❀ พบพานและสารภาพ ❀วันที่สาม สือเอ้อร์เยว่ . .
“ ไหวหรือไม่เจ้าคะพี่สาวซูฮวา ”
หลังทั้งสามข้ามน้ำข้ามทะเลเดินทางจนมาถึงยังเขตโยวโจวได้ก็ผ่านไปหลายชั่วยาม ก่อนจะพากันพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมแถวเมืองเป่ยผิงอยู่คืนหนึ่งและเริ่มตื่นมาปีนเขาในตอนยามอู่ของวันที่สามเดือนสือเอ้อร์ ทว่าเพียงแค่ครึ่งทางก็กลายเป็นว่าอีกสตรีที่เท้าผิดปกติในกลุ่มก็เกิดเดินต่อไม่ไหวด้วยความปวดที่ไล่ลามจนต้องทรุดนั่งบนหินใหญ่แถวนั้นโดยมีตัวถานเจ๋อนั่งคุกเข่าค่อยคอยประคองเท้าของซูฮวามาดูอย่างไม่นึกรังเกียจ
ปลายนิ้วงองุ้มที่แดงจัดเหล่านั้นทำให้ถานเจ๋อแอบนิ่วหน้าก่อนจะรับผ้าหยาบทำแผลจากผู้เป็นนายมาช่วยพันทับประคองเท้าให้ไปก่อน ซึ่งซูฮวาที่ได้ยินคำถามก่อนหน้าก็ได้แต่ยกรอยยิ้มแหยที่คล้ายขอโทษขอโพยแก่ดรุณีน้อยในกลุ่มออกไป
“ ไม่.. ไม่น่าไหวแล้วน่ะเจ้าค่ะ ” น้ำเสียงที่หงอยลงน้อย ๆ ของพี่สาวซูฮวานั้นเรียกรอยยิ้มไม่ถือสาจากจิ้นอิ๋งให้เผยออก
ก่อนที่นางจะก้มลงไปดูเท้าที่ถูกถานเจ๋อช่วยพันก่อนที่อีกบุรุษจะช่วยจัดการสวมรองเท้าให้แก่นางจนเรียบร้อยก็พลันนั่งหันหลังให้พร้อมพยักพเยิดบอกเป็นนัยให้ขึ้นมา “ เท้าแบบนั้นไม่น่าเดินไหวแล้ว ขึ้นหลังข้าแล้วกัน ” ถานเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยที่ดูจะต้องการแค่ช่วยพาเดินลงเขาจริง ๆ สร้างความไว้วางใจให้แก่สตรีทั้งสองจนเด็กสาวพยักหน้าให้พี่สาวแซ่เหมยผะแผ่วให้ขึ้นหลังของถานเจ๋อไปอย่างเห็นด้วย
ทว่าในตอนที่ซูฮวาขึ้นหลังของบุรุษในกลุ่มไปแล้วนางกลับผินสายตามาสบหาจิ้นอิ่งอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ สลับมองไปยังยังยอดเขาราวยังต้องการที่จะขึ้นไปให้ดรุณีน้อยเผลอมองตามสายตาไปด้วยแววตาใคร่รู้ขึ้นมาครู่หนึ่ง
“ อยากขึ้นไปดูวิวหรือเจ้าคะ ไว้พรุ่งนี้ก็ได้กระมัง วันนี้ให้พี่สาวซูฮวาพักก่อนน่าจะดีนะเจ้าคะ ”
“ แต่!... แต่ว่า ” ซูฮวาที่ยังดูอ้ำอึ้งไม่ตอบคำเช่นนั้น ไหนจะดวงหน้างามที่คล้ายจะร้องไห้ราวอยากจะเอ่ยกล่าวบางสิ่งแต่ก็ไม่กล้า ทำเอาเด็กสาวคาดเดาว่าคงมีสิ่งที่นางอยากจะไปดูหรืออยากได้ในตอนนี้ ซึ่งสำหรับตัวเขาหลิงซานที่ขึ้นชื่อเรื่องโสมก็ทำให้ดรุณีน้อยนึกไปถึงสมุนไพรสิ่งนั้นและตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น
“ พี่สาวอยากหาโสมหรือเจ้าคะ? ”
“ ไม่.. ไม่เชิงเจ้าค่ะ เพียงแต่.. ”
“ เช่นนั้นให้ข้าไปเก็บโสมให้ดีหรือไม่เจ้าคะ ส่วนถานเจ๋อกับพี่สาวซูฮวาก็ไปรอที่โรงเตี๊ยมกันก่อนน่ะเจ้าค่ะ ทานอาหารเที่ยงกันไปก่อนได้เลยนะเจ้าคะ ” หลังจิ้นอิ๋งได้เอ่ยแนะข้อเสนอของนางไป ซูฮวาก็คล้ายมีสีหน้าที่ดีขึ้นทว่าสักพักก็กลับมามีสีหน้าครุ่นคิดเช่นเดิมจนทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วหวานจากดรุณีน้อยดังออกครั้งหนึ่ง
“ ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ข้าจะรีบไปเก็บแล้วรีบตามไปเจ้าค่ะ ”
“ เช่นนั้น.. ระวังตัวด้วยนะขอรับท่านหญิง ” ถานเจ๋อที่คล้ายมองผืนฟ้าที่ยังสว่างโร่และมีชาวบ้านที่เก็บโสมเดินผ่านเป็นระยะบางส่วนก็พลันคลายใจ ไว้วางให้ตัวท่านหญิงของมันขึ้นเขาไปคนเดียว
“ งั้นอิ๋งเอ๋อร์ระวังตัวด้วยนะเจ้าคะ ” พร้อมกันนั้นพี่สาวซูฮวาก็พลันเอ่ยสำทับขึ้นก่อนที่ผู้ติดตามทั้งสองของเด็กสาวจะพากันค่อยคอยเดินลงจากเขาไปเพื่อกลับคืนยังที่พัก โดยที่คนเจ็บเท้าก็มิได้แกล้งทำแต่อย่างใด ตามจริงนางตั้งใจจะไปอยู่กับดรุณีน้อยจนกว่าจะพบกับคนที่นัดหมายเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ดันมามีปัญหาสุขภาพเสียก่อน ยามนี้นางจึงแทบขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างติดห่วง พร้อมภาวนาบางสิ่งในใจวนไปมา
ขอให้ท่านกัวฟ่งเสี้ยวเจออิ๋งเอ๋อร์ไว ๆ แล้วกันนะเจ้าคะ! . . แล้วเก็บโสมต้องใช้สิ่งใดเก็บมันกันนะ
จิ้นอิ๋งคล้ายครุ่นคิดระหว่างทอดน่องเดินเรื่อยมาจนถึงยอดเขาหลิงซาน บรรยากาศสวยงามที่หิมะโปรยปรายแผ่วเบาเบื้องหน้าทำให้นางคล้ายตกยังภวังค์ครู่หนึ่ง ในใจก็พลันนึกถึงสีหน้าของพี่สาวแซ่เหมยว่าที่คล้ายอิดออดอยากขึ้นมายังยอดเขาให้ได้อาจเป็นเพราะทัศนีย์เบื้องหน้านางด้วยก็เป็นได้ จนในตอนที่ดรุณีน้อยเริ่มมองหายังโสมที่จะเก็บก็พลันเห็นร่างสูงร่างหนึ่งยืนหันหลังอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่นางอยู่
ท่าทางคล้ายรอคอยใครสักคน ผิดแปลกจากผู้ที่ตั้งใจมาหาโสมคนอื่น ๆ ทำให้นางชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งที่จะเข้าหาเพื่อให้ความช่วยเหลือดีหรือไม่เพราะตอนนี้อากาศก็ค่อนข้างเย็นตัวลงไม่น้อย ทั้งอีกฝั่งที่ไม่รู้มายืนทำสิ่งใดก็แว่วผ่านเสียงไอมาให้ดรุณีน้อยได้ยินเป็นระยะอีกด้วย หากให้อีกฝ่ายต้องยืนตรงนั้นต่อไปก็อาจป่วยขึ้นมาได้ สุดท้ายร่างเล็กจึงเดินเข้าใกล้บุรุษผู้นั้น แต่ยังไม่ทันทีที่จะได้เอ่ยทักอะไร ใบหน้าที่ผินสบกันก็ทำเอาเด็กสาวลอบสะดุ้ง ก่อนรอยยิ้มพลันวาดผ่านยังดวงหน้านวลจนดวงตาโค้งรับ ดูดีใจไม่น้อยที่ได้พบคนที่เฝ้านึกถึงอยู่ตั้งแต่ก่อนหน้าตรงหน้านี้ได้
“ อาเจีย! เจีย.. อาเจียจริง ๆ ด้วย ไฉนได้มาอยู่ที่นี่เจ้าคะ ข้าได้ยินเสียงอาเจียไอด้วย ไม่ได้พกผ้าคลุมมาด้วยงั้นหรือเจ้าคะ ”
