[หมู่บ้านเซิ่งหุน] เรือนผู้ใหญ่บ้านสกุลซ่ง

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-8-4 20:25:46 |โหมดอ่าน


เรือนผู้ใหญ่บ้าน - ซ่ง ต้าเผย


{ หมู่บ้านเซิ่งหุน }














【เรือนผู้ใหญ่บ้านสกุลซ่ง】

'ทำเพียรความดีเปรียบเสมือนน้ำซึมลงบ่อทราย'
เรือนพักผู้ใหญ่บ้าน ตั้งอยู่เชิงเขาติดกับสวนสมุนไพร
เป็นสถานที่อยุ่อาศัยของสามีภรรยาตระกูลซินผู้ไร้บุตร 
สร้างขึ้นจากความพากเพียรและอุตสาหะของคนทั้งสอง
แม้ชีวิตจะไร้ทายาทแต่ก็มีความสุขเพราะมีกันและกัน
เป็นแหล่งเพาะปลูกสมุนไพรที่ทำรายได้ให้หมู่บ้านอย่างมาก


ผู้ใหญ่บ้าน ซ่ง ต้าเผย
ต้าเผยใช้ชีวิตอยู่กินกับฮูหยินเฒ่ามาหลายปี เขาเป็นที่รักของลูกบ้าน
ด้วยผู้ใหญ่บ้านซ่งเป็นคนมีอัธยาศัยที่ดีและสองผัวเมียคอยช่วยเหลือคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านสม่ำเสมอ
ทำให้คนในหมู่บ้านเคารพนับถือทั้งสองเสมอมา ด้วยผู้ใหญ่บ้านซ่งเป็นคนมีอัธยาศัยที่ดีและสองผัวเมียคอยช่วยเหลือคนอื่น







ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-8-4 23:39:21
[จุดเริ่มต้น]




::.คำอธิบายเควส.::
- คำในวงเล็บ อาทิ (พ่อหนุ่ม/สาวน้อย) เลือกคำใดคำหนึ่งมาใช้ ให้เข้ากับคุณ -
- [...] สีน้ำเงิน คือ โรลคำพูดเฉพาะคนมีลักษณะนิสัยตามที่ระบุ -



.: เรื่องย่อก่อนคุณมาหมู่บ้านนี้ :.
ในกลียุค จงผิงศก ปีที่ 1 เหล่าโจรโพกผ้าเหลืองก่อกรรมทำเข็ญสร้างความเดือดร้อนทั่วแผ่นดิน คุณเป็น 1 ในผู้ได้รับผลกระทบจากเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองกลุ่มนี้
คุณต้องพลัดพรากจากครอบครัว สูญเสียพี่น้อง พ่อแม่จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในระหว่างหลบหนีโจรโพกผ้าเหลืองที่หมายจะฆ่าคุณ
แต่ก็ไม่อาจรอดเงื้อมมือมัจจุราช กองกำลังโจรโพกผ้าเหลืองตามคุณจนทัน คุณบาดเจ็บสาหัสจนเกือบสิ้นชีวิต ดวงไม่ทันถึงฆาต
ได้รับความช่วยเหลือจากอี้หลิง ศิษย์เอกจอมยุทธ์หลิว ช่วยคุณรอดจากการล้อมของกองกำลังโจรโพกผ้าเหลืองก่อนคุณหมดสติจากพิษบาดแผลฉกรรจ์


.: โรลเพลย์เปิด :.

       - เขียนโรลอิสระสร้างเรื่องราวแฟลชแบค 2 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน -
       "(พ่อหนุ่ม/สาวน้อย) เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ
        @คุณ
        "ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นอาหลิงที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"
        @คุณ
        "เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ รู้สึกว่าอาหลิงจะบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย
        @คุณ
        "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"
        @คุณ
        "ของชอบท่านอาหลิงงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนอาหลิงแต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย

(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน) ~ (2) ไม่ว่าง ขอทราบที่อยู่ผู้มีคุณเพื่อร่ำลา (ข้ามบทเรียนสอน



(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)
        "โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ [โรลก่อนหน้าจะมีโบนัส EXP พิเศษ หากลักษณะนิสัยตัวละครคุณตรงกับปณิธานผู้ใหญ่บ้าน]"  ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน

        @คุณ
        "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่โชคดีที่อาหลิงได้สอนอาหลิงจนสำเร็จยุทธ์พอปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรได้"
        @คุณ
        [เฉพาะคนมีลักษณะนิสัย เที่ยงธรรม หรือ ผู้รู้คุณ] "ฮ่าๆ เจ้าหนูเจ้าบอกว่าจะอยู่ที่นี่ช่วยปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรผ้าเหลืองอีกแรงเหรอ" ผู้เฒ่าหัวเราะก่อนหันมามองแววตามุ่งมั่นในตัวคุณพลางยกมือลูบหนวดสีขาวโพลน "อาา ข้าไม่รั้งเจ้าหรอก เจ้ายังเป็นหนุ่มสาว ยังสามารถสร้างปณิธานที่ยิ่งใหญ่เพื่อแผ่นดินนี้ได้อีกมาก"
        @คุณ
        ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"
        @คุณ
        "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"
        @คุณ
        "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"
        @คุณ - จบ ไป ต่อ {เควสสอนทำอาหาร ที่ โรงเตี๊ยมอิงกู่หลง โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน}


รางวัลเควส: ได้รับกระเป๋าขนาดใหญ่ x1 , 30 ก้อนเงิน , 1,000 อีแปะ , (สัมภาระผู้ใหญ่บ้าน: หมั่นโถว x30 , กล่องวัตถุดิบ(เควส) 1 ใบ) , 1 Level up , 5 Point



(2) ไม่ว่าง ขอทราบที่อยู่ผู้มีคุณเพื่อร่ำลา (ข้ามบทเรียนสอน
       "โฮะๆ คนหนุ่มสาวใจร้อนกันเสียจริง" ผู้ใหญ่บ้านที่เดินนำอีกฝ่ายมายังระเบียงก่อนหันมาแซว "อาหลิงอยู่ที่
ถ้ำหานกั๋ว ด้านหลังหมู่บ้าน"
        @คุณ
       "เดี๋ยวก่อนเจ้าหนู รับสิ่งนี้ไปด้วยสิ ข้าเห็นเจ้าสูญเสียทุกอย่างไปกับโจรผ้าเหลือง ของเล็กน้อยเหล่านี้น่าจะช่วยประทังชีวิตพอให้เจ้าตั้งตัวได้" ผู้ใหญ่บ้านยิ้มก่อนยื่นกระเป๋าขนาดกลางให้อีกฝ่าย
        @คุณ จบ (ไปต่อที่ ถ้ำหานกั๋ว ด้านหลังหมู่บ้านเพื่อจบการสร้างตัว)


รางวัลเควส: ได้รับกระเป๋าขนาดใหญ่ x1 , 30 ก้อนเงิน , 1,000 อีแปะ , หมั่นโถว x30 , 1 Level up , 5 Point









←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-8-29 09:41:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Zhangnon เมื่อ 2021-8-29 10:59



ในช่วงอายุ15ปีเขานั้นได้เรียนรู้งานของเหล่าหน่วยราชการลับ เป้าหมายของเขานั้นเพื่อปกป้องพี่น้องของตนและต้องการรู้เบื้องลึกของราชวงศ์ตนเองทำให้เขาเกิดข้อสงสัยในตัวเอง ว่ามนุษย์ทุกคนนั้นบริสุทธิ์ใจจริงหรือไม่ ทำให้คำตอบที่เขาได้รับรู้ความจริงนั้นมีขุนนางบางคนผู้จิตใจมืดมิด และเหล่าราชการบางคนคอยโกงกิน จนปัจจุบันเขาอายุ17ปี และได้ออกเดินทางออกจากเมืองหลวง เชื้อพระวงศ์จางหน๊ง ที่ต้องลี้ภียจากน้ำมือของเหอซือผู้ชั่วร้าย ที่หวังระแวงว่าลูกของตนจะไม่ได้บังลังก์ฮั่นหลิงตี้เคยหลุดปากจะตั้งเปงรัชทายาทตอนเมา โฮเฮาเลยคิดตัดไฟ กลัวเลนเต้พูด


จางหน๊งจึงจำเป็นต้องลี้ภัยพร้อมกับเหล่าองค์รักษ์ เพื่อหวังจะรักษาอำนาจแห่งความถูกต้อง  ซึ่งเขาจะต้องร่วมมือกับชาวบ้านและเส้นทางพบเจอขุนพล ที่จะต้องหยุดเรื่องราวอันเลวร้าย ก่อนที่ความตายจะครอบครองแผ่นดินทั้งใบในที่สุด


จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีจดหมาย จากหน่วยข่าวกรองมาหนึ่งฉบับ จางหน๊งได้เปิดอ่าน


"บัดนี้ อีกไม่นานจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบสุขอย่างแน่นอนแผ่นดินจะรุกเป็นไฟ ราชสมบัติจะอยู่ได้มินาน ขุนนางมักโลภมากหาที่สุดมิได้ และมีการก่อกบฏในเร็ววันนี้ พวกนั้นมีนามว่าโจรโผกผ้าเหลือง  พวกมันจะตามไล่ฆ่าบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับ หน่วยราชการลับ"


