[นอกเมืองหวยอิน] ท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-22 12:46:57 |โหมดอ่าน

ท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่
{ นอกเมืองหวยอิน }








【ท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่】

ท่าเทียบเรือโบราณอันมั่นคงแข็งแรงนี้สร้างขึ้นในสมัยฮั่นเหวินตี้
ในอดีตเคยเป็นสถานที่เศรษฐกิจสำคัญ จึงยังคงเหลือไว้ซึ่งหอสังเกตุการณ์
ทิวทัศน์ในลำน้ำฉางเจียงทอดยาว ขุนเขามองไกลออกไปงดงามยิ่งนัก
ให้บริการที่พักและสามารถว่าจ้างคนเรือ เดินทางข้ามฟาก
การเดินทางพักผ่อนก็รองรับแขกได้ถึงสองร้อยคน
อาหารการกิน จัดว่าอยู่ในระดับไม่เลวร้าว มีปลาแม่น้ำสดใหม่ทุกวันเน้นเค้มหนักรสจัดจ้าน
ด้านหน้ามีตลาดแผงลอยหาบเร่ทุกช่วงเช้า เป็นอีกจุดที่มีชาวประมงคึกคักที่สุด

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 150 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)




{ วิถีชีวิตคนสันโดษ }

[ดูคู่มือการเก็บทรัพยากรส่วนตัว]

(1) ติดตั้ง "เบ็ดตกปลา" ชนิดใดก็ได้ (สามารถหาซื้อได้จากร้านอุปกรณ์)

(2) เขียนโรลตกปลาตามคู่มือด้านบน
(3) ระบุท้ายโพสต์เลือกปลาที่จะตก โดยแต่ละพื้นที่จะมีปลาแตกต่างกัน

{ โบนัสพิเศษ }
(1) หากเป็นคนลักษณะนิสัยสันโดษ ได้รับโบนัส x2

{ ปลาที่พบบริเวณนี้ }
(1) ปลาหม่าเจียวยวี
(2) ปลาจาระเม็ด
(3) ปลาดอร์ลี่

* มีโอกาส 0.1% ตกได้ปลาหิมะ หรือ กุ้งมังกร - นิสัยสันโดษ 0.5% *







โพสต์ 2021-9-22 12:50:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
{ คู่มือการใช้บริการข้ามแม่น้ำ }


คนเรือ
พวกเจ้าจะข้ามฟากงั้นเหรอ มานี่สิข้าจะพาไป


  
(1) ตรวจเช็คจุดหมายพิกัดที่ท่านจะไป โดยท่าเรือนี้จะพาคุณข้ามฟากไปยังมณฑลดังนี้:
เมืองไท่ผิง , เมืองซื่อซิน , เมืองโผหยาง , เมืองไห่ฮุน , เมืองฉงเซียน ,
เมืองหลินเซียง , เมืองหลินหยวน , เมืองฉางซา , เมืองกุ้ยหยาง , เมืองเจียงโจว
(2) เขียนโรลสร้างสตอรี่ข้ามฟาก เลือกพิกัดที่ท่านจะข้ามฟาก
(3) จ่ายเงินให้คนเรือก่อนเขาพาท่านพายเรือข้ามไป 5 ตำลึงเงิน + ภาษีเมือง 5% = 6 ตำลึงเงิน
(โอนมาไอดี Webmaster)
(4) จากนั้นให้ท่านเขียนโรลสร้างสตอรี่ขึ้นฝั่ง ที่ พิกัดเมืองเป้าหมายอีกฟาก


หมายเหตุ: กรณีมีผู้ติดตาม หากจะพาพวกเขาไปด้วยให้ท่านจ่ายเงินค่าหัวพวกเขาด้วย หรือ ให้รอที่นี่ก็ได้







←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-27 19:13:11 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:29


⌜47⌟

บทที่ 8
เรื่องราวเข้าใจผิด
ฉากที่ 10
                    
                    
          ต่อให้พยายามเดินทางมาอย่างรวดเร็วแค่ไหนแต่ด้วยระยะทางไกลหลายหมื่นลี้ย่อมเป็นไปได้ยากที่จะมาถึงก่อนเวลานัดที่ยามเซิน แต่ก็ยังดีที่มาถึงก่อนเวลายามไห้ ทว่าผ่านไปหลายชั่วยามดีดักตอนนี้ตงฮั่วคงรอนางมากแล้ว นอกจากแวะพักซื้อเสบียงที่สวี่ซางเด็กสาวก็ไม่พักม้าที่ไหนอีกแล้วตรงมายังท่าเรือที่หวยอินเพียงอย่างเดียว และเมื่อมาถึงที่ท่าเรือเด็กสาวก็เห็นว่าเขากำลังรออยู่ตรงนั้น..
           
          “คุณชายซู.. รอนานไหมเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่รีบลงมาจากม้าด้วยท่าทีเหนื่อยหอบ แม้ว่าจะไม่ได้วิ่งมาเหมือนม้าแต่คนคุมก็อ่อนล้าไม่แพ้กัน เห็นท่าทางคนเพิ่งมาถึงรีบร้อนขนาดนี้คนรอก็ไม่อยากตำหนิแม้ว่าเด็กหนุ่มจะรอมาเป็นชั่วยามแล้ว ตงฮั่วพอจะเข้าใจว่าเด็กสาวต้องกลับไปซีเหอก่อนมิเช่นนั้นคงไม่ให้เวลารอนางถึงยามไห้หรอก แต่ถึงจะไม่ได้ตำหนิแต่สีหน้าของเด็กหนุ่มกลับดุดันเหมือนพยัคฆ์เมื่อเห็นว่านางมีคนตามมาด้วยเป็นชายหนุ่มหน้าขาวท่าทางเจ้าสำอางคนหนึ่ง
         
          “นาน” คำตอบจากคนตงฉินจึงยิ่งห้วนสั้นเอาเรื่องยิ่งกว่าเดิม เขาไถ่ถามออกไปอย่างตรงประเด็นทันที เรื่องอยู่ร่วมกับชายหนุ่มสองต่อสองทั่งคู่เคยเสวนากันมาแล้ว เด็กหนุ่มจึงรู้สึกตะหงิดในใจเมื่อเห็นว่าสาวน้อยมากับชายหนุ่มผู้อื่น ไม่ใช่ด้วยความหึงหวง ทว่าหลายต่อหลายครั้งเฟินเยว่ดูจะซื่อบื้อเกินไปไม่ทันเหลี่ยมชาย สหายอย่างเขาเห็นแล้วก็เป็นห่วงแทนกลัวว่านางจะถูกหลอกหรือถูกล่วงเกิน “แล้วนั่น เจ้ามากับใคร”
         
          “อ้อ.. นี่คือคุณชายเหลียงต้าซิ่นน่ะเจ้าค่ะ เขาเป็นสหายร่วมทางในการตามหาพี่ชายของข้าเองเจ้าค่ะ ส่วนทางนี้คือคุณชายซูเสวียนจิน เป็นสหายที่เคยช่วยเหลือชีวิตข้าเอาไว้เจ้าค่ะ”
         
          เฟินเยว่แนะนำให้ต่างฝ่ายต่างได้ทำความรู้จักกัน ทว่ากลับเห็นว่าทั้งสองหนุ่มต่างประจันหน้าแล้วส่งสายตาที่ดูไม่เป็นมิตรใส่กันตั้งแต่ในครั้งแรก ด้านต้าซิ่นเขาคิดว่าสหายที่เฟินเยว่บอกว่าจะไปเที่ยวด้วยเป็นสตรีมาตลอด แต่เมื่อมาเจอหน้ากลับพบว่าเขาเป็นบุรุษจึงชวนให้บัณฑิตหนุ่มคิดไปในนางอื่น เขาเพียงแต่ยิ้มและส่งสายตามีเลศนัยไปให้ ก่อนที่จะแนะนำตัวออกไปตามมารยาท
         
          “สวัสดีขอรับ ข้าเหลียงต้าซิ่น บัณฑิตแห่งไท่หยวนยินดีที่ได้รู้จัก ข้ามีปณิธานเดียวกันกับ--...”
         
