แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-9-18 20:56
❀ สำรวจบ้านร้างตงฟาง ❀ครั้งที่ 6 . .
ยามมาเยือนถึงบ้านร้างตงฟางที่เคยส่งกลิ่นชวนคลื่นเหียนจากภายในห้องครัวเมื่อหลายวันก่อน ยามนี้ตัวจิ้นอิ๋งพอจะสัมผัสได้ว่าเขตส่วนบ้านนั้นกลิ่นได้หายไปจนหมดแล้ว ด้วยพะวงไปว่าอาจจะเจอเหตุการณ์เจอบุคคลให้ต้องคอยช่วยเหลือออกมาจากเขตตัวบ้านที่ตั้งใจจะตรวจสอบก่อนการซื้ออีก ถานเจ๋อจึงอาสาที่จะตามไปด้วย แม้จะขี้เกียจมากแค่ไหนก็ตามแต่มันก็อดห่วงผู้เป็นนายไม่ได้อยู่ดี โดยก่อนที่มันจะเดินตามท่านหญิงของมันไปก็ถูกจิ้นอิ๋งกล่าวบอกให้พกเอาหีบห่อที่บรรจุสินค้าที่ต้องจัดส่งที่ไท่หยวนมาด้วยป้องกันไม่ให้สูญหาย
ซึ่งในการสำรวจครานี้ตัวจิ้นอิ๋งที่สำรวจตัวบ้านจนหมดแล้วตัดสินใจมาดูยังตัวโกดังเป็นส่วนต่อมาเพื่อตรวจสอบความจุของพื้นที่โกดังว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในข้อมูลบ้านของทางอหังสาหรือไม่ ทว่าระหว่างที่นางกำลังจะเปิดประตูเข้าไปกลับถูกถานเจ๋อกวาดแขนขวางพลางดันตัวให้ผละถอยจากประตูไปเสียก่อนด้วยมันได้ยินเสียงบุรุษด้านใน ทางด้านจิ้นอิ๋งที่ไม่ทันได้ระมัดระวังก็เร่งเงี่ยหูฟังไปด้วยพลันได้ยินเสียงอู้อี้ของบุรุษเพศตามที่ถานเจ๋อกล่าวจริง ๆ ตัวนางจึงยอมผละถอยหลบออกมาเสียก่อน
ถานเจ๋อหลังหันไปเห็นว่าจิ้นอิ๋งหลบออกนอกเขตประตูของโกดังแล้ว มันดึงเอาดาบออกมากระชับแน่นก่อนจะใช้เท้าเตะไม่แรงนักยังบานประตูแค่ให้พอเปิดออก กระทั่งเห็นผู้ที่อยู่ภายในมันก็แทบสบถลั่นพร้อมกับท่าทางที่ชะงักหวาดผวาให้จิ้นอิ๋งมองฉงน ดรุณีน้อยคล้ายจะชะโงกหน้าเข้าไปดูบ้างแต่กลับถูกมือหยาบของถานเจ๋อยื่นบังทัศนวิสัยอย่างทันท่วงที
" อย่ามอง! ขอรับ.. เป็นโจรโพกผ้าเหลืองถูกมัด… สภาพเปลือยคนหนึ่ง ท่านหญิงพอจะมีผ้าที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ขอรับ "
สิ้นเสียงของถานเจ๋อ จิ้นอิ๋งก็แสดงสีหน้าตกอกตกใจขึ้นมาแทบจะเดี๋ยวนั้น รู้สึกขอบคุณผู้ติดตามไม่น้อยที่เป็นฝ่ายไปเห็นภาพนั้นแทนนาง ก่อนนางจะเร่งพยักหน้าให้เกี่ยวกับผ้าที่ไม่ใช้แล้วที่นางพอจะมีอยู่บ้าง
" ก็.. ไม่ถึงกับไม่ใช้แล้ว แค่มีผ้ากระสอบที่ข้าซื้อมากะเอามาคลุมของหากเดินทางแล้วเจอฝนเข้าน่ะ เดี๋ยวข้าไปหยิบมาแล้วกัน เจ้าเฝ้าโจรผู้นั้นตรงนี้ก็พอ "
จิ้นอิ๋งเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินย้อนกับไปหาม้าเฮยเซ่อที่กำลังเล็มหญ้าใกล้เหล่ากระเป๋าเดินทางที่วางพักยังข้างต้นไม้คล้ายช่วยเฝ้าของให้อย่างรู้งานจนนางอดไม่ได้ที่จะลูบสันจมูกนุ่มของมันราวขอบคุณถึงได้ผละมาค้นเอาผ้ากระสอบผืนหนึ่งออกมา
ระหว่างที่เดินกลับไปยื่นให้ถานเจ๋อและรอให้อีกฝ่ายเอาไปคลุมตัวแก่โจรด้านในตัวจิ้นอิ๋งก็แอบพาลคิดไปว่าตัวโจรผู้นี่ใช้ผู้ที่ทำร้ายแม่นางเหมยหรือไม่ พลันคาดเดาได้เช่นนั้นแววตานางก็ดูขึงโกรธขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนเลือนหายรวดเร็วยามเห็นสภาพน่าอดสูของโจรที่มีผ้าคลุมใส่เป็นลักษณะกระโจมอกชวนขันกำลังพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเชือกที่มัดแขนขาตน สีหน้าดูซีดเซียวตอบสูบราวขาดน้ำอาหารเป็นเวลานาน
สุดท้ายจากที่อยากเค้นถามด้วยความรู้สึกคุกรุ่นก็บอกให้ถานเจ๋อหยิบเอาดาบใบหลิวที่ตกอยู่ไม่ไกลนั้นเก็บขึ้นมาเสียก่อนเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายสบโอกาสนำอาวุธมาต่อสู้ ก่อนจิ้นอิ๋งจะกลับไปหาม้าที่เฝ้าของนางอีกหนก่อนหยิบเอาเสบียงและน้ำที่นางซื้อเก็บไว้ให้ตัวนางเองระหว่างเดินทางติดมือมาด้วยในตอนเดินกลับมาพร้อมบอกให้ผู้ติดตามช่วยเอาผ้าที่อุดปากออกจากปากโจรผู้นั้น
" ปล่อยข้า!! ปล่อย! ช่วยด้วย… แม่นาง ปล่อยข้า! "
ทันทีที่ผ้าอุดปากนั้นหลุดออก อีกฝ่ายก็ตะคอกเอ่ยทั้งน้ำเสียงแหบพร่า มันดิ้นรนทั้งดวงตาแดงก่ำขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำพูดขอให้ช่วยที่ดูคล้ายจะขู่นางเข้าไปทุกทีจนถานเจ๋อยื่นดาบจี้คอมันเอาไว้ถึงได้หยุดดิ้นก่อนตวัดสายตามองขวางหาถานเจ๋อ จิ้นอิ๋งที่ตกใจไม่น้อยกับน้ำเสียงอีกฝ่ายพลันบอกกล่าวให้ผู้ติดตามนางลดดาบลง ก่อนค่อยคอยยกกระบอกใส่น้ำขึ้นจ่อปากให้อีกคนหลังเห็นว่าหยุดดิ้นพร่านโวยวายแล้ว ยิ่งได้รับน้ำก็คล้ายสงบสติอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้นเสียด้วย
" เหตุใดท่านถึงถูกมัดติดกับเสาเช่นนี้เจ้าคะ "
หลังป้อนน้ำจนหมดกระบอกหนึ่งจิ้นอิ๋งก็เอ่ยสอบถามแก่อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งฝ่ายโจรที่เริ่มตั้งสติได้ก็กลับมามีท่าทีล่อกแล่ก ริมฝีปากแห้งผากสั่นระริกดูไม่อยากสารภาพความจริงมากนัก แต่ครั้นเห็นสีหน้าโหดของถานเจ๋อที่ขู่อยู่ด้านหลังสตรีตรงหน้ามันก็เร่งเอ่ยตอบอย่างละล่ำละลั่กทันที
" ข้า! ข้าโดนบุรุษผู้หนึ่งทำร้าย!! ข้าเพียงมาตามหาของล้ำค่าตามคำบอกเล่าของชาวบ้านมาก็เท่านั้น! แต่ดันมาเจอบุรุษอีกคนมาแย่งตัดหน้าข้าไปเสียได้!! ทั้ง.. ทั้งยังโจมตีไร้ศักดิ์ศรีเป็นที่สุด!! "
ประโยคท้ายคล้ายโจรโพกผ้าเหลืองจะกัดฟันกล่าวด้วยความแค้นเป็นที่สุด ทำเอาจิ้นอิ๋งเผลอกระพริบตาปริบราวสงสัยว่าโจมตีไร้ศักดิ์ศรีที่ว่าคืออะไร แต่ถานเจ๋อคล้ายจะรู้เลยลอบมองส่วนล่างที่มีผ้ากระสอบคลุมปกปิดอย่างอาดูร ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถปักใจเชื่อได้ทั้งหมดนัก ด้วยเพราะวิสัยของเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองไม่แคล้วมาแย่งของคนอื่นจนมีสภาพนี้เสียมากกว่า ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดตัวจิ้นอิ๋งอยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับแม่นางเหมยหรือไม่จึงทำการตรวจสอบต่อ
" งั้นหรือเจ้าคะ เจ้าเพียงมาตามหาของล้ำค่า? เช่นนั้นตามหาของสิ่งใดกันหรือเจ้าคะ? ท่านสำรวจทั่วทุกที่แล้วงั้นหรือ? "
โจรผู้นั้นคล้ายมีสีหน้าไม่ยินยอมขึ้นมาด้วยกลัวจะโดนแย่งของตัดหน้าไป ทว่าหลังจบประโยคจิ้นอิ๋งก็กล่าวต่อรองถึงการที่จะช่วยแก้มัดให้หากเอ่ยตอบคำถาม มันจึงจำยอมตอบความจริงไปเพียงบางส่วน
" ข้าเพิ่งสำรวจได้เพียงที่โกดังเป็นที่แรกก็โดนจู่โจม! ส่วนของเป็นอะไรข้าขอไม่ตอบ! ไม่งั้นพวกเจ้ารู้ก็อาจมาแย่งข้าอีกน่ะสิ! " ความละโมบที่แสดงออกจนสัมผัสได้ผ่านคำพูดทำเอาจิ้นอิ๋งอยากจะถอนหายใจใส่ด้วยความระอากึ่งขบขัน ก่อนจะเอ่ยถามต่อด้วยยังไม่รู้แน่ชัดถึงความเกี่ยวข้องกับซูฮวา
" แค่ที่นี่หรือเจ้าคะ? เช่นนั้นท่านยังไม่เข้าไปสำรวจบ้านร้างตงฟางสินะเจ้าคะ พอดีข้าเข้าไปสำรวจแล้ว.. เหมือนเจอของที่ดูเป็นของล้ำค่าในบ้านแล้วก็หยิบติดมาแล้วน่ะเจ้าค่ะ "
จิ้นอิ๋งกล่าวถึงหม้อสามขาที่นางคิดไปเองว่าน่าจะล้ำค่าเพราะไม่เคยเห็น และเพื่อจะใช้ทดสอบดูด้วยว่าหากอีกคนเคยเข้าไปในบ้านและกระทำตัวทรามหยามเกียรติยังแม่นางเหมยก็คงจะเคยเห็นเช่นกัน แค่อาจไม่ใช่ของที่ตามหาถึงไม่ได้หยิบติดมาด้วย
" อะไรนะ!! เจ้าเจอยอดตำราซินแสตงฟางแล้วอย่างนั้นหรือ!! หน็อย! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะนางแมวขโมย!! "
นางที่จู่ ๆ ก็ถูกกล่าวหาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไรมากไปกว่าโล่งใจขึ้นมาที่อีกฝ่ายไม่น่าใช้บุคคลที่กระทำไม่ดีกับแม่นางเหมย ท่าทางเชื่อสนิทใจกับคำพูดจิ้นอิ๋งและคิดไปเองเป็นตุเป็นตะนั้นแถมยังพลั้งปากบอกของที่คราแรกเอ่ยว่าจะไม่พูดนั่นอีก ทำให้พอรู้ว่าอีกคนไม่เคยเข้าไปในตัวบ้านจริง ๆ ก่อนนางจะตัดสินใจเอ่ยความจริงให้อีกฝ่ายใจเย็นลงและแสดงความจริงใจให้เห็นว่าตัวนางไม่ได้จะเข้ามาทำร้าย
" ใจเย็นเจ้าค่ะ.. ไม่มียอดตำราอะไรหรอก ข้าเจอเพียงหม้อแปลก ๆ ที่มีสามขาก็เท่านั้นเจ้าค่ะ ส่วนบ้านหลังนี้ถูกปล่อยขายมาสักพักแล้ว ข้าก็กำลังจะตัดสินใจซื้อ ถ้ามีตำราอะไรจริงเหตุใดถึงออกขายง่ายดายเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ "
ตัวจิ้นอิ๋งพยายามเกลี้ยกล่อมระหว่างหยิบเอาซาลาเปาอุ่นร้อนขึ้นมาก้อนหนึ่งก่อนจะเรียกให้ถานเจ๋อช่วยป้อนให้อีกฝ่ายทีละน้อยไปด้วย เผื่อว่าหากท้องอิ่มจะได้ใจเย็นลงและคิดตามคำพูดของนางได้ถนัดถนี่ ทางด้านจิ้นอิ๋งก็คอยพูดให้โจรตรงหน้าที่หากนางปล่อยไปแล้วจะไม่แว้งกลับมาทำร้ายพวกนาง รวมถึงมายุ่งวุ่นวายยังเขตบ้านที่นางกำลังจะซื้อนี้ด้วย
" ตามจริงตัวบ้านก็ปล่อยทิ้งร้างมาเกือบร้อยปีกว่าได้ ท่านก็ไม่คิดเชียวหรือว่าตำราอะไรนั่นก็อาจถูกชาวยุทธ์หรือคนผู้อื่นเจอแล้วนำกลับไปแล้วน่ะเจ้าค่ะ "
" ถ้าเจ้า แจ่บ ๆ คิดงั้นแล้วเจ้าจะมา แจ่บ ๆๆ มาสำรวจเหมือนกันทำไม! " โจรผู้นั้นยังไม่ท้อถอย เถียงจิ้นอิ๋งคำไม่ตกฟากแม้จะมีซาลาเปาเต็มปากก็ตาม จนนางเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาอยู่แล้ว
" ก็ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าตั้งใจจะซื้อบ้านหลังนี้เจ้าค่ะ.. แต่ก่อนซื้อข้าก็เพียงมาตรวจสอบทำเลดูก็เท่านั้นว่าตรงตามข้อมูลที่ทางฝ่ายอหังสาลงไว้หรือไม่ ซึ่งก็ตรงที่ว่าเก่ามาก ๆ… แถมห้องครัวยังเน่าเหม็นมากเลยล่ะเจ้าค่ะ ต้องทำความสะอาดยกใหญ่เชียวล่ะ "
สีหน้าเหนื่อยล้าของจิ้นอิ๋งที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาทำเอามันเกือบจะเชื่อไปทั้งหมดแล้ว แต่เพราะยังมีส่วนของโรงฝึกยุทธ์ที่ไม่เคยถูกกล่าวถึงเสียทีทำให้มันเสี่ยงเอ่ยถามไปก่อน โดยในหัวก็เริ่มลดความอยากที่จะตามหาต่อแล้วด้วยเพราะซาลาเปาที่แม่นางตรงหน้ามีน้ำใจยื่นให้มาเพิ่มอีก 4 ก้อนนั้นหอมอร่อยมากทีเดียว…
" แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าของถูกเอาไปแล้วจริง ๆ ไม่ใช่เจ้าแค่พูดกล่อมให้ข้าไม่ตามหาต่อแล้วพอตัวเองเจอก็ฮุบเอาไว้ด้วยตัวเจ้าเอง! งั่ม แจ่บ ๆๆ " เอ่ยน้ำเสียงขู่จิ้นอิ๋งแต่ก็ยังกินของที่นางส่งให้ จนถานเจ๋อที่เป็นคนป้อนแทบอยากจะยัดซาลาเปาให้ติดคอตายลงตรงนี้ที่บังอาจมาดูหมิ่นผู้เป็นนายของมันว่าจะละโมบดั่งเช่นอีกฝ่าย
" ข้าก็ไม่รู้หรอกเจ้าค่ะว่าจะมีคนเอาไปแล้วจริงหรือไม่ ทว่าข้าก็เจอบรรดารอยเท้าทั้งของมนุษย์และกีบม้าหลายคู่อยู่ไม่น้อยเช่นกันที่แวะเวียนมายังบ้านร้างหลังนี้... หรือหากสุดท้ายของชิ้นนั้นยังอยู่ที่บ้านหลังนี้จริง ข้าก็คงเก็บไว้เพื่อหาทางส่งมอบให้ผู้ที่สามารถเข้าใจและใช้ประโยชน์ในทางที่ดีจากของชิ้นนั้นดีกว่าน่ะเจ้าค่ะ เพราะฟังจากชื่อแล้วตัวข้าคงไม่อาจหยั่งถึงความรู้ของยอดตำรานั้นได้หรอกกระมัง "
โจรตรงหน้าแทบจะหรี่ตามองจิ้นอิ๋งที่กล่าวออกมาเช่นนั้น ทว่าก็พบเพียงแววตากลมใสที่แทบไร้ความโป้ปดใดในนั้น มันเริ่มกระสับกระส่ายด้วยไม่รู้จะตัดสินใจทำอย่างไรดีเพราะผ้าที่ช่วยคลุมกายนี้ ไหนจะอาหารและน้ำที่มอบให้มันก็คล้ายจะติดหนี้นางไปแล้ว
" ถ้าข้าบอกตำรานั่นมูลค่ามหาศาล นำไปขายก็ได้หลายตำลึงทองเจ้ายังจะบอกว่าจะมอบให้ผู้อื่นง่าย ๆ อีกหรือไม่! "
" ข้าก็ไม่ได้บอกนะเจ้าคะว่าจะมอบให้ผู้อื่นง่าย ๆ ข้าบอกจะมอบให้ผู้ที่เข้าใจและสามารถทำประโยชน์ในทางที่ดีได้ต่างหากเจ้าค่ะ.. ถ้าไม่เจอคนดั่งที่ข้ากล่าว ต่อให้ขายได้ราคาหลายตำลึงทองข้าก็ไม่ขายหรอกเจ้าค่ะ.. จะกลายเป็นปล่อยตำรานั่นออกสู่สาธารณะให้เกิดแย่งชิงกันอีกหนข้าว่าไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นะเจ้าคะ.. แต่ท่านกล่าวดูมั่นใจจังเลยนะเจ้าคะว่าข้าจะเจอ ทั้งที่ตัวข้าไม่มั่นใจเลยแท้ ๆ "
ท้ายประโยคจิ้นอิ๋งกล่าวกลั้วขำ ด้วยเพราะที่นางเข้ามาสำรวจก็เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวบ้านก็เท่านั้น หากตรงไหนพังหรือเก่าก็จะได้วางแผนซ่อมแซมความเสียหายไว้แต่เนิ่น ๆ
" ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่า.. ตัวข้าก็มีสิทธิมาขอทดสอบจากเจ้าได้หากเจ้าเจอด้วยน่ะสิ! "
แม้คำพูดท้ายประโยคของนางจะทำให้โจรที่ถูกมัดเริ่มโอนเอนไปมากแล้วก็ตาม แต่ความละโมบของมันก็ยังรั้นให้เอ่ยถามต่อ ทว่าด้วยความขี้เกียจที่ไม่ต่างจากถานเจ๋อทำให้มันรู้สึกเห็นด้วยขึ้นมาหากไม่ต้องมาสู้กันก็สามารถมาแย่งชิงของกันได้อีกอยู่ ซึ่งจิ้นอิ๋งที่ได้รับคำถามก็หลุดเสียงหัวเราะใสออกมาในที่สุด นางไม่ถือสาอะไรกับความละโมบนี้แม้ทำให้นางรู้สึกขัดใจไปบ้างก็ตาม เพราะมันช่วยผลักดันให้คนคนหนึ่งมีพลังชีวิตที่จะดำเนินต่อทำให้นางรู้สึกว่ามีความละโมบเสียหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรมากนัก
" ได้สิเจ้าคะ.. ท่านจะลองมาให้ข้าทดสอบความเหมาะสมกับตำราก็ได้ ข้าต้อนรับทุกคน… หากข้าได้ตำรานะเจ้าคะ " จิ้นอิ๋งย้ำในท้ายประโยคอีกหน
" เช่นนั้นแล้ว.. ข้าจะปล่อยท่านแล้วนะเจ้าคะ ท่านก็… ออกไปหาเสื้อผ้าปกติสวมแล้วหาอาหารน้ำดื่มดี ๆ ทานเตรียมพร้อมมาทดสอบหรือรอฟังข่าวว่าจริง ๆ อาจมีผู้อื่นได้รับตำราไปแล้วก็ได้นะเจ้าคะ "
จบคำนางถึงผละถอยออกมาพลางพยักหน้าให้ถานเจ๋อปล่อยตัวโจรที่ห่อผ้ากระสอบเป็นกระโจมอกผู้นั้นออกมา พร้อมกันนั้นก็คอยมองอย่างคาดหวังไปด้วยว่าอีกคนคงจะยอมจากไปแต่โดยดี ซึ่งอาจจะผิดจากถานเจ๋อเล็กน้อยที่เตรียมระมัดระวังให้ผู้เป็นนายอยู่ตลอดเวลาหลังจากที่ปล่อยตัวมันหลังจากเจรจากันจบลงแล้ว
|