[เมืองซินเย่] ย่านการค้าว่านชิง

[คัดลอกลิงก์]
โพสต์ 2022-9-25 23:59:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-10-30 22:58

-เพิ่มจำนวนประชากร 25/9-
การสร้างความเชื่อ
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦

           ช่วงเวลานาทีทองสำหรับผู้ที่ต้องการสถานที่อยู่อาศัยในวันที่เคระาห์ร้ายกร้ำกรายมาถึง เจ้าเมืองซินเย่คนใหม่เปิดกว้างรับชนทุกหมู่เหล่า เขาไม่ลืมจะจัดแจงวันที่ในการเรียกตัวขุนนางมาปรึกาาหารือ

           “ฟังว่าการจัดสรรคดีความครั้งก่อน ชวีผิงทำหน้าที่ได้ไม่เลว.. เช่นนั้นวันีน้เจ้าไปกับข้า ชาวเมืองซฺนเย่จะได้เห็นหน้าค่าตาของขุนนางที่ดูแลพวกเขา”

           “ขอรับนายท่าน ชวีหยวนจะเตรียมพร้อมให้ไม่มีจุดใดขาดตก”

           เหล่าขุนพลและขุนนางทั้งหลายล้วนมองออกว่าเจ้าเมืองเสิ่นให้ความสำคัญกับผู้มีความสามารถ ต่างขยันขันแข็งในการทำงานแม้ว่าตอนนี้เจ้าบัณฑิตชุดเขียวจะได้ดน้าไปก่อนในตาแรก ทว่ามีขุนเขาเขียวใยกลัวไร้ฟืนไฟเผา วันหน้า.. ย่อมเป้นเวลาของตนได้วาดลวดลาย

           โม่เสวียนให้ขุนนางไร้ตำแนห่งของตนขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เห็นเขาดูไร้เรี่ยวแรงคาดว่าคงประหม่าจึงยื่นยำปลาทะเลให้ได้ทานเอาแรง “นี่ กินก่อนสิ ข้าทำเองเมื่อเช้า บ่าวในจวนไม่มีก็ถือว่าได้ฝึมือไปในตัว”

           “ของนายท่าน? อ่า.. ช่างเป็นวาสนาปากข้านัก ขอบคุณขอรับ” บัณฑิตหนุ่มหรุบสายตาลงใบหูขึ้นสีแดงเรือๆ คิดไปว่าอีกฝ่ายคงได้ยินเสียงตนท้องร้องจึงเมตตาเป้นแน่ แม้จะกระดากอายแต่ก็ตักทานคำสองคำพอเป้นพิธี

           เมื่อพวกเขามาถึงลานกว้างใจกลางจตุรัส ชวีหยวนพบว่าเหล่าอาลักษณ์มารออยุ่ก่อนแล้ว โม่เสวียนนำสำมะโนประชากรวางบนตักเขาที่ยังคงมีสีหน้างุนงง “อีกเดี๋ยวสลับกันขึ้นปราศัย ปลุกใจผู้คนให้มาตั้งรกรากในเมืองเรา บัญชีนี้เป้นทะเบียนสำหรับผูู้ที่เต็มใจย้ายอาศัย สำคัญมาก รักษาให้ดีล่ะ”
           “ขอรับนายท่าน!” งานนี้ชวีหยวนยินดีมือหงิก มันคือหน้าที่อันสำคัญยิ่งแทบจะซาบซึ้งน้ำตาไหล

           เมื่อโม่เสวียนออกไปยังยกพื้น โฉมหน้าสะอาดสะอ้านและท่าทีคล่องแคล่วก็ดึงดูดผู้คนทั่วลาน ประดยคแรกที่เขาพูดยังคงเปี่ยมสเน่ห์เช่นเคย “เหล่าผู้ประสบภัยทั้งหลาย ให้ข้าได้ช่วยพวกท่าน!!”

           แค่เปิดก็น่าสนใจ ใครๆ ล้วนอยากฟังต่อ “ข้าคือเจ้าเมืองซินเย่ อย่างที่เห็น อายุของข้ายังอยู่ในวัยหนุ่มแน่น สองบ่ายังทรงพลังมันพร้อมรับใช้พวกท่านอย่างซื่อตรง ไม่ว่าภัยจากธรรมชาิตหรือจากคนที่ทำให้พวกท่านต้องเสียบ้านไป ที่นี่ ซินเย่ เราเปิดรับทุกท่านเข้าสู่อ้อมอกของเทพแห่งปัญญา พร้อมที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกคนไปสู่รุ่งอรุณวันใหม่”


           ขณะที่ชาวประาเริ่มได้รับการปลอบประโลมและฟฟังถ้อยคำอบอุ่นนั้น ชวีหยวนได้รับสัญญาณจึงก้าวขึ้นมาเสริมปิดท้าย


           “ข้าในฐานะขุนนางผู้ตัดสินคดีในซิเนเย่ ขอรับประกันทุก่านอีกแรง นับแต่เจ้าเมืองเสิ่นครองตำแหน่ง คดีความสามเดือนทั้งหมด สามคดีความ ไม่มีใครถูกลงโทษอย่างสาหัส ไม่มีผู้ใดสูญเสียชีวิตหรือทรัพย์สิน เมืองแห่งนี้ปลอดภัยสำหรับให้ลุกหลานท่านเติบโต”


           “โอกาสเช่นนี้มีไม่มาก หากผู้ใดคิดปลงใจจะตัง้รกราก ให้ไปที่นายทะเบียน…” พวกเขาทำงานเข้าขา แม้ท้ายสุดโม่เสวียนนั้นยังคงยกยิ้มกริ่มที่ยังส่งบทได้อย่างลื่นไหล
ขุนพลหลัก - ชวีหยวน (ดี)
ขุนพลรอง - เจ้าเมือง (มาร) 5555555
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
-เอฟเฟคตัวละคร-
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
รวม 21 Point 25exp
.
.
**เสริม**
+20% ความภักดีชุนพลในสังกัดเกิดความรักคุณมากขึ้น (เห็นอกเห็นใจ)
+80% ความภักดีของขุนพลคุณจะไม่แปรพักตร์ มอบของ
+15% โบนัสจากการโรลเชิญประชากรมาตั้งถิ่นฐานในเมือง (ซื่อสัตย์-ชวีหยวน)
+15% จำนวนประชากรประจำเดือนเพิ่มขึ้น (เลื่อมใส-โม่เสวียน)
+15% เมื่อโรลเพลย์เก็บเกี่ยวทรัพยากร (นักวิชาการ-โม่เสวียน)
+10% สูตรตัวแปรเพิ่มประชากร (ผู้น่าเคารพนับถือ-โม่เสวียน)
.
H-009 ชวี ผิง ดี
+35 มอบยำปลาอินทรี
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย  (หูดี)
+20 ความสัมพันธ์ เมื่อโรลกับคนที่คุณสนใจ (ผู้กล้า)
+15 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (นักบริหาร)
+20 อิเว้นท์ขุนนางอาสา
+5 พูดคุยรายวัน
รวม +110
.
เอฟเฟค ชวีผิง
+1 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ (เที่ยงธรรม)
+1 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้การเข้าสังคม (เข้าสังคม)
+10 EXP จากการทำงานช่วยเหลือราชสำนักฮั่น (ภักดี)
+3 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย (ฉลาด)
+3 Point จากการโรลเรียนรู้ (ฉลาด)
+20 EXP จากการโรลทำงาน (ฉลาด)
รวม +8  Point 30exp
.

