งให้ชายร่างสูงใหญ่จัดการธุระของตัวเองเสียให้เรียบร้อย หวังว่าจะยอมทำตามเสียแต่โดยดีนะ เก้อหลี่คิดในใจ ก่อนจะเดินไปตามทางเดินไปยังโถงใหญ่ที่เขามาพบกับชายหน้าบึ้งตึงเมื่อคืน ระหว่างทางนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทั่งและค้อนตีเหล็กที่ยังคงส่งเสียงดังอยู่ไม่ขาดสาย ขณะเดียวกันนั้นก็เห็นบรรดาบ่าวรับใช้และคนงานในโรงงานพากันเดินขวักไขว่ไปทั่ว ท่าทางจะวุ่นวายเสียตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว


ชายหนุ่มเดินมาหาชายหน้าบึ้งตึงยังโถงใหญ่ ซึ่งชายผู้นั้นกำลังยืนชี้นิ้วสั่งงานแก่บรรดาคนงานทั้งหลายที่กำลังขนสินค้าออกไปจากคฤหาสน์ ข้าง ๆ ชายผู้นั้นปรากฎเป็นชายร่างสูงโปร่งผู้มีผมสีขาวยาวสลวย ท่าทางดูภูมิฐานและสง่ายิ่งกว่าชายหน้าบึ้งเสียอีก เขายืนนิ่งมองดูคนงานทำงานด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ตรงข้ามกับชายหน้าบึ้งที่เอาแต่ตะโกนและชี้นิ้วออกคำสั่งอยู่แทบจะตลอดเวลา เก้อหลี่ไม่รอช้าเดินไปหาชายทั้งสองคนซึ่งพอดีกับที่เฉินกวงเดินตามมาพอดี


“ตื่นแล้วหรือ ดูจะตื่นสายกันเสียจริง ๆ นะ”


ชายหน้าบึ้งเอ่ยพลางยิ้มเยาะ มองดูชายหนุ่มและผู้ติดตามด้วยสายตาดูถูก สร้างความไม่พอใจให้กับเฉินกวงยิ่งนั้น แต่ก่อนที่เขาจะเผลอกระทำสิ่งใดไปด้วยความหงุดหงิดก็ได้ยินเสียงกระแอมไอของเก้อหลี่เสียก่อนทำให้เขายอมอยู่นิ่ง ๆ แต่โดยดีและให้ชายหนุ่มผู้เป็นนายพูดเจรจาแทน


“ขออภัยยิ่งนักที่เรามาสาย แต่ถึงกระนั้นก็อย่าได้เสียเวลาเลย เรามาว่ากันเรื่องธุระที่ข้าต้องมาติดต่อกับนายของท่านเสียเถอะ”


ไม่ทันที่ชายหน้าบึ้งจะเอ่ยปากพูด เก้อหลี่ก็หันไปยังชายผู้ที่น่าจะเป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้เสีย ก่อนจะแสดงความเคารพแก่เขา แล้วเอ่ยปากพูด


“ท่านคงเป็นนายช่างใหญ่แห่งตระกูลเสิ่นสินะ ข้าเก้อหลี่และนี่ผู้ติดตามของข้าเฉินกวง พวกเราได้รับคำสั่งจากพ่อค้าหวังให้มารับแร่ที่สั่งซื้อไว้ ตามใบสั่งที่ชายผู้นี้รับไปจากข้า . . .”


เก้อหลี่พูดพลางผายมือไปยังชายหน้าบึ้ง ชายผมขาวมองดูเก้อหลี่และเฉินกวงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วยิ้ม


“คนของพ่อค้าหวังสินะ ข้าได้อ่านใบคำสั่งแล้ว อืม . . . จะว่าไป ไม่นึกเลยนะว่า นักปราชญ์หนุ่มเช่นเจ้าจะมาทำงานที่ใช้กำลังเช่นนี้ ไหนจะต้องเดินทางไกลตั้งหลายเมือง ช่างมีความมานะพยายามเสียจริง ๆ ข้าขอชื่นชม สิ่งที่จะนำไปส่งพ่อค้าหวังนั้นคือ แร่เงินสามสิบหาบ ข้าจะให้พวกเจ้ายืมเกวียนบรรทุกแร่ไป จงบอกแก่พ่อค้าหวังให้นำเกวียนมาส่งคืนเสียด้วยล่ะ อ้อ แร่เงินนั้นมีราคาแพงมากนะ อย่าได้คิดทำหายเชียว หรือแม้แต่จะคิดยักยอกไว้เสียเองด้วยล่ะ ข้าขอเตือนไว้ก่อน เพราะนักธุรกิจเช่นตระกูลหวังนั้น ไม่ให้อภัยกับคนที่หักหลังพวกเขา และไม่เคยเมตตาด้วยล่ะนะ . . .”


