สายลมเอื่อยๆพัดพาเอาความหนาวเย็นโลมเลียใบหน้ายามได้อยู่นอกเมืองซีเหอ สตรีงามถูมือเข้าหากันหวังเพื่อจะเพิ่มความอุ่นให้นางขึ้นมาบ้าง แม้ว่าจะถูกมองจากผู้ติดตามของนางอยู่ไม่ไกลแต่นางก็หาได้สนใจมากเท่าตำหนักตรงหน้าไม่
การกระทำของจ้าวเพ่ย แน่นอนว่าซุนหยางย่อมไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่เขาทำอะไรมากไม่ได้ เพียงสตรีเอาแต่ใจผู้นี้ดื้อรั้นกว่าที่เขาจะคาดเดาได้เสียอีก ชายหนุ่มดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มราวกับใช้ความคิดเมื่อมองจ้าวเพ่ยเดินไปยังหน้าตำหนัก
คราวนี้เลือกที่จะไม่รอเฉกเช่นทุกที ผู้ติดตามเช่นเขาเดินตามนางไปยังหน้าทางเข้าตำหนัก สายตาของทหารยามเฝ้าหน้าประตูมองมาทางเขาส่งผลให้จ้าวเพ่ยพึ่งจะรู้ตัว หญิงสาวหันมามองคนด้านหลังก็เห็นว่าซุนหยางเดินมาด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ
"พวกเจ้ามีธุระอันใด" ทหารยามยังคงทำหน้าที่ในการเฝ้าดูความปลอดภัยได้อย่างดี ดูเหมือนคราวนี้จะไม่โชคดีเหมือนครั้งแรกที่ได้มาเลยแม้แต่น้อย
จ้าวเพ่ยเองไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรให้สมเหตุสมผลดี เพราะซุนหยางเองก็เดินตามมาถึงที่นี่จะใช้ข้ออ้างมารยาของสตรีก็ดูท่าว่าจะเกิดผลได้ยาก นางทำได้เพียงกัดริมฝีปากเพื่อใช้ความคิด แม้ลังเลที่จะตอบออกไปจนเกิดเป็นความเงียบชั่วครู่
"นางต้องการเข้าพบตู่จิ้นกง" ซุนหยางกล่าวแทนให้แก่จ้าวเพ่ยเมื่อเห็นว่านางเงียบนิ่งอยู่ สายตาของนางหันมามองราวกับต้องการจะตำหนิ แต่เขาก็ไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด
"ได้นัดหมายมาก่อนหรือไม่.."
"ไม่.." คำตอบเพียงสั้นๆห้วนๆแต่ได้ใจความเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีทับทิมสดของจ้าวเพ่ย หญิงสาวทำใจเอาไว้แล้วว่าคงจะไม่ได้เข้าพบแน่ๆ ข้อมือถูกจับรวบเบาๆจากซุนหยางเพื่จะให้นางเดินออกไปจากจุดนี้ด้วยกัน
"แม่นางต้องการพบท่านตู่ มีธุระอันใด" เสียงเรียกดังขึ้นจากบุคคลที่จ้าวเพ่ยไม่เคยแม้จะเห็นหน้า แม้น้ำเสียงจะห้วนขาดแต่มันจะสร้างความสนใจแก่สตรีงามผู้นี้ได้ไม่น้อย "เป็นลูกสาวขุนนางบ้านใดหรือ"
"พวกข้าหาได้มีเชื้อสายขุนนางไม่.. เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา" ซุนหยางกล่าวเพื่อไม่ให้บุรุษคนนี้เข้าใจผิดไปมากกว่านี้
สายตามองมาที่จ้าวเพ่ยไล่ลงเห็นลูกแมวสีดำที่อยู่กับนาง ดูอย่างไรก็เป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยๆของสตรีผู้นี้เป็นแน่
"แล้วมีเรื่องอันใด ถึงได้มาถึงที่นี่"
"เรื่องคดีของ…" จ้าวเพ่ยอยากจะกล่าวให้จบๆไปแต่นางก็ชั่งใจเล็กน้อย หากกล่าวออกมาถึงคดีของมือปราบคงจะถูกไล่เหมือนครั้งที่ไปจวนผู้ว่าแน่ๆ แต่เมื่อเผลอหลุดปากพูดออกมาถึงครึ่งทาง นางเองก็พยายามนึกคำแถออกมาระหว่างทางจนเสียงพูดนั้นกระตุกระหว่างการสนทนา
"คดีของนักโทษเจิ้ง..?"
อยู่ๆคำกล่าวถึงคดีที่ถูกตัดสินจนจบความไปแล้วก็ถูกกล่าวขึ้นมา จ้าวเพ่ยนิ่งเงียบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สายตาของชายผู้นั้นมองราวกับต้องการคำตอบจากคำถามของเขา
"ก็คงจะประมาณนั้น"
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวเพ่ย บุรุษผู้นั้นมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาส่งภาษากายให้ทหารยามปล่อยให้พวกนางเข้ามายังในตำหนักเพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง แม้ว่าทั้งจ้าวเพ่ยและซุนหยางจะไม่เข้าใจแต่นางทำเพื่อไปตามน้ำก่อน เพียงแค่ต้องการหาจังหวะเหมาะสมที่จะพบตู่จิ้นกงและขอให้เขาช่วยนางในเรื่องคดีของมือปราบหวังเพียงเท่านั้น
"ท่านคือผู้ใดหรือ ตอนข้ามาที่นี่คราที่แล้วไม่เคยได้พบหน้าท่านเลย"
"ข้าคือผู้ดูแลตำหนักที่นี่.." เขากล่าวโดยไม่มีท่าทีร้อนรนอะไร สายตาไม่ได้มองไปที่คู่สนทนานอกจากลูกแมวตัวสีดำที่มาด้วยเลย "หากมาเพื่อเรื่องของนักโทษเจิ้ง ตอนนี้ใต้เท้าตู่ไม่สะดวกจะพบผู้ใด"
"มาได้อีกทีเมื่อใด"
"เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเหตุใดต้องการคุยกับท่านตู่จิ้นกงเรื่องคดีของนักโทษเจิ้ง พวกเจ้าทำงานอะไรกัน"
เมื่อถูกพาดพิงถึงการงานที่ทำ จ้าวเพ่ยก็หันไปมองซุนหยางทันทีเหมือนต้องการให้อีกฝ่ายตอบแทนตนอีกครา
"พวกข้าแค่ทำรับงานทั่วไปเท่านั้น นางถนัดเรื่องทำอาหารอยู่บ้าง"
"ข้าพอเข้าใจแล้ว" เหมือนจะได้ยินคำพูดของซุนหยางก็เหมือนจะนึกอะไรได้ โดยที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงชาวบ้านก็ไม่จำเป็นต้องต้อนรับอะไรอย่างดีสักเท่าไหร่ "คดีของนักโทษเจิ้งคงจะมารับงานสินะ ท่านตู่จิ้นกงได้ส่งคนไปตรวจสอบชายแดนแต่ไม่พบนักโทษเจิ้งหลันที่มีความผิดร้ายแรง บางทีนางอาจหนีไประหว่างทางส่งตัว"
คำอธิบายจากปากของบุรุษผู้ดูแลตำหนักผู้นี้ทำเอาจ้าวเพ่ยงุนงงจนไปต่อไม่เป็น หญิงสาวเองยังจำได้ดีเกี่ยวกับการตัดสินคดี คงจะเป็นช่วงที่ตู่จิ้นกงกลับไปก่อนจะตัดสินคดีใหม่จึงได้คิดว่านางถูกส่งตัวไปทำงานยังกำแพงหมื่นลี้เป็นแน่
แต่ไม่มีเหตุผลใดที่ตู่จิ้นกงจะต้องส่งคนไปหาแม่นางเจิ้งถึงที่นั่น นัยน์ตาของจ้าวเพ่ยผุดทั้งความกังวลและความกลัวขึ้นมาอย่างชัดเจนเมื่อได้ยินคำอธิบายจากปากของชายตรงหน้า
"ไปตามหาและจับมาหาใต้เท้าตู่ที่นี่ แล้วท่านจะมอบเงินรางวัลให้อย่างงามและอาชาชั้นดีจากทางซีอวี้ของแคว้นต้าหว่านให้ เพื่อเป็นการตอบแทนที่ท่านช่วยทางการจับกุมตัวคนร้ายหลบหนี"
"จะหลบหนีได้อย่างไร ก็การตัดสินคดี แม่นางเจิ้งถูกส่งตัวให้ทำงานกับใครบางคน ไม่ใช่ไปที่ชายแดนเสียหน่อย" หาใช่ว่านางจะหลุดปากไปแต่นางต้องการสร้างความเจ้าใจใหม่แก่ชายผู้นี้เมื่อคิดว่าแม่นางเจิ้งหลบหนีคดี ที่แท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่เช่นนั้น
"ข้าเองก็อยู่ในการตัดสินคดีนั้น.. มีจดหมายส่งมาหลังจากใต้เท้าตู่กลับไป เพื่อขอตัวนางไปทำงานกับ.. ใครสักคน"
บุรุษได้ยินคำพูดของจ้าวเพ่ยก็เหมือนจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เห็นสีหน้าสตรีงามผู้นี้กลับเหมือนว่านางพูดอย่สงจริงจังไม่ตะกุกตะกักสักนิด
"กับผู้ใด"
"ข้าไม่รู้.." จ้าวเพ่ยไม่รู้ว่าผู้นั้นคือใคร นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสตรีผู้ยื่นจดหมายเป็นผู้ใด เป็นเพียงผู้อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น เรื่องเช่นนี้คิดว่าทุกอย่างจบลงไปแล้วจึงไม่ได้นำมาใส่ใจ "แต่ที่ข้าใคร่รู้ยามนี้.. เหตุใดจึงต้องส่งคนไปหาแม่นางเจิ้งล่ะ"
"พวกข้ามีธุระด่วน ขอพานางกลับไปก่อนขอรับ"
"..."
"ต้องการจะทำอะไรกันแน่!.. หรือว่าคดีของมือปราบหวังก็เกี่ยวข้องใช่หรือไม่.. "
จ้าวเพ่ยแทบจะโวยวายเมื่อนางเริ่มปะติดปะต่อเชื่อมโยงกันโดยไม่คิดไตร่ตรองอะไรถี่ถ้วนเลย หญิงสาวถูกกอดดึงจากผู้ติดตามเพื่อให้รีบออกไปจากตรงนี้ เสียงชายหนุ่มเอ่ยเรียกพยายามทำให้นางเงียบลงเพื่อไม่ให้ถูกหมายหัวและลากออกไปจากที่นี่ราวกับหมูหมา
"กลับไปก่อน อย่าพึ่งมีเรื่องกันยามนี้"
"เพราะมือปราบทำคดีของแม่นางเจิ้งจึงถูกใส่ความ.. ใช่อย่างที่ข้าคิดใช่หรือไม่!!"
ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากลายเป็นความชุลมุน เสียงแมวน้อยร้องขึ้นมาและกระโดดวิ่งออกไปจากตำหนักก่อน จ้าวเพ่ยมองหน้าบุรุษผู้นั้นทำหน้าราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร เขาหันกลับไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินออกไปโดยที่จ้าวเพ่ยเองยังคงคุกกรุ่นทั้งเกิดคำถามมากมายขณะถูกดึงตัวออหจากตำหนักเพื่อไปยังจุดจอดม้าของพวกนางไม่ไกลจากนี้
"จะดึงข้าออกมาทำไม!"
"คิดอะไรอยู่จึงไปขึ้นเสียงใส่คนอื่นเช่นนั้น.."
"เจ้าไม่เห็นหรือไงว่าตู่จิ้นกงต้องการทำอะไร ข้า.. ข้าเชื่อว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับคดีของมือปราบหวังแน่ๆ.."
นางกล่าวทั้งเสียงสั่นราวกับโกรธ หญิงสาวกัดฟันแน่นเมื่อตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แม้จะไม่รู้ว่าตู่จิ้นกงมีอิทธิพลเท่าไหร่ แต่ดูจากที่ชาวบ้านเกรงกลัวก็คงจะมีอำนาจไม่น้อย
"แล้วเจ้าจะทำอะไรได้.."
ครั้นคิดเรื่องนี้กลับยิ่งรู้สึกมืดแปดด้านยิ่งกว่าเดิมจนไม่รู้ว่าควรจะหาทางออกอย่างไรดี ซุนหยางจะกล่าวต่อว่ากลับชะงักเมื่อเห็นใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมตอนนี้กลับเริ่มมีน้ำตาไล้ลงอาบแก้ม
"จ้าวเพ่ย…" ยื่นมือหวังจะเช็ดน้ำตาให้แต่กลับถูกนางสวมกอดเข้าอย่างจัง แม้จะรู้ว่าอย่างไรนางเพียงแค่ต้องการที่พึ่งตอนนี้ซุนหยางทำได้เพียงแค่ลูบผมปลอบเบาๆเท่านั้น
"พาข้าไปที่จี้โจวที.. ได้โปรด.. พาข้าไปที่นั่น" เสียงสะอื้นไห้ทั้งขอร้องอย่างหมดหวัง แม้ว่าแยากจะห้ามสตรีผู้นี้ว่าให้หยุดทุกอย่างเพียงเท่านี้ก็ตาม แต่เมื่อได้ยินเสียงอ่อนแรงกลับยิ่งทำให้ใจอ่อนจนไม่รู้ว่าจะขัดใจสตรีผู้นี้เช่นไรดี
|