เจ้าของ: ไม่ระบุชื่อ

[เมืองฉางอัน] โรงน้ำชาสกุลหลี่

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-10-17 15:00:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดูว่าที่ลูกสะใภ้ในอนาคต

        จากนี้ใดๆก็ตามที่ชายพเนจรคนนี้มิเคยได้กระทำในชีวิต  มันจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาและอาจจะเริ่มต้นมาแล้วจากการควบม้าออกจากนครลั่วหยางมาด้วยกันสองคน  กระทั่งได้นอนด้วยกันในบ้านร้างของค่ำคืนที่ผ่านมา  หลายคนลุ้นว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น  ชายพเนจรเองก็อยากให้เป็นแบบนั้น  แต่เพราะการเดินทางที่ไม่ได้พักอย่างเต็มที่  ความเหนื่อยล้าสะสมจนร่างกายยื่นอุทรธ์ว่าฝืนต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  ต่างคนต่างนอนหลับไปด้วยความเพลีย  ความอ่อนโยนอันหาได้ยากจากชายผู้นี้  มันกลับเริ่มมีให้เห็นขึ้นมาบ้างกับเขาบ้างแล้ว  ยังต้องเดินทางต่อไปยังอันติงเพื่อพบเจอคนที่โจ่วซือได้นัดหมายไว้  ระหว่างทางหลี่ซีซวนขอแวะฉางอันทานอาหารและขนมที่โรงน้ำชาเสียหน่อย  
        การมาถึงนครฉางอันคราวนี้มีความพิเศษในตัวของชายพเนจรผู้นี้  บัดนี้หลี่ซีซวนถอดหน้ากากออกเพราะมันไม่มีความจำเป็นอันใดอีกแล้ว  ส่วนเสื้อคลุมสีดำที่เคยคลุมอาภรณ์แดงของโจ่วซือได้พับเก็บใส่ซองหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ฉะนั้นจึงไม่สนในข่าวลืออันใดอีกต่อไปแล้ว  เมื่อลุเข้านครฉางอันได้ขี่ม้าตรงมายังโรงน้ำชาสกุลหลี่อันโด่งดัง  และต่างคนต่างทำตัวตามปรกติเพราะระหว่างทางที่มาหลี่ซีซวนได้บอกว่าจะไปโรงน้ำชากิจการของครอบครัว  บริกรผายมือเชิญเข้าด้านในโรงน้ำชา  ผู้คนในโรงเตี๊ยมมองมาทางทั้งคู่โดยเฉพาะโจ่วซือ  เสน่ห์แห่งมนต์มารจนผู้คนต้องเหลียวมองทุกคน  วันนี้โรงน้ำชาไม่ได้อยู่เฉพาะเพียงเถ้าแก่หลี่กับกับเถ้าแก่น้อย  หลี่ฮูหยินผู้นานทีจะออกจากบ้านได้แวะมาดูแลลูกสาวสุดที่รักแถมยังได้มีโอกาสเจอลูกชายอีกครั้ง  ยังมิทันที่ทั้งคู่จะได้นั่งบนเก้าอี้ก็ถูกเชิญให้ไปนั่งด้วยกันที่โต๊ะพิเศษด้านข้างของโรงน้ำชา
   "พี่ใหญ่  พี่พาสาวที่ไหนมาด้วยนะ  สวยเชียวนะ"  หลี่หย่งเมี่ยวแอบถึงแขนพี่ชายมากระซิบถามเป็นการส่วนตัว  เพราะไม่คิดว่าพี่ชายจะไปแอบชอบลูกสาวบ้านไหนได้
   "เอ่อ....หย่งเมี่ยว  นางเป็นเพื่อนของข้าเองกันเท่านั้นเอง"  หลี่ซีซวนกระซิบบอกปัดไป  พลางกระซิบอะไรบางอย่างเป็นความลับ  ทำเอาน้องสาวถึงกับต้องรีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว
     ทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะโดยมีบริกรนำชุดน้ำมาเสริฟบนโต๊ะ  "ทุกคน ข้าขอแนะนำ นี่โจ่วซือเพื่อนของข้าเอง"  คนตระกูลหลี่ปัญญาดีทุกคนย่อมมองออกถึงความนัย  เนื่องจากบุตรชายของบ้านผู้ไม่เคยพาสตรีคนใดเข้าบ้านและพามาแนะนำให้รู้จัก  ย่อมพอมองออกในจุดนี้  แต่ต้องไหลตามน้ำมิให้โจ่วซือต้องทำตัวลำบาก
   "เจ้าชื่อโจ่วซือใช่ไหม?  รู้จักกับซีซวนมานานเหรอ?"  หลี่ฮูหยินถามแทนเถ้าแก่หลี่ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูในที  ไม่อยากให้บรรยากาศต้องมานั่งอึดอัดกันด้วย
   "เจ้าค่ะ  ข้ารู้จักกับคุณชายมานานพอสมควรแล้ว"  นางตอบด้วยความรู้สึกเกร็งเล็กน้อย แล้วหันมาหาหลี่ซีซวนทำนองให้ช่วยกันหน่อย
   "ข้าว่าเราทานอาหารกันดีกว่า  หย่งเมี่ยว ข้าเอาชาหลงจิ่งมาฝากเจ้าด้วย"  เขาหยิบกระติกน้ำชาส่งให้น้องสาว  แล้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย นี่พามาดูตัวหรือพามาให้บิดาเชือดกันแน่  บรรยากาศรอบร้านไม่ได้ช่วยให้ทางนี้สดใสขึ้นมาได้เลย  เห็นทีว่าควรเดินทางไปอันติงพบคนผู้นั้นที่โจ่วซือนัดไว้จะเหมาะสมกว่า  พอทานขนมและน้ำชาจนอิ่มกันทั้งคู่แล้ว  หลี่ซีซวนขอตัวอำลาเดินทางต่อ  เพราะมีธุระต่างเมือง  แม้น้องสาวจะรั้งก็ไม่อยากให้มันต้องย่ำแย่มากไปกว่านี้  จึงเดินออกมาด้านหน้าร้านพากันจูงม้าออกจากฉางอาน
มอบชาหลงจิ่ง 1 ถ้วย ให้กับ [164]
มอบสุรากานเหม่ยจือกับอัญมณีอความารีน ให้กับ [096]
ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-10-18 19:00:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด


เควสประจำวัน ส่งข้าวสารให้ผู้ว่าการอู๋เว่ย

ตอนที่ 6

เควสประจำวัน ส่งข้าวกล่องให้พี่ชาย

ตอนที่ 2

พบเถ้าแก่สาวโรงน้ำชาอีกครั้ง



ณ โรงน้ำชาสกุลหลี่ ในช่วงสายของวันนั้นดูจะมีผู้คนมาใช้บริการมากมายเสียเหลือเกิน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็มักจะมาดื่มชาในยามสายและพบปะหารือกัน เถ้าแก่สาวร่างสูงโปร่งมองดูบรรยากาศที่วุ่นวายในยามนี้ก่อนจะคอยกำกับการทำงานของบรรดาพนักงานของโรงน้ำชาให้คอยดูแลลูกค้าทุกโต๊ะ ก่อนจะเดินไปพบปะพูดคุยกับลูกค้าขาประจำด้วยท่าทางที่สุขุม สงบเสงี่ยม โดยที่มีชายชราผู้หนึ่งซึ่งเป็นบิดาของนางเฝ้ามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปสนทนากับลูกค้าขาประจำโต๊ะหนึ่งที่ดูจะเป็นขุนนางภายในเมือง


เกวียนเล่มหนึ่งได้แวะมาจอดยังหน้าโรงน้ำชา ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกระโดดลงมาจากเกวียน ก่อนจะพูดคุยกับเฉินกวงว่า เขาจะเข้าไปทำธุระที่โรงน้ำชาสักพักนึงก่อน อนุญาตให้ไปหาอะไรกินรอก่อนก็ได้ ซึ่งเฉินกวงก็ไม่พ้นที่จะพูดจาเย้าแหย่ชายหนุ่ม เก้อหลี่ไม่พูดอะไร เขาเดินแยกจากเฉินกวงแล้วเดินเข้าไปภายในโรงน้ำชา