เสิ่น หลางมั่ว นายช่างใหญ่ผู้นำตระกูลเสิ่น เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม พลางพูดเตือนชายหนุ่มและผู้ติดตามกลาย ๆ เสียว่า อย่าได้คิดเสี่ยงทำอะไรที่มันอันตรายเกินไป เขาหยุดพูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ


“ข้าได้ให้คนงานจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วที่หน้าคฤหาสน์ ขอให้เจ้าสองคนเดินทางปลอดภัยล่ะนะ”


เมื่อกล่าวจบ เก้อหลี่ก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแสดงความเคารพและเดินนำเฉินกวงออกไปจากคฤหาสน์ เมื่อก้าวพ้นออกจากประตูคฤหาสน์ ก็มีคนงานกำลังยืนเฝ้าเกวียนคันหนึ่งที่เทียมด้วยวัวสองตัว หลังเกวียนนั้นบรรทุกลังที่บรรจุแร่เงินจำนวนสามสิบหาบไว้ เก้อหลี่เดินไปยืนคุยกับคนงานอยู่ครู่หนึ่งก็เดินไปนั่งบนเกวียน เฉินกวงเห็นดังนั้นก็เดินไปนั่งตาม เก้อหลี่ยื่นบังเหียนคุมวัวทั้งสองตัวให้กับเฉินกวงก่อนจะเอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น


“เราต้องเดินทางให้ถึงลั่วหยางภายในวันนี้ เจ้าจะนำพวกเราไปให้เร็วที่สุดเช่นไรก็ได้ แต่ก็ระวังด้วยนะ อย่าให้แร่ร่วงตกแม้แต่ก้อนเดียวล่ะ ไม่งั้นพวกเราจะเดือดร้อนทั้งหมด”


ชายร่างสูงใหญ่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะร่า ก่อนจะใช้มือใหญ่รับบังเหียนมากุมไว้ แล้วยิ้มกว้าง


“ไว้ใจข้าได้เลย สมัยก่อนตอนที่ข้ายังเป็นชาวนา ข้าเคยขับเกวียนจากบ้านของข้าไปลั่วหยางและขับจากลั่วหยางกลับมาบ้านข้าภายในวันเดียวเลยล่ะ ฮ่า ๆๆ”


“แล้วผลลัพธ์เป็นเช่นไรเล่า”


เก้อหลี่เอ่ยปากถาม ชายร่างสูงใหญ่กุมบังเหียนไว้แน่นพลางหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัยให้กับชายหนุ่ม


“ข้าวของกระจายเสียหมดเลยล่ะ ย่าห์ !!!”


ว่าแล้วมือใหญ่ก็กระตุกบังเหียนให้วัวทั้งสองตัวที่เทียมเกวียนขนแร่ เดินควบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนทำให้ชายหนุ่มแทบจะตั้งตัวไม่ทันเกือบตกเกวียนแต่ก็หาที่ยึดเกาะไว้ได้ทัน เสียงหัวเราะห้าวดังไปทั่ว เฉินกวงค่อย ๆ เร่งความเร็วให้วัวทั้งสองวิ่งควบไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เก้อหลี่คอยหันรีหันขวางมองดูทั้งทางข้างหน้าและหันไปมองดูแร่ที่บรรทุกอยู่ข้างหลัง แต่เมื่อเห็นว่าชายร่างสูงใหญ่แม้จะบังคับวัวให้เร่งฝีเท้าเร็วเพียงใด แต่เขาก็รู้จักผ่อนความเร็วเมื่อเห็นว่าทางข้างหน้านั้นดูเสี่ยงอันตราย แสดงว่ายังพอจะมีความคิดอยู่บ้าง นั่นทำให้ชายหนุ่มโล่งใจเสียเปราะหนึ่ง . . .



 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-11-16 19:28:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Liangjin เมื่อ 2021-11-16 19:34






       จากโรงเตี๊ยมใช้เวลาไม่นานในการมาถึง เขายังคงถามชาวบ้านร้านตลาดเหมือนเช่นเคย จนทราบพิกัดที่ตั้งของบ้านตีเหล็กในหมู่บ้าน

       "คุณชายมาหาใครขอรับ" คนเฝ้าด้านหน้าบ้านตีเหล็กกล่าวถามคุณชายที่เดินเข้ามา
      
       "ข้ามาหาช่างตีเหล็กน่ะ พอดีข้าสนใจอยากเรียนการตีเหล็ก เลยอยากมาเรียนหาวิชาความรู้ซะหน่อย"

       เลี่ยงจินกล่าวไปเช่นนั้นแน่นอนเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เขาใคร่สนใจในความรู้การได้เรียนสิ่งใหม่ก็เป็นการสนองต่อสิ่งนั้น

     "เช่นนั้นตามข้ามาขอรับ นายช่างกำลังทำงานที่โรงช่าง" คนเฝ้าประตูกล่าวก่อนผายมือเชิญอีกฝ่ายเดินตามเข้าไปด้านใน
      