ทันใดนั้นตนก็ได้มุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง
สายตามองไปยังในบ้านพร้อมกับกุนซือผู้มากบุญของตนถูกลอบสังหารต่อหน้าต่อตาฆาตกรผู้นั้นก็ได้หนีจากไปทันตา ตนวิ่งไปท่านกุนซือก่อนที่จะสิ้นใจ เขาได้บอกอะไรยางอย่างพร้อมกับเอ่ยปากไปว่า"บัดนี้แผ่นดินจะลุกเป็นไฟการแก่งแย่งอำนาจทั้งในราชวังและนอกราชวังกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เจ้าจงเดินทางลี้ภัยไปยัง มลฑลซวี่โจว เมืองหวยหนาน ที่นั่นเป็นที่ปลอดภัย ของเจ้าจงไปซะบัดเดี๊ยวนี้ " หลังจากพูดเสร็จ ตนก็ร้องไห้เเละเเค้นมาก แต่ก็นำม้าและเหล่าองค์รักษ์ผู้ติดตาม เดินทางมุ่งตรงไปยังเมืองหวยหนาน ในระหว่างมุ่งหน้าเดินทาง ตนก็ได้พบกับบุคคลลึกลับ นักล่าแห่งโจรโผกผ้าเหลืองไล่ล่าตน จนตนไม่อาจต้านทานได้ทั้งม้าและคนจึงล้มไปพร้อมกันด้วยอาการบาดเจ็บของม้าที่ถูกยิงธนู




พ่อหนุ่มเจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ
        จางหน๊ง ค่อยๆลืมตามองขึ้นมายังเพดาน
พร้อมกับอาการบาดเจ็บอ่อนล้า สายตาสาดส่องไปทั่วบนก็เห็นผู้เฒ่า คลี่รอยยิ้มความเป็นมิตร
พร้อมเอ่ยปากเล็กน้อย "ที่นี่ ที่ไหนกันเนี่ยขอรับ
ท่านผู้ช่วยชีวิตข้าสินะ"




        "ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นจอมยุทธ์หลิวที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"
        จางหน๊งนั้นรู้สึกตกใจอย่างมากที่ได้รับทราบเหตุการณ์เพราะเขายังอยู่ในอาการเหนื่อยล้าที่จำเหตุการณ์ในตอนนั้นไม่ค่อยได้
พร้อมกับถาม"และเหล่าผู้ติดตามของข้าละท่าน"


"เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ ท่านจอมยุทธ์หลิวบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย

ตนนั้นไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบ
~~~~~!!!!!!?


        "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"


        "ข้ายั้นย่อมยินดีเรียนรู้และพร้อมรับสิ่งใหม่ๆต่อผู้คน รวมถึงการมองความรู้ต่างๆให้ข้า
ข้าอยากจะตอบแทนจอมยุทธ์ผู้นั้นเหลือเกิน"


"พอจะมีอะไรที่ผู้นั้นชอบบ้างรึเปล่าข้าอยากตอบเเทนเขาผู้นั้น"
จางหน๊งได้เอ่ยไป




        "ของชอบท่านจอมยุทธ์หลิวงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูปลาเปรี้ยวหวานซีหู ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนท่านจอมยุทธ์หลิว แต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย


เข้าสู่บทเรียน


ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)
        "โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ   ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน      




จางหน๊งได้เดินตาผู้ใหญ่บ้านถึงแม้เขายังเจ็บปวดอยู่ไม่มากแต่ก็ดีขึ้น สายตาสาดส่องมองรอบๆ


"หมู่บ้านนอกราชวังช่างงดงามเสียจริงทั้งสงบทั้งไม่วุ่นวายเหมือนในเมืองหลวง"


        "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ ท่านจอมยุทธ์หลิวคงไม่อาจอยู่คุ้มครองที่นี่ไปได้ตลอด"

จางหน๊งได้กล่าวอะไรบางอย่างออออกมาจากใจ
"ถึงแม้เขาจะไม่อยู่สักวันข้าจะกลับมาช่วยท่านเสมอ บุญคุณต้องตอบแทนด้วยบุญคุณ เท่านั้น"




        "ฮ่าๆ เจ้าหนูเจ้าบอกว่าจะอยู่ที่นี่ช่วยปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรผ้าเหลืองอีกแรงเหรอ" ผู้เฒ่าหัวเราะก่อนหันมามองแววตามุ่งมั่นในตัวคุณพลางยกมือลูบหนวดสีขาวโพลน


จางหน๊งได้มองจากจากสายตาตนเองไปยังหนวดสีขาวโพลนพร้อมจดจำใบหน้าผู้มีพระคุณต่อเขา
หากวันนึงเขาจะต้องได้มาช่วยหมู่บ้านแห่งนร้อย่างแน่นอน


"อาา ข้าไม่รั้งเจ้าหรอก เจ้ายังเป็นหนุ่มสาว ยังสามารถสร้างปณิธานที่ยิ่งใหญ่เพื่อแผ่นดินนี้ได้อีกมาก"


จางหน๊งได้เปรยปากพราง
"ข้าผู้มีความทะเยอทะยานเป็นเสาหลักในการดำรงชีวิตของแผ่นดินนี้คงทำได้ไม่มากก็น้อยแหละขอรับตราบใดฟ้ายังมีตาแผ่นดินยังมิดับสูญสลาย"





        ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"


       จางหน๊งเอื้อมมือเพื่อรับของจากอีกฝ่าย ที่เขานั้นกำลังจะมอบให้ ยื่นแขนสุดพร้อมแบมือ




        "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"




        จางหน๊งได้เช็คของกระเป๊าและเรียนรู้ต่างๆที่อีกฝ่ายสอน พร้อมพยักหน้าเพื่อความเข้าใจ


        "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"


         จางหน๊ง กล่าว ขอบคุณอีกฝ่ายทีีสอนการเรียนรู้ให้กับตน และการช่วยเหลือต่างๆนาๆ
"ขอบคุณที่ช่วยสอนข้าและทำให้ข้าได้ตอบแทนเล็กน้อยแด่ท่านจอมยุทธ" พร้อมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ท่านผู้เฒ่าได้บอก

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดดำ
ตำราขงจื้อ
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
เตากำยาน
ดาบใบหลิว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x1
x1
x10
x8
x6
x3
x28
x4
x5
x1
x3
x3
x3
x15
x1
x6
x6
x70
x2
x2
x6
x9
x2
x2
x6
x7
x31
โพสต์ 2021-8-30 13:17:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
       ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงช่วงอายุราวๆ 16 ปี ชายหนุ่มเติบโตมาพร้อมกับบิดามารดาทั้งสองภายใต้บ้านหลังเล็กๆแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้านเซิ่งหุน ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยผู้คนที่จิตใจดีกับตนเป็นอย่างมาก ช่วงชีวิตของเขามักหมดไปกับการค้าขายและเกี่ยวพาราสีกับเหล่าอิสตรีภายในหมู่บ้านเพื่อหาความสุขเล็กๆน้อยๆ จนกระทั่ง....

      "เห้ พวกเจ้าป๊สได้งานชิ้นใหญ่มาคราวนี้พวกเราคงต้องช่วยกันขนของทั้งหมดไปส่งเสียแล้ว"

      สีหน้าของเทียนหลงเมื่อใดยินก็พลันเป็นประกาย ความหมายของงานใหญ่ นั้นมาพร้อมกับจำนวนเงินอันมหาศาล ซึ่งครอบครัวของเขามิเคยได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้มาก่อน

       "แล้วของต้องไปส่งเมื่อใดกัน??"

       เสียงเอ่ยถามของผู้เป็นมารดาของเทียนหลงได้ดังขึ้น พร้อมกับสีหน้าของบิดาที่พลันยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย

      "เย็นนี้ แต่ไม่ต้องห่วงป๊าได้เตรียมของไว้ตั้งแต่รุ่งเช้าแล้ว เหลือเพียงแค่พวกเจ้าช่วยป๊าขนของไปส่งก็พอ"

       เมื่อได้ยินเช่นนั้นสตรีเพียงหนึ่งเดียวภายในบ้านก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนออกไปด้านนอก เช่นเดียวกับเทียนหลงที่เดินตามไปอย่างติดๆ

      "เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ ไม่งั้นหากไปช้าพวกเราคงได้กลับอีกทีช่วงค่ำเป็นแน่"

      ทุกคนต่างเริ่มขนของมากมายขึ้นเกวียน ก่อนจะเริ่มเดินทางออกจากบ้านไป

      .....

      "ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ เถ้าแก่"

      เสียงเอ่ยอันอ่อนนอมของบิดานั้นเป็นเรื่องปกติเมื่อได้รัยเงินมากมายเช่นนี้ ครอบครัวของเทียนหลงพลันเดินกลับบ้านในยามค่ำคืน ทั่วทั้งป่าเขานั้นเต็มไปด้วยความมืดครึม แสงไฟจากตะเกียงอ่อนๆคอยนำทางครอบครัวน้อยๆผ่านป่าเขาอันกว้างใหญ่แต่แล้วในเวลาเดียวกันนั้น ร่างของชายคนหนึ่งปรากฎขึ้นจากมุมมืดทึบของป่าพร้อมผ้าเหลืองที่ที่แสนโดดเด่นที่คาดอยู่บนศรีษะซึ่งนั้นเป็นสัญลักษณ์ของกองโจรที่เลื่องชื่อในเพลานี้ กองโจรโพกผ้าเหลือง!!!

      "ส่งของของพวกเจ้ามาให้หมด และนี่ไม่ใช่การขอ!!!"

      สิ้นเสียงกล่าว เหล่ากองโจรคนอื่นๆพลันพุ่งกระโจนใส่เกี้ยวของพวกเขา เงินทั้งหมดต่างถูกช่วงชิงจนมิเหลือข้าวของที่ไม่สำคัญต่างได้รับความเสียหาย แต่ที่น่าทุกข์ใจมากที่สุดคือสีหน้าสิ้นใจของมารดาและบิดาที่ได้จากโลกไปในขณะที่ดวงตาจ้องมองไปที่เหล่ากลุ่มโจรด้วยความโกรธแค้น

      "ท่านหัวหน้า ไอหนุ่มนี้หน้าตาใช้ได้ นำมันไปขายเป็นทาสดีไหม"

      "เอาสิ นำมันไปอย่างระมัดระวังอย่าให้ใบหน้าเสียโฉม"

      สิ้นเสียงกล่าวหมดอันทรงพลังพลันกระทุ้งเขาที่ลิ้นปี่ของเทียนหลงจนสลบลงไป...





      "พ่อหนุ่มเจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ

      สติอันเลือนลางค่อยๆดีขึ้นที่ละนิดเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย ดวงตาพลันเบิกกว้างเมื่อได้เห็นใบหน้าของชายชราตรงหน้า

      "ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ช่วยข้าไว้"

      "ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นจอมยุทธ์หลิวที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"

      "เป็นเยี่ยงนั้นเอง แล้วครอบครัว..."

      ทันทีกำลังจะกล่าวหยดน้ำตาแห่งความเศร้าใจพลันหยดลงสู่พื้นดินโดยมิมีสิ่งใดที่สามารถห้ามได้

      "เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ ท่านจอมยุทธ์หลิวบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย

      "ขอบคุณท่านผู้อาวุโสอีกครั้งที่คอยปลอบโยนข้า แต่หากจะให้ข้าทำใจง่ายคง..."

      ริมฝีปากพลันขบจนโลหิตรินไหลความแค้นนี้หากมีโอกาสเข้าจะชำระมันจนหมดสิ้น

      "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"

      "ข้าพอมีเวลา แต่สิ่งใดกันที่ท่านต้องการจะสอน??"

     แต่แล้วในขณะที่กำลังนึกคิดได้เช่นนั้น เขาเองก็พลันนึกถึงผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยเหลือตนไว้จากกลุ่มโจร

      "ท่านพอจะทราบไหมว่าจอมยุทธ์หลิวทรงโปรดปรานอาหารใด??"

      "ของชอบท่านจอมยุทธ์หลิวงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูปลาเปรี้ยวหวานซีหู ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนท่านจอมยุทธ์หลิว แต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย

       "ขอบคุณผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ"





ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)

        "โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ"  ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน

        "หมู่บ้านแห่งนี้ชั่งงดงามหาที่ใดเทียบในกงจวน" สายตาพลันจ้องมองไปรอบๆพลันนึกถึงช่วงเวลาดีๆที่เคยอยู่กับบิดามารดาที่ตนรัก