ท้ายประโยคจิ้นอิ๋งแอบยู่ริมฝีปากเล็กน้อย ๆ ราวขัดใจที่บุรุษเบื้องหน้านางไม่ดูแลตัวเอง ซ้ำยังเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตั้งแต่เห็นหน้านางอยู่นั่น ทำเอาดรุณีน้อยต้องค้นเอาผ้าคลุมที่มีในย่ามของตนออกมาช่วยคลุมลงลาดไหล่พร้อมล้อมหาให้ช่วยหุ้มมายังส่วนอกและลำคอให้กัวเจียไปด้วย ระหว่างนั้นนางก็เอ่ยเร่งหาถึงคำถามก่อนหน้าพร้อมเลื่อนสบตาหาคู่สนทนา “ ตอบคำถามข้าสิเจ้าคะ ”
“ มีคนนัดข้าให้มาพบน่ะ ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยหาทั้งรอยยิ้มที่ส่งหาไม่รู้ความหมาย ทำเอาจิ้นอิ๋งคล้ายชะงักมือไปเล็กน้อยในตอนที่กำลังจัดผ้าคลุมให้แก่อีกฝ่าย ดวงตาหวานคล้ายหลุบลงในตอนที่เอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วจางลง
“ เป็น.. ผู้ใดกันหรือเจ้าคะที่นัดอาเจียมา.. ” จบประโยคที่เอ่ยหาจิ้นอิ๋งก็พลันได้ยินเสียงหัวเราะในคอขบขันดังจากบุรุษเบื้องหน้าให้นางเผลอเลื่อนสายตาขึ้นมาสบมองกัวเจียอีกหนอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะต้องเผลอชะงักไปเพราะบุรุษเบื้องหน้าตรงเข้าหาพร้อมเข้ามาช่วยจัดยังผ้าคลุมให้กระชับล้อมคอดรุณีน้อยเช่นกันจนนางเพิ่งจะรู้ตัวว่าทั้งคู่เริ่มเข้าใกล้กันเกินจนกลัวว่าจะได้ยินเสียงภายในอกที่เต้นดังอื้ออึงข้างหูของนางเองให้ต้องผละถอย
ทว่ากัวเจียกลับค่อยคอยเลื่อนมือมากระชับจับยังฝ่ามือเล็กเอาไว้พร้อมเอ่ยประโยคต่อมาที่ทำให้จิ้นอิ๋งไม่ได้ดึงมือตัวเองผละกลับมาเสียก่อน “ เป็นสตรีแซ่เหมยผู้ติดตามเจ้า.. แค่ก ๆ ข้าสงสัยว่าอิ๋งเอ๋อร์คงจะมาด้วยจึงมาตามนัด ” จบประโยคที่เจือเสียงไอ ไหนจะมือของอีกบุรุษที่เย็นเฉียบ จิ้นอิ๋งก็คล้ายใจอ่อนไปทั้งหมดพลางแอบนึกคาดโทษพี่สาวซูฮวาในใจไปด้วยว่าต้องวางแผนให้นางมาเจออีกบุรุษเป็นแน่ ก่อนนางจะเลื่อนขยับมือเล็กทั้งสองให้เป็นฝ่ายโอบล้อมมือของบุรุษตรงหน้าไว้ทั้งหมด พลางขยับมือมาใกล้ริมฝีปากระเรื่อสีที่เป่าลมอุ่นให้ผะแผ่วและค่อยคอยขยับกระชับให้มือของอีกฝ่ายนั้นอุ่นขึ้น
“ ก็รู้ว่าอากาศเย็นลงถึงเพียงนี้ก็เตรียมตัวมาให้ดีด้วยสิเจ้าคะ ” เด็กสาวพยายามกล่าวเสียงขึงขังขณะกำลังง่วนกับการทำให้มือของบุรุษเบื้องหน้านางคลายความเย็นลง จนไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของกัวเจียยกยิ้มชอบใจไม่หยุด
“ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง คดีของโจรสาวผู้นั้น ” ระหว่างนั้นกัวเจียก็ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เด็กสาวได้ผละหายไม่ได้พบหน้ากันไปเกือบเดือนเพื่อถามไถ่ เป็นจังหวะเดียวกับที่มือทั้งสองของอีกบุรุษเริ่มอุ่นขึ้นแล้วให้นางผละมือก่อนจะผินสายตาเลื่อนสบและคอบคำถามกลับไป