@Watcher
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-10-8 16:25:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

สวินโหยวทราบข่าวถึงบุรุษผู้มีคววามสามารถรายใหม่ที่ได้เดินทางมาถึงเมืองซินเย่ เดิมทีเขายังคงคิดว่าตนทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ เนื่องด้วยภาระการดูแลสำนักศึกษาใหม่หล่นใส่บ่าเต็มๆ สองสามวันมานี้เหล่าชาวเมืองดูจะคึกคักเป็นพิเศษอาจเพราะผู้คนเริ่มหลั่งใหลเข้ามาในเมืองที่กำลังพัฒนาแห่งนี้ ฟังว่าท่านเจ้าเมืองให้เหล่าหมินเค่อพำนักในจวน แต่กับราชครูหลิวมีความคิดที่แตกต่างจึงให้บุรุษผู้มาใหม่แซ่ลู่เลือกที่จะพักยังโรงเตี้ยม ในเมื่อวันนี้สะสางธุระไปได้กึ่งหนึ่งเห็นทีเขาต้องไปทักทายเสียหน่อย

หลังจากวันที่ลู่เฉินนั้นได้เข้าพบกับท่านราชครูหลิวเขาก็ได้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนอวิ๋นซึ่งนี้ก็ผ่านมาแล้วถึงสองวันแต่ก็ยังมิได้ข่าวคราวอันใดจากจวนเจ้าเมืองถึงแก่เขาเลยแต่แล้วหลังจากที่เขาลงมาจากห้องพักเขากลับพบว่ามีบุรุษคนหนึ่งนั้นได้นั่งอยู่บริเวณโต๊ะติดกับประตู จากการแต่งกายไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นบัญฑิตเป็นแน่เขานั้นจึงเดินลงมาอย่างช้าพลางรอบสังเกตว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นดั่งที่เขาคาดการหรือไม่

อาจพุดไม่ได้ว่าบัญฑิตเอกของเจียหลุนชางอย่างเขามาเฝ้ารอโอกาส กล่าวให้ตรงคือดักรออีกฝ่ายเพื่อศึกษานิสัยใจคอ ดังนั้นสวินโหยวจึงจองโต๊ะติดประตุโรงเตี้ยมแต่หัววัน จิบน้ำชาพลางร่างบทเรียนพลางๆ ทว่าสายตาอันเฉียบคมก็ยังคงเหลือบมองไปทางบันไดรอการมาของบุรุษแซ่ลู่เป็นระยะ ในที่สุดอีกฝ่ายก็ปรากฎตัว

“ท่านคือ.. ผู้ที่หลิวไท่ฝูพึ่งรับเข้ามาหรือ.. ข้าสวินกงต๋า ผู้ดูแลสำนักศึกษาของเมืองนี้” บัณฑิตผู้เคร่งขรึมแนะนำตัวโดยน้ำเสียงพร้อมมารยาท เขาผายมือเชิญให้อีกฝ่ายไปยังประตูกล่าวว่า “ข้ามาทักทายช้าต้อขออภัย ไม่ทราบว่าวันนี้พอจะมีเวลารึไม่? ไปเดินเล่นชมเมืองด้วยกันเป็นไร”

" เป็นข้าเองขอรับ คารวะใต้เท้าสวินกงต๋า " " ได้ขอรับ ?" แม้นเขานั้นจะยังงงๆที่ถูกชวนออกไปเดินเล่นชมเมืองแต่เขานั้นก็ยินยอมไปแต่โดยดีเพราะเขาคิดเห็นว่าการผูกมิตรกับบุรุษท่านนี้ไว้ก็ไม่เสียหายเพราะในภายภาคหน้าอาจได้ร่วมการใหญ่ซึ่งกันและกัน

“หากในวันหน้าเราทั้งคุ่ได้เป็นกำลังแก่ท่านเจ้าเมืองและหวางเย่ ย่อมถือเป็นคนกันเอง เรียกข้ากงต๋าเถอะ” สวินโหยวหยักรอยยิ้มสุภาพ น้ำคำของเขาแม้มิได้ใกล้ชิดแต่ก็ไม่ห่างเดิน เมื่อออกเดินนำยังได้ถามดว้ยความใส่ใจ “ฟังว่าท่านลู่พึ่งย้ายมาที่เมืองนี้ โรงเตี้ยมเยี่ยนอวิ๋นแม้บริการเป้นเลิศ แต่อย่างไรก็ยากจะสรรหาของได้ครบครัน มิสู้วันนี้ข้าพาท่านเดินชมถนนการค้า หากมีสิ่งใดที่ขาดเหลือก็มิต้องเกรงใจ”

" ถ้าท่านกล่าวอย่างนั้นโปรดเรียกข้าว่า เสวียนอู่เถอะขอรับ " แม้ว่าลู่เฉินจังยังแอบตกใจในความเป็นกันเองของบุรุษตรงหน้าแต่เขานั่นก็ไม่ได้แสดงท่าทางตกใจแต่อย่างใดกลับยิ้มตอบกลับบุรุษตรงหน้าเสียอย่างนั้น เมื่ออีกฝ่ายนั้นหยิบยื่นไมตรีแกเขา เขาก็พร้อมที่จะหยิบยื่นไมตรีให้กับอีกฝ่ายโดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ

เมื่อแลกนามแก่กันแล้วทั้งคุ่ก็นับได้ว่ารุ้จักกันมากขึ้นอีกระดับ สวินโหยวนำพาบุรุษหน้าใหม่ไปยังย่านการค้าที่คึกคักที่สุดของซินเย่ ปากก็อธิบายและชี้ไปยังแผงลอยและกิจการต่างๆ ด้านหนึ่งมีผู้คนรุมล้อมชมการแสดง ส่วนข้างหลังของพวกเข้าเหล่าแม่ค้ากำลังประชันราคา