      'นี่ข้าเข้ามาขัดเวลาทำงานใช่ไหมนี่..' เลี่ยงจิงพึมพำในใจเมื่อได้ยินว่าช่างกำลังอยู่ในโรงช่าง

      เขานำทางแขกผ่านทางเดินของบ้าน ระหว่างทางภายในเรือนหลังนี้เป็นทั้งคฤหาสน์และสถานที่ทำงานของเหล่าคนงานของบ้านตีเหล็ก บุรุษเดินถอดเสื้อไปมามากมาย
      
     สายตาของเลี่ยงจินกวาดมองผู้คนโดยรอบอย่างตื่นตา ภาพในโรงตีเหล็กเช่นนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เคยเจอ

       "นายท่านขอรับมีแขกจากบ้านผู้ใหญ่มาขอเข้าพบ" คนเฝ้าประตูเดินมาจนถึงด้านหน้าโรงช่างก่อนจะพูดเสียงดังแจ้งท่านเจ้าบ้านด้านใน
       เสียงบุรุษผมสีเงินเงยหน้าจากการตีเหล็ก ก่อนจะสะบัดผมไปไว้ด้านหลัง "เข้ามาได้"
      
      "ข้าชื่อซีเปียน พอดีข้าอยากมาเจอกับท่านน่ะ" เลี่ยงจินกล่าวแนะนำตัวกับนายช่างใหญ่ของบ้านตีเหล็กแห่งนี้
     
       "อ่าห์... เจ้าจะชื่ออะไรข้าไม่สนหรอก มาที่นี่มีธุระอะไรรีบพูดมา ข้าไม่มีเวลาว่างนัก" นายช่างเสิ่นกล่าวถามอีกฝ่ายพลางเดินไปล้างมือที่อ่าง
      
       "คือว่าข้าได้รับคำแนะนำให้มาเรียนตีเหล็กที่นี่ ไม่ทราบว่าท่านช่วยสอนข้าให้ได้ไหม" ชายหนุ่มพูดออกไปเช่นนี้

       "เช่นนั้นนำกล่องเจ้ามาวางบนโต๊ะสิ ลองเปิดดูมีวัตถุดิบอะไรบ้างที่เจ้าขะหลอมอาวุธกัน" นายช่างเสิ่นกล่าวก่อนผายมือให้อีกฝ่ายไปวางกล่องที่ถือมาเพื่อตรวจดูวัตถุดิบ
      
     "ในกล่องนี้มี ทองสำริด ก้อนดีบุก ก้อนทองแดง แร่มีเพียงเท่านี้" เขาใช้สายตาไล่ดูวัตถุดิบแต่ละชิ้นอย่างละเอียด

       "อืม..ดูเหมือนจะทำกระบี่คุณภาพดีได้สักเล่ม เจ้าต้องจำไว้ให้ดีการตีเหล็กก็เหมือนการที่เจ้าต้องถนอมด้วยสองมือที่เปี่ยมด้วยความรักต่อศาสตราวุธที่เจ้าจะสร้าง อาวุธจะออกมาแข็งแกร่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับความรักที่เจ้าใส่ลงไปในขั้นตอนการตี"
      
       'หืม.. พลังแห่งรักหรอ..'

    เขายืนฟังคำพูดของนายช่างแต่ไม่รู้อย่างไรเหตุใดเขาจึงรู้สึกเหมือนฟังคนคลั่งเหล็กมาสาธารยายความรักของตนพิกล

       "รวมลมปราณไว้ที่มือขวาของเจ้า ในการออกแรงตีเหล็กจะต้องไม่หนักและหย่อนยานเกินไป จำไว้ให้ขึ้นใจ หากเจ้าสามารถตีด้วยแรงที่พอเหมาะ รวมพลังไว้จุดเดียวจะทำให้ศาสตราวุธเจ้ายิ่งแข็งแกร่ง" นายช่างเสิ่นกล่าวสอนชี้แนะอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มสอนการถลุงแร่
      
     เลี่ยงจินมองยังนายช่างอย่างตั้งใจ ระหว่างดูก็จดจำเลียนแบบท่าทางไปด้วย ก่ายกว่าตอนทำอาหารอยู่หลายขุม
      
       "ตอนนี้เจ้าคงพร้อมแล้ว เจ้าค่อย ๆ หลับตาทำสมาธิมือขวาเลื่อนไปจับค้อน (เลือกเมนู My Status จากนั้นเลือกที่ ทักษะดำรงชีพ เมื่อเข้าสู่หน้าศูนย์หลอมให้เลือก หลอมอุปกรณ์)" นายช่างเสิ่นแนะนำการหลอมอาวุธอีกฝ่าย "จากนั้นให้เจ้าโคจรลมปราณที่มือขวาที่จุดเดียว และลงมือตีก้อนสำริดที่เจ้าถลุงมาได้เลย จากก้อนสู่แผ่นและคัดให้มันตรงดิ่ง แต่จำไว้ทุก ๆ การตีเจ้าต้องมีจิตใจที่หนักแน่นและไม่หนักเกินไป แต่ก็ไม่เบาเกินไป"
      
