กระบี่ในถ้ำลับ ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ การชักชวนทีม่าอย่างปุบปับเมื่อเทียบกับการปรากฎตัวของเจ้าเมืองซินเย่ทำเอาชายหนุ่มอ่อนต่อโลกอย่างจื่อหลงอื้ออึงไปถนัดตา โม่เสวียนมอบหมายให้จินจ้านช่วยอธิบายสถานะของตนคร่าๆ รวมไปถึงทิศทางการพัฒนาบ้านเมืองใต้กองกำลังของฮั่นอย่างหวังจื่อเสีย แน่นอนว่าหากอีกฝ่ายมีใจภักดีย่อมไม่คิดเป็นอื่น การเดิมพันของบุรุษชุดครามดูจะประสบผลสำเร็จเมื่อท้ายที่สุดแล้วชายแซ่จ้าวก็คล้อยตามด้วยการถามถึงข้อตกลงแรก “ท่านจะช่วยดูแลครอบครัวของข้าในยามที่ตัวข้าเสี่ยงภัยได้ริไม่ ดังท่าท่านเห็น พวกเรามิได้มีทุนรอนมากพอจะย้ายถิ่นฐาน ทุกวันนี้อาศัยการล่าสัตว์และเก็บผักเก็บหญ้ากิน..” “หากเจ้ากังวลเรื่องที่พักอาศัยและความเป็นอยู่ เรื่องนั้นมิใช่ปัญหา ท่านเจ้าเมืองมอบเรือนพักให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการทุกครอบครัว วันหน้าหหากสามารถสร้างความชอบย่อมได้รับจวนหลังใหญ่เป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูล” จินจ้านทราบดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใด แต่หากจะหมายขอจวนโดยที่ความชอบยังไม่สร้างนั้นจะเกิดเป็นข้อแคลงใจแก่เหล่าขุนนางในสภาคนอื่นๆ “เรือนหมู่ฝั่งตรงข้ามข้ายังว่าง หากไม่รังเกียจว่าคับแคบล่ะก็..” “ให้เขาพักในจวนเข้าเมืองได้ เหมือนกับเหล่าเหมินเค่อของข้า.. วนของข้าไม่มีทั้งบ่าวรับใช้หรือใครอื่น เงียบสงบนัก เหมาะในหารฟื้นตัวของจ้าวฟูเหริน” อยู่ร่วมชายคา ย่อมสามารถจับตามองได้สะดวกกว่า โม่เสวียนต้องการเวลาที่มากกว่านี้ในการวิเคราะห์คตรงหน้าเพื่อสรรหางานที่เหมาะสม “ท่านเจ้าเมืองให้เกียรติแล้ว.. เช่นนั้นข้าจะเร่งไปจ้งท่านแม่กับทุกคน จริงสิ.. มีอีกหนึ่งเรื่องต้องสะสางก่อนไป” จื่อหลงเปิดประเด้นมาจากนั้นก็เข้ากระซิบใกล้ๆ กับเจ้าของชุดคราม “ข้าต้องไปนำของสำคัญในถ้ำแห่งหนึ่ง….” . . . สองชั่วยามถัดมาเจ้าของนัยน์ตาครามเริ่มเสียใจแล้วว่าตนไม่น่าบ้าจี้ตามจื่อหลงมาเลยจริงๆ เบื้องหน้าของพวกเขาคือใต้ผาสูงอันมืดทะมึน รอบด้านวังเวงและร้างผุ้คน คนแซ่แจ้วบอกว่าข้างใต้ผาแห่งนี้มีโถงถ้ำใต้บาดาลขนาดใหญ่ พวกเขาใช้เป้นีท่เก็บกระบี่สำคัญหนึง่ในสองเล็มที่บิดาฝากฝังเอาไว้ จะให้คนชั่วรุ้ไม่ได้โดยเด็ดขาด โม่เสวียนก้มลงมองธารด้านด้านล่าง ทั้งเชี่ยวกรากจนหินที่เขาโยนลงไปหายวับไม่มีสะท้อน “เจ้าบอกถ้ำนั้นอยู่ใต้น้ำ.. แล้วจะเข้าไปอย่างไร” หมอนี่คงไมไ่ด้หลอกพี่มาฆ่าใช่ไหม? “ฮะๆ ครั้งที่ข้าหนีการตามล่ากับชิงอีจนตกลงไปก็คิดว่าตนคงจบชีวิตแน่แล้ว