“ คักคักดีไหม? หากท่านเสวียนอู่ได้มาเห็นเมื่อหกเดือนก่อนหน้านี้ นครซินเย่เข้าใกล้คำว่าเมืองร้าง อดดีตเจ้าเมืองกระทำเรื่องสุดอภัย เขาทอดทิ้งชาวบ้านและผู้ที่กำลังเดือดร้อนให้อดตายอยู่นอกกำแพง ภายหลังฝ่าบาททรงแต่งตั้งหวางจื่อเสียให้ปกครองซินเย่ ราชครูหลิวกับเจ้าเมืองเสิ่นจึงพัฒนานครแห่งนี้ให้ฟื้นคืนชีวิตกลับมาได้ ”


" น่าเสียดายที่ข้านั้นกว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ได้นั้นก็ใช้เวลาไปเกือบ 6 เดือนแล้วล่ะท่านกงต๋า ที่เจียงหนานเหนือตอนนี้มีกบฏผ้าเหลืองชุกชุมบ้านเมืองระส่ำระส่ายราวกับรางบอกเหตุกลียุคก็มิปานเลยจริงๆ ไม่สิข้าว่าข้านั้นคิดมากเกินไปจริงๆ "  ลู่เฉินถอนหายใจออกมาอย่างจนใจกับสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้ที่ระส่ำระสายเป็นอย่างมากจนยากที่จะคาดการณ์เหตุการณ์ใดๆเลย


“มันเกิดขึ้นแล้ว แม้พวกเราจะไม่ทันตั้งตัว” สวินโหยวพยักหน้ารับไม่ได้เห็นค้านกับอีกฝ่าย “เดิมทีข้าก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดว่าใต้หล้ายังคงสงบสุข จนท่านเจ้าเมืองไปหาข้าที่เฉินหลิว ข่าวคราวโจรกบฎปลุกระดมกำลังเข้าชิงเมืองน้อยใหญ่ ได้ยินคราแรกยังคิดว่าเรื่องเท็จ”

" เป็นการดีจริงๆที่ข้าได้เสวนากับท่านในวันนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งนักคนที่มองการได้ทะลุปรุโปร่งเช่นท่าน อีกอย่างการจะหาคนที่คุยได้ถูกคอนี้ช่างยากกว่าเป็นไหนๆเลยล่ะนะ " ลู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานเป็นเวลานานมากแล้วที่เขานั้นไม่ได้ยิ้มเช่นนี้ แต่กระนั้นในความรู้สึกลึกๆเขานั้นกับรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้เป็นคำพูดนอกจากคำว่าโศกเศร้า

“หึหึ เป็นข้าเสียมากกว่าที่ต้องขอบใจ.. นานแล้วที่ไมไ่ด้มีเพื่อนร่วมเดินชมสินค้า สนทนาเรื่องบ้านเมือง หลานชายข้าเองบางครั้งยังมองว่าการสนทนากับข้านั้นน่าเบื่ออยุ่มาก” สวินโหยวถ่อมตนอีกครั้งเป็นบัณฑิตหยูแห่งเฉินหลิว คำสอนขงจื้อทำให้เขาประพฤตตัวอยุ่ในทำนองคลองธรรม บางครั้งก็ถูกมองว่าเคร่งครัดจนชืดชา แม้ว่าตอนนี้จะเปลีย่นความเชื่อเป็นชางเจียก็ใช่ว่าบุกคลิกที่ถูกหล่อหลอมนับสิบปีจะมลายลงไป

พวกเขาเดินชมย่านการค้ามีทั้งชาวตะวันตกที่เข้ามาค้าขายตามด้วยกองคาราวานจำหน่ายเครื่องแก้วแปลกตา “ข้าลืมบอกไป.. ทุกคืนวันสุดสัปดาห์ จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของเมือง ที่นี่จะมีตลอดกลางคืนที่เปิดให้ทุกคนสามารถจำหน่ายสินค้าโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า แน่นอนว่าปลอดภาษี บริเวณที่เราเดินกันอยู่จะเต็มไปด้วยผู้คนเชียวล่ะ ถ้าวันนั้นมีของเก่าีท่อยากขายก็ลองดูได้นะ ขวดยานัตถ์นี้ข้าก็พึ่งได้มาเมื่ออาทิตย์ก่อน”

" ช่างเป็นความคิดที่ดีอะไรป่านนั้นกัน ข้าไม่เคยได้ยินแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆพวกท่านช่างมีความสามารถยิ่งนัก แบบนี้ข้าคิดว่าไม่นานเศรษฐกิจต้องกลับมาเฟื่องฟูเช่นเดิมเป็นแน่ " ลู่เฉินตะลึงกับแผนกระตุ้นที่ถูกคิดค้นโดยเหล่าสภาเมืองหากทุกเมืองนั้นมีการใส่ใจดูแลอย่างทั่วถึงเช่นนี้คงไม่มีกบฏผ้าเหลืองเกิดขึ้นเป็นแน่ " เฮ้อ. . . " เขาแอบลอบถอนหายใจอย่างจนใจแผนที่เขาวาดฝันในชีวิตของเขาก็แค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมีครอบครัวที่อบอุ่นเพียงเท่านั้นแต่ด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างมันจึงเป็นเพียวแค่ฝันในตอนนี้

สวินโหยวยิ้มทำไมเขารุ้สึกว่าลู่เสวียนอู่ผู้นี้ยิงสนทนายิ่งมีถ้อยคำที่ทำให้ผู้ฟังรื่นเริงใจ นัยน์ตาคุ่คมหยีลงราวกับผู้อาวุโสที่เอ้นดูบุตรหลาน ในเมื่อเขาจงใจเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปยังย่านที่มีครงทั้งเครื่องเรือนและเสื้อผ้าอุปกรณ์จำเป็น อีกฝ่ายยังคงนิ่งอยู่ด้วยถูกตกสมาธิไปกับบทสนทนา

ในฐานะผู้อาวุโส พบสมาชิกร่วมอุดมการณ์ที่ถูกชะตาตนควรมีของรับขวัญเสียหน่อย

“เจียหลุนชางเชื่อมั่นในวิถีแห่งส่วนรวม หากทุกคนคำนึงถึงประโยชน์ส่วนร่วมมาก่อนตนเองใต้หล้าก็จะสงบสุข.. ข้าเชื่อว่าท่านเองก็จะค้นพบวิถีที่จริงแท้ในสักวัน.. แต่ก่อนอื่น มีคำถามหนึ่ง ‘ความสุขในชีวิตท่านคือสิ่งใด’ พอจะบอกเล่ากันได้รึไม่”

