[เมืองเหอตง] โรงเตี๊ยมฉู่ช่านฝาง

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-8-15 16:36:27 |โหมดอ่าน

โรงเตี๊ยมฉู่ช่านฝาง

{ เมืองเหอตง }





เป็นทั้งที่พักแรมและร้านอาหาร พร้อมระเบียงชมวิวที่สามารถนั่งจิบเครื่องดื่ม ทานอาหาร
ดื่มด่ำกับวิวอันสวยงามที่อยู่ตรงหน้า โรงเตี๊ยมมีพื้นที่กว้างมาก ตกแต่งสีแดงประดับประดาเครื่องหอมและโคมไฟมากมาย
มีที่นั่งมมากมาย ทั้งแบบภายในอาคารมีหลังคา และลานระเบียงชมวิวด้านนอก เป็นที่นั่งแบบเก้าอี้ยกสูง เรียงราวเป็นแถวยาว มองเห็นวิวท้องฟ้า

เมนูแนะนำที่ห้ามพลาด คือ ขาหมูหมั่นโถว เห็ดหอมนึ่งซีอิ๋ว ปลากระพงทอดกรอบราดพริก กะหล่ำปลีผัดน้ำหมัก
โดยเฉพาะขาหมู เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มเปรี้ยวตัดรสหวานมันของขาหมูได้แบบดีมาก เป็นเมนูที่มองไปโต๊ะไหนก็ต้องสั่งทานกันทุกโต๊ะ

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 100 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)



เถ้าแก่โรงเตี๊ยม: ฝง ฉิง
อุปนิสัย :: เขาเป็นชายผู้ได้ชื่อว่าแปรเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็ว ภายนอกดูเป็นมิตร มีอัธยาศัยไมตรี
แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังเขามีความทะเยอทะยานแค่ไหนและแสวงหาอำนาจไม่รูั้จักหยุดหย่อน
มีความฉลาดเฉลียวในการสรรหาทรัพย์สินเงินทอง กำลังคน และ ลูกค้า ค้าขายอาวุธให้กองกำลังมากมาย




โพสต์ 2021-9-1 14:56:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย LiuYiGuang เมื่อ 2021-9-1 15:41

กึกกักๆ! --

เสียงฝีเท้าของม้าดังกระทบกับพื้นเสียงดัง ม้าที่กำลังหอบด้วยอาการเหนื่อย ณ ตอนนี้ได้เดินทางมุ่งตรงสู่เมืองเหอตงใกล้กับเขตที่ ฉางเซิ่งจะต้องได้ทำภารกิจที่ได้รับมาจากพ่อค้าหวังจินนั้นเอง

ณ . เมืองเหอตง

ชายหนุ่มขับม้าอย่างเข้าภายในตัวเมืองตรงที่มีย่านการค้า หอนางคณิกา โรงเตี๊ยมโรงอาหารต่างๆ ซึ่งนับเป็นจุดเจริญของเมืองทุกๆเมืองนั้นเอง

ณ . ร้านฉู่ช่านฟาง

ชายหนุ่มหันหน้าไปมองยังป้ายชื่อโรงเตี๊ยมที่ตั้งทนโท่อยู่หน้าร้านอย่างใหญ่โต โดยสลักชื่อร้านว่า " ฉู่ช่านฟาง "

ฟุ๊บ!

ชายหนุ่มโดดลงจากหลังม้า ก่อนที่จะจูงม้าของตนไปผูกเอาไว้ในหน้าร้านที่เป็นที่สำหรับจอดม้าของแขกผู้เดินทางมา กึกๆ! เสียงฝีเท้าอย่างกายเข้ามายังโรงเตี๊ยมแห่งนั้น โดยที่ชายหนุ่มจับจ้องไปยังเหล่าผู้คนที่ได้นั่งอยู่ในร้านนั้น ก่อนที่เขาจะได้สดุดตาต่อบุรุษผู้หนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งที่นั่งดื่มน้ำชา และ อาหารอย่างองอาจ และ เงียบสงบอันแสดงถึงความเป็นบุรุษผู้ที่มีความสุขุมรอบคอบในคาบยอดขุนพลนั้นเอง

ฉางเซิ่ง เห็นเช่นนั้นพลันมองรอบๆก็ไม่เจอโต๊ะใดที่ว่างเสียเลย จึงได้ตัดสินใจจะไปนั่งในโต๊ะเดียวกับบุรุษผู้นั้นโดยเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะประสานมือคำนับอีกฝ่าย

❝ คุณชายท่านนี้! มิทราบว่ากระผมขอนั่งด้วยคนได้รึไม่? ❞

ฉางเซิ่งประสานมือคำนับอีกฝ่าย พลันอีกฝ่ายเหลือบตามองมายัง ฉางเซิ่ง โดยสีหน้า และ สายตาของบุรุษผู้มีลักษณะพูดน้อย แต่จริงใจ

บุรุษได้สาวมือตอบ ฉางเซิ่ง อย่างนอบน้อม ก่อนที่จะพูดตอบออกมาว่า

❝ ได้ขอรับเชิญ!- ❞

❝ ขอบคุณมากครับท่าน ❞

   ฉางเศิ่งคำนับขอบใจต่ออีกฝ่ายเสร็จสรรพจึงได้ยกเก้าอี้ออกมา แล้วเขาได้นั่งลงอย่างช้าๆ พลันจับจ้องไปยังอาหารที่บุรุษผู้นั้นดื่มกินอยู่นั้นเอง

มือประสานคำนับต่ออีกฝ่ายพลันถามออกไปอีกครั้งอย่างนอบน้อมว่า

❝ ว่าแต่คุณชายผู้องอาจท่านนี้ มีชื่อแซ่ว่าอย่างไรรึ? ❞

ชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับมา

❝ ข้าผู้น้อยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า แซ่:เกา ชื่อ:ซุ่น ขอรับ มิทราบว่าคุณชายท่านนี้ถามกระผมมีอะไรรึไม่? ❞

ชายหนุ่มผู้นั้นมีนามว่า เกาซุ่น ได้เอ่ยถามยิ่งประเด็นเข้ามายังตัว ฉางเซิ่งอย่างสงสัยว่าทำไมหนุ่มผู้นี้ถึงถามชื่อแซ่ตน

❝ อ่อมิมีอะไรมากขอรับ เหมือนข้าน้อยเองรู้สึกว่า ท่านเกาซุ่นนั้นดูเป็นคนที่องอาจนะขอรับ

เมื่อข้าน้อยเดินเข้ามา ณ ที่แห่งนี้นั้นก็มิพบใครนอกจากท่านที่ฉายแววความองอาจสมนักการทหารที่ยิ่งใหญ่ไปมากกว่าท่านอีกแล้วขอรับ ❞

คำกล่าวของ ฉางเซิ่ง นั้น เป็นคำกล่าวที่ปล่อยออกมาจากใจจริงๆ พร้อมสีหน้าที่บอกถึงความจริงใจต่ออีกฝ่ายเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่า ตนมิได้ยกยอแบบเล่นๆ และ หวังอะไรจากตัวเขา แต่สีหน้าของฉางเซิ่งนั้นแสดงถึงความจริงใจทำให้ เกาซุ่น เองก็รับรู้ได้ก่อนที่เขาจะยิ้มเบาๆ พร้อมกับก้มศีรษะรับคำชมจากอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะถามออกมาอีกว่า :

❝ ขอบคุณมากขอรับ! มิทราบเช่นกันว่าคุณชายท่านนี้นั้น มีชื่อ มีแซ่ ว่าอะไรรึ? ❞

❝ กระผม แซ่ : หลิว ชื่อ : อี้กวาง ชื่อรองคือ ฉางเซิ่งขอรับท่านเกาซุ่น ❞

เกาซุ่นก็ถามออกไปอีกว่า : ❝ แล้วท่านนั้นปัจจุบันนี้ อายุอย่างกายเข้าเท่าไรแล้วรึ ❞

ฉางเซิ้งก็ได้ตอบกลับอีกฝ่ายออกไปว่า

❝ กระผมเกิดเหยียนซีศกปีที่ 4 ขอรับ ❞

เกาซุ่นนั้นเมื่อทราบว่า อีกฝ่ายอายุเท่ากันกับตนจึงได้พูดเสริมอีกว่า

❝ ท่านฉางเซิ่ง กระผมก็เกิดปีเดียวกันกับท่านนั้นแหละ ❞

❝  โอ้! ดีเลยขอรับ  ❞

  ฉางเซิ้งตอบอีกฝ่ายออกไปอย่างนอบน้อม พลันมองดูตรงหน้าโต๊ะที่มีเครื่องดื่มของกินวางอยู่ จึงได้ถามออกไปอีกว่า :

❝ เอะ! ท่านเกาซุ่นมิชอบดื่มสุรา หรือ เหล้า หรือ สิ่งของมึนเมาหรือครับ? ❞

❝ กระผมมิชอบแนวสุรา หรือ สิ่งพวกนี้นะขอรับ! ❞

เกาซุ่นพูดพลางหยิบอาหารมาทานอย่างสุภาพก่อนจะหันมองหน้าของ ฉางเซิ่ง แล้วถามต่อเขาออกไปว่า