“ ก็.. ตอนนี้ได้รับโทษให้ไปทำงานให้โฮเฮาแทนแล้วล่ะเจ้าค่ะ ” ดรุณีน้อยเอ่ยบอกหมดเปลือกไม่คิดปิดบังใดแก่คนเบื้องหน้านาง พร้อมกันนั้นก็พลันเอ่ยต่อถึงเนื้อหาในจดหมายที่อีกฝายเคยส่งมาให้ด้วยน้ำเสียงเจือความจริงจังหลายส่วน “ แล้วก็.. เรื่องแผนการของอาเจีย คราแรกข้าคิดจะลงใต้ แต่หลังจากมือปราบหวังที่พยายามช่วยเหลือคดีแม่นางเจิ้งให้ได้รับความยุติธรรมยามนี้กลับถูกได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน ข้า.. จึงคิดว่าอยากดำเนินการตามแผนแรกที่อาเจียแนะนำเจ้าค่ะ ” . “ เพื่อที่คนรอบตัวข้าจะไม่ต้องมารับโทษใดแทนข้า.. หากลงใต้ไปแล้วมิแคล้วเหล่าพี่สาวซูฮวาหรือถานเจ๋อที่อยู่ซีเหอก็จะเป็นอันตรายด้วยน่ะเจ้าค่ะ ” นางเอ่ยเสียงเครือที่แม้แววตาที่สบหาจะมุ่งมั่นแต่ท่าทางก็ยังหวั่นหวาดให้กัวเจียต้องส่งยิ้มราวเป็นกำลังใจให้แก่ตัวเด็กสาว ท่าทางที่ราวกับอยู่เคียงกันมาเสมอทำให้จิ้นอิ๋งเกิดอ้ำอึ้งมาครู่หนึ่งเพราะยังจำถึงเนื้อหาภายในอีกส่วนที่ยังไม่ได้เอ่ยถึง
ดวงหน้าหวานพลันเริ่มฝาดแดงที่ไม่รู้เพราะโดนความหนาวเย็นไล่ลามหรือเพราะเหตุผลอื่นใด ริมฝีปากเล็กคล้ายขยับเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนที่นางจะหลบเลี่ยงสายตาของอีกบุรุษที่ยังคงมองกลับเหมือนรอคอยให้นางเอ่ยบางสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างใจเย็น ทว่าดรุณีน้อยก็คล้ายเขินอายเกินกว่าจะหลุดสารภาพเป็นคำกล่าวใด นางได้ทำการหยิบเอาถุงหอมที่เก็บไว้มาเนิ่นนานในย่ามออกมายื่นส่งให้แก่กัวเจียแทน
“ ข้า.. ขอบคุณอาเจียมากด้วยเรื่องที่ช่วยพูดกับขันทีที่ข้ามีปัญหา… ถึงไม่รู้ว่าอาเจียรู้ได้อย่างไร แต่ก็ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ ” ระหว่างยื่นส่งถุงหอมจูอวี๋แก่อีกบุรุษ ดรุณีน้อยก็ทำทีเอ่ยไปถึงเรื่องอื่นเบี่ยงประเด็นความนัยที่มอบของให้แก่กัวเจียไปด้วยจนคนรับของพลันหลุดเสียงหัวเราะชอบใจดังแผ่ว อีกฝ่ายรับของสิ่งนั้นไว้ในมือพร้อมเอ่ยขอบคุณให้ตัวจิ้นอิ๋งยิ่งต้องเอ่ยประโยคอื่นเพื่อกลบเกลื่อนยังความอายที่กำลังไล่ลามความเห่อร้อนมาทั่วใบหน้าของนางอีกหน
“ หวังว่าที่อาเจียไปช่วยพูดให้ขันทีผู้นั้นแทนข้าจะไม่มีปัญหาเองนะเจ้าคะ ข้า..เป็นห่วงอาเจียนะเจ้าคะ ”
“ ข้าไม่เป็นไร.. ถ้าเจ้าห่วงข้า ก็อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างที่ทำบ่อย ๆ ก็พอแล้ว… แต่คงจะห้ามได้ยากหน่อยกระมัง ” ประโยคที่เอ่ยกลั้วขำแซวหาช่วยคลายบรรยากาศลงได้ไม่น้อยจนจิ้นอิ๋งแทบจะยู่ปากใส่อีกบุรุษตรงหน้าให้ได้ยินเสียงหัวเราะกลับหาอีกหน
