เจ้าของ: Watcher

[นอกเมืองเยี่ยนเหมิน] หุบเขาจู้อวิ๋น

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2021-9-13 19:31:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tienlong เมื่อ 2021-9-13 19:34



[เควสช่วยกองทหารโข่วซือ 2]

ช่วยพี่น้องทหารทางการ





เทียนหลงหลังจากที่ได้พักพิงที่ป่าท้อเยวี่ยเหออย่างมีความสุขกับเพ่ยเอ๋อห์ บัดนี้เขาได้เลือกที่จะออกมาจากป่าแห่งนั้นและเริ่มเดินทางต่อโดยเป้าหมายของเขานั้นคือการไปเยี่ยมเยียนชายผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่จวนของเจ้าเมืองจินหยาง แต่แล้วในขณะที่กำลังเดินทางผ่านหุบเขาจู้อวิ๋นก็ถูกเสียงเรียกของใครบางคนดึงดูดความสนใจไปอย่างรวดเร็ว


"คุณชาย!!! มิเจอกันเสียนานเลย"


เสียงของชายคนหนึ่งได้กล่าวขึ้นมาทักทายตน ใบหน้าและน้ำเสียงเริ่มทำให้เทียนหลงนั้นนึกออกว่าชายผู้นี้ คือคนที่เขาเคยทำให้อยู่ครั้งหนึ่ง


"เป็นเจ้านี่เอง สบายดีหรือไม่?"


เทียนหลงยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวถามตามมารยาทโดยมิได้แสดงท่าทีรังเกียจใดๆ


"คุณชายท่านพอจะมีเวลาว่างบางหรือไม่ ข้ามีเรื่องจะรบกวนท่านอีกครา"


ชายผู้นั้นพลันกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย


เทียนหลงพลันนึกขึ้นได้ว่าตนนั้นเคยสัญญาว่าจะช่วยเหลือพวกเขาหากมาขอ ซึ่งพวกเขาเองก็ทำตามเช่นนั้น และเขาจะมิผิดคำกล่าวของตนเอง


"ได้แน่นอน ข้ามิมีปัญหา ว่าแต่เรื่องที่เจ้าจะให้ข้าช่วยคือเรื่องอะไรรึ?"


"ข้าอยากเตือนท่านก่อนว่างานนี้นั้นอันตรายอย่างมากท่านแน่ใจจะทำจริงๆหรือ?"


ชายคนนั้นพลันกล่าวถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


"แน่นอนข้ากล่าวสิ่งใดยอมทำสิ่งนั้น"


"เช่นนั้น ข้าได้ซื้อข่าวจากคนผู้หนึ่งบอกว่า ค่ายโจรฉางซิ่งที่เป็นค่ายโจรใหญ่ในปิงโจว คนผู้นั้นบอกว่าพวกเขาจับทหารทางการขังไว้ที่เรือนจำในค่าย แม้ว่าพวกเขาจะรับใช้ทางการไม่ยอมก้มหัว แต่ที่ไปปราบตอนค่ายฉางซิ่งยังตั้งตัวใหม่ ๆ ในไท่หยวน พวกเขาก็ทำตามหน้าที่ก็ไม่ควรจะขังเช่นนี้เลย อย่างน้อยช่วยให้ได้สัก 10-30 นาย และใช่ข้าอยากจะแนะนำท่านให้สวมหน้ากากเผื่อไว้เสียหน่อย"


"ไปพบคนผู้นั้นด่านหูกวนแถว ๆ หอร้างกลางป่า หอที่ถูกตัดขาดจากสะพาน คุณชายจะต้องใช้เถาวัลย์ข้ามไป คงโหนเถาวัลย์ได้นะ ไปโดยด่วน ภายในคืนนี้ ยามไห้"

ชายผู้นั้นยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังกล่าวจบเขารู้ดีว่าชายผู้นี้นั่นเก่งเป็นอย่างมากจากคำบอกเล่าของคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ชายผู้นี้ได้ล้มคนไปถึงห้าคนพร้อมกัน

"ขอบคุณท่านมากที่เตือนข้า"


เทียนหลงกล่าวขึ้นมาก่อนจะหยิบหน้ากากสีขาวขึ้นมาใส่ โดยมิลืมจะแบ่งหน้ากากอีกอันไว้ให้กับแม่นางเพ่ยเอ๋อห์ และรีบควบม้าออกจากหุบเขาไปอย่างเร่งรีบ




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-9-14 00:02:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด

[เควสช่วยกองทหารโข่วซือ 2]

กลับสู่หุบเขา
เทียนหลงนำทุกคนกลับมาในสภาพที่ยับเยิน แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นเขาเองที่ต้องรับมือกับคนจำนวนมากขนาดนั้น ชายคนที่เคยให้งานเขาในตอนนี้ก็ได้นำพาคนจำนวนมากมารับเหล่าทหารกลับไป

"ขอบคุณคุณชายมาก ขอบคุณมากจริงๆ"

ชายคนนั้นกล่าวขึ้นพร้อมกับเข้าไปประคองร่างของเทียนหหลง ก่อนจะหาที่พักให้แก่เทียนหลงซักเล็กน้อยเพื่อให้ได้พักผ่อนหลังจากผ่านอะไรมาอย่างยากลำบาก ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นมาจากทิศทางของเหล่าทหารทางการ

"พวกข้าขอบคุณท่านมาก แต่หลังจากนี้คงต้องกลับบ้านเกิดไปทำไร่ทำนา เพราะสภาพนี้ไม่สามารถแบบนี้พวกข้าคงเป็นทหารไม่ได้อีกต่อไป ส่วนคนไม่มีบ้าน..."

ทหารทางการกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าขมขื่น แต่นายกองก็พลันกล่าวบางอย่างขึ้นมา

"มิต้องห่วงเรื่องนั้น พวกท่านสามารถใช้ชีวิตที่นี่ได้ แต่นายหญิงขอไว้ให้เก็บเรื่องค่ายโจรฉางซิ่งไว้ก่อน เวลานี้ยังไม่เหมาะ หากทางการรู้เกรงว่าจะเปิดศึกสองด้าน ซึ่งนายหญิงบอกว่า โจรฉางซิ่งแม้จะเกลียดคนทางการมาก แต่พวกเขาก็ช่วยชาวบ้านและเป็นศัตรูกับโจรผ้าเหลืองชัดเจน"

เทียนหลงที่พักฟังอยู่เงียบก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ก่อนที่นายกองประจำค่ายจะนำของตอบแทนมาให้แก่เขาเพื่อเป็นการขอบคุณ เทียนหลงพลันรับของเหล่านั้นมาก่อนที่จะพักอยู่ที่นี่ซักพัก เพื่อรักษาตัวให้หายดีก่อนจะเริ่มเดินทางต่อ....

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-10-2 18:31:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ระยะการเดินทางที่ดูค่อนข้างไกลขึ้นเรื่อยๆกับการเดินทาง ยิ่งสร้างความหงุดหงิดแก่จ้าวเพ่ยทุกไมล์ที่เดินออกจากสถานที่ที่จากมา ซุนหยางได้แต่งุนงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาของนายตนก็ได้แต่เงียบมาตลอดทาง

"เมื่อใดจะถึงที่หมาย"

"ม้าไม่ได้วิ่งเร็วขนาดแต่วันเดียวถึงหรอก เจ้าใจร้อนเสียจริง"

"เจ้าก็เลิกหยุดพักเสียสิ.. ข้าเบื่อจะนั่งบนหลังอาชาแล้ว" จ้าวเพ่ยบ่นอุบขึ้นมาอย่างหงุดหงิด สร้างสถานการณ์อันอึมครึมน่าดูกับบริเวณโดยรอบ นางจับท้องที่ปวดเบาๆของนางก็หยุดบังเหียนม้าขึ้นมาดื้อๆ ส่งผลให้ซุนหยางบังคับม้าเดินนำตนไป เลยออกไปซะไกกว่าจะรู้ตัวว่าจ้าวเพ่ยไม่ได้จามก็เกือบจะคลาดสายตากัน

ผู้ติดตามวกกลับมาหาจ้าวเพ่ยลงหลังม้ายืนอยู่อย่างนั้นก็พลันขมวดคิ้วสงสัย ใบหน้าหญิงสาวดูนิ่งเฉยแต่ผิดกับท่าทางทางร่างกายของนางที่แสดงออกอย่างชัดเจน

"เป็นอะไร เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะเดินทางไปให้ถึงโดยไวที่สุด"

"ข้าเจ็บท้อง…" จ้าวเพ่ยตอบไปอย่างตรงไปตรงมา นางจับย่ามขึ้นมากอดแน่น ยิ่งมีท่าทีแปลกไป ยิ่งทำให้ซุนหยางเกิดเป็นห่วงขึ้นมา "ขอหยุดเพียงครู่หนึ่ง"

"กลับไปยังโรงเตี๊ยมก่อนดีหรือไม่.. เจ้าเดินไหวไหม" ผู้ติดตามกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อจะไปช่วยประคองจ้าวเพ่ย แต่ก็ถูกนางผลักออกแทบจะทันที หญิงสาวเหลือบมองทางหางตาและปีนขึ้นบนหลังม้าพลันนอนคว่ำลงเพื่อให้พอเกาะตัวม้าได้บ้าง

"ไม่ต้อง.. อย่ามาแตะต้องตัวข้า" สีหน้านางดูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย "ออกเดินทางต่อเถอะ"

"หากเจ้าไม่ไหว อย่าได้ฝืนตัวเอง ข้าจะพาไปโรงหมอ"

"ข้าบอกว่าไม่ต้อง!!" จ้าวเพ่ยแทบจะตะโกนออกไป สีหน้านางเริ่มซีดเซียวลงเรื่อยๆแต่ก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ไม่ให้ดูอ่อนแอเพราะเรื่องส่วนตัวที่เป็นความลับของนาง ไม่เช่นนั้นนางได้อับอายเป็นแน่แท้

ซุนหยางเงียบลงเสียครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเพื่อจะออกเดินทางต่อ สายตาเห็นบางผู้จับจ้องมาทางพวกเขาได้สักพักหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมา เหล่าคนมากมายเดินมาทางพวกเขาก็นึกกลัวขึ้นมา จ้าวเพ่ยเห็นคนพวกนั้นก็เร่งลุกขึ้นนั่งทันทีขณะหนึ่งในพวกเขาเดินมาหานางทันที

"ขออภัยแม่นาง.. พวกข้ามีบางอย่างอยากให้แม่นางช่วยสักหน่อย แม่นางสนใจจะรับงานบ้างหรือไม่"

"งาน.. งานอะไรหรือเจ้าคะ" จ้าวเพ่ยเอ่ยถาม นางมองเหล่าคนมากมายตาไม่กระพริบพลันหันไปมองหน้าซุนหยาง

"วานแม่นางนำทหารยี่สิบห้านายพร้อมเกวียนไปรับเสบียงให้หน่อยได้หรือไม่" คำพูดนั้นทำให้จ้าวเพ่ยเริ่มคิดหนัก อาการเจ็บท้องน้อยก็เข้ามาโถมก็ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะคุยกับใคร แต่หากนางโกรธใส่เหล่าทหารผู้นี้ย่อมทำให้มีผู้คนมองนางว่าดูไม่ดีแน่แท้

"จะให้ข้าไปส่งชายฉกรรจ์ถึงยี่สิบห้านายรับเสบียงงั้นหรือ มั่นใจได้อย่างไรว่าระหว่างทางจะไม่เข้ามาปลุกปล้ำข้า"

"โถ่.. แม่นาง เหล่าทหารไม่ทำอะไรแม่นางหรอกขอรับ หากพวกเขาจับต้องแม่นางแม้แต่ปลายเล็บสามารถบอกข้าได้ อีกอย่างข้าจะให้ค่าตอบแทนอย่างงามที่แม่นางเสียสละเวลาด้วยนะขอรับ"

"เท่าใด หากไม่คุ้มกับการเดินทางที่ข้าเสียไป ข้าไม่รับหรอกนะ" จ้าวเพ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเชิงหงุดหงิด หญิงสาวจ้องไปยังเหล่าทหารพวกนั้นไม่วางตา

"สามสิบตำลึงทองกับอีกหกร้อยตำลึงเงิน แม่นางคิดว่าอย่างไร"

จำนวนเงินที่นับเป็นค่าตอบแทนเข้ามายังในหูของจ้าวเพ่ยทำเอานางคลี่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นับเป็นจำนวนเงินที่ดูไม่น้อยสักเท่าไหร่พอจะให้นางสามารถซื้อเครื่องประดับดีๆได้สักชิ้น

"ก็ได้.. เพียงแค่ส่งไปรับเสบียงและกลับมาที่นี่ใช่หรือไม่" นางยอมรับงานนี้แต่โดยดีหญิงสาวเรียกซุนหยางมาคุยเรื่องการเดินทางเพื่อจะกลับไปยังเส้นทางสำหรับส่งทหารไปรับเสบียงก่อนจะตกลงกันได้

"นี่สามพันตำลึงเงินสำหรับค่าเสบียงขอรับ ขอบคุณแม่นางมากๆ ระวังตัวด้วยขอรับหากมีอะไรเกิดขึ้นข้าเชื่อว่าเหล่าทหารสามารถปกป้องแม่นางได้บ้าง" ถุงตำลึงเงินอย่างหนักส่งมาให้มือเรียวสวยให้นางรับเก็บมาไว้กับตัวทันที หญิงสาวมองเหล่าทหารเริ่มจะเตรียมตัวออกเดินทางก็พยายามจะทำตัวให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาการเจ็บท้องเพียงไม่นานก็จะหายไป นางเชื่ออย่างนั้น หญิงสาวบังคับบังเหียนม้าให้เดินไปตามทางเส้นทางเดิมที่จากมา

"จะต้องไปรับเสบียงที่ใดหรือ ฉางอันหรือว่า..." เอ่ยถามเหล่าทหารว่าจะไปรับเสบียงที่ใด เพื่อจะได้ไม่พาเหล่าทหารหลงทางไปไกลอย่างน้อยๆกสรเดินทางที่ผ่านมาใช่ว่าจ้าวเพ่ยจะเป็นหญิงที่ไม่เอาอะไรเลยที่ตะไม่รู้เส้นทางตั้งแต่ต้นจนจบ

"ลั่วหยางขอรับ รับกับพ่อค้าหวังที่ย่านการค้า พวกข้าได้นัดหมายกันไว้แล้ว" เมื่อได้ยินคำตอบเหล่านั้นก็นึกขำไม่หายเมื่อทหารเหล่านั้นบอกนางมาว่าให้ไปหาพ่อค้าหวังที่เมืองลั่งหยาง..