" ความสุขในชีวิตของข้างั้นหรือท่านกงต๋า " ลู่เฉินนั้นยิ่งเงียบไปสักพัก ละทิ้งท่าทางอันสุขุมเหลือเพียงลักษณะนิสัยของคนธรรมดา ที่ยังคงสับสนกับความคิดของตนเอง " เป็นอะไรที่ตอบได้ยากนัก ในตอนเด็กความสุขของข้าคือการเที่ยวเล่นกับเหล่ามิตรสหาย แต่พอวัยรุ่นเข้าข้ากับเจอเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตพลิกผันต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด ดังนั้นพอมาถึงตอนนี้ข้ากลับโหยหาการใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่สำหรับเหตุการณ์ในตอนนี้ยากยิ่งนักที่จะทำแบบนั้นได้ " บุรุษคิ้วบางกล่าวตอบด้วยความสัตย์จริงที่นานๆทีเขานั้นจะพูดออกมาคราหนึ่ง เพราะนี้ก็นานมากแล้วที่จะหาคนคุยที่ถูกคอและสามารถรับฟังสิ่งที่เขานั้นอยากจะกล่าว

“อื้ม… พันคน หมื่นความคิด เส้นขอบฟ้าของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน” บัณฑิตหนุ่มครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จัดว่าเจ้าหนุ่มตรงหน้าเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้จักทบทวนเรื่องราวในอดีตนำมาใช้เป็นบทเรียน

เขาออกเดินนำไปยังตรอกแห่งหนึ่งหลังจากครุ่นคิดไว้แล้วว่าจะนำสิ่งใดมาให้เป็นของรับขวัญอีกฝ่าย หากใจที่ปรารถนาความสงบสุขสิ่งใดเล่าจะเป็นมิตรแท้ได้เท่าสัจธรรม สวินโหยวหยิบของสิ่งหนึ่งในถุงย่ามออกมาเป็นนกหวีดไม้ เมื่อเป่าออกไม่นานก็มีอาชาสีหมอกทะยานมายังทั้งสอง

“นี่คือม้าเหลียง อาชาชั้นยอดแห่งทะเลทรายมันจะซื่อสัตย์กับท่านในยามยาก และเป้นมิตรแท้เมื่อท่านต้องการปล่อยวางภาระบนป่าแล้วห้อทะยานให้เต็มเหยียดสักครา” มือหนาของบัณฑิตหนุ่มจูงสายบังเหียนเจ้าม้าสื่นส่งให้แก่บุรุษคิ้วบาง “ในอนาคตเมื่อต้องเดินทางจะหวังพึ่งแต่รถม้าอย่างเดียวคงไม่ได้ใช่ไหม? เชื่อว่าท่านจะดูแลมันได้ดี”

" ขอบคุณมากจริงๆท่านกงต๋า เพียงพบเจอกันคราแรกท่านกลับมอบของล้ำค่าให้แกข้าถึงเพียงนี้ ในยามนี้ข้ายังมิสามารถตอบแทนอันใดท่านได้ แต่หากเป็นในอนาคตข้าขอให้คำมั่นว่าข้าจะทดแทนคุณให้แก่ท่านเป็นแน่ " ลู่จวิ้นประสานมือพร้อมกับโน้มตัวลงเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนจะรับสายบังเหียนต่อจากอีกฝ่าย ไม่คิดเลยว่าบัญฑิตผู้นี้นั้นนอกจากจะคุยถูกคอกันแล้วยังใจกว้างกับเขายิ่งนักจนเขานั้นแอบระแวงในใจลึกๆว่ามันไม่ใช่แผนการล่อลวงอันใดเขาใช่ไหม

“ฮะๆ อันที่จริง สิ่งที่ข้าตั้งใจจะมอบให้ท่าน.. ของล้ำค่าที่แท้จริงมิใช่เจ้าตัวนี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่า”

สวินโหยวค่อยๆ ดึงตำราปกครามเล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อเขาลูบมันด้วยความหวงแหนและถนอมคล้ายไม่อาจตัดใจ สุดท้ายก็มอบหนังสือปกครามที่บนนั้นมีอักษรตวัดอย่างชัดเจนว่า ‘บัญญัติพรแดนสรวง(เจียหลุนชาง)’ ให้แก่อีกฝ่าย

“หากความสุขที่ท่านกำลังมองหาคือความสงบสุข ย่อมต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวท่านเอง ด้านในนี้คือสิ่งที่ถูกกลั่นกรองเพื่อชะล้างและปลอบประโลมจิตวิญญาณในใต้หล้า.. และมันอาจกลายเป็นแสงสว่างให้แก่ท่านในยามที่แสงอื่นๆ มอดดับไป เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นกับตัวข้า”

" ขอบคุณเป็นอย่างมากท่านกงต๋า ไม่มีสิ่งใดล้ำค่ากว่าความรู้แล้วจริงๆ " ลู่เฉินเอ่ยขอบคุณอีกครั้งแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้มานั้นเป็นตำรา  คำภีร์  หรือหนังสืออะไรแต่เขานั้นก็เอ่ยขอบคุณเพราะอีกฝ่ายนั้นให้มาด้วยความหวังดีแม้เมื่อฟังคราแรกเขานั้นจะไม่เข้าใจก็ตามคงต้องลองศึกษาเจ้าหนังสือเล่มนี้ก่อนแล้วล่ะนะ " นี้ก็สมควรแกเวลาแล้วข้าคงต้องขอตัวกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อนไว้คราหน้าพบกันใหม่นะท่านกงต๋า " ลู่เฉินประสานมือพร้อมกล่าวลาเพราะนี้ก็ผ่านมาสักพักหนึ่วแล้วเขาอยากลองศึกษาตำราที่อีกฝ่ายนั้นมอบให้ ก่อนที่สวินโหยวนั้นจะกล่าวลาตามแล้วแยกกับเขาตรงนั้น


Point.
Exp.
Affinity
faith
เรียนรู้ข่าวสารบ้านเมือง&หนังสือที่พึ่งได้รับมา


+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้

+4 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้

+1 Point ทุกครัั้งที่โรลเรียนรู้

+3 Point ทุกครัั้งที่โรลเรียนรู้

No.

            สวิน โหยว

+10 ลักษณะนิสัยสอดคล้องกัน
+5 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน      

+20 ความสัมพันธ์กับกลุ่มบัณฑิต/นักปราชญ์
+10 ลักษณะนิสัยสอดคล้องกัน      
  +10 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน
+5 พูดคุยประจำวัน
+5 ธาตุเดียวกัน
No.
รวม+10 Point
No.
+65
No.