        "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ ท่านจอมยุทธ์หลิวคงไม่อาจอยู่คุ้มครองที่นี่ไปได้ตลอด"

        "ท่านผูอาวุโสอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ข้าหนะเติมโตมาจากหมู่บ้านแห่งนี้ และจะปกป้องมันให้ถึงที่สุด!!!" เสียงอันหนักแน่นได้กล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าอันจริงจัง รากเหง้าของตนเริ่มจากที่แห่งนี้ เขายอมต้องปกป้องมันอย่างสุดความสามารถ

        "ฮ่าๆ เจ้าหนูเจ้าบอกว่าจะอยู่ที่นี่ช่วยปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรผ้าเหลืองอีกแรงเหรอ" ผู้เฒ่าหัวเราะก่อนหันมามองแววตามุ่งมั่นในตัวคุณพลางยกมือลูบหนวดสีขาวโพลน "อาา ข้าไม่รั้งเจ้าหรอก เจ้ายังเป็นหนุ่มสาว ยังสามารถสร้างปณิธานที่ยิ่งใหญ่เพื่อแผ่นดินนี้ได้อีกมาก"

        "ท่านผู้อาวุโส ข้าหนะอยากจะทำมันจริง ถึงแม้มันจะดูเกินกำลังของข้าไปบาง แต่ซักวันหนึ่งมันต้องเป็นจริงด้วยมือของข้าให้ได้"

        ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"

        "มีสิ่งใดกันอยู่ในนี้??" มือสองข้างพลันรับสัมภาระมาอย่างงุ่นงง

        "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"

        "ขอบพระคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ" เสียงขอบคุณได้เอ่ยขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ชายชราตรงหน้าจะไม่ใช่คนที่ช่วยชีวิตตนไว้ แต่สิ่งของเหล่านี้ก็สำคัญสำหรับเข้าเป็นอย่างมาก

        "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"

        "ข้าน้อยขอรับคำชี้แนะ หากมีวันใดที่ข้าน้อยสามารถช่วยเหลือผู้อาวุโสได้ จะมิลืมบุญคุณในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย"

        กล่าวจบเทียนหลงก็เริ่มเดินไปยังจุดหม่ายปลายทางเข้าเองก็พอรู้อยู่แล้วว่าปลายทางอยู่ที่ใดจึงเดินทางไปอย่างรวดเร็ว


มีลักษณะนิสัยผู้รู้คุณ
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-8-31 13:28:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Haoyu เมื่อ 2021-8-31 13:47

กลียุุคย่างกราย คนตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วง ชีวิตคนที่เคยเป็นของมีค่า ตอนนี้อาจมีค่าด้อยกว่าข้าวสักมื้อในอีกมุมมองคน
หลายปีผ่านพ้นว่องไวผ่านไปราวกับโกหก จากเด็กน้อยตัวเล็กแอบลักขโมยข้าวของชาวบ้าน ห่าวอู๋ค่อยเติบโตๆขึ้นมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม เป็นอันธพาลและบัณฑิตผู้หนึ่ง ช่วง 2ปีมานี้ชายหนุ่มออกเดินทางไปในที่ต่างๆเรื่อยๆ แสวงหาทั้งโอกาสและความรู้ บ้างก็สร้างศัตรูมาไว้อยูู่บ้าง แต่ก็เอาตัวรอดมาได้หลายครั้ง หลายครา น่าเสียดาย ยังไม่เจอคนที่ตรงกับลักษณะนิสัยของนายที่ตนควรรับใช้ 3 ประการ ที่ตนตั้งไว้ คือ มากบารมี  โง่แต่พอดี มิก่าวกายงานที่ตนไม่ถนัด แค่นั้น ในความเห็นของชายหนุ่ม นายที่ดี ควรจะมีสามข้อนี้ หากไร้บารมี ไฉนเลยจักประสบความสำเร็จตั้งกองทัพ รวมคน โง่แต่พอดี คือเป่าหูง่าย เชื่อฟังในสิ่งที่ตนพูด แต่ไม่เชื่อในคำที่คนอื่นทัดทาน ยุแยงตะแคงรั่ว สามคือ อย่าได้ก่าวกายงานที่ตนไม่ถนัด ร็ว่าตนไม่มีความสามารถ ก็มอบหน้าที่ให้คนอื่นทำ น่าเสียดายหลายปีมานี้มิได้เจอบุคคลที่ตนอยากประสบพบเจอ

                          เดินเท้าคงจะลำบาก โชคดีระหว่างทาง มันอาศัยเดินทางกับคาราวาน แต่ดูแล้วจะถึงคราวซวยของห่าวอู๋ อุตส่าห์กำลังจะเดินทางไปต่อเรื่อยๆ ดันเจอบุคคลที่มันไม่ควรเจอเสียได้ เงาของกลุ่มคนรากฎขึ้นจากมุมมืดทึบของป่าข้างทางพร้อมผ้าเหลืองที่คาดอยู่บนศีรษะซึ่งนั้นเป็นสัญลักษณ์ของกองโจรโพกผ้าเหลือง หนึ่งในพวกมันมองหน้าห่าวอู๋แล้วกล่าว  "ส่งเงินมา แม่นาง อย่าได้ให้ต้องลงไม้ลงมือ!" กลุ่มโจรค่อยๆเข้ามาห้อมล้อมมันพร้อมพูดประโยคแสลงใจชายหนุ่มใบหน้าสะสวย "บัดซบ! แม่นางมะเหงกเจ้าสิ ข้าเป็นบุรุษทั้งตัว และ หัวใจ อย่าได้พูดแล้ว! อยากได้เงินก็ให้เข้ามาเอาเอง แต่ข้ามศพข้าไปเสียก่อน!" ว่าแล้วมันก็เข้าโจมตีศัตรูตรงหน้า แต่อนิจจา น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ จำได้ล่าสุดคือโดนทุบกระบานจนสลบเหมือดไป...

มันค่อยๆกระพริบตาขึ้น ดูเหมือนจะยังไม่ตาย แต่ที่นี่ที่ไหนละเนี่ย

   
       "พ่อหนุ่ม เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ
        'ใครกันละเนี่ย และที่นี่ที่ไหน' แต่ดูแววแล้วมันคงโดนช่วยมาจากพวกโจรโพกผ้าเหลืองแหงแซะ มันจึงค่อยๆรวบรวมสติและเรียบเรียงคำพูด
"ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก ขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือจากพวกโจรชั่ว ว่าแต่ไม่ทราบว่าที่นี่ที่ใดรึ"
        "ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นจอมยุทธ์หลิวที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"
        "เป็นเช่นนั้นเอง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับขบวนคาราวานที่มาด้วย" มันถามออกมาหาใช่ห่วงใย แค่เผื่อเหลือสินค้าในขบวนสินค้าหรือของมีค่าในคาราวานให้มันเก็บบ้างเท่านั้น
        "เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ ท่านจอมยุทธ์หลิวบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย
        "หืมเป็นเช่นนั้นเอง...." มันกล่าวพลางนึกเสียดายในใจ โอกาสรวยทางลัดแท้ๆ แต่เจ้าจอมยุทธ์หลิวอาจจะแอบฮุบไว้เองก็เป็นได้
        "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"
        "แน่นอน หากนั้นเป็นประโยชน์จริง ว่าแต่ท่านจอมยุทธ์หลิว อาศัยอยู่ที่ใด แล้วเขาชอบสิ่งใดรึ เผื่อข้าจะไปตอบแทนเขา" มันถามเผื่อจะได้รู้ว่า 'จอมยุทธ์หลิว'ซ่อนของรึปล่าว
        "ของชอบท่านจอมยุทธ์หลิวงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูปลาเปรี้ยวหวานซีหู ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนท่านจอมยุทธ์หลิว แต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย





(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)
        "โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ"  ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน

        ห่าวอู๋ก็ๆค่อยเดินตามออกไป ดูๆไปที่นี่ก็หมู่บ้านดาษๆเท่านั้น แต่มันก็เอ่ยคำประจบออกมา "หมู่บ้านนี้ช่างงามนัก  งามที่สุดในกวนจงเท่าที่ข้าเคยเห็นเลย" มันกล่าว ไม่มีคำโกหกแม้ครึ่งคำเพราะที่นี่เป็นหมู่บ้านแรกที่มันมาในกวนจง....
        "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ ท่านจอมยุทธ์หลิวคงไม่อาจอยู่คุ้มครองที่นี่ไปได้ตลอด"
       ห่าวอู๋นิ่งเงียบไป หมู่บ้านนี้จะถึงคราวซวยก็หาใช่เรื่องของเขาไม่ หากรู้ทั้งรู้ว่ากำลังมีภัย เหตุใดชายชราตรงหน้าไม่รู้จักเตรียมตัวเสียหน่อย มันนึกอย่างสมเพชในใจ
        ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"
       "สิ่งนี้มันใช้อย่างไรกัน" มันเอ่ยถามอย่างสงสัย
        "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"
        "เป็นเช่นนี้ ช่างสะดวกสบายนัก"มันกล่าว
        "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"
        "ข้าเข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปลองดู" เขากล่าวก่อนคำนับให้ ก่อนลองไปดูที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้านนี้                                                                                                                                 ลักษณะนิสัยทะเยอทะยาน





+2 Point จากโรลเรียนรู้









←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
อริยสัจสี่
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
เตากำยาน
ดาบใบหลิว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x21
x8
x17
x28
x8
x18
x18
x38
x16
x8
x8
x8
x18
x10
x4
x17
x5
x8
x21
x13
x2
x19
x12
x16
x16
x5
x2
x6
x16
x20
x15
x1
x10
x15
x1
x7
x6
x53
x1
x1
x3
x3
x3
x68
x1
x28
x5
x9
x1
x26
x11
x5
x2
โพสต์ 2021-8-31 23:29:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-8-31 23:45


        ◇ ━ จุดเริ่มต้น

