เจ้าของ: ไม่ระบุชื่อ

[นอกเมืองซีเหอ] บ้านสกุลกู่ | เรือนหิมะ

[คัดลอกลิงก์]

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-15 18:14:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-15 17:08
⌜ 17 ⌟
บทที่ 5ข่าวลือที่ซีเหอฉากที่ 2




หอฝึกยุทธ์

คุณได้เดินเข้ามายังหอฝึกยุทธ์ สถานที่สุดท้ายที่ไม่มีคนสำรวจ (?) แต่ก็พบว่าที่นี่ดูคล้ายหอคอยสูง ตรงกลางมีพื้นที่ให้ฝึกยุทธ์
ก่อนจะมีบันไดขึ้นเป็นวงกลมด้านข้างจากซ้ายเวียนขวาสู่ยอด  และตอนนี้คุณกำลังคิดว่าจะเริ่มเดินทางไปทางไหนดี



อธิบาย
เส้นสีเหลือง คือ กำแพงผนังกั้นห้องที่ไม่สามารถผ่านไปได้
วงกลมสีแดง ห้องลับ บางวงกลมอาจจะมีสมบัติ บางวงกลมอาจจะไม่พบอะไร


1) เขียนโรลเพลย์เข้ามายังจุดเริ่มต้นของอาคาร (จุดสีฟ้า คือ จุดเริ่มต้นทางเข้าอาคารที่คุณเข้ามา)
2) เขียนโรลสำรวจไปตามเส้นทางที่สำรวจได้
3) ท้ายโรลเพลย์ให้ระบุห้องที่ท่านจะหยุดสำรวจ ตัวอย่าง ห้อง (1)
4) ท้ายโรลเพลย์ให้ท่านทำเส้นตัวละครเดินด้วยเส้นสีแดงตามภาพด้วยว่าท่านหยุดตรงไหน


@Fenyue   @คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสำรวจบ้านหลัก




←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-15 21:13:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:16
Webmaster ตอบกลับเมื่อ 2021-9-15 18:14
หอฝึกยุทธ์
คุณได้เดินเข้ามายังหอฝึกยุทธ์ สถานที่ส ...


⌜ 19 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 4
{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตงฟาง



            เด็กสาวเดินวนรอบนอกหาทางเข้าจนมาเจอบานประตูหนาที่ฟากตรงกันข้ามกับรอยแตกที่ผนัง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ สีหน้าดูกระวนกระวายใจมากเหลือเกินที่จะต้องบุกเข้าไปในเคหะสถานของผู้อื่น แต่นางก็จำเป็นจะต้องไปเอาเจ้าลูกหมูตัวแสบออกมา
            
            ขอโทษนะเจ้าคะ ขออนุญาต.. ขอเข้าไปหน่อยเจ้าค่ะ”
            
            เอ่ยกับอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นเป็นการขออนุญาตให้อุ่นใจเอาไว้ก่อนว่าตนไม่ได้ตั้งใจถือวิสาสะเข้ามาขนาดนั้น หากแถวนี้มีผีบ้านผีเรือนแล้วตอบว่า ‘อย่าเข้ามา’ ก็ไม่สามารถรับรู้ได้อยู่ดี
            
            มือเรียวผลักบานไม้หนาให้เลื่อนเปิด มันหนักแต่ก็ไม่ได้หนักกว่าประตูบ้านที่นางเปิดเข้าเปิดออกอยู่ทุกวัน

            แอ๊ดดดดด

            “อ๋า.. ทำลงไปแล้ว.. ขอโทษเจ้าค่ะ! ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ!! ถ้าเสร็จธุระแล้วจะรีบออกไปนะเจ้าคะ”
            
            หลับหูหลับตาขอโทษขอโพยอากาศอีกครั้งด้วยความล่ก ด้านในห้องเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเมื่อถูกลมด้านนอกตีเข้ามาจึงทำให้ผงธุลีพัดกระจาย นี่ต้องเป็นการลงทัณฑ์จากสวรรค์ในข้อหาบุกรุกแน่ ๆ
            
            “อุก แค่ก ๆๆๆ”
            
            นางรีบยกแขนเสื้อมาปิดจมูกไม่ให้สำลักฝุ่นไปมากกว่านี้ อีกมือก็ยกขึ้นปัดป่ายอากาศไม่ให้เศษผงปลิวเข้าหน้า รออยู่ครู่หนึ่งฝุ่นผงที่กระจายจึงตกลงพื้น เฟินเยว่ปรับสายตามองเข้าไปด้านในที่ค่อนข้างมืด มีเพียงแสงตะวันยามบ่ายที่ส่องสว่างรอดลงมาตามรอยแตกของไม้และบานประตูหน้าต่าง อย่างแรกที่สำรวจหาคือคบไฟแต่กระนั้นแล้วจะเอาอะไรจุดเพราะสัมภาระทุกอย่างถูกฝากไว้กับม้า ยกเว้นแต่อาวุธและถุงเงิน
            
            แล้วก็มาคิดได้ว่านางเคยซ่อนถ่านหินไว้จุดไฟในถุงเงินที่ไม่เคยเก็บไว้ห่างกายอยู่หนึ่งก้อน สามารถเอามาใช้จุดไฟให้แสงสว่างได้ เมื่อสว่างมากพอแล้วจึงทำให้เห็นว่าเบื้องหน้าเป็นลานฝึกขนาดใหญ่ เด็กสาวส่องคบไฟไปซ้ายทีขวาทีแล้วก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ เหมือนว่าลักษณะภายนอกของหอคอยจะใหญ่กว่านี้เลย นางเดินไปยังกำแพงฝั่งตรงกันข้ามมองหารอยแตกของไม้ที่เปาเปามุดเข้ามาแต่ก็ไม่เจอ ราวกับว่าห้อง ๆ นี้ไม่ได้ใช้ผนังเดียวกันภายนอก แต่เป็นเพียงแค่ห้อง ๆ หนึ่ง
            
            “อื้ม.. แปลว่ามีห้องอื่นอีกสินะ..”
            
            พึมพำกับตัวเองจนติดเป็นนิสัย ก่อนที่จะมองหาทางไปต่อยังทิศทางฝั่งตรงกันข้ามกับประตูทางเข้า หูก็เงี่ยฟังเสียงกีบเท้าหมูกุก ๆ กัก ๆ บนพื้นไม้ไปด้วย ด้วยความก้องจึงทำให้จับไม่ได้ว่าตอนนี้เปาเปาเดินไปทางไหนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจทางรอบข้างบ้างเลยเพราะด้วยความที่ในหอแห่งนี้วกวนเหมือนกับเขาวงกต จึงทำให้แอบคิดด้วยเหมือนกันว่า
            
            ‘ใครกันนะที่สร้างบ้านแบบนี้’
            
            เด็กสาวพยายามใช้สมาธิฟังเสียงหมูที่ดังหลังกำแพงแล้วเดินตามไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างมากเท่าไร จนมาหยุดอยู่ในจุดที่ได้ยินเสียงชัดเจนใกล้ที่สุดเปาเปาน่าจะอยู่หลังกำแพงนี้นี่เอง...


            
            
.
.
.
            
            
            
ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
            


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-15 22:48:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-15 21:13
⌜ 19 ⌟
บทที่ 5ข่าวลือที่ซีเหอ{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตง ...




การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 1 - เฟินเยว่



คุณได้มาใกล้ทางห้องหมายเลข (2) แต่คุณยังไม่ไปทางแยกเพื่อเลี้ยวเข้าห้องหมายเลข (2) กลับเลือกฟังเสียง
นอกจากเสียงเปาเปาแล้ว คุณยังได้ยินเสียงคล้ายเสียงลม หรือด้านหลังกำแพงจะมีหน้าต่างที่ทิ้งร้าง ลมพัดไปมาทำให้หน้าต่างเปิดปิดส่งเสียง
และดูเหมือนว่าเจ้าเปาเปาจะเจอบางอย่างเข้าให้แล้ว มันส่งเสียงร้องหลังกำแพง คุณจะไปเส้นทางอื่นก่อน
หรือ ไปเส้นทางต่อไปด้านหน้าเพื่อเลี้ยวเข้าห้อง (2) หรือไม่ และดูเหมือนว่าคุณจะได้ยินเสียงฝีเท้าบางอย่างด้านหลัง



อธิบาย
เส้นสีเหลือง คือ กำแพงผนังกั้นห้องที่ไม่สามารถผ่านไปได้
วงกลมสีแดง ห้องลับ บางวงกลมอาจจะมีสมบัติ บางวงกลมอาจจะไม่พบอะไร


1) เขียนโรลเพลย์เข้ามายังจุดเริ่มต้นของอาคาร (จุดสีฟ้า คือ จุดเริ่มต้นทางเข้าอาคารที่คุณเข้ามา)
2) เขียนโรลสำรวจไปตามเส้นทางที่สำรวจได้
3) ท้ายโรลเพลย์ให้ระบุห้องที่ท่านจะหยุดสำรวจที่ไหนตามแผนที่ หรือ ไปห้องหมายเลขวงกลมแดง เลย โดยลากเส้นสีแดงไปบรรจบจุดแดง
4) ท้ายโรลเพลย์ให้ท่านทำเส้นตัวละครเดินด้วยเส้นสีแดงตามภาพด้วยว่าท่านหยุดตรงไหน


@Fenyue   @คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสำรวจบ้านหลัก




←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-16 00:06:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:17
Webmaster ตอบกลับเมื่อ 2021-9-15 22:48
การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 1 - เฟินเยว่

⌜ 20 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 5
{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตงฟาง



            “อู๊ด ๆๆๆๆ อู๊ดดด”

            เสียงเปาเปาดังมาจากด้านหลังกำแพงภายในห้องที่นางยังไม่ได้เข้าไป มันร้องเรียกเหมือนตอนที่เจอของป่าไม่มีผิด ไม่เพียงแต่ส่งเสียงร้องแต่มาพร้อมด้วยเสียงตะกุยพื้นดังขึ้นต่อเนื่องคล้ายกับรีบเร่งให้เด็กสาวเข้าไปหาของที่อยู่เบื้องหน้า นอกจากเสียงของสัตว์เลี้ยง เด็กสาวยังได้ยินเสียงหน้าต่างโดนลมตีเสียงดังปึงปังชวนให้สะดุ้งโหยง รีบไปหาเปาเปาแล้วโกยออกจากที่นี่น่าจะเป็นทางดีที่สุด
            
            ตึก.. ตึก..
            
            ในขณะที่กำลังจะก้าวขาแต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าคนดังขึ้นก่อนที่เท้าของนางจะเหยียบลงพื้นเสียอีก เฟินเยว่ชะงักแล้วเงี่ยหูฟังดี ๆ ใช่.. เป็นเสียงฝีเท้าของคนที่เดินอยู่ด้านหลังจริง ๆ

            ‘ใครน่ะ เจ้าของบ้านเหรอ?’

            เด็กสาวคิดในใจ แต่เมื่อทบทวนดี ๆ อีกครั้งแล้วก็คิดว่าไม่ใช่ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะถูกทิ้งร้างมานาน และหากไม่ใช่เจ้าของบ้านก็น่าจะเป็นโจร

            ‘แย่ล่ะ!’

            เฟินเยว่ตระหนกตกใจกลัวจนตัวสั่น คว้าเอาทวนบนหลังมากอดไว้แน่น เด็กสาวไม่รู้วิธีการใช้ทวน เคยแต่แค่ใช้ง้าวดายหญ้า นางหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมสติไม่ให้สั่น มีอีกห้องที่หลบง่ายกว่าอยู่ตรงหน้า แต่นางไม่อาจทิ้งเปาเปาให้พบกับอันตรายได้ ลูกหมูตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์กลางป่าเขาแบบนี้ มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกนำไปทำเป็นอาหาร เด็กสาวมั่นใจว่าถ้าถูกจับจริงเจ้าตัวเล็กไม่มีทางหลุดพ้นได้
            
            เพื่อนย่อมไม่ทิ้งกัน นางรวบรวมความกล้ารีบสาวเท้าเข้าไปยังห้องนั้นก่อนที่ใครสักคนที่อยู่ด้านหลังจะทันเข้าถึงตัว

            “อู๊ด ๆๆๆๆ อี๊ดดดด”

            เมื่อเข้าไปด้านในแล้วก็เห็นเปาเปากำลังสนใจกับอะไรบางอย่างแต่เด็กสาวไม่มีเวลามาดูว่าสิ่งที่เปาเปาเรียกร้องคืออะไร นางรีบเข้าไปอุ้มลูกหมูมากอดไว้แน่นแล้วปิดปากมันไม่ให้ส่งเสียง สายตามองซ้ายมองขวาหาที่ซ่อน แต่ด้วยความล่กจึงลืมสนใจบานหน้าต่างที่ไม่ได้ลงกลอน ตอนนี้มันปิดอยู่เพราะแรงลมตีเข้าครั้งสุดท้าย สุดท้ายก็เลือกที่จะซ่อนตัวในซอกตู้หรืออะไรบางก็ไม่รู้ไม่ทันมองอย่างแทน เพื่อความปลอดภัยไม่ลืมที่จะดับแสงคบเพลิงไม่ให้เป็นที่สนใจของผู้ร้าย
            
            แต่อนิจจา... เด็กสาวที่คิดว่าซ่อนตัวเป็นอย่างดีไม่มีใครเห็น ทว่าปลายทวนที่สูงเลยหัวกลับโผล่พ้นออกมา หากคนเดินผ่านไม่ได้เอะใจก็คงไม่เห็น แต่ถ้ามีไหวพริบสักนิดจะรู้ว่าผิดสังเกต ต้องมาดูกันแล้วว่าคราวนี้เจ้าแม่หนี่วาและวิญญาณบรรพชนจะคุ้มครองนางได้ถึงแค่ไหน



           
.
.
.
            
            
            
ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
            


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-16 00:26:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-16 00:06
⌜ 20 ⌟
บทที่ 5ข่าวลือที่ซีเหอ{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตง ...


การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 2 - เฟินเยว่


เส้นสีน้ำเงินคือ NPC ประกอบ บางคนที่มาสำรวจ ตัวเปียกโชกจากฝนตกหนักด้านนอก ทำให้มีรอยน้ำเปียกโชกเลอะพื้นที่ฝุ่นจับจนเห็นรอยเท้าของเขาชัดเจน

ดูเหมือนว่าเฟินเยว่จะมาจนถึง......
ห้อง (2) ห้องลับที่ถูกเปิดออก ภายในดูเหมือนเป็นห้องเป็นสะสมของเจ้าของจวนระเนระนาดไปหมดหากไม่สังเกตจะไม่เจอกระดาษขาดมากมายและเปียก
มีม้วนภาพที่วางบนชั้น [ผังภาพเหอถู] ที่ดูจะมีฝุ่นเขรอะไม่แพ้กัน
แต่ม้วนอย่างดี หัวท้ายมีกระบอกไม้ปิดทำให้ด้านในคิดว่าน่าจะคงสภาพดีไร้ฝุ่น

เฟินเยว่ที่แอบอยู่นานก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครเดินเข้ามาในห้อง ส่วนเปาเปามันวิ่งไปยังตรงกลางที่เป็นที่วางม้วนภาพบางอย่าง กลิ่นกระดาษคุณภาพดี
มันอ้าปากราวกับบอกว่า 'ขอแทะได้ไหม'

ดูเหมือนว่ามันดูคล้ายผังภาพเหอถู คุณคิดว่าจะเก็บไปหรือไม่ โปรดระบุ
และตอนนี้เหมือนว่าจะไม่มีเสียงใครเดินมายังห้องนี้ นอกจากฝนลมพัดหน้าต่างตีพับเปิดปิดส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดวนไป
หากคุณย้อนกลับไปจะพบรอยพื้นเปียกบางอย่างที่ทางแยก ดูเหมือนรอยเปียกมุ่งหน้าไปยังทางเลี้ยวอีกฝั่งที่คุณยังไม่ได้เลี้ยวไป
ตอนนี้ห้อง (2) คุณก็สำเร็จแล้ว คุณจะไปยังบันไดขึ้นชั้น 2 หรือ ไปห้อง (1) ก่อน




อธิบาย
เส้นสีเหลือง คือ กำแพงผนังกั้นห้องที่ไม่สามารถผ่านไปได้
วงกลมสีแดง ห้องลับ บางวงกลมอาจจะมีสมบัติ บางวงกลมอาจจะไม่พบอะไร


1) เขียนโรลเพลย์เข้ามายังจุดเริ่มต้นของอาคาร (จุดสีฟ้า คือ จุดเริ่มต้นทางเข้าอาคารที่คุณเข้ามา)
2) เขียนโรลสำรวจไปตามเส้นทางที่สำรวจได้
3) ท้ายโรลเพลย์ให้ระบุห้องที่ท่านจะหยุดสำรวจที่ไหนตามแผนที่ หรือ ไปห้องหมายเลขวงกลมแดง เลย โดยลากเส้นสีแดงไปบรรจบจุดแดง
4) ท้ายโรลเพลย์ให้ท่านทำเส้นตัวละครเดินด้วยเส้นสีแดงตามภาพด้วยว่าท่านหยุดตรงไหน

* คนอื่น ๆ ให้ใช้เส้นสีอื่นนอกเหนือแดง และ น้ำเงินเพื่อกันสับสน *


@Fenyue   @คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสำรวจบ้านหลัก



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-16 06:03:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:17
Webmaster ตอบกลับเมื่อ 2021-9-16 00:26
การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 2 - เฟินเยว่

เส้นสีน้ำเงินคือ NPC ป ...

⌜ 21 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 6
{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตงฟาง


           
            ช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัวกัดกินจิตใจบังคับให้ร่างกายหยุดสั่นไม่ได้ เฟินเยว่ฝังตัวเองในซอกแคบนี้มานานเท่าไรไม่อาจทราบ อาจจะหนึ่งเค่อ สองเค่อ สามเค่อ หรือกินเวลาเป็นชั่วยาม เด็กสาวไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับนางมันคือความทรมาณอันยาวนานราวกับองสไขย
            
            ลมแรงที่ด้านนอกพัดโหมเข้ามาซัดหน้าต่างในห้องเปิดปิดปึงปัง ห่าฝนก็เทกระหน่ำรุนแรง ท้องฟ้าจากสว่างก็กลายเป็นมืดมิด มีแต่เพียงแสงจ้าจากอสนีบาตซัดสาดประกายแสงลงมาเป็นช่วง ๆ และนั่นเสริมให้บรรยากาศที่กดดันอยู่เป็นทุนเดิมทวีความน่าหวาดหวั่นเข้าไปอีก เด็กสาวอยากจะหาอะไรมาตีหัวตัวเอง ทำไมตอนหลบถึงมองไม่เห็นหน้าต่างกันนะจะได้ปีนหนีออกไปได้
            
            ‘แล้วไป๋ไป๋จะเป็นอย่างไรบ้าง แย่จริง ๆ เลย!’
            
            เป็นห่วงม้าขาวที่ผูกไว้ข้างทาง ตรงนั้นเป็นชายป่ามีต้นไม้ให้ร่มเงาก็จริง พวกสัตว์เหล่านี้มีความทนทานมากกว่าคนถึงโดนฝนก็ไม่เป็นไร เสียงคำรนจากเทพเจ้าลุ่ยกง (เทพเจ้าสายฟ้า) จะทำให้จิตใจของมันเตลิดเปิดเปิงเหมือนนางหรือไม่ ในตอนนี้เด็กสาวอยากจะขอโทษมันมาก ไหนจะทรัพย์สินที่ทิ้งไว้ตรงนั้นอีก เครื่องครัวโดนน้ำไม่เป็นไร แต่ก็มีเสบียงอาหารอยู่ในนั้นด้วยอาจจะเน่าเสีย
            
            เวลาที่ผ่านไปอย่างยาวนานย้อมยามเย็นให้เป็นกลางคืน มันนานเสียจนความกลัวในใจเริ่มหดหายไปเอง เด็กสาวไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าไปพักนึงแล้ว และก็ไม่มีใครที่เข้ามาในห้องนี้ด้วยเช่นกัน บางทีเขาอาจจะไปแล้ว นางเลยออกจากซอกมาดู
            
            หมูป่าเปาเปาดีดตัวลงจากอ้อมกอดในทันใด และตรงปรี่เข้าตะกุยขาตู้ในทันที ด้วยสายตาที่คุ้นชินกับความมืดจึงทำให้พอจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ในห้องแห่งนี้ได้ลาง ๆ ภายในเหมือนกับห้องสะสมสมบัติเจ้าของบ้านเก่า มีทั้งถ้วยโถโอชามและรูปปั้นมากมาย แต่ทว่าต่างล้มระเนระนาดบางอย่างก็เสียหาย เด็กสาวจำต้องเดินดี ๆ ประเดี๋ยวเศษกระเบื้องจะบาดเท้าเข้า
            
            เห็นเจ้าหมูเอาแต่ตะกุยขาตู้เหมือนอยากจะขึ้นมา จึงตัดรำคาญด้วยการอุ้มมันขึ้นมาวางบนนั้น
            
            ถึงแม้บ้านนี้จะเป็นบ้านร้างไม่จำเป็นจะต้องดูแลความสะอาด แต่ด้วยนิสัยที่เป็นอยู่จึงถือวิสาสะจัดเก็บกระดาษเปียกขึ้นมาวางเรียงกันไว้ในมุมหนึ่งแต่ไม่ได้อ่าน ถึงอ่านก็อ่านไม่ออกด้วยความมืดส่วนหนึ่ง และอีกส่วนที่เป็นส่วนใหญ่ก็คือน้ำหมึกบนหน้ากระดาษก็เลือนลางเต็มที ไม่รู้ว่าผ่านแดดผ่านฝนมานานกี่คืน แต่ที่แน่ ๆ เลยคือกระดาษที่จับทั้งเปื่อยทั้งกรอบ ไม่เพียงแต่เศษกระดาษที่นางจัดเป็นที่ แต่เศษชามที่แตกนางก็ยังมีความพยายามจะเก็บมากองไว้ยังมุมหนึ่งปลอดภัยต่อเท้าคน
            
            เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเฟินเยว่ก็เงยหัวขึ้นมาเห็นเปาเปากำลังอ้าปากงับกระบอกไม้ไผ่ลำหนึ่งอยู่ น่าจะเป็นม้วนเก็บคำภีร์มีค่า และแน่นอนว่าสิ่งใดที่ไม่ใช่ของนางเด็กสาวก็หาได้ใส่ใจอยากสอดรู้สอดเห็นว่าด้านในคืออะไร
            
            “ไม่เอาสิเปาเปา”
            
            ดึงม้วนไม้ไผ่ออกมาจากปากหมูแล้วเอาขึ้นไปตั้งเก็บบนชั้นที่สูงกว่า แต่เจ้าลูกหมูที่ดูจะจับจดกับกระบอกไม้ไผ่นี้เสียเต็มประดาก็เริ่มร้องอู๊ดอี๊ดเสียงดัง
            
            “อู๊ด ๆๆๆ อี๊ด ๆๆ อู๊ด ๆๆๆๆ”
            
            “ปะ เปาเปาหยุดร้องนะ!”
            
            เด็กสาวดุเจ้าหมูน้อยเสียงเบาราวกับกระซิบ ถึงเสียงฝีเท้าคนจะเงียบไปแล้วแต่นางก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี
            
            “อู๊ด ๆๆๆ อี๊ด ๆๆ อู๊ด ๆๆๆๆ”
            
            แต่หมูน้อยยังร้องไม่หยุด ไม่เพียงแค่ร้องแต่ยังดิ้นพล่านไปกับโต๊ะเหมือนเด็กงอแง ถ้าพูดภาษาคนได้มันคงพูดแล้วว่า ‘หนูจาเอาของเล่น ของเล่นของหนู แง ๆๆๆๆ’
            
            “อ๊า.. เข้าใจล่ะ เจ้าอยากได้อันนี้งั้นเหรอ?”
            
            เฟินเยว่ยอมหยิบกระบอกไม้ไผ่นั้นลงมา แต่เมื่อเจ้าหมูเห็นมันก็หยุดดิ้นหยุดร้องแล้วเข้ามาดมมือ
            
            “โธ่.. แต่ว่า ถ้าเอาไปก็เท่ากับขโมยของ ไม่ดีเลยนะ”
            
            นางสั่งสอนหมูแต่ดูท่ามันจะไม่ฟัง พอจะเอาไปเก็บอีกมันก็เริ่มดิ้นโวยวายอีก เด็กสาวรู้สึกสองจิตสองใจเป็นอย่างมาก ระหว่างจะยึดถือในความดีไม่ขโมยทรัพย์สินผู้อื่น หรือจะยอมให้หมูร้องจนคนที่ไม่รู้ว่าดีหรือร้ายรู้สึกตัวแล้วเข้ามาทำร้ายเอาได้ เฟินเยว่ยกมือขึ้นประสานกลางอกพร้อมหลับตาอธิษฐานกล่าวกับสิ่งที่มองไม่เห็นภายในบ้าน
            
            “ขออภัยด้วยนะเจ้าคะ ท่านเทพยาดา และเจ้าที่เจ้าทาง ข้าน้อยไม่ตั้งใจจะขโมยของในบ้านหลังนี้ แต่ไร้ซึ่งทางเลือกจริง ๆ เปาเปาดูจะอยากได้ของสิ่งนี้มากถ้าไม่ยอมมันก็จะร้องไม่หยุด เอาเป็นว่าหากไม่พอใจก็ตามมาเข้าฝันทวงคืนได้นะเจ้าคะ แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้าก็จะคิดว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตให้ได้ครอบครองม้วนคำภีร์นี้แล้ว”
            
            เมื่อขอขมาแล้วก็ยกกระบอกไม้ไผ่ขึ้นจบท่วมหัว เด็กสาวหันไปมองลูกหมูตาเขียว อันที่จริงอยากจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง
            
            “พอใจแล้วหรือยังล่ะ ทีนี้ก็กลับกันได้แล้วนะ ไป๋ไป๋จะเป็นอย่างไรแล้วบ้างก็ไม่รู้”
            
            “อู๊ด”
            
            เปาเปาตอบรับเสียงเบา ๆ แล้วก็ยอมให้นางอุ้มขึ้นมา
            
            เฟินเยว่เดินออกไปทางเดิมที่เคยเข้ามา แต่จะให้บอกตรง ๆ ก็คือนางจำทางออกเก่าไม่ได้หรอก ผ่านมาตั้งนานหลายเค่อแถมยังสติแตกระหว่างทาง มองก็ไม่ค่อยจะเห็น รู้แต่เพียงว่าบนพื้นมีความเฉอะแฉะผิดปกติ อาจจะเป็นรอยเท้าของคนที่เข้ามาด้านในเมื่อตอนนั้น กลัวเหลือเกินว่าหากเดินไปทางนั่นจะทำให้นางได้พบกับเขาแทนทางออก จึงเลี่ยงไปอีกทางแทนโดยไม่รู้ว่าถูกหรือผิด
            
            ‘เอิ่ม.. ทางนี้หรือเปล่านะ? ไม่รู้แหล่ะ ผลักเข้าไปก่อนก็แล้วกัน’
            
            มือสัมผัสได้ว่าด้านหน้าเป็นบานประตูจึงออกแรงผลักออกไป




.
.
.
            
            
            
ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
            


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-16 19:58:57 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-16 06:03
⌜ 21 ⌟
บทที่ 5ข่าวลือที่ซีเหอ{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตง ...


การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 3 - เฟินเยว่



นักสำรวจอีกคนรู้สึกสงสัย ทำไมบ้านร้างห้อง (2) ถึงดูเป็นระเบียบนักเมื่อเทียบกันแล้ว จะมีใครจิตใจดีมาทำบ้านที่ถูกทิ้งร้างเช่นนี้ด้วยหรือ
เขาที่เดินออกจากห้อง (2) มาก่อนเดินหยุดพื้นที่ตรงเดิม รู้สึกบางอย่างแปลกไป เขาต้องระวังตัว บางทีอาจเป็นคนไม่ดี

ห้อง (1) ห้องลับที่ถูกเปิดออก ภายในพบกับ ห้องที่ฝุ่นเขรอะ กลางห้องมีโต๊ะกับโครงกระดูกในอาภรณ์ปราชญ์ที่ผ่านมา 200 ปีเศษ ๆ สภาพดีนั่งที่เก้าอี้ราวกับ
กำลังอ่านบางอย่างหรือเขียนบางอย่าง มือที่พุกร่อน มีพู่กันแตกหักหล่นข้าง ๆ มือ น้ำหมึกแห้งเหือด หน้าต่างทุกบานก็ปิดสนิท กลอนขึ้นสนิม
แต่ไม่มีตำราใด ๆ นอกจากจดหมายฉบับเดียว
ถึง ผู้ที่มาพบข้า
ข้าตงฟาง ซั่ว ได้ลองทำนายอักษรชะตาให้แผ่นดินฮั่น แต่เหตุใดการทำนายของข้าถึงถดถอยเช่นนี้ ไม่ว่าจะทำนายอีกกี่ครั้งล้วนเห็นชะตาต้าฮั่นโกลาหลวุ่นวาย
มีแต่ความมืดมิดไร้แสงสว่าง กลับมองไม่เห็นว่าจะเกิดเมื่อไหร่ หรือข้าจะแก่เกินไปแล้วความสามารถเลือนลาง แต่เพื่อหวังว่าจะช่วยชะตาได้
และราษฎร์ที่ต้องเดือดร้อน ข้าได้ซุกซ่อนตำราของข้าที่รวบรวมความรู้ทั้งชีวิต ประวัติศาสตร์ก่อนยุคของข้า และ หลักการบริหารต่าง ๆไว้ในเล่มเดียวกัน
หวังว่าผู้ที่มาเจอตำราเล่มนี้จะนำไปใช้เพื่อช่วยแผ่นดินให้พ้นกลียุค



ดูเหมือนว่านอกจากจดหมายฉบับเดียวกับโครงกระดูกที่นี่ก็ไม่มีอะไรอีกเลย ตอนนี้เปาเปาเริ่มทำท่าจะแงะโครงกระดูกขามาแทะ
ตอนนี้ห้อง (1-2) คุณก็สำเร็จแล้ว คุณจะไปยังบันไดขึ้นชั้น 2 หรือ กลับไปก่อน

จะทำเช่นไรกับโครงกระดูกปราชญ์
(1) ปล่อยเปาเปาคาบโครงขาไปแทะเล่น ~ (2) ขอขมาก่อนแย่งโครงขาจากเปาเปากลับไปต่อที่เดิม ~
(3-จำต้องมีลักษณะนิสัยที่สอดคล้อง จริงใจ-เห็นอกเห็นใจ-ใจกว้าง-ถ่อมตน จึงจะมีตัวเลือกนี้) เก็บโครงกระดูกทั้งหมดอย่างระวังไม่ให้หายเข้ากระเป๋าเพื่อจะนำไปฝังศพให้

(หากเลือก 3 เฉพาะคนมีลักษณะนิสัยสอดคล้อง)
1) แค่ฝังไว้ข้าง ๆ กระท่อม แบบเรียบง่าย (มีภาพป้ายสุสาน เขียนว่า 'ปราชญ์ตงฟาง' เดาจากข่าวเจ้าของกระท่อมเก่าและจดหมาย) +10 EXP
2) หาฮวงจุ้ยดี ๆ ทำสุสานให้ พร้อมป้ายสุสาน และ หน้าหลุมศพ (เลือกภาพอวตาร์ได้เลย) (เสนอปักสถานที่) +25-70 EXP และ 5-20 Point (ตามความสวยงามของสุสาน)





อธิบาย
เส้นสีเหลือง คือ กำแพงผนังกั้นห้องที่ไม่สามารถผ่านไปได้
วงกลมสีแดง ห้องลับ บางวงกลมอาจจะมีสมบัติ บางวงกลมอาจจะไม่พบอะไร


1) เขียนโรลเพลย์สร้างสตอรี่การสำรวจห้องที่ (1)
2) เขียนโรลสำรวจจนทั่วทั้งห้อง
3) ท้ายโรลเพลย์ให้ระบุห้องต่อไปหรือบันไดที่ท่านจะหยุดสำรวจที่ไหนตามแผนที่
4) ท้ายโรลเพลย์ให้ท่านทำเส้นตัวละครเดินด้วยเส้นสีแดงตามภาพด้วยว่าท่านหยุดตรงไหน

* คนอื่น ๆ ให้ใช้เส้นสีอื่นนอกเหนือแดง และ น้ำเงินเพื่อกันสับสน *


@Fenyue   @คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสำรวจบ้านหลัก



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-16 23:03:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:18
Webmaster ตอบกลับเมื่อ 2021-9-16 19:58
การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 3 - เฟินเยว่

⌜ 22 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 7
{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตงฟาง


           
            และเมื่อผลักบานประตูเข้าไปสิ่งที่เด็กสาวได้พบก็คือ..
            
            เปรี้ยง!!!
            
            สายฟ้าฟาดผ่านหน้าต่างลงมาพอดีทำให้เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาภายในห้อง และภาพที่เด็กสาวเห็นก็คือโครงกระดูกมนุษย์ที่สวมชุดอาภรณ์ชั้นดีนั่งถือพู่กันอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สาวน้อยจิตหลุดไปอีกครั้ง
            
            “กรี๊ดดดดด!!!!!”
            
            เฟินเยว่กรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ ลงนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ที่หน้าประตู ตอนนี้สติสตางค์ไม่เหลือไตร่ตรองแล้วว่าจะมีใครอยู่ในที่แห่งนี้นอกจากนางหรือไม่
            
            “ฮื่อ ๆๆๆๆ ขอโทษเจ้าค่ะ ท่านเจ้าของบ้าน ข้าจะนำกระบอกไม้ไผ่ไปคืนเดี๋ยวนี้แหล่ะเจ้าค่ะ ฮื่อออ”
            
            เฟินเยว่หลงคิดว่ากระดูกร่างนั้นคือผีเจ้าที่ที่มาทวง ‘ของรักของข้า’ คืนมา ยิ่งก่อนหน้าอธิษฐานเอาไว้ด้วยว่าหากไม่พอใจให้มาทวงคืน แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาหลอกหลอนรวดเร็วทันควันชนิดที่ว่าหากชงชาทิ้งไว้ก็ยังไม่ทันเย็น เด็กสาวยกมือขึ้นไหว้ขอขมาท่วมหัว มือสั่นปากสั่น
            
            ทางด้านเจ้าหมูป่าน้อยเปาเปาก็ได้กลิ่นที่เหมือนกับอาหารอีกรอบ มันกระโดดดึ๋งออกจากตัวนาง ค่อย ๆ ปีนป่ายไปบนซากโครงกระดูกแล้วแทะเล็มชิมรสเล้งสูตรเด็ดอายุมากกว่าร้อยปี ในระหว่างที่มันปีนอยู่นั้นขาหมูก็เตะเอากระดาษใบหนึ่งปลิวลงมาตรงหน้าเด็กสาวที่กำลังสั่นกลัว
            
            “ฮื่อ ๆๆๆ เดี๋ยวข้าเก็บกระดาษให้นะเจ้าคะ”
            
            พยายามควบคุมมือตัวเองได้อย่างยากเย็น กว่าจะหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาได้ก็หยิบหล่นหยิบหล่นตั้งห้าหกที นางไม่ได้ตั้งใจจะอ่านข้อความแต่ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นบรรทัดสุดท้ายพอดี
            
            หวังว่าผู้ที่มาเจอตำราเล่มนี้จะนำไปใช้เพื่อช่วยแผ่นดินให้พ้นกลียุค…
            
            “เหะ?”
            
            ตำราเล่มนี้หมายถึงเล่มไหน.. ด้วยความฉงนใจเข้ามาแทรกความกลัวทำให้อาการสั่นน้อยลง
            
            “มะ...หมายถึงเล่มนี้หรือเจ้าคะ?”
            
            เด็กสาวหยิบกระบอกคำภีร์ขึ้นมาแต่ยังไม่กล้ามองร่างไร้มังสาโดยตรง แน่นอนว่าถามไปก็ไร้เสียตอบกลับ ถ้ามีสิคงได้กรี๊ดอีกรอบแล้วเป็นลมล้มพับสลบไปยันเช้า แต่คำตอบอาจจะอยู่ในจดหมาย จึงลองเพ่งอ่านดี ๆ
            
            “ถึง ผู้ที่มาพบข้า ข้าตงฟาง ซั่ว.... ชื่อคุ้น ๆ จัง เหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหนนะ..”
            
            สาวน้อยพึมพำกับตัวเอง ถ้าจำไม่ผิดคลับคล้ายคลับคลาว่าบนชั้นตำราของพี่ชายจะมีหนังสือประวัติศาสตร์จารึกชื่อบุคคลท่านนี้อยู่ แต่นางก็จำไม่ได้ว่าตงฟางซั่วคือใคร เพราะไม่ได้สนใจขนาดนั้น น่าเสียดายที่ขายชั้นหนังสือไปพร้อมกับบ้านแล้ว ครั้นจะกลับไปเพื่อศึกษาตอนนี้ก็คงไม่ทัน เอาเป็นว่าชั่งเรื่องนั้นก่อน แล้วก้มหน้าอ่านต่อไป
            
            “...ข้าตงฟาง ซั่ว ได้ลองทำนายอักษรชะตาให้แผ่นดินฮั่น... แต่เหตุใดการทำนายของข้าถึงถดถอยเช่นนี้ ไม่ว่าจะทำนายอีกกี่ครั้งล้วนเห็นชะตาต้าฮั่นโกลาหลวุ่นวาย มีแต่ความมืดมิดไร้แสงสว่าง กลับมองไม่เห็นว่าจะเกิดเมื่อไหร่...”
            
            อ่านถึงตรงนี้แล้วชะงัก หรือว่าท่านตงฟางผู้นี้จะหมายถึงสถานการณ์ของดินแดนฮั่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ นางไม่รู้เรื่องราวทางการเมืองและราชสำนัก แต่ก็ได้ยินเรื่องการผลัดเปลี่ยนฮ่องเต้ในเวลาสั้น ๆ มาหลายพระองค์ นั่นก็น่าจะแสดงถึงความไม่มีเสถียรภาพและโกลาหลใช่หรือเปล่า
            
            “หรือข้าจะแก่เกินไปแล้วความสามารถเลือนลาง... แต่เพื่อหวังว่าจะช่วยชะตาได้ และราษฎร์ที่ต้องเดือดร้อน ข้าได้ซุกซ่อนตำราของข้าที่รวบรวมความรู้ทั้งชีวิต ประวัติศาสตร์ก่อนยุคของข้า และ หลักการบริหารต่าง ๆ ไว้ในเล่มเดียวกัน หวังว่าผู้ที่มาเจอตำราเล่มนี้จะนำไปใช้เพื่อช่วยแผ่นดินให้พ้นกลียุค… อื้ม...”
            
         เด็กสาวขบคิดอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะลองเปิดม้วนคำภีร์ที่ยังไม่ได้สำรวจ เมื่อคลี่ออกมาดูก็เห็นว่าเป็นม้วนตำราที่ให้ความรู้ในหลักบริหารบ้านเมืองจริง ๆ ด้วย น่าเสียดายที่นางเป็นสตรี แม้จะรู้หนังสือแต่ขาดความสามารถในการปกครอง หากผู้ที่ได้ตำรานี้ไปเป็นบุรุษผู้เพียบพร้อมก็น่าจะดีกว่านี้มากนัก
            
            ในเมื่อซินแสตงฟางฝากฝังตำราไว้ให้ใครก็ตามที่มาเจอนางก็ขอรับดูแลไว้ก่อน
            
            “ได้เจ้าค่ะ แล้วข้าจะนำไปมอบให้แก่ผู้ที่คู่ควรในภายภาคหน้า”
            
            เด็กสาวม้วนจดหมายฉบับนี้ใส่กระบอกไม้ไผ่ให้อยู่คู่กับตำราบริหารบ้านเมืองแล้วเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างดี ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนมองโครงกระดูก แล้วนางก็แทบจะกรี๊ดอีกรอบเมื่อเห็นว่าเจ้าหมูจอมตะกละกำลังเอร็ดอร่อยกับสารอาหารค้างปี
            
            “ไม่ได้นะเปาเปา หยุดเลย!”
            
            นางเอ็ดเจ้าหมูป่ายกใหญ่ แล้วยื้อแย่งกระดูกส่วนไหนของท่านซินแสก็ไม่รู้ออกมา
            
            “อู๊ด ๆๆ ค่อก ๆ อู๊ดดด”
            
            เปาเปาเถียงนางแถมยังทำเสียงเหมือนงอนใส่ เห็นแล้วอยากจะตีนักเชียว นางสิที่ต้องงอนมันเพราะพามาเจอกับอะไรก็ไม่รู้ แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะอาจจะเป็นลิขิตสวรรค์ที่เจ้าแม่หนี่วาชักนำให้มาพบ
            
            เด็กสาวมองไปที่โครงกระดูกอีกครั้งอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ครั้นจะปล่อยร่างอดีตซินแสมีชื่อท่านนี้เอาไว้อย่างนี้คงไม่เหมาะไม่ควร ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่จากไหนหรือชาวบ้านธรรมดาย่อมต้องได้รับการจัดการพิธีศพให้ถูกต้องตามธรรมเนียม ดวงวิญญาณของท่านจะได้เดินทางไปสู่ดินแดนสุขาวดีตามความเชื่อ แต่ตอนนี้เฟินเยว่ไม่มีอะไรติดตัวมาเพื่อที่จะใส่โครงกระดูกของซินแสตงฟาง แต่ก็นึกได้อีกอย่างว่านางโพกผ้าที่หัวอยู่แทบจะตลอดเวลาเพื่อใช้บังแดดแทนหมวก ผ้าผูกผมผืนไม่ใหญ่มากแต่ก็น่าจะห่อโครงกระดูกรวมกันได้หมด
            
            “ขออภัยนะเจ้าคะ ข้าขออนุญาตนำร่างท่านไปทำพิธีให้เจ้าค่ะ”
            
            หลังขอขมาเสร็จเฟินเยว่ก็แกะผ้าผูกผมออกมาแล้วค่อย ๆ เก็บเศษกระดูกจัดใส่ห่อ ถึงความกลัวจะหายไปมากแล้วแต่ก็ยังมีความสั่นอยู่เล็กน้อย ก็ใครเล่าจะทำใจสัมผัสกระดูกมนุษย์ได้ตรง ๆ และยิ่งนางเป็นเด็กสาวที่ใจอ่อนไหวยังอ่อนต่อโลกอยู่มากแล้วด้วย... แต่สาวน้อยก็พยายามไม่นึกถึงเรื่องอื่นใดนอกจากใจที่บริสุทธิ์และหวังดี
            
            “เอาล่ะ น่าจะเก็บหมดแล้วมั้ง..”
            
            สำรวจโดยรอบให้เก็บชิ้นส่วนของซินแสกลับไปให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยความมืดทำให้มองเห็นได้ไม่มากนัก นางจึงสอดส่องสายตาเท่าที่จะทำได้ เมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งที่คล้ายกับกระดูกเหลืออยู่แล้วก็จัดการห่อให้เรียบร้อย
            
            “เฮ้อ.. เสร็จแล้ว กลับกันเถอะเปาเปา”
            
            “อู๊ด”
            
            เจ้าหมูขานรับสั้น ๆ ในตอนนี้มันเลิกงอแงแล้วแต่ตาก็จ้องห่อผ้าสีขาวเขม็ง เฟินเยว่อุ้มมันขึ้นมาด้วยท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ มือนึงอุ้มลูกหมูป่า อีกมือถือห่อกระดูก รักแร้หนีบทวน และบนหลังมีคันศร นางเดินออกมาจากห้อง ๆ นั้นและหาทางออกต่อไป



.
.
.
            
            
            
ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

การจัดการโครงกระดูกปราชญ์
ทางเลือก (3) ข้อ (2) หาฮวงจุ้ยดี ๆ ทำสุสานให้ พร้อมป้ายสุสาน และหน้าหลุมศพ
            

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-16 23:24:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Fenyue ตอบกลับเมื่อ 2021-9-16 23:03
⌜ 22 ⌟
บทที่ 5ข่าวลือที่ซีเหอ{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างต ...


การสำรวจหอฝึกยุทธ์ 4 - เฟินเยว่



นักสำรวจอีกคนรู้สึกสงสัยแล้วว่าเสียงนั่นไม่ใช่ผีแน่ บัณฑิตหนุ่มเดินอย่างเก้ ๆ กั่ง ๆ วิ่งไปที่ทิศทางเสียงหลังจากจับทางถูกแล้ว
เขาวิ่งมาจนถึงบริเวณใกล้บันไดที่ผ่านมาซนเข้ากับบางสิ่ง @Fenyue ชายหนุ่มลุกขึ้นมองท่ามกลางความมืดกับแสงจากคบเพลิงในมือ
กระบอกไม้ไผ่นั่นหรือว่า 'ตำราซินแสตงฟาง' เขาหารู้ไม่ว่าแท้จริงเพียงผังภาพเหอถู ก่อนเจรจากับอีกฝ่าย
บัณฑิตหนุ่มหวังว่าหญิงสาวจะยอมเจรจาให้ไม่ใช้กำลัง
(หากเจรจา เลือกประลองปัญญากับบอทบัณฑิตสักคน)
(หากใช้กำลังกับบัณฑิตปฏิเสธไม่เอาด้วย - แจ้งมาสฯ เพื่อแก้บอทบัณฑิตเป็นโหมดประลองต่อสู้)


ไม่ว่าผลเป็นเช่นไร หากอีกฝ่ายชนะคุณจำใจต้องยกผังภาพเหอถูให้ แต่เมื่ออีกฝ่ายพบว่ามันถือผังภาพก่อนมองหญิงสาว
"เธอหลอกลวง เอาตำราซินแสตงฟางมา"
หากแพ้ คุณไม่สนใจอีกฝ่าย อีกฝ่ายเดินกลับอย่างหงอย ๆ เศร้าสลด - ตอนนี้คุณสามารถชวนอีกฝ่ายร่วมทางสำรวจชั้นต่อไปได้
(ได้รับผู้ติดตามหากเอ่ยปากชวน)
- หากเลือกต่อสู้ บัณฑิตจะไม่ยอมร่วมทางต่อให้คุณชนะ เขาจะร่ำไห้จากไป -





อธิบาย
เส้นสีเหลือง คือ กำแพงผนังกั้นห้องที่ไม่สามารถผ่านไปได้
วงกลมสีแดง ห้องลับ บางวงกลมอาจจะมีสมบัติ บางวงกลมอาจจะไม่พบอะไร


1) เขียนโรลเพลย์สร้างสตอรี่เจอบัณฑิตหน้าบันไดขึ้นชั้น 2
2) เขียนโรลเจรจาหรือต่อสู้กับบัณฑิต
3) ท้ายโรลเพลย์ให้ระบุว่าคุณจะไปทางไหน หรือ เลือกขึ้นบันไดสำรวจต่อ (ปลดล็อกชั้น 2)
4) ท้ายโรลเพลย์ให้ท่านทำเส้นตัวละครเดินด้วยเส้นสีแดงตามภาพด้วยว่าท่านหยุดตรงไหน

* คนอื่น ๆ ให้ใช้เส้นสีอื่นนอกเหนือแดง และ น้ำเงินเพื่อกันสับสน *


@Fenyue   @คนอื่น ๆ ที่จะเข้ามาสำรวจบ้านหลัก



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-18 04:32:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:18

⌜ 23 ⌟

บทที่ 5
ข่าวลือที่ซีเหอ
ฉากที่ 8
{ มินิอีเวนท์ } บ้านร้างตงฟาง


           
            เมื่อออกมาจากห้องก็ต้องเผชิญหน้ากับความมืดอีกครั้ง เฟินเยว่ค่อย ๆ คลำหาทางออกโดยใช้แสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่ส่องลอดลงมา และระหว่างที่เดินเลี้ยวออกมายังหัวมุมเด็กสาวก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่างจนล้มลง ไม่สิ ต้องบอกว่าสิ่งนั้นมาชนนางต่างหากถึงจะถูก

            “ว้าย!!”
            
            “อูย..”
            
            ด้วยความที่ถือของพะรุงพะรังของบางอย่างจึงตกลงบนพื้น เด็กสาวเงยมองไปเบื้องหน้าก็พบกับแสงสว่างที่ไม่ควรมี ...ใช่แล้ว มันมาจากบุรุษผู้หนึ่ง
            
            “เฮือก!!”
            
            เมื่อเห็นหน้าเขาลมหายใจก็สะดุดติดขัด เฟินเยว่ลืมไปเสียเลยว่าก่อนหน้านี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาและนางก็หลบอยู่ในซอกที่เต็มไปด้วยหยากไย่อยู่ตั้งนานเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนร้าย เด็กสาวกอดทวนในอ้อมแขนไว้แน่น ถ้าหากเขาคิดจะประทุษร้ายนางก็จะใช้ใบทวนนี่แหล่ะฟาดให้ แต่ดูทรงแล้วบุรุษตรงหน้าแต่งกายไม่เหมือนโจรซ้ำยังดูผอมบางหน้าขาวผิวเนียนเกินสตรีขาลุยแบบนางอีก เทียบกันแล้วสตรีที่อาวุธครบมือดูน่ากลัวกว่าเป็นไหน ๆ


            ‘แล้วเมื่อครู่เสียงร้องอะไรนะ… ว้าย?’

            ดวงเนตรสีอ่อนกะพริบมองปริบ ๆ

            “นั่น..”
            
            เหมือนว่าบุรุษผู้นั้นจะสนใจบางอย่างบนพื้นมากกว่าตัวนางอีก เด็กสาวมองตามสายตานั้นไปก็เห็นว่ากระบอกเก็บม้วนคัมภีร์กลิ้งหลุน ๆ อยู่บนพื้น และอีกฝ่ายก็กำลังจะเก็บมันขึ้นมา...
            
            “อู๊ดดดดด!”
            
            หมูป่าน้อยเพิ่งจะทำประโยชน์หลังเป็นโทษมานาน มันกระโดดทับกระบอกไม้ไผ่พร้อมกับทำเสียงขู่ฟอดคล้ายกับพูดว่า ‘อย่างมายุ่งกับของอาหารของข้า!’ จนอีกฝ่ายหน้าซีดเซียวแล้วถดมือหนี เห็นแบบนี้ยิ่งเป็นข้อสรุปได้อีกว่าชายผู้นี้ไม่ใช่โจรผู้ร้าย และถึงใช่ก็คงจะเป็นโจรที่อ่อนหัดมาก ทว่าหากไม่ใช่คนร้ายแล้วเขาเข้ามาที่นี่ในยามวิกาลทำไม? หรือจะเป็นเจ้าของบ้านที่นาน ๆ กลับมาดูแลที เด็กสาวคิดไปเรื่อย...
            
         ‘ไม่สิ ถ้าเป็นเจ้าของหรือคนดูแลบ้านจริงป่านนี้ก็ต้องทำอะไรสักอย่างกับศพของท่านซินแสคนนั้นไปแล้ว!’
            
            ส่ายหน้าลบความคิดแล้วตั้งสติก่อนจะทำหน้าขึงขัง อย่างไรเสียก็ยังไว้ใจบุรุษที่ไม่ใช่ญาติพี่น้องไม่ได้!
            
            ...แต่ก็เว้นคุณชายซูไว้หนึ่งคนเพราะว่าเขาเป็นคนดี…
            
            เฟินเยว่รีบคว้ากระบอกไม้ไผ่และเจ้าหมูป่าขึ้นมาก่อนจะผุดลุกพรวดแล้วขอตัวเดินจากไป
            
            “ขะ..ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ!”
            
          “เดี๋ยวก่อนแม่นาง!” ชายคนนั้นเรียกรั้งเอาไว้ น้ำเสียงที่เปล่งออกมามีความแหบแห้งแทรกอยู่ แต่ทว่าเนื้อเดิมมีเค้าก้องกังวาลราวกับเสียงพิณ อยู่ก้ำกึ่งระหว่างเสียงของบุรุษและสตรี “ที่อยู่ในมือคือตำราของซินแสตงฟางใช่หรือไม่ ข้ามาตามหาของสิ่งนั้น”
            
            หากบุรุษผู้นั้นเจรจากันดี ๆ ผู้ที่มีอารยะก็ไม่ควรที่จะเดินหนี เด็กสาวจึงยอมหันกลับไปสนทนากับเขา ชายผู้นี้รู้ว่าในบ้านแห่งนี้เป็นที่ซ่อนของตำราบริหารบ้านเมืองของซินแสตงฟาง เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะเคยมาที่นี่ก่อนแล้วแต่ยังค้นหาม้วนคัมภีร์นั้นไม่เจอ
            
            นางควรจะมอบตำราเล่มนี้ให้อีกฝ่ายไปดีหรือไม่ เพราะเขาน่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันมากกว่าตัวนางที่เป็นสตรีเสียอีก แต่เฟินเยว่ได้ให้คำสัตย์กับซากศพของท่านซินแซไว้แล้วว่านางจะมอบคัมภีร์เล่มนี้ให้แก่ผู้ที่คู่ควร เด็กสาวยังไม่รู้เลยว่าบุรุษที่เพิ่งพบหน้าเป็นคนดีมีจรรยา เหมาะสมที่จะได้ตำราชี้ชะตาบ้านเมืองเล่มนี้ไปครอบครองหรือไม่ หากว่าเขามาสำรวจอยู่หลายครั้งแล้วยังไม่เจอก็เป็นไปได้ว่าฟ้าดินเล็งเห็นว่ายังไม่คู่ควร หรือหากว่าเขาเพิ่งมาเป็นครั้งแรกแล้วเจอนางปาดหน้าไปก่อนก็ขอพิสูจน์ด้วยสายตาตนเอง
            
            บัณฑิตหนุ่มเห็นว่าเด็กสาวไม่ยอมตอบ เขาจึงแนะนำตัวออกไปด้วยชื่อรองเป็นการผูกมิตร ด้วยปัญญาของบัณฑิตรู้ดีว่าจะต้องเกลี้ยกล่อมอย่างไร
            
            “คารวะแม่นาง ข้าแซ่ เหลียง นาม ต้าซิ่น เป็นบัณฑิตจากไท่หยวน เดินทางรอนแรมมาหลายวันหลายคืนเพื่อตามหาสิ่งของที่อยู่ในมือของแม่นาง สิ่งนั้นสำคัญต่อข้ามากโปรดส่งมาให้ข้าได้หรือไม่?”
            
            “สวัสดีเจ้าค่ะ ข้าซุนเฟินเยว่จากอันติง เคยทำงานอยู่ที่ร้านติ่มซำ ส่วนนี่แค่มาตามสัตว์เลี้ยงที่หายเข้ามาในนี้น่ะเจ้าค่ะ”
            
            เห็นเขาแนะนำตัวออกมานางจึงเอ่ยชื่อแซ่และที่มาที่ไปออกไปบ้าง ...ทั้งที่บางส่วนก็ไม่จำเป็น บัณฑิตหนุ่มแซ่เหลียงได้ยินเข้าก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มมุมปาก เห็นเด็กสาวเป็นคนซื่อ ๆ น่าจะเกลี้ยกล่อมได้ง่าย ๆ
            
            “เช่นนั้นเอง... แม่นางเพียงแค่มาตามหาหมูตัวนั้นใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงกระบอกไม้ไผ่นั้นคงไม่มีความจำเป็นสำหรับสตรีอย่างแม่นาง ขอให้ข้ารับไปดูแลต่อเถอะ”
            
            บัณฑิตเหลียงยื่นมือออกไปด้านหน้า เด็กสาวเห็นท่าทีนั้นแล้วก็รู้สึกลังเล ก็จริงอย่างที่เขาเอ่ย นางไม่มีความจำเป็นที่จะเก็บไว้อย่างที่ว่าจริง ๆ นั่นแหล่ะ ทว่าในเมื่อสัญญากับโครงกระดูกของท่านตงฟางแล้วก็ต้องทำตามสัญญา เฟินเยว่จำเป็นจะต้องพิสูจน์ว่าชายผู้นี้คู่ควรกับสิ่งดังกล่าวนี้จริง
            
            “แต่ว่า.. ยังไงก็ยังให้ไปไม่ได้เจ้าค่ะ ข้าให้สัญญากับเจ้าของบ้านเอาไว้แล้วจะมอบตำราเล่มนี้ให้แก่ผู้ที่คู่ควรแก่การครอบครอง ดังนั้นขอทราบได้หรือไม่เจ้าคะว่าคุณชายเหลียงต้องการของสิ่งนี้ไปทำไมกัน..”
            
          “สัญญากับเจ้าของบ้าน? แม่นางกำลังกล่าวอ้างว่าได้ให้คำสัญญากับท่านซินแสตงฟางซั่วที่เสียชีวิตไปแล้วกว่าสองร้อยปีอย่างนั้นหรือ?”เขาอมยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าราวกับคิดว่าคำพูดของเด็กสาวนั้นเพ้อเจ้อ “คำกล่าวนั้นไม่ว่าใครก็อวดอ้างได้ แล้วหากว่าข้าเอ่ยอ้างบ้างว่าท่านตงฟางซั่วมาเข้าฝันบอกให้ตามหาของสิ่งนี้บ้างเล่า”
            
            “....” เฟินเยว่นิ่งเงียบไปเล็กน้อย พูดตามตรงว่าหากเขาบอกเช่นนั้นจริงก็เชื่อไปแล้วเหมือนกัน ทว่าต้องรวบรวมสติดี ๆ อย่าให้คำกล่าวอ้างแค่นั้นมาทำให้ไขว้เขวแล้วมอบสิ่งของสำคัญไปได้ง่าย ๆ ตอนนี้โชคชะตาฟ้าดินกำลังอยู่ในมือนางนะ! “หากว่าคุณชายเหลียงกล่าวเช่นนั้นแล้วทำไมตำราถึงอยู่ในมือข้าล่ะเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าซินแสตงฟางดลใจข้าแต่ไม่ดลใจท่านหรือเจ้าคะ”
            
            ‘อ๊าาาา แย่แล้ว ทำไมถึงปากดีแบบนี้นะตัวข้า! ให้ถือเสียว่าเป็นหนึ่งในบททดสอบนะเจ้าคะคุณชายเหลียง’
            
            เด็กสาวกรีดร้องในใจกับความปากกล้าของตัวเอง กลัวจริง ๆ ว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ แม้ภายนอกจะต่อล้อต่อเถียง แต่ในใจอ่อนยวบ ขอโทษขอโพยอีกฝ่ายยกใหญ่
            
            “....” บัณฑิตหนุ่มไร้ข้อโต้แย้งในเรื่องนี้เพราะว่าเขาเองก็มาเก็บตำราดังกล่าวเป็นคนแรกไม่ทันตามที่นางว่า และก็รู้สึกประหลาดใจที่เด็กสาวสามารถโต้กลับเขาได้ แต่การแอบอ้างโชคชะตาไม่อาจทำให้เขายอมแพ้ “เอาล่ะ ในเมื่อแม่นางเคยถามว่าข้าจะต้องการตำราตงฟางไปทำไม เพราะว่าข้าต้องการจะนำความรู้ที่ได้จากตำราไปรับใช้นายดีแล้วรับใช้ราษฎร์น่ะสิ”
            
            “นายดีที่ว่าคือใครหรือเจ้าคะ?”
            
            เฟินเยว่ถาม นางไม่รู้จักขุนนางราชสำนักสักคนเดียว แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ที่มีแต่ความย่ำแย่ ประชากรทุกข์เข็ญ ผู้คนอดอยากล้มตาย บ้างก็ถูกเข่นฆ่าโดยโจรผ้าเหลือง แต่นางก็ยังไม่เห็นว่านายดีคนไหนจะให้ความสนใจกับราษฎรตาดำ ๆ อย่างจริง ๆ จัง ๆ เลยสักคน
            
            “ตอนนี้ข้ายังไม่มีนายดีให้ติดตามรับใช้ แต่สักวันจะต้องหาได้อย่างแน่นอน”
            
            คำตอบที่เด็กสาวได้รับทำเอานางรู้สึกผิดหวัง อีกฝ่ายก็หวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเช่นกัน นั่นหมายความว่านายดีอาจจะยังไม่มีอยู่จริงในขณะนี้ หรือเผลอ ๆ เขาอาจจะยังไม่ลืมตาดูโลกขึ้นมาเลยเสียด้วยซ้ำ
            
            “เช่นนั้นก็ยิ่งให้ไปไม่ไห้ใหญ่เลยเจ้าค่ะ”
            
            “ประเดี๋ยวก่อน การศึกษาย่อมใช้เวลา ถึงตอนนั้นข้าก็สอบเข้ารับราชการและมีนายดีให้รับใช้”

            “แล้วถ้าหากว่านายของท่านเป็นขุนนางกังฉิน ท่านก็จะรับใช้เขาต่อไปหรือเจ้าคะ”

            “....” บัณฑิตโต้กลับไม่ถูก ในฐานะข้าราชการตัวเล็ก ๆ ก็ไม่อาจขัดขวางวัฒนธรรมองค์กร จำเป็นจะต้องไหลไปตามน้ำจนกว่าจะมีกำลังมากพอที่จะแสดงพลังได้ เขาอ้าปากจะพูด แต่น้ำเสียงแหบแห้งกลับหายเข้าไปในลำคอจนต้องกระแอมไล่เสมหะออกไป “แค่ก ๆ ถึงอย่างนั้นข้าก็เป็นบุรุษมีโอกาสที่จะนำความรู้นี้ไปใช้ได้มากกว่า”
            
            เฟินเยว่มองคนไอ ด้วยสายตาเป็นห่วงเล็กน้อย จับสังเกตมาได้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าอีกฝ่ายเสียงแห้งแปลก ๆ นึกสงสารแต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมอบม้วนตำรา
            
            “แล้วไม่คิดบ้างเหรอเจ้าคะว่าสตรีอย่างข้าก็ทำได้เช่นกัน.. ถึงข้าเป็นสาวชาวบ้านแต่ก็รู้จะเจ้าคะว่ามีวีรสตรีมากมายที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นไซซี หวังเจาจวิน หรือโต้วไท่โฮ่ว พวกนางล้วนแต่เป็นสตรีที่ทำคุณนามความดีช่วยให้แผ่นดินรอดพ้นจากภัยสงครามมานับต่อนับครั้ง แม้ข้าจะยังไม่มีสามี แต่ถ้าอย่างนั้นข้าขอมอบตำรานี้ให้แก่พี่ชายที่เป็นทหารเพื่อนำไปบริหารบ้านเมืองไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ”
            
            รู้สึกว่าตัวเองเก่งจังที่นึกชื่อที่อยู่ในตำราออกมาได้เยอะขนาดนี้ แล้วก็นึกออกอีกว่าพี่ชายของนางคนหนึ่งเป็นทหาร มีโอกาสที่จะได้รับใช้นายดีมากกว่าบัณฑิตไร้สังกัดมากกว่าเยอะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังหาตัวพี่ชายคนโตไม่เจอก็เถอะ…
            
            “ไซซีคือหญิงงามที่ถูกฝึกมาเพื่อเป็นสายลับ หวังเจาจวินทั้งฉลาดเฉลียวและซื่อสัตย์ ส่วนโต้วไท่โฮวฉลาดหลักแหลมช่วยผลักดันให้พระสวามีได้ขึ้นครองราชย์ ทุกท่านล้วนเป็นสตรีชั้นสูงไม่ก็ได้รับการศึกษามาดี แล้วแม่นางเล่าจะนำอะไรไปช่วยต้าฮั่นได้นอกจากพี่ชายที่เป็นทหาร”
            
            คำถามนี้ค่อนข้างยากสำหรับเฟินเยว่ นางเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าหญิงสาวนางอื่น ไม่ได้มีรูปโฉมงดงามหรือมีเสน่ห์มัดใจชายให้เต้นรำไปตามปลายนิ้วของนาง ไม่ได้ฉลาดหลักแหลมเหมือนหวังเจาจวิน แต่ก็มั่นใจว่าความซื่อสัตย์ที่มีคงไม่ต่าง ส่วนทางด้านโต้วไท่โฮวยิ่งเทียบไม่ได้ นางมีเพียงแค่พี่ชายที่จะช่วยผลักดันให้เขาเป็นใหญ่เป็นโต แต่เรื่องนั้นช่างเลือนลางและห่างไกลในเมื่อยังตามหัวตัวพวกเขาไม่พบ
            
            เด็กสาวหลับตาลงใช้สมาธิไตร่ตรองว่าสิ่งใดคือข้อดีของนางที่จะช่วยในการพัฒนาชีวิตและสังคมของมนุษย์ เมื่อได้คำตอบแล้วเนตรสีน้ำค้างยามเช้าก็ลืมตาขึ้นมีประกายมุ่งมั่นในแววตา
            
            “ข้อแรกเลยคือข้ามีเจตจำนงที่ดีที่อยากจะช่วยเหลือให้ประชาชนชาวต้าฮั่นอยู่ดีกินดี ข้าเป็นชาวบ้านที่เห็นปัญหาตรงหน้าได้ดียิ่งกว่าชนชั้นสูงที่ทำเพียงแค่มองจากด้านบนลงมา พวกเขาจะไม่เห็นถึงความเหลื่อมล้ำเหล่านั้นหากไม่ได้ลงมาประสบด้วยตนเอง สิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้หมายถึงต้องการให้ทุกคนมีฐานะเท่าเทียมกันไปหมด แต่หมายถึงให้โอกาสที่แก่ผู้ยากไร้ได้ลืมตาอ้าปากและตั้งตัวขึ้นได้ในสภาวการณ์เช่นนี้ และสิ่งที่ควรจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรกเลยก็คือเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ”
            
            “เข้าคิดว่าจะดีกว่ามากนักหากสตรีสามารถเรียนหนังสือได้เท่าเทียมกับบุรุษ ออกไปทำงานได้เช่นเดียวกับบุรุษ มีสตรีมากมายที่มีความสามารถแต่กลับต้องอยู่แต่ในบ้านเป็นเพชรในตมที่ขาดการขัดเกลา ทางด้านบุรุษก็เช่นกัน หากว่าเขาไม่ถนัดเรื่องการใช้แรงแต่เชี่ยวชาญงานประดิษฐ์ประดอย เช่นถักผ้าหรือการดูแลบุตรก็ย่อมทำได้ ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งแต่เพียงผู้เดียวและแบกรับภาระทุกอย่างไว้บนบ่า มีอิสระภาพในการใช้ชีวิตภายใต้กฎหมายที่ยุติธรรมและไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หากทุกคนช่วยกันได้ ข้าคิดว่าทุกสิ่งน่าจะดีขึ้นนะเจ้าคะ..”
            
            กล่าวจบเฟินเยว่ก็พรูหายใจออกมา นางไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกล่าวมานั้นตรงกับคำตอบที่เหลียงต้าซิ่นต้องการจะได้ยินหรือไม่ นางก็แค่ระบายความในใจตามประสบการณ์ชีวิตที่ไม่มากตามได้ประสบมา หากตอนเด็กนางสามารถช่วยเหลือพี่ชายทั้งสองในการทำงานได้ทั้งคู่ก็คงจะไม่ต้องออกเดินทางเข้าฉางอันจนครอบครัวต้องพลัดพรากแบบนี้
            
           “....” บัณฑิตหนุ่มได้ยินแล้วก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ราวกับถ้อยคำบางส่วนที่เด็กสาวพูดจะทิ่มแทงสิ่งที่เขาเป็นจนคล้อยตามและเริ่มเห็นด้วย แม้จะมีม่านกำแพงของหลักความเชื่อเก่า ๆ คอยกั้นขวางเอาไว้ก็ตาม “ล่ะ..แล้วอย่างอื่นล่ะ มีอีกไหม?”
            
            “เอ่อ.. อย่างอื่นหรือเจ้าคะ..” เฟินเยว่เม้มริมฝีปาก นางรู้สึกกระดากใจจริง ๆ ที่ต้องชมตัวเอง แต่เพื่อให้อีกฝ่ายคล้อยตามก็คงจะต้องทำเช่นนั้น “เจ้านายเก่าข้าเคยชมว่าหัวดี เรียนรู้ไว แล้วก็สอนงานแก่ผู้อื่นเก่งน่ะเจ้าค่ะ” พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักไปแล้วก็ลูบแก้มไป ไหน ๆ ก็เสริมอีกสักนิดเพื่อให้ดูมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น “ที่บ้านข้ามีตำราเยอะ บางทีก็นำไปอ่านให้เด็ก ๆ แถวบ้านฟัง แม้อันติงจะไม่ใช่เมืองชนบทที่ห่างไกลแต่ก็มีเด็ก ๆ ที่ยากจนและด้อยโอกาสเพราะไม่รู้หนังสืออยู่มากเจ้าค่ะ”
            
            “หนังสือที่แม่นางอ่านมีอะไรบ้าง”

            ต้าซิ่นถามต่อเหมือนเริ่มจะสนใจในชีวประวัติของเด็กสาวตรงหน้าขึ้นมา

            “ก็.. หลายอย่างเจ้าค่ะ วีธีการดูแลพืชผลทางการเกษตร การปศุสัตว์และประมง ประเพณีท้องถิ่น อาหารในภูมิภาคต่าง ๆ แล้วก็เอ่อ.. ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เล็กน้อยเจ้าค่ะ”
            
            เด็กสาวไม่กล้ากล่าวถึงกลยุทธ์พิชัยสงครามเล่ออี้ เคยหยิบมาศึกษาเนื่องด้วยหาอะไรอ่านเล่นทว่ายังไม่ได้เข้าใจถ่องแท้ทั้งหมด แต่ก็พอจะรู้ถึงกลยุทธ์การปกครองคนอยู่บ้าง
            
            “แม่นางซุนอ่านตำรามาเยอะทีเดียว และฟังจากที่เจ้าพูดมาทุกอย่างข้าก็ไร้ข้อกังขาในสติปัญญาของแม่นางแล้ว”
            
            “เอ๋ จริงหรือเจ้าคะ ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะท่านบัณฑิต”
            
            “เห็นทีข้าควรตัดใจและให้แม่นางนำตำราตงฟางไปช่วยงานท่านพี่แทนเสียแล้วล่ะ”
            
            ได้ยินแบบนั้นเด็กสาวก็ดีใจ แต่มองดูแล้วท่าทางของอีกฝ่ายก็แลดูจะผิดหวังในตนเองอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้รับตำราตงฟางมา เห็นแล้วก็ใจอ่อน...หรือว่านางจะยกให้เขาไปดี แต่จริง ๆ แล้วรู้สึกว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร อันที่จริงนางควรทดสอบเขาสิแต่กลายเป็นว่าอีกฝ่ายมาทดสอบนางแล้วก็ยอมแพ้ไป
            
            “ในเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการแล้วข้าก็ขอตัวลาก่อนนะแม่นาง”
            
            บัณฑิตเหลียงยกมือขึ้นคารวะก่อนจะหันหลังเดินจากไป แต่ทว่าเดินไปได้ไม่ถึงห้าก้าวอีกฝ่ายก็ล้มลง
            
            “อ๊ะ.. เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?”
           
            เฟินเยว่รีบเข้าไปพยุงอีกฝ่ายที่อยู่ ๆ ก็ล้มหน้าคว่ำไปกับพื้น ทั้ง ๆ ที่เขาถือคบเพลิงอยู่ไม่น่าสะดุดอะไรแท้ ๆ
            
            ‘แต่เอ๊ะ..คบเพลิง?’
            
            “ว้าย!!!”
            
            เฟิยเยว่กรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าคบเพลิงที่หลุดออกจากมือชายหนุ่มกระเด็นหลุดมือแล้วไฟเริ่มจะลามที่ขาตู้ นางรีบฉวยคบไฟขึ้นมาก่อนจะรีบกระทืบเพลิงที่พื้นไม่ให้ลุกลามไปต่อ โชคดีที่ยังไหม้ไม่เยอะแต่ก็เล่นทำเอาซะพื้นไม้เป็นด่างดวง เมื่อจัดการกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่อยู่ ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างกระทันหันเสร็จก็หันมาดูที่บัณฑิตหนุ่มร่างบาง
            
            “คุณชายเหลียงเจ้าคะ เป็นอะไรไปเจ้าคะ”
            
            มือก็ไม่ว่างจำต้องวางสักสิ่งลงไปก่อนถึงจะเขย่าตัวปลุกเขาได้ ต้าซิ่นยังคงหลับตา สีหน้าซีดเผือดและดูทรมาณ เขาครางเสียงต่ำในลำคอออกมาเบา ๆ ท่าทางนั้นเหมือนกับคนที่ไม่สบาย เด็กสาวถือวิสาสะแตะตัวเขาก็พบว่าผิวเนื้อร้อนเป็นไฟแต่เสื้อผ้าเปียกชื้น
            
            “ยะ..แย่แล้ว เป็นไข้นี่นา!”

            ต้าซิ่นค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาแต่ก็หลับตาลงไปอีกครั้ง พึมพำเสียงแหบแห้งฟังเกือบไม่เป็นศัพท์
            
            “ปวด---หัว---จั…”
            
            “คุณชายเหลียงพอจะลุกขึ้นไหวหรือไม่เจ้าคะ?”
            
            เมื่อถามไปอีกฝ่ายก็พยักหน้า แต่แทนที่จะลุกขึ้นมาเขากลับฟุบหนักลงไปอีก
            
            “อะ...เอาไงดีล่ะ” เฟินเยว่หันมองซ้ายขวา บ้านร้างแห่งนี้เขรอะไปด้วยฝุ่น หากให้นอนพักมีหวังได้เป็นโรคหอบหืดเพิ่มเติม ตรงนี้ไม่มีใครที่พอจะช่วยอะไรเลย ม้าก็อยู่ไกล หมูก็ไร้ประโยชน์ “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”
            
            เด็กสาวเก็บเอาม้วนคัมภีร์ใส่อกเสื้อ ผูกถุงกระดูกของตงฟางซั่วเอาไว้ที่ปลายทวนแบกขึ้นหลังสะพายตามเดิม ก่อนจะถลกแขนเสื้อแล้วหิ้วปีกบัณฑิตหนุ่มขึ้นมา มือข้างสุดท้ายที่เหลือถือคบไฟ
            
            “ฮึ้บ!”

            อีกฝ่ายตัวเบาร่างกายก็ไม่ได้ใหญ่โตไปกว่านางมากนักจึงพอจะกระเตงขึ้นมาได้ ประตูด้านหน้าถูกปิดเอาไว้อยู่นางจึงจำเป็นต้องยกขาถีบผางไร้อาการสำรวม ในใจของนางกรีดร้องขอโทษขอโพยท่านซินแสตงฟางเป็นอย่างมาก
            
             ‘ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษเจ้าค่ะ’

             ด้านนอกฝนซาลงมากจวนใกล้จะหยุดตก พอจะฝ่าออกไปที่ม้าได้

             “เปาเปา ตามมานะ!”

             เอ่ยบอกกับคู่หู มันส่งเสียงรับอย่างหนักแล้วทั่งคู่ก็วิ่งฝ่าฝนออกไปที่ถนนใหญ่

             “อู๊ดดด!”


.
.
.
            
            
            
ลักษณะนิสัยรักสงบ
+1 Point ทุกครั้งที่โรลใช้แผนอุบาย หรือ ทางการทูต

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+2 Point จากการโรลการทูต
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

ผลการประลองทางการทูต
(เดี๋ยวค่อยไปเขียนเนื้อเรื่องชักชวนอีกทีตอน NPC ฟื้น)
            



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้