<font face=&quot;Kanit&quot; size=&quot;3&quot;></font>
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x1
x60
x60
x10
x3
x1
x5
โพสต์ 2022-10-12 20:45:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-10-30 21:53






 
ควันหลงเทศกาลไหว้พระจันทร์







【เทศกาลจงชิวเจี๋ย(ย้อนหลัง)】
' อร่ามจันทราเพ็ญแสงอันตระการ สุขในคืนวานเปี่ยมล้ำดั่งมธุรส '  
        เทศกาลจงชิวเจี๋ย มีขึ้นใน วันที่ 15 เดือน 8 ของทุกปี ตามปฏิทินจันทรคติของจีน เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญสำหรับชาวฮั่นมากเป็นอันดับสองรองจากเทศกาลตรุษจีน อยู่ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง ชาวฮั่นจึงเรียกว่า จงชิว แปลว่า กลางฤดูใบไม้ร่วง
        มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับวันไหว้พระจันทร์ต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของ เทพธิดาฉางเอ๋อเหินสู่ดวงจันทร์ วันไหว้พระจันทร์ เป็นวันที่พระจันทร์ส่องแสงงดงามที่สุด และเต็มดวงที่สุด ชาวฮั่นจึงให้พระจันทร์เป็นสัญลักษณ์ของความสวยงาม เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน เมื่อคนในครอบครัวจากบ้านเกิดไปไกล เมื่อคิดถึงครอบครัวก็ให้แหงนมองดวงจันทร์ ส่งความรู้สึกที่ดีและความคิดถึงให้กันผ่านดวงจันทร์ 
        วันไหว้พระจันทร์ เป็นวันที่คนในครอบครัวจะได้แสดงความสามัคคีกัน และได้ชมดวงจันทร์พร้อมหน้ากัน จึงกล่าวได้ว่าวันไหว้พระจันทร์ เป็นวันแห่งการอยู่พร้อมหน้าของครอบครัว ประเพณีการไหว้พระจันทร์ จะเริ่มต้นตอนหัวค่ำซึ่งดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า พิธีการจะดำเนินต่อไปจนถึงประมาณ 4-5 ทุ่ม บางบ้านอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน ดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะ ทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงินกระดาษทองที่พับเป็น เงินตราจีน โคมไฟ และสิ่งของเซ่นไหว้ หลังเสร็จพิธีทุกคนในครอบครัวจะตั้งวงแบ่งกันกิน "ขนมไหว้พระจันทร์" โดยขนมต้องนำมาหั่นแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว ห้ามเกินหรือขาด และแต่ละชิ้นต้องมีขนาดที่เท่ากัน ขนมไหว้พระจันทร์จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี ความกลมเกลียวคนในครอบครัว ดังนั้น รูปลักษณะของขนมไหว้พระจันทร์ จะต้องทำเป็นก้อนวงกลมเท่านั้น

วันไหว้พระจันทร์ครั้งนี้เจ้าเมืองซินเย่จัดให้มีงานสันทนาการแก่ชาวเมืองและนักท่องเที่ยว
ผู้เข้าร่วมทุกคนนอกจากจะได้รับของรางวัลยังรวมไปถึงภาพความทรงจำดีดีร่วมกับสหาย
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมเล็กๆ ที่เชิญชวนเน้นเข้าร่วมไม่เน้นเข้ารอบ
-เสิ่น โม่เสวียน เจ้าเมืองซินเย่-





กิจกรรมเทศกาล 
ช่วงเวลากิจกรรม 12 ตุลาคม 2565 - 31 ตุลาคม 2565
(สำคัญทุกโรลโปรดแท็ก @Wuman, @Watcher)

กิจกรรมโรลเพลย์
(1) สร้างสรรค์ขนมเยว่ปิงรสชาติสุดว้าว
ท่านเจ้าเมืองร่วมกับเถ้าแก่หอผานถาวร้านขนมหวานขึ้นชื่อเพื่อสรรหาเมนูใหม่ของร้าน เทศกาลไว้พระจันทร์ในครั้งนี้จึงเปิดให้ผู้เข้าร่วมเสนอขนมเยว่ปิงรสชาติใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรสกุ้งเค็ม แมวคั่วเกลือ รสปลาย่าง รสม้าฮั่นเสียแดดเดียวหรือสุดแต่จะรังสรรค์!! 
-โรลเพลย์เตรียมหรือจ้างวานคนทำขนมเยว่ปิงในรสที่ใช่
-โรลเพลย์อิสระ นำเสนอขนมเยว่ปิงรสชาติที่คุณเลือกต่อคณะกรรมการที่ย่านการค้า
-สามารถวาดหรือใช้การบรรยายได้ตามสะดวก ไอเดียดีมีโบนัสพิเศษ

รางวัลจากเจ้าเมือง : 55 ตำลึงทอง 555 ลึงเงิน น้ำชาเกรดส้ม (2)
+15 Point / +15 EXP

(2) จิบชาชมจันทร์
รูทที่ 1 - มากับสหายหรือคนรู้ใจ
-โรลเพลย์อิสระเดินชมเทศกาลและพบว่าที่เรือนอวี้เมิ่งหลันเปิดให้เข้าชทการแสดงฟรี
-สร้างสตอรี่อิสระท่านและสหายได้รับการเชิญชวนเข้าไปผ่อนคลายพร้อมน้ำชาอาหารว่าง
-พิเศษ ระหว่างกำลังผ่อนคลายกับความงามของพระจันทร์ หากแต่งลำนำ จารึกไว้ที่เรือนเป็นทราระลึกจะได้รับ 100 ตำลึงทอง และ อาหารเกรดส้ม 3 จาน  และ +9 EXP / +8 Point
-โรลเพลย์อิสระชมบทละคร เทพธิดาฮางเอ๋อห์โบยบินสู่ดวงจันทร์จนจบ

รูทที่ 2 - หมาป่าเดียวดาย
-โรลเพลย์เดินชมเทศกาลและท่องเที่ยวตลอดทุกกิจกรรมด้วยตัวคนเดียว อาทิ จิบชาคนเดียว กินเนื้อย่างคนเดียว ร่ำสุราคนเดียว เล่นลุกขนไก่คนเดียวให้ครบ 3 กิจกรรมขึ้นไป (ในโรลเดียวกันได้)
-สตอรี่อิสระได้รับการเชิญชวนไปชมจันทร์และชมการแสดงที่เรือนอวี้เมิ่งหลัน โรลอิสระชมละครเรื่อง โฮ่วอี้ผู้เดียวดายหลังเทพธิดาฉางเอ๋อห์ผู้เป็นภรรยากลับสวรรค์ 
-โรลเพลย์อิสระอยุ่จนเป็นแขกโต๊ะสุดท้าย เถ้าแก่เนี้ยเฝ้ามองท่านมานานจึงอยากให้กำลังใจว่าในอนาคตท่านต้องมีคนมาร่วมแบ่งปันช่วงเวลาดีดี ในเทศกาลแน่นอน

ของรางวัล : รูทที่ 1 สุราดอกบัว 1 กา, ชาหวงซานเหมาเฟิง 4 กา, 500 ตำลึงเงิน
รูทที่ 2 สุราตู้คังเกรดแดง 1 กา, ชาผิงลี่หนี่วา 4 กา, 100 ตำลึงทอง
พิเศษ ทั้งสองรูทหากโรลเพลย์ครบ 40k ไบต์ ได้รับอาชาจื่อเมี่ยวเกรดม่วง จำกัด 1 ตัว
รางวัลระบบ: +6 EXP / +4 Point
 




