      ตั้งแต่จำความได้ กู่ จิ้นอิ๋ง รับรู้มาเสมอว่าครอบครัวของนางอบอุ่นเพียงใด อันความรักรวมไปถึงการสอนสั่งยึดทางคุณธรรมความดีที่มอบมาเสมอพลอยหล่อหลอมนางให้เติบโตมาเป็นอิสตรีแสนเพรียบพร้อมและจิตใจดีผู้หนึ่ง กระทั่งถึงยามช่วงที่จิ้นอิ๋งเริ่มโตพอรู้ความมากขึ้นพลันนึกสงสัยถึงการเรียกเค้นเงินภาษีของขุนนางจากชาวเมืองเสียมากมาย แม้ฐานะทางบ้านของนางจะไร้ปัญหาในเรื่องนี้ แต่ไม่ใช่กับบางครัวเรือนที่ต้องเดือดเนื้อร้อนใจให้นางเผลออ้อนเอ่ยให้ทางบ้านลดราคาสินค้าตนลงอยู่บ่อยครั้ง โดยคิดเพียงแค่ว่าทำเช่นนั้นคงพอช่วยชาวบ้านรอบกายนางได้บ้าง กระทั่งหลายปีผันผานจิ้นอิ๋งถึงรับรู้ได้ว่าไม่เคยเพียงพอยามรับรู้ข่าวจากผู้เป็นบุพการีถึงการหยุดชะงักการเดินทางค้าขายต่างเมืองเนื่องด้วยเกิดกลุ่มคนที่ไม่อาจทนและลุกประท้วงการกดขี่รีดเค้นนั้น
     ‘ เช่นนั้นกลุ่มคนโพกผ้าเหลืองคือฝั่งเดียวกับชาวบ้านเช่นพวกเราใช่หรือไม่เจ้าคะ? ’
     ในยามนั้นเสียงใสที่เอ่ยถามแสนกระจ่างชัด เจือความเดียงสาและชื่นชมในความกล้าหาญของกลุ่มคนที่กล่าวถึงอย่างจริงใจ จนความจริงที่การกระทำเกินกว่าเหตุที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้เริ่มกระทำไม่อาจถูกเอ่ยบอกจากปากของผู้เป็นบิดาได้ด้วยกลัวประกายในดวงตาสีนิลนั้นจะเลือนหายไป

     กระนั้นแล้วแม้นตัวบิดาไม่เอ่ยบอก จิ้นอิ๋งก็รับรู้ได้ด้วยตัวนางเองในช่วงวัยปักปิ่นที่ทั้งครอบครัวตัดสินใจพากันเตรียมเดินทางเข้าไปยังเมืองฉางอันร่วมกับคณะเดินทางกลุ่มหนึ่งเพื่อไปซื้อขายสินค้าที่ไม่ได้ลงเติมยังร้านตนมาเกือบร่วมสองเดือน รวมไปถึงต้องการค้างแรมยังบ้านญาติในเมืองใหญ่ที่น่าจะปลอดภัยกว่าช่วงหนึ่งเสียก่อนเพื่อรอให้สถานการณ์ความวุ่นวายจากกลุ่มบุคคลที่ตัวจิ้นอิ๋งเคยชื่นชมพอได้คลายตัวลงบ้าง ทว่าทุกสิ่งกลับไม่เป็นดั่งใจหมาย แม้นเป็นขบวนเดินทางกลุ่มขนาดกลางกลับไม่รอดพ้นโดนเหล่าคนโพกผ้าเหลืองนั้นปล้นชิง

     ครอบครัวกู่แตกกระเจิงคนละทิศทาง บิดาบังคับซ่อนบุตรสาวและชายยังรถม้าที่ล้มพังส่วนตัวเองได้ผละจากเพื่อตามช่วยภรรยาที่ถูกจับตัว สองพี่น้องน้ำตาเอ่อล้นหากริมฝีปากเม้มสนิทกลั้นเสียงใดให้เล็ดลอด ถึงอย่างนั้นก็ไม่รอดพ้นสายตาผู้มุ่งร้ายจนทั้งสองจำต้องจับมือพากันวิ่งรี่หนี แต่กำลังทั้งคู่ในวัยนั้นหรือจะทำอะไรได้มากไปกว่าถ่วงเวลาได้เพียงครู่ มีดพร้าเล่มทื่อแทงสวนทะลุข้างเอวจนจิ้นอิ๋งแทบตาพร่าเพราะน้ำตากบ ตัวน้องชายแทบร้องเสียงหลงเตรียมวิ่งหาถ้าไม่เพราะนางกำแน่นยังมีดเล่มนั้นไม่ให้ดึงหนีและเอ่ยบอกในสิ่งที่คิดว่าน้องชายจะยอมลี้จาก

     ‘ อย่าเข้ามา! เสี่ยวเล่อ อึก! เจ้าไปหาคนที่หนีให้มาช่วยข้า ’

     ‘ ข้าฝากความหวังไว้ที่เจ้า… น้องพี่ ’

     และนั่นทำให้ตัวน้องชายที่คล้ายจะวิ่งหาเร่งผินตัวผละไปตามคนมาช่วยพี่สาวอย่างเชื่อฟังด้วยความหวัง เป็นไปตามความต้องการให้จิ้นอิ๋งสบายใจว่าอย่างน้องชายคนเดียวนี้จะไม่โดนคนที่เพิ่งกระชากมีดพร้าเล่มยาวออกจากตัวนางจนบาดมือเรียวที่สู้กอบกุมไว้นี้จัดการต่อ แม้ในตอนนี้ที่เจ็บจนทรุดลงพื้นก็ขอถ่วงเวลาให้นานที่สุด ให้น้องชายได้หนีให้ไกล..

     แม้นยามก่อนสิ้นสติ มือที่บาดเจ็บและโชยกลิ่นสนิมคลุ้งยังคว้าแน่นยังข้อเท้าคนทำร้ายผู้นั้นไม่คลายออก

.
.




     "แม่นาง เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พาจิ้นอิ๋งมาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ

     ตัวจิ้นอิ๋งที่เพิ่งฟื้นหลังสลบซมจากฤทธิ์บาดแผลร่วมอาทิตย์แทบผวาเฮือกผุดลุกนั่งจากเตียงด้วยอารามตกใจยามเมื่อความทรงจำล่าสุดตีย้อนและเห็นบุคคลแปลกหน้าไม่คุ้นเคยตรงมาเอ่ยถามน้ำเสียงฉันท์มิตร ความเจ็บที่หน้าข้างเอวไล่ลามให้นางเผลอเบ้หน้าก่อนเลื่อมือกอบกุมผะแผ่วพร้อมผินมอง รอยแผลที่ถูกพันทับรักษาเป็นอย่างดีสร่างความระมัดระวังเหลือเพียงความเชื่อใจก่อนศีรษะที่ประดับยังเรือนผมสีปีกกาที่ปล่อยยาวจะก้มหาด้วยความขอบคุณอย่างจริงใจ

     “ ขอบคุณท่านอาวุโสที่ช่วยเหลือข้าไว้เจ้าค่ะ ” กวาดตาสำรวจเล็กน้อยก่อนริมฝีปากเล็กพลันเม้มแน่นถึงเอื้อนเอ่ยถามประโยคถัดไป
     “ ข้า.. ตอนนี้อยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ? ”

     "ไม่ใช่ข้าหรอกแม่นางน้อย เป็นจอมยุทธ์หลิวที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"

     พลันได้ยินว่าเป็นอีกบุคคลที่เข้าช่วยเหลือ ในห้วงความคิดจึงสะเปะสะปะด้วยความอยากรู้และอยากเข้าพบตอบแทนผู้มีพระคุณ หากแต่ความกังวลยังครอบครัวคอยแทรกเหนือกว่าตลอดให้จิ้นอิ๋งตัดสินใจถามเรื่องคาใจเสียก่อน

     “ ครอบครัว.. ท่านจอมยุทธ์หลิวได้ช่วยคนอื่น ๆ มาด้วยหรือไม่เจ้าคะ? ” น้ำเสียงหวานติดสั่นเครือเล็กน้อย

     "เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ ท่านจอมยุทธ์หลิวบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินมานั่งข้าง ๆ นาง

     ซึ่งทันทีที่สิ้นประโยคและอีกฝ่ายนั่งยังข้างกาย ดวงตาหวานโศกพลันชะโลมชุ่มยังหยาดน้ำปล่อยทิ้งกลิ้งเกลี่ยระยังผิวแก้ม ปลายจมูกรั้นแดงระเรื่อเสียแสบร้อน หากแต่ไร้เสียงสะอื้นใดราวกับจิ้นอิ๋งไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่ากำลังร้องไห้ออกมา

     “ คน.. คนเดียวจริงหรือเจ้าคะ? ”

     ประโยคนั้นเจือด้วยความไม่อยากยอมรับเสียหลายส่วน ทัศนีย์พร่าเบลอด้วยม่านน้ำตาผินเหม่อมองนิ่งยังมือทั้งสองที่ทิ้งตัวกุมบนตัก ก้านนิ้วเรียวไล้แผ่วยังบาดแผลที่เริ่มหายดีทั้งเพื่อทวนย้อนนึกอดีตและปลอบโยนตัวนางที่พยายามเรียกขวัญกำลังใจให้คืนสู่

     “ คนอื่น.. อาจหนีไปได้โดยที่ท่านจอมยุทธ์ไม่ทันสังเกตก็ได้.. จริงหรือไม่เจ้าคะ? ” คล้ายเอ่ยถามแต่ราวกับประโยคปลอบตนเสียมากกว่าเพราะจิ้นอิ๋งไม่ได้อยากได้คำตอบนัก

     "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"

     จิ้นอิ๋งลอบขอบคุณในใจแก่ผู้ใหญ่บ้านเบื้องหน้านางที่ไม่เอ่ยกล่าวสิ่งใดต่อให้นางหวนคิดมากอีกหน ไหนเลยจะแนะนำอยากสอนสั่งบางสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่นางจนคนที่มักเป็นผู้ให้เสียมากกว่าอดรู้สึกเกรงอกเกรงใจขึ้นมาไม่ได้ อารามเศร้าซึมก่อนหน้าพลันจางลงหลายส่วน

     “ ท่านอาวุโสซ่งมีน้ำใจนัก กู่ จิ้นอิ๋งผู้นี้ซาบซึ้งยิ่ง.. หากแต่ตอนนี้ข้าอยากตอบแทนผู้มีพระคุณอีกท่านของข้าเช่นเดียวกัน.. ท่านอาวุโสพอจะทราบถึงสิ่งที่ท่านจอมยุทธ์หลิวชอบหรือไม่เจ้าคะ? ”

     "ของชอบท่านจอมยุทธ์หลิวงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูปลาเปรี้ยวหวานซีหู ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนท่านจอมยุทธ์หลิว แต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย

     แม้นพาเปลี่ยนเรื่องอีกฝ่ายก็ไม่แคล้วอยากช่วยเหลือนาง สิ่งเหล่านั้นเรียกรอยยิ้มแรกของจิ้นอิ๋งให้วาดออกอย่างจริงใจ ก่อนนางจะผงกศีรษะน้อมรับหาอย่างสุภาพเพื่อรับการสอนจากอีกฝ่ายอย่างยินดี

     “ ขออภัยด้วยที่ข้าเสียมารยาทมาเสียนาน ตัวข้ามีนามว่ากู่ จิ้นอิ๋งนะเจ้าคะท่านอาวุโสซ่ง ข้ายินดียิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านเจ้าค่ะ ”




(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)


     "โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ"  ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน

     ยามเมื่อถูกเดินนำออกไป จิ้นอิ๋งก็ประคองตัวที่ยังรู้สึกเจ็บขัดไม่น้อยยังข้างเอวเพื่อเดินตามอีกฝ่ายพร้อมมือทั้งสองที่ปัดเกลี่ยเอาคราบความหมองเศร้าออกจากใบหน้า กระทั่งมาถึงยังลานระเบียงที่ทอดทิวทัศน์ให้เห็นพื้นที่หมู่บ้านแสนรื่นรมย์ ตัวจิ้นอิ๋งพลันรู้สึกถูกปลอบประโลมไม่น้อยจนอดเอ่ยชมไม่ได้

     “ ร่มรื่นนัก.. หมู่บ้านของท่านอาวุโสซ่งงดงามยิ่งนะเจ้าคะ ”

     "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่ ท่านจอมยุทธ์หลิวคงไม่อาจอยู่คุ้มครองที่นี่ไปได้ตลอด"

     จิ้นอิ๋งเผลอเงียบลงครู่หนึ่งราวครุ่นคิดตามไปด้วย แววตาสีนิลไหววูบบางสิ่งก่อนเอ่ยประโยคแผ่วแว่วที่ไม่รู้กล่าวตอบรับอีกฝ่ายหรือเพียงกล่าวกับตนเท่านั้น

     “ หากกลุ่มคนเหล่านั้นกลับมาย้อนยึดอุดมการณ์เก่าที่ต้องการเพียงความยุติธรรมแก่ชาวเมืองก็คงดีนะเจ้าคะ.. ”

     ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"