ใครจะไปทันนึกว่าใครคราวเคราะห์ยังมีโชค ท่านรอสักครูผู้ช่วยของเรากำลังมา” จื่อหลงผิวปากเป็นเสียงยาว ไม่นานนักก็มีอาชาสีขาวปลอดพ่วงพีตัวหนึ่งควบทะยานมา ลักษณะของมันแม้ไม่ขาวบริสุทธิ์โดยให้อารมณ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนท่าเสวียนของหลิวซีเยี่ยน หากแต่ม้าตัวนี้มีชีวิตชีวาและจับต้องได้กว่ามาก “นี่คือไป๋หลง.. ไป๋หลง นี่อาโม่ ท่านผู้นี้จะเป็นนายของข้าในอนาคต ทักทายกันไว้นะ” โม่เสวียนหยักรอยิย้มรับ ใช่ว่าใจร้ายกับสัตว์ทุกตัว มือเรียวขาวดั่งหิมะยื่นไปลูบแผงคอเจ้าม้าเบาๆ หลังจากมันทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นก็งับชายเสื้อของเขาเชิงลากให้ลงไปด้วยกัน “ไป๋หลงเป้นม้าที่พิเศษ มันดำน้ำได้นานและว่ายน้ำเก่งมาก พวกเราต้องอาศัยเจ้านี่เพื่อเข้าไปด้านใน” “....ชุดข้าจะเปียดหมด” โม่เสวียนนิ่วหน้า ตนไม่ได้เตรียมอาภรณ์มาเปลีย่นมากนัก “เอ่อ.. ท่านใช้เสื้อคลุมของข้าได้” “...ขอบใจ” หลังตกลงกันเสร้จสรรพจื่อหลงก็ขึ้นไปกอดบนแผงคอม้าให้อีกฝ่ายดู “จับให้แน่น ด้านล่างกระแสน้ำเชี่ยวมากหากหลุดมือล่ะก็.. ข้าคงหาท่านไม่พบ” พวกเขาดำดิ่งลงไปด้วยแรงนำของม้าเพียงแค่ร่างปะทะกับสายน้ำโม่เสวียก็หลับตาแน่นด้วยแรงปะทะจากทุกทิศทาง มือเรียวแทบจะจิกขยุ้มไปบนแผงคอเจ้าไป๋หลง ด้านของจื่อหลงที่คุ้นชินดีแล้วก็ลอบลืมตาขึ้นมามองเห็นท่าทางทุลักทุเลของอีกฝ่าย มีจังหวะหนึ่งที่แรงกระแสน้ำทวนกลับแผ่นหลังของโม่เสวียนกระแทกเข้ากับผนังหินด้านข้าง แรงสะท้อนทำให้มือหลุดไปข้างหน่งจวนจะเสียหลังจื่อหลงเห็นดังนั้นก็ไม่ทันคิดสิ่งใดอีก มือหนึ่งยังคงเกาะลำคอม้าส่วนอีกข้างโอบตัวอีกฝ่ายจนชิดปล่อยให้อาชาพาพวกเขาเข้าสู่ถ้ำด้านล่าง “ท่านเป้นอย่างไรบ้าง? เมื่อครุ่อันตรายนัก” “แค่ก… หนหน้า เจ้าพาจินจ้านมาแทนเถอะ” โม่เสวียนผะออกจากเอวของอีกฝ่ายหันไปสูดเอาอากาศหายใจและสำรวจถ้ำรอบๆ แม้จะค่อนข้างมืดแต่ก็มีผลึกแร่บางอย่างที่ส่องแสงสลัวๆ ใจกลางถ้ำมีแท่นหินคล้ายกับเตียงและข้าวของเล้กน้อย บางทีคงเป้นถ้ำที่เหล่าบรรพชนในอดีตใช้สำหรับกักตนฝึกวิชา จื่อหลงเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการพักจึงลุกไปด้านหลังรุปสลักงูขาว เขาควานหาบางสิ่งอยู่ม่นานนักก็หยิบได้ห่อผ้ายาวๆ ลักษณะคล้ายกระบี่ออกมา มันถูกพันไว้ด้วยผ้าที่เก่าคร่ำทว่าแน่นหนา เหมือนไม่เคยถูกเปิดใช้งานมาก่อน “ของสำคัญีท่เจ้าว่าคือสิ่งนั้นสินะ” เจ้าเมืองเสิ่นเอ่ยทักทำเอาอีกฝ่ายมีสีหน้าเคร่งเครียดไป “อย่ากำงวลเลย ในเมื่อเจ้าย้ำนักย้ำหนาว่าเป้นของสำคัญที่บิดากำชับไว้ ข้าไม่มีใจอยากได้ในของผู้อื่น เก็บไว้ให้ดีล่ะ..” “ท่านคงไมไ่ด้มองมันเป้นแค่เศษเหล็กเหมือนชิงอี? ฮะๆ เอาเถอะ นางเป้นคนดีเอาไว้ในอนาคตข้าจะแนะนำนางให้รุ้จัก” โม่เสวียนหยักรอยยิ้มตอบ ครัง้ที่สองแล้วอีกฝ่ายพูดถึงสตรีนามชิงอี ดูเหมือนจะเป้นคนที่สนิทด้วยพอสมควร ตัวเขาค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องที่ผู้ติดตามจะสร้างครอยครัวมีความรัก ดีเสียอีกหากรอบครัวของอีกฝ่ายอยุ่ในการดูแลของตน ตัดปัญหาการแปรพรรคในอนาคตจึงชิงพูดว่า “ได้สิ เจ้าแนะนำนางให้รุ้จัก ข้าก็จะเอาใจช่วยเจ้าอีกแรง..” ดีไม่ดีจะจัดงานมงคลให้อย่างยิ่งใหญ่หากสร้างความชอบถึงขนาด จื่อหลงนั้นยังคงอยู่ในห้วงความเบิกบานใจหลังเขาพบว่าหนทางข้างหน้าดูจะสดใส ตอนที่ออกมาจากถ้ำก็ยังคงไม่เข้าใจความหมัยโดยนัยของอีกฝ่าย ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ -เอฟเฟคตัวละคร- -25 ความเครียดโรลทานอาหาร +10 คุณธรรม พบหัวดี +10 โหด พบหัวคลั่ง EXP ให้เซวียนหมิง (จ้าวจื่อหลง 073) +35 มอบขนมชิงถวน (หูดี) +15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย +20 ธาตุหนุนกัน ไฟ หนุน ดิน +20 ประลอง +20 ความสัมพันธ์ เมื่อโรลกับคนที่คุณสนใจ (ผู้กล้า) +5 พูดคุยรายวัน +95 [235] เซวียนหยวน หมิง [คลั่ง] +35 มอบกุหลาบ +15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี) +10 คลั่ง พบ มาร +20 ความสัมพันธ์ เมื่อโรลกับคนที่คุณสนใจ (ผู้กล้า) +20 ธาตุเกื้อหนุน ดิน หนุน ทอง +5 พูดคุยรายวันรวม 105 -เอฟเฟคตัวละคร- (สถาปนิก) +2 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารพัฒนาเมือง(เลื่อมใสศรัทธา) +3 Point จากการโรลทำงาน (ทะเยอทะยาน) +2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง +2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ +2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ) +5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย +5 Point จากการโรลเรียนรู้(หูดี) +5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น +2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย(เห็นอกเห็นใจ) +20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ -2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ(นักวิชาการ) +4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้(นักวางแผน) +5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบายรวม 28 Point 55exp +30 โหด -25 ความเครียดจากการกิน
|