❝ ว่าแต่ท่านมิสั่งอาหารเพิ่มรึไม่ เดี๋ยวข้าน้อยจะสั่งให้เลย ❞

❝ เออ .. ผมสั่งเองก็ได้ขอรับ มิเป็นไรขอบคุณมาก ❞

  ฉางเซิ่ง ได้เรียกเสี่ยวเฮ้อของหลานมาสั่งอาหารที่ตนจะทานจนอาหารมาเสริฟ ฉางเซิ่ง จึงได้ชวนเกาซุ่นกินด้วยกันเสียเลย

ณ. ผ่านไปหลายเพลา

ทั้งสองก็ได้กินกับข้าวเสร็จสิ้นจึงได้เรียกจ่ายตังค์ จนแล้วเสร็จสรรพก่อนที่จะลุกขึ้นนั้นพลัน ฉางเซิ้งนึกอะไรบางอย่างออกจึงได้จับไปยังกระเป๋าของตน ก็พบกับอาวุธที่เป็นเกรดน้ำเงินอยู่จึงคิดจะมอบเพื่อเป็นของขวัญสำหรับการทำความรู้จักกันในครั้งนี้

❝ ท่านเกาซุ่น ผมมีสิ่งนี้มิรู้ว่าท่านจะชอบรึไม่!  ❞

คนหยิบเอาดาบใบหลิวสีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋ามอบให้แก่ เกาซุ่น

เกาซุ่นได้เห็นสิ่งนั้นก็ดีใจเป็นยกใหญ่ จึงโค้งขอบใจอย่างดุดัน

❝ ขอบคุณมากขอรับ! ขอบคุณมาก! กระผมชอบในสิ่งนี้พอดีเลย

ว้าวสวยมาก คมดีด้วย เป็นอาวุธที่ดีมากเลยนะขอรับ ^^ ❞

เกาซุ่น มองดูพลันลูบไปมาในด้านอาวุธดาบใบหลิวนั้นอย่างชอบใจ

ฉางเซิ่งเมื่อได้ทำความรู้จักกับชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วจึงได้ขอตัวไปทำธุระทันที

❝ ผ่านไปหลายเพลาแล้ว ... งั้นข้าน้อยขอตัวเสียก่อนนะท่านเกาซุ่น ❞

❝ อื้ม! ขอให้ประสบผลสำเร็จ และ เดินทางปลอดภัยนะขอรับ

หากมีเวลาเราคงได้มาพูดคุย และ ร่วมดื่มกินกันเช่นเคย โชคดีนะขอรับ! ❞

   ฉางเซิ่งมอบของให้อีกฝ่าย ก่อนที่จะคำนับลาอย่างนอบน้อมโดยมี เกาซุ่น คำนับลากลับไปโดยที่ในมือถือ ดาบใบหลิว ที่เป็นของขวัญจากฉางเซิ่งนั้นเอง..

    ฉางเซิ่งขึ้นควบม้าทันทีก่อนที่เขาจะหันม้ามาพลันก้มตัวลาเกาซุ่นอีกครั้ง และ แล้วฉางเซิ่งก็ได้ควบม้าออกไปจากเมืองเหอตงมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออกเสียงเหนือโดยมุ่งหน้าสู่ด่านฉีกวนอย่างทันทีโดยมิหยุดพักใดๆ

- ฉางเซิ่งได้มอบ อาวุธประเภทดาบใบหลิว ให้ [083] 1 เล็ม @Webmaster



@Webmaster
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ทวนสามพยัคฆ์
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x7
x1
x1
x1
x5
x1
x2
x1
x1
x10
x1
x10
x29
x8
x2
x4
x4
x5
x1
x1
โพสต์ 2021-9-2 11:03:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เฉินเซียวเฟิงเดินทางจาก เคหาสน์ผีสิง จนมาถึงเมืองเหอตงจนได้ ตอนนี้เขาได้มาลองดูลาดเลาที่โรงเตี้ยมเป้าหมายก่อนเพื่อจะเตรียมตัวขโมยของในวันพรุ่งนี้ยามค่ำ


"ที่นี้สินะ โรงเตี้ยมฉู่ช่านฝาง"


เฉินเซียวเฟิงขี่ม้ามาถึงที่นี้พลางมองดูโรงเตี้ยมที่ไม่ได้ใหญ่โตแต่ก็ดูเป็นที่ๆน่าผ่อนคลายจนถ้าไม่ติดเรื่องงาน เขาเองก็อยากจะพักอยู่ที่นี้ไปสักพักใหญ่ๆเลย


"อึก.. เหมือนว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หายดีสินะเนี่ย"


เฉินเซียวเฟิงจับที่บาดแผลตนจากการสู้กับชายปริศนาที่เคหาสน์ผีสิงมา แม้เขาจะพยายามกัดฟันทนเจ็บรีบมาถึงนี้แต่เหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้ว


"คงต้องรักษาตัวก่อนสินะ..."


ว่าแล้วเขาก็เดินไปเช่าห้องพักที่โรงเตี้ยมและรีบเข้าห้องไปในทันที หลังหยิบหมั่นโถ่วมาทาน 2 ชิ้น (ใช้งานหมั่นโถ่ว) แก้หิวแล้วเขาก็เริ่มรักษาบาดแผลตัวเองแบบง่ายๆ ก่อนจะขึ้นไปบนเตียงนั่งสมาธิเพื่อปรับลมปราณเร่งให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไวขึ้น นี้เป็นวิธีที่พ่อเขาเป็นคนสอนมาซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าพ่อไปเรียนรู้มาจากไหนแต่มันก็ได้ผลเสมอ
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-2 22:47:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
"ฮ่า..."


หลังจากที่เฉินเซียวเฟิงปรับลมปราณอยู่พักใหญ่ก็ได้ถอนหายใจยาวออกมา เป็นการบ่งบอกว่าขั้นตอนการปรับลมปราณเสร็จสิ้นแล้ว


"มืดค่ำแล้วรึเนี่ย.. ใช้เวลานานกว่าที่คิดไว้ซะอีก"


เฉินเซียวเฟิงหันไปมองหน้าต่างที่เป็นช่วงพลบค่ำแล้ว และในเมื่อไหนๆเขาก็ไม่มีอะไรทำเป็นพิเศษในคืนนี้เลยกะออกไปเดินชมเมืองเพื่อสำรวจหาทางหนีทีไล่ไปในตัวด้วย


"ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบแบบนี้ช่างดีจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าความสงบสุขจะอยู่ได้นานเท่าไหร่กันนะ"


เฉินเซียวเฟิงพึมพำเบาๆขณะมองสอดส่องผู้คนที่ใช้ชีวิตประจำวันอย่างไร้กังวล พวกเขาไม่รู้เลยว่าขณะที่กำลังใช้ชีวิตอย่างสงบสุขแบบนี้ยังมีผู้คนอีกมากที่เดือดร้อนอยู่ข้างนอกนั่น แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจจนกว่าความเดือดร้อนนั้นจะมาถึงตัวเอง


"ขโมย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!"


ระหว่างที่เฉินเซียวเฟิงคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะเดินสำรวจไป ก็พบว่ามีโจรคนหนึ่งวิ่งราวขโมยถุงเงินของหญิงแก่และกำลังวิ่งหนีไป แต่ถึงแม้หญิงแก่จะตะโกนขอความช่วยเหลือขนาดไหนคนรอบข้างก็ไม่คิดมายุ่งเกี่ยวเพราะโจรคนนั้นมีอาวุธอยู่ด้วยจึงไม่คิดจะเสี่ยงกัน


"บัดซบ! เห็นคนเดือดร้อนยังทำนิ่งเฉยพวกเจ้านี้มันเห็นแก่ตัวจริงๆ"


เฉินเซียวเฟิงที่ไม่อาจทนเห็นเรื่องพวกนี้ไหว จึงออกตัวไล่ตามโจรคนนั้นไปในทันทีเจ้าโจรที่เห็นเฉินเซียวเฟิงตามมาก็รีบมุดเลี้ยวตามตรอกซอกซอยอย่างชำนาญทาง แต่ถึงกระนั้นเฉินเซียวเฟิงก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดล่ะ


"แฮกๆ บ้าเอ้ย"


เจ้าโจรสบถออกมาเมื่อวิ่งมาถึงทางตันพร้อมกับเฉินเซียวเฟิงที่วิ่งมาดักรอที่ทางออกไว้แล้ว


"เจ้าหนีไม่รอดแล้ว รีบคืนถุงเงินนั้นมารึอยากที่จะเจ็บตัว"


เฉินเซียวเฟิงพูดข่มขู่ด้วยสายตาที่เย็นชาจนน่ากลัว แม้จะไร้ซึ่งอาวุธแต่ก็ยังดูน่าหวั่นเกรง


"เจ้าต่างหากถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หลีกไปซะ!"


เจ้าโจรกระจอกไม่คิดฟัง มันหยิบดาบปังตอหมายจัดการเฉินเซียวเฟิง แต่สำหรับเขามันไม่ต่างจากการตบตีของเด็กเพียงหลบการโจมตีแล้วอัดด้วยหมัดเข้าท้องกลับเต็มแรงจนเจ้าโจรทรุดลงไป


"เอาล่ะ เจ้าเลือกเองนะ!"


เฉินเซียวเฟิงเตรียมซัดเจ้าโจรให้หมดสภาพต่อ แต่โจรรีบยกมือห้ามไว้


"ค่อก ช้าก่อนท่านจอมยุทธ์ ข้าน้อยผิดไปแล้วได้โปรดอภัยด้วย"


มันรีบอ้อนวอนเฉินเซียวเฟิงอย่างน่าสมเพช แต่ก็ทำให้เขาหยุดมือเพราะไม่คิดทำร้ายคนไม่มีทางสู้อีก


"รู้ว่าผิดทำไมเจ้าถึงกล้าทำ และยังเล็งเป้าไปที่หญิงชราอีกเจ้าไม่สมเพชตัวเองบ้างเลยรึไง!"


เฉินเซียวเฟิงพูดสั่งสอนไปทีขณะหยิบถุงเงินคืนมาจากโจรกระจอกคนนั้น


"ข.. ข้าน้อยเองก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนี้ แต่ทุกวันนี้ข้าน้อยไม่มีอันจะกินแล้ว ธุรกิจข้าน้อยพวกโจรโผกผ้าเหลืองมันปล้นทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ราชสำนักก็ไม่เคยเหลียวแลหนำซ้ำยังขูดรีดเงินเพิ่มทุกๆวัน จนตอนนี้ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้คงมีแต่ต้องฆ่าตัวตายให้จบๆไป"


โจรที่พอได้ระบายก็เอาแต่ร้องไห้เสียใจไม่หยุด เหมือนจะเอาความอัดอั้นใจทั้งหมดมาระบายออกไปทำให้เฉินเซียวเฟิงเริ่มเห็นใจขึ้นมา


"หึ เพราะไม่มีทางเลือกก็เลยต้องเป็นโจรงั้นเหรอ ก็ดี.. ข้าเข้าใจจุดยืนของเจ้าแต่ว่า..."


เฉินเซียวเฟิงกระชากคอโจรขึ้นมาให้จ้องตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง


"เจ้าเลือกเป้าหมายผิดแล้ว.. ที่เจ้าควรจะปล้นไม่ใช่หญิงชรารึชาวบ้านคนอื่นแต่ควรจะเป็นราชสำนักที่ปล้นเจ้าไปก่อนต่างหาก!"


เฉินเซียวเฟิงพูดด้วยความเดือดดาลและโกรธแค้น ด้วยความที่ชิงชังราชสำนักเป็นที่สุด


"พวกมันเอาเงินพวกเราไปเสวยสุขอย่างสบาย ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลมองลงมาว่าเราเดือดร้อนแค่ไหน บีบบังคับให้พวกเรามีทางเลือกแค่ตายรึกลายเป็นโจร ถ้างั้นก็ควรได้เวลาที่เราจะเอาคืนแล้ว.. ถ้าพวกมันอยากให้เราเป็นโจรเราก็จะเป็นและจะปล้นพวกมันเพื่อทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่ควรเป็นของเรากลับมา"


"ถ.. ถ้างั้นข้าน้อยควรจะทำยังไง ทำยังไงถึงจะเอาคืนพวกมันได้!"


โจรกระจอกที่พอได้ฟังก็เหมือนถูกปลุกความโกรธแค้นในจิตใจขึ้นมาเช่นกัน


"มาเข้าร่วมกับเราสิ.. กับกลุ่มโจรฉางซิ่ง ในตอนนี้เราอาจเป็นแค่กลุ่มโจรเล็กๆที่ไม่อาจทำอะไรราชสำนักได้แต่เชื่อเถอะอีกไม่นานหรอก ตราบใดที่ยังมีคนแบบเจ้ารึแบบข้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อพวกเราได้รวมกันเมื่อถึงวันนั้นแม้แต่ราชสำนักก็ไม่อาจดูแคลนพวกเราได้อีกต่อไป"


เฉินเซียวเฟิงพูดด้วยความมั่นใจจนแม้แต่โจรกระจอกก็คล้อยตามไปด้วย


"ข.. ข้าจะเข้าร่วมด้วย ไม่สิ ขอให้ข้าเข้าร่วมด้วยเถอะ!"


เจ้าโจรคนนั้นรีบคุกเข่าขอร้องในทันที และเฉินเซียวเฟิงก็ยิ้มตอบรับ


"นั่นขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว.. ครั้งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนแล้วเจ้าจงไปยังจุดนัดพบที่ปิงโจวซะที่นั่นจะมีคนมาทดสอบเจ้าอยู่ ถ้าเจ้าผ่านเจ้าก็จะเป็นส่วนหนึ่งของเรา ตราบใดที่ความมุ่งมั่นนั้นเป็นของจริงข้าเชื่อว่าเจ้าจะผ่านอย่างแน่นอน"


เฉินเซียวเฟิงตบไหล่เบาๆสร้างกำลังใจให้โจรคนนั้นเป็นกอง


หลังจากนั้นเฉินเซียวเฟิงก็เขียนแผนที่จุดนัดพบให้ก่อนจะบอกลาโจรคนนั้นและนำถึงเงินไปคืนหญิงชรา


"ขอบคุณมากนะพ่อหนุ่ม ไม่ได้เจ้าข้าคงได้ลำบากแน่ๆ ข้าจะตอบแทนเจ้าได้ยังไงบ้าง"


หญิงชรายิ้มดีใจแค่นั้นก็เพียงพอให้เฉินเซียวเฟิงมีความสุขแล้ว


"ไม่ต้องหรอกท่านยาย ขอเพียงท่านอย่าแจ้งเรื่องนี้กับทางการเลยจะได้รึเปล่า?"


หญิงชราทำหน้าสงสัยแต่เฉินเซียวเฟิงก็อธิบายตรงๆว่าอยากให้โอกาส โจรคนนั้นได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จนหญิงชราพยักหน้าเข้าใจ


"เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่คิดเอาเรื่องอะไรหรอก.. เฮ้อ ยุคสมัยแบบนี้การใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงก็ยากจริงๆ"


หญิงชราพูดทิ้งท้ายก่อนจะบอกลาเฉินเซียวเฟิงจากไป ส่วนตัวเขาก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำแล้วเลยกลับมาที่ห้องพักเช่นเดิมเพื่อพักผ่อนเอาแรง


"มีผู้เดือดร้อนเพิ่มขึ้นทุกๆวัน ราชสำนักไม่เคยสนใจเหลียวแลประชาชน ส่วนผู้มีอำนาจก็หวังแต่จะแย่งชิงความเป็นใหญ่ จะมีใครที่คิดถึงประชาชนจริงๆกันล่ะ.."


เฉินเซียวเฟิงได้แต่ถอดถอนหายใจ ปัญหานี้ช่างยิ่งใหญ่แต่ตัวเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆคนหนึ่งจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้


"ข้าคนเดียวคงไม่มีความสามารถพอจะทำอะไรได้ แต่ข้าเชื่อว่าสักวันจะมีผู้กล้าที่ทำมันได้และถึงตอนนั้นข้าก็พร้อมจะสนับสนุนเขา!"


เฉินเซียวเฟิงพูดอย่างมั่นใจเขาอาจหมายถึงเจิ้งเจียงหัวหน้าของเขา รึอาจเป็นใครสักคนในภายภาคหน้าก็ได้ แต่นั่นไม่สำคัญที่สำคัญในตอนนี้เขาควรพัฒนาตัวเองให้ดีกว่านี้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่เขาจะเจอในอนาคต


และพรุ่งนี้จะเป็นงานแรกในการตัดสินว่าเขามีความสามารถเพียงพอรึเปล่า ดังนั้นเขาจะไม่มีทางพลาดเด็ดขาด!
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-3 13:13:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลังจากที่เฉินเซียวเฟิงรอมายาวนานในที่สุดเป้าหมายของเขาก็มาถึง หลี่โป๋เซอได้มาถึงแล้วและโชคดีที่เขาเช่าห้องพักนอนห้องข้างๆห้องเฉินเซียวเฟิงพอดี ตอนนี้เขาเพียงรอให้ค่ำคืนมาเยือนก็ได้เวลาลงมือ


"ได้เวลาแล้ว.."


เฉินเซียวเฟิงสวมหน้ากากยักษาเพื่อปิดบังตัวตนก่อนจะค่อยๆงัดแงะประตูห้องหลี่โป๋เซอเข้าไป ในตอนนี้เขากำลังหลับสนิทเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะขโมยของมากที่สุดแล้ว


"อยู่ไหนกัน?"


เฉินเซียวเฟิงค้นข้าของทั่วห้องแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งที่คล้ายแผงผังเลยสักนิด จนตอนนี้เหลือเพียงที่เดียวที่เขายังไม่ค้นนั่นคือบนตัวของหลี่โป๋เซอเอง


"คงเป็นของสำคัญมากถึงต้องคอยเก็บไว้ไม่ห่างตัวสินะ.."


เฉินเซียวเฟิงคิดในใจก่อนจะค่อยๆยื่นมือสอดเข้าที่เสื้อนอกของหลี่โป๋เซอ ก็พบว่าเจอบางอย่างจึงค่อยๆคีบออกมาอย่างระวัง


"อีกนิดเดียว..."


ขณะที่เขาจดจ่อกับการล้วงของออกมาจนเกือบจะสำเร็จแล้ว ก็มีมือมาจับแขนเขาไว้


"นั่นใคร!"


หลี่โป๋เซอตื่นแล้วและจ้องเขม็งมาที่เฉินเซียวเฟิงทันที


"บัดซบ! หลับต่อไปก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ"


เฉินเซียวเฟิงสบถออกมาก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มปะทะกัน โชคดีที่ตัวหลี่โป๋เซอไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก เพียงปะทะกันร้อยกว่ากระบวนก็เอาชนะได้อย่างง่ายดายโดยไร้บาดแผล แต่ที่น่าห่วงคือเสียงต่อสู้ของพวกเขาทำให้รอบข้างเริ่มรู้ตัวกันแล้ว


"ต้องรีบหนีแล้ว"


เฉินเซียวเฟิงรีบหยิบแผนผังจากตัวหลี่โป๋เซอมาก่อนจะจ้องมองร่างที่สลบไปว่าควรทำยังไงดี ในมือก็ถือดาบเงื้อขึ้นมาคิดว่าจะปลิดชีพให้จบๆไปดีไหม


"ไม่.. คำสั่งแค่ให้มาขโมยแผนผังเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องฆ่าใคร"


เฉินเซียวเฟิงส่ายหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป และยอมเสี่ยงให้หลี่โป๋เซอมีชีวิตต่อเพื่อไม่ให้ผิดคุณธรรมของตัวเอง ก่อนจะรีบปีนหน้าต่างหนีออกไป


เขารีบวิ่งไปขึ้นม้าคู่ใจของเขาและรีบควบมันหนีไปก่อนทางการจะตามมาทันที และเป้าหมายที่เขาจะไปคือ ด่านฉีกวน




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-8 08:42:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เทียนหลงเดินทางมาเรื่อยๆจนถึงเมืองเหอตง บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยความครึกครืน และแน่นอนในตอนนี้พลังงานของพวกเขาก็ใกล้หมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้เข้ามาพักเล็กๆน้อยๆที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้

"เอาหละทุกคนเราจะพักที่นี่กัน"

เทียนหลงกล่าวขึ้นก่อนจะเดินไปหาโต๊ะที่กำลังว่างอยู่พร้อมกับแม่นางเพ่ยเอ๋อห์ แต่ในขณะที่นางกำลังจะนั่งลงนั้น เทียนหลงก็พลันชิงนั่งเก้าอี้ตัวนั้นก่อนจนแม่นางเพ่ยเอ๋อห์นั่งลงบนตักของเทียนหลง

"คุณชายทำอะไรหนะเจ้าคะ"

เพ่ยเอ๋อห์กล่าวขึ้นด้วยความตกอกตกใจก่อนจะพยายามลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้อีกตัว แต่ก็ถูกเทียนหลงที่อยู่ข้างล่างกอดไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้ดั่งใจ

"แม่นางเหลียดข้าอีกแล้ว"

เทียนหลงพลันทำสีหน้าน้อยใจอีกครั้งพร้อมกับนำใบหน้าของตนไปถูกับหลังของอีกฝ่ายคล้ายกับเด็ฏน้อยที่ร้องไห้และไปซุกหามารดา

"ข้ามิได้เกลียดท่านแต่ว่า..."

เพ่ยเอ๋อห์กล่าวขึ้นโดยมิได้กล่าวสิ่งใดต่อเป็นพิเศษ เพียงแค่หน้าของนางเริ่มแดงขึ้นที่ละนิด

"งั้นเรามาทานอาหารยามเช้ากันเถอะ"

เทียนหลงพลันกล่าวขึ้นก่อนจะเรียกเถ้าแก่มาสั่งอาหารเล็กๆน้อยๆให้แก่ตนและเพ่ยเอ๋ยห์

"แม่นางข้ามีของที่ท่านโปรดมาให้"

เทียนหลงกล่าวขึ้นก่อนจะหยิบชาซาวเซียนฉ่าวออกมาให้แก่เพ่ยเอ๋อห์ที่ตนนั้นได้มาตอนที่เดินเข้ามาและเจอคนที่กำลังขายอยู่พอดี

"ขอบคุณคะคุณชายแต่...แบบนี้มันออกจะทานลำบากนะเจ้าคะ"

เพ่ยเอ๋อห์กล่าวขึ้นในขณะที่บิดไปมาด้วยความเขินอายเพราะหลายๆคนเริ่มหันมามองแล้วจากการนั่งเช่นนี้

เทียนหลงหัวเราะออกมาก่อนจะปล่อยหญิงสาวให้ไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

"เชิญแม่นางดื่มได้ตามสบายเลย"

เทียนหลงกล่าวขึ้นในขณะที่นั่งมองหญิงสาวจิบชาอย่างมีความสุขถึงแม่จะมีอาการเขินอายหลงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่นานอาหารของพวกเขาก็ได้มาถึงโต๊ะจึงรีบรับประทานกันอย่างรวดเร็วก่อนจะเริ่มเรียกทุกคนเริ่มทานกันเสร็จแล้ว ให้เตรียมตัวออกเดินทางจากเมือง...

ให้ชาซาวเซียนฉ่าว NPC 106 เพ่ยเอ๋อห์
@Webmaster

มีตัณหา
+2 Point ทุกครั้งที่วางแผนดำเนินจีบเพศตรงข้าม
+30ความสัมพันธ์เมื่อคุณโรลเกี้ยวพาราสีอย่างมีชั้นเชิง
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-9-12 23:28:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลอาหารขึ้นชื่อของโรงเตี๊ยม



"ฮึบอ้า ได้พักที่นี้ช่างดีจริงๆเลยนะท่าน เหวินหยวนว่าแต่ว่าเราจะใกล้ถึงเมือง จินหยางแล้วหรือเปล่าวท่านถ้าตามที่ท่านบอกมาเราก็น่าจะใกล้ถึงแล้วคงจะไม่นานมากซักเท่าไหร่หรอกมั้ง?"

"ไม่นานหรอกท่าน จีเทียนเต๋าเดินทางผ่านอีกไม่กี่เมืองก็ถึงเมืองจินหยางแล้วท่านไม่ต้องกังวลไปอีกไม่นานหรอก ว่าแต่ท่านหิวหรือไม่ข้าจะได้สั่งอะไรมากินให้เต็มที่เพราะเราจะเร่งเดินทางจนกว่าจะถึง โรงเตี๊ยมของเมืองจินหยางเลยที่เราจะพักกันระหว่างรอสหายของข้ากัน"

"ต้องแน่นอนอยู่แล้วท่านเหวินหยวนข้าจะพลาดไปได้อย่างไรกันกับการกินของอร่อยๆแบบนี้ว่าแต่ที่นี้มีเมนูอะไรขึ่นชื่อบ้างกันนี้จะได้ไม่เสียเที่ยวที่มาเยือน"

"ที่นี้เมนูขึ้นชื่อที่ข้าเคยลองมากินดูแล้วนี้เด็ดสมคำร่ำลือมากจริงๆอย่างนี้เลย ขาหมูกับหมั่นโถวที่ท่านจำเป็นต้องสั่งถ้ามายังโรงเตี๊ยมฉู่ช่านฟาง นี้เพราะขาหมูที่นี้เด็ดมากจริงๆเนื้อของขาหมูนุ่มจนละลายในปากของท่านเลย เหมาะกับน้ำจิ้มที่ตัดเปรี้ยวกินด้วยกันแล้วเข้ากันสุดๆเลย นอกจากนี้ยังมี เห็ดหอมนึ่งซีอิ๋วที่รสชาติของเห็ดหอมที่สดชื่นหวานละมุนในปากของตนเองเวลาได้เคี้ยว แต่ว่าท่านต้องรีบกินตอนร้อนๆไม่งั้นืกลิ่นของเห็ดหอมจะจางลงไป ต่อไปคือปลากระพงทอดกรอบราดพริก เป็นเมนูที่ข้าต้องสั่งตลอดพอๆกับขาหมู ปลาที่นี้ทอดกรอบมากกับพริกที่ราดมานั้นเผ็ดกำลังดีเข้ากับเนื้อปลาเป็นที่สุดเมนนูนี้นั้นไม่ต้องรีบกินก็ได้ให้น้ำราดนั้นซึมเข้าไปในเนื้อปลา คือสุดๆเลยละท่าน ส่วนเมนูขึ้นชื่ออย่างสุดท้ายคือกระหล่ำปลีผัดน้ำหมักที่อย่าดูถูกว่าเป็นเพียงกระหล่ำปีผัดธรรมดา แต่น้ำหมักที่นี้รสชาติดีมากจริงๆ เข้ากับผักกระหล่ำปีที่อร่อยสุดๆจริง ทั้งหมดนี้ข้าแนะนำให้ท่านลองดูทุกเมนูเลยของขึ้นชื่ออร่อยสมคำบอกกล่าวจริงๆ"

"ถ้างั้นเอาตามที่ท่านว่าเลย เสี่ยวเอ่อ เอาเมนูแนะนำของร้านมาให้หมดเลยนะอย่าลืมเหล้ากับชาด้วยกับขอหมั่นโถวเพิ่มด้วย"

พร้อมกับที่ทั้งคู่ดื่มกินกันอย่างมีความสุขในโรงเตี๊ยมแห่งนั้นโดยที่ถึงกับต้องสั่งขาหมูกับปลาราดพริกเพิ่มกันเลยทีเดียวเพราะของเค้าอร่อยจริง


มอบไอเทมเหล้าเก๊กฮวย ให้กับ NPC (064)




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-9-21 11:21:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เดินทางไปเที่ยวงานเทศกาล 2
.
.
.

          แม้จะคอยแวะหยุดพักม้ายามผ่านเมืองเจี่ยซิวและอันอี้ ทว่าซูฮวาที่ไม่เคยได้นั่งม้าเป็นหลายชั่วยามเช่นนี้ก็แทบเผยสีหน้าซีดเซียวออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ในยามซวี่ทั้งสามค่อยมาถึงเมืองเหอตงที่โรงเตี๊ยมฉู่ช่านฝาง คนด้านหลังของจิ้นอิ๋งก็แทบร้องครวญออกมาด้วยน้ำเสียงแฝงความดีใจว่า ถึงแล้วหรือ ให้ดรุณีน้อยเผลอหลุดอมยิ้มขบขันออกมา

          " ถึงแล้วล่ะเจ้าค่ะแม่นางเหมย ไหวหรือไม่เจ้าคะ? "

          สิ้นเสียงหวานของสตรีอายุน้อยกว่า ซูฮวาก็พยักหน้ากับแผ่นหลังเล็กของจิ้นอิ๋งผะแผ่ว นางดูเหนื่อยล้าและอยากพักผ่อนเอามาก ๆ จนในยามที่ถานเจ๋อผูกม้าเรียบร้อยและเดินมาหาพลางช่วยพยุงหญิงสาวให้ลงจากม้า ซูฮวาก็แทบเอนตัวพิงหาร่างอีกบุรุษอย่างไม่รู้ตัว ทำฝ่ายคนช่วยพยุงแทบชะงักมือแข็งค้างไม่กล้าโอบร่างสตรีเบื้องหน้าที่เป็นฝ่ายเข้าหาก่อน จิ้นอิ๋งที่เห็นเหตุการณ์ความไม่ตั้งใจทั้งหมดนั้นก็เม้มปากแน่นด้วยเกือบเผลอร้องอุทานขึ้นมา

          " เอ่อ.. แม่นางเหมยเจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเร่งลงจากม้าเพื่อเป็นฝ่ายเข้าช่วยพยุงซูฮวาแทนที่ขาทั้งสองสั่นระริก ด้วยกลัวว่าหากอีกคนรู้ตัวเข้าจะเกิดตกอกตกใจที่อยู่ใกล้บุรุษที่อาจสะกิดแผลใจของนางขึ้นมาก็ได้ ทว่านอกจากซูฮวาจะไม่ยอมเอนตามแรงพยุงของจิ้นอิ๋งที่พยายามจับให้มาพิงตัวนางเอง หญิงสาวกลับยิ่งยึดตัวถานเจ๋อแน่นขึ้นราวกับนึกว่าตัวเองจะล้มลง ดวงตาคมสวยคู่นั้นหลับลงราวไม่อาจเปิดมองได้อีกในยามนี้จากความล้าที่เกาะกุม

          " ข้า…อยาก ..นอ ...เจ้ ..ะ "

          น้ำเสียงขาดห้วงฟังไม่ได้ศัพท์ดังออกมาจากสตรีแซ่เหมยให้จิ้นอิ๋งได้แต่เผลอเม้มริมฝีปากเล็กแน่นอย่างคิดไม่ตก ก่อนสุดท้ายถานเจ๋อที่ก็นึกอยากพักผ่อนด้วยเหมือนกันจะตัดปัญหาช้อนอุ้มสตรีที่ยังโถมหาและจับแน่นยังลาดไหล่มันขึ้นมา พลางพยักหน้ารับให้จิ้นอิ๋งว่ามันอุ้มได้สบายมาก ซึ่งในคราแรกผู้เป็นนายเกือบจะหลุดดุออกไปแล้ว ถ้าไม่เพราะก่อนอุ้มนางทันได้ยินคำขออนุญาตแผ่วจากอีกบุรุษเข้า ไหนจะตอนนี้ที่อุ้มอยู่นิ้วมือของถานเจ๋อก็แทบกำเป็นกำปั้นราวกับแสดงความบริสุทธ์ใจไม่แตะคนบนแขนที่อุ้มอยู่มากเกินความจำเป็นอีก

          จิ้นอิ๋งที่รับรู้การกระทำทั้งหมดนั้นจึงยอมพยักหน้ารับและพากันเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมในที่สุด ก่อนจะแจ้งแก่เถ้าแก่โรงเตี๊ยมให้จัดห้องทั้งหมดสองห้องให้แก่นาง หลังถานเจ๋อวางตัวสตรีแซ่เหมยลงเตียงได้แล้ว มันก็ค้อมตัวลาท่านหญิงของมันเพื่อแยกไปนอนยังอีกห้องทันที หลังประตูห้องที่ถูกปิดลงจิ้นอิ๋งเผลอมองค้างเล็กน้อยยังราวอยากจะทะลุประตูไปมองยังแววตาของผู้ติดตามนางในตอนนี้

          ถานเจ๋อ.. ความจริงให้เกียรติสตรีขนาดนี้เชียวหรือนี่?

          ครุ่นคิดอย่างสงสัย เพราะยามเจอคราแรกอีกฝ่ายยังดักปล้นฉินเพ่ยเอ๋อห์แห่งโรงหมอนั้นอยู่เลย ทว่าในยามที่เจอนางก็ยังไม่เจอว่าอีกฝ่ายทำอะไรหญิงสาวไปแล้ว ไหนจะตอนสู้กับนางคราแรกก็ไม่ได้ทำร้ายยังจุดสำคัญด้วย

          นิ้วเรียวพลันยกแตะคางผะแผ่ว พร้อมรอยยิ้มดูขี้เล่นของจิ้นอิ๋งจะเผยออก ในตอนที่อาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวเข้านอนนางก็ยังอมยิ้มราวกับเด็กไม่หยุดหย่อน ในหัวคล้ายนึกได้แล้วว่าจะช่วยรักษาบาดแผลทางใจที่เจอบุรุษไม่ดีแก่ซูฮวาได้อย่างไร ถึงอย่างนั้นนางก็ต้องระมัดระวังและหวังพึ่งความให้เกียรติของถานเจ๋อนี้ไม่ให้ลดลงด้วย!
          .
          .
          ยามเหม่ามาเยือน พร้อมกับร่างจิ้นอิ๋งที่กำลังยืนรวบผมอยู่ไม่ไกลจากเตียง ซูฮวาที่พึ่งรู้สึกตัวขยี้ตาน้อย ๆ ก่อนจะแทบผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วยามเห็นดรุณีน้อยแต่งตัวคล้ายกำลังจะเดินทาง ฉับพลันที่นั่งได้นางพลันร้องโอดโอยขึ้นมากับความปวดที่ไล่ลามช่วงขา เรียกแววตาติดห่วงของจิ้นอิ๋งให้เลื่อนหาก่อนจะเร่งไปนั่งข้างเตียงจับไหล่บางนั้นให้นอนกับเตียงเช่นเดิม

          " ข.. ข้าไหวเจ้าค่ะ "

          คำพูดที่ขัดกับร่างกายอยู่มากโขนั้นเรียกรอยยิ้มประดับบนดวงหน้านวลของจิ้นอิ๋งราวกับไม่เชื่อเท่าที่ควรนัก ก่อนนางจะเอ่ยขอตกลงต่อไปแก่หญิงสาวที่คงรู้ซึ้งถึงฤทธิ์การเดินทางด้วยม้าเป็นเวลานานเหมือนนางช่วงแรก ๆ แล้ว

          " แม่นางเหมยพักเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีที่ที่ต้องไปพบสหายก่อนที่หนึ่ง แล้วจึงกลับมารับไปฉางอันอีกหนในยามเซินนะเจ้าคะ " ซูฮวาที่ได้ยินสีหน้าดูกังวลขึ้นมาไม่น้อยเพราะระยะเวลาแทบจะเกือบทั้งวันเลยเชียว

          " ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะให้ถานเจ๋อยังคอยอยู่ที่นี่ เขาอยู่ห้องที่สองถัดจากห้องพวกเราทางซ้ายมือ หากมีอะไรก็ไปเคาะเรียกได้เสมอ "
          .
          " ..ยามซวี่และยามอู่จะมีอาหารมาส่ง ข้าสั่งไว้ให้แม่นางแล้วเพื่อจะได้นอนพักฟื้นให้เต็มที่ ส่วนมื้อเย็นข้าคิดว่าแม่นางน่าจะเดินไหวพอดี ให้ลงไปหาอะไรทานยังส่วนโรงเตี๊ยมได้เลยนะเจ้าคะ ข้าก็น่าจะกลับมาพอดีด้วย "

          เอ่ยถึงเรื่องที่ตนจัดการไว้ล่วงหน้าให้แล้วอย่างแข็งขัน ทว่าซูฮวาก็ยังไม่คลายคิ้วที่ขมวดเสียทีด้วยนึกห่วงดรุณีน้อยที่ต้องเดินทางตัวคนเดียวเข้าไปใหญ่ จิ้นอิ๋งที่เข้าใจความนัยภายในดวงตาติดห่วงของอีกฝ่ายพลันส่งยิ้มให้คลายความคิดไม่ตกของอีกคน จนสุดท้ายซูฮวาได้แต่ถอนหายใจด้วยคิดไปว่าสตรีที่ขี่ม้าคล่องเช่นนี้ ทั้งยังพกกระบี่ร่อนไปมาคงดูแลตัวเองได้ดีกว่านางจริง ๆ ก็เป็นได้

          " สหายท่านจิ้นอิ๋ง.. อยู่ไกลหรือไม่เจ้าคะ? "

          " ไม่ไกลเลยเจ้าค่ะ! สบายมาก ข้าสัญญาจะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ! "

          หลังได้ยินคำกล่าวหนักแน่นแบบนั้นซูฮวาก็จำยอมพยักใบหน้ารับในที่สุด
          .
          .
          " ข้าไม่เห็นด้วย ข้าจะไปกับท่านหญิงขอรับ! "

          กลายเป็นคนที่พูดคุยด้วยยากเป็นผู้ติดตามคนแรกอย่างถานเจ๋อเสียอย่างนั้น อีกคนดูค้านหัวชนฝา กระทั่งคำแทนตัวยังลืมนอบน้อมดั่งที่เคยฝึก จิ้นอิ๋งแทบจะยู่ริมฝีปากราวกำลังขัดใจไม่น้อย จนอีกฝ่ายที่เห็นท่าทางไม่ยอมของผู้เป็นนายอย่างที่ไม่ค่อยได้เจอก็เผลอชะงักไปเช่นกัน

          " ข้าดูแลตัวเองได้ถานเจ๋อ ตอนเจอโจรข้าก็หาได้นิ่งดูดายเสียทุกครา ..ต้องขอบคุณเพลงกระบี่พื้นฐานที่เจ้าสอนข้าเชียวนะ! "

          เอ่ยชมไปอีกคำรบแก่ผู้ติดตามให้ยอมใจอ่อน แต่ถานเจ๋อก็ยังมีท่าทีแข็งกร้าวส่งหาอยู่ดี กระทั่งมันขอร้องให้จิ้นอิ๋งสวมเกราะเบาที่เคยซื้อร่วมกับผ้าคลุมและหน้ากากที่ได้มาเสียก่อน มันถึงจะวางใจให้ไปโดยไร้ผู้ติดตาม จิ้นอิ๋งพลันรีบไปแต่งกายตามที่บอก จนตอนนี้ถานเจ๋อเห็นร่างที่เคยเล็กเริ่มพองออก ยิ่งมีหน้ากากขาวปิดบังก็ทำเอาระบุเพศได้ยากขึ้น แม้ดวงตาคู่หวานนั้นจะยังปรากฏให้เห็น และส่วนสูงที่ดูตัวเล็กกว่าบุรุษปกติไปเสียหน่อย ทว่ายามขึ้นม้าไปแล้วไม่แคล้วมองออกขนาดรั้นมันค่อยยิ้มออกมาอย่างพอใจมากขึ้น

          " อืม แบบนี้พวกโจรน่าจะกลัวเกรงท่านหญิงมากขึ้นจนไม่กล้าเข้าหามากแล้วล่ะขอรับ "

          " ข้าดูตัวหนาขึ้นเยอะเลยเชียว! ไม่ต้องห่วงนะถานเจ๋อ ข้าจะรีบไปรีบกลับ! "

          จบคำจิ้นอิ๋งก็โบกมือลาผู้ติดตามที่คอยมองส่งท่านหญิงของมันที่เดินไปขึ้นม้าและพาห้อวิ่งจากไปด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ทั้งที่ก่อนหน้ายังดูหวาดระแวงกับพวกโจรจนอยากให้เขาช่วยพาอ้อมเส้นทางการเดินทางอยู่ช่วงหนึ่งแท้ ๆ

          คงเป็นเพราะมีแม่นางเหมยให้ต้องคอยปกป้องด้วยกระมัง..

          ถานเจ๋อคิดระหว่างนึกถึงจิ้นอิ๋งที่เคยกล่าวกับบุรุษแซ่กัวที่เฉินหลิวเรื่องมองเป็นน้องชายอยู่คราหนึ่ง พลางหวนนึกเดาไปว่าตัวนางคงเคยเป็นพี่สาวมาก่อนเป็นแน่ และยามนี้คงกำลังทำตัวให้สมกับสถานะที่เคยเป็นมาก่อน

          ก็ดีที่แม่นางเหมยมาทำให้ท่านหญิงเข้มแข็งได้เร็วขึ้นขนาดนี้
          .
          ข้าจะยอมปกป้องเจ้าตามความต้องการของท่านหญิงด้วยแล้วกัน… เหมย ซูฮวา




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-5 23:58:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

พักผ่อนหลังขุดแร่
เมืองเหอตง - โรงเตี๊ยมฉู่ช่านฝาง
.
.

          หลังออกจากเหมืองได้ตะวันก็ใกล้ลับเต็มที ทำให้จิ้นอิ๋งและถานเจ๋อที่แบกถุงแร่ออกมาต่างเร่งรีบเอาถุงผูกเข้ากับท้ายม้าไป๋เอ้อร์ จนเรียบร้อยดีก็พากันขึ้นม้าไปโดยมีซูฮวาแทบจะมองค้างทั้งคู่นิ่งเหมือนกำลังตะลึงอะไรสักอย่างอยู่ ในยามนั่งด้านหลังของจิ้นอิ๋งก็คล้ายมีท่าทางลังเลบางอย่าง แต่เพราะกรุ่นกลิ่นอ่อนหวานเอกลักษณ์ของเด็กสาวทำให้นางยังกล้าที่จะกอดตัวดรุณีน้อยเอาไว้เช่นเดิม ก่อนทั้งสามจะพากันแร่งห้อม้าคืนสู่เมืองเหอตงเพื่อพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมกัน

          ยังดีที่เวลาเดินทางนั้นพอ ๆ กันกับขามา ถึงอย่างนั้นยามเจอโรงเตี๊ยมก็เข้าใกล้ยามซวีอยู่ดี จิ้นอิ๋งที่ผูกม้าไว้ยังคอกเสร็จสิ้นจึงเร่งเอ่ยให้ผู้ติดตามทั้งสองเข้ามาพักผ่อนทานข้าวกันโดยไม่ทันได้รอฟังซูฮวาที่คล้ายอยากเอ่ยห้ามให้นางหยุดรอฟังกันเสียก่อน

          .
          ในตอนที่จิ้นอิ๋งเข้ามาภายในโรงเตี๊ยมได้ ด้วยความยังไม่เห็นผู้ติดตามตามเข้ามาเสียทีจึงเหลียวมองหลังไปด้วยระหว่างก้าวเดินหาโต๊ะ ยามหันมองทางข้างหน้าอีกหนด้วยความไม่ระมัดระวังและเร่งร้อนอยากให้ถานเจ๋อและซูฮวาได้ทานข้าวทำให้ดวงหน้าหวานชนแนบกับอกคนแปลกหน้าที่เพิ่งจะลุกหันออกจากโต๊ะเช่นกัน แว่วเสียงร้องอุทานของเด็กสาวดังขึ้นผะแผ่วก่อนจิ้นอิ๋งจะเร่งผละถอยออกมาเพื่อเอ่ยขอโทษอีกฝ่าย

          แต่แล้วดรุณีน้อยก็ต้องเบิกตาตะลึงตะลานเมื่อพบว่าเสื้ออีกบุรุษเปื้อนคราบดำเป็นปื้นจากคราบฝุ่นและถ่านจากใบหน้าของนางเองที่น่าจะไปเปื้อนเอายามที่ยกมือเช็ดหน้าเช็ดตายามขุดหาแร่

          " ขอ.. ขออภัยเจ้าค่ะ! ข้า!.. ข้าไม่ได้ตั้ง… ไอหยา! "

          มือเล็กที่ตั้งใจจะลูบปัดรอยเปื้อนออกให้ กลายเป็นยิ่งเพิ่มรอยเพราะมือดรุณีน้อยยังประดับด้วยคราบดินจนนางหลุดร้องอุทานเสียเสียงหลงมาด้วยอารามตกใจ ดวงหน้าหวานแทบบิดเบ้อยากจะร้องไห้แต่ก็คล้ายร้องไม่ออก จะเงยหน้าสบตาบุรุษแปลกหน้าตรงหน้าก็ไม่กล้าอีก สุดท้ายปลายแขนเสื้อที่ยังสะอาดอยู่ก็ถูกเร่งดึงมารองมือน้อยนั้นก่อนจะช่วยเช็ดให้อย่างขมักเขม่น

          อีกทางที่เป็นผู้ติดตามทั้งสองได้เข้ามาในโรงเตี๊ยมก็ทันเห็นภาพเด็กสาวหน้าซีดหน้าเซียวกำลังเช็ดคราบเปื้อนบนเสื้อของบุรุษร่างสูงที่ตอนนี้กดสายตามองจิ้นอิ๋งด้วยแววตาคมปราบอยู่ ถ้าไม่ติดที่ต้องรั้งแขนถานเจ๋อเอาไว้ไม่ให้พุ่งเข้าไปช่วยเหลือท่านหญิงอย่างไม่ดูสี่ดูแปดว่าผู้เป็นนายของมันนั่นแลที่เป็นฝ่ายผิด สตรีแซ่เหมยก็คงกลั้นใจเป็นลมตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอดราวกับอยากจะหนีความจริงไปแล้ว ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์การโดนตะคอกด่าหรือผลักเด็กสาวออกไปให้ไกลอย่างที่นางคิดว่าจิ้นอิ๋งจะเจอกลับกลายเป็นใบหน้านิ่งตึงของบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นค่อยคอยแย้มยิ้มจางออกมาอย่างนึกขบขันเสียอย่างนั้น

          ถานเจ๋อที่เห็นก็เกือบจะหน้าเบี้ยวตามไปด้วยแล้ว ทั้งที่ผู้เป็นนายมันใบหน้าเปื้อนคราบถ่านเสียขนาดนั้นก็ยังทำให้อีกบุรุษนึกขันมากกว่าจะกรุ่นโกรธได้ ดู ๆ แล้วถ้าไม่เพราะกลิ่นอายของจิ้นอิ๋งที่เพิ่มเสน่ห์ไม่รู้ตัวมาตั้งแต่ไปเยือนยังทะเลสาบไท่หู ก็เป็นเพราะถูกชะตาสักอย่างเป็นแน่

          .
          ขณะเดียวกันที่ผู้ติดตามยังคิดเป็นตุเป็นตะไม่ยอมเข้าช่วยเหลือจิ้นอิ๋งเสียที ยามนี้เด็กสาวจึงไม่ได้หยุดมือเช็ด ในตอนที่คราบเปื้อนต่าง ๆ เริ่มจางลงก็แว่วเสียงจากเจ้าของเสื้อเอ่ยห้ามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่ถือสามากกว่าที่ดรุณีน้อยคาดจนเผลอเลื่อนสายตาสบหาเพื่อความแน่ใจ

          " พอแล้วล่ะแม่นาง.. เสื้อเปื้อนก็แค่ซักออก ไม่ต้องลำบากแม่นางเช็ดต่อแล้วล่ะ "

          " ...ถึง ถึงอย่างนั้นก็ให้ข้าได้เลี้ยงข้าว--.. ชา เลี้ยงชา ชดใช้ที่ทำเสื้อท่านเปื้อนได้หรือไม่เจ้าคะ " เกือบเอ่ยปากบอกไปถึงอาหารแต่ก็สังเกตเห็นโต๊ะที่อีกบุรุษลุกมามีจานอาหารว่างเปล่าวางไว้ให้เด็กสาวแทบจะพลิกคำเปลี่ยนสิ่งชดใช้แทบไม่ทัน

          เป็นอีกคราที่ท่าทางหลุดมาดจากความเร่งร้อนของอิสตรีเรียกเสียงหัวเราะจากอีกบุรุษได้อีกหน บรรยากาศรอบ ๆ จึงคลายลงไม่น้อย ถึงอย่างนั้นกว่าจะรู้ตัวตั้งสติได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ จิ้นอิ๋งก็นั่งร่วมโต๊ะกับบุรุษแปลกหน้าเพื่อสั่งชามาให้อีกคนดื่มไปเสียแล้ว ผู้ติดตามจะตามมาแทรกนั่งด้วยยามนี้ก็กระไรอยู่ ถานเจ๋อกับซูฮวาจึงจำต้องหาโต๊ะอื่นที่ไม่ไกลนักเพื่อนั่งเป็นกำลังใจให้เด็กสาวอยู่ห่าง ๆ แทน

          จิ้นอิ๋งที่มีความผิดปักหลังพร้อมหลักฐานแปะหราที่เสื้อของบุรุษตรงหน้า ยามนี้แทบจะนั่งหลังตรงเกร็งไปทั้งตัว ตรงข้ามกับคนที่ถูกทำเสื้อเปื้อนเพียงรินชาหลงจิ่งขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์เสียอย่างนั้น ด้วยยังเห็นท่าทางของดรุณีน้อยไม่หายตื่นกลัวตนที่ไม่ได้ถือสาอะไรแล้วจึงได้เอ่ยชวนคุยขึ้นมา

          " ไปเหมืองมางั้นหรือ? "

          " เจ้าค่ะ.. "

          " อืม แปลกจริง.. ตัวเจ้าเปื้อนออกขนาดนี้ไฉนถึงไม่รู้สึกสกปรกขนาดนั้นกัน "

          ประโยคตอบรับด้านหลังคล้ายจะเอ่ยกับตัวเองมากกว่าจนจิ้นอิ๋งเผลอกระพริบตาไม่เข้าใจเท่าใดนัก ก่อนจะเลื่อนมือรับถ้วยชาตามมือใหญ่ที่ผายออกให้นางได้ร่วมดื่มชาไปด้วย จนความอุ่นของชาช่วยประโลมปลอบจิตใจที่ผวาหวาดของเด็กสาวให้ค่อยคอยสงบลงได้ จิ้นอิ๋งถึงได้ค้อมหัวขอโทษด้วยความสุภาพอย่างที่ควรทำตั้งแต่ก่อนหน้าออกไป

          " อย่างไรกู่จิ้นอิ๋งผู้นี้ก็ต้องขออภัยท่านจริง ๆ เจ้าค่ะ สำหรับความเลินเล่อไม่ระมัดระวังเมื่อครู่ " บุรุษหนุ่มที่ได้ยินพลันโบกมือไม่ถือสา ก่อนถือโอกาสที่จิ้นอิ๋งเอ่ยประกาศชื่อเพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์เอ่ยขออภัยเช่นนั้น บอกกลับชื่อตนออกไปไม่ต่างกัน

          " มิเป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใดอยู่แล้วล่ะแม่นาง.. ส่วนข้ามีนามว่า สวีกงหมิง อย่างไรก็ยินดีที่ได้พบแม่นางกู่ก็แล้วกัน "

          คำพูดบอกยินดีที่ได้พบนั้นทำเอาจิ้นอิ๋งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกล่าวแดกดันหรือพูดจากใจจริงกันแน่จนดวงหน้าหวานที่ยังเปื้อนคราบถ่านจางบิดเบ้น้อย ๆ ไม่รู้ตัว ทำเอาคนที่เพิ่งรู้ตัวว่ากล่าวสิ่งใดออกไปเกือบจะหลุดพ่นชาออกมาด้วยความขบขันจนต้องเร่งยกกำปั้นปิดบังริมฝีปากที่กำลังวาดยิ้มออกมาเลยเชียว ก่อนทั้งโต๊ะจะโรยตัวด้วยความเงียบอีกหนเพราะจิ้นอิ๋งก็ไม่กล้าจะเอ่ยปากชวนคุยดังปกติ ทางอีกบุรุษที่เพิ่งรู้จักก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรอีกเสียด้วย

          จนชาหมดกาสวีกงหมิงจึงค่อยผุดลุกออกจากโต๊ะไปก่อนค้อมตัวบอกลา ทว่าก่อนจากจิ้นอิ๋งก็ได้เอ่ยคำแนะนำทิ้งท้ายไปด้วยด้วยสีหน้าที่ยังแฝงความรู้สึกผิดไม่คลายหาย

          " น้ำหุงข้าว.. ใช้ล้างคราบสกปรกได้นะเจ้าคะ เผื่อ.. เผื่อท่านสวีจะลองใช้ดู " แว่วเสียงหัวเราะแผ่วที่แทบไม่ได้ยินหลุดออก ก่อนอีกบุรุษจะตอบกลับน้ำเสียงกลั้วขำ

          " ได้เลยแม่นาง ข้าจะลองใช้ดูก็แล้วกัน "
          .
          .
          ลับหลังบุรุษแซ่สวี จิ้นอิ๋งก็แทบเร่งวิ่งไปกอดซูฮวาล้างอาย ความแตกตื่นจากก่อนหน้าแทบทำให้ดวงหน้านวลอยากจะหลุดร้องไห้ขึ้นมา แต่เพราะได้รับคำปลอบหาทำให้นางพอจะใจเย็นลงได้ และเริ่มสั่งอาหารเลี้ยงแก่ผู้ติดตามแล้วถึงแยกย้ายกันกลับห้องพัก โดยก่อนเข้านอนเด็กสาวก็เร่งไปอาบน้ำชำระร่างกายที่เขรอะเปื้อนออกอย่างนึกเคืองตัวเองขึ้นมา

          หากก่อนเข้าโรงเตี๊ยมฟังคำรั้งของพี่สาวซูฮวาก็คงไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้แล้วแท้ ๆ

          เซ่อซ่าจริง ๆ เลย กู่จิ้นอิ๋ง!



[072] มอบ ชาหลงจิ่ง ให้
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [072] ธาตุไม้ - ข่มเรา
สถานะปีนักษัตร : +20 ความสัมพันธ์ [072] ปีมะโรง - ถูกโฉลก



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-6 16:12:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-6 16:14


เชิญยอดฝีมือหญิง
เตรียมโน้มน้าวครั้งที่สอง
.
.

          ภารกิจโน้มน้าวใจแม่นางเจิ้งเข้าสู่วันที่สองโดยที่จิ้นอิ๋งได้ขอให้ทางโรงเตี๊ยมที่พักแรมเมื่อคืนทำขนมชิงถวนมาให้ โดยระหว่างรอก็ทำการสั่งอาหารมาทานด้วยกันกับผู้ติดตามทั้งสอง เป็นเมนูไก่ขอทานที่จิ้นอิ๋งนึกอยากทานขึ้นมา แต่ด้วยเพราะความหิวหรือแค่อยากให้ผู้ติดตามได้ทานเต็มที่ จึงสั่งมาให้กันคนละจาน หารู้ไม่ไก่ขอทานที่ทำออกมาด้วยซี่โครงไก่ทั้งตัวนั้นเกือบทำเอาดรุณีน้อยที่ไม่ได้กิเยอะอยู่แล้วทานไม่ไหว สุดท้ายกลัวพ่อครัวจะเสียใจจึงจำต้องทานลงไปให้หมด

          จากที่หลังทานข้าวไปแล้วจะเดินทางไปหาแม่นางเจิ้งในทันที กลายเป็นนั่งนิ่งรอย่อยไปเสียได้ ระหว่างนั้นก็เอ่ยถามผู้ติตดามทั้งสองไปด้วยว่าจะตามไปที่ถ้ำด้วยกันหรือไม่ เพราะอย่างไรถ้ำที่สตรีผู้นั้นอยู่ก็ไม่ได้ห่างจากตัวเมืองเหอตงมากนัก

          " ข้าอยู่โรงเตี๊ยมดูไป๋เซ่อให้ก็ได้เจ้าค่ะ อิ๋งเอ๋อร์ไปหาแม่นางผู้นั้นตามสบายเลยเจ้าค่ะ "

          ซูฮวาเอ่ยระหว่างนึกถึงไก่น้อยที่ตอนนี้คงเดินเล่นวนเวียนคอกม้าอยู่ หากเดินทางระยะสั้น ๆ ก็ไม่ค่อยอยากให้เจ้าตัวเล็กต้องนั่งม้าวนเวียนกลับไปมาให้มันเหนื่อยล้า ซึ่งจิ้นอิ๋งพยักหน้าเห็นด้วยขึ้นมาก่อนจะยอมให้อีกสตรีรออยู่ที่โรงเตี๊ยม ก่อนผินสายตาคืนหาผู้ติดตามที่ตอนนี้มีท่าทางอึกอักเล็กน้อยดูไม่ได้กระตือรือร้นจะตามเด็กสาวอย่างปกติให้นางเลิกคิ้วฉงนหา

          " หรือถานเจ๋อมีธุระงั้นหรือ? " จิ้นอิ่งเอ่ยขึ้นระหว่างจับสังเกตนั้นได้ซึ่งอีกบุรุษที่ได้ยินก็ยกมือลูบท้ายทอยผะแผ่วก่อนจะพยักใบหน้าทั้งที่หลบสายตาผู้เป็นนายอยู่ให้พลันเผยรอยยิ้มขบขันออกมา

          " พวกอันธพาลเมื่อวานน่ะหรือเจ้าคะ? "

          เด็กสาวเอ่ยอย่างรู้ทัน ซึ่งทำเอาถานเจ๋อถึงกับเบิกตาตกใจที่ผู้เป็นนายเล่นกล่าวมาเสียกลางวงเช่นนี้ ซึ่งสิ่งที่มันกลัวก็เป็นจริงคือซูฮวาหันไปนิ่วหน้าใส่และเริ่มบทเทศนาอีกหนราวกับไม่อยากให้อีกฝ่ายไปหาเรื่องให้อาจเจ็บตัวขึ้นมาอีก

          จิ้นอิ๋งที่กลายเป็นคนนอกวงบทสนทนา นอกจากไม่นึกฉิวยังอมยิ้มขบขันขึ้นมาเสียด้วย เฝ้ามองสลับหนึ่งบุรุษนั่งหงอยฟังหนึ่งสตรีเอ่ยเสนอทางเลือกฝึกฝนอื่น ๆ จนสุดท้ายคล้ายกับว่าหาทางแก้ปัญหาให้อยู่ระหว่างความพอใจของทั้งฝ่ายโดยนางจะไปช่วยเฝ้าและเป็นคนคอยคุมการประมือให้กับถานเจ๋อและเหล่าอันธพาลให้ การเจรจาจึงจบลงโดยที่ถานเจ๋อยังไม่ได้เอ่ยความเห็นไปสักคำ แต่ก็คล้ายจะยิ้มออกดูพอใจไม่น้อยอยู่ดี

          .
          " เช่นนั้นข้าขอตัวไปหาแม่นางผู้นั้นนะเจ้าคะ "

          เอ่ยถึงอีกสตรีที่ถ้ำอย่างระมัดระวังในที่สาธารณะก่อนจิ้นอิ๋งจะผุดลุกจากเก้าอี้ตรงไปจ่ายเงินให้แก่เถ้าแก่ ฉับพลันสายตาก็ทันเห็นบุรุษคุ้นหน้าคนเมื่อวานกำลังนั่งทานอาหารอยู่ไม่ไกลให้นางนิ่งลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนยื่นเงินจ่ายค่าอาหารส่วนของอีกฝ่ายให้ไปด้วยและผละมาเอ่ยทักทาย

          " สวัสดียามเช้าเจ้าค่ะท่านสวี… เสื้อเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ "

          เสียงเอ่ยทักคุ้นหูเรียกให้บุรุษหนุ่มผละจากไก่ขอทานบนโต๊ะเงยสบยังเด็กสาว กอปรกับคำถามในตอนท้าย ริมฝีปากที่กำลังเคี้ยวอาหารอยู่ก็แทบหลุดเผยรอยยิ้มออกมาก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้ากลับไปแทนการตอบคำ ทางจิ้นอิ๋งที่เห็นอีกฝ่ายแต่งกายสะอาดสะอ้านไม่เหมือนเมื่อวานแล้วก็พลอยโล่งใจ รอยยิ้มวาดจนดวงตาโค้งรับเอกลักษณ์พลันแย้มส่งหาอีกบุรุษเป็นคราแรก บ่งบอกความสบายใจของเด็กสาวให้อีกบุรุษที่เห็นเลิกคิ้วหาครู่หนึ่ง

          " ท่านสวีมาโรงเตี๊ยมนี้บ่อยหรือเจ้าคะ? " ก่อนจะจากก็เอ่ยชวนคุยอีกเล้กน้อยให้ช่วยคลายบรรยากาศที่เมื่อวานตัวนางนั้นมัวแต่เกร็งจนไม่ได้ทำตัวอย่างปกติ

          " อืม ก็เกือบอาทิตย์ได้.. นึกว่าเจ้าจะเป็นพวกขี้อายเสียอีก " เสียงทุ้มเอ่ยกลั้วขำระหว่างลอบมองยังดวงหน้าหวานที่กำลังส่งรอยยิ้มแหยกลับมาให้

          " เมื่อวานข้ารู้สึกผิดน่ะเจ้าค่ะ.. แต่วันนี้ก็รู้สึกผิดนะเจ้าคะ แต่.. เอาเป็นว่าหายแล้วล่ะเจ้าค่ะ! "

          พยายามเอ่ยแก้ให้อีกคนสบายใจ แต่ก็ดูวกวนและท่าทางคล้ายจะกลับไปเป็นดั่งเมื่อวานอีก บุรุษที่นั่งอยู่จึงเร่งโบกมือกลับให้ว่าไม่ถือสาอะไรเพียงแค่อยากเอ่ยความเห็นเกี่ยวกับบุคลิกของเด็กสาวไปเท่านั้น จนเห็นว่าบุรุษแซ่สวีต้องการจะทานอาหารต่อ จิ้นอิ๋งก็พลันโค้งตัวหาเพื่อบอกลาไม่รบกวนอีก ทว่าก่อนจากก็ไม่ลืมเอ่ยทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มดูซุกซนไปด้วย

          " งั้นข้าขอตัวลาแล้วเจ้าค่ะ.. ทานอาหารให้อร่อยนะเจ้าคะ "

          สิ้นคำอวยพรบุรุษที่โดนเอ่ยกล่าวเมื่อครู่ก็มองตามหลังเด็กสาวไปจนลับตา ดวงตาคมคล้ายฉายแววครุ่นคิดสงสัยในประโยคของดรุณีผู้นั้นไม่น้อย ก่อนจะรู้ถึงความหมายก็ตอนลุกไปจ่ายค่าอาหารก็กลายเป็นว่าโดนเลี้ยงตัดหน้าไปแล้ว ใบหน้าคมคล้ายส่ายหัวระอาแผ่วทว่ารอยยิ้มกลับประดับจางขัดกันไปเสียได้


[072] มอบ ไก่ขอทาน ให้
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [072] ธาตุไม้ - ข่มเรา
สถานะปีนักษัตร : +20 ความสัมพันธ์ [072] ปีมะโรง - ถูกโฉลก

มอบอาหารให้แก่ NPC ในสภา
[159] มอบ ไก่ขอทาน ให้
[ผู้ติดตามถานเจ๋อ] มอบ ไก่ขอทาน ให้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้