ชีวิตอันแสนจืดชืดและน่าเบื่อหน่าย การต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็นรู้สึกมีความสุขเวลาคนในครอบครัวหัวเราะและยิ้มให้มันทำให้เขาไม่รู้จะทำสีหน้าอะไรตอบกลับไปนอกจากยิ้มตามที่อีกฝ่ายนั้นต้องการ ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นอย่างแท้จริง ตั้งแต่เด็กจนโตเคยค้นคว้าหาคำตอบ พยายามศึกษาอ่านตำราแพทย์สมุนไพรหรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นอยู่ แม้ตามหาเท่าใดก็ไม่พบเจอจนกลายเป็นการปล่อยให้มันเป็นความชินชา และสร้างอีกหลายบุคลิกมารองรับ
โดยที่เซียนซีไม่รู้เลยว่าเขามีบุคลิกอื่นๆแฝงอยู่ ตระกูลเซียวเซี่ย เป็นตระกูลที่แปลกไม่ใช่เพราะมีการแยกระหว่างสายหลัก สายรอง ทางด้านความคิดต่างหากล่ะที่แปลกแยกไปจากยุคสมัยของคนในแผ่นดิน ทั้งเรื่องการแต่งงานระหว่างเครือญาติพี่น้องครอบครัว มันหล่อหลอมเด็กชายมาตั้งแต่จำความได้ ว่าสิ่งที่ครอบครัวทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง ถึงจะโดนคนอื่นครหา
เพื่อเดินทางบอกเล่าเรื่องราว เผยแพร่แนวคิดใหม่ เซียนซีจึงเดินทางออกจากจวนที่จงซาน หลังจากที่มารดาผูกคอตาย
และเขาเสียใจกับเหตุการณ์นั้น คำตอบ มีเพียงข้อเดียว ‘ไม่’
น้ำตามิอาจหลั่งไหลด้วยความเสียใจ โศกเศร้า มันทำไม่ได้จริงๆ เขาในตอนนั้น ร้องไห้อย่างเสแสร้ง เหมือนที่ทำบ่อยๆครั้ง น้ำตาสั่งได้ ชีวิตคือการแสดง
เหตุการณ์นั้นทำให้เป็นเรื่องที่ตอกย้ำเซียนซี เมื่อเห็นบิดาฟูมฟายร้องไห้ ก่นด่าปู่ทวดและบุรุษในตระกูลสายหลักที่ข่มเหง ดูถูก เหยียดหยาม สตรีในครอบครัว บิดาเขามาจากฝั่งสายรองจึงมีแนวคิดแตกต่างกับคนของสายหลัก ที่เห็นทุกคนมีความเท่าเทียม ไม่ใช่เพศแม่เป็นเพียงแค่สิ่งที่เอาไว้ใช้เป็นแม่พันธุ์ หากเขามีอำนาจมากพอ อยากให้ทั้งสองฝ่ายเลิกทะเลาะกันสักที
อายุยี่สิบสามปีบริสุทธิ์ เดินทางแสวงหาอำนาจ ซึ่งมันเป็นตัวแปรสำคัญ อั้มเอาไว้เปลี่ยนความเชื่อของคนในตระกูลเซียวเซี่ย ระหว่างทางเจอกับกลุ่มโจรโพกผ้าเหลือง ทันทีที่มันเห็นดวงตาสีรุ้งภายใต้ผ้าปิดตา พวกมันตามไล่ล่าเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาโดนแทงหลายแผล ทว่าไร้ความเจ็บปวด ร่างกายนั้นสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมาก
กว่าจะรู้ตัวอีกที เซียนซีเป็นลมสลบลง จากอาการเสียเลือดมากแม้ว่าจะไร้ความเจ็บปวด ทุกอย่างดูมืดมน มืดมัว ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกต่อไป……..
.
.
.
.
.