     เขาฟังและเริ่มตั้งสมาธิลงมือ แม้ในยามแรกเขาจะดูเกร็งและเงอะงะไปบ้าง แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มเข้าที ผ่านไปหลายชั่วยามความพยายามก็สำริดผล

       "เจ้านับว่าทำกระบี่ที่งดงามทีเดียว ความแกร่งพอฟาดฟันโจรโพกผ้าเหลืองได้นับว่าไม่เลวสำหรับครั้งแรก" นายช่างเสิ่นกล่าวชม ก่อนจะทดสอบดีดกระบี่วิถีโค้งและความอ่อนนุ่มของกระบี่
      
      "งั้นหรอ ท่านชมข้าเช่นนี้ ข้าชักเขินแล้วนะเนี่ย ฮะฮา" เลี่ยงจินหัวเราะอย่างเขินอายกับคำพูดของนายช่าง

       "เอานี่ของข้าให้เจ้าไว้ใช้ในอนาคต และข้าฝากเจ้านำเงินนี้ไปให้คนเลี้ยงไก่ที่ทางตะวันตกของหมู่บ้านด้วยได้ไหม" นายช่างเสิ่นถามอีกฝ่าย
      
         "ได้สิ ไม่มีปัญหาอันใดอยู่แล้ว" เขาพยักหน้าตอบตกลงไปในทันทีในคำขอของอีกฝ่าย


       "ขอบคุณนะที่ช่วยเหลือ เจ้าไปถึงที่นั่นก็ง่าย ๆ หยิบเงินจากในซองนี้แล้วยื่นให้คนเลี้ยงสัตว์ถึงมือเขา (ไปที่เมนูธุรกรรม > โอนเงินให้เพื่อน > เลือกสกุลเงินที่จะโอน จากนั้นใส่ไอดีเพื่อนที่ต้องการโอนให้) เจ้าเข้าใจใช่ไหม)" นายช่างเสิ่นถามก่อนจะบอกอีกบางอย่าง "บางทีเจ้าไปที่นั่น เขาอาจใจดีสอนการเลี้ยงสัตว์ให้เจ้า สัตว์เลี้ยงนี้มีประโยชน์ต่อเจ้ามากนะ พวกมันหลายชนิดจะให้ทรัพยากรแก่เจ้า"
      นายช่างกล่าวก่อนเรียกเด็กพาอีกฝ่ายไปส่ง และบอกให้เขาพาไปเอาไก่ ที่ท้ายเรือน 1 ตัว ก่อนจะพูดอีกว่า "ฝากคู่หูด้วยนะ มันติดตามเจ้า คอยดูแลมันให้ดีแล้วมันจะออกไข่ให้เจ้าทุกวัน"

   "หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะ" เขายิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับนายช่างและรับไก่ที่มีคนไปเอามาให้มาใส่ในอ้อมแขน

   'ต่อไปก็คือไปหาคนเลี้ยงไก่สินะ'

เมื่อตั้งเป้าหมายต่อไปเป็นอันเรียบร้อย เลี่ยงจินก็ได้เดินทางออกจากโรงตีเหล็กเลี่ยงจินก็ได้เดินทางออกจากโรงตีเหล็กไป

สุขุม
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้


    หนอนหนังสือ
+4 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
         
    อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
                                                                 @Watcher

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
ขวานไม้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x10
x20
x30
x3
x3
x1
x12
x3
x3
x3
x40
x14
x14
x4
x2
x1
x4
x10
โพสต์ 2022-6-3 21:20:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

         ก้มลงมองดูเส้นทางในแผนที่ซึ่งเขาจำเป็นจะต้องอ่านแผนที่และเดินไปตามเส้นทางนั้นเพื่อไปยังที่หมายต่อไป ตลอดเวลาทั้งวันยังคงใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ภายในหมู่บ้านเซิ่งหุน บุรุษหนุ่มร่างสูงก้าวเท้าเดินอย่างสม่ำเสมอ เวลาล่วงเลยจนมาถึงพลบค่ำ โดยมือทั้งสองข้างถืออุปกรณ์สำหรับใช้ในการหลอมอาวุธ

          “บ้านตีเหล็ก ไปทางนี้หรือไม่” เมื่อมีคนผ่านทางมาจึงลองสอบถามดูตามเส้นทางในแผนที่คิดว่าน่าจะมาทางนี้ได้ถูกต้อง เซียนซีมีความรอบคอบระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และอีกนัยยะนึงสาเหตุของการทักทายชาวบ้านคนนั้น ก็เพื่อทำให้อีกฝ่ายมารับฟังเกี่ยวการสิ่งที่เขาต้องการจะเผยแพร่ โดยหวังว่าการเล่าของเขาจะทำให้ชายคนนั้นนำไปเล่าต่อๆ