←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
 เจ้าของ| โพสต์ 2022-10-12 20:56:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด

- ซุ้มราชครู -
    

[171] หลิว ซีเยี่ยน [มาร]

โดยตลาดนี้จะซื้อขายได้เฉพาะเวลา 20.00 - 00.00 เท่านั้น ช่วงอื่นราชครูไม่ว่างดูแลเมือง
สิ้นสุดวันสุดท้าย 31 ตุลาคม 2565




.: การซื้อวัตถุดิบหายาก :.
(1) เขียนโรลเพลย์มาทำการค้าซื้อวัตถุดิบบางชนิดที่ไม่มีขาย
(2) ทุก ๆ ครั้งที่มาทำธุรกรรมให้ระบุสินค้า จำนวนชุด ราคาต่อชุดไว้ท้ายโพสต์โรลเพลย์เสมอ
(3) หลังโพสต์โรลเพลย์ให้ทำการโอนเงินตามจำนวนผ่านระบบโอนเงิน (รวมภาษีเมือง 4% และภาษีโอน(สำหรับคนไม่มีวี) ด้วย)
(4) รอทีมงานตรวจเพื่อจัดส่งวัตถุดิบให้ท่าน



.: รายการสินค้า :.

ตารางสินค้าที่ 1
* สินค้า 1 ชุดมีปริมาณ 50 หน่วย *

ชื่อสินค้า
ใบชาผิงลี่
ใบชาต้าหงเผา
ใบชาเจียวกู่หลาน
ใบชาผู่เอ๋อร์
ใบชาเหมาเฟิง
ใบชาผู่เอ๋อร์
หญ้าหนิวเอ้อเฉ่า
หมึกสด
กุ้งมังกร
จำนวนชุดที่ขายต่อวัน
5
5
5
5
5
5
5
10
10
ราคาชุดละ
800 อีแปะ
800 อีแปะ
800 อีแปะ
800 อีแปะ
700 อีแปะ
700 อีแปะ
500 อีแปะ
2,500 อีแปะ
3,500 อีแปะ



.: เมนูอาหารสำเร็จรูป ฝีมือราชครูหลิว การันตีห้าดาว :.
กุ้งมังกรผัดฮวาเจียว
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 1,400 อีแปะ

ปลิงทะเลผัดต้นหอม
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 4,800 อีแปะ

ฮั่นเสียตุ๋น
ขายวันละ 5 ถ้วย
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 40 ตำลึงทอง

ปลาหิมะนึ่งซอส / ซุปหัวปลาหิมะ
วางขายสัปดาห์ละจาน
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 45 ตำลึงทอง

หม้อไฟฮั่นเสียเจ็ดรส
ขายวันละ 5 หม้อ
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 40 ตำลึงทอง

หม้อไฟทะเล
ขายวันละ 10 หม้อ
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 60 ตำลึงเงิน

หม้อไฟแปดเซียน
ขายวันละ 10 หม้อ
ราคาอาหาร/ต่อจาน: 100 ตำลึงเงิน (10 ตำลึงทอง)




←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
 เจ้าของ| โพสต์ 2022-10-12 21:02:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  
.: แขกที่สัญจรมางานเทศกาล :.
* สิ้นสุดวัน 31 ตุลาคม 2565 *

กติกาการโรลเพลย์สนทนาทำความรู้จักขุนพลสัญจรผ่านมา
(1) 1 โรลเพลย์ สามารถเจอได้แค่ 1 คนเท่านั้น ยกเว้นมีระบุว่า xx นั่งกับ xx
(2) ในโรลเพลย์สร้างสถานการณ์พบเจอครั้งแรกได้อิสระ โดยไม่แหกนิสัย NPC
(3) นอกจากทำความรู้จัก พูดคุย ใน 1 โรลเพลย์สามารถมอบของขวัญให้ 1 ชิ้นเท่านั้น
(4) การชักชวนเข้ากองกำลัง บาง NPC ไม่จำเป็นต้องหัวใจเต็ม 10 ดวงเสมอไป นอกจากอยู่ที่การให้ของแล้ว การพูดคุย โรลทิ้งท้ายไว้ และ กำกับว่า "ชักชวน"
ทางทีมงานจะมาคอมเม้นท์ว่าชวนสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จคุณจะได้โต้วาทีกับเขา ถ้าชนะแสดงว่าเขายอมรับใช้คุณ


ความสำคัญก่อนโรลสร้างความสัมพันธ์ NPC
(1) สำคัญมาก ที่คุณจะต้องตรวจเช็ค (ลักษณะนิสัยขัดแย้งกันหรือไม่ สามารถเช็คได้จากที่นี่ คลิก)
(2) รองลงมา ตรวจเช็ต ธาตุวันเกิด และ ปีนักษตร ชงกันหรือไม่ สามารถเช็คได้ที่นี่ (คลิก)
(3) ทุก ๆ การโรลเพลย์ที่มีความขัดแย้งในด้านนิสัย และ ธาตุหรือปีนักษัตรชงกัน เนื้อหาโรลเพลย์คุณจะต้องสร้างให้สมเหตุสมผล
เมื่อความสัมพันธ์ต้องลบลงในโรลเดียวกับจีบ ที่ความสัมพันธ์เพิ่ม โดยการครีเอทสร้างสถานการณ์โรลเพลย์ไม่ถึงกับทะเลาะ ขัดแย้งกัน
แต่ให้คุณเผลอทำอะไรที่ไม่ดี หรือใช้คำพูด หรือ บางอย่างเกี่ยวกับนิสัย ตัวคาร์คุณในโรลนั้นด้วย เพื่อให้มีความเมคเช้นส์ในการลดความสัมพันธ์



[242] เผิง หลิงเอ๋อห์
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาร่วมงานเทศกาล อยู่ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565
สถานที่อยู่: ช่วยงานซุ้มราชครูหลิว


[244] ฝู ว่าน (ฮกอ้วน) / [243] ฝู โซ่ว (ฮกเฮา)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาร่วมงานเทศกาล อยู่ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565


[252] ไช่ เหอ (ชัวโฮ) / [253] ไช่ จง (ชัวต๋ง)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาร่วมงานเทศกาล อยู่ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565


[040] เว่ย ซวี่ (งุยซก) / [039]  ซ่ง เซียน (ซงเหียน)
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มีเทศกาล แสดงว่าต้องมีสุราดี


[096] โจ่วซื่อ (เจ๋าซือ)
พฤติกรรม: เดินอ่อยในงานเทศกาล
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาร่วมงานเทศกาล อยู่ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565


[037] จาง หยาง
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาล
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 25-29 ตุลาคม 2565


[110] เจิ้ง เจียง / [111] ลู่ เจิ้ง
ชื่อปลอมแนะนำตัว: พี่ใหญ่เจิ้ง และ น้องเจิ้ง
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาล กับน้องสาวโดยใช้ชื่อ เจิ้ง และ เจิ้ง
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 25-29 ตุลาคม 2565



[109] เหยียน เซี่ยง (เอียมเซียง)
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาล
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 27-31 ตุลาคม 2565


[041] เยี่ยนซือ
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาล
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 27-31 ตุลาคม 2565


[068] หลี่ หรู (ลิยู)
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาล และ เฝ้าสังเกตมองหาคนเก่งให้นายท่านต่ง
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 27-31 ตุลาคม 2565


[065] ต่ง หมิน (ตั๋งห้อง)
พฤติกรรม: เดินเที่ยวงานเทศกาลพร้อมกับควงสาวสวยทั้งสี่สิบนาง
ระยะเวลาอยู่ที่นี่: มาถึง 27-31 ตุลาคม 2565


[102] หลิว จวิ้นเหอ (อาจารย์) / [146] หวัง อี้ (ศิษย์) (แต่งตัวเป็นเด็กชาย) /
[195] เซี่ยง เจิ้ง / [020] หม่า เชา (ม้าเฉียว) (ศิษย์) /

ระยะเวลาอยู่ที่นี่: 24-29 ตุลาคม 2565


←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2022-10-12 23:53:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-10-30 23:17

-พัฒนาเศรษฐกิจ ช่วงเทศกาลสุดฟู่ฟ่า 5 วัน Vip 1/2-
แนวทางสุ่ความมั่งคั่ง
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
           “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกลับมาพร้อมทำให้ทั้งเมืองประหลาดใจด้วยวิธีนี้”
           ราชครูหลิวผู้ยืนสำรวมในอาภรณ์ขาวจดจ้องบุคคลตรงหน้าพลางขมวดคิ้วนิ่ง “เทศกาลไหว้พระจันทร์? เอาจริงหรือดม่เสวียน ทั้งที่พึ่งจะเกิดคดีความไป เห็นได้ชัดว่าเรื่องของความเชื่อยังส่งผลต่อพวกเขา”
           “แบบนั้นยิ่งต้องเบี่ยงเบนความสนใจผู้คน หรือท่านไม่คิดงั้น?”
           เจ้าเมืองซินเย่ยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เขายังคงอยุ่ในเสื้อคลุมครามตัวเดิม นั่งวงเลขบัญชียุ้งฉางที่ติดตัวแดงอย่างเอ้อระเหย คิดไว้แล้วว่าซีเยีย่นต้องไม่พอใจแน่ แต่เรื่องที่ไม่พอใจอันไหนมากว่ากันระหว่างตนทิ้งหน้าที่แล้วอ้างว่าสอบขุนนาง กับอยู่ๆ ก็กลับมาพร้อมจัดเทศกาลให้วุ่นวายตายกันไปข้าง ขี้เกียจจะคิดเดาใจคนผู้นี้ให้ปวดสมอง
           ภูเขาน้ำแข็งก้อนใหญ่ยืนมึนตึงกดดันอยู่ข้างๆ เจ้าเมืองเสิ่นเริ่มทำงานลำบาก ถอนหายใจกล่าว
           “...น่า อย่าเคร่งเครียดนักเลย ท่านเที่ยวงานเทศกาลครั้งสุดท้ายเมื่อใดกัน? มิสู้ถือโอกาสนี้ให้ชาวบ้านได้ผ่อนคลายจากเรื่องร้ายๆ ปลอบประโลมพวกเขา ทั้งยังเยียวยาจิตใจของเหล่าขุนนางด้วย เจ้าเถอะ ไม่ออกไปดื่มสักหน่อย?”
           “ข้าไป แล้วใครจะจัดการบัญชีพวกนั้น? กลับมาก็ดีแล้ว ดูสิว่ามันยุ่งเหยิงแค่ไหน”  บัญชีอีกหนึง่ตั้งวางลงข้างตัว เสียงดังพอจะรุ้ว่ามันหนาแค่ไหน
           “เด๊่ยวข้าจัดการเอง ท่านไปเทีย่วเล่นเถอะ เอาน่า ข้าเที่ยวมาพอแล้ว จะถือโอกาสช่วงเทศกาลเงินสะพัดแบบนี้… คงจะเก็บภาษีจากร้านค้าได้ดีแน่ ฮะๆๆ”  
           เจ้าเมืองเสิ่นคิดการรอบคอบโดยแท้ เหล่าขุนนางด้านนอกลอบชื่นชมในใจ ใครว่าเสเพลที่จริงรอเก้บเกียวผลประโยช์อยู่ต่างหาก ดูสิ ไม่ถึงครึ่งวันถนนการค้าถูกจัดระเบียบ รวมไปถึงยอมสละเงินส่วนน้อยว่าจ้างคณะละครและส่งคำเชิญไปยังตระกูลหลิว ตระกูลซุน หล่าแขกเมืองมากหน้าหลายตาอย่าคิดว่าจะมาแค่รถม้าไม่กี่คัน
           ตามปกติแล้วชนชั้นสูงไปที่ใด ผู้ติดตามย่อมมาเป้นพรวน คิดมาได้ถึงจุดนี้ แม้แต่พ่อค้าหัวเสอย่างราชครูก็เอากับเขาไปเปิดซุ้มขายของด้วยในช่วงกอบโกยกำไร ทำเอาเจ้าเมืองที่ไม่มีสินค้าในมือบ่นเสียดายไปอีกหลายวัน
           “จิ๊.. ถ้าข้าค้าม้ากับสมบัติในเทศกาลได อย่าหวังเลยว่าซุ้มอาหารของหมอนั่นจะมีบท!!”
ขุนพลหลัก - โม่เสวียน
ขุนพลรอง - หลิวซีเยี่ยน
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
-เอฟเฟคตัวละคร-
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
รวม 21 Point 25exp
.
.
**เสริม**
+20% ความภักดีชุนพลในสังกัดเกิดความรักคุณมากขึ้น (เห็นอกเห็นใจ)
+80% ความภักดีของขุนพลคุณจะไม่แปรพักตร์
+15% เมื่อโรลเพลย์เก็บเกี่ยวทรัพยากร (นักวิชาการ-โม่เสวียน)
.
เอฟเฟคหลิวซีเยี่ยน
(งดงาม)
+6 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์
(ถ่อมตน)
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง
(สุขุม)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลอดทน
(เจ้าเล่ห์-เสแสร้ง)
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง
รวม 14pt 30exp
.
x4.5 ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน (เจียหลุนชาง-หลิวซีเยี่ยน)
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
x4 ความศรัทธา เจ้าลัทธิ
x2 ความศรัทธา VIP
@Watcher

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
 เจ้าของ| โพสต์ 2022-10-13 16:00:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
  ++ คดีฉุดหญิงสาวกลางตลาด ++
@WuMan
สถานที่นี้ไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าการคลี่คลายคดีจะเสร็จสิ้น

- ในขณะนางโจ่วซือกำลังเดินชมเทศกาลตามปกติของหญิงสาว ด้วยนางได้ยินว่าเมืองนี้ชายหญิงเท่าเทียมจึงทำอะไรตามที่นางอยากทำได้ไม่ต้องอยู่ภายในกรอบประเพณีน่าเบื่อ
แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีกลุ่มอันธพาล 3 คนพุ่งมารุมล้อมหญิงสาว "น้องสาวแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมังสาแบบนี้ สนใจอยากสนุกกับพวกพี่สินะ"
เหตุเกิด 13/10/2565 เวลา 16.00 - 17.00 น. ตรอกคนน้อย ๆ
- ชายอันธพาลชาวซินเย่ทั้งสามคนฉุดคร่าหญิงสาว โจ่วซือเองก็ร้องเรียกทางการ
- สร้างสตอรี่ขุนพลจ้าวอู๋ซวี่/มู่ชุ่น เข้าไปคลี่คลายสถานการณ์
- สร้างสตอรี่ราชครูสอบสวนพิจารณาคดีอันธพาลทั้งสาม
- หลังดำเนินคดีสำเร็จ - เปิดใช้งานย่านการค้า
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2022-10-13 23:57:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด
-จัดการคดีฉุดสาวกลางตลาดแบกะดิน-
ทักษะการเกี้ยวพา
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
             ก่อนช่วงเทศกาลจะเริ่มจังหวะผู้คนคับคั่งก็ได้มีสตรีนุ่งน้อยห่มน้อยอาภรณ์แดงเดินทำตามใจตนในเมืองที่ได้ชื่อว่ายกย่องในความเท่าเทียมทางเพศ นางนั้นยั่วเพศโดยกำเนิดคล้ายพึงพอใจกับสายตาของบุรุษที่มองจ้งอมายังเรือนร่างอันกระหายที่จะให้ผู้คนมารักใคร่
             สายตาของชาวเมืงอซินเย่มีทั้งพวกที่มองแล้วเกิดกำหนัดแต่ยังคงยับยั้งชั่งใจ ทว่าก็ยังมีเหล่าคนหัวเก่าที่รับไมไ่ด้และคาดหวังจะให้เหล่าทางการทำอะไรสักอย่างกับหญิงที่ไม่ยอมให้เกียรติตนเองคนนี้
             สตรีชุดแดงเปิดเอวเอิดใหล่วับๆ แวมๆ เดินโชว์ตัวอยู่มไ่นานก็เกิดเรื่องเข้าจนได้ เมื่อมีผู้คนหลั่งไหลมาร่วมเทศกาลนั่นย่อมแปลว่าเหล่าพ่อค้าและนักท่องเที่ยวต่างเมืองผู้มาหาความสำราญก็มากมายเช่นกัน เหล่าอันธพาลต่างถิ่นเห้นบั้นท้ายอันงอนงามกับเรียวขาที่แหวกสูงเสียจนเห็นอะไรต่อมิอะไรที่คนเขาว่ามไ่งามเข้าก็อดรนทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปฉุดฉวยหญิงสาวหวังจะได้เชยชมนางในราตรีนี้ “มาเถะน้องสาว เจ้าแต่งกายยั่วยวนเพียงนี้คงมิใช่คสตรีผู้ดีอะไรนักหรอก เป็นงานแล้วสิท่า.. ตามพวกพี่ชายไปรับรองมีทั้งเงินใช้ทั้งได้ขึ้นสวรรค์”
             “ปล่อยข้า คางคงอยากจะกินเนื้อหงส์ ดูสารรุแเจ้าเสียบ้าง!”
             “หน็อยนังคนปากดี.. ได้! พูดดีดีไม่ยอม ฉุดสิพวก!” เพียงเท่านั้นเหล่าอันธพาลทั้งสามก็เฮโลกันไปยกหัวยกทิ้ายของแม่สาวยั่วเพศ กลายเป้นภาพที่ชวนขบขันและหวั่นใจของชาวเมืองซฺนเย่เป้นอยา่งมาก นางหวีดร้องให้คนและพวกทหารช่วยเหลือ ทางการเองก็หาได้นิ่งดูดาย
             จ้าวอู๋ซวี่และมุ่ชุนที่อยุ่แผงน้ำชาข้างๆ เห็นเหตุการแต่ต้น ทัง้สองเป็นคนใจร้อนมุทะลุ เพียงประชิดถึงตัวพวกบ้ากามก็คว้าคอสองในสามเหวี่ยงลงกับพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย วาจากลับสุภาพยิ่งนัก
             “ตามบัญญัติกฎหมายของเมืองซินเย่ ผู้ใดประทูษร้ายต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว มีโทษปรับ 10 ตำลึง หากก่อการให้บาดเจ็บ 50 ตำลึงเงิน หากสูญเสียชื่อเสียงหรือถึงแก่ชีวิต 100 ตำลึงเงิน และามข้าไปตัดสินโทษ”
             “ข้าว่าเราจัดการมันที่นี่เลยดีกว่าท่านจ้าว” มู่ชุนเสนอแนะ หลังเข้าไปรับร่างที่ลอยมาของสตรีชุดแดงก่อนจะวางนางลงบนม้านั่งและนำผ้าคลุมมาห่มร่างนุ่งน้อยห่มน้อยเพระาไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหน
             “อย่าเจ๋อเจ้าพวกโง่! ดูนางสิ! สตรีโคมเคียวมาหาลูกค้าชัดๆ เจ้ามองไม่ออกรึไร”
             จ้าวอู่ซวีนั้นศรัทธาในเจียหลุนชางจากการอบรมของเจ้าเมือง ในสายตาเขาบุรุษสตรีล้วนไม่ต่างกัน ขุนพลหนุ่มไม่พูดอะไรแต่เดินตรงเข้าไปแล้วฉีกเสื้อของอันธพาลจนเผยแผงอกที่มีขนอุยปุกปุยราวกับหมีดำ “หากข้าทำเช่นนี้เล่า? เจ้าจะถือว่าเป้นบุรุษโคมเขียวด้วยรึไม่? มีแม่นางท่านใดต้องการฉุดคร่าเขาไปหาความสำราญไหม โปรดบอก”
             “...........” คราวนี้แม้แต่โจว่ซือเองก็หน้าม้านไป เหล่าชาวเมืองจากที่ตื่นตระหนกก็พากันกลั้นขำ เจ้าอันธพาลผู้นั้นหน้ากลั้นความอับอายจนหน้าเขียว
             หลังแจ้งข่าวเพียงไม่นาน ราชครุหลิวก็สละเวลามาที่ย่านการค้าพร้อมกับเจ้าเมืองเสิ่น ชาวเมืองซินเย่คล้ายพบผู้