เมื่อเขาเดินเข้าไปภายในโรงน้ำชาก็พบว่า โต๊ะเกือบทุกตัวภายในนั้นมีคนนั่งหมดแล้ว เขายืนมองหาที่นั่งอยู่พักนึง ซึ่งพอดีกับที่หญิงสาวร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนพูดคุยกับลูกค้าขาประจำโต๊ะนึงอยู่ได้มองเห็นชายหนุ่ม นางจึงหันไปพูดคุยกับลูกค้าต่อสองสามประโยคก่อนจะเดินแยกออกมา แล้วเดินไปหาชายหนุ่มผู้นั้นโดยทันที


“สวัสดียามสายเจ้าค่ะ ท่านเก้อหลี่ นี่ท่านเดินทางกลับมาจากอู๋เว่ยแล้วหรือเจ้าคะ”


ชายหนุ่มเมื่อเห็นหญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินมาหาเขา ก่อนเอ่ยปากพูดต้อนรับด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วยิ้มให้กับอีกฝ่าย


“ใช่แล้วล่ะแม่นางหลี่ ข้าเดินทางไปที่อู๋เว่ยแล้ว ก็กำลังเดินทางกลับไปลั่วหยาง เลยแวะมายังฉางอานเพื่อทำธุระกับพ่อค้าหวังเสียสักหน่อย อ้อ แล้วก็แวะมาดื่มชาที่โรงน้ำชาแห่งนี้ด้วย”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพลางส่งรอยยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าแล้วมองดูเขาอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยปากพูดเสียงหวานต่อ


“เช่นนั้นแล้วก็เชิญท่านนั่งรอที่โต๊ะว่างนั่นเสียก่อนละกันนะเจ้าคะ ท่านมาช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านเยอะเสียด้วยสิ ขออภัยไว้ก่อนละกันนะเจ้าคะ หากมิได้มีเวลาสนทนากับท่าน”


ชายหนุ่มได้ยินเสียงหวานเอ่ยปากพูดก็ส่ายหน้าเล็กน้อยพลางยิ้มบางให้กับหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยปากพูดตอบ


“มิเป็นไรเลย ใยต้องขออภัยกันเล่า แม่นางทำงานต่อเถอะ มิต้องกังวลหรอก”


เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างใจเย็นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะโบกมือให้พนักงานคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่มาหานาง เก้อหลี่มองดูชายหนุ่มที่เดินมาหาหญิงสาว ท่าทางของเขาดูไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไรนัก


“ให้ไป๋เจวี๋ยบริการท่านก่อนละกันนะ ข้าขอตัวก่อนนะท่านเก้อหลี่”


ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินแยกจากชายหนุ่มไปยังกลุ่มลูกค้าที่พึ่งเข้ามาใหม่เช่นกัน ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถูกชายร่างสูงใหญ่พูดทัก


“ท่านจะยืนมองนายหญิงน้อยอีกนานหรือไม่ขอรับ หากจะยืนเช่นนี้ต่อไป ข้าคงมิต้องหาโต๊ะให้ท่านนั่งแล้วกระมัง”


นั่นทำให้ชายหนุ่มหันไปมองด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วยิ้มขำ เขาเอ่ยปากพูดกับชายผู้นั้นอย่างใจเย็น


“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้า ให้หาที่นั่งให้ข้าสักที่ละกันนะ”


ชายที่ชื่อไป๋เจวี๋ยมองดูชายร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ก่อนจะผายมือไปยังโต๊ะที่ว่างให้ชายหนุ่มเดินไปนั่ง ซึ่งเก้อหลี่ก็พยักหน้าให้แล้วเดินไปนั่งแต่โดยดี เมื่อชายหนุ่มนั่งลงแล้วเขาก็เอ่ยปากพูดกับชายร่างสูงใหญ่ต่อ


“ข้าขอชาสมุนไพรชุดนึงละกัน”


ไป๋เจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังครัว เก้อหลี่เมื่อเห็นพนักงานชายผู้มีหน้าตาบอกบุญไม่รับเดินจากไปแล้ว เขาก็นั่งมองดูบรรยากาศภายในร้านเวลานี้ที่มีผู้คนมากมายมานั่งดื่มชาและสนทนากัน เขาคิดว่าการที่เขามานั่งเงียบ ๆ คนเดียวเช่นนี้คงจะดีกว่าการที่จะพาเฉินกวงมานั่งด้วยเป็นแน่ เพราะรายนั้นคราวก่อนก็เกือบสร้างเรื่องมาแล้วนั่นเอง เก้อหลี่หันไปมองดูหญิงสาวร่างสูงโปร่งผู้เป็นเถ้าแก่โรงน้ำชาแห่งนี้กำลังยืนพูดคุยกับลูกค้าในร้านด้วยท่าทางสุขุมเรียบร้อย ใบหน้าของนางนั้นงดงามยิ่งนัก และไม่เพียงแต่รูปโฉมที่งดงาม สติปัญญานางก็เป็นเลิศยิ่ง ช่างน่าชื่นชมเสียจริง


“ชาสมุนไพรชุดนึงมาแล้วขอรับ”


เสียงของพนักงานชายผู้นั้นทำให้ชายหนุ่มต้องละสายตาจากหญิงสาวแล้วหันกลับมาพยักหน้าพร้อมยิ้มให้กับชายผู้นั้นอย่างเป็นมิตร


“ขอบคุณนะ”


“ท่านชอบนายหญิงน้อยงั้นหรือขอรับ”


ไป๋เจวี๋ยเปิดประเด็นถามชายหนุ่มอย่างตรงไปตรงมาพลางชงน้ำชาสมุนไพรใส่ถ้วยชาอย่างใจเย็น นั่นทำให้ชายหนุ่มที่ได้ยินคำถามตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอาการอะไรออกมานอกจากถอนหายใจแล้วยิ้มขำเบา ๆ ให้กับไป๋เจวี๋ย


“ในเมื่อเจ้าถามตรง ๆ แบบนี้ข้าก็คงต้องตอบตรง ๆ มิต้องอ้อมค้อมแล้วล่ะนะ ใช่แล้วข้าชอบแม่นางหลี่”


ชายร่างสูงใหญ่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยื่นถ้วยชาที่รินน้ำชาให้ชายหนุ่ม แล้วมองดูเขาด้วยสายตาที่นิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ


“นายหญิงน้อยนั้นงดงาม เป็นที่หมายปองของบุรุษทั่วไป แต่ถึงอย่างงั้นก็พ่ายแพ้แก่สติปัญญาของนางทุกคน”


เก้อหลี่ฟังชายผู้นั้นพูดพลางหยิบถ้วยชาขึ้นมาดมกลิ่นจาง ๆ ของชาสมุนไพรก่อนจะยกถ้วยจิบชาอย่างใจเย็น ซึมซับรสชาติของน้ำชา ก่อนจะวางถ้วยลงแล้วหันไปมองไป๋เจวี๋ย


“เรื่องนั้นข้าพอทราบดี เป็นดังเช่นเจ้าว่านั่นแหละนะ นางงดงาม สุขุม และมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดยิ่งนัก นางเคยเชาว์ปัญญากับข้ามาแล้วล่ะ”


ไป๋เจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรินน้ำชาลงในถ้วยชาอีกครั้ง แล้วเอ่ยปากพูดต่อ


“ถึงท่านจะตอบปัญหาของนายหญิงน้อยได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้นายหญิงน้อยชอบได้นะ”


เมื่อพูดจบไป๋เจวี๋ยก็ยื่นถ้วยชาให้กับเก้อหลี่ ซึ่งเขาก็รับน้ำชามาจิบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะยิ้มขำออกมาเล็กน้อยแล้วพูดต่ออย่างใจเย็น


“แน่นอน แต่ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้ทำให้ข้าย่อหย่อนเสียหน่อย คนเรามันต้องใช้ความพยายามใช่หรือไม่เล่า”


“แต่ถึงท่านจะชนะใจนายหญิงน้อยได้ แต่ใช่ว่าท่านจะชนะใจนายท่าน และนายน้อยได้นะ”


เก้อหลี่ได้ยินคำพูดของชายร่างสูงใหญ่ก็หุบยิ้มแล้วเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วยิ้มเล็กน้อย เขาเอ่ยปากพูดต่อพลางมองดูไป๋เจวี๋ยอย่างใจเย็น


“ข้าจะบอกให้นะไป๋เจวี๋ย นั่นเป็นเรื่องอนาคต ซึ่งจะเป็นเช่นไรก็ช่าง ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ในเวลานี้ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ถึงแม้จะมีอุปสรรคก็เถอะ ข้ามิได้หวั่นเกรงหรอกนะ”


เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็หยิบกาน้ำชามารินเองอย่างใจเย็น แล้วยกถ้วยชาขึ้นมาจิบอีกครั้งหนึ่ง ไป๋เจวี๋ยเห็นท่าทางของชายหนุ่มก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากพูด


“เช่นนั้นข้าขอบอกท่านด้วยเช่นกัน นายท่านนั้นหวงนายหญิงน้อยมากเลย และท่านมิยอมให้ใครมาทำมิดีมิร้ายแก่นายหญิงน้อย ข้าก็เช่นกัน”


เก้อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วรินน้ำชาใส่ถ้วย ก่อนจะยกขึ้นมาจิบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อจิบน้ำชาเสร็จแล้วเขาก็พูดกับชายร่างสูงใหญ่ต่อพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร


“เรื่องนั้นล่ะก็ ต่อให้ข้าบอกให้เจ้าไว้วางใจ เจ้าก็คงไม่เชื่อหรอก ถึงอย่างนั้นก็ให้การกระทำของข้าพิสูจน์เอาละกันนะ”


เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน แล้วยื่นเงินค่าน้ำชาให้กับพนักงานผู้นั้น ก่อนจะหันหลังเดินแยกไป แต่เมื่อนึกได้ถึงบางอย่างเขาก็ก้มหน้าลงไปล้วงหยิบเอาบางอย่างออกจากกระเป๋าย่าม ซึ่งก็คือชุดบะหมี่ชุดหนึ่ง เขาหันกลับไปมองชายร่างสูงใหญ่ แล้วยื่นชุดบะหมี่ให้กับเขา


“เห็นว่า แม่นางหลี่ยังวุ่นอยู่กับงานอยู่ เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องฝากบะหมี่ตระกูลฟงชุดนี้ให้เจ้านำไปให้นาง แล้วฝากบอกนางด้วยว่า หลังจากเสร็จธุระที่ลั่วหยางแล้ว เก้อหลี่จะแวะมาหาอีกครั้ง”


ไป๋เจวี๋ยมองดูบะหมี่ในมือของชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วรับบะหมี่ชุดนั้นมา


“ข้าจะนำไปให้นางเองขอรับ”


เก้อหลี่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินแยกจากไป๋เจวี๋ยออกจากร้านไป เขาเดินกลับไปยังเกวียนที่เฉินฟงกำลังนั่งเอนกายรอเขาอยู่อย่างสบายใจเฉิบ ชายหนุ่มกระโดดขึ้นเกวียนแล้วบอกให้เฉินกวงเดินทางต่อทันที ซึ่งชายผู้ติดตามของเขาก็ถามความคืบหน้าระหว่างชายหนุ่มกับแม่หญิงเจ้าของโรงน้ำชา เก้อหลี่ยิ้มเล็กน้อยแล้วไม่พูดสิ่งใด ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้ชายร่างสูงใหญ่หัวเราะร่าแล้วขับเกวียนออกจากโรงน้ำชาไป . . .


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยสุขุม

+5 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หรือ ถูก member คนอื่นยกย่อง

 

 

มอบ บะหมี่ตระกูลฟง  x 1 ให้ (164) หลี่ หย่งเมี่ยว

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-28 23:12:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2021-10-28 23:14

ครอบครัวพร้อมหน้า หญิงชราได้รับความเอ็นดู

        วัยเด็กวิ่งเล่นซุกซนทั่วนครฉางอันเป็นประจำ  ภาพจำในความทรงจำของหลี่ซีซวนคือโดนบิดาใช้ไม้หวดก้นเป็นประจำ  ในขณะที่น้องสาวได้รับความเอ็นดู  เอาใจใส่เป็นอย่างดี  บางทีก็อดน้อยมใจไม่ได้  มารดาก็ยังปลอบใจและเอ็นดูเขา  ตระกูลหลี่ทำค้าขายโดยสายเลือดไม่มีใครในตระกูลรับราชการเป็นขุนนางสักคน  ยกเว้นหลี่ซีซวนที่ผิดแผกไปจากตะกูล  ผู้ใดห้าม ทัดทานไม่เคยเชื่อฟัง  หลี่หย่งเมี่ยวเกรงว่าตระกูลจะไร้คนสืบทอดกิจการจึงอาสามาดูแลกิจการโรงน้ำชาแทนพี่ชาย  ไม่นานก็ได้เป็นเถ้าแก่น้อยไม่มีใครในนครฉางอันไม่รู้จักนาง  ผู้ที่มีปัญญาเป็นเลิศสามารถเอาชนะผู้มากปัญญาทั้งหลายได้แทบจะหมดทั้งนครฉางอัน  สถิติไร้พ่ายไม่เกินเลยไปนัก  นานทีปีหนจึงจะมีผู้มากปัญญาแวะเวียนมาห้นางได้สนุกบ้างเป็นครั้งคราว  กลหมากล้อมของนางไม่ได้ด้อยไปกว่าปัญญาของหลี่หย่งเมี่ยว  เหมือนจะเหนือกว่าเล็กน้อย  เพราะนางเอากลสงครามมาปรับเป็นกลหมากล้อม  โดยมากพวกทหารระดับแม่ทัพ นายกองมัจจะมาดวลเป็นประจำและก็พ่ายเป็นประจำเช่นกัน  ใครต่อใครต่างชักชวนหลี่หย่งเมี่ยวให้เข้ารับราชการในตำแหน่งขุนนางฝ่ายทหาร  ไม่ทันต้องให้เถ้าแก่ออกหน้าบุตรสาวก็ปฏิเสธทั้งใช้วาจาเฉียดเฉียนเสียยิ่งกว่าคมดาบ  ทำเอาหลายคนต้องเก็บเงียบเรื่องนี้โดยปริยาย

        ระยะทางจากเหมยเซียนเข้าฉางอันเป็นระยะทางไม่ไกลมากนัก  ใช้เวลาเดินเท้าไม่นานเข้าเมืองฉางอัน  สองมือแบกหญิงชราและจูงม้าเดินมาด้วยกัน  มันหนักหนาสาหัสกว่าโดนพวกทหารระดับสูงทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกายเสียอีก  ทรมานแผ่นหลังให้จบเสียครั้งเดียวพอ  เขาคุ้นเคยกับเส้นทางในนครฉางอันปรุโปร่ง  เส้นทางหลบหนี  เส้นทางลับ  แค่ความคิดชั่วแล่นสามารถบอกได้ทันที  หลี่ซีซวนแบกหญิงชรามายังโรงน้ำชาเป็นการให้นางได้พักหาความสำราญบ้าง  เขามานั่งโต๊ะมุมด้านในของร้าน  ไม่ทันได้สั่งอาหารก็เห็นน้องสาวโผล่ออกมาต้อนรับแล้ว  เถ้าแก่หลี่คำนับหญิงชราแล้วนั่งลงด้านข้าง ใบหน้ายิ้มแย้ม
   "ไม่ต้องตกใจกัน พอดีข้าจะพาหญิงชราไปส่งที่บ้าน นางเดินไม่ไหว ข้าเลยต้องแบกไปส่งแทน"  ก่อนที่ทุกคนจะถามและเห็นแววตาของหลี่หย่งเมี่ยว พอจะเดาได้บ้างว่าจะถามอะไรกันไม่ทันคนแก่จะได้พักเหนื่อย หลี่ฟูเหรินมานั่งข้างหญิงชราประหนึ่งได้เจอคนสำคัญในบ้าน  บรรยากาศดูอบอุ่นกว่าตอนพโจ่วซือมาอย่างเทียบไม่ติด
   "ข้าเกรงใจพวกท่านจริงๆ ระหว่างทางผ่านหลายเมือง พ่อหนุ่มนี่ใจดีพาข้าไปพักในที่ประหลาด มันมีแต่สาวงามทั้งนั้นเลยทั้งดูแลข้าดีด้วย"  หญิงชราเล่าออกมาด้วยความซื่อ ทว่ากลับแฝงภัยมาให้คนช่วยนางหลายส่วน  ทุกคนในบ้านมองมาทางหลี่ซีซวนเป็นตาเดียวกัน  มิพ้นโดนน้องสาวตัวเองจับตัวไว้แน่น  ทุกคนต่างรู้ว่ามันคือสถานที่แบบไหน
   "ทำไมพี่ใหญ่พาคนแก่ไปที่แบบนั้น  พี่ไม่กลัวคนแก่หัวใจวายตายหรือ"  หลี่หย่งเมี่ยวกล่าวประโยคหลังเสียงเบาที่สุด  ทำเสียงดุใส่พี่ชายก่อนที่จะโดนคมกระบี่ของบิดาวางพาดไหล่
   "ให้ข้าทำอย่างไรได้เล่า  ข้าก็เครียดเป็นเหมือนกันนี่"  พี่น้องนั่งทะเลาะกันแกมหยอกล้อ แถมสายตาพิฆาตจากเถ้าแก่หลี่ผู้เป็นบิดา  บรรยากาศแบบครอบครัว  แต่ขมุกขมัวด้วยการโดนหญิงชราโยนถ่านร้อนมาใส่มให้แทน
        ระหว่างนี้เถ้าแก่หลี่เลี้ยงดูหญิงชราผู้นั้นเป็นอย่างดีมิมีขาดตกบกพร่อง  อดนึกถึงคราวของมู่อิงไม่ได้หนนั้นน้องสาวของเขาก็ใจปล้ำไม่แพ้บิดาเลย  
   "ข้าอดจะคิดถึงมู่อิงไม่ได้  ไม่รู้ว่าจะได้เจอนางอีกเมื่อไหร่" อดจะคิดถึงเพื่อนที่เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว  นางไม่ได้มีเพื่อนมากนักและคนที่ร่าเริงเช่นมู่อิงยิ่งยากไปอีก  ทำเอาเขาโอบไหล่ปลอบใจน้องสาวคนนี้ไม่ได้  ปรกติร่าเริง ซุกซน แต่เป็นที่รักและเอ็นดูของทุกคนในบ้าน
     หลี่ฟูเหรินนั่งสนทนาและเอาใจใส่ไม่ห่าง มีแอบส่งสายดุมาให้หลี่ซีซวน  ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน  เห็นหญิงชราวางตะเกียบไม้ลงอย่างคนได้รีบการฝึกฝนมาดี  พวกเขาสองคนกล่าวอำลาคนในบ้าน  หลี่ซีซวนแบกหญิงชราขึ้นหลังโดยมีคนในครอบครัวตามมาส่งด้านหน้าโรงน้ำชา
มอบชาหลงจิ่ง 1 ถ้วย ให้กับ [164]
ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-2 23:04:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2021-11-4 20:30