“พ่อหนุ่ม เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง” ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ
“........ขอรับ เป็นท่านที่ช่วยเหลือข้าจะกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองรึ?” พูดด้วยท่าทีที่นอบน้อมและวางตัวดี อีกฝ่ายเป็นชายชราที่อายุน่าจะเกินห้าสิบกว่าปี เป็นคนช่วยเซียนซีไหวเช่นนั้นรึ สภาพร่างกายชายชราผู้นี้มิอาจแบกเขากลับมาไหวหรอกกระมัง บางทีอาจเป็นผู้อื่นช่วยเหลือ จึงใช้กลอุบายกล่าวถามเสมือนเป็นการลองใจ “ที่นี่คือที่ใด”
“ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นอาหลิงที่ช่วยเจ้า” ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว “เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย”
“ต้องขอบคุณ ท่านผู้ใหญ่บ้านซ่ง” มือทั้งสองข้างยกขึ้นคารวะ
"เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ รู้สึกว่าอาหลิงจะบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย
“น่าจะเป็นเช่นนั้น” เหมือนสัมภาระของตัวเองจะหายไปไม่มีอะไรติดตัว ยังจดจำได้ดีถึงเหตุการณ์ที่โดนโจรโพกผ้าเหลืองเข้ามาทำร้าย
กระนั้น เขากลับไม่ได้โกรธเจ้าพวกนั้น บางทีหากรู้สึกเจ็บจริงๆ อาจจะโกรธได้
"ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"
“ข้าอยากตอบแทนท่านอาหลิง ผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือ ท่านผู้ใหญ่บ้านซ่ง พอจะรู้ถึงของชอบ ท่านอาหลิงหรือไม่” วางแผนที่จะสร้างสัมพันธไมตรีและใช้กลอุบายในการตีสนิท
"ของชอบท่านอาหลิงงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนอาหลิงแต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย
“ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าเองก็ชอบท่าน” ตอบกลับสีหน้าแย้มยิ้มเล็กน้อย อาหารจานโปรด ไม่ได้มีความชอบสิ่งใดเป็นพิเศษและไม่ได้มีสิ่งที่เกลียดด้วยเช่นกัน บุรุษร่างสูงพยักหน้า พลางขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ขอรับ ข้ายินดีที่จะร่ำเรียนเพิ่มพูนความรู้”
“โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ” ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน
ผู้ใหญ่บ้านซ่งต้าเผย เหมาะแก่การลองอะไรเล็กๆน้อยๆ เขาทำตัวให้ภาคภูมิมากขึ้นกว่าเดิมน้ำเสียงโทนทุ้มต่ำชวนผู้ฟังให้เคลิบเคลิ้ม และพูดถึงบางสิ่งที่เป็นเหมือนกับเหตุผลของการออกเดินทางจากจงซาน เผยแพร่เกี่ยวกับความเชื่อของตัวเอง “ท่านผู้ใหญ่บ้านซ่ง รู้หรือไม่ ผู้คนสมัยนี้ล้วนมีบาปมหันต์ติดตัว หากรู้จักปล่อยวาง ไม่ยึดติดต่อสิ่งใดนั้นถือเป็นเรื่องถูกต้อง การแต่งงานในสายเลือดเดียวกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่เป็นทัศนคติสังคมปัจจุบันที่รังเกียจ กล่าวคือ การแต่งงานในเครือญาติ สมัยก่อน มักเจอในชนชั้นปกครองหรือชนชั้นสูง เนื่องจากความเชื่อที่ว่า ต้องการรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือด” นัยน์ตาสีรุ้งมองดูรอบๆ หลังกล่าวจบ “ที่หมู่บ้านแห่งนี้สวยนักแล”
“อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่โชคดีที่อาหลิงได้สอนอาหลิงจนสำเร็จยุทธ์พอปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรได้"
“ท่านอาหลิงดูเป็นผู้มีความสามารถ ข้าอยากเจอจริงๆ” จากที่ฟังมาคงจะเป็นผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจ เหมาะแก่การที่จะทำให้คนๆนั้นกลายมาเป็นสหาย เซียนซีวางแผนอยู่ในใจลำพัง
ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"
“ท่านเป็นผู้มีเมตตา ข้าปิงต๋า ผู้นี้จะไม่ลืมพระคุณ” จากนั้นจึงรับกระเป๋าเป้ขนาดกลางมาจะอีกฝ่าย การมีผู้ช่วยเหลือเป็นสิ่งที่เหมือนกับโชคชะตาลิขิตให้เขาแม้จะเจอเรื่องโชคร้าย ก็ยังมีเรื่องดีๆแฝงอยู่ ถึงจะไม่ค่อยรู้สึกถึงความรู้สึกนั้น หากเขาเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีอาการเช่นนี้คงจะรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน” ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย “ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่”
“ข้าพอจะเริ่มเข้าใจ” ได้รับการฝึกสอนมาจากผู้ใหญ่บ้าน จึงเข้าใจอยู่หลายส่วน เขาเป็นอัจฉริยะ สอนเพียงแค่ครั้งเดียวย่อมเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายนั้นต้องการจะสื่อออกมา
“เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม” ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"
“โรงเตี๊ยม เช่นนั้นข้าน้อยขอตัว” ไม่ลืมที่จะทำความเคารพอีกรอบ ควายหยิบกระเป๋าสะพายและย่ามบรรจุเครื่องเทศ เดินออกมาจากบ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน นิมิตรหมายใหม่อันดีในการใช้ชีวิตในช่วงเวลายามเช้าตรู่ เซียนซีหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี คุณชายที่เกิดมามีคนคอยปรนนิบัติ คราครั้งต้องเริ่มต้นแสวงหาราวกับลูกนกแรกเกิด
ไม่ได้ถามเส้นทางมาจากผู้ใหญ่บ้าน และไม่คิดจะเดินกลับไป เห็นทีคงต้องถามทางชาวบ้าน และจะได้เป็นการเผยแพร่ความเชื่อที่ตัวเองนั้นคิดขึ้นมาด้วย ผู้อื่นจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ไม่ได้มีเพียงแค่ศาสนาที่อื่นๆนั้นอุปโลกขึ้นมา เกี่ยวกับความเชื่อที่แตกต่างกันก็มักจะขัดแย้งเสมอ
เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง
เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง
อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี
หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
รวม 55 ความศรัทธา / 20 Point / +15 EXP
ระดับเริ่มต้น - คนจรเล่าเรื่อง
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +15 ความศรัทธา