          “ซูเสวียนจิน” ตงฮั่วชิงแนะนำตัวไปสั้น ๆ ก่อนที่ต้าซิ่นจะพูดจบ ดูแล้วก็เย็นชาเฉยเมยไม่ต่างอะไรกับตอนที่ได้พบกับเด็กสาวเป็นครั้งแรก เขาเบือนสายตากลับมามองทางเฟินเยว่ไม่ได้สนใจผู้ร่วมทางมาด้วยอีกคน “แล้วจะไปกันหรือยังล่ะ”
         
          ต้าซิ่นเห็นว่าเขาถูกเมินจึงกระตุกยิ้มที่มุมปาก แม้จะไม่ได้แสดงอาการแต่ทว่าในใจด่า ‘เด็กเวรนี่!!’ ไปก่อนแล้ว.. จากการประเมินคู่สนทนาน่าจะคุยด้วยยากเขาจึงหันมาคุยกับเด็กสาวแทน
         
          “เอาล่ะ ข้ามาส่งเพียงเท่านี้แหล่ะ ประเดี๋ยวจะไปทำธุระที่หมู่บ้านใกล้ ๆ ต่อ อย่างไรถ้ากลับมาแล้วแม่นางซุนก็ไปหาข้าที่หมู่บ้านซีตี้ทางตอนเหนือนี้นะ”
         
          “เจ้าค่ะ” ไม่รู้ว่าจะตอบใครก่อนดีเฟินเยว่จึงหันมองทั้งสองสลับกันแล้วตอบออกไปด้วยคำตอบเดียว และทันทีที่ได้ยินคำตอบตงฮั่วก็เดินนำลิ่ว ๆ ไปที่ท่าเรือเสียแล้ว “อ๊ะ คุณชายซูรอด้วยเจ้าค่ะ ดะ..เดี๋ยวถ้าเสร็จธุระแล้วข้าจะไปตามหาที่หมู่บ้านซีตี้นะเจ้าคะคุณชายเหลียง” เด็กสาวค้อมศีรษะลาอย่างล่ก ๆ ก่อนที่จะจูงม้าทั้งสองตัววิ่งตามเด็กหนุ่มไป ด้านต้าซิ่นได้แต่เพียงยิ้มรับพยักหน้าแล้วกอดอกมองส่งทั้งสองคน
         
          “เรือข้ามฟากไปซื่อซินพร้อมแล้ว อีกหนึ่งเค่อจะออกจากท่า.. อ้อ คุณหนู ม้าเอาลงแพไปได้แค่หนึ่งตัวเท่านั้นนะ”
         
          “อ๊ะ จริงหรือเจ้าคะ” ได้ยินคนเรือกล่าวเช่นนั้นจากเดิมที่เป็นคนล่กอยู่แล้วเฟินเยว่ก็ยิ่งเลิกลั่กยิ่งกว่าเดิม มองซ้ายมองขวาหาคนช่วยก็เห็นว่าบัณฑิตยังไม่ได้จากไปไหน “คุณชายซูรอก่อนนะเจ้าคะ” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนที่จะรีบจูงไป๋ไป๋เดินดุ๊ก ๆ กลับไปหาต้าซิ่น “เอ่อ.. เขาให้เอาม้าไปได้แค่ตัวเดียวน่ะเจ้าค่ะ ถ้าอย่างไรขอฝากไป๋ไป๋ไว้กับคุณชายเหลียงก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
         
          “ก็ได้อยู่หรอก” ต้าซิ่นรับเอาไป๋ไป๋มาดูแลไว้ แล้วรอให้เด็กสาวนำเครื่องใช้จำเป็นย้ายไปที่ม้าอีกตัว “เฮ้อ ต้องอยู่กับเจ้าอีกแล้วสินะ” ท่าทางของเขาดูจะขยาดการขี่ม้าเร็วไปไม่น้อย หวังว่าช่วงเวลาที่ช่วยดูแลม้าจะทำให้ชินชาขึ้นกว่าเดิม
         
          “รบกวนด้วยนะเจ้าคะคุณชายเหลียง”
         
          “ไม่เป็นไร ๆ ท่านเองก็เที่ยวให้สนุกล่ะ”
         
          “ขอบคุณนะเจ้าคะ ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” เด็กสาวรีบค้อมศีรษะลาอีกครั้งก่อนจะถือของพะรุงพะรังวิ่งกลับไปที่ท่าเรือ “พร้อม.. พร้อมแล้วเจ้าค่ะ ค่าขึ้นเรือเท่าไรเจ้าคะ”
         
          “ค่าเรือคนละหกตำลึงเงินขอรับคุณหนู”
         
          “นี่เจ้าค่ะ”
         
          เฟินเยว่จ่ายเงินค่าเรือไปทั้งหมดสิบสองตำลึง จ่ายให้ในส่วนของตงฮั่วด้วยเพราะเข้าใจดีว่ามนุษย์ถ้ำอย่างอีกฝ่ายไม่มีเงินทองพกติดตัว (?) และเมื่อทั้งคนทั้งม้าพร้อมแล้วทั้งหมดก็ลงเรือลงแพมุ่งลงใต้สู่ซื่อซิน

.
.
.


เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-9-27 20:30:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhaoPei เมื่อ 2021-9-27 20:34

เสียงกีบเท้าม้าหยุดลงเมื่อถึงท่าเรือให้หญิงสาวเกิดฉงนเมื่ออยู่ๆผู้ติดตามนางได้พามาหยุดที่นี่ จ้าวเพ่ยเห็นซุนหยางลงจากม้าก็ลงหลังม้าตามทั้งมองไปที่อีกฝ่ายไม่วางตา ผู้ติดตามนางหันมามองจ้าวเพ่ยแว็บหนึ่งทั้งเดินไปพูดคุยกับคนเรือข้ามฟากเพียงสองคน ทิ้งให้นางยังคงอยู่กับม้าไม่สามารถฟังบทสนทนาทั้งสองได้

"จะข้ามฟากหรือ?"

นางถามขึ้นทำให้ผู้ติดตามนางชะงักครู่หนึ่งและหันมามองหน้านาง ซุนหยางผึดรอยยิ้ขึ้นมาให้กับนางก่อนจะหันไปสนทนาต่อกับคนเรือยิ่งสร้างความฉงนเมื่อเห็นว่าชายผู้ติดตามดูอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมหลังจากได้ยินคำถาม

ซุนหยางเดินกลับมาหาจ้าวเพ่ยทั้งพยักหน้าให้นาง หญิงสาวนั้นไม่รู้เส้นทางอาศัยให้ผู้ติดตามนำทางมาตลอดก็เดินตามอย่างว่าง่ายมาถึงหน้าท่าเรือข้ามฟากที่มีคนเรือลงเรือพร้อมจะพาไปยังอีกฟากหนึ่ง

"ต้องข้ามฟากด้วยหรือ?"

"ใช่.. ไปยังเมืองซื่อชิน ข้าคุยกับคนเรือแล้ว ราคาหกตำลึง เจ้าลงรอก่อน ข้าจะนำม้าและสัมภาระตามไป"

จ้าวเพ่ยถูกดันหลังให้ลงเรือที่มีคนเรือรออยู่แล้ว นางหยิบถุงตำลึงคลี่ออกเพื่อจ่ายให้แก่คนเรือก่อนจะหันไปมองซุนหยางจูงม้าและสัมภาระมาหยุดยังท่าจอดเรือ ภาพที่นางเห็นกลับเป็นภาพซุนหยางและอาชาของนางห่างออกไปเรื่อยๆ

รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของผู้ติดตามนางพลันยกมือขึ้นลากับนาง จ้าวเพ่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าปรากฏออกมาอย่างขัดเจนว่านางเองก็ตกใจกับความคิดของผู้ติดตามคนนี้ไม่น้อย เมื่อคิดได้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปนางกลับพลุนพลันจะลุกแต่เรือถูกพายไปอยู่กลางน้ำกลับโคลงจากแรงของนาง ให้นางต้องรีบจับกาบเรือเอาไว้ก่อนจะตกน้ำเสียเอง

"รีบกลับมานะนายหญิง!"

ซุนหยางกล่าวก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้

"เจ้า!!" จ้าวเพ่ยตะโกนข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งทั้งหันมาหาคนเรือที่พายเรือต่ออย่างหน้าซื่อ ครั้นพอจะคิดว่ารวมหัวกันหลอกนางก็ดูโหดร้ายเกินไป หญิงสาวนั่งลงกับเรือทั้งหันกลับไปมองซุนหยางเพื่อรอให้นางถึงอีกฟากเพื่อตีเรือกลับไปอีกหนหนึ่ง

"ท่านจะไปรับเขาอีกรอบใช่หรือไม่" จ้าวเพ่ยพยายามคิดในแง่ดีว่าอาจจะไปกลับหลายรอบ จึงได้เอ่ยถามไปแบบนั้นหวังว่าจะได้รับคำตอบที่นางต้องการ

"หกตำลึงสำหรับหนึ่งหัวขอรับ.. พ่อหนุ่มคนนั้นบอกว่าแม่นางจ้างเขามาเพื่อพามายังเรือข้ามฟาก" คนเดินเรือกล่าวถึงบทสนทนาที่นางไม่ได้ยินในคราแรก ให้ไขข้อข้องใจไปอีกหนึ่งเรื่อง ไม้พายยังคงพายให้เรือแล่นไปตรงหน้าด้วยความเร็วสม่ำเสมอไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย "ในคราแรกพ่อหนุ่มผู้นั้นมาถามถึงจุดซื้อเบ็ดตกปลาเพียฝงเท่านั้น"

"นั่นผู้ติดตามข้า.." จ้าวเพ่ยกล่าวทั้งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งสัมภาระและม้าก็อยู่กับซุนหยางบ่งบอกได้เลยว่าผู้นั้นต้องการแกล้งให้นางข้ามฟากไปกลับให้เสียเงินเล่นๆ

ซุนหยางรู้ดีอยู่แล้วว่าช่วงนี้นางต้องมัธยัสถ์แต่ก็มาทำเรื่องแบบนี้ให้นางไปเสียได้

พลันหันไปมองก็ยังเห็นรออยู่ที่ท่าเรือไม่มีท่าทีว่าชิ่งหนี นางก็พร้อมจะตีเรือกลับเพื่อที่จะไปเตะตูดผู้ติดตามตัวดีสักที แต่หากทำอย่างนั้นเงินที่นางเสียไปก็ใช่ว่าจะกลับคืนมาเสียทีเดียว ยิ่งคนเรือที่มีสภาพที่น่าเป็นห่วงแบบนี้ด้วย

ยิ่งอายุมากเท่าไหร่ ฝืนร่างกายตัวเองมากเกินไปก็ยิ่งไม่ดีแก่ตัวเอง

"จะให้ข้ากลับไปรับหรือไม่?"

"ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ…" จ้าวเพ่ยเอ่ยขณะมองน้ำที่อยู่ด้านล่าง หากหันไปมองซุนหยางก็พาลทำเอานางอารมณ์เสียขึ้นมาได้ ถุงตำลึงเงินถูกนำขึ้นมานับเพื่อเตรียมหาเรือข้ามฟากกลับขณะที่อยู่บนเรือก็พลันถอนหายใจขึ้นมาเมื่อต้องเสียเพิ่มอีกหกตำลึงเงินในเร็วๆนี้แน่

ความคิดแว้บหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวขณะที่นางยังคงมองตำลึงที่ติดตัวมาด้วย หญิงสาวเร่งปิดถุงห่อลายสวยและเก็บเอาไว้กับตัวทันที ก่อนจะทำใจให้ลืมเรื่องราวที่ถูกนำมาลอยแพด้วยตัวคนเดียวกลางน้ำเช่นนี้ ให้คิดถึงการแวะเที่ยวที่อีกฝั่งเสียหน้อยปล่อยให้คนรอได้รอไป

แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดส่องกระทบพื้นน้ำสะท้อนแสงสวยขึ้นมาให้จ้าวเพ่ยนั่งมองมันขณะรอข้ามฟาก ใช่ว่านางรู้สึกไปกับมันเสียทีเดียวเพียงแค่เบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรทำเพียงเท่านั้น มือสวยวางลงบนน้ำใสสัมผัสได้ถึงความเย็นขณะที่เรือแล่นไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางน้ำรอบตัวเช่นนี้เป็นคราแรกที่นางได้มานั่งคนเดียวโดยลำพังไร้การสนทนาใดๆ

จวบจนท่าเรืออีกฝั่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ให้นางต้องดึงแขนชุดกี่เพ้าลงเช่นเดิม เพื่อเตรียมตัวขึ้นท่าอีกฝั่ง หญิงสาวหันกลับไปมองยังที่เธอจากมาก็เห็นท่าเรือฝั่งนั้นอยู่ไกลลิบๆ ก็อยากจะจ่ายค่าจ้างพิเศษให้คนเรือกลับไปรับเอาผู้ติดตามนางมาแล้วแสร้งทำเรือล่มกลางน้ำเสียจริง

จ่ายเงินค่าข้ามฟากไปยัง ซือซิน 6 ตำลึงเงิน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-9-29 09:44:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-9-29 09:47


นัดพบทะเลสาบไท่หู
พบกันที่ท่าเรือเมืองหวยอิน
.
.

          หลังแวะเวียนซื้อบะหมี่อย่างที่ตั้งใจยังย่านการค้าของเมืองหรูหนานเรียบร้อย จิ้นอิ๋งก็ได้เดินทางต่อไปยังเมืองหวยอินบริเวณท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่อันเป็นสถานที่นัดหมายกับบุรุษแซ่กัวต่อ ซึ่งแม้จะเดินทางค่อนข้างเช้า แต่ระยะทางก็ทำให้เด็กสาวมาถึงใกล้ยามเว่ยอยู่ดี บะหมี่ที่ซื้อมาฝากในตัวหีบห่อที่ปิดด้วยผ้าอย่างมิดชิดพลันถูกถือโอบไว้อย่างถนอม ความอบอุ่นที่ยังได้รับทำให้จิ้นอิ๋งยังพอได้เบาใจว่ายังไม่เย็นชืดให้เสียรสชาติไปเสียก่อน

          ในตอนลงจากรถม้าทั้งหมดแล้ว ด้วยเพราะสัญญากับสหายถึงการมาพบตามลำพัง จิ้นอิ๋งจึงตัดสินใจกล่าวบอกให้แยกเดินทางเรือคนละลำกับผู้ติดตามทั้งสองจะดีกว่า แล้วค่อยเจอกันอีกทีเมื่อถึงเมืองเจียงเยี่ย

          " แน่ใจใช่หรือไม่เจ้าคะ? "

          ซูฮวาเป็นฝ่ายเอ่ยถามย้ำให้เพราะตัวถานเจ๋อแทบจะตีหน้างอง้ำเดินหนีไปอีกทางแล้ว ลำบากสตรีแซ่เหมยที่ต้องไปช่วยพูดให้ ทว่ายามนี้ต้องพูดคุยกับเด็กสาวตรงหน้าให้เรียบร้อยเสียก่อน ซึ่งจิ้นอิ๋งก็ผงกหัวรับหนักแน่น หลังมานึกคิดให้ดีแล้วว่านางนั้นไม่ได้นัดหมายกับอีกฝ่ายโดยไม่บริสุทธิ์ใจ เพียงเจอกันอย่างทุกคราเหมือนกับที่คอยแวะเวียนยังบ้านของอีกบุรุษ เพียงครั้งนี้เปลี่ยนที่เจอเป็นทะเลสาบไท่หูของเมืองเจียงเยี่ยก็เท่านั้น

          " เจ้าค่ะ! ก็เหมือนกับที่เคยเจอท่านกัวฟ่งเสี้ยวมาตลอด ข้าก็ไม่ได้ไม่บริสุทธิ์ใจกับท่านกัวด้วย เลยคิดว่าไม่ควรทำตัวแปลกไปจากเดิมน่ะเจ้าค่ะ "

          เด็กสาวเอ่ยหนักแน่นพร้อมเตรียมตัวค้อมลาอีกสตรีไป ซูฮวาที่พอเข้าใจว่าหากมีสหายต่างเพศเช่นนี้ ยามพบว่าอีกฝ่ายมีผู้ที่หมายตาต้องใจแล้ว ย่อมต้องระมัดระวังการกระทำของตนมากขึ้นอยู่ดีเพื่อรักษาน้ำใจของอีกบุคคล เช่นนั้นในช่วงแรกจิ้นอิ๋งมีท่าทางคล้ายลังเลไม่มั่นใจหลาย ๆ อย่างก็เป็นเรื่องปกติ และยิ่งยามนี้ที่ตัดสินใจได้ว่าตัวนางนั้นบริสุทธิ์ใจในการคบหาเป็นสหายแก่อีกฝ่ายจริง จึงเป็นเรื่องที่ดีด้วยว่าเด็กสาวจะไม่กระทำสิ่งไม่ควรลับหลังแน่

          " เช่นนั้นเจอกันที่เมืองเจียงเยี่ยเจ้าค่ะ "

          " เดินทางปลอดภัยนะเจ้าคะพี่สาวซูฮวา ฝากช่วยพูดกับถานเจ๋อด้วยนะเจ้าคะ "

          ประโยคท้ายจิ้นอิ๋งพลันเอ่ยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจขึ้นมาระคนขบขัน ก่อนจะให้ตำลึงเงินค่าเรือแก่ผู้ติดตามไปด้วยถึงเดินแยกออกไปจนถึงยังตัวท่าเรือตามที่นัดหมาย เมื่อเห็นร่างของอีกบุรุษทอดมองผืนน้ำสลับผินมองยังตัวเรือที่พายข้ามไป ร่างเล็กก็พลันเร่งฝีเท้าเข้าหาด้วยไม่รู้ว่ากัวฟ่งเสี้ยวนั้นมารอตั้งแต่เมื่อใด

          .
          " ท่านกัวฟ่งเสี้ยว สวัสดีเจ้าค่ะ.. รอนานหรือไม่เจ้าคะ? " เมื่อถึงตัวสหาย จิ้นอิ๋งก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าติดกังวลพร้อมกับเลื่อนสายตาสำรวจยังอีกฝ่ายไปด้วย

          ทางกัวฟ่งเสี้ยวเมื่อเห็นดรุณีที่นัดหมายมาตามลำพังอย่างที่เอ่ยบอกก็ทำเอาเผลอเลิกคิ้วมองหาคาดไม่ถึงนัก ทว่าก็อดรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างที่อย่างน้อยจิ้นอิ๋งยังมีท่าทางปกติกับตนอยู่แม้จะโดนเขาคิดแผนแกล้งหยอกไปเมื่อวันไปร่วมงานแต่ง ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ยังดูเชื่อใจบุรุษง่ายดายเกินไปเสียหน่อยจนอดเอ่ยดุขึ้นมาไม่ได้แม้ใบหน้าจะประดับรอยยิ้มดูขัดกันไปเสียหมดก็ตาม

          " ไม่นานนักหรอกแม่นางกู่.. แต่เจ้ายังเชื่อใจบุรุษง่ายดายเกินไปอย่างทุกคราเลยเชียว สรุปที่เจ้าเคยบอกจะระมัดระวังนี่แค่กล่าวแค่ให้ข้าสบายใจงั้นหรือ " จบประโยคจากอีกฝ่าย ดวงหน้าหวานพลันยู่ริมฝีปากเล็กเหมือนทุกครา ท่าทางคล้ายเตรียมเอ่ยแย้งออกมาอยู่ในที

          " ก็ข้าเคยบอกแล้วนี่เจ้าคะว่าข้าไว้ใจท่านกัว! อย่างไรก็นับเป็นสหายกันแล้ว ไฉนต้องมานึกไม่เชื่อใจกันด้วยเล่าเจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยตอบกลับเสียงแข็งขัน ก่อนจะเอ่ยชวนให้อีกฝ่ายมาเข้าร่ม หาโต๊ะเก้าอี้ว่างแถวใต้ต้นไม้ใหญ่ประดับข้างท่าเรือนั้นเพื่อนั่งลงก่อนจะชวนให้อีกคนได้ทานบะหมี่ที่นางซื้อมาฝากร่วมกัน

          " ไม่รู้ท่านกัวทานมื้อเที่ยงหรือยัง.. เพราะรอไม่นานของท่านนี่เหงื่อออกเยอะน่าดูเชียวนะเจ้าคะ อย่างไรก็ทานบะหมี่ไถ่โทษที่ข้ามาช้าแล้วกันเจ้าค่ะ "

          เด็กสาวเอ่ยกลั้วขำระหว่างที่ก่อนหน้าตนจับสังเกตถึงเหงื่อที่ล้อมกรอบหน้าของอีกคนไปด้วยได้ ก่อนผ้าเช็ดหน้าผืนสีขาวสะอาดจะถูกยื่นส่งให้กัวฟ่งเสี้ยวได้เช็ดหน้าเช็ดตาตัวเอง ส่วนนางนั้นก็ผละมาทานบะหมี่อีกถ้วยของตนไปด้วย ซึ่งอีกบุรุษที่ไม่รู้ตัวนักว่าตนเหงื่อออกให้เห็นก็เร่งเช็ดจนสะอาด เนื่องด้วยยามฤดูใบไม้ร่วง ลมพัดโกรกชวนให้เย็นสบายนัก ยามแดดส่องจนเริ่มร้อนก็ยังถูกลมหนาวพัดมากระทบผิวจนไม่ทันได้สนใจไป
          .
          .
          เมื่อทั้งสองทานอาหารจนอิ่มกันแล้ว กัวฟ่งเสี้ยวก็เป็นฝ่ายนำจิ้นอิ๋งให้พากันขึ้นเรือแพเพื่อเดินทางสู่เมืองซื่อซินที่เป็นท่าเรือปลายทางต่อไป ก่อนในตอนที่อีกบุรุษจะทันได้จ่ายเงินแก่คนเรือ ก็มีมือเล็กยื่นส่งตำลึงเงินนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังจ่ายเผื่ออีกฝ่ายให้นิ่วคิ้วมองแทบจะเดี๋ยวนั้น เรียกเสียงหัวเราะใสจากจิ้นอิ๋งให้ดังขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่


          " ออกเงินแทนข้าด้วยเรื่องอันใด " กัวฟ่งเสี้ยวเอ่ยหาพลางสบตาราวต้องการเหตุผล

          " ถือว่าไถ่โทษที่ไปส่งท่านกัวฟ่งเสี้ยวถึงบ้านไม่ได้ในวันที่ชวนไปงานแต่งงานสหายน่ะเจ้าค่ะ.. คราแรกข้าว่าจะเอาบะหมี่เนื้อวัวเป็นของไถ่โทษ แต่ก็ดันมานัดช้าไปเสียก่อน... เอาเป็นจ่ายค่าเรือแทนคงได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ "

          ด้วยกลัวจะทำให้อีกบุรุษไม่ยอมรับเรื่องเงินที่จ่ายออกไปแทนนี้ น้ำเสียงหวานพลันเอ่ยอธิบายอย่างใจเย็นระหว่างที่ทั้งคู่ค่อยคอยขึ้นมานั่งยังตัวเรือ แพก่อนดรุณีน้อยจะผินใบหน้าไปกระพริบตาปริบด้วยสีหน้าคล้ายวอนขออยู่ในทีให้อีกฝ่ายยอมรับเรื่องที่นางได้อ้างไปเมื่อครู่ ซึ่งสหายแซ่กัวที่เห็นท่าทางนั้นก็ได้แต่หลุดรอยยิ้มขบขันและพยักหน้ากลับไปอย่างจำยอม เรียกรอยยิ้มกว้างอย่างดีใจจากจิ้นอิ๋งให้เผยออกไม่ต่างกัน

          ก่อนรอเวลาอีกเพียงครู่ เรือก็ถูกพายออกจากท่าไปเพื่อมุ่งสู่ปลายทางเมืองซื่อซิน ยามเมื่อลมพัดโชยโบกกระทบตัว เด็กสาวก็แทบหลับตาพริ้มพเยิดใบหน้ารับลมดูสบายอารมณ์ไม่น้อยไปตลอดเส้นทางเดินเรือเลยเชียว..


จ่ายเงินค่าเรือ 24 ตำลึงเงิน
[028] มอบ บะหมี่เนื้อวัว ให้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-29 16:29:47 | ดูโพสต์ทั้งหมด

จ้าวเพ่ยนั่งเรือมาจอดเทียบฝั่งท่า ก็ได้ยืนสอดส่องหาผู้ติดตามของนาง หญิงสาวหาที่ที่พอจะเห็นได้ชัดเพื่อให้เป็นจุดยืนรอซุนหยางที่อาจจะเดินทางมาที่นี่ แต่ความกังวลก็ทำให้หญิงสาวไม่สามารถรอนานได้เท่าที่ควร จ้าวเพ่ยเริ่มออกเดินเพื่อตามหาซุนหยางที่หายลับไปพร้อมกับสัมภาระและม้าของเธอ

คิดเอาไว้ว่าคงจะอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือนัก แต่ครั้นถามคนแถวนั้น หรือออกตามหาจนปวดขาก็หาซุนหยางไม่เจอเลย พอถามจนออกห่างท่าเรือมาได้พักใหญ่ๆนางก็ตัดใจและเดินกลับไปยังท่าเรืออย่างซึมๆ ภาพผู้คนเริ่มออกมาหาปลา และทำธุระส่วนตัวปรากฏต่อสายตานางขณะมองผู้คนผ่านไปผ่านมา หญิงสาวหันออกไปมองแม่น้ำตรงข้ามพลันนึกถึงวัยเด็กที่เคยหลงกับอาอี๋ในงานเทศกาลจนนางในวัยแบเบาะแผดเสียงร้องไห้ออกมาจนอาอี๋ตามหาจนเจอ

แต่ในยามนี้นางโตพอที่จะไม่ใช้วิธีเด็กๆแบบนั้นอีกต่อไป

จ้าวเพ่ยคิดพลางยกมือขึ้นมากัดหลังนิ้วชี้ขณะคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี นางคิดว่าจะเดินออกตามหาให้ไกลกว่านี้เสียหน่อย พลันคิดได้ดังนั้นความเต็บจากนิ้วมือเรียกสติให้นางไม่คิดลอยออกไปไกลส่งผลให้หญิงสาวสะดุ้งขึ้นและจับนิ้วที่ถูกกัดจนเป็นรอยแดงทันที

ซุนหยางเป็นชายขี้เกียจคนหนึ่งซึ่งอาจจะนอนพักที่ไหนสักที่และตื่นสายเป็นแน่ หรืออาจจะข้ามฟากไปตามหานาง จ้าวเพ่ยพยายามหาเหตุผลต่างๆเพื่อเลี่ยงความคิดที่ว่าซุนหยางได้หนีไปพร้อมสัมภาระของตนแล้ว นางแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าเศร้าขนาดไหนก่อนจะเดินกลับไปยังท่าเรืออีกรอบ

ไม่สามารถนับได้ว่าออกตามหากี่รอบและออกตามหาไกลถึงไหน สองขาเดินทอดจนปวดเมื่อยไปเสียหมด ความรู้สึกเหนื่อยล้ากลับร้องเรียกให้นางพักเสียบ้าง จ้าวเพ่ยหันออกไปทางแม่น้ำทั้งน้ำตาคลอขึ้นมา นางหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาซับน้ำตาพอให้ไม่ไหลด้วยเหตุผลเพียงโง่ๆว่าถูกผู้ติดตามหนีพร้อมของติดตัวของนาง เมื่อเห็นว่าเป็นไปได้สูงที่จะเป็นอย่างที่นางกลัว ก็ห้ามน้ำตาไม่ให้รื้นขึ้นมาอีกรอบได้

ไหล่ของนางถูกสัมผัสเบาๆเรียกให้หันกลับไป ภาพชายที่คุ้นหน้าปรากฏให้นางประจักษ์แก่สายตาว่านี่คือซุนหยาง หญิงสาวเผลอสะอื้นขึ้นมาแต่ก็ยกมือปิดปากกลั้นร่างกายไม่ให้เผยความรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา ก่อนจะนำมือลงแล้วตีหน้าโกรธใส่ซุนหยางทันที

"เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่" ซุนหยางเอ่ยถามออกมา.. เขามองที่ใบหน้าจ้าวเพ่ยก็เดาออกได้ชัดเจนว่านางตาแดงเหมือนคนร้องไห้ ไม่ทราบได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น

"เจ้านั่นแหละหายไปไหนมา" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคียง หญิงสาวเร่งเท้าเดินไปที่ม้าของนางเพื่อที่จะตรวจเช็คของทั้งหมดว่ายังอยู่ดีหรือไม่ หญิงสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อไม่รู้ว่านางหงุดหงิดขนาดนี้ด้วยเหตุผลอันใด ในเมื่อครู่นี้นางอัดแน่นด้วยความเศร้าเสียใจเต็มเปี่ยม

"ข้าก็แค่ไปพักเพียงเท่านั้น" ชายหนุ่มจับไหล่จ้าวเพ่ยให้หันมาเผชิญหน้ากับตน เขาปล่อยมือออกก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่านางยังคงไม่หายตาแดงเสียที "โกรธข้าหรือ… เรื่องอะไร"

"ข้าโกรธ.. เจ้าหลอกให้ข้านั่งเรือข้ามฟากเพียงคนเดียว พอถึงฟากนั้นข้าก็กลับไม่ได้.. ข้าต้องหาที่พักที่จะรอจนยามเฉินถึงจะข้ามกลับมาที่นี่ แต่เจ้ากลับไม่อยู่ จะให้ข้าคิดอย่างไร ในเมื่อตามหาเจ้าจนเหนื่อยกลับไม่มีใครพบเจ้าเลย"

จ้าวเพ่ยพูดออกมากับสิ่งที่นางพบเจอมา หญิงสาวยกผ้าผืนเล็กขึ้นมาซับน้ำตาเพื่อไม่ให้ไหลไล้แก้มลงมาให้ดูเป็นสตรีอ่อนแอต่อหน้าผู้ติดตามตน หญิงสาวระบายคำพูดออกมาก็เดินดุ่มขึ้นไปบนหลังม้าเพื่อจะออกเดินทางต่อโดยไม่พูดอะไรต่อจากนี้ ส่งผลให้ซุนหยางต้องตามมาหานางอีกครั้ง

"ข้าก็กลับมาแล้วไง… ของทุกอย่างของเจ้าก็ยังอยู่ครบ"

"..."

"ที่เจ้าร้องไห้เพราะโกรธข้าหรือ" ซุนหยางเอ่ยถามออกไปตรงๆกับจ้าวเพ่ยทำให้นางก้มลงมองอีกฝ่ายที่ยังไม่ยอมเดินทางง่ายๆหากไม่คุยกันให้รู้เรื่อง หญิงสาวเม้มปากแน่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้านาง จนซุนหยางพอจะเดาอาการได้ "ข้าขออภัย"

"..."

"ก็เจ้ากล่าวบอกว่าคิดจะแยกทางกับข้าเลยอยากแกล้งเล่นเสียหน่อย หากทำให้เจ้าไม่พอใจข้าขออภัย"

จ้าวเพ่ยพยักหน้าน้อยๆพอให้รู้ว่านางหายโกรธแล้ว หญิงสาวมองไปยังซุนหยางขึ้นควบม้าเพื่อจะเดินทางต่อ ขณะที่นางจับผ้าแพรผู้ติดตามก็เอ่ยบางอย่างให้นางชะงักลงเล็กน้อย

"ข้าถามคนแถวนี้แล้ว.. พวกเราเดินทางขึ้นเหนือไม่ได้ โจรโพกผ้าเหลืองยึดเมืองเหล่านั้นแล้ว คงจะต้องเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม"

"ที่เดินทางมาก็เสียเปล่าสิ" นางเอ่ยเมื่อได้ยินซุนหยางพูดให้นางได้ฟังถึงแผนการเดินทาง หญิงสาวลอบถอนหายใจเล็กน้อยพอให้อีกฝ่ายหันไปมองก่อนจะควบม้าเพื่อออกไปจากตรงนี้

"ข้าว่าไม่เสียเปล่าเสียทั้งหมดหรอก ไปพักที่ลั่วหยางก่อนแล้วข้าจะดูให้อีกทีว่าจะไปทางใดได้บ้าง"

ม้าเริ่มออกตัวเพื่อออกเดินทางอีกครั้ง จ้าวเพ่ยมองทอดออกไปยังท่าเรือที่เริ่มจะจากไปก่อนจะกอดย่ามของนางเอาไว้แน่นเมื่อรับรู้ว่านางเกือบตะตกหลังม้าอีกรอบจากแรงวิ่งของม้าที่แทบทรงตัวไม่อยู่

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-9-30 23:29:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลเดินทางข้ามฝากใช้คนละครึ่ง



"เห้อเกือบจะไม่ทันเลยนะเนี้ยตอนนี้ หวังว่าจะมีเรือข้ามฝากที่จะพาข้าข้ามไปอีกฝั่งได้นะถ้าไม่อย่างงั้นข้าคงจะไม่สามารถที่จะข้ามไปได้อย่างแน่นอนแบบนี้"

"ว่าไงพ่อหนุ่มเจ้าต้องการข้ามฟากไปอย่างงั้นหรอโฮะๆได้สิว่าแต่พ่อหนุ่มจะไปไหนกันล่ะบอกได้นะข้าพร้อมจะพาไปได้ทุกทีเลยขอเพียงพ่อหนุ่มนั้นมีเงินพอโฮะๆ"

"อ่า...ได้สิท่านปู่ข้ามีเงินพร้อมที่จะจ่ายท่านอย่างแน่นอนขอเพียงแค่ท่านนั้นพาข้าไปส่งถึงจุดหมายได้ปลอดภัยก็เพียงพอแล้วท่านปู่"

"ดีๆถ้าเช่นนั้นพ่อหนุ่มต้องการที่จะไปที่ไหนล่ะบอกปู่คนนี้มาได้เลยโฮะๆ"

"งั้นข้าขอให้ท่านพาข้าไปที่ท่าเรือซื่อซินก็แล้วกันนะท่านปู่ขอให้รีบเลยข้าจำต้องรีบเดินทางจริงๆแต่ว่าก็ต้องปลอดภัยด้วยนะท่านปู่ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาไปป่าวปะกาศให้ทั่วเลยคอยดู"

"โฮะๆแน่นอนต้องปลอดภัยอยู่แล้วงั้นไปที่ท่าเรือซื่อซินแต่ว่าต้องจ่ายมาก่อนนะพ่อหนุ่ม 6ตำลึงเงินสำหรับค่าบริการเรือข้ามฝากของข้า"

"ท่านปู่ข้ามีใบรับรองการค้าจากพ่อค้าหวัง ท่านคงจะลดราคาให้ข้าได้ใช่ไหม?"

พร้อมกันที่จีเทียนเต๋านั้นควักใบรับรองของพ่อค้าหวังเอามายื่นให้อีกฝ่ายดูหลังจากที่อีกฝ่ายดูก็พยักหน้าก่อนจะกวักมือให้จีเทียนเต๋าขึ้นเรือ


"หุๆของแท้เสียด้วยเจ้าหนุ่มนี้มีของดีก็ไม่บอกตั้งแต่แรกแบบนี้ก็เหลือครึ่งราคาก็แล้วกันเดี่ยวที่เหลือข้าจะไปเก็บจากพ้อค้าหวังอีกทีโฮะๆ"


เพื่อที่จะออกเดินทางไปกันแล้วแต่ว่าตอนที่จีเทียนเต๋านั้นจะขึ้รเรือก็มี บัณฑิตที่ต้องการรีบจะขึ้นเรือเหมือนกันเพราะว่าตนเองมีธุระสำคัญจำดป็นที่จะต้องไปทำ จีเทียนเต๋าที่เห็นแบบนั้นจึงให้อีกฝ่ายนั้นขึ้นเรือมาพร้อมกับตนเองด้วยก็ไก้เพราะว่าตนเองนั้นก็ไม่ได้ใช้ที่นั่งมากมายนักนอกเหนือจากเจ้าม้า1ตัว ถ้าจะรับ บัณฑิตมาอีกสะครหนึ่งมาด้วยกันมันก็คงจะไม่เป็นไรมากหรอกแบบนั้น


"พี่ท่านก็ขึ้นเรือมาพร้อมด้วยกันกับข้าก็ได้ข้าก็ไม่ได้มีของอะไรมากมายเส้นทางเดียวกันไปด้วยกันมันก็ไม่ได้เป็นความคิดที่แย่ใช่ไหมล่่ะ แต่ถ้าท่านจะอยู่รอท่านปู่พายกลับมารับท่านก็ได้นะแบบนั้นข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านหรอกนะแบบนั้นนะหุหุๆอิอิอิอืๆ"




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-10-1 21:17:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นัดพบทะเลสาบไท่หู
เดินทางกลับ : ท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่เมืองหวยอิน
.
.

          เรือแพลำเล็กมาถึงยังท่าเรือช่างเจวี๋ยกู่ในยามเซิน โดยระหว่างเส้นทางนี้จิ้นอิ๋งไม่ได้หลับไปดั่งครั้งก่อนแล้วเพราะได้พักผ่อนมาเต็มที่ ในยามขากลับร่างเล็กจึงได้มองรอบตัวตลอดเส้นทางกลับอย่างเต็มตาเลยเชียว จนเรือเทียบท่าได้เด็กสาวก็แทบหลุดสีหน้าเสียดายออกมาเพราะอยากจะนั่งต่อให้นานอีกเสียหน่อย กัวฟ่งเสี้ยวที่หันมาทันเห็นคนกำลังลีลาก้าวออกจากเรืออยู่ก็พลันหลุดรอยยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

          .
          " ท่านกัวฟ่งเสี้ยวจะกลับเลยหรือไม่เจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยถามขึ้นในตอนที่ทั้งคู่เดินมารวมตัวกับผู้ติดตามทั้งสองของเด็กสาวแล้ว ซูฮวายังคงไม่สบตามองหน้าบุรุษแซ่กัวเช่นเดิม พร้อมกันนั้นก็หลบอยู่หลังของถานเจ๋อไปด้วย จนคนที่ตั้งใจจะส่งสายตาขู่เข็ญไปยังบุรุษหน้าหยกหลุดสายตาล่อกแล่กดูเก้อเขินบางสิ่งขึ้นมาให้กัวฟ่งเสี้ยวหรี่ตามองทั้งรอยยิ้มที่ราวกับจับจุดอ่อนของบุคคลที่ชอบเอาแต่เขม่นตนได้

          " อืม.. ว่าจะกลับเลยน่ะ แม่นางกู่ก็เดินทางปลอดภัยล่ะ " กัวฟ่งเสี้ยวทำทีรีบบอกลากลับไป ก่อนแว่วเสียงเอ่ยรั้งของเด็กสาวให้เขาแทบหลุดรอยยิ้มออกมาเลยเชียวที่คาดเดาการกระทำต่อมาของนางได้

          " ช้าก่อนเจ้าค่ะท่านกัว!.. อย่างไรก็เดินทางไปทางเดียวกัน ข้าก็จะกลับไปลั่วหยาง ท่านก็ไปเฉินหลิว เช่นนั้นกลับด้วยกันดีหรือไม่เจ้าคะ... จะได้ประหยัดค่ารถม้าด้วยล่ะเจ้าค่ะ! "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยเสนออย่างมีน้ำใจ ซึ่งอีกบุรุษก็อาศัยช่วงที่ถานเจ๋อต้องคอยเหลือบมองสตรีด้านหลังเป็นระยะจนสมองเชื่องช้าของมันไม่อาจประมวลผลห้ามปรามได้ทันเอ่ยตอบรับคำชวนของดรุณีน้อยไปอย่างเต็มใจ กว่าจะรู้ตัวว่ามีบุคคลที่ไม่ชอบหน้ามาร่วมเดินทางด้วยก็เป็นตอนที่ทั้งสี่มาอยู่บนรถม้าด้วยกันแล้ว โดยที่สองสตรีนั่งเคียงกันพลางหันหน้าเข้าหากับอีกสองบุรุษทำเอาบรรยากาศกระอั่กกระอ่วนกว่าที่จิ้นอิ๋งจินตนาการเอาไว้จนนางแทบเม้มปากแน่นด้วยความกังวล
          .
          ซูฮวาที่พอจะทำใจให้สงบได้แล้วก็ลดท่าทางหวาดกลัวอย่างก่อนหน้าลงได้บ้างแต่ก็ยังเอาแต่ก้มหน้ามองมือบนตักของตัวเองอยู่ดี ส่วนถานเจ๋อก็นั่งขมึงตึงกอดอกทำทีเป็นเคร่งขรึม โดยข้าง ๆ ที่เป็นกัวฟ่งเสี้ยวก็เอาแต่มองออกนอกหน้าต่างด้านข้างรถม้าตลอดเวลา เด็กสาวที่เห็นพลันคิดจนหัวหมุนไปหมดว่าจะคลายบรรยากาศบนรถม้านี้อย่างไรดี สุดท้ายก็หันไปเริ่มพูดคุยยังผู้ติดตามทั้งสองเสียก่อน ด้วยเผื่อว่าหากทั้งสองเลิกแสดงท่าทีแข็งกร้าวและกริ่นเกร็งไปได้บ้างจะทำให้สหายแซ่กัวมีท่าทีผ่อนคลายลงได้เช่นกัน

          " ไปเจียงเยี่ย.. ถานเจ๋อกับพี่สาวพักที่ใดกันหรือเจ้าคะ " น้ำเสียงที่เอ่ยถามเจือความติดห่วงหลายส่วนทำเอาซูฮวาที่นั่งเกร็งคล้ายเร่งผินสายตาหาเด็กสาวข้างกายและเอ่ยตอบให้อีกสตรีคลายกังวล

          " พักแถวท่าเรือชิงต่าวน่ะเจ้าค่ะ พอดีพวกเราไม่รู้มีที่พักตรงไหนบ้างเลยเดินทางกลับมาที่ท่าเรือที่เห็นโรงเตี๊ยมก่อนไปทะเลสาบน่ะเจ้าค่ะ "

          ได้ยินเช่นนั้นจิ้นอิ๋งพลันร้องรับขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ส่งหาดูโล่งใจไม่น้อย กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำให้บรรยากาศในรถม้าคลายลงจะเป็นเด็กสาวที่มักเผยรอยยิ้มออกมาง่ายดายเพียงเห็นคนใกล้ชิดมีความสุข ก่อนจะเป็นฝั่งเด็กสาวบ้างที่โดนอีกสตรีถามไถ่ว่ามาเที่ยวครั้งนี้สนุกหรือไม่ ซึ่งจิ้นอิ๋งก็เอ่ยเจื้อยแจ้วเล่าอย่างกระตือรือร้นไม่น้อยเลย

          " สนุกเจ้าค่ะ! ได้เรียนตกปลาจากท่านกัวฟ่งเสี้ยวด้วย ข้าตกปลาเก๋ามาได้ตั้งยี่สิบกว่าตัวเลยนะเจ้าคะ! " รอยยิ้มแป้นเผยออกจนแก้มกลมราวกับอยากอวดให้เอ่ยชมอยู่ในที พร้อมกับสลับมองสบหายังสหายที่เริ่มผินใบหน้ากลับมาสบตานางทั้งรอยยิ้มแล้ว

          " จริงหรือเจ้าคะ? ข้าก็นึกว่าอิ๋งเอ๋อร์ซื้อมาเสียอีก ตกได้มาเองหรอกหรือนี่.. เก่งมากเลยเจ้าค่ะ " ซูฮวาเอ่ยชมอย่างจริงใจทำเอาเป็นฝ่ายเด็กสาวเองที่เริ่มจะรับไม่ไหวกับคำชมจนพวงแกมเนียนฝาดสีชัดขึ้นมาให้สตรีแซ่เหมยอดไม่ได้ที่จะบีบแก้มนิ่มนั้นเบา ๆ

          " แล้วนอกจากตกปลาทำอะไรอีกกันบ้างหรือเจ้าคะ " ด้วยเพราะรับรู้ได้ว่าเด็กสาวข้างกายนางอยากทำให้ทั้งสี่หายเกร็งใส่กัน ซูฮวาเลยเอ่ยถามเผื่อไปยังสหายแซ่กัวของจิ้นอิ๋งไปด้วย

          " ก็เล่นน้ำกันน่ะ " ทว่าคำตอบของกัวฟ่งเสี้ยวนั้นทำเอาถานเจ๋อรีบหันใบหน้ามองคนข้าง ๆ ทันที ดูคาดคั้นอยากรู้ว่าเล่นแบบไหน

          " ใช่แล้วเจ้าค่ะ! แต่เพราะไม่มีชุดเปลี่ยน ข้ากับท่านกัวเลยได้แต่เอาเท้าวักน้ำใส่ขากันน่ะเจ้าค่ะ "

          เป็นจิ้นอิ๋งที่กล่าวมาช่วยคลายบรรยากาศลงให้ รอยยิ้มที่ยังเปื้อนทั้งดวงหน้าหวานทำให้ถานเจ๋อพอจะคลายความกังวลลงได้และไม่ได้เอ่ยแทรกอะไร กลับกันกับซูฮวาที่ทันเห็นแววตาของสหายแซ่กัวที่มองไปยังเด็กสาว ก่อนทั้งสองจะแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่อยู่ยังทะเลสาบไท่หูกันอีกเล็กน้อย ทำเอาสตรีแซ่เหมยคล้ายจับสังเกตบางอย่างจากบุรุษหน้าหยกผู้นั้นได้ให้เผลอเงียบลงไป จนกลายเป็นว่าตลอดเส้นทางกลับคืนยังเขตกวนจงหลังจากนี้มีเพียงเสียงสนทนาของจิ้นอิ๋งและกัวฟ่งเสี้ยวไปตลอดทางแทน


ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-1 21:56:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ล่องเรือสู่ภาคใต้