“ แล้วถุงหอมนี่ ให้เพื่อขอบคุณเรื่องขันทีงั้นหรือ? ” ทว่าจิ้นอิ่งที่คิดว่าเรื่องราวชวนกระดากเขินจะหายไป อีกบุรุษกลับไม่ปล่อยผ่านอย่างที่คิด ทำไขสือไม่รู้ไม่ชี้เอ่ยเรื่องถุงหอมที่นางส่งให้เป็นประเด็นอื่นจนเด็กสาวต้องมากลับมาอ้ำอึ้งไปอีกรอบ แววตาสีนิลแทบจะจดจ้องบุรุษเบื้องหน้าดูติดฉิวแต่คนโดนมองนอกจากไม่ได้เกรงกลัวยังเผยรอยยิ้มรับไม่หยุด
ก่อนสุดท้ายนางจะหลับหูหลับตาเอ่ยสารภาพไปทั้งดวงหน้าหวานที่ระเรื่อสีจนน่ากลัวว่าจะระเบิดออกมา “ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าให้… ให้เพราะข้ารู้สึก.. รู้สึกกับอาเจีย.. ไม่ใช่แบบสหาย ”
“ ไม่ใช่สหาย? อิ๋งเอ๋อร์เกลียดข้าหรือ? ”
“ ใครเกลียดกัน ข้าชอบอาเจียต่างหากเจ้าค่ะ ” เด็กสาวเอ่ยเถียงขึ้นมาเมื่ออีกบุรุษกลับเอ่ยแทรกคำสารภาพของนางขึ้นมาด้วยคำพูดเข้าใจผิดไปมากโข แต่พอสบตาอีกฝ่ายที่ยกยิ้มพราวระยับก็ทำเอาดรุณ๊น้อยเพิ่งมารู้ตัวว่าเสียรู้จนเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความอายก่อนจะเร่งเดินผละจากไปให้กัวเจียที่หัวเราะไล่หลังต้องเดินตามมากอบกุมยังมือเล็กเอาไว้ให้รั้งรอกัน
“ ข้าเข้าใจแล้ว.. เข้าใจแล้ว เจ้าจะรีบไปไหนกัน อย่างไรวิวบนยอดเขานี้ก็งามนัก มานั่งชมบรรยากาศกันต่อเสียหน่อยดีหรือไม่ ” คำเอ่ยชวนของกัวเจียที่พยายามเอ่ยเรื่องอื่นทำให้จิ้นอิ๋งที่ในอกใกล้ระเบิดด้วยความกระดากอายคลายความตระหนกที่เผลอหลุดคำสารภาพอย่างตรงไปตรงมานั้นไปได้ ท่าทางที่ไม่ได้รังเกียจของอีกคนก็คล้ายยิ่งทำให้นางแอบนึกดีใจอยู่ไม่น้อยทำให้ดรุณีน้อยยอมพยักหน้ารับคำของอีกบุรุษในที่สุด
. ยังยอดเขาหลิงซานที่หิมะยามต้นเหมันต์ฤดูที่หิมะโปรยปราย ทั่วพื้นที่คล้ายโอบล้อมยังหิมะชั้นบางพร้อมปรากฏสัตว์น้อยใหญ่ผ่านตาเป็นระยะให้มองเห็น มีหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีนั่งเคียงยังมุมหนึ่งของยอดเขา คล้ายเอ่ยพูดคุยถามไถ่เรื่องราวในช่วงที่ไม่ได้พานพบกันทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แว่วผ่าน ทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนจอกชาดื่มด่ำบรรยากาศสวยงามเบื้องหน้าพร้อม ๆ กับที่ได้ไออุ่นจากตัวชาในกระบอกช่วยคลายยังความหนาวที่โอบล้อมเอาไว้
กระทั่งเวลาผันผ่านเข้ากลางยามเซินของวัน ดรุณีน้อยถึงได้ออกความเห็นให้พากันลงจากเขาเพื่อกลับไปยังโรงเตี๊ยมซีฮันที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเขาหลิงซานนี้เพื่อไม่ให้อีกบุรุษเกิดป่วยไข้ไปเสียก่อนหากอยู่จนเย็นย่ำและแสงแดดยามบ่ายได้หมดลงจนไม่อาจช่วยคลายความหนาวได้อีก โดยที่ตัวจิ้นอิ๋งนั้นก็ได้ลืมถึงการหาโสมให้พี่สาวซูฮวาไปเสียสนิทเลยเชียว! [028] มอบ ถุงหอมจูอวี๋ ให้
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วยสถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง |