[เมืองเจียเหลียง] โรงเตี๊ยมชีฉงเทียน

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-14 12:55:51 |โหมดอ่าน


โรงเตี๊ยมชีฉงเทียน
{ เมืองเจียเหลียง }








【โรงเตี๊ยมชีฉงเทียน】

โรงเตี๊ยมชีฉงเทียน เป็นโรงเตี๊ยมขนาดกลางที่ตั้งอยู่ใกล้กับประตูเมืองทิศใต้
แม้ชื่อโรงเตี๊ยมจะมีความหมายว่า 'สวรรค์ชั้นเจ็ด' แต่ทว่าชีฉงเทียนก็เป็นเพียง
โรงเตี๊ยมระดับกลางธรรมดา ๆ ไม่ได้ตกแต่งอย่างหรูหรา
และไม่มีการแสดงรอบค่ำให้ชมอย่างโรงเตี๊ยมหรูในเมืองใหญ่
แม้แต่อาหารที่มักจะเป็นตัวชูโรงก็มีรสชาติธรรมดาไม่ได้อร่อยเลิศรส
แค่ทานได้และอิ่มท้อง ที่นี่ไม่มีสิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่าสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็ได้มีนักกวีท่านหนึ่งกล่าวว่า
'สวรรค์ชั้นเจ็ดไม่มีจริง ความสุขที่แท้จริงหลักธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่ง'
ดังนั้นนี่อาจจะเป็นการแสดงถึงสัจจะธรรมที่แท้จริงก็เป็นได้
ด้วยความธรรมดานี้ โรงเตี๊ยมชีฉงเทียนก็เป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าแม่ขาย
หรือนักเดินทางที่ต้องการเพียงแค่ที่ซุกหัวนอนในหนึ่งคืน

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 200 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)






ชื่อเถ้าแก่: เฉา หยาง
อุปนิสัยเถ้าแก่: เป็นคนโลกส่วนตัวสูง พูดจาออกมาเป็นปรัชญาเข้าใจยาก
เขาชื่นชอบการแต่งบทกวีมากกว่าดูแลร้าน
และไม่ค่อยออกมาฉากหน้า ส่วนมากจะมีแค่เสี่ยวเอ้อร์
ที่รู้งานคอยบริการลูกค้า หลาย ๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
คุยกับเถ้าแก่ไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว...
เถ้าแก่เฉาเป็นคนแบบไหนกันแน่







โพสต์ 2021-9-14 23:16:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด


⌜ 17 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 2



            เดินทางมาถึงเจียเหลียงตะวันก็จวนจะตกดิน แม้จะถึงตามกำหนดแต่เฟินเยว่ก็ไม่อยากจะตระเวนหาที่พักหลายแห่งเพื่อเปรียบเทียบราคา เจอที่ไหนก็เข้าพักที่นั่นไปก่อน และใกล้ ๆ กับประตูเมืองทางทิศใต้ก็มีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเปิดให้บริการอยู่พอดี ถ้าให้เดาเครื่องแต่งกายจากผู้คนที่มาใช้บริการคาดว่าน่าจะเป็นพ่อค้าเร่จากต่างเมือง เพราะว่าอยู่ใกล้กับประตูเมืองจึงอยู่ติดกับจุดพักม้าพอดี
            
            เด็กสาวนำม้าของนางไปฝากไว้ที่คอกม้ารวม ๆ กันกับพ่อค้าคนอื่น ๆ ดู ๆ ไปแล้วนางก็หอบข้าวของมาเยอะคล้ายกับเป็นพ่อค้าอยู่เหมือนกัน ต่างกันตรงที่สินค้าที่นำมาไม่ใช่ของขายแต่เป็นเครื่องใช้ที่อพยพย้ายบ้านมา นางรู้สึกสงสารไป๋ไป๋อยู่เหมือนกันที่ต้องรับน้ำหนักเยอะกว่าที่ควรเป็น แต่หากเจอพี่ชายแล้วอะไร ๆ น่าจะดีขึ้น ข้าวของต่าง ๆ น่าจะผ่อนไปไว้ยังบ้านพี่ชายได้
            
            “อดทนไว้นะไป๋ไป๋ อีกนิดก็จะได้เจอท่านพี่แล้วล่ะ”
            
            ดรุณีน้อยพูดกับม้าขาว ก่อนที่จะนำเครื่องใช้และเครื่องม้าออกจากหลังมันให้อาชาได้พักผ่อนอย่างสบาย ๆ แล้วหอบข้าวของทั้งหมดกระเตงเข้าหลังเข้าเอวแล้วไปติดต่อขอพักที่โรงเตี๊ยมข้าง ๆ
            
            “ขอห้องพักหนึ่งห้องเจ้าค่ะ”
            
            “ขอรับแม่นาง ห้องว่างอยู่ที่ชั้นสาม สุดทางเดินด้านขวามือขอรับ”
            
            เสี่ยวเอ้อร์มอบกุญแจไม้มาให้ เขาเพียงแค่บอกทางแต่ไม่ได้ช่วยนำทางไปส่งยังห้องพักเหมือนกับโรงแรมดีบริการระดับห้าดาวที่ฉางอัน แต่เด็กสาวก็ไม่ได้ถือสาอะไร เพราะถ้าบริการดีเกินไปนางก็ทำตัวไม่ค่อยถูก ได้จัดการอะไร ๆ เองก็สะดวกกว่ามาก
            
            เด็กสาวไขกุญแจเข้าไปก็พบกับห้องพักขนาดเล็กที่มีฟูกนอนพับเก็บไว้ และโต๊ะสำหรับเขียนหนังสือ อุปกรณ์ที่ให้บริการอย่างอื่นมีเพียงกาน้ำชาใบเดียว กับราวแขวนผ้าที่เรียกว่าตู้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นไร นางมานอนพักที่นี่เพียงคนเดียวกับลูกหมูอีกหนึ่งตัว แถมราคาก็ถูก ถ้านอนในพื้นถ้ำได้โดยไม่ปริปากบ่น ให้เทียบกันห้องพักนี้ก็ดีมากแล้ว
            
            นางกางฟูกนอนออก ตบมือลงไปไล่ฝุ่น ลองดมหมอนดูไม่ได้กลิ่นเหม็นอับก็เป็นอันใช้ได้ แม้ว่าภายในห้องจะเล็กและไม่หรูหราแต่ผู้ดูแลก็ทำความสะอาดเป็นอย่างดี เท่านี้ก็ถือว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีได้แล้ว
            
            ลูกหมูป่าปีนออกมาจากตะกร้าที่มันอยู่ เอาหัวดุนมือของเด็กสาวที่จัดแจงที่นอนอยู่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้มันหิวเต็มแก่
            
            “อู๊ดดดด”
            
            “หิวแล้วหรือเปาเปา เดี๋ยวข้าเอาผักกาดให้นะ”
            
            พูดจบก็จัดแจงนำผัดที่เป็นอาหารหมูออกมาใส่ชามใบเก่งของเปาเปา แล้วเจ้าลูกหมูป่าก็เริ่มแทะเล็มใบผักกาดอย่างเอร็ดอร่อย กินไปก็ส่งเสียงไป
            
            “อู๊ดดดด หง่ำ ๆๆๆๆ อู๊ดดดด”
            
            “ฮิฮิ อร่อยอย่างนั้นหรือ ข้าว่าตัวเองก็ควรไปหาอะไรทานบ้างเหมือนกัน”
            
            มือเล็กลูบหลังหมูที่กำลังกินอาหารด้วยความเอ็นดู ขนสาก ๆ กับตัวกลมๆ ของหมูป่าก็ทำให้รู้สึกเพลินมือได้ไม่น้อย
            
            “อู๊ดดด”
            
            “เดี๋ยวมานะจ๊ะ”
            
            เฟินเยว่ทิ้งเปาเปาให้อยู่ในห้องอย่างเช่นทุกครั้งที่ออกไปทำงาน ไม่ต้องห่วงว่าเจ้าลูกหมูจะเล่นซนจนทำข้าวของเสียหาย ตั้งแต่เลี้ยงดูมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนั้นเลยสักครั้ง เป็นบุญอีกอย่างที่เปาเปาไม่เคยอึเรี่ยราดไม่เป็นทางเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่น เวลาต้องการขับถ่ายมันมักจะร้องด้วยเสียงแหลมสูงสามครั้งเป็นสัญญาณ ซึ่งนางก็เพิ่งจะปล่อยให้มันทำธุระส่วนตัวไปก่อนเข้าถึงประตูเมือง
            
            ด้านล่างของโรงเตี๊ยมเป็นร้านอาหาร คล้าย ๆ กับโรงเตี๊ยมทั่วไป แต่ด้วยความเล็กนี้จึงทำให้ไม่มีเวทีจัดแสดงดนตรีหรือนางรำอย่างโรงเตี๊ยมที่ฉางอันและลั่วหยาง แต่ก็ดีแล้ว เพราะเวลาที่เฟินเยว่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นทีไรนางก็กลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดแปลกไม่รู้กาละเทศะทุกที
            
            คิด ๆ ไปนางไม่ได้ทานบะหมี่มาหลายวัน คิดถึงบะหมี่ร้านดังที่อันติงอยู่ไม่น้อย ความจริงแล้วนางไม่ค่อยได้ไปซื้อกินเองด้วยความจน แต่บางครั้งเถ้าแก่เนี้ยหมีก็บ่นเบื่อจะทำอาหารเองก็เลยพาไปเลี้ยงเป็นมื้อกลางวัน
            
            “ขอบะหมี่ผักหนึ่งที่เจ้าค่ะ”
            
            เฟินเยว่หันไปสั่งเสี่ยวเอ้อร์ที่มารับรายการ อันที่จริงอยากทานขนมหวานด้วยแต่เอาเท่านี้ก่อน ระหว่างเดินทางนางยังอยากประหยัดไม่ตามใจตนเองมาก
            
            “ขอรับ”
            
            หายไปเกือบหนึ่งเค่อเสี่ยวเอ้อร์ก็นำบะหมี่ผักที่นางสั่งมาให้ เด็กสาวลองลิ้มชิมน้ำรสน้ำแกงของเจียเหลียงก่อนเป็นอันดับแรกว่าแตกต่างจากที่อันติงบ้านเกิดมากน้อยประการใด
            
            ‘..น้ำแกงเย็นจัง’
            
            ความประทับใจแรกหดลงไปเล็กน้อย โดยปกติแล้วถ้าเป็นบะหมี่น้ำให้ทานตอนร้อน ๆ จะอร่อยที่สุด แต่บะหมี่ชามนี้กลับเย็นชืดไปเสียหน่อย เฟินเยว่พยายามมองในแง่ดี เมืองเจียเหลียงเป็นเมืองเหนือที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาไม่แน่ว่าด้วยสภาพอากาศอาจมีผลให้น้ำแกงเย็นไว
            
            ‘แล้วก็.. จืดมากเลย’
            
            ในส่วนนี้อาจเป็นเพราะว่าเฟินเยว่เป็นชาวเหลียงโจวที่ทานอาหารรสจัดจ้านและใช้เครื่องเทศจากนอกด่านมาปรุงอาหารเป็นประจำก็ได้ ลิ้นนางจึงไม่ชินกับรสอ่อนเสียเท่าไร
            
            ‘แต่ว่าผักสดมาก อร่อยจังเลย’
            
            ผักที่เคี้ยวทานถูกลวกมาจนอ่อนนุ่มแต่ยังมีความสดเด้งและกรอบอยู่เล็กน้อย ในส่วนนี้ถือว่าผ่าน ต่อไปก็เริ่มทานเส้นรวมๆ กับวัตถุดิบอื่น ๆ ในชาม เส้นมีความธรรมดาไม่ได้อร่อยหรือแย่เป็นพิเศษจนต้องวิจารณ์อะไร ปริมาณที่ให้ก็พอดีกับที่หญิงสาวทาน ได้อิ่มท้องในราคาประหยัดก็ดีต่อนักเดินทางที่สุดแล้ว
            
            เมื่อทานอาหารเสร็จก็กลับขึ้นไปบนห้องเห็นเปาเปากำลังมุดที่นอนเล่นอย่างสบายใจอยู่เลย ส่วนใบผักกาดในชามหมูก็หายเรียบราวกับถูกร่ายมนตร์
            
            ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย เพียงแค่แป๊บ ๆ ก็ได้เวลานอนแล้ว เด็กสาวคลายผมเปียออกอย่างทุกครั้งที่ได้นอนในที่สะอาดสะอ้านเพื่อความสบายหัว เหมือนว่าเปาเปาจะรู้ว่าได้เวลานอน มันคาบเอาฟูกนอนของมันเองมาไว้ข้างหมอนแล้วขดตัวกลม
            
            “ราตรีสวัสดิ์นะเปาเปา”
            
            “อู๊ดดดด”
            
            เด็กสาวดับเทียนที่ให้แสงสว่างภายในห้องลงแล้วทอดกายลงนอนมองเพดานสีด่าง ๆ
            
            ‘พรุ่งนี้จะได้พบกับท่านพี่เอียนฟงแล้วสินะ จากกันไปตั้งห้าปีแล้ว ข้าเองก็โตขึ้นเยอะ ท่านพี่จะจำหน้าได้หรือเปล่า..’

            
            รอยยิ้มฉาบบนใบหน้าด้วยความปิติ ดีใจที่จะได้พบกับครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง นางหลับตาลงแล้วก็นอนหลับไปทั้งที่สีหน้ายังปรีดา



.
.
.



ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-11-5 04:02:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ZhaoPei เมื่อ 2021-11-5 04:03

          กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้มือปราบนอมออกมาโดยทิ้งสองโจรนั้นได้ก็กินเวลาไปเสียนาน จ้าวเพ่ยได้เสนอให้มือปราบและซุนหยางพักที่โรงเตี๊ยมเพราะถึงยามมืดค่ำต้องพักผ่อน ก็ได้เดินทางแวะพักโรงเตี๊ยมขนาดกลางในเมืองเจียหลงไปเสียก่อน

          นางเองก็ใช่ว่าอยากจะให้คนอื่นคิดมากในเรื่องนี้ แม้ว่าเวลาประชันชิดเข้าไปทุกที แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ความอย่างไรเลยก็ทำให้ซุนหยางกล่าวออกมาขณะกำลังรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกัน

          "แล้วอย่างไรต่อไป.. มีคนเสนอที่จะบุกลานประหารก็ไม่เอา ก็ต้องมาคิดกันเสียใหม่หมด"

          "ซุนหยาง เสียงดังเกินไปแล้ว.." จ้าวเพ่ยกล่าวขึ้นมาทั้งยกนิ้วขึ้นประกบปากเพื่อบอกให้เขาเงียบเสียงลงบ้าง เรื่องแบบนี้ดูอย่างไรก็ผิดกฏหมายแต่ผู้ติดตามของนางกลับพูดออกมาได้อย่างไม่เบาปากเลย

          "ท่านมือปราบอย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ.. กินอาหารให้อร่อยซะก่อน" อาหารที่ถูกสั่งมาร่วมโต๊ะถูกตักให้แก่มือปราบเพื่อเอาอกเอาใจขณะที่นางเองส่งสายตาให้อีกฝ่ายไปด้วย

          "เอาเถอะ.. เจ้าก็เอาแต่ให้มือปราบใจเย็น แล้วมันได้ความอย่างไรบ้างนอกจากยืดเวลาไปวันๆ"

          "หากพวกชาวบ้านให้ข้อมูลคงไม่เป็นเช่นนี้หรอก เจ้ากล่าวราวกับเป็นเรื่องง่ายเสียอย่างนั้น"

          "เหล่าชาวบ้านคงกลัวอำนาจของท่านตู่จิ้นกง น้องชายของแม่ทัพตู่ คงจะต้องหาวิธีเกลี้ยกล่อมอีกที"

          มือปราบหวังกล่าวพูดขึ้นมาขณะหยิบไก่ย่างที่จ้าวเพ่ยตักให้เข้าปากไปพลาง เขาเองก็รู้สึกไม่เงียบหูดียามที่ได้ยินสองคนทะเลาะกันจนไม่รู้ว่าเป็นผู้ติดตามที่คอยรับใช้หรือเพียงสหายร่วมเดินทางเฉยๆกันแน่

          "เกรงกลัวอำนาจหรือเจ้าคะ.. แต่ว่าท่านมือปราบก็มีหนังสืออนุมัติจากท่านตู่จิ้นกงแท้ๆ"

          "ข้ายื่นให้พวกเขาดูก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก"

          จ้าวเพ่ยได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหมดหวังไปกับอีกฝ่าย นางตักอาหารให้พลางมองมือปราบหวังจนเขาเงยหน้าขึ้นมามองนาง สองคนมองหน้ากันจนเหมือนสองสายตาประสานกันทำให้นางอยากจะพอช่วยเหลืออะไรบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ในเมื่อความรู้ด้านกฏหมายนางแทบจะไม่มีเลย

          "หากมัวแต่เกรงอำนาจเช่นนี้ก็ทำให้เหล่าสตรีตายเปล่าสิเจ้าคะ"

          "ข้าได้ยินพวกท่านพูดเรื่องคดีความที่ซีเหอหรือ"

          "อ๊ะ.. ขอโทษเจ้าค่ะ คงพูดเสียงดังไป หากรบกวนพวกท่านขออภัย"

          จ้าวเพ่ยรีบกล่าวขอโทษกับอีกฝ่ายเสียแทบจะทันที ชายคนนี้เดินเข้ามาหาราวกับจะตักเตือนที่สนทนารบกวนคนในโรงเตี๊ยมทำเอานางกเมหน้าลงเล็กน้อย

          "ใช่ขอรับ.. เรื่องคดีความแม่นางเจิ้ง มือปราบกับนางคนนี้คิดจะรื้อคดีความใหม่" ซุนหยางกล่าวตอบแทนจ้าวเพ่ยทั้งเหลือบไปมองนางเล็กน้อย

          "ดูท่าจะเคร่งเครียดกันมาก" เขากล่าวพร้อมทำท่าคิดตามที่ซุนหยางกล่าวมาพอปะติดปะต่อกับสิ่งที่ได้ยินจากที่กลุ่มคนโต๊ะนี้ปรึกษากัน "ขออภัยข้าคงเสียมารยาทไปหน่อย ข้าเซียนเหอ ขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยได้หรือไม่"

          "ยินดีเจ้าค่ะ.." จ้าวเพ่ยกล่าวต้อนรับเพื่อให้เซียนเหอได้เข้ามาร่วมด้วย ราวกับว่าเขาคนนี้มีเรื่องที่จะพูดคุย แต่อย่างไรหากเป็นโจรเช่นเมื่อครั้งอยู่อันติงนางก็ไม่รู้ว่าจะห้ามปราบมือปราบอย่างไรต่อไปดี "ข้าจ้าวเพ่ย นี่ผู้ติดตามของข้าซุนหยาง ส่วนนี่คือท่านมือปราบแห่งซีเหอ หวังจงหมี่เจ้าค่ะ"

          "พอจะเล่าเรื่องให้ข้าฟังได้หรือไม่"

          "ท่านมือปราบเจ้าคะ.." ข้าวเพ่ยหันไปหาเพื่อขออนุญาตที่จะกล่าวเรื่องราว แต่มือปราบกลับเป็นคนที่เอ่ยปากเล่าขึ้นมาเอง

          "พวกข้ามีต้องการจะรื้อคดีของนางโจรเจิ้งมาใหม่ เรื่องเหล่าสตรีที่ถูกสังหาร แม่นางคนนี้ขอข้าเอาไว้" มือปราบกล่าวทั้งหันไปทางจ้าวเพ่ยเพื่อประกอบให้รู้ว่าแม่นางคนนี้หมายถึงนาง หาใช่ใครคนอื่นไกล "นางกล่าวว่านางโจรสังหารแม่ทัพตู่เพราะต้องการช่วยเหลือชาวบ้าน จึงได้รื้อคดีเพื่อสืบข้อมูลเหล่าสตรีที่ถูกสังหารไป"

          "ก็ข่าวลือมันหนาหูเสียขนาดนี้.. ข้าเชื่อว่าอย่างไร ก็ต้องมีชาวบ้านไม่พอใจอยู่แล้วเจ้าค่ะ นางก็แค่ช่วยเหลือ"

          "นางเชื่อตามข่าวลือน่ะ.. ข้าก็พอจะได้ยินเรื่องราวของแม่ทัพตู่มาบ้าง" มือปราบหวังหยุดพูดครู่หนึ่งเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายได้คิดตามทัน "แต่พวกข้ามีปัญหาติดขัด เมื่อมาสืบข้อมูลของเหล่าหญิงสาวที่ถูกฆ่าไป ชาวบ้านกลับไม่ยอมให้ข้อมูล ทั้งยังมีท่าทีหวาดกลัวพวกข้าด้วย"

          "อย่าพูดให้ข้าดูเป็นคนหูเบาสิเจ้าคะ แม่นางเจิ้งช่วยชีวิตข้าจากคนนี้ด้วย" นางชี้ไปทางซุนหยางจนอีกฝ่ายสะดุ้งทันที "เขาเกือบจะฆ่าข้าตอนอยู่ที่ถ้ำ หากนางเป็นสตรีที่ฆ่าสตรีด้วยกันเองข้าคงไม่อยู่รอดมาคุยกับพวกท่านหรอกเจ้าค่ะ คงจะถูกนางกับผู้ติดตามร่วมมือกันฆ่าข้าไปแล้ว"

          "ข้าช่วยเจ้าต่างหาก เอาแต่สะอึกเช่นนั้นเป็นใครก็ต้องทำแบบข้า"

          "ดูเหมือนพวกเขาที่จะมาเป็นพยานจะเกรงกลัวอำนาจบารมีตู่จิ้นกง" เซียนเหอกล่าวขึ้นมาเพื่อหยุดการเถียงกันของสองคน ทั้งคิดตามคำกล่าวเล่าจากพวกเขา "เช่นนั้นท่านต้องเร่งฝีเท้าไปยังจี้โจวไปกับใต้เท้าหลิวอวี้ เจ้าเมืองจี้โจว เขาเชื้อพระวงศ์ฮั่น"

          "เจ้าเมืองจี้โจวหรือเจ้าคะ"

          "เขาแม้ปรารถนาชีวิตสงบสุข แต่หากได้เขามาช่วยเสริมแรงอีกแรง ท่านจะสามารถนำพาพยานเหล่านั้นไปเบิกตัวในศาลให้ความผิดแก่แม่ทัพตู่กงจวินได้ แต่เวลาประหารก็ใกล้มาทุกทีแล้ว"

          ดูเข้าท่ากว่าข้อเสนอที่จะบุกปล้นลานประหารเสียอีก จ้าวเพ่ยได้ยินดังนั้นก็หันไปหามือปราบเพื่อขอความคิดเห็น นางเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าครุ่นคิดก็ตื่นเต้นไม่น้อย

          "พวกข้าจะลองไปพบดู ออกจากโรงเตี๊ยมตอนตะวันขึ้นก็แล้วกัน"

          "ขอบคุณท่านเซียนเหอมากเจ้าค่ะ.. หากไม่ได้ท่านตอนนี้คงจะยังไม่มีทางออกอื่นเลย"

          จ้าวเพ่ยกล่าวอย่างดีอกดีใจ นางคิดอะไรขึ้นมาได้ว่าอยู่ในกลุ่มชายที่พูดคุยกัน ทั้งอาหารที่กินก็หมดลงก็กล่าวออกมา

          "พวกท่านพูดคุยกันไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าขอตัวสักครู่" นางลุกออกจากโต๊ะทานอาหารเพื่อขอพูดคุยกับเสี่ยวเออห์โรงเตี๊ยสักครู่ ห่อชาของนางถูกยกยื่นให้กับเสี่ยวเออห์เพื่อที่จะชงมันให้นาง

          หญิงสาวยืนรอสักครู่หนึ่งก็ได้รับเซ็ทน้ำชาหอมกรุ่นกลับมา นางยกถาดนั้นเข้ามาวางกลางโต๊ะและหยิบน้ำชาขึ้นมารินให้กับพวกเขาเพื่อจิบระหว่างพูดคุย

          "ข้าจะขอที่อยู่ของชาวบ้านที่พวกท่านพูดถึง เพื่อช่วยพูดให้อีกแรง" เซียนเหอกล่าวขณะรับถ้วยน้ำชาจากจ้าวเพ่ยเอามาไว้ในมือ "หากบอกพวกเขาว่ามีท่านหลิวเป็นคนหนุนหลังให้ไม่ต้องกลัวอิทธิพลก็จะคุยกันง่ายขึ้น แล้วข้าจะให้พวกเขาไปรอที่ซีเหอ"

          ยิ่งพูดเช่นนั้นก็ยิ่งสบายใจขึ้นมา จ้าวเพ่ยมองไปทางมือปราบหวังก็ยิ้มดีอกดีใจให้อีกฝ่ายเพื่อให้รู้ว่าไม่ต้องเครียดเรื่องนี้อีกแล้ว อย่างไรก็ต้องคุยให้เจ้าเมืองจี้โจวช่วยเหลือให้ได้ ก่อนจะถึงวันประหารที่ใกล้เข้ามาทุกที

          "ข้าพึ่งรู้ว่าที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีชาชั้นดีด้วย"

          "นั่น.. ของจ้าเองเจ้าค่ะ แค่อยากจะให้ได้จิบชาระหว่างคุยไปด้วย" จ้าวเพ่ยกล่าวทั้งยิ้มน้อยๆ หญิงสาวเองก็มีนัยน์ตาที่ดูอ่อนล้าซ่อนเอาไว้จนมือปราบหวังเอ่ยทักขึ้นมา

          "แม่นางไปพักผ่อนเถอะ พวกข้าจะคุยกันอีกสักพัก"

          "จะดีหรือเจ้าคะที่ให้ข้าหนีไปนอนก่อน"

          "มาเถอะข้าไปส่ง" มือปราบหวังกล่าวทั้งลุกขึ้น ทำให้จ้าวเพ่ยมองไปที่ซุนหยางและเซียนเหอเล็กน้อย

          "เช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนนะเจ้าคะ พวกท่านก็อย่าคุยกันจนตะวันขึ้นนะ ข้าเป็นห่วง"

          หญิงสาวกล่าวจบก็เดินตามมือปราบมาส่งถึงหน้าห้อง ครั้นจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ก็ถูกลูบหัวอยู่หน้าห้องทำให้นางนิ่งเงียบครู่หนึ่ง กว่าจะรู้ตัวอีกที หน้าก็ขึ้นสีแดงสดไปเสียแล้ว

          "พักผ่อนเยอะๆ.. ข้าเห็นว่าแม่นางจ้าวง่วง อย่าฝืนอยู่คุยกับพวกข้า ได้ความอย่างไรค่อยคุยกันอีกทีตอนตะวันขึ้น"

          "ข้ากลัวเสียมารยาท"

          "เสียมารยาทแก่ใครหรือ ผู้ติดตามแม่นาง เซียนเหอ หรือว่าข้า"

          "ก็ทั้งหมดนั่นแหละเจ้าค่ะ พวกท่านยังไม่นอนกันนี่เจ้าคะ ข้าจะนอนได้อย่างไร"

          มือปราบหวังแทบจะหัวเราะขึ้นคอ เขาลูบหัวนางด้วยความเอ็นดูกับคำพูดอีกครั้งและกล่าวลาหน้าห้องและหันกลับไปเพื่อจะลงไปคุยธุระก่อน

          "เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ.." จ้าวเพ่ยเรียกอีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าลงและบีบมือเข้าหากันเล็กน้อย "เรียกข้าว่าเพ่ยเอ๋อร์ หรือ เพ่ยเพ่ย ก็ได้นะเจ้าคะ เรียกแม่นางจ้าวดูห่างเหินอย่างไรก็ไม่รู้"

          มือปราบหวังหันมายิ้มให้นางและเดินออกไป เหลือทิ้งให้จ้าวเพ่ยยืนอยู่หน้าห้อง หญิงสาวรีบเข้าไปในห้องเห็นแมวตัวดำนอนขดบนที่นอนก่อนจะใช้มือกุมหน้าที่แดงฉานของตัวเองเอาไว้แน่น

          ให้ตายเถอะ ชายคนนี้อันตรายจริงๆ

เอฟเฟคลักษณะนิสัย
มีตัญหา
+2 Point ทุกครั้งที่วางแผนดำเนินจีบเพศตรงข้าม
+30 ความสัมพันธ์เมื่อเกี้ยวพาราสีอย่างมีชั้นเชิง [174]

โลเล
-15 ความสัมพันธ์คนที่กำลังจีบ [174]

เอฟเฟคความสัมพันธ์ [174] หวังโก่วเจียง
+20 ความสัมพันธ์ เมื่อธาตุไฟ เกื้อหนุน ดิน
[หัวดี >> หัวดี]
+15 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนมีชื่อเสียงเดียวกัน
+30 คุณธรรมเมื่อเจอคนมีชื่อเสียงเดียวกัน

มอบ ชาเจียวกู่หลาน ให้แก่ [174]

เอฟเฟคความสัมพันธ์ [081] เจียนหยง
-15 ความสัมพันธ์ เมื่อธาตุน้ำ ข่ม ธาตุไฟ
[หัวดี >> ทั่วไป]
none

มอบ ชาเจียวกู่หลาน ให้แก่ [081]

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-11-14 14:04:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
          อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะอร่อยเหมือนที่ลั่วหยาง ไม่รู้เหตุใดซุนหยางจึงตั้งใจมาแวะพักที่นี่อีกครา จ้าวเพ่ยเองก็ไม่อยากจะเสียเวลานอนพักผ่อนเสียเท่าไหร่ นางเองก็กลัวที่จะทำปลาเน่าเสียหายก่อนถึงมือพี่ชายของพ่อค้าหวัง ยิ่งเป็นแบบนั้นก็จะโดนต่อว่าเอาง่ายๆ

          "แม๊วว" เสี่ยวเฮยเองก็จ้องจะขอปลาที่เหลือให้ได้

          จ้าวเพ่ยนั่งมองผู้ติดตามของนางผู้กำลังกินอาหาร ราวกับต้องการหยุดพักเพื่อกินโดยเฉพาะ หญิงสาวถอนหายใจเล็กน้อยขณะมองไปยังเถ้าแก่ร้าน เขายังคงต้อนรับลูกค้าก็ไม่อยากเข้ารบกวนขอให้ทำอาหารเสียเท่าไหร่

          "เป็นอะไรไป.." ซุนหยางกล่าวถามเมื่อเห็นจ้าวเพ่ยทำสีหน้าแบบนั้น ราวกับว่านางจะป่วยอย่างไรอย่างนั้น แต่ถ้าจะให้นางพักผ่อนอย่างจ้าวเพ่ยผู้พึ่งรับงานขากพ่อค้าหวังมาคงจะยากหน่อยหากเธอจะพักผ่อนโดยมีงานค้างคาอยู่

          "ปวดหัวนิดหน่อย.. แต่คงไม่เป็นอะไรมาก"

          "คงตากลมจากวันนั้นสิท่า.. เหมันต์ฤดูแล้วก็เช่นนี้แหละ" เขากล่าวเชิงแอบตำหนินางในเรื่องการนัดเจอคนอื่นแต่ไม่หาผ้าอุ่นๆห่มเอาไว้ จึงกลายเป็นเช่นนี้

          "ถึงฉางอานช่วยข้าหาซื้อแพรอุ่นๆด้วยก็แล้วกัน"

          จ้าวเพ่ยไม่รู้ควรตอบอย่างไรแต่เพื่อเลี่ยงการปะทะคารมนางก็ได้แต่พูดส่งๆออกไป หญิงสาวก้มมองแมวเหมียวตัวน้อยยังคงร้องอยู่ก็นึกถึงเรื่องปลาขึ้นมา

          "ร้านแพรไม่ค่อยเปิดขายกันนัก แต่จะพยายามหาให้ก็แล้วกัน"

          "ขอบคุณ.." นางกล่าวทั้งอุ้มเสี่ยวเฮยขึ้นมาลูบขนเบาๆ "ข้าจะไปขอยืมครัวเถ้าแก่เสียหน่อย คงได้นำปลาย่างมาฝากเจ้าแมวด้วย"

          "ให้ข้าช่วย.."

          "ไม่เป็นไร.. งานเพียงแค่นี้" จ้าวเพ่ยลุกขึ้นทั้งฝากแมวไว้ที่ซุนหยาง สายตาของนางมุ่งไปทางเถ้าแก่ดูก็รู้ว่าคิดจะทำอะไรต่อไป

          สองขาก้าวเดินไปหาเถ้าแก่ผู้เป็นชายชราเพื่อสอบถามอะไรบางอย่าง นางจำได้ว่าเคยขอให้ชงชาที่นี่ก็น่าจะขอยืมครัวได้ไม่ยากเท่าไหร่นัก ติดแค่ตรงที่คราวนี้นางจะลงมือทำเองไม่ใช่เพียงมอบวัตถุดิบให้ไปทำอย่างที่แล้วมา

          "ว่าไงแม่หนู.. ต้องการอะไรเพิ่มหรือ" เถ้าแก่เห็นข้าวเพ่ยก็เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นว่านางเดินเข้าไปหาราวกับต้องการสั่งอะไรเพิ่มเติม

          "ข้าอยากจะขอยืมครัวเพื่อทำอาหารได้หรือไม่"

          "แม่หนูต้องการอะไร ข้าจะทำมาให้" เถ้าแก่เอ่ยออกมาหวังจะช่วยเหลือลูกค้าสัญจร ทำเอาจ้าวเพ่ยเองก็อ้ำอึ้งนิดหน่อยยามเห็นสายตาจากเถ้าแก่ดูอยากจะช่วยนาง

          "ข.. ข้าจะทำอาหารให้คนสำคัญเจ้าค่ะ อยากให้กินอาหารฝีมือข้ามากกว่า" จ้าวเพ่ยโกหกออกไป นางเองก็อยากจะให้ทางโรงเตี๊ยมทำให้อยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าอาหารที่นี่มีรสชาติจืดชืดเสียจนไม่น่าอร่อยไปเสียได้

          "คนสำคัญอย่างนั้นหรือ เชิญๆ ขาดเหลืออะไรบอกข้าได้" เถ้าแก่พานางไปยังครัวของโรงเตี๊ยม แม้จะเป็นโรงเตี๊ยมเล็กๆ แต่ก็พอให้นางได้มีพื้นที่ทำอาหารได้อย่างไม่อึดอัด

          จ้าวเพ่ยนำวัตถุดิบมา ครานี้ทำปลาราดพริกแบบที่ผ่านมา จ้าวเพ่ยยังจำได้ดีว่าควรจะทำอย่างไร หญิงสาวนำปลากงที่ได้รับมาขูดเกล็ดและนำอวัยวะภายในออกจนเกลี้ยงเกลาและนำไปล้างด้วยน้ำสะอาดพอให้เกลี้ยงเกลา ตัวปลาสดๆถูกนำไปวางบนเขียงเพื่อเตรียมกรีดหลังเพื่อแผ่ตัวปลาออกมา หลังจากตัดแผ่ปลาออกมานางก็ได้นำไปโรยเกลือตากพอให้แห้งน้ำแบบที่เคยทำมา และระหว่างรอก็จัดสรรเวลาในการทำพริกราดไปด้วย

          หลังจากทำพริกราดเสร็จจ้าวเพ่ยก็หยิบปลาทั้งสามที่ได้รับมานำมาย่างกับไฟอ่อนๆจากที่ทางโรงเตี๊ยมก่อให้นางเอาไว้ หญิงสาวนึกคำพูดของตัวเองระหว่างนั้นก็อยากจะทำปลาราดพริกให้คนนั้นได้ลองกินในฐานะคนสำคัญไปอีกคน แม้ในหัวจะคิดไปเรื่องอื่นแต่สายตานางก็จับจ้องไปยังปลาตรงหน้าไม่วางตาเพื่อให้แน่ใจว่าสุกเหลืองดี ไม่ไหม้ หรือไม่ถูกย่างอย่างทั่วถึง

          ปลากงหนึ่งตัวอย่างเสร็จดีก็ถูกนำมาพักให้เย็น แน่นอนว่าจ้าวเพ่ยคิดไว้แล้วว่าจะทำอะไรต่อไป นางนำปลาตัวอื่นมาย่างต่อจนสุกดีทั้งหมดก็จัดเตรียมลงกล่องข้าว พริกราดตักนำมาราดบนตัวปลาเกิดเสียงดังจากความร้อนปะทะกัน ควันปะทุขึ้นกรุนๆพอให้เห็นว่าอาหารชิ้นนี้ร้อนขนาดไหน แต่ไม่รอให้เย็นดีจ้าวเพ่ยก็ปิดกล่องจ้าวให้ความร้อนสุมอยู่ด้านใน เพราะปลาราดพริกกินร้อนๆ อร่อยกว่าเป็นไหนๆ

          หญิงสาวเก็บครัวในส่วนที่นางทำพอให้เรียบร้อยก็เดินออกมาพร้อมกล่องอาหารเตรียมส่งมอบแก่เหล่าพ่อค้าหวัง นางนำกล่องจ้าววางบนโต๊ะ ก่อนจะนำปลาย่างที่ย่างเพรยวก่อนหน้านี้มาแบ่งให้กับเสี่ยวเฮีย

          แมวน้อยเมื่อเห็นปลาก็ร้องขึ้นมาด้วยความอยากกิน นางจับแมวลูบเบาๆขณะพาเสี่ยวเฮยออกไปด้านนอก เนื้อปลามันคาวจะต้องป้อนจากนอกโรงเตี๊ยมนี่ล่ะถึงจะเหมาะ หญิงสาวนั่งมองเจ้าแมวน้อยกินปลาทั้งครางฮือๆราวกับมีความสุขทำเอานางพลอยยิ้มขึ้นมาด้วย

          มือเรียวจับหัวแมวขณะมันกินจนหมดก่อนนางจะเห็นว่าเสี่ยวเฮยเขามาเอาหัวถูราวกับจะอ้อน แมวดำพลิกตัวหงายและกลิ้งไปมาทั้งหลับตาพริ้ม ทำให้จ้าวเพ่ยลูบคางแมวไปจนถึงพุงนุ่มๆของมัน

          "โอ๊ย!" นางร้องออกมาเมื่อถูกข่วนจากการเล่นของแมว อุ้งเท้าเล็กๆซ่อนกรงเล็บแหลมคมตะปยเข้าที่แขนเพื่อดึงมางับเล่น จ้าวเพ่ยนิ่วหน้าด้วยความเจ็บทั้งรีบชักมือออกจนเสี่ยวเฮยพลิกตัวกลับและมองดูนางอย่างงงๆ

          โชคดีที่ไม่เป็นแผล แค่รอยถลอกถากๆแต่ใช่ว่านางเองจะไม่เจ็บ เสี่ยวเฮยนั่งตรงหน้านางและร้องขึ้นมา มันเดินเข้ามาใกล้และกลิ้งไปมาตรงหน้านาง แต่คราวนี้จ้าวเพ่ยเห็นว่ามันกลับไม่เล่นมากเท่าตอนแรก

          "เสี่ยวเฮย?"

          "แง๊ว!" มันร้องออกมาและเลียแผลที่ข่วนของจ้าวเพ่ย ยิ่งทำให้นางต้องชักแขนหนีอีกรอบ หญิงสาวมองแมวจ้องตนตาแป๋วก็รีบปิดแผลที่ถูกข่วนของนางและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

          "เสี่ยวเฮย.. ซึมหรือคะ" กล่าวทั้งใช้มืออีกข้างดันแมวให้นอนหงายและเล่นพุงอีกรอบ เสียงแมวร้องขึ้นมาทั้งอุ้งเท้าสองข้างพยายามตะปบมือของจ้าวเพ่ย แม้จะไม่แรงเท่าครั้งแรกแต่ก็พอทำให้นางรู้สึกเจ็บกับการเล่นของแมวได้อยู่ดี

          "ไปกันยัง.."

          ซุนหยางกล่าวทั้งยื่นกล่องข้าวให้จ้าวเพ่ย ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ไม่ทำให้จ้าวเพ่ยตั้งคำถามได้ นางรับกล่องข้าวจากอีกฝ่ายขณะเสี่ยวเฮยเห็นซุนหยางก็พุ่งเข้าไปหวังจะเล่นอีกคน แต่เจ้าแมวตัวน้อยก็ถูกอุ้มเอาไว้จากบุรุษอดีตโจรผ้าเหลืองเสียก่อน

          สายตาของเจ้าแมวมองเจ้านายหญิงเดินออกห่างไปเพื่อจะเตรียมม้าสำหรับออกเดินทาง มันร้องเรียกหาแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจแบบทุกครั้งก็หันมาเรียกซุนหยางจนถูกลูบหัวด้วยความเอ็นดูไปเสียได้


มอบ ปลากง ให้เสี่ยวเฮย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2022-6-6 08:10:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด

          อยู่ในช่วงระหว่างนำหีบเงินสามพันตำลึงทองเดินทางไปเมืองจี้โจว ซึ่งดูเหมือนท่าทางเขาจะเดินทางหลงมายังเมืองเจียเหลียง ทำให้ต้องเข้ามาแวะสั่งอาหารภายในโรงเตี๊ยมชีฉงเทียน เลือกไปหามุมนั่งโต๊ะอยู่โต๊ะนึง มองดูบริเวณรอบข้าง ที่นี่มีผู้คนสัญจรผ่านไปผ่านมาเข้ามาใช้บริการกันอย่างมากหน้าหลายตา

          คงจะเป็นโอกาสดีในการเผยแพร่ เซียนซี มีลักษณะรูปร่างโดดเด่น ค่อยๆถอดผ้าปิด ดวงตาของเขาเป็นสีรุ้งส่องแสงสว่าง คนในตระกูลเชื่อว่ามีบุญญาธิการสูงส่งถึงได้มีดวงตาที่แตกต่างจากผู้อื่น ยกถ้วยชาจิบดื่ม ทำท่าทีให้ดูหน้าภูมิฐาน สมสง่าภาคภูมิ จนเริ่มมีคนหลายคนหันมามองด้วยความสนอกสนใจ

          มันเป็นแผนการกลอุบาย ใช้สติปัญญาและเล่ห์เหลี่ยม ยิ่งทำให้ผู้คนในนี้สนใจมากเท่าใด ยิ่งดีต่อตัวเขา “ไม่ว่าความลับจะอยู่ในรูปแบบใด ล้วนเป็นสิ่งที่สวยงาม ทว่า การปิดกั้นทางศาสนาทำให้ผู้คนบางส่วนต้องซ่อนเร้นปิดบัง ความชอบส่วนบุคคล กายเสมือนเป็นความรักต้องห้าม ทั้งที่ความจริงแล้วมนุษย์ทุกคนเกิดมาอย่างเสมอภาค”

          “เมื่อเป็นสตรีแล้ว ก็ต้อง พูดจาอ่อนหวาน นุ่มนวล สยบยอม เติบโตเพื่อไปเป็นภรรยาและแม่ที่น่ารักแสนดี ในขณะที่บุรุษ เป็นเพศที่ถูกกำหนดให้แข็งแรง ดุดัน เป็นผู้นำของครอบครัว และแน่นอนว่าเพศจึงกลายเป็นสิ่งที่มากำหนด ความรัก ด้วย คือต้องรักเพศตรงข้ามเท่านั้นจึงจะถือว่าถูกต้องตามมาตรฐานที่สังคมขีดไว้ สตรีหลายคนย่อมไม่ได้มีลักษณะแบบสตรีที่อยู่ ตามอุดมคติ อาจจะไม่ได้ผอม สวยงาม อ่อนหวาน หรืออยากจะมีปลายทางเป็นภรรยาและอยู่กับบ้าน ในขณะเดียวกันบุรุษหลายคนก็ย่อมไม่ได้เป็นไปตามความคาดหวัง ไม่ได้เป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้เป็นทหารที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำครอบครัวได้ตลอดเวลา”

          สาธยายยาวเสมือนเป็นนิทานปรัมปรา มีทั้งบุรุษและสตรีมายืนฟัง

          “นี่ฟังดูเป็นแนวความคิดที่ดีมิใช่น้อย สตรีบางทีก็ไม่ได้อยากต้อง อยู่กับเหย้าเฝ้าเฝ้าเรือนตลอดไป” หญิงสาวชาวบ้านที่นั่งทานอาหารอยู่พึมพำ

          ปล่อยให้สิ่งที่พูดนั้นกลายเป็นข้อถกเถียง มันก็เหมือนกับไฟป่าที่สามารถแพร่กระจายได้ เขาขยับชายเสื้อคลุม ด้วยท่าทีเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี


เลื่อมใสศรัทธา
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา

ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง

เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง

อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้

สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี

หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ

รวม 55 ความศรัทธา / 20 Point / +15 EXP

ระดับเริ่มต้น - คนจรเล่าเรื่อง
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +15 ความศรัทธา

X2 ศรัทธา





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
กระบองแปดทิศ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x5
x5
x2
x1
x1
x50
x91
x300
x300
x300
x300
x300
x300
x600
x300
x45
x95
x90
x140
x2
x9
x84
x990
x84
x980
x90
x55
x80
x1000
x182
x200
x600
x200
x382
x16
x600
x860
x880
x100
x100
x60
x80
x20
x92
x196
x98
x93
x98
x1000
x11
x269
x17
x860
x27
x7
x442
x39
x44
x88
x36
x300
x11
x750
x1372
x430
x60
x60
x2128
x28
x336
x86
x828
x52
x75
x100
x52
x324
x40
x4
x962
x970
x1353
x4
x5
x18
x22
x21
x2
x3
x17
x1
x11
x32
x11
x9
x20
x610
x3
x3908
x1
x1
x4
x89
x477
x403
x20
x62
x86
x1010
x24
x19
x121
x1
x785
x3
x3
x3
x920
x2046
x1136
x1030
x103
x14
x10
x1
x31
 เจ้าของ| โพสต์ 2022-8-29 22:19:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  
.: แขกที่สัญจรมา :.

กติกาการโรลเพลย์สนทนาทำความรู้จักขุนพลสัญจรผ่านมา
(0) ก่อนเริ่มทุกครั้ง ท่านต้องเช็คนิสัย NPC เพื่อนำมาโรลบังคับ NPC ที่นี่ (คลิกเพื่อหาข้อมูล NPC)
(1) 1 โรลเพลย์ สามารถเจอได้แค่ 1 คนเท่านั้น ยกเว้นมีระบุว่า xx นั่งกับ xx
(2) ในโรลเพลย์สร้างสถานการณ์พบเจอครั้งแรกได้อิสระ โดยไม่แหกนิสัย NPC
(3) นอกจากทำความรู้จัก พูดคุย ใน 1 โรลเพลย์สามารถมอบของขวัญให้ 1 ชิ้นเท่านั้น
(4) การชักชวนเข้ากองกำลัง บาง NPC ไม่จำเป็นต้องหัวใจเต็ม 10 ดวงเสมอไป นอกจากอยู่ที่การให้ของแล้ว การพูดคุย โรลทิ้งท้ายไว้ และ กำกับว่า "ชักชวน"
ทางทีมงานจะมาคอมเม้นท์ว่าชวนสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จคุณจะได้โต้วาทีกับเขา ถ้าชนะแสดงว่าเขายอมรับใช้คุณ


ความสำคัญก่อนโรลสร้างความสัมพันธ์ NPC
(1) สำคัญมาก ที่คุณจะต้องตรวจเช็ค (ลักษณะนิสัยขัดแย้งกันหรือไม่ สามารถเช็คได้จากที่นี่ คลิก)
(2) รองลงมา ตรวจเช็ต ธาตุวันเกิด และ ปีนักษตร ชงกันหรือไม่ สามารถเช็คได้ที่นี่ (คลิก)
(3) ทุก ๆ การโรลเพลย์ที่มีความขัดแย้งในด้านนิสัย และ ธาตุหรือปีนักษัตรชงกัน เนื้อหาโรลเพลย์คุณจะต้องสร้างให้สมเหตุสมผล
เมื่อความสัมพันธ์ต้องลบลงในโรลเดียวกับจีบ ที่ความสัมพันธ์เพิ่ม โดยการครีเอทสร้างสถานการณ์โรลเพลย์ไม่ถึงกับทะเลาะ ขัดแย้งกัน
แต่ให้คุณเผลอทำอะไรที่ไม่ดี หรือใช้คำพูด หรือ บางอย่างเกี่ยวกับนิสัย ตัวคาร์คุณในโรลนั้นด้วย เพื่อให้มีความเมคเช้นส์ในการลดความสัมพันธ์


[076] เซี่ยโหว ตุน (แฮหัวตุ้น)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: ไม่มีกำหนดการไปจากนี่


←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2022-9-20 23:58:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ศึกชิงห้องพัก
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
            ด้วยมีจุดหมายต้องการมุ่งไปในครัง้นี้ โม่เสวียนไม่คิดกลับซินเย่เร็วนักเพื่อการทดสอบขุนนางที่ยังคงดำเนินต่อไป ด้านของบุรุษชุดครามมอบหมายให้สวินอี้สะสางจัดการะุระส่วนตัวในลั่วหยางให้เรียบร้อยก่อนค่อยตามตนมาทีหลัง เวลาหนึ่งวันหนึง่คืนขึ้นเรือข้ามฟากมายังซีเหอ ใช้การควบม้าเร็วติดต่อกันจนทั้งร่างอ่อนล้า
            เพราะนำเงินติดตัวมาไม่พอทำให้เจ้าของร่างเพรียวต้องจำนำทั้งแหวนประดับและสมบัติเล้กน้อยบางชิ้นีท่หยิบติดมือมาทำเป้นค่าที่พักและอาหาร ครั้งเมือมาถึงยังโรงเตีย้มเมืองซีเหอสองตาของเขาก็ล้าเต็มที่ คิดแต่จจะรีบนอนพักเอาแรงแล้วค่อยเดินทางต่อ จังหวะเดียวกับที่ควานหาตัวหลงจู้โรงเตี้ยมได้ก็เอ่ยออกไปพร้อมกับแขกอีกคน
            “ห้องพักชั้นหนึ่ง!”
            “ห้องพักชั้นหนึ่ง หนึ่งคืน”
            เจ้าของเสียงทั้งสองหันมองหน้ากันและสายตาก็ยิ่งร้อนแรงเมื่อหลงจุ้มีท่าทีกระอักกระอ่วนตอบตามตรงว่า “ขออภัยด้วยท่านนักเดินทาง คือว่า.. เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเหล่าทูตจากชนเผ่าทางเหนือมาเข้าพัก ห้องส่วนใหญ่จึงถูกเหมาจองไว้แล้ว ห้องชั้นหนึ่งที่เหลืออยุ่เพียงห้องเดียว เกรงว่า.. หนึ่งในพวกท่านต้องเสียสละ”
            “ข้าเดินทางมาไกล ยามนี้เหน็ดเหนื่อยิย่งต้องการความสะดวกสบายให้เต็มที่สักคืน ยินดีจ่ายสองเท่า..” เอาเงินเข้าฟาดทางหนึ่งคือดม่เสวียน ส่วนอีดฝั่งคือบุรุษกำยำหน้าดุดันคนหนึ่งเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน
            “ข้ามาถึงก่อน ย่อมมีสิทธิ์ก่อน เรื่องนี้ต้องตัดสินอย่างยุติธรรมต่อให้เป้นคนค้าขายก็ควรละอายบ้าง” เซี่ยนหโหวตุนเริ่มมีน้ำโห เด็กหนุ่มหน้าละอ่อนคิดแย่งห้องกับตนนั่นพอรับได้ แต่การติดสินบนซึงหน้านี่มันอะไร
            “เอ่อ.. ข้าขออภัยจริงๆ ขอรับ เรื่องนี้ข้าไม่เกีย่วขอให้ท่านทั้งสองลองเจรจากันเองดุว่าใครจะเป็นฝ่ายเสีบสละ ห้องพักชั้นกลางของเราก็มไ่แย่นะขอรับ นอนร่วมกับคนอื่นๆ ห้องละหกคนเท่านั้น” หลงจู้จนปัญญาจะแก้ไข ทัง้สองฝ่ายคนหนึ่งราศีไม่ธรรมดาเกรงจะเป้นลุกหลานคนใหญ่คนโต ตนหรือกล้าทำให้ขุ่นเคืองใจ หากยกห้องพักของหลงจุ้ให้ได้คงทำไปแล้ว อีกฝ่ายก็ดูกำยำฉกรรหากเกิดเรื่องขึ้นมาพละกำลังเช่นนั้นคงงทำข้าวข้องเสียหายเป้นแน่
            “ท่านไม่ต้องทำให้หลงจุ้ลำบากใจไปมากกว่านี้เลย… ในเมื่อพูดว่าตัดสินอย่างยุติธรรม ก็ได้ เราประลองกันสักตาดีรึไม่? ผู้ชนะก็ได้ห้องไป ส่วนผู้แพ้.. เอาเป้นว่าผู้ชนะเลีย้งอาหารผู้แพ้แล้วกัน”
            โม่เสวียนไม่เห้นด้วยกับการที่ทำให้ผู้แพ้ต้องสูญเสียทุกอย่าง ชีวิตควรมีตัวเลือกกว่านี้ และก็โชคดีที่อีกฝ่ายรับคำท้า ร่างเพรียวให้หลงจู้ช่วยไปนำของสำหรับการประลองตัดสินมา ด้วยความที่เขาเพลียเต็มทีไหนหนังตาก็แทบจะปิดอยุ่รอมร่อ จึงเลือกเอาวิธีที่ง่ยที่สุดอย่าง..
            เกมปาลูกดอก….
            “หึ นึกว่าจะเลือกวาดลวดลายอะไร ที่แท้ก็แค่ปาหี่” ชายร่างใหญ่คนนั้นก้าวเข้ามาในวง พอเป้นเรื่องการแข่งขันแล้วลูกผู้ชายมักไม่ยอมง่ายๆ
            “คงเคยเล่นนะ.. เราแค่เปลีย่นจากลุกดอกเป็ดมีด” จากการประชันกับเซี่ยโหวคนน้องในครั้งก่อน โม่เสวียนก็พบว่าจะหาบ่าวหามีดหรือลุกท้อมาเป้นองค์ประกอบการประลองนั้นไม่ง่าย เพื่อลดทอนขั้นตอนยุ่งยากจึงให้พ่อครัวไปนำเขียงออกมาใช้หมึกต่างสีทาเป้นวงกลมแบ่งแต้มคะแน
            “กติกา ปามีดได้ 5 รอบเท่านั้น แต่ละส่วนของเป้าจะมีคะแนนอยุ่ ใครได้คะแนนรวมสูงกว่าก็ชนะไป” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแฟวหอาการดังขึ้นห้ารอบ ทั้งห้าหนปักอยุ่ทแบจะเรียกได้ว่าจุดกึ่งกลางเป้าเลยทีเดียว ผู้ที่ชมอยุ่รอบข้างถึงกับเหงื่อตก แบบนี้จะไปชนะได้ยังไงล่ะ คะแนนเต็ม!
            “แค่นี้ใช่ไหม” เซี่ยโหวตุนไม่ยี่หระนัก เตรียมจะเดินไปหาหลงจุ้เพื่อเก็บกุญแจห้องพักแล้ว หากมิใช่ว่าเสียงฮือฮาจากด้านหลังเมื่อเขาหันไปก็ถูกตรึงไว้กับที่
            “ประมาณนี้ท่านคิดว่ายังไง..” โม่เสวียนปามีดออกไปทัง้ฉับไวและเงียบงัน แน่นอนว่าเข้าเป้าัท้งห้าดอก หากทว่าความพิเศษของมันก็คือ.. วิธีโค้ง มีดทั้งห้าเล่มถูกปล่อยออกในเวลาไล่เลี่ยกัน แล่มที่หนึ่งดิ่งออกไปลอยเคว้ง เล่มที่สองจึงพุ่งส่งแรงปะทะให้ปักจมลงไปในสันมีดของคุ่ต่อสู้ เป็นช่วงเวลาขณะเดียวกันเล่มที่เหลือก็สามารถลอยโค้งเข้าเป้าอย่างแม่นยำ
            ทักษะเหนือกว่าอย่างเหลือเชื่อ.. ผู้ชนะถูกตัดสินแล้ว
            “ข้าเซี่ยโหวหยวนหรั่ง นานแล้วที่มไ่ได้พบยอดฝีมือ ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกันแน่…”
            “เสิ่น.. ข้าแซ่เสิ่น นามตี้จิง ข้าเรียนวิชาแพทย์จากบิดาเลยเล่นกับมีดตั้งแต่เล็กแล้ว..” ร่างเพรียวตอบเซี่ยโหวตุนพลางๆ อีกมือหนึ่งก็มอบบะหมี่เนื้อให้เขาโดยคิดเสียว่าแทนค่าห้องพักฉบับพิเศษ…
            
            
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
-เอฟเฟคตัวละคร-

(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
รวม 24 Point 5exp +10 คนธ.+25ความเครียดจากการให้ของส้ม
—------

–ความสัมพันธ์–
[076] เซี่ยโหว ตุน
+35 มอบ บะหมี่เนื้อวัว
(หูดี)
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
-15 ไม้ ข่มดิน
+5 พูดคุยรายวัน
+20 จากการประลอง
รวม +60





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้