        หลี่ซีซวนทำธุรกรรมซื้อคฤหาสถ์ที่สำนักงานอสังหาริมทรัพย์ของเมืองหรูหนาน  มันห่างไกลจากบ้านเกิดก็จริงแต่ปลอดภัยสำหรับครอบครัวหากมองในจุดนี้  ประกาศจับตัวที่หลงซีใครจะคาดเดาได้ว่าภัยจะไม่มาถึงตัวในวันหนึ่งข้างหน้า  ที่ปลอดภัยใช่ว่าจะปลอดโปร่ง  ตัดสินใจลงเจียงหนานนับว่าถูกต้องแล้ว  หลี่เซี้ยนเจอออกเดินจากกวนจงลงมาซวี่โจวใช้เวลาไม่กี่วันด้วยเร่งเดินทาง  ไม่ค่อยได้แวะที่ใดนาน  ในที่สุดก็มาถึงหวยอินมีท่าเรืออยู่นอกเมืองพอดี  เดินจูงม้าตรงดิ่งไปทันที

   "ผู้เฒ่า เราจะลงเรือไปเมืองไห่ฮุน"

   เสียงรวบรัดตัดความ  ราวกับกำลังเร่งรีบเพื่อทำธุระบางอย่าง

   "เชิญขึ้นเรือ  เราผู้เฒ่าจะไปส่งท่านยังฝากนั้นเอง"

   ชายพายเรือข้ามฝากท่าทางน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจพอๆกับต่งจั่ว  ขอแค่ได้ข้ามฟากไปได้ก็พอใจแล้ว  สถานการณ์ตอนนี้เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที

        พอถึงท่าเรือเมืองไห่ฮุนหลี่ซีซวนรีบลงเรือทันที  จูงม้าเดินทางอีกหน่อยแล้วออกตะบึงไปหนานชางทันที

ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร

   


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-10-3 22:16:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tianzhou เมื่อ 2021-10-3 22:20

ราชสีห์
ถึงฝั่ง

ผืนน้ำสีครามไหลกระทบกับเรืออย่างเบาๆ ลมอ่อนๆบนพื้นน้ำช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายอย่างหน้าประหลาด  ปิงจวนค่อยๆยิ้มออกมาอย่างสบายใจ เพราะเธอนั้นมิเคยได้พบเห็นอะไรที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เด็ก เทียนโจวจ้องมองการกระทำของปิงจวนก่อนจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว มือข้างหนึ่งของเทียนโจวพลันลากไปตามสายน้ำที่เย็นสบาย

“บรรยากาศแบบนี้ชั่งเหมาะแก่การนอนเสียจริง”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเริ่มเอนหลังเข้าหาเรือพร้อมกับข่มตาลงนอนอย่างช้า…

“เทียนจวิน!!!”

“เทียนจวินตื่นสิ!!!”

“เทียนจวิน-”

เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเรียกชื่อของเทียนโจวอยู่ เทียนโจวพยายามลืมขึ้นพร้อมกับอาการสะลึมสะลือ มือข้างหนึ่งเริ่มขยี้ตาด้วยความสงสัย

“เจ้ารีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”

ชายแปลกหน้ากล่าวขึ้นพร้อมพยายามดึงร่างของเทียนโจวที่อยู่ในอาการมึนงงขึ้น เทียนโจวพยายามมองดูว่าเสียงนั่นเป็นเสียงของใคร ก่อนจะเห็นเขากับชายที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาหากแต่ว่าสวมเครื่องแต่งกายสีเหลืองพร้อมกับผ้าโพกหัวสีเดียวกัน

“พวกเจ้าเป็นใคร?”

เทียนโจวกล่าวออกมาอย่างสะลึมสะลือโดยที่ยังคงนั่งอยู่บนเรือ

“เจ้ารีบลุกขึ้นมาได้แล้ว ไม่งั้นตาย!!”
ชายแปลกหน้ากล่าวขึ้นพร้อมกับนำมีดของตนมาจ่อคอเทียนโจว

“เจ้าเป็นใครกล้ามาสั่งข้า”

เทียนโจวเหวี่ยงร่างของโจรที่นำมีดมาจ่อคอตนตกน้ำไป โดยที่มิรู้ด้วยซ้ำว่าโดนมีดนั้นจี้อยู่ แต่ทำไปเพียงเพราะคำพูดของอีกฝ่ายเท่านั้น

เทียนโจวเริ่มยืดเส้นยืดส่ายของตนเล็กน้อย เพื่อให้หายจากอาการพึ่งตื่น ก่อนจะจ้องมองเหตุการณ์รอบตัวอย่างถีถ้วน พร้อมกับพบเห็นชายชราและปิงจวนถูกโจรจับตัวไว้โดยโจรสองคนบนเรืออีกรำ

“ดูเหมือนช่วงที่ข้าหลับไปจะเกิดเรื่องมิใช่น้อยเลยนะ”

เทียนโจวพยายามจ้องมองไปที่ปิงจวนซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกผ้ามัดปากไว้ทำให้ไม่สามารถพูดได้

“เจ้า! อยากให้สองคนนี้ตายมากใช่ไหม!”

โจรคนหนึ่งพลันกล่าวขึ้นพร้อมกับนำมีดไปจ่อคอของปิงจวน

“ข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อนเพื่อชีวิตของเจ้า อย่าแตะต้องคนของข้า!!!”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับความโมโหขมเขี้ยวของตนเริ่มอสดงออกสร้างความหวาดกลัวให้แก่ชายทั้งสอง ร่างของพวกมันสั่นไปด้วยความกลัวอย่างบอกไม่ถูก เทียนโจวกระโดดขึ้นไปบนเรือของอีกฝ่าย นำร่างของปิงจวนและชายชราไปไว้ที่เหลือเหมือนเดิม ก่อนจะพุ่งไปหาโจรทั้งสอง

“พวกแกมันโง่เกินไป ที่คิดจะมายุ่งกับคนแข็งแกร่งเช่นข้า”

เทียนโจวหยิบทวนของตนออกมาพร้อมกับตัดแขนขาของพวกมันทั้งสองคน

“จงใช้ชีวิตเยี่ยงคนพิการไปซะเจ้าพวกโจรกระจอก”

เทียนโจวกล่าวออกมาด้วยสีหน้าดูหมิ่นก่อนจะกลับไปขึ้นเรือที่ตนมาในตอนแรก พร้อมกับแกพันธนาการให้แก่ชายชราและปิงจวน

“พวกเรารีบออกเรือกันเถอะ”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับชายชราที่รีบเดินไปคุมเรือต่อโดยทิ้งโจรทั้งสองปล่อยไว้กลางแม่น้ำอย่างไม่แยแส ส่วนอีกคนที่ตกน้ำไปนั้นก็มิรู้เป็นอย่างไรหลังจากไหลตามน้ำไป

ระยะเวลาผ่านไปไม่นานนักในที่สุดทั้งสองก็มาถึงยังชายฝั่งเสียที พร้อมกับชายชราที่เดินเรือกลับไปยังเมืองเดิมของตน

“เทียนจวิน ข้าขอบคุณเจ้ามากเลยนะที่ช่วยข้าไว้”

ปิงจวนพลันกล่าวขึ้นมาพร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนโจวก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายพร้อมกับหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย

“นี่เจ้า...ไม่สบายหรอ?”

เทียนโจวพลันกล่าวออกมาเพราะจู่ๆอีกฝ่ายก็หันหน้าหนีไป แต่พอลองถามดูก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ เพียงแค่เห็นอีกฝ่ายหน้ามุ่ยเพียงเท่านั้น

“ชั่งเหอะ”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเดินไปหาม้าที่อยู่ใกล้ๆซักตัว เพราะว่าม้าของตนนั้นคงข้ามฝั่งมาด้วยกันไม่ได้ จึงต้องหาตัวใหม่ ก่อนจะอุ้มปิงจวนขึ้นไปหลังม้าเหมือนก่อนหน้านี้และเริ่มเดินทางต่อ



เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี)
+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)


+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+5 มีธาตุทองเหมือนกัน
+20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
-10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว)




ผลรวมของแต่ละอัน
+28
+20
+25



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้