ใช่.. นั่นคือสถานที่ที่นางออกตัวครั้งแรกนั่นเอ จ้าวเพ่ยบังคับบังเหียนให้เดินพอให้เหล่าทหารตามนางและผู้ติดตามนางทัน อาการเจ็บท้องน้อยเริ่มจะลดลงไปเรื่อยๆแล้ว แต่ความหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของทหารทั้งยี่สิบห้านายกลับยิ่งทวีคูณรอช่วงที่จะระเบิดออกมาทีเดียว หญิงสาวส่งสายตาคมกริบไปหาซุนหยางให้เขารับรู้ถึงรังสีอัมหิตแปลกๆที่ส่งไปให้ แม้ผู้ติดตามนางจะเริ่มเกิดคำถามว่าเขาได้ทำผิดอะไรลงไป แต่การถูกเหวี่ยงตั้งแต่อยู่ในถ้ำก็คิดว่านางคงจะโกรธเรื่องที่อยู่ในถ้ำนั้นเป็นแน่แท้ แม้ความเป็นจริงเรื่องพวกนั้นในเวลาเพียงไม่นานจ้าวเพ่ยได้ลืมและไม่สนใจมันไปแล้วก็ตาม

Side Quest Start :: เควสช่วยกองทหารโข่วซือ 1

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-10-3 06:59:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขบวนขนเสบียงกลับมายังที่หมายได้โดยไม่มีเหตุร้ายอะไร คิดไว้ว่าอย่างนั้น(?) ซุนหยางเดินทางนำเหล่าทหารและเสบียงมาส่งยังที่แห่งนี้ เสียงพูดคุยดังเข้าหูจ้าวเพ่ย สาวผู้ยังคงหลับอยู่ ทำให้นางเปิดตาขึ้น เหล่ากองทหารต่างเข้ามารุมล้อมพวกนางจนทำให้หญิงสาวตกใจขึ้นมา อนึ่งด้วยความอายที่ต้องถูกชายกอดต่อหน้าด้วยทำให้นางต้องรีบออกจากตรงนี้ทันที ก่อนที่จะอับอายไปมากกว่านี้

"จ้าวเพ่ย! เดี๋ยว!! อย่าดิ้น"

ตุ๊บ!!

"แม่นาง! / แม่นาง" เหล่าทหารต่างอุทานขึ้นมาเมื่อเห็นจ้าวเพ่ยกำลังจะตกลงหลังม้า แต่เหล่าทหารบางคนก็สามารถรับร่างนางเอาไว้ได้ทันก่อนจะได้รับบาดเจ็บ หญิงสาวรีบลุกขึ้นและกล่าวขอบคุณทหารผู้นั้นก่อนจะหันไปหานายกองที่ยังคงอึ้งกับภาพที่เห็นขณะพูดคุยกับซุนหยางอยู่

ทหารนายหนึ่งเข้ามารายงานจำนวนเสบียงและจำนวนนายทหารว่าครบถ้วนไม่มีส่วนขาดหายไป ทำเอานายกองพยักหน้ายอมรับก่อนจะเดินวนมาหาจ้าวเพ่ยที่ยืนอยู่อีกด้าน

"ขอบใจแม่นางมาก ข้าไม่รู้ว่าแม่นางพบอะไรมาถึงกลับมาด้วยสภาพนี้ บอกข้ามาเถอะ มีทหารนายไหนที่คุกคามแม่นางหรือไม่" นายกองเอ่ยถามจ้าวเพ่ยทำให้นายเหลือบไปมองทหารนายที่ดูน่ากลัวสำหรับนาง แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร หญิงสาวฉีกยิ้มขึ้นมาเพื่อไม่ให้เหล่าทหารถูกต่อว่าเรื่องการดูแลสตรีไม่ดีจึงจำเป็นต้องโกหกออกไป

"ข้าแค่ป่วยไข้ป่านิดหน่อยจึงหลับมาเช่นนี้ พวกทหารดูแลข้าและผู้ติดตามดีมากๆ ขอบคุณมากเจ้าค่ะ"

"โถ่.. เช่นนั้นก็แสดงว่าดูแลแม่นางไม่ดีน่ะสิ คงจะต้องลงโทษที่ทำให้สตรีต้องเจ็บป่วยเสียแล้ว" นายกองพูดทีจริงทีเล่น แต่มันก็ดูหนักพอที่จะทำเหล่าทหารสะอึกไปตามๆกัน

"ร่างกายข้าอ่อนแออยู่แล้วเจ้าค่ะ!.. ดูแลดีขนาดไหนข้าก็ป่วยง่ายอยู่ดี ไม่ใช่ความผิดของเหล่าทหารเสียหน่อย" จ้าวเพ่ยพยายามแก้ต่างให้เหล่าทหาร แต่นายกองก๋จับโกหกได้เมื่เขาเห็นรอยช้ำที่คอของจ้าวเพ่ยขึ้นสีเป็นรอยมือขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจึงไม่เค้นถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเมื่อนางเลือกที่จะปกปิดเพื่อช่วยปกปิดความผิดนายกองก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

"เช่นนั้นนำค่าตอบแทนพวกนี้รักษาร่างกายเสียนะ ขอบคุณแม่นางมากๆที่พากองทหารไปส่งรับเสบียง เป็นผู้หญิงคนแรกที่รับงานนี้เลยนะขอรับ"

"ช่างน่าภูมิใจจริงๆเจ้าค่ะ" จ้าวเพ่ยกล่าวขณะรับรางวัลจากนางกองมานับอย่างดีใจ หญิงสาวหันมายิ้มให้กับซุนหยางก่อนจะเดินไปยังม้าของนางเพื่อจะเตรียมออกเดินทางอีกครั้ง

"จ้าวเพ่ย.. ครั้งที่อยู่ลั่วหยางข้าได้ยินเรื่องงานจัดที่วัด เจ้าสนใจจะไปหรือไม่" ซุนหยางถามนางขึ้นมาขณะจ้าวเพ่ยปีนขึ้นหลังม้า นางหันไปมองซุนหยางพลางคิดถึงเวลาที่นางวางแผนเอาไว้ ก่อนจะเลิกสนใจมัน ในเมือนมันเลยกำหนดที่นางว่าจะไปถึงนานแล้ว

"ก็เอาสิ.. ช่วยแนะนำทางลัดที่จะไปได้เร็วด้วยนะ"

"เช่นนั้นเรามาวิ่งแข่งม้ากัน ใครถึงลั่วหยางก่อนเป็นผู้ชนะ" ซุนหยางกล่าวแล้วควบม้าออกตัววิ่งไปทันที หญิงสาวเห็นดังนั้นก็คิดบ่นในใจกับชายผู้นี้ที่ช่างหาโอกาสให้เขาเป็นต่อเสมอ

"แม่นางจ้าว" เสียงทหารนายหนึ่งดังขึ้นข้างหลังให้นางชะงักลงไป ทหารนายที่พูดคุยกันครั้งที่เดินทางกลับเดินมาหานางก่อนจะกำมือสองข้างแน่นด้วยความประหม่าเมื่อได้คุยกับนางตรงๆ "พวกเราจะพบกันอีกหรือไม่"