          “อ่อไปทางนี้ มืดๆค่ำๆ เจ้าจะไปบ้านนายช่างใหญ่ ทำไมรึ”

          “ข้ามีธุระสำคัญน่ะขอรับ ว่าแต่ ถ้ามีเรื่องรบกวนจะสอบถามเล็กน้อย” นัยน์ตาสีรุ้ง เปล่งประกายท่ามกลางความมืด

          “จะสอบถามสิ่งใด ถ้ารู้ข้าจะตอบให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องวิชาการค่าคงตอบให้เจ้าไม่ได้หรอก ข้าเป็นผู้มีความรู้น้อย” ชายหนุ่มชาวบ้านตอบ

          “ผู้คนในหมู่บ้านเซิ่งหุน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอะไรกัน”

          “ส่วนใหญ่ศาสนาพุทธกับไม่นับถือศาสนา” เขาตอบกลับอย่างเรียบง่ายก่อนที่จะถือคบเพลิง เพื่อให้มองเห็นแสงไฟบนท้องถนน และส่องไปทางเส้นทางไปบ้านนายช่างใหญ่สกุลเสิ่น “ไปทางถนนตรงนั้น”

          พยักหน้าเล็กน้อย “ท่านคิดเช่นไรกับการที่ คนในครอบครัวแต่งงานกันเอง ในหมู่ชนชั้นสูงสมัยก่อนก็มีการแต่งงานกันเองและสืบสายเลือดบริสุทธิ์ หากแต่ปัจจุบันหลายศาสนาคิดว่าสิ่งนั้นเป็นบาป การแต่งงานระหว่างพี่น้องจะทำให้สายตระกูลมีความบริสุทธิ์ และยังเป็นการรักษาทรัพย์สมบัติของครอบครัวไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น การแต่งงานในวงศ์ตระกูลจะช่วยรักษาอำนาจให้แข็งแกร่ง และช่วยให้ความศักดิ์สิทธิ์ของผู้ปกครองยังคงดำรงอยู่” เซียนซีเริ่มเล่าอธิบายเรื่องราวที่เขาอยากเล่า เสมือนเป็นตัวแทนนักแต่งนิทาน

          ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาได้พบเจอมาตั้งแต่เยาว์วัยในครอบครัวของตัวเอง อยากที่จะเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจ “ความรักไม่จำเป็นจะต้องจำกัดเพศหรือสถานะเครือญาติครอบครัว ขอแค่ทั้งสองรักกันมันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี”

          “เรื่องที่ท่านเล่าแม้จะฟังดูแปลกๆ แต่ข้าจะรับฟังไว้ก็แล้วกัน” เขาฟังในสิ่งที่บุรุษนัยน์ตาประหลาดเล่า

          “ขอบคุณที่รับฟังข้า” น้ำเสียงทุ้มละมุนนุ่มนวลกล่าว น้อมรับด้วยความยินดีเมื่อมีคนฟัง

          หลังจากนั้นจึงแยกย้ายเดินมาที่บ้านตีเหล็กสกุลเสิ่น มีคนเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู จึงเข้ามาทักทายและเอ่ยพูดถึงสาเหตุการมาของเขา

          “คุณชายมาหาใครขอรับ” คนเฝ้าด้านหน้าบ้านตีเหล็กกล่าวถามคุณชายที่เดินเข้ามา

          “ข้ามาหานายช่างใหญ่” ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่จะใช้กลอุบายในการพูดคุยกับคนเฝ้าประตูคนนั้น “สามารถขอเข้าพบได้หรือไม่”

          "เช่นนั้นตามข้ามาขอรับ นายช่างกำลังทำงานที่โรงช่าง" คนเฝ้าประตูกล่าวก่อนผายมือเชิญอีกฝ่ายเดินตามเข้าไปด้านใน
      
          “ด้วยความยินดี”

          เขานำทางแขกผ่านทางเดินของบ้าน ระหว่างทางภายในเรือนหลังนี้เป็นทั้งคฤหาสน์และสถานที่ทำงานของเหล่าคนงานของบ้านตีเหล็ก บุรุษเดินถอดเสื้อไปมามากมาย

          เซียนซีไม่ได้สนใจที่จะมองเขาเพียงแค่มองผ่านๆ ด้วยความที่มีศักดิ์ศรีค้ำคอของการไม่เคยทำงานอย่างหนักมาก่อน ครอบครัวทะนุถนอมเลี้ยงดูอย่างดี ได้เห็นคนทำงานหนักตรากตรำ การตีเหล็กนั้นต้องใช้แรงกายเยอะ ไม่เคยออกแรงทำงานหนักเช่นนั้นแต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่มีแรง มันขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่เขาอยากทำหรือไม่

          เดินตามคนเฝ้าประตูจนเข้ามาถึงด้านใน ด้านหน้าเป็นโรงช่าง จวนหลังนี้เป็นจวนหลังใหญ่ที่มีพื้นที่เหลือเฟือแต่ก็มีสิ่งปลูกสร้างก่อสร้างไว้ภายในมากมาย

          “นายท่านขอรับมีแขกจากบ้านผู้ใหญ่มาขอเข้าพบ” คนเฝ้าประตูเดินมาจนถึงด้านหน้าโรงช่างก่อนจะพูดเสียงดังแจ้งท่านเจ้าบ้านด้านใน

          เสียงบุรุษผมสีเงินเงยหน้าจากการตีเหล็ก ก่อนจะสะบัดผมไปไว้ด้านหลัง “เข้ามาได้”

          “ข้าน้อยปิงต๋า ขอรับ” เป็นฝ่ายแนะนำตัวขึ้นก่อน เริ่มผูกมิตรไมตรี

          “อ่าห์... เจ้าจะชื่ออะไรข้าไม่สนหรอก มาที่นี่มีธุระอะไรรีบพูดมา ข้าไม่มีเวลาว่างนัก” นายช่างเสิ่นกล่าวถามอีกฝ่ายพลางเดินไปล้างมือที่อ่าง

          เหมือนการผูกมิตรไมตรีจะไม่ได้ผล เซียนซียิ้มบางๆ เอ่ยถึงจุดประสงค์ในการมา ซึ่งของสำคัญก็อยู่บนมือทั้งสองข้างที่เขาแบกกล่อง วัสดุสำหรับในการใช้รวมอาวุธ

          “ท่านพ่อครัวตู้ให้ข้านำสิ่งนี้มา บอกว่าท่านสามารถสอนหลอมอาวุธได้”

          “เช่นนั้นนำกล่องเจ้ามาวางบนโต๊ะสิ ลองเปิดดูมีวัตถุดิบอะไรบ้างที่เจ้าขะหลอมอาวุธกัน” นายช่างเสิ่นกล่าวก่อนผายมือให้อีกฝ่ายไปวางกล่องที่ถือมาเพื่อตรวจดูวัตถุดิบ

          เปิดดูกล่องหลอมอาวุธภายในและบอกในสิ่งที่ได้รับมา พูดเท่าที่ตาเห็น มีของหลายอย่างแต่ของพวกนั้นไม่ได้มีมูลค่าสูงมากถ้าเทียบกับเป็นของล้ำค่าคงไม่ใช่ “ทองสำริด ก้อนดีบุก ก้อนทองแดง ฟืน ถ่านหิน น้ำสะอาด ด้ามไม้เหล็กกล้า มีของเพียงเท่านี้”

          “อืม..ดูเหมือนจะทำกระบี่คุณภาพดีได้สักเล่ม เจ้าต้องจำไว้ให้ดีการตีเหล็กก็เหมือนการที่เจ้าต้องถนอมด้วยสองมือที่เปี่ยมด้วยความรักต่อศาสตราวุธที่เจ้าจะสร้าง อาวุธจะออกมาแข็งแกร่งหรือไม่ขึ้นอยู่กับความรักที่เจ้าใส่ลงไปในขั้นตอนการตี”

          “ความรักรึ?” คนที่ไม่เคยรักใครเพราะไม่สามารถที่จะมีความรู้สึกแบบนั้น ครุ่นคิด อัจฉริยะหนุ่มหันมองอีกฝ่าย พยายามทำความเข้าใจกับคำพูด บางทีคำพูดนั้นอาจจะเป็นการเปรียบเปรย สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะเกี่ยวกับเรื่องการใช้แรงในการตีเหล็กมากกว่า เรื่องความรักน่าจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว หากให้มองกระบี่เปรียบเป็นหญิงงาม เขาก็คิดหนัก…..

          “รวมลมปราณไว้ที่มือขวาของเจ้า ในการออกแรงตีเหล็กจะต้องไม่หนักและหย่อนยานเกินไป จำไว้ให้ขึ้นใจ หากเจ้าสามารถตีด้วยแรงที่พอเหมาะ รวมพลังไว้จุดเดียวจะทำให้ศาสตราวุธเจ้ายิ่งแข็งแกร่ง” นายช่างเสิ่นกล่าวสอนชี้แนะอีกฝ่าย ก่อนจะเริ่มสอนการถลุงแร่
      
          เรียนรู้ที่จะศึกษาทำความเข้าใจ เริ่มลงมือตีเหล็ก ด้วยการออกไม่หนักจนเกินไป ทำตามที่นายช่างใหญ่สอนทุกขั้นตอนตั้งแต่รวมลมปราณไว้ที่มือขวา เพื่อเป็นการรวมพลังไว้ในจุดเดียว ศาสตราวุธที่สร้างจะได้ออกมาอย่างสมบูรณ์ “แบบนี้รึขอรับ”

          “ตอนนี้เจ้าคงพร้อมแล้ว เจ้าค่อย ๆ หลับตาทำสมาธิมือขวาเลื่อนไปจับค้อน (เลือกเมนู My Status จากนั้นเลือกที่ ทักษะดำรงชีพ เมื่อเข้าสู่หน้าศูนย์หลอมให้เลือก หลอมอุปกรณ์)” นายช่างเสิ่นแนะนำการหลอมอาวุธอีกฝ่าย “จากนั้นให้เจ้าโคจรลมปราณที่มือขวาที่จุดเดียว และลงมือตีก้อนสำริดที่เจ้าถลุงมาได้เลย จากก้อนสู่แผ่นและคัดให้มันตรงดิ่ง แต่จำไว้ทุก ๆ การตีเจ้าต้องมีจิตใจที่หนักแน่นและไม่หนักเกินไป แต่ก็ไม่เบาเกินไป”

          บุรุษหนุ่มร่างสูงทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย คนที่ไม่เคยลงมือทำงานหนักมาก่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พอเข้าใจแล้วทำไมช่างตีเหล็กถึงได้แข็งแรงกัน จับค้อนยกขึ้นมา เซียนซีมิอาจสัมผัสได้ถึงความหนัก เพราะเข้าไร้ความรู้สึกอย่างแท้ ขนาดโดนแทงยังไม่เจ็บ แต่สลบ…..อนิจจายิ่งนัก จิตใจที่แน่วแน่มุ่งมั่น คล้ายๆกับต้องการทำอะไรสักอย่างให้เสร็จสินะ ถ้าเป็นความรู้สึกอย่างนั้นอาจจะพอเสแสร้งได้

          “เจ้านับว่าทำกระบี่ที่งดงามทีเดียว ความแกร่งพอฟาดฟันโจรโพกผ้าเหลืองได้นับว่าไม่เลวสำหรับครั้งแรก” นายช่างเสิ่นกล่าวชม ก่อนจะทดสอบดีดกระบี่วิถีโค้งและความอ่อนนุ่มของกระบี่

          “กล่าวชมเกินไป ข้ายังฝีมือด้อยนัก”

          “เอานี่ของข้าให้เจ้าไว้ใช้ในอนาคต และข้าฝากเจ้านำเงินนี้ไปให้คนเลี้ยงไก่ที่ทางตะวันตกของหมู่บ้านด้วยได้ไหม” นายช่างเสิ่นถามอีกฝ่าย

          “ในเมื่อท่านได้ช่วยสอนข้าในการหลอม มีหรือค่าที่เป็นผู้น้อยจะปฏิเสธคำร้องขอยินดีที่จะช่วย ตอบแทนผู้มีพระคุณ” พูดตอบกลับด้วยเสียงที่ชวนให้ฟังรู้สึกดี เรื่องการละคร โกหกมาทั้งชีวิต แค่การเสแสร้งมิใช่ปัญหา

          “ขอบคุณนะที่ช่วยเหลือ เจ้าไปถึงที่นั่นก็ง่าย ๆ หยิบเงินจากในซองนี้แล้วยื่นให้คนเลี้ยงสัตว์ถึงมือเขา (ไปที่เมนูธุรกรรม > โอนเงินให้เพื่อน > เลือกสกุลเงินที่จะโอน จากนั้นใส่ไอดีเพื่อนที่ต้องการโอนให้) เจ้าเข้าใจใช่ไหม)” นายช่างเสิ่นถามก่อนจะบอกอีกบางอย่าง “บางทีเจ้าไปที่นั่น เขาอาจใจดีสอนการเลี้ยงสัตว์ให้เจ้า สัตว์เลี้ยงนี้มีประโยชน์ต่อเจ้ามากนะ พวกมันหลายชนิดจะให้ทรัพยากรแก่เจ้า”

          “น่าสนใจยิ่ง ข้าเองก็อยากจะลองเลี้ยงสัตว์ดู” กล่าวคือเพื่อเป็นการผูกมิตร พอคุยกันไปสักพักนึงอีกฝ่ายก็เหมือนจะลดทิฐิลงซึ่งตอนแรกนั้นยังวางท่าทีอยู่ เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการพูดคุยสานสัมพันธ์

          นายช่างกล่าวก่อนเรียกเด็กพาอีกฝ่ายไปส่ง และบอกให้เขาพาไปเอาไก่ ที่ท้ายเรือน 1 ตัว ก่อนจะพูดอีกว่า “ฝากคู่หูด้วยนะ มันติดตามเจ้า คอยดูแลมันให้ดีแล้วมันจะออกไข่ให้เจ้าทุกวัน”

          “ขอบคุณขอรับ” หลังจากนั้นจึงกล่าวอำลาและยกมือทั้งสองข้างขึ้นคารวะ เตรียมตัวที่จะกลับออกไปจากที่นี่ พร้อมกับไก่หนึ่งตัว


เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ

รวม 55 ความศรัทธา / 20 Point / +15 EXP

ระดับเริ่มต้น - คนจรเล่าเรื่อง
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +40 ความศรัทธา




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
โพสต์ 2022-6-25 16:06:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

          หลังจากที่ได้สอนเด็กชายคนนึงเล่นพิณ จนอีกฝ่ายนั้นสามารถเล่นได้อย่างคล่องแคล่วในระดับหนึ่งแต่ก็อาจจะยังไม่ชำนาญมากพอ เรื่องดนตรีนั้นย่อมต้องหัดเรียนรู้กันไปเรื่อยๆไม่ใช่ศึกวันเดียวก็จะสามารถเล่นได้อย่างดีเลิศ ออกเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านเซิ่งหุน การมาที่นี่ในครั้งนี้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนใคร เพียงแต่ว่าเขามาทำงานให้แก่พ่อค้าหวังจิน

          ยังพอจะจำเส้นทางไปบ้านของนายช่างเสิ่นได้ เซียนซีควบอาชานำหงอวี้ เธอเพิ่งจะเคยมาแถวนี้เป็นครั้งแรก เพราะทั้งคู่ผ่านเข้ามาภายในหมู่บ้านที่นี่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมหมู่บ้านที่เงียบสงบ

          อันที่จริงก็อยากจะแวะไปทักทายผู้ใหญ่บ้าน แต่เขานั้นต้องรีบทำงานให้เสร็จ ระหว่างทาง จึงแวะมาเผยแพร่ศาสนาให้แก่คนในหมู่บ้าน ตรงใกล้ๆหน้าทางเข้าบ้านนายช่างเสิ่น แต่ก่อนมันอาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องนิทานปรัมปราแต่ปณิธานเขามันก็ได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

          “ความเท่าเทียมเป็นต้นกำเนิดของสันติภาพที่จะนำพาความสุขไร้ซึ่งการแบ่งแยกชิงดีชิงเด่น ผู้คนสามารถมีความคิดและออกความคิดเห็นในเรื่องอิสระอย่างเสรีได้เท่าเทียมกันทุกคน ตัวข้านั้นมุ่งหวังที่จะให้ผู้คนได้เภทภัยกับเรื่องสงคราม ซึ่งสิ่งนั้นนำพาความทุกข์ยากมาแก่ผู้คนเป็นจำนวนมากส่งค่ามันไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นนอกจากการสูญเสีย”

          น้ำเสียงทุ้มกล่าวต่อจนจบประโยค “ความไม่เท่าเทียมเกิดจากกลุ่มที่มีอำนาจมากกว่าครอบงำกลุ่มที่มีอำนาจน้อยกว่า ยิ่งมีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้สังคมเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ผู้ที่มีอำนาจก็จะยิ่งกดขี่เพื่อรักษาอำนาจของตนเอาไว้”

          หลังจากได้เผยแพร่ศาสนาของตนเอง เซียนซีและเหลียนหงอวี้ ทั้งสองเข้ามาหานายช่างเสิ่น

          “คารวะนายช่าง ข้ามารับแร่”

          “รับแร่? ใครส่งเจ้ามา”

          “พ่อค้าหวังจินขอรับ เขาให้ข้ามารับแร่ที่นี่”

          นายช่างใหญ่พยักหน้า เมื่อรู้ว่าผู้มารับงานนั้นเป็นคนของพ่อค้าหวังเขาสั่งลูกน้องให้แบกแร่ออกมา “นี่แร่ที่เจ้าต้องการ”

          หงอวี้แม้จะเป็นหญิงสาวแต่ก็มีพละกำลังที่แข็งแรงเหนือกว่าบุรุษหลายคนเธอมาช่วยแบกแร่ ใช้สายตามองสร้างความหวาดกลัวแก่คนที่ได้เห็น “นายท่านเดี๋ยวข้าช่วย”

          “อืม ย่อมได้”

          “แบกไปกันดีๆล่ะ อย่าทำให้สินค้าข้าเสียหาย”

          หญิงสาวได้เรียนรู้เส้นทางการมาหมู่บ้านเซิ่งหุน พวกเขาทั้งสองช่วยกันนำแร่ขึ้นมา เอาไว้บนหลังม้า และเตรียมตัวออกเดินทางกลับสู่เมืองลั่วหยาง เมื่องานทุกอย่างได้เสร็จสมบูรณ์

นักวิชาการ
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้

เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย : เหลียน หงอวี้

รวม 55 ความศรัทธา / 27 Point / +15 EXP
จ้าวลัทธิ
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +25 X4ศรัทธา
X2 ศรัทธา vip

—-----

[H-001] เหลียน หงอวี้
มีไหวพริบ
+2 Point เมื่อโรลใช้แผนและกลอุบาย
+2 Point เมื่อโรลเรียนรู้

แม่มด
+1 Point เมื่อโรลใช้กลอุบาย
+1 Point เมื่อโรลเรียนรู้
-1 Point เมื่อโรลเพลย์ทางการทูต หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น

คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้