เผชิญหน้าเถ้าแก่หลี่

        การกลับมานครฉางอันบ้านเกิดคราวนี้  มันแตกต่างจากทุกคราที่ผ่านมาเหมือนกลับมารับโทษตายอย่างไรอย่างนั้น  แต่ไหนแต่ไรมาหลี่ซีซวนคนนี้ไม่เคยเป็นลูกรักของบิดา  ไม่ได้รับความเอ็นดูเท่าหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาว  เพราะไม่ค่อยสนใจกิจการของตระกูลด้วยทำให้ไม่เป็นที่พึงใจของคนในบ้าน  ชอบเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูง  วิ่งเล่นไปทั่วเมืองฉางอันและกลับมาเวลาทานข้าว  รั้นไม่ฟังคำคนของคนในบ้านไปเป็นทหารในกองทัพ  พ่ายยับอนาถ  จนเป็นที่น่าเวทนา  การใดที่หลี่ซีซวนทำคนในบ้านแทบจะไม่ใส่ใจ  ยกเว้นหลี่หย่งเมี่ยวคนเดียว  กระทั่งมาหญิงชรามาที่โรงน้ำชาเล่าเรื่องราวให้ฟัง  ทำเอาเถ้าแก่หลี่แทบอยากจะชักกระบี่บั่นคอลูกชายเสียเดี๋ยวนั้น  จำใจที่มีผู้อาวุโสนั่งร่วมโต๊ะ  จึงได้คาดโทษรอให้บุตรชายกลับมารับโทษเอง
        หลี่ซีซวนใช่ว่าอยากหวนคืนบ้านก็หาไม่  หากครุ่นคิดหลายครั้ง  สุดท้ายเห็นแก่น้องสาวคนเดียวจึงยอมกลับคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง  ไม่เช่นนั้นคงนอนเอนกายรับอากาศเย็นอยู่ที่บ้านตัวเอง ไม่เสียเวลาขึ้นมาให้ลำบาก ลำบน  เขาเดินทางไม่เร่ง ไม่รีบ หยุดแวะพักเรื่อยเฉื่อย  พยายามทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง โล่งสบายมากที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้  กระทั่งควบม้าลุถึงนครฉางอัน ลงเดินจูงม้าไปในเส้นทางโรงน้ำชา  ใจเต้นระส่ำดั่งกลองรบ  ใบหน้าเรียบเฉย แต่หวั่นเกรงลึกๆ  สูดลมหายใจเข้า-ออกพลาบอกตัวเองว่าสิ่งที่กระทำลงไปล้วนไม่ผิดต่อสิ่งใด  เขาผูกม้าไว้ด้านข้างโรงน้ำชา  ลูกค้ายังมาใช้บริการเยอะเช่นเคย  ก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างมั่นคง  เดินเข้ามาในโรงน้ำชาเหยียบย่างไม่ทันไร  หลี่หย่งเมี่ยวรีบถลันเข้ามาปลดกระบี่ประจำกายของเขาออก  แล้วยืนประกบหลังของหลี่ซีซวน
     "พี่ใหญ่  ข้านึกว่าพี่จะไม่กลับมาเสียอีก ตอนนี้ท่านพ่อพิโรธหนักแล้ว"  หลี่หย่งเมี่ยวยืนกระซิบคุยกับพี่ชายของนาง ผู้อาจหาญมารับโทษตามกฎของตระกูล  "ข้าเพิ่งส่งจดหมายไปหาพี่ที่เจียงหนานเอง ไม่คิดว่าพี่จะมาเร็วขนาดนี้" เป็นจดหมายเตือนและเป็นห่วงรวมอยู่ในฉบับเดียวกัน
     "ข้าครุ่นคิดอยู่นาน  พี่เห็นแก่เจ้าจึงกลับมา หาใช่เพราะบิดาไม่"  ยามนี้ไร้ซึ่งอาวุธข้างกาย  ไม่มีอะไรให้อุ่นใจอีกแล้ว  ถึงมีกระบี่ก็ช่วยให้พ้นเคราะห์ครานี้ยากแล้ว  "มันน่าจะไปถึงหลังจากที่พี่ต้องเถียงกับบิดาจนโรงน้ำชาระเบิดนั้นแหละ " กล่าวหยอกล้อกับน้องสาวตามประสาคนคุ้นเคยและสนิมที่สุดในบ้าน
     ไม่ช้าไม่นาน  เถ้าแก่หลี่เดินย่างสามขุม มือไพล่หลัง  แววตาบ่งบอกถึงอำนาจเต็มที่  ราวกับกำลังจะไตร่สวนคนผิดฉะนั้น  ยามนี้คนในโรงน้ำชาต่างกลืนน้ำลายเป็นแถว  ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของเถ้าแก่หลี่ผู่อ่อนโยนเป็นนิจ
     "หลี่ซีซวน เจ้ากลับมาแล้วหรือ ข้าคิดว่ากลับเจียงหนานแล้วจะไม่คิดหวนคืนบ้าน จนลืมคำของบิดาคนนี้ไปแล้ว"  น้ำเสียงนุ่มลึก  วาจาเฉียดเฉียนไม่ไว้หน้าบุตรชาย  บางคนคิดในใจว่าควรเป็นขุนนางมากกว่าเป็นเถ้าแก่โรงน้ำชา  มาดสุขุมเช่นนี้ขุนนางบางคนยังทำได้ไม่ดีเช่นเถ้าหลี่  "เจ้าไปสำราญเอง  ข้าย่อมไม่ตำหนิ  แต่เจ้ากลับกระทำเรื่องไม่ควรทำ  ประพฤติในสิ่งที่ไม่ควรประพฤติ  ยังมีสิ่งใดจะแก้ตัวอีกหรือไม่"  หากใครเข้ามาในเวลานี้คงคิดว่าเปิดศาลไต่สวนนอกที่ว่าการเจ้าเมืองแล้ว
     "ท่านพ่อ ข้าหาทำสิ่งใดผิด  หญิงชราข้าก็หาได้ดูแลบกพร่องไม่  หากข้าจะผิดคงมีประการเดียว คือความผิดที่กระทำสิ่งใดไม่เคยถูกใจท่านพ่อเลย"  วาจาดั่งสายฟ้าฟาดลงกลางโรงน้ำชาบุตรชายผู้ที่บิดาเอาใจใส่และใฝ่ใจน้อยกว่าบุตรสาว  กล่าวตอบไม่เกรงใจบิดา  ยามนี้หาต้องกลัวสิ่งใด  ต่อให้ต้องรับโทษประหารหลี่ซีซวนผู้นี้ยินดีรับสนองด้วยความเต็มใจ  "ข้าประพฤติในการที่ข้าคิดว่าเหมาะสม และเห็นว่าไม่ผิดต่อใจของข้า"
     จากนี้รอดูว่าเถ้าแก่หลี่จะทำประการใดต่อบุตรชายคนนี้  ความพิโรธของเถ้าแก่หลี่ถึงขีดสูงสุดแล้ว  มิรู้ว่าปัญญาของหลี่หย่งเมี่ยวจะช่วยให้หลี่ซีซวนรอดพ้นมหันตภัยร้ายครั้งนี้ไปได้อย่างไร  ยามนี้ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่อยากเข้าใกล้พระเพลิงที่กำลังพิโรธในขณะนี้

    "เห็นแก่หน้าน้องสาวเจ้า ข้าจะลงโทษสถานเบา และจากนี้ให้เจ้าพึงจำกฎวงศ์ตระกูลให้ดี อย่าเสพสุขในขณะเจ้าทำงานอีกไม่ว่าเมื่อไหร่งานอะไรก็ตาม เจ้าจำความผิดพลาดในอดีตไม่ได้เลยรึ เพราะเจ้าทำตัวเยี่ยงขุนนางกังฉิน ข้าอุตสาหะติดสินบนให้เจ้าได้เป็นนายพลเพื่อจะได้เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล แต่กลับละเลยหน้าที่ เสพสุขขาดการฝึกช้อมทหาร จนกองทัพอ่อนแอพ่ายแพ้โจรโพกผ้าเหลือง เงินก้อนใหญ่สุดท้ายของบ้านเราที่ข้าใช้ในการหาเส้นสายเพื่อให้เจ้ารับราชการกลับสูญเปล่า เสียชาติเกิดจริง ๆ ทำไมเจ้ากับน้องเจ้าไม่สลับเพศกันนะ !"

    ไม่ผิดจากที่เถ้าแก่หลี่กล่าวออกมาความสามารถด้านใดหลี่ซีซวนเป็นรองทุกด่าน  ผิดจากหลี่หย่งเมี่ยวชำนาญและฉลาดแทบจะทุกด้าน  กล่าวได้ว่าเหนือกว่าพี่ชายของนางอย่างเทียบไม่ติด  หากนางออกเล่นศึกเองนั่งในตำแหน่งแม่ทัพเเดียวกับที่หลี่ซีซวนเลยนั่งในตำแหน่งเดียวกัน  ย่อมบังคับบัญชาได้เด็ดขาด  อุบายแยบยล  โจรกโพกผ้าเหลืองตีค่ายไม่แตกซ้ำจะโดนนางซ้อนกลตลบจนพ่ายในมือของนางเอง  เรื่องนี้รับรู้โดยในวงขุนนาง  ได้ยินที่บิดากล่าวออกมากลับไม่โต้เถียงในเรื่องนี้  และน้องสาวตัวดีก็ไม่เคยสำแดงความเก่งกาจกับพี่ชายของนาง  มีแต่อ่อนฝีมือให้เสมอ  ซึ่งหลี่ซีซวนรับรู้ได้แม้นางจะไม่กล่าวออกมาเอง
     "ข้าจะลงโทษเจ้า  ซีซวน ให้คุกเข่าต่อหน้าศาลบรรพชน 7 วัน 7 คืน ห้ามทานสิ่งใดทั้งสิ้น เผื่อว่าเจ้าจะสำนึกผิดขึ้นมาได้บ้าง"  เถ้าแก่หลี่เห็นแก่หน้าของบุตรสาวสุดที่รัก  เพราะรู้ว่าเป็นพี่น้องที่รักกันมาก  ลงโทษสถานหนัก  ยิ่งจะทำให้นางเสียใจและนางอาจให้ปัญญาของนางเองช่วยพี่ของนาง "เมี่ยวเอ๋อห์ หากเจ้าอยากไปเยี่ยมพ่ออนุญาต  แต่ห้ามนำอาหารไปให้เป็นอันขาด" บิดาอย่างเขามีหรือจะไม่รู้ว่าบุตรีจะช่วยพี่ชาย จึงต้องกำชับอีกคนตามไปด้วย
    หลี่หย่งเมี่ยวเห็นท่าทีพี่ชายของนางทำท่าจะไม่จำยอมต่อบทลงโทษของบิดา  จึงใช้ข้อศอกกระทุ้งเตือนสติพี่ใหญ่ผู้ไม่ค่อยยอมลงกับบิดา
     "ลูกยินดีรับการลงโทษ" เขาเห็นแก่น้องสาวจำต้องประสานมือขอบคุณบิดาอีกครั้ง
     คราวนี้ได้เป็นข่าวใหญ่ทั่วนครฉางอันแน่นอน เพราะไม่เคยเห็นภาพเถ้าแก่หลี่ผู้อ่อนโยนเป็นนิจจะเผยด้านนี้ออกมา  คราวนี้คงต้องระมัดระวังตัวกันมากขึ้น

   



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-4-11 12:09:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ชายพเนจรหวนคืนถิ่น
        ภายหลังจากที่ครอบครัวสกุลหลี่เยี่ยมเยือนคฤหาสถ์สกุลหลี่ที่เจียงหนาน  มันถึงคราวของคุณชายหลี่เป็นผู้มาเยี่ยมเยือนถิ่นฐานบ้านเกิดอีกครั้ง  จากการถูกลงโทษจากกฎของตระกูลอันเข้มงวด  ถือว่าเป็นรอบหลายเดือนที่ได้หวนคืนถิ่นอันคุ้นเคย  ลงเดินจูงสายบังเหียนม้ามาตั้งแต่หน้าประตูทางเข้าเมืองฉางอัน  มองเห็นผู้คนมากมายเดินทางผ่านเส้นทางมากมายในเมืองฉางอัน  สิ่งหนึ่งที่เข้ามาในหัวของหลี่ซีซวนคือคำบอกเล่าจากปากของน้องสาว  เรื่องมีขุนนางขอย้ายทำงานที่นี่  คาดคะเนจากสายตาแล้วมันถือว่าเยอะทีเดียว  นครลั่วหยางเป็นนครหลวงศูนย์รวมความเจริญรุ่งเรืองในยุคเรา  ตามจริงพวกเขาต้องทำงานกันที่นั้นหรือไม่ก็เมืองรอบข้างนครหลวง  เว้นแต่โดนราชสำนักกลั่นแกล้งย้ายไปทำงานตามหัวเมืองชายขอบ
        หลี่ซีซวนเดินจูงมาเรื่อยมากระทั่งมาถึงโรงน้ำชาของตระกูล  ผูกสายบังเหียนม้าไว้ด้านหน้าของโรงน้ำชา  ฝูงคนยังคงจอแจที่โรงน้ำชาเช่นเคยอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด  ยังคิดอยู่เลยว่าคนงานมากมายปานนี้จะพอหรือเปล่า  พวกเขาลงความเห็นตรงกันว่าไม่ว่าอย่างไรจะไม่มีการจ้างคนงานเพิ่มอีกเด็ดขาด  ไม่พลาดที่จะไปนั่งโต๊ะข้างเสาต้นหนึ่ง  ค่อยเห็นว่ามีเสี่ยวเอ้อห์คนหนึ่งดูแตกต่างจากพวก  มันสูงสง่า  องอาจ  ดั่งเป็นองครักษ์ติดตาม  ปกป้องใครคนหนึ่ง  เขามาเที่ยวก็หลายครั้งเพิ่งได้สังเกตุเห็นมันผู้นี้  ไม่รู้ว่าทางโรงน้ำชารับมาตั้งแต่เมื่อใด  ที่แน่นอนคือไม่มีใครกล้ามีเรื่องราวในนี้แน่นนอน  ความวุ่นวายยังคงเอกลักษณ์เสมอ  บริกรต่างเดินวุ่นวายตามโต๊ะต่างๆ รับรายการอาหารและเครื่องดื่มจากลูกค้าตามโต๊ะ  เถ้าแก่หลี่ยืนมองดูความเรียบร้อยภายในโรงน้ำชา  หากมีปัญหาใดแก้ไม่ตกจะได้เข้าช่วยทันท่วงที
     "ไม่ทราบว่า เจ้าอยากสั่งสิ่งใดในโรงน้ำชานหรือไม่" ไป๋เจวี๋ยเดินมายังโต๊ะของชายหนุ่มผู้แต่งตัวมอซอ  เสื้อผ้าหาความเรียบร้อยไม่เจอ  มองดูชายหนุ่มราวกับขอทานผู้หนึ่ง
     "หมั่วโถว 1  ซาลาปา 1 ไก่ต้ม 1 ชาอู่หลง 1" หลี่ซีซวนสั่งรายการอาหารและเครื่องดื่มโดยไม่ต้องคิดให้เปลืองแรงสมอง  
     ไป๋เจวี๋ยพยักหน้าพลางเดินออกจากโต๊ะไปยังด้านหลัง  ค่อยเข้าใจได้ว่าเมื่อครู่เพิ่งสนทนากับคุณชายใหญ่ของสกุลหลี่  ต่อเมื่อเถ้าแก่น้อยสบตามาทางตัวเอง  หลี่หย่งเมี่ยวเดินมายืนข้างบิดา  ความงามสง่า  องอาจ  แทบไม่ต่างจากเถ้าแก่หลี่  สายตาทุกคู่ในโรงน้ำชายกเว้นหลี่ซีซวน  ต่างมองมาเป็นจุดเดียวกัน  วันนี้ไม่มีประลองปัญญาด้านพิชัยสงคราม  ไม่มีการประชันหมากล้อม  เนื่องจากเถ้าแก่น้อยได้จ้างนักดนตรีให้มาเล่นขับกล่อม  ด้วยได้รับแรงบันดาลใจมาจากครั้งท่องเที่ยวแดนใต้
     คณะดนตรีพักผ่อนอิริยาบทเสร็จสิ้น  เตรียมตัวขึ้นขับร้องในบทเพลงถัดไป  ขณะเดียวกันอาหารกับเครื่องดื่มที่หลี่ซีซวนได้สั่งไปก่อนหน้านี้  บริกรนำมาเสิร์ฟทั้งหมดบนโต๊ะ  เขาพยักหน้าเป็นการขอบคุณ  สายตามองขึ้นไปบนเวที  ราวกับว่ามันคือช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนไม่มากมายนัก
     "เมี่ยวเอ๋อห์ใยเจ้าไม่เข้าไปทักทาย ซีห่าว"  เถ้าแก่หลี่กระซิบถามบุตรี  ปรกติชอบไปนั่งคุยกันเป็นประจำ
     "ไม่ละ ท่านพ่อ  หนนี้พี่ใหญ่คงอยากมาสำราญใจก่อนเริ่มก่อการ"  หลี่หย่งเมี่ยวพุดราวกับคาดเดาความคิดของพี่ชายของนางได้  ยืนพินิจชายนุ่มพเนจรผู้ไม่สนใจโลกใบนี้
     พลันเสียงดนตรีเริ่มทำนองขับขานขึ้นมา  สตรีนางนั้นก้าวมาด้านหน้าเวทีหนึ่งก้าว  เสียงขับขานกำลังเอ่ยออกมาจากปากของนาง
โลกนี้ล้วนมีคนมาและจากไปอย่างไร้ร่องรอย    ร้องลำนำร่ำสุราคะนึงถึงหาสหายเก่า
ไม่ได้พบพานกันนับพัน นับหมื่นลี้    มีทุกข์ สุข รัก และแค้น เคล้าปนกัน
ในความฝันภาพพิรุณโปรยปรายกระจ่างชัด   นอกความฝันเสียงขลุ่ยหูเจียบรรเลงเป็นทำนอง
ในบทละครขับร้องเพื่อฟื้นฟูชีวิตคนเรา  เสียงพิณ ผีผาบรรเลง เชื่อมต่อลงหายใจยามวสันต์
ทรายเหลืองแดนทะเลทรายย้อมสีสันยามพลบค่ำ  เฝ้ามองคนที่อยู่ห่างไกลจากหอเมืองโบราณ
ยังคงรอคอยว่าเขาจะกลับมาหรือไม่  
เมฆดำปรกคลุมม่านฟ้า  หญ้าดอกขาวพลิ้วลู่ลมในอุดรทิศ
แม่นางหญิงแดนฉางอัน  ผูกใจให้คนรักที่เดินทัพไกล
เสียงกลองสงครามกระหน่ำ  อาชาเกราะเหล็กพังประตู
รอคนรักกลับมา  ครองคู่เพียงเขาคนนั้นในภพนี้
โลกนี้มีคนจากมาวนไปเป็นวัฏจักร ได้ร้องลำนำร่ำสุรายิ้มหัวเราะเยี่ยงสามัญ
ใครจะรู้ว่าได้กลับบ้านในความฝัน  ดอกปี้อันเผาไหม้บนฝั่ง
ในความฝันหัวเราะขบขัน  นอกความฝันหนาวเหน็บอ้างว้าง
นอกบทละครนั้นชีวิตจะฟื้นฟู  เหมือนในบทละครได้สักเท่าไหร่
     เพียงชั่วขณะหนึ่งดนตรีขับขานจบลง  บุรุษพเนจรปล่อยใจล่องลอยไปในโลกอันเป็นของตนเอง  มันได้สะท้อนความเป็นตัวตนของเขาออกมา  เมื่อครั้งเป็นแม่ทัพก่อนออกไปราชการสงครามเคยให้คำมั่นกับอดีตคนรักไว้ว่าเสร็จศึกกลับมาจะให้ผู้ใหญ่จัดการเรื่องงานแต่งงาน  สุดท้ายกลายเป็นสายลมหนาว  มีเพียงสหายเก่าไม่กี่คนที่หลี่ซีซวนยังคงติดต่อมาจนถึงทุกวันนี้
     เถ้าแก่หลี่เห็นบุตรชายนั่งใจลอย  ยกจอกน้ำชาขึ้นดื่มจนหมดไปหนึ่งกา  หนนี้ไม่ทักทายผู้ใดและไม่มีผู้ใดเข้าไปสนทนาด้วย  ขึ้นมาจากเจียงหนาน  เพียงออกท่องหาความสำราญ  พบพานคนรู้ใจ  บุตรียังยื่นนิ่งเฉยไม่สนทนาด้วยเหมือนเคย  หลังจากคิดเผนการให้เสร็จสรรพกลายเป็นคนสุขุมมากขึ้นกว่าเดิม
     หลี่ซีซวนวางเงินค่าอาหารไว้บนโต๊ะ  ลุกขึ้นเดินออกมาถึงเบื้องหน้าครอบครัว  แววตาเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้าและเหนื่อยหน่าย  ความนิ่งเงียบนี้ไม่เคยปรากฎขึ้นมาก่อน  ดั่งลมแรงก่อนฝนจะตกหนัก  หลี่หย่งเมี่ยวเพียงตบบ่าพี่ชายของนาง  เหมือนสื่อความหมายถึวคำว่าพี่น้องหนักแน่นดั่งขุนเขา
     "ซีห่าว  เจ้ามาหาความสำราญไกลพอสมควรนะ" เถ้าแก่หลี่เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน  หลังจากอดทนนิ่งเงียบมานาน  คิดว่าบุตรชายกว่าจะกลับมาฉางอันมิรู้ว่าอีกครั้งจะเป็นเมื่อใด  ความอารีที่ไม่ค่อยจะได้เห็น  ยามนี้กลับมอบให้ลูกสองคน
     "ข้ากลับมาเยี่ยมเยียนและพักผ่อนนะ ท่านพ่อ"  สถานที่ใดในแผ่นดินไม่สามารถมอบความอบอุ่นและความปลอดภัยอันแท้จริงได้เท่ากลับบ้านของตัวเอง  แม้แดนใต้มอบความสงบสุขแต่มิอาจรั้งบุรุษผู้นี้ไว้ได้นานนัก
     "หากคิดถึงก็ส่งจดหมายมาหาได้เสมอ  ข้ายินดีรอตอบจดหมายได้ทุกเวลา"  เถ้าแก่หลี่รู้ว่าเวลานี้หย่งเมี่ยว  ผู้เป็นบุตรีมิอยากเอ่ยคำใดออกมา  คงกลัวว่าจะโดนชวนไปร่วมงาน  ขณะเดียวกันไป๋เจวี๋ยยืนกันพวกคนไร้มารยาท  ไม่รู้กาลเทศะ  เพราะเห็นว่าพวกข้าราชการ ขุนนางเริ่มเข้ามาเยอะขึ้น
     "ขอบคุณท่านพ่อ  เมื่อใดข้าติดขัดหรือมีปัญหาจะเขียนจดหมายมาหา"  หลี่ซีซวนส่งยิ้มให้หลี่หย่งเมี่ยวบีบมือแน่น  พลางยิ้มอ่อนโยน  แล้วประสานมือคำนับบิดา  "ฝากดูแลครอบครัวของข้าด้วยนะ"
        พวกขุนนางเพิ่งเข้ามาได้เห็นคนพเนจรดั่งขอทานยืนสนทนากับเจ้าของกิจการโรงน้ำชา  อดทำหน้ารังเกียจ  ดูถูกมิได้  ไหนเลยจะรู้ว่าคนผู้นั้นคือบุตรชายและพี่ชายของเถ้าแก่กับเถ้าแก่น้อย  หากว่าพวกเขาเอ่ยวาจาระคายหูออกมา  หลี่หย่งเมี่ยวผู้สงบวาจาได้เฉียดเฉียนด้วยว่าแน่นอน  พึงไม่ลืมว่านางเป็นที่เอ็นดูและชอบพอของพวกขุนนางระดับสูง

    ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว







←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-6-18 22:46:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ท่องเที่ยวส่านซี
รับภารกิจช่วยเหลือผู้ยากไร้ 2
ปรุงอาหารกว่า 4 วัน

หลังจากหญิงสาวได้รับทุนทรัพย์และข้าวสารหมื่นกว่ากระสอบ เธอจึงนำกระสอบเหล่านั้นนำไปปรุงอาหารเพื่อเลี้ยงจำนวน 3000 กว่าชีวิต ที่ซึ่งเป้นผู้ลี้ภัยมาอยู่ในฉางอัน
เธอจะทำด้วยความบริสุทธุ์ใจและมีจิตใจกุศลที่จะช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยม

เพื่อที่จะ.. ให้พวกเขาคล้อยฟังตามได้ง่าย เผยแพร่ความเชื่อศรัทธาได้มีคนเชื่อฟังได้ง่ายขึ้น

หญิงสาวเริ่มต้นงานและทำด้วยตัวเองทั้งหมดโดยเลือกพื้นที่ๆนึงที่กว้างและพอเหมาะสำหรับการทำงานจำนวนมากๆ ในบริเวณพื้นที่ว่างระหว่างอาคารหรือช่วงด้านหน้าของสิ่งปลูกสร้าง
หญิงสาวเริ่มวิธีการตั้งแต่เตรียมหม้อ เตรียมอุปกรณ์เครื่องครัวด้วยตวเอง หญิงสาวผู้สง่างามใครต่างมองว่าเป็นคุณหญิงคุณนาย ได้ลงมือทำอาหารจำนวนมากด้วยตัวเองโดยไม่มีใครช่วยเหลือ

"เอาล่ะ.. ข้าต้องทำตามนี้สินะ สู้เขานะตัวข้า" หญิงสาวกล่าวกับตัวเองพร้อมทำงานอย่างแข็งขัน
หญิงสาวได้ทำคนเดียว พลัดเป็นระยะๆ โดยเริ่มทำอาหารเมนูอาหารหลัก  ตามด้วยอาหารประเภทข้าว และปิดท้ายด้วยต้มซุป รวมๆกันแล้วน่าจะหลายพันจานอยู่
หญิงสาวจึงได้ทอาหารตลอด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น หลายวันผ่านไป..

1วัน...

2วัน...

3วัน...

4วัน...

ผ่านมาครบ 4 วัน หญิงสาวก็ทำอาหารและกับข้าวตามที่ได้รับสั่งเสร็จลุล่วง ถึงแม้จะเป้นจำนวนมากๆจริง แต่กเธอก้ทำสำเร็จภายในเวลาที่กำหนด
"เฮ้อ.. เสร็จเสียทีนะ มันก็เยอะจริงๆนั่นแหละ.." หญิงสาวเอ่ยกับตัวเอง หญิงสาวผู้สง่าทำอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย อันนั้นก็เป้นเรื่องดี..

ซึ่งก่อนที่หญิงสาวจะนำอาหารเหล่านี้ไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย เธอเห็นว่าข้างๆเป้นโรงน้ำชาที่ๆซึ่งมีลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนผ่านมา ณ ที่นี่
หญิงสาวว่าจะเดินแวะเข้าไปซื้อน้ำชาดื่มสักหน่อย..

เมื่อหญิงสาวซื้อน้ำชาดื่มดับกระหายแล้ว เธอจึงจ่ายค่าน้ำชาเสร็จสรรพ ก่อนจะกล่าวพูดคุยกับทุกๆคนในร้านน้ำชานั้น ท่าทางสง่างามของหญิงสาวทำให้ลูกค้าบางคนให้ความสนใจ

"สวัสดีเจ้าค่ะผู้รับฟังที่เคารพทุกๆท่าน วันนี้ข้ามาในฐานะนักเดินทางเล่าเรื่องผู้หนึ่ง อยากจะมาเผยแพร่ความคิดอย่างหนึ่งให้ทุกๆท่านได้รับฟังนะเจ้าคะ

ทุกท่านทราบดีว่าบ้านเมืองยุคนี้เกิดความยากเข็ญ มีลัทธิผ้าเหลืองก่อกบฏเพราะความทุกข์ยากบนแผ่นดิน สร้างความเชื่อความคิดที่แบ่งแยกผู้เห้นต่าง
ว่าเป็นศัตรู ทำให้มีผู้ลี้ภัยจากภัยลัทธิผ้าเหลืองเป็นจำนวนมากตามที่ทุกท่านได้รับข่าวคราวมา ความลำบากยากเข็ญครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้คนที่ยังคงติดอยู่กับความคิดที่กดขี่แบ่งแยกผู้อื่น ซึ่งข้าไม่เห้นด้วยอย่างยิ่ง

ในยุคที่วุ่นวายนี้ ทุกๆคนก็ต้องการความรักสมัครสมานสามัคคี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อผ่กันและกัน เห็นอกเห้นใจช่วยเหลือเพื่อนร่วมแผ่นดินโดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นใคร ขอแค่มีมิตรไมตรีแก่ผู้ที่สมควรก็เพียงพอ
และที่สำคัญนะเจ้าคะ ข้าต้องการผลักดันสิทธิสตรีให้เกิดขึ้นบนแผ่นดิน เป็นสิ่งที่จะผลักดันทำให้เกิด ความเท่าเทียมและบรรทัดฐานที่เหมาะสม บนแผ่นดินนี้เจ้าค่ะ ใครว่าเรื่องของแผ่นดินเป็นของเพศใดเพศหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว
เรื่งอของแผ่นดินนี้เราอยู่ร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ทำไมถึงไม่ลองให้สตรีมีบทบาทส่วนร่วมในแผ่นดินบ้างละเจ้าคะ
ข้าขอฝากไว้เท่านี้เจ้าคะ ขอบคุณมากๆที่รับฟังเจ้าคะ"

หญิงสาวกล่าวเรื่องเล่าให้ฟังหลังจากทำงานมาเสียนาน ซึ่งการมาเผยแพร่เล่าเรื่องครั้งนี้ก็เล็งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสตรีส่วนใหญ่ ส่วนผู้รับฟังคนอื่นๆก็สามารถฟังได้เช่นกัน
ก่อนอื่น หญิงสาวต้องนำอาหารเหล่านี้ ไปแจกให้กับผู้ประสบภัยที่ศาลเจ้าฉางเอ๋อก่อน.. พวกเขากำลังรอความช่วยเหลืออยู่..


---------------------------

+2 Point จากการโรลให้เกียรติผู้ที่คุย ถ่อมตน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ ทะเยอทะยาน
+2 Point จากการโรลใช้แผนการ หูดี
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้ นักวิชาการ
+5 Point โรลใช้วางแผน นักวางแผน
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น หลังตรง
+10 EXP โรลสรรเสริญเหล่าผู้ที่คุยด้วย ถ่อมตน
+5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ คิ้วหงส์
รวม 15 Point / 30 EXP

---------------------------

ค่าศรัทธา
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา ถ่อมตน
+10 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ ทะเยอทะยาน
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ เลื่อมใสศรัทธา
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา เลื่อมใสศรัทธา
รวม 65
+ ศรัทธา ตามจำนวน exp ที่ได้รับ x4 // ฐานะ จ้าวลัทธิ

---------------------------

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ม้าฮั่นเสีย
ตลับผงชาด
ผ้าคลุมขาว
ชุดหนี่ว์จิงเจี๋ยฟางเฉอ
เกาทัณฑ์จย่าเจี๋ยอู๋เยว่
คัมภีร์หนี่กุ้ยเว่ย
ไก่ฟ้าทองแดง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x77
x9
x1
x100
x2
x27
x47
x41
x88
x3
x45
x105
x70
x55
x180
x3
x1
x4
x2
x3
x6
x2
x10
x2
x6
x14
x19
x7
x6
x8
x4
x4
x4
x4
x60
x2
x2
x40
x25
x25
x40
x20
x20
x40
x5
x5
x1
x73
x48
x28
x9
x60
x20
x5
x3
x50
x3
x4
x30
x3
x3
x19
x4
x4
x2
x5
x10
x135
x30
x30
x86
x6
x100
x46
x1
x5
x377
x20
x40
x10
x98
x346
x2
x2
x53
x1
x5
x105
x20
x204
x45
x304
x20
x10
x5
x3
x15
x1
x6
x2
x10
โพสต์ 2022-7-25 16:29:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ปรึกษางานทางการค้า

        ร้อยเรื่องพันราวคนผู้หนึ่งมิอาจรอบรู้ได้ทุกด้านจำต้องมีที่ปรึกษา  มิตรสหายหรือญาติเครือไว้ตอบปัญหา ข้อสงสัยอันไม่สามารถหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง  เช่นเดียวกันกับหลี่ซีซวนผู้ที่ก้าวหน้าจนปัญหาฉับไว  หากด้อยด้านการค้ามาแต่เดิม  ควบม้าออกจากเมืองเว่ยหนานมายังนครฉางอาน  สมองคิดได้ถึงคนผู้หนึ่งพอดี  เว่ยหนานหากอยากรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจต้องได้ผู้ชำนาญมาเป็นที่ปรึกษา  ผิดแต่ว่าพวกเขาล้งนอยู่ต่างเมือง  หลี่ซีซวนเดินทางมาถึงโรงน้ำชาโดยไม่ได้หยุดพักจวนเจ้าเมืองฉางอาน  ผูกบังเหียนม้าไว้ด้านหน้าโรงน้ำชา
        บรรยากาศภายในโรงน้ำชายังคงสนุกสนานเหมือนเคย  สิ่งที่เปลี่ยนไปคือไม่มีเถ้าแก่น้อยประลองวิชากับพวกชอบร้อนวิชาให้เห็น  มีเพียงเถ้าแก่หลี่ยืนนิ่งดั่งรูปปั้นข้างโต๊ะคิดเงิน  นานทีจะเห็นบุตรสาวแวะมาโรงน้ำชาสักครั้ง  ย่างเท้าเข้ามาในโรงน้ำชาเข้ามาหาเถ้าแก่หลี่ผู้เป็นบิดา  ผู้คนนั่งในโรงน้ำชาหันมามองดูบุรุษหนุ่มเจ้าสำอางค์ภาวนาให้ถูกเถ้าแก่หลี่ตวาดกลับมาสักยก
     "ว่าไง ซีห่าว ได้ยินว่าเจ้าไปเป็นขุนนางอยู่เมืองเว่ยหนาน สบายดีหรือไม่ ลูกพ่อ"
     เถ้าแก่หลี่ไม่ทำตัวนิ่งเป็นรูปปั้น หันมาทักทายบุตรชายผู้ไปได้ดีอยู่เมืองเว่ยหนาน  พอได้ยินว่าเป็นบุตรชายคนทั้งหลายต่างมีอาการต่างกัน
     "ข้ามีปัญหาด้านการค้า เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ชาวเมืองได้กิน จึงจนปัญหาด้านนี้"
     ไม่บอกเถ้าแก่หลี่พอจะเดาได้จากสีหน้าของบุตรชาย  ย่อมเข้าใจในตัวลูกคนนี้เป็นอย่างดี  ไม่เคยคาดหวังว่าต้องเก่งเช่นบุตรี  หลี่ซีซวนจึงยืนกลุ้มใจเช่นนี้เอง
     "เว่ยหนานขาดการบำรุง อุ้มชูมานาน เพิ่งได้เจ้าเมืองมาบำรุงเลี้ยงดู  ทั้งยังได้เจ้าไปรักษาไข้ชาวเมือง  การที่เศรษฐกิจจะมีปัญหาย่อมมิใช่เรื่องน่าตระหนก เจ้าเพิ่งมาเป็นขุนนางฝ่ายบริหาร การปรับปรุงด้านตลาดย่อมมือปัจจัยสำคัญกว่า  เอาอย่างนี้เถิดซีห่าว  ข้าตั้งกองคาราวานนำใบชา โถชาไปขายยังเว่ยหนานเดือนละครั้งแล้วกัน นอกจากนั้นเจ้ายังต้องให้พวกเขาได้มีที่เพาะปลูกด้วย เพื่อยังชีพพวกเขาและได้ส่งออกไปขายต่างเมือง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว"
     นับว่าเป็นคำแนะนำอันมีประโยชน์จากผู้มากด้วยประสบการณ์ทางการค้ามาอย่างยาวนาน  วิเคราะห์และให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจอีก  มันเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งและยิ่งกว่านั้นคือภาพของบุตรชายกับบิดาสนทนาเรื่องกิจการบ้านเมือง  
     "ตามจริงข้ามีแผนจะเข้าพบเจ้าเมืองเพื่อขอให้จัดการมีโรงเตี๊ยม กำแพงเมืองและโรงอุปรากรขึ้นมา หากว่าข้ายังติดงานบำรุงขวัญราษฎ์"
     หลี่ซีซวนเคยคิดถอดใจหลายครา  หากแต่ใคร่ครวญถึงชาวเมืองทำให้ตัดสินใจอยู่บริหารงานเมืองเว่ยหนาน  
     "นับว่าเป็นแผนการที่ดี แต่ข้าคงไม่คิดขยายสาขาของโรงน้ำชาเพิ่ม  แม้ว่ามันจะทำให้ได้เงินเพิ่มมาอีกมากก็ตาม"
     เถ้าแก่หลี่ดั่งงรู้ความคิดของบุตรชาย  เมื่อหันมาดูว่าเขาจะอ้าปากเอ่ยถึงเรื่องใด  แค่เวลานี้วงขุนนางผู้ใหญ่ก็นินทาถึงตนเสียหายมากพอแล้ว  จากการให้บุตรีไปทำงานกับเจ้าเมืองฉางอานเพียงเพราะเป็นสหายสนิทมาแต่ครั้งวัยเยาว์  อีกเหตุผลหนึ่งคือบุตรีได้อยู่ในสายตาสามารถรับรู้ได้ตลอดเวลา  หากขยายกิจการเพิ่มเติมนั้นคือหนุนลูกๆเต็มกำลัง  ฝ่ามือวางลงบนไหล่ของหลี่ซีซวน  สายตามองมาด้วยความอ่อนโยน  ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยได้ดูแลใกล้ชิด สนิทสนม ในใจส่วนลึกยังคงเป็นห่วงและติดตามข่าวเสมอ  ด้วยเชื่อมาตลอดว่าบุตรชายคนนี้แข็งแกร่งมีกำลังสามารถพาชีวิตให้รอดไปตลอดวิถีทางได้  บุตรีฉลาด รอบรู้ หากนางคือสตรีย่อมต้องดูแลไม่ให้คลาดสายตา  ยามนี้พวกเขาล้วนเติบโตและรับราชการทั้งคู่
        หลี่ซีซวนไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของบิดา  เพราะรู้ความสามารถของบิดาดี  ได้แต่ยืนยิ้มแทนคำตอบ มองดูฟากฟ้าะ่งรู้เวลามิอาจอยู่นาน
     "ข้าขอบคุณท่านพ่อสำหรับคำแนะนำที่มีให้กับข้า  อย่างไรข้าขอตัวกลับเว่ยหนานก่อน หากมีโอากาสจะกลับมาเยี่ยมท่านพ่อกับท่านแม่อีกครา"
    ประสานมือคำนับนอบน้อม อำลาบิดาเดินออกจากโรงน้ำชา ไม่สนใจผู้คนในโรงน้ำชาว่ามีความคิดเช่นไร  อย่างไรคนพวกนี้ไม่ได้มีผลต่อชีวิตของหลี่ซีซวน  ใยต้องนำมาใส่ใจ
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้