ชายผู้นี้ดูใสซื่อเกินไปที่นางจะหลอกเฉกเช่นชายคนอื่นๆ จ้าวเพ่ยมองนายทหารผู้นั้นถือผ้าผืนเล็กที่นางชอบใช้ซับเหงื่อแน่นเพื่อจะนำมาคืนแต่หญิงสาวก็ทำได้เพียงยกยิ้มขึ้นมาจนตาหยี ทำเอานายทหารนายนั้นมองนางตาไม่กระพริบ

"ท่านเก็บเอาไว้เถอะ.. เอาไว้เวลาเจองูกัดจริงๆ ค่อยใช้มัดขาเอาไว้พอจะช่วยท่านได้"

นางพูดเพียงแค่นั้นก็บังคับม้าให้วิ่งออกไปเพื่อให้ทันซุนหยางผู้น่าจะนำหน้านางไปไกลแล้ว จุดมุ่งหมายของทั้งสองคือที่เดียวกันคือเมืองลั่วหยาง

Side Quest Complete :: เควสช่วยกองทหารโข่วซือ 1

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-10-5 17:19:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:36


⌜71⌟

บทที่ 13
สันโดษท่ามกลางเมฆา
ฉากที่ 6

     
          ควบม้าออกมาจากเขตซีเหอก็เข้าสู่หุบเขาจู้อวิ๋น บรรยากาศวังเวงชวนน่าขนลุกราวกับว่ามีปีศาจร้ายสิงอยู่ ตงฮั่วพาขี่ม้าอย่างระแวดระวังภัยเป็นพิเศษเพราะคนเหนืออย่างเขารู้ดีว่าเขตนี้อันตรายเพียงไหน โจรก็ชุกชุมทั้งโจรโพกผ้าแต่ที่ร้ายกาจกว่าคือโจรภูเขา กลุ่มคนพวกนั้นไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาที่ไปเข้าร่วมกับคนชั่วอย่างจางเจี๋ย แต่เป็นจอมยุทธ์ผู้มากฝีมือที่หันหลังให้กับทางการแต่ซ่องสุมกันกระทำผิด
         
          ฟิ้ว
                    
          “!!?!!”
         
          ธนูดอกหนึ่งพุ่งผ่านหน้าของเด็กหนุ่มผู้คุมม้าไปอย่างฉิวเฉียด การรบแบบซุ่มโจมตีอย่างมีหลักการเช่นนี้เห็นทีว่าพวกเขาจะเจอของหนัก สิ่งที่ตงฮั่วต้องทำไม่ใช่การหยุดม้า แต่ว่าเขาต้องควบถังถังต่อไปโดยเร่งความเร็วเพิ่มมากขึ้นและสลับวิ่งหลบหลีกไม่อยู่กับที่ เฟินเยว่ในตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเพราะแดดตอนกลางวันค่อยข้างร้อนจึงทำให้นางต้องก้มหน้าหลบอย่างเช่นทุกที แต่ตอนนี้นางก็พอจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หากขี่ม้าขึ้นเขาจะโยกซ้ายหลบขวาก็ไม่แปลกแต่ความเร็งจะไม่สูงจัดเช่นนี้
         
          “เกิดอะไรขึ้นเหรอเจ้าคะตงฮั่ว?”
         
          “พวกเรากำลังถูกโจรล้อมไว้อยู่ เจ้าเกาะข้าดี ๆ พวกนี้เป็นโจรภูเขาเราสู้มันไม่น่าไหว” เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเครียดก่อนจะชักม้าหลบลูกธนูที่พุงเข้าหาได้อย่างฉิวเฉียด “ชิ! ให้ตายสิ ไม่ชอบแบบนี้เลย” เขาชักกระบี่ออกมาถือไว้ในมือ ยามนี้คงทำได้เพียงแค่ปัดป้องศรที่พุ่งเข้าทิ่มแทงกาย
         
          “ไม่นะ! ..ถ้าแบบนี้จะทำยังไงล่ะ”
         
          เสียงของเด็กสาวสั่นเครือเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ปกติทุกครั้งสหายของนางจะกล้าพุ่งเข้าไปต่อกรกับคนร้ายทว่าคราวนี้เขากลับเลือกที่จะหนี นั่นหมายความว่าหนทางรอดของทั้งสองเหลือเพียงแค่ริบหรี่แล้วใช่ไหม ด้วยความโคลงเคลงของม้าทำให้เด็กสาวกอดเอวของสหายหนุ่มเอาไว้แน่นพร้อมกับหลับตาปี๋ นางไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง ได้ยินแต่เสียงลูกธนูพุ่งแหวกอากาศและเสียงของโลหะกระทบที่พยายามปัดป้องมันอยู่
         
          เคร้ง!
         
          กระบี่ในมือของเด็กหนุ่มคอยปัดป่ายลูกศรจำนวนมากที่พุ่งข้าหาถี่ขึ้น การขี่ม้าไปด้วยป้องกันตัวไปด้วยแบบนี้ทำให้เสียเปรียบสุด ๆ จนแทบจะทำการหลบหลีกไม่ได้เลย
         
          ฉึก!
         
          “อึก!”
         
          ร่างของเด็กหนุ่มกระตุกเฮือกเมื่อศรดอกหนึ่งพุ่งปักเข้าที่หัวไหล่แม้โลหิตจะยังไม่ไหลแต่ทว่ามันก็ทำให้เขาปวดร้าวไปทั้งแขนจนยกกระบี่ขึ้นมาฟันกันไม่ได้ ตงฮั่วพยายามกัดฟันเร่งความเร็วม้ายิ่งขึ้นไปอีกเพื่อฝ่าฝนธนูเหล่านี้ไปให้ได้ แต่กว่าจะผ่านออกไปจากหุบเขาจู้อวิ๋นเขาก็ได้ไปอีกหลายแผล ทั้งแขน ขา ไหล่ และเฉียดแก้มซ้ายจนเลือดตก อีกเพียงแค่หนึ่งลี้น่าก็จะพ้นออกจากหุบเขา เพียงแค่นี้เด็กหนุ่มก็สะบัดสะบอมไปทั้งตัว
         
          เขาเหลือบตามองเด็กสาวที่กอดเอวไว้แน่น เฟินเยว่กำลังร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้น ดูเผิน ๆ นางไม่ได้รับบาดแผลอะไร เพียงเท่านั้นเด็กหนุ่มก็เบาใจไปได้หลายส่วน


.
.
.




ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)









ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+2 Point เมื่อโรลเพลย์ต่อสู้ระบบ
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์คิ้วพยัคฆ์
+2 Point ทุกครัั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ
+2 Point เมื่อโรลต่อสู้ระบบและพ่ายแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดรอยแผล







←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-5 18:35:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด

⌜72⌟

บทที่ 13
สันโดษท่ามกลางเมฆา
ฉากที่ 7
                  
     
          หนทางรอดอยู่ข้างหน้า ตงฮั่วกัดฟันขี่ม้าฝ่าออกไปแม้ว่าแขนและขาของเขาจะเริ่มชาจนไร้ความรู้สึก เหงื่อเม็ดหนาไหลจากข้างขมับหยดลงมาถึงปลายคาง ทั้งหยาดเหงื่อและเลือดผสมปนเปย้อมชุดเสื้อผ้าที่เด็กสาวซื้อเปลี่ยนให้เขาใหม่กลายเป็นสีที่เข้มขึ้นยิ่งกว่าเดิม
         
          ‘อีกนิดเดียวแข็งใจเอาไว้!!’
         