     เสียงเรียกเอ่ยทักจากอีกฝ่ายดึงสายตาของจิ้นอิ๋งให้ทอดมองกระเป๋าบนโต๊ะแทน ดวงตาโศกกระพริบแผ่วราวไม่เข้าใจนัก เกรงอกเกรงใจยิ่งจากน้ำใจของอีกฝ่ายที่ไม่นึกว่าจะมอบส่งของให้นางที่เป็นเพียงคนแปลกหน้าง่าย ๆ เช่นนี้ แต่จะไม่รับมาก็คงเสียมารยาท สุดท้ายนางจึงทำได้เพียงโค้งหาขอบคุณท่านอาวุโสไปเสียอีกหน

     "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (My Status) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน ' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"

     จิ้นอิ๋งเลื่อนมือเปิดตามที่อีกฝ่ายบอก พลางกวาดมองยังช่องกระเป๋าต่าง ๆ ที่ถูกแนะอย่างตั้งใจไม่ให้ตกหล่น โดยสังเกตเห็นของในนั้นบางส่วน รอยยิ้มจึงเผยจางด้วยความขอบคุณ

     "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"

     “ ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ.. ขอบคุณสำหรับของและคำชี้แนะมากเจ้าค่ะท่านอาวุโสซ่ง ”

     กล่าวหนักแน่นถึงความจริงใจในประโยคขอบคุณที่เอ่ยเท่าไหร่ก็ไม่พอแก่อีกฝ่าย ก่อนรับยังถุงย่ามอีกถุงที่มีสิ่งที่จะได้ตอบแทนยังผู้มีพระคุณอีกคนต่อไป ซึ่งจิ้นอิ๋งรู้สึกกระตือรือร้นยิ่งนักที่จะได้ตอบแทน ดวงหน้าหวานผงกรับขึ้นลงเสียหลายรอบดูหลุดมาดคุณหนูที่มักวางตัวไปชั่วขณะ

     “ ข้าจะรีบนำไปตามที่ท่านบอกเจ้าค่ะ เช่นนั้นแล้วจิ้นอิ๋งขอตัวลานะเจ้าคะ ”

     สิ้นประโยคนางก็โค้งลาผู้อาวุโสก่อนเตรียมตัวตรงไปยังโรงเตี๊ยมที่ถูกแนะนำ พร้อมกับที่ในหัวนั้นก็พยายามจดจ่อที่เรื่องตอบแทนเพื่อไม่ให้ไขว่เขวคืนสู่เรื่องครอบครัวให้ยิ่งจมดิ่ง..



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-20 12:28:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

การแต่งงาน

ผู้ใหญ่บ้าน
เทียนหลงมุ่งตรงกลับมายังบ้านเกิดของตนที่แสนคิดถึง ถึงแม้จะไม่มีครอบครัวของเขาเหลืออยู่แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆและผู้คนมากมายที่ดีกับเขา และเหตุผลที่เขาต้องมาที่แห่งนี้ในวันนี้ ก็เพื่อหาผู้ที่จะช่วยตนในการสู่ขอแม่นางเพ่ยเอ๋อห์

"ขอคาราวะท่านผู้ใหญ่บ้าน"

เทียนหลงกล่าวขึ้นพร้อมกับโค้งคำนับผู้ใหญ่บ้านในที่แห่งนี้

"เป็นเจ้าเองรึหนุ่มน้อย แล้ววันนี้มาหาข้าด้วยเรื่องอันใดหละ"

ผู้ใหญ่บ้านพลันกล่าวถามอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้ม

"ท่านผู้ใหญ่บ้าน ที่ข้ามาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะขอร้องท่าน"

เทียนหบลงกล่าวออกมาก่อนจะรวบรวมความกล้าเพิ่มอีกนิดหน่อย

"ข้าอยากให้ท่านช่วยไปสู่ขอแม่นางท่านหนึ่งกับข้าได้รึไม่??"

ผู้ใหญ่บ้านพลันหัวเราะออกมายกใหญ่นึกว่าจะมีเรื่องใหญ่อันใด ที่แท้ก็เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เอง

"ข้ามิมีปัญหา"

ผู้ใหญ่บ้านยิ้มออกมาก่อนจะหยิบของเล็กๆน้อยๆออกไปกับเทียนหลงทางประตู เทียนหลงเดินนำผู้ใหญ่บ้านมาเรื่อยๆจนถึงเมืองหรูหนาน เพื่อไปหาเพ่ยเอ๋อห์!!!


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-10-6 22:30:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  กัวฟ่งตื่นขึ้นในห้องหนึ่งเมื่อเขาขยับตัวทำให้บาดเเผลมีอาการเจ็บขึ้น "โอ๊ย!!...เป็นแค่พวกสุนัขแท้ๆแต่กลับสร้างบาดแผลให้ข้าได้หรือนี่" ตั้งแต่เกิดมาข้าไม่เคยรู้จักคำว่าพ่ายแพ้ ในหมู่บ้านไม่มีใครกล้าเเม้จะสบตาข้าเกินสามอึดใจ ข้าเคยคิดว่าตัวเองคือผู้แข็งแกร่งที่สุด...แต่มันไม่ใช่! ข้ายังขาดสิ่งที่เรียกว่าพลังข้าต้องการมันมากกว่านี้ถ้าข้าแข็งแกร่งกว่านี้ก็คงไม่โดนเจ้าพวกโจรสุนัขหยามขนาดนี้  ฮ่าๆ แต่พวกเจ้าพลาดแล้วที่ข้าไม่ตายเพราะวันนึงมันจะเป็นวันที่ข้าจะถลกหนังพวกเจ้า!!!

"พ่อหนุ่ม เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ผู้ใหญ่บ้านเดินเข้ามาภายในกระท่อมที่หลิวไท่พามาพักฟื้น ผู้เฒ่าคลี่รอยยิ้มด้วยความเป็นมิตรต้อนรับ

เจ้าเฒ่าตรงหน้าข้านี่ใครกัน "ข้าเหลาหู่เป็นคนตรงๆหากท่านเป็นผู้ช่วยข้า ข้าเหลาหู่ยินดีตอบแทนท่านผู้อาวุโส"

"ไม่ใช่ข้าหรอกหนุ่มน้อย เป็นอาหลิงที่ช่วยเจ้า" ผู้เฒ่ากล่าวตอบอีกฝ่ายก่อนจะแนะนำตัว "เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย"


"แล้วชายแขนด้วนกับหญิงชราหละเห็นพวกเขาไหม"

"เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ รู้สึกว่าอาหลิงจะบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว" ผู้เฒ่ากล่าวยิ้มให้กำลังใจ ก่อนเดินไปนั่งข้าง ๆ อีกฝ่าย


อืม...ท่านพ่อไม่ได้อ่อนแอน่าจะพาท่านแม่หนีไปได้หละมั้ง


"ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่าย "ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"


"จริงด้วย แล้วคนที่ชื่อหลิงอะไรสักอย่างที่ช่วยข้าหละ ข้าอยากจะตอบแทนเขาบ้าง"


   "ของชอบท่านอาหลิวงั้นเหรอ รู้สึกจะเป็นเมนูผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนอาหลิงแต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวบอกอีกฝ่ายพลางไม่ลืมที่จะช่วยแนะนำอีกฝ่าย


(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)
"โอ๊ะๆ เด็กๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ ผู้ใหญ่บ้านเดินนำคุณออกไปยังระเบียงของชานบ้าน


เมื่อกัวฟ่งออกมาจากห้อง ฉากตรงหน้าพาเขาตกตะลึง "ที่นี่ไม่ได้คึกคักเหมือนอู๋เว่ย แต่มันกับสวยงามและเงียบสงบ"


  "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." ผู้ใหญ่บ้านกล่าวพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่โชคดีที่หลิวไท่ได้สอนอาหลิงจนสำเร็จยุทธ์พอปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรได้"


"กลียุคมันก็เป็นเช่นนี้เเหละ มากสุดก็แค่ตายท่านจะไปคิดอะไรมาก แค่ฆ่าพวกสุนัขพวกนั้นให้ได้มากที่สุดก็คุ้มที่จะตายแล้ว"


ผู้เฒ่าเดินมาหยุดตรงระเบียง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะข้าง ๆ ขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"


นี่เจ้ากะให้ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้าไปถึงไหน? "ขอบคุณผู้อาวุโส ถ้าวันข้างหน้าท่านอาวุโสมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยละก็ข้าเหลาหู่ยินดีช่วย"


  "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" ผู้ใหญ่บ้านเลื่อนนิ้วพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้อีกฝ่าย "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"


อืม...ไม่ซับซ้อนไม่ยุ่งยาก ชอบ!!! "ขอบคุณท่านผู้อาวุโสอีกครั้ง"


  "เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" ผู้ใหญ่บ้านกล่าวถามอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายสามารถเรียนรู้อย่างเข้าใจ ก่อนจะหยิบถุงย่ามอีกใบที่บรรจุเครื่องเทศ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารจำนวนหนึ่งให้อีกฝ่าย "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"


"งั้นข้าขอตัวลาขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ไม่ต้องส่ง"
จากนั้นกัวฟ่งเดินทางไปโรงเตี๊ยมที่ผู้ใหญ่บ้านบอก
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-7 00:15:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tianzhou เมื่อ 2021-10-7 09:50

ราชสีห์จรจัด
เบาะแสสุดท้าย

หลังจากที่เทียนโจวได้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงหมอที่หรูหนานจนอาการเริ่มดีขึ้น เขาก็ตัดสินที่จะออกมาจากที่นั่นเพื่อกลับไปยังหมู่บ้านที่ตนได้พลัดพรากมาจากครอบครัวอันเป็นที่รัก

เทียนโจวเดินทางผ่านป่าที่เชื่อมระหว่างเมืองหรูหนานกับหมู่บ้านเซิ่งหุนอยู่ซักพัก จนในที่สุดเขาก็มาถึงยังหน้าทางเข้าของหมู่บ้าน สายตาของเขาพลันจ้องมองไปยังหน้าประตูเมืองถึงแม้จะมืดค่ำ แต่สำหรับเขามิได้มีปัญหามากนัก แถมมันยังทำให้คิดถึงเมื่อครั้งแรกที่เขาได้มายังที่นี่เสียด้วยซ้ำ..

แต่แล้วความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อสายตาของเทียนโจวเหลือบไปเห็นเงาบางอย่างเคลื่อนที่ไปมาอยู่รอบๆหน้าหมู่บ้าน

“แกเป็นใคร! แสดงตัวออกมาซะ!”

เทียนโจวตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความหงุดหงิดที่มีคนมายุ่งกับคนในหมู่บ้าน แตกต่างจากปิงจวนที่เต็มไปด้วยความงุนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่เทียนโจวกล่าวขึ้นมา

“เจ้าพูดกับข้ารึ เทียนจวิน?”

แต่แล้วหลังจากที่ปิงจวนกล่าวออกมาได้ไม่นานมีดบินจำนวนหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหาปิงจวน แต่ก็ได้ถูกป้องกันไว้ด้วยแขนของเทียนโจวพร้อมกับเลือดของเขาที่เริ่มไหลออกมา

“มีคนเจอข้าจนได้สินะ แต่ว่ามันมิใช่เรื่องใหญ่ เพราะยังไงเจ้าก็มิรอดไปได้ถึงพรุ่งนี้!!”

ชาวยุทธ์คนนั้นรุดหน้าเข้ามากระหน่ำฟันใส่เทียนโจว เทียนโจวป้องกัรการโจมตีเหล่านั้นด้วยทวนของตน แต่ว่าก็มิสามารถกันการโจมตีทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ฝีมือของชายตรงหน้าเทียนโจวนั้นถือได้ว่าดีกว่าใครที่เขาเคยพบเจอมา แต่ว่ามันก็ได้เท่านั้นแหละ เทียนโจวตวัดทวนของตนจนสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ที่กลางอกของชาวยุทธ์ชุดดำจนล้มลงกับพื้น

“เจ้ารู้ไรไหมไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดหรือจะสร้างบาดแผลให้ข้ามากแค่ไหน สุดท้ายเจ้าก็ไม่มีวันชนะข้าได้ เช่นเดียวกับบาดแผลบนร่างของข้าที่ผ่านการต่อสู้มากมายแต่ พวกมันทุกคนก็ทำได้แค่ฝากบาดแผลไว้เท่านั้น”

เทียนโจวพลันเดินไปเหยียบร่างของชาวยุทธ์ที่นอนอยู่กับพื้น พร้อมกับหันปลายทวนจ่อไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างเหยียดหยาม
“บอกข้ามาว่าเจ้ามาทำอะไรที่หมู่บ้านแห่งนี้!”

เทียนโจวยื่นปลายทวนเข้าไปใกล้ดวงตาของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้นเพื่อข่มขู่อีกฝ่าย

“ไม่!ข้าจะไม่บอกเจ้า!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชาวยุทธ์กล่าวออกมาทวนของเทียนโจวก็ได้ตัดแขนข้างหนึ่งของชาวยุทธ์จนขาด

“เจ้าคิดว่าข้าขอร้องเจ้างั้นหรอ?”

“ถึงแม้ข้าจะเสียแขนอีกข้างข้าก็จะไม่บอกเจ้า”

ชาวยุทธ์พลันกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ

“ได้งั้นข้าจะไม่ตัดเเขนเจ้า”

ทวนได้ตวัดอีกครั้งแต่คราวนี้มันได้ตัดสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายที่จำเป็นต่อการมีทายาทจนขาด ก่อนจะเตะสิ่งนั้นขึ้นมาว่างบนหน้าของอีกฝ่าย

“อ๊ากกกกกกกกกกก ข้าบอกแล้ว! ข้าจะบอกเจ้าแล้ว!”

ชาวยุทธ์พลันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับฟันที่ขบกันจนเลือดไหลออกมา

“บอกแต่แรกก็จบแล้วแท้ๆ”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มเยาะอีกฝ่ายเล็กน้อยด้วยความสะใจ

“ข้ามาที่นี่เพราะได้ยินเบาะแสเกี่ยวกับชายที่พวกเราตามหา เขาได้หน้ากากที่พวกเราต้องการไป ข้าเลยมายังที่นี่เพราะเป็นที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่”

เมื่อเทียนโจวได้รู้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็พลันปรากฎรอยยิ้มขึ้นมาบนหน้าก่อนจะตัดเส้นเสียงของอีกฝ่ายทิ้งพร้อมกับแขนอีกข้างเพื่อความสะใจเล็กๆน้อยๆ

“ปิงจวน พวกเราไปกันเถอะ”

เทียนโจวพลันกล่าวออกมาก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายขึ้นไปบนม้าสีขาวตรงเข้าไปยังด้านในหมู่บ้าน ท่ามกลางความืดครึมและความเงียบสงัด เทียนโจวจ้องมองไปยังภาพที่แสนคุณเคยเมื่อวัยเด็กพร้อมน้ำตา ก่อนรีบลงจากมาวิ่งไปหาบ้านที่เคยอยู่เมื่อสมัยเด็ก

“ท่านพ่อท่านแม่!”

เทียนโจวกล่าวออกมาเสียงดังเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป แต่แล้วภาพที่เขาเห็นก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า พร้อมกับสภาพบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นจากการที่มิได้ใช้งานมาเกือบเดือน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมสีหน้าแห่งความสับสน ปิงจวนเดินมาข้างๆเทียนโจวพร้อมกับลูบหลังของชายหนุ่มเบาๆพร้อมกับจ้องมองไปในแววตาแห่งความสับสนที่ไหลออกมาพร้อมน้ำตา

“เจ้าเป็นอะไรไหม?”

เสียงกล่าวถามออกมาด้วยความเป็นห่วง ใครจะคิดเล่าชายที่แข็งแกร่งเช่นนั้นกลับอ่อนไหวถึงเพียงนี้

“เจ้ามิต้องกังวลนะเทียนจวิน ทำไมไม่ลองไปถามจากผู้ใหญ่บ้านดูล่ะ”

ปิงจวนพลันเสนอไอเดียให้แก่อีกฝ่าย ดีกว่าต้องมาเห็นเทียนโจวร้องไห้

“จริงของเจ้า เราไปหาผู้ใหญ่บ้านกันเถอะ”

เทียนโจวพลันเช็ดน้ำตาของตนก๋อนจะพาหญิงสาวขึ้นมาอีกครั้ง และมุ่งตรงไปยังเรือนของผู้ใหญ่บ้านอย่างรวดเร็ว

กึก กึก กึก

“ผู้ใหญ่ซ่ง! ผู้ใหญ่ซ่ง!”

เทียนโจวเคาะประตูอย่างรุนแรงพร้อมกับตะโกนแซ่ของผู้ใหญ่บ้านในความทรงจำอันน้อยนิดออกมา ก่อนที่ชายชราผู้เป็นผู้ใหญ้บ้านประจำที่แห่งนี้จะออกมาเปิดประตูพร้อมกับท่าทีอันสงบนิ่ง

“เจ้าเป็นใครรึพ่อหนุ่ม?”

ชายชรากล่าวขึ้นมาพร้อมกับลูบเคราของตนเองพร้อมกับจ้องมองไปยังชายรูปร่างกำยำผู้นี้

“ข้าเป็นบุตรของเทียนฟานและเทียนหงเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา!”

เทียนโจวมิอาจรับงับความรู้สึกนี่ได้ เขานั้นต้องการจะรู้คำตอบ คำตอบที่ตนสมควรจะรู้

“บุตรชายของเทียนฟานงั้นรึ อืม…….. ออข้านึกออกแล้ว เจ้าคงเป็นเด็กที่เคยถูกลักพาตัวไปสินะ ชั่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ข้าจะต้องบอกเจ้าแต่….พ่อแม่ของเจ้าได้จากไปแล้ว”

ชายชรากล่าวออกมาพร้อมกับด้วยสีหน้าเศร้าใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่วนเทียนโจวนั้นในตอนนี้นั้นเขาแทบจะทำอะไรไม่ถูก ครอบครัวที่เคยเลี้ยงดูเขามานั้นได้สินใจลงไปแล้ว แล้วเขาจะเหลืออะไร….น้องชาย

“แล้วน้องชายของข้าล่ะ ท่านมิได้พูดถึงเขาเลย เขาเป็นเช่นไรบ้าง”

เทียนโจวพลันเขย่าร่างของชายหราด้วยความร้อนใจ ก่อนที่ปิงจวนจะเข้ามาห้ามเทียนโจวก็ที่ผู้ใหญ่บ้านจะเป็นอันตราย

“น้องชายของเจ้า เทียนหลง เขาสบายดี ตอนนี้เป็นเจ้าของกิจการหอนางโลมในเมืองหรูหนาน”

เมื่อได้ยินคำกล่าวของผู้ใหญ่บ้าน เทียนโจวก็พลันถอนหายใจออกมาด้วยความโลงอกก่อนจะเข้าไปกอดปิงจวนด้วยความดีใจที่น้องชายของตนนั้นยังมีชีวิตอยู่

“ข้าขอบคุณท่านมากจริงๆ”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มแห่งความสบายใจ

“ไม่เป็นไรหรอกำ่อหนุ่ม ว่าแต่นี่ก็มืดค่ำแล้วเจ้าสนใจที่จะเข้ามาพักที่นี่ซักคืนหรือไม่”

ชายชรากล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม พร้อมกับเทียนโจวที่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปพักยังบ้านของผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับปิงจวน

“วันนี้เจ้าดูเป็นคนปกติกว่าทุกทีรู้ตัวไหม”

ปิงจวนพลันกล่าวขึ้นมาในขณะที่เดินไปหยิบตำราเกี่ยวกับสมุนไพรภายในบ้านของผู้ใหญ่บ้านมาอ่าน

“ยุ่งน่ะ มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะรีบหนีไปนอนก่อนจะแอบยิ้มออกมาเล็กน้อย เช่นเดียวกับปิงจวนเมื่อีกฝ่ายหันไปก็ได้ยิ้มออกมาเช่นกัน

“ฝันดีนะ...เจ้าบ้า”


เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)
+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี)
+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)
+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+5 มีธาตุทองเหมือนกัน
+20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
-10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว)

+5 กับคนที่สนใจ (มีแผลเป็น)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30
+40
+30



เอฟเฟคตัวละคร ปิงจวน
Points
+2 จากการโรลเรียนรู้(ทะเยอทะยาน)
+4 เมื่อโรลเรียนรู้(หนอนหนังสือ)
+1 จากการโรลเรียนรู้ (ว่องไว)
ผลรวม
+7

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-11-12 23:20:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhangTing เมื่อ 2021-11-12 23:24




          “เอาอีกแล้วนะถิงถิง แม่บอกเจ้าว่าอย่างไรกับซาลาเปาที่แม่วางไว้ตรงนี้” เสียงแหลมหวานที่แสนคุ้นเคยดังก้องเข้ามาในโสตประสาทของเด็กสาวร่างเล็กนัยค์ตาสีดำสนิทเฉกเช่นเดียวกันกับสีผม ทำให้เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาจากเงามืดที่กลืนกินดวงตาของเธออยู่ ปรากฏเป็นภาพของ หญิงสาวสุดที่รักและสุดคุ้นเคย กำลังยืนดุว่าจางถิงตรงหน้าที่เพลอเอาซาลาเปาไปทานจนหมดอีกแล้ว.... จางฟูเหริน แม่ของ จาง ถิง  



        “ข้าผิดไปแล้วเจ้าค่ะท่านแม่...” เปล่งเสียงอออกมาด้วยความสำนึกผิดไม่ต่างกับนัยค์ตาที่ส่งไปหาท่านแม่ตนเอง



        “น่า..เจ้าก็รู้ว่าถิงถิงของเราชอบทานซาลาเปาตั้งแต่ยังเล็ก ลูกสาวของเราเติบโตเต็มที่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะ ใช่หรือไม่ จางถิงของพ่อ ” สัมผัสที่แผ่วบางพร้อมกับเสียงทุ้มกังวานของชายหนุ่มมีอายุมากกว่า ฝ่ามือของผู้เป็นพ่อแตะเข้าที่หัวของจางถิงอย่างอ่อนโยนพลันถูไปมาราวกับเอ็นดูเธออยู่ จาง หยาง พ่อของ จาง ถิง.....



        “....” ผู้เป็นแม่ยิ้มบางพลันไหวหัวเอ็นดู “ถิงถิงของแม่ หากเช่นนั้นลูกอยากจะทานก็จงขอแม่ดีๆ แม่สามารถทำให้ลูกทานได้เท่าที่ลูกต้องการ คราวหลังไม่เอาอีกแล้ว เข้าใจใช่หรือไม่” แม่ของจางถิงเอื้อมมือมาลูบแก้มเบา ๆ



        “ซาลาเปาห้าลูกนี้เราจะเอาไปหาท่านตากับท่านยายของเรา เพราะฉะนั้นห้ามทานจนกว่าจะถึงที่หมายนะถิงถิง เข้าใจใช่หรือไม่จ้ะ” สิ้นเสียงของผู้เป็นแม่ไม่รีรอช้าก็ยกนิ้วก้อยขึ้นมา ใบหน้าของจางยิ้มแป้นเกี่ยวก้อยสัญญาทันทีโดยไม่คิดอะไร



        “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะทานซาลาเปาพร้อมกันทั้งครอบครัว!!”



.


.


.




        “!!!!”

        “ แฮ่ก ๆ ” สีหน้าของจางถิงบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด แต่ภายในนัยค์ตาสีทมิฬกลับมีความกลัวแฝงอยู่ สองขาเรียวพยายามวิ่งก้าวไปข้างหน้าไร้จุดหมายโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยแม้แต่น้อย ข้างหลังของเธอไม่ห่างมากเท่าไหร่มีเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองพยายามไล่ตามเธออยู่ เธอมองไม่เห็นชัดมากนักว่ากี่คนเพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นป่า พ่อแม่ของเธอหายตัวไประหว่างที่กลุ่มพวกนี้เข้ามาบุกระหว่างทางที่เธอกำลังจะเดินทางขึ้นเหนือไปเยี่ยมเยียนท่านตาท่านยายที่เมืองหลวงลั่วหยาง ทำให้แตกแยกไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ร่างบางหอบหอบจนแทบจะเจ็บกลางอกแต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังวิ่งอย่างสุดกำลังเพื่อให้มีชีวิตรอด เธอคิดว่าการหนีคือทางออกที่ดีที่สุด ส่วนท่านพ่อและท่านแม่ .........



        “...” จางถิงขบรีมฝีปากตนเองจนได้กลิ่นเลือด ภายในใจเธออยากจะออกตามหาผู้เป็นพ่อและแม่สุดใจจะขาดเสียซะตั้งแต่ตอนนี้ เธอไม่ได้โกรธแค้น แต่โกรธตนเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยจนกลายเป็นแบบนี้ ทำไมเธอต้องมาหนี ทำไมเธอไม่สู้กลับ ถ้าเธอมีความสามารถ มีศิลปะการต่อสู้อีกสักหน่อยเธอคงสามารถปกป้องคนที่ตนเองรักได้อย่างแน่นอน



        ยังไม่ทันที่เธอจะด่าทอตัวเองให้หมดขณะที่วิ่งสุดขาดใจ ราวกับโชคชะตาจะเล่นตลกอีกครั้ง ด้วยความไม่ระมัดระวัง เธอไม่รู้ตัวว่าข้างหน้าตนเองคือหน้าผา จังหวะพอดีทำให้เธอเสียสมดุลขณะที่วิ่งจนตกลงหน้าผาเสียจนได้ ร่างกายของเธอกระแทกเข้ากับกับกิ่งไม้หลายครั้งจนทำให้หมดสติ และภาพทุกอย่างก็ดับมืด




.

.

.



        “..!!”



        "สาวน้อย เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง" ราวกับฝันร้ายที่แสนยาวนาน เสียงที่ไม่คุ้นเคยทำเอาร่างของเด็กสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะกระพริบตาเพื่อปรับการมองเห็นให้ชัดขึ้น ก็พบกับร่างของผู้เฒ่าที่ไม่คุ้นหน้านัก



        “.....”เธอเงียบไปพักนึง “ที่นี่...ที่ไหนหรือเจ้าคะ” จาง ถิง ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ ดูเหมือนร่างกายจะระบมไปทั่วทำเอาเด็กสาวนิ้วหน้า“ขอขอบคุณที่ท่าน มีเมตตาและน้ำใจที่ช่วยเหลือข้านะเจ้าค่ะ” เธอจับหน้าท้องตนเองเงยหน้ามองผู้เฒ่าที่ส่งรอยยิ้มมาให้



        “ไม่ใช่ข้าหรอกสาวน้อย เป็นอาหลิงที่ช่วยเจ้า” จาง ถิง รับฟังเงียบ ๆ พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งฟังคำแนะนำตัว “เจ้าอยู่ที่หมู่บ้านเซิ่งหุน ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ช่งต้าเผย”



        “....” จางถิงเลือกที่จะเงียบและรับฟังสิ่งที่ผู้เฒ่าคนนี้อธิบาย



        “ เจ้าดูเหมือนจะโดนพวกโจรโพกผ้าเหลืองปล้มสดมภ์ รู้สึกว่าอาหลิงจะบอกว่ามีเจ้ารอดมาคนเดียว ” พอจาง ถิงได้ยินว่าเหลือตนเองคนเดียวที่รอดมาได้น้ำตาของ จาง ถิง ก็เอ่อล้น “ข้า..ข้า” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยน้ำตา การจากไปโดยที่ไม่ได้บอกลากันสักคำทำเอาเด็กสาวตั้งตัวไม่ถูก รู้ตัวอีกทีผู้เฒ่าก็มานั่งยิ้มให้กำลังใจข้าง ๆ แล้ว จาง ถิงค่อย ๆ เช็ดน้ำตาของตนออก ถึงอย่างนั้นจมูกและขอบตาของเธอก็แดงอยู่ดี



        "ตอนนี้เจ้าก็เริ่มหายดีขึ้นแล้ว เจ้าพอมีเวลาสักเล็กน้อยไหม" ผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านเซิ่งหุนถามขึ้นมาทำเอาจาง ถิงต้องหันไปมอง" ข้าจะสอนเทคนิคนิด ๆ หน่อย ๆ ให้กับเจ้า เผื่อว่าวันหน้ามันอาจมีประโยชน์ต่อเจ้า"



        “หากเพื่อเป็นการทดแทนที่ท่านดูแลข้า ข้ายินดีเจ้าค่ะ”จาง ถิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มประจำตัวแต่ติดตรงขอบตากับจมูกขึ้นแดง “ถ้าเช่นนั้นรบกวนช่วยบอกของที่ท่านอาหลิงชอบแก่ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากจะตอบแทนบุญคุณผู้มีพระคุณที่ที่ช่วยข้ากับสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น”



        "ของชอบท่านอาหลิงงั้นเหรอ... รู้สึกจะเป็นเมนูผัดผักเก๋าฮะไฉ่ ข้าจะให้วัตถุดิบนี้แก่เจ้าแล้วกันถ้าเจ้าอยากทำตอบแทนอาหลิงแต่ไว้หลังข้าสอนพื้นฐานการใช้กระเป๋าเสร็จก่อน" ผู้เฒ่าตอบกลับขึ้นมา ส่วนจางถิงก็พยักหน้าตกลงทันทีที่ได้ยิน





(1) ว่าง ยินดีเรียน (เข้าสู่บทเรียน)



         "โอ๊ะ ๆ เด็ก ๆ อย่างพวกเธอนี่ดีจังเลยนะ ขมักเขมันกันจริง ๆ " จางถิง ค่อยเดินกุมท้องตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บตามหน้าผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านเซิ่งหุน ออกไปยังระเบียงชานบ้านที่ไม่คุ้นที่นัก แต่ถึงเช่นนั้นก็งดงามจนอดพูดไม่ได้



         “เป็นหมู่บ้านที่งดงามมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยเห็นก่อนเลย” จางถิงกล่าวขึ้นมาขณะเดินตามหลังต้อย ๆ



         "อ่าา เจ้าพูดถูกหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านที่งดงามในกวนจงก็นับว่าไม่ผิด เพียงแต่...." หูแว่วไปเองหรือเปล่านะดูเหมือนจางถิงจะได้ยินเสียงถ่อนหายใจ "ในกลียุคเช่นนี้ข้าไม่รู้ว่าเราจะรอดไปถึงเมื่อไหร่โชคดีที่อาหลิงได้สอนอาหลิงจนสำเร็จยุทธ์พอปกป้องหมู่บ้านจากพวกโจรได้" จางถิงรับฟังเงียบ ๆ ก่อนจะกระพริบตาปริบ ๆ ที่จู่ ๆ ผู้เฒ่าก็หยุดเดิน



          ผู้เฒ่าหยุดเดินตรงระเบียงแล้วจากนั้นจึงหยิบกระเป๋าเป้ใบขนาดกลางที่วางบนโต๊ะขึ้นมา "ดูเหมือนเจ้าจะไม่มีอะไรเหลือเลย ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ภายในคิดว่าคงมีของที่จะช่วยสานปณิธานของเจ้าให้สำเร็จได้"



          “กระเป๋า...?? ให้ข้างั้นรึเจ้าคะ ... ข้าขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นอย่างสูงนะเจ้าคะ” จางถิง ยิ้มหวานพลางโน้มตัวโค้งแสดงความเคราพหลังจากรับของที่อีกฝ่ายให้มา



          "เจ้าลองเลื่อนมือไปด้านบนตรงนี้ของกระเป๋า (MyStatus) แล้วเจ้าก็จะเปิดมันออกเผยให้เห็น 'สัมภาระของฉัน' เจ้าก็จะเข้าดูข้าวของด้านใน" จางถิงมองผู้เฒ่าที่ใช้นิ้วที่เลื่อนพลางกล่าวแนะนำสอนการใช้งานกระเป๋าใส่ของให้ ไม่รีรอจางถิงทำตามทันที "ไอเท็มของฉันจะเป็นช่องสำหรับเจ้าใส่วัตถุดิบ หินตีบวกและอัพเกรด ตั๋วเงิน และ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ .... ในขณะที่อุปกรณ์ของฉันเจ้าจะสามารถเก็บพวกอุปกรณ์ อาวุธ เครื่องราง สมบัติ เครื่องประดับ อาภรณ์ ชุดเกราะต่าง ๆ ได้ที่นี่"

"เจ้าเริ่มเข้าใจการเก็บของแล้วใช่ไหม" จางถิงเงยหน้ามองผู้ใหญ่บ้านพลางพยักหน้ารัว ๆ มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ไม่วายพกรอยยิ้มใส่ให้ด้วยเพื่อให้ผู้ใหญ่บ้านรับรู้ "เจ้านำของเหล่านี้ไปหาพ่อครัวเอ้อฉินที่โรงเตี๊ยมประจำหมู่บ้าน เขาจะสอนเจ้าในเรื่องการทำอาหาร"



          “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” จางถิงยิ้ม “งั้นข้าขอตัวไปโรงเตี้ยมนะเจ้าค่ะ” สิ้นเสียงจางถิงโน้มตัวให้แก่ผู้ใหญ่บ้านที่ดูแลเธออีกครั้งจากนั้นจึงเดินออกไปตามจุดหมายที่อีกฝ่ายบอก



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x20
x1
x4
x4
x1
x2
x1
x4
x30
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้