          แต่ดูเหมือนกลุ่มโจรจอมตื๊อจะไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ เมื่อใกล้ออกจากแนวหุบเขาก็มีโจรอีกกลุ่มดักทางเอาไว้ในแนวราบ ขึงตาข่ายกั้นขวางระหว่างแนวเขาดักผู้ที่เหลือรอดจากการปล้นสดมภ์มาอีกชั้นหนึ่ง
         
          “!!?!!”
         
          ตงฮั่วชักม้าอย่างฉับพลัน ถังถังเชิดหน้ายกขาขึ้นจนเกือบล้ม ในที่นี้ไม่มีใครร่วงยกเว้นแต่หมูป่าเปาเปาที่ตกพื้นดังแอ้ก
         
          “อุ๊ด..”
         
          “ว้าย!!!”
         
          ด้วยแรงเหวี่ยงจนแทบจะทำให้หงายหลังทำให้เฟินเยว่กอดเอวของเด็กหนุ่มแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะค่อย ๆ เปิดเปลือกตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำขึ้นมองภาพตรงหน้า ร่างกายของสหายเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผล แถมยังมีลูกธนูปักแขนขารวม ๆ แล้วสามจุด
         
          “ตงฮั่ว!!”
         
          เด็กสาวกรีดร้องชื่อของอีกฝ่ายออกมาสุดเสียง หัวใจหล่นวูบลงไปถึงตาตุ้มและแตกสลายแทบไม่เหลือชิ้นดี สภาพของเขามันสาหัสมากเกินไป จนตอนนี้ภายในหัวของเด็กสาวมีแต่ความว่างเปล่าสีขาวและอักษรคำว่าตายเขียนอยู่ หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสายมากกว่าเก่า เสียงสะอื้นไห้ดังระงมก้องทั้งหุบเขา
         
          “ไม่เป็นไร..”
         
          เด็กหนุ่มหอบแฮ่ก เขากระโดดลงม้าพยายามยันกายเอาไว้ให้อยู่ ทางผ่านตรงหน้ามีแต่จะต้องล้มกลุ่มโจรพวกนี้ไปให้หมด ตงฮั่วรู้ทั้งรู้ว่าชัยชนะของเขาช่างน้อยนิดแต่ถึงกระนั้นเด็กหนุ่มก็ขอสู้ตาย เขาหักปลายธนูเกะกะที่ติดตามร่างออกจนแขนสั่น เหลือเพียงแค่หัวลูกศรที่ยังฝังอยู่ในเนื้อ ตั้งกระบี่ขึ้นเตรียมสู้กับโจรที่ขวางทาง
         
          “เยว่เอ๋อร์ ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้ จังหวะนี้เจ้าควบม้าหาทางหนีออกไปซะ”
         
          “ไม่นะ...”
         
          เด็กสาวส่ายหน้าน้ำตาคลอ นางรู้ความหมายที่อีกฝ่ายบอกดีว่าหมายถึงอะไร เขายอมสละชีพเพื่อให้นางหาหนทางหนี
         
          “ตกลงตามนั้น.. คู่หู”
         
          ตงฮั่วกล่าวทิ้งท้ายกับสาวน้อยบนหลังม้าเพียงเท่านั้นก่อนที่จะกำกระบี่หันไปประจันหน้ากับผู้ที่ขวางทาง
         
          “ถ้าคิดว่าแค่นี้จะล้มข้าได้ก็ดาหน้ากันเข้ามาเลย!!”
         
          เด็กหนุ่มประกาศเกล้าอย่างไม่กลัวเกรงทั้งที่ร่างกายยังคงบอบช้ำ ดวงตาดุดันยิ่งกว่าราชสีห์ ท่าทางไม่กลัวตายแม้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายทำให้แม้แต่โจรภูเขาที่เป็นต่อก็ยังสั่นกลัว ตงฮั่วรู้ดีว่าร่างกายของตัวเองแค่ยืนก็ยังลำบาก ไม่ให้เสียเวลาก็เปิดฉากเงื้อกระบี่เข้ากระโดดเสียบกลางคอหอยของโจรภูเขาคนหนึ่งจนเลือดสาดกระเซ็น ย้อมใบหน้าที่ดุร้ายราวกับสัตว์ป่าให้น่ากลัวยิ่งขึ้น
         
          ด้วยอาการชาตามร่างกายจากบาดแผลก่อนหน้าอาจจะเป็นข้อดีก็ได้ที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเวลาโดนฟัน เด็กหนุ่มสู้อย่างหมาจนตรอกแม้เป็นรองและได้แผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถูกฟันกลับหนึ่งครั้ง เขาก็จะฟันกลับสองครั้ง และภูมิใจที่ถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดแผลแต่เขาก็เอาคืนพวกมันได้ ทว่าโจรภูเขาคือจอมยุทธ์ดั้งเดิมที่มีวรยุทธ์สูงกว่า พวกมันสามารถหลบการโจมตีจากเด็กหนุ่มได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เสียเลือดเสียเนื้อเลย โจรหลายคนถูกสังหาร แต่ก็ยังเหลืออีกครึ่งที่กรูเข้ามาล้อมกันเรื่อย ๆ
         
          เฟินเยว่ยังคงตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ยามนี้โจรทั้งหลายต่างเข้าไปทำร้ายตงฮั่วจึงไม่มีใครสนใจนาง นี่เป็นโอกาสจะหนีแต่จะให้นางทำอย่างนั้นได้เช่นไร เด็กสาวไม่มีทางทิ้งสหายรู้ใจเอาไว้ได้หรอก
         
          ผลั่ก!!
         
          แต่แล้วฝ่ามือของโจรผู้มากด้วยวรยุทธ์กระแทกเข้ากลางท้องจนทำให้เด็กหนุ่มลอยหวือและตกลงมายังเบื้องหน้าของนาง จนประกาศผลแพ้ชนะออกมาได้
         
          “ตงฮั่ว!!”
         
          เฟินเยว่กระโดดลงจากหลังม้ารีบเข้าไปประคองสหายด้วยหัวใจที่พังยับเยิน
         
          “เยว่.. เอ๋อร์.. ทำไมยังไม่...หนีไปอีก… แค่ก!”
         
          พูดจบตงฮั่วก็ไอออกมาเป็นเลือดด้วยอาการช้ำใน ภาพที่เด็กหนุ่มมองเห็นพร่าเลือนไปทุกที เขาเห็นเด็กสาวที่กำลังร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล มืออันชุ่มโชกไปด้วยโลหิตแดงฉานยกขึ้นเกลี่ยใบหน้าของนางอย่างอ่อนแรง
         
          “สภาพ.. ดูไม่ได้.. เลยจริง ๆ ”
         
          “ตงฮั่ว.. ไม่นะ.. แข็งใจไว้นะเจ้าคะ!”
         
          เด็กสาวจับมือของเขาแนบไปที่แก้มอย่างไม่รู้สึกรังเกียจของเหลวจากกายมนุษย์นั้นเลย เงาดำของชายฉกรรจ์ล้อมวงกันเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้ไม่อาจหนีได้อีกต่อไป มีแต่ต้องลุกขึ้นสู้เท่านั้น เฟินเยว่วางร่างของตงฮั่วที่สติแทบจะขาดหายลงกับพื้นจัดท่านอนที่สบายที่สุดให้กับเขา ลุกขึ้นหยิบสิ่งใกล้ที่สุดขึ้นมาถือเอาไว้ในมือโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะเป็นทวนของพี่ชาย ธนูประจำตัว หรือเบ็ดตกปลา บนใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแต่ทว่ากลับไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ ทั้งสิ้น
         
          ภาพสุดท้ายที่เด็กหนุ่มเห็นก่อนที่สติจะขาดช่วงก็คือชายกระโปรงสีม่วงเข้มที่ก้าวออกไปด้านหน้าพร้อมกับเบ็ดตกปลาในมือ…
         
          ‘ไม่.. เยว่เอ๋อร์.. คนพวกนั้นไม่ใช่กลุ่มคนที่เจ้าจะจัดการไหว หนีไปซะ!!’
        

.
.
.






ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

อัตลักษณ์อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลต่อสู้

อัตลักษณ์หูดี
+3 Point ทุกครัั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)




ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+2 Point เมื่อโรลเพลย์ต่อสู้ระบบ
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์คิ้วพยัคฆ์
+2 Point ทุกครัั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+20 EXP เมื่อโรลเพลย์หยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจแผลเป็นทุกแผลบนร่างกาย
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ
+2 Point เมื่อโรลต่อสู้ระบบและพ่ายแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดรอยแผล






วีรชนที่หลับใหล




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-10 00:58:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เควสกองทหารซื่อโขว 1 ซื้อเสบียง




ระหว่างที่กัวฟ่งควบม้าออกตามหาบิดาและมารดาที่หายไปเขามาหยุดที่หุบเขาจู้อวิ๋น สายตาของเขาไปสะดุดกับกองทหารกองนึง เขารีบควบม้าเข้าไปหมายถามทางต่อ


เมื่อเขามาหยุดตรงหน้ากองทหารนั้น "พวกท่านเห็นผู้อพยพแถวนี้รึไม่" นายทหารยศสูงคนนึงมองสำรวจกัวฟ่งเมื่อรู้ว่าไม่ใช่โจรโพกผ้าเหลืองเขาก็คลายมือจากดาบที่เขากำไว้

"แถวนี้ไม่มีผู้อพยพหรอก "เมื่อกัวฟ่งได้ยินดังนั้นก็เตรียมจะควบม้าจากไป "ช้าก่อน!! เจ้าดูหน่วยก้านใช้ได้สนใจจะช่วยข้าหน่อยได้รึไม่"กัวฟ่งมองไปที่หัวหน้าทหารด้วยความสงสัย"งานอะไร?"


"งานไม่ยาก เจ้านำทหาร25นายนี้ไปรับเสบียง ผลตอบแทนดีนะไม่สนใจหรอ" หัวหน้าทหารพยามโน้มน้าว ชายคนนี้อย่างเต็มที่ ชายที่จะมีกลิ่นอายแบบนี้ไม่ได้หาง่ายๆ

"ไหนๆข้าก็ไม่รู้จะไปไหนต่อแล้ว ก็ได้แล้วเรื่องค่าจ้างล่ะ"  

"ผลตอบแทนที่เจ้าจะได้มี 30 ตำลึงทอง600 ตำลึงเงินผ้ากระสอบ15 แร่ทองแดง20 เจ้าเห็นว่าไง" มันนับเป็นรางวัลที่มากแต่กับเทียบไม่ได้เลยถ้าหัวหน้าทหารแจ้งผลงานนี้เข้าตัวเอง

"ได้ ข้ายินดีทำ"กัวฟ่งเมื่อรู้ถึงมูลค่ารางวัลของงานนี้แล้วเขาไม่มีเหตุผลต้องปัฏิเสธ "ดี!!! งั้นเจ้าพาทหารกับเกวียนพวกนี้ไปที่ลั่วหยางไปซื้อเสบียงจากพ่อแซ่หวังส่วนนี่ค่าเสบียง 3000ตำลึงเงินท้วน" เมื่อหัวหน้าทหารหาคนรับเผือกร้อนไปได้แล้วก็กลับไปอย่างสบายใจ

"ทุกคนฟังข้าการเดินทางของเราจะใช้เส้นทางหลวงโดยเราจะหยุดพักที่หงหนงที่เดียวเท่านั้น" เมื่อกัวฟ่งประกาศขึ้นมีทหารนายนึงได้ออกมาคัดค้านทันที
"เจ้าบ้ารึไงการเดินทางแบบนั้นมัน แบบไม่หยุดพักแบบนั้นมันหนักไปสำหรับพวกเรา" เมื่อมีหนึ่งลุกขึ้นต่อต้านพวกที่ก็เริ่มแสดงความไม่พอใจต่อกัวฟ่ง นั่นทำให้ทนายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาทันที ใครมันจะยอมให้ไอบ้าที่ไหนไม่รู้ มาสั่งการ"

"เป็นทหารต้องฟังคำสั่ง!!!" เสียงตวาดพาเอาทหารเข่าอ่อนเป็นแถวแต่ทหารหนุ่มยังยืนอยู่ต่อหน้าเขา ถึงเขาจะยังยืนไหวแต่ใบหน้าเขาขาวซีดถึงแม้เขาจะกลัวแต่เขายังรวบรวมกำลังและความกล้าทั้งหมด "เจ้าเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดากล้าดียังไงมาตวาดข้า" ทหารหนุ่มเลือดร้อนพูดพร้อมชักดาบขึ้นมาหมายจะฟันเข้าที่กัวฟ่ง แต่จังหวะที่เขาชักดาบนั้นหมัดของกัวฟ่งก็ตั้นหน้าเขาไปเรียบร้อย

"อั๊ก..." ทหารหนุ่มล้มลงพร้อมดาบที่หลุดมือไปกับพื้น เขาโกรธแล้วรู้สึกขายหน้ามาก "เข้ามาไอลูกหมา มีแรงแค่นี้หรอ" กัวฟ่งพูดด้วยท่าทีบ้าคลั่ง ตอนนี้ทหารหนุ่มไม่สนอะไรอีกแล้วเขาพุ่งไปด้วยเจตนาฆ่า   

เมื่อนายทหารพุ่งเข้ามาแบบช่องโหว่เต็มไปหมด กัวฟ่งก็ได้โอกาสคว้าคอเขาชูขึ้นเหนือพื้น ต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแค่ทหารขนเสบียงปลายแถว ไม่ได้เก่งเรื่องฆ่าฟัน และเขากำลังจะตาย กัวฟ่งหมายแบบให้คอเขาหักในทีเดียว "เจ้าจำไว้ว่าฝีมือหยังกะเด็กหัดเดินอย่ามาคิดมาสู้กับข้า!!!" จังหวะที่กัวฟ่งจะปิดชีพทหารหนุ่ม

ก็มีทหารอาวุโสผู้นึงรีบออกมาคุกเข่า "นายท่านปล่อยเขาไปสักคราเถอะ เขายังเด็ก โบราณกล่าวว่าผู้ใหญ่ไม่ควรถือสาเด็ก"  เมื่อกัวฟ่งได้ยินดังนั้นเขาก็ปล่อยทหารนายนั้นลง ก่อนเขาจะขึ้นม้าแล้วสั่งการ
"ใครกล้าระเมิดคำสั่งข้าตาย!!!" เขาตวาดไปทางพวกทหารด้านหลัง ตอนนี้ไม่มีใครกล้าแย้งเขาอีก "ทั้งหมดออกเดินทาง!!!"


กล้าหาญ
+2 Point จากโรลการต่อสู้ประลองกับขุนพล
หยิ่งทะโย
+7 Point เมื่อชนะการดวลกับอีกฝ่ายพร้อมหยิ่งทะนงต่ออีกฝ่าย
ขี้โมโห
+3 Point จากการโรลต่อสู้
คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา
+2 Point ทุกครัั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ
ฟันเขี้ยว
+15 EXP เมื่อโรลเพลย์ข่มขู่สร้างความหวาดกลัว
+3 Point  ทุกครั้งที่โรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-13 13:51:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กัวฟ่งและขบวนขนเสบียงกลับมาถึงค่ายทหารโข่วซือ ทหารบางนายถึงขนาดล้มพับไปกับพื้นด้วยความผ่อนคลาย


"ข้าได้นำเสบียงมาส่งมาแล้ว"


"ดีมากการเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง ติดขัดอะไรหรือไม่" นายกองเดินมาถามด้วยความเป็นมิตร


"ไม่ลำบากสักเท่าไหร่มีระหว่างด่านฉีกวนเราถูกดักปล้นเสบียงไม่ได้รับความเสียหายแต่มีทหารบาดเจ็บกันนิดหน่อย" เมื่อกัวฟ่งกล่าวจบสีหน้าของนายกองน่าเกลียดขึ้นมาทันที


"ไอพวกลูกหมานั่นกล้าบุกปล้นขบวนของกองทัพเชียวรึ!!!" นายกองแทบจะคุมอารมตัวเองไม่อยู่ "ต้องขอบคุณน้องชายจริงๆส่วนเรื่องโจรข้าจัดการเอง เจ้าให้คนขนเสบียงไปเก็บเถอะ"


กัวฟ่งเดินไปที่ทหารที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาตลอดภารกิจนี้ "พวกเจ้ารีบขนเสบียงไปเก็บได้แล้ว" ทหารที่บาดเจ็บนั่งรอหมอทหารมาทำเเผลส่วนคนที่ไม่ได้อาการหนักก็มาช่วยกันขนเสบียงไปเก็บ


"น้องชายช่างมีราศีผู้นำยิ่งนักน้องชายไม่สนใจเข้าร่วมกองทัพหรือ ตำแหน่งทหารคนสนิทของข้าแม้ไม่ได้ใหญ่โตแต่ก็มีทหารในกองทัพเคารพอยู่บ้าง" นายกองโน้มน้าวหวังให้กัวฟ่งติดตามตน


"ต้องขอโทษด้วยตอนนี้ข้ายังไม่คิดรับราชการ วันนี้ก็สายมากแล้วยังไงข้าก็ขอตัวก่อน"


"อืม... งั้นนี่รางวัลของเจ้า " นายกองจ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกันไว้ให้กัวฟ่ง


"ข้าขอไม่ไปส่ง ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัยหวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง" นายกองบอกลาก่อนที่จะกลับไปจัดการธุระในกองทัพ


กัวฟ่งก็ควบม้าจากไปทันที




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-11-5 16:48:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
          "หากหิวแล้วบอกข้าได้นะเจ้าคะ.. ข้าขอพื้นที่เถ้าแก่ทำอาหารมาเป็นข้าวกล่องเตรียมไว้ให้พวกท่านด้วย"

          หลังจากออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อเดินทาง จ้าวเพ่ยไปกล่าวขึ้นมากับเพื่อนร่วมทางเกี่ยวกับสิ่งที่นางได้จัดเตรียมให้พวกเขา แม้นางจะไม่รู้ว่าจี้โจวจะห่างจากซีเหอมากเท่าไหร่ก็ตาม แต่หากจัดเตรียมของเอาไว้ก็ย่อมเป็นผลดีไม่น้อยที่จะออกเดินทางได้อย่างไม่ต้องชะงัก

          "อาหารจากในโรงเตี๊ยมนั้นหรือ.. ไม่อร่อยสักเท่าไหร่ เจ้ายังจะนำมาอีกหรือ"

          "ข้าทำเองต่างหาก.. อร่อยแน่นอน เจ้าก็เคยลิ้มรสแล้วไม่ใช่หรือ" จ้าวเพ่ยกล่าวขณะที่ยังคงเดินทางอยู่ นางพูดคุยกับซุนหยางโดยที่ไม่ลืมที่จะหันไปหามือปราบหวังเช่นกัน "ถึงแม้ว่าจะไม่เลิศรส แต่ว่าข้าก็ทำสุดฝีมือนะเจ้าคะ"

          "ระวังโดนนางตกท่านเอานะขอรับ ท่านไม่ใช่คนเดียวที่นางส่งสายจาให้เช่นนั้นหรอก"

          "ซุนหยาง.. อย่าใส่ความข้าเช่นนั้น" จ้าวเพ่ยกล่าวทั้งมุ่ยหน้าเล็กน้อย "ท่านมือปราบอย่าไปเชื่อนะเจ้าคะ.."

          "พวกเจ้ายามอยู่ด้วยกันก็พูดกันเช่นนี้ตลอดเลยหรือ"

          มือปราบหวังกล่าวถามทั้งสองผู้เถียงกันเองขึ้นมาก็เกิดความสงสัยในความสัมพันธ์เกี่ยวกับทั้งสองนิดหน่อย

          "เจ้าค่ะ.. เจ้านี่มักจะพูดบั่นทอนไปเรื่อยเลย ท่านมือปราบอย่าถือสาเลยนะเจ้าคะ"

          "ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่คิดว่าอยู่กับพวกเจ้าไม่เงียบหูดี"

          ไม่รู้ว่าเป็นคำแอบต่อว่าหรือว่าคำชมกันแน่ จ้าวเพ่ยมองหน้าซุนหยางเล็กน้อยยามที่เดินทางเพื่อไปยังจี้โจวก็เงียบลงทันที หญิงสาวเร่งควบม้าเพื่อเข้าหามือปราบเสียหน่อยเพื่อจะได้พูดคุยกันบ้าง เพราะนางยิ่งได้คุยกับซุนหยางทีไรก็จบลงด้วยการเถียงกันไปมาอยู่ดี

          "หากท่านมือปราบหิวหรืออยากพักผ่อนบอกข้าได้เสมอนะเจ้าคะ"

          "ขอบใจแม่นางมาก" มือปราบหวังหันมาหานางเล็กน้อย "แต่ข้ายังไม่หิวตอนนี้"

          "เจ้าค่ะ.." นางยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขาหันหน้ามาให้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ไปด้วย มือเรียวหยิบเอาหมั่นโถวขึ้นมาจากกระเป๋าเพื่อคลี่ห่อและป้อนแมว แต่นางก็ทำมันตกพื้นรายทางไปเสียก้อนหนึ่งจนเกิดหน้าเหวอขึ้นมา
         
          เสี่ยวเฮยได้ยินเห็นเช่นนั้นก็ไม่วายร้องขึ้นมาราวกับโกรธที่นางทำขนมตกไปเสียได้ ก็ทำให้นางต้องรีบเกาคางแมวเอาแต่ใจตัวนี้และเกาคางเสียหน่อยให้หายร้องได้

          อย่างไรก็ดีการเดินทางเช่นนี้กลับไม่ดูล่าช้าลงเสียทีเดียว จ้าวเพ่ยเองก็ใช่ว่าอยากจะถ่วงเวลา นางเพียงแค่เป็นห่วงทุกคนหากมัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพก็จะส่งผลไม่ดีเอาได้

เอฟเฟคความสัมพันธ์ [174] หวังโก่วเจียง
+20 ความสัมพันธ์ เมื่อธาตุไฟ เกื้อหนุน ดิน
[[หัวดี >> หัวดี]]
+15 ความสัมพันธ์ เมื่อเจอคนที่มีชื่อเสียงเดียวกัน
+30 คุณธรรมเมื่อเจอคนมีชื่อเสียงเดียวกัน
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-11-7 18:42:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
❖ราชสีห์จรจัด❖
ไม่ใช่อย่างที่คิด

เมื่อยามเช้าวันใหม่มาถึงเทียนโจวก็ได้ออกมาจากโรงเตี๊ยมที่เข้าพักเมื่อคืนพร้อมกับเจ้าเขี้ยวเงิน ทั้งสองได้ออกมาข้างนอกตรงไปยังพื้นที่ป่าที่อยู่ใกล้เคียงกับหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้

“เอาล่ะวันนี้เราจะมาฝึกกันที่ป่า”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาขณะที่เริ่มนำก้อนหินมาถ่วงร่างของตนเองและเจ้าเขี้ยวเงินไว้เพื่อเพิ่มน้ำหนักเหมือนกับทุกที

“เจ้าพร้อมรึยัง?”

เบ้า!

เสียงร้องของเจ้าเขี้ยวเงินดังตอบผู้เป็นนายพร้อมกับส่ายหางไปมาอย่างน่ารักทีเดียวเชียว

“ดีเช่นนั้นวันนี้มาเริ่มกันเลย”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเริ่มวิ่งนำร่างของหมาป่าเขี้ยวสีเงินไปตามผืนป่า ข้ามผ่านโขดหินมากมายที่ผุดขึ้นมาตามพื้นที่ การฝึกฝนนี้จะเป็นการฝึกการรักษาสมดุลของร่างกายให้สามารถเคลื่อนที่ได้ในทุกพื้นที่อย่างมิมีปัญหา

“เจ้าเริ่มชินแล้วสินะ”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาหลังจากหันไปมองเจ้าเขี้ยวเงินที่ตามตนมาข้างหลังอย่างติดๆนี่ก็ผ่านมานานแล้วหลังจากที่ได้เริ่มการฝึกฝน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะกลับเข้าไปยังโรงเตี๊ยมภายในเมืองเพื่อเตรียมตัว ชายหนุ่มเริ่มชำระล้างร่างกายของตนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกจนหมด ก่อนจะออกมาเตรียมข้าวของทุกอย่างและเดินออกจากนอกโรงเตี๊ยมไป

“ไหนๆก็ทานอาหารจากที่นี่ไปเลยแล้วกัน”

ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาพร้อมกับเดินไปตามย่านการค้าของหมู่บ้านและแวะเข้าที่ร้านอาหารแห่งเดิมที่ตนได้เข้ามารับประทานเมื่อวาน

“ไก่ขอทานสอง”

ชายหนุ่มกล่าวสั่งอาหารเมนูเดิม ก่อนจะนั่งรอร้านเตรียมอาหารอยู่ซักพัก เพียงระยะเวลาไม่นานเมนูที่ชายหนุ่มได้สั่งไว้ก็ได้ว่างลงบนโต๊ะของเทียนโจวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“รีบกินซะล่ะ”

เทียนโจวว่างส่วนของเจ้าเขี้ยวเงินไว้บนพื้นในขณะที่กล่าวออกมา ก่อนที่ทั้งสองจะรีบรับประทานอาหารของตนจนเสร็จสรรพ เมื่อสิ้นสุดการรับประทาน ก็เป็นเวลาอันดีที่จะเริ่มออกเดินทาง เทียนโจวเดินไปยังจุดพักม้าที่ตนได้ฝากไว้เมื่อวาน

“ได้เวลาเดินทางแล้ว”

เทียนโจวลากม้าของตนออกมาจากจุดพักก่อนจะขึ้นขี่มันออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไปจนมาถึงยังหุบเขาจู้อวิ๋นและควบไปเรื่อยมาตามทางที่เทียนหลงน้องชายของตนได้แนะนำไว้ ชายหนุ่มลดฝีเท้าของม้าสีขาวลงพร้อมกับเริ่มมองหาค่ายของเหล่าทหาร แต่ก็มิเจอ แต่โชคดีที่ในยามนั้นได้มีชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายทหารตามคำบอกเล่าของน้องชาย

“เจ้าใช่ทหารที่หุบเขานี้หรือไม้ ข้าได้ยินว่าพวกเจ้านั้นต้องการความช่วยเหลือ และให้รางวัลที่คุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อย”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาทันทีที่พบชายคนนั้น ชายแปลกหันตามเสียงของชายหนุ่มมา ก่อนจะเริ่มส่ายหัวไปมา

“แน่นอนพวกข้านั้นเคยต้องการความช่วยเหลือ แต่ในยามนนี้นั้นมิจำเป็นแล้ว”

ชายแปลกหน้าผู้เป็นทหารของค่ายโข่วซือได้กล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจ เทียนโจวที่ได้รับรู้เช่นนี้ก็รู้สึกเสียเวลาเป็นอย่างมาก

“นี่มันบ้าชะมัด! ข้าอุส่าเดินทางมาตั้งไกลกว่าจะมาถึงยังที่แห่งนี้! ชั่งมันเถอะ! หากเจ้ามีงานอะไรบอกข้าได้เสมอข้าจะรีบมาทันที”

เทียนโจวกล่าวขึ้นเมื่อด้วยความเดือดดาลนี่เขาเดินทางมาตั้งไกลกว่าจะมาถึงยังที่แห่งนี้แต่มันกลัยศูนย์เปล่าจนหมด แต่ชายหนุ่มก็คงทำได้แค่ทำใจและควบม้าออกไปจากเขาแห่งนี้เท่านั้น

“ออข้าเกือบลืมไป ข้ามีนามว่าเทียนจวิน”

เทียนโจวกล่าวนามรองของตนทิ้งท้ายไว้ หากมิได้บอกชื่อของตนไว้ คงอยากที่ทหารเหล่านี้จะติดต่อมาได้

“แล้วแบบนี้ข้าควรไปที่ใดต่อ...”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาอย่างไร้จุดหมายในยามนี้เขานั้นมิมีจุดหมายใดๆเลยที่แน่ชัด คงทำได้แค่เพียงออกเดินทางไปเรื่อยๆทั่วทุกทิศทางเสียก่อน..



ให้ไก่ขอทาน เขี้ยวเงิน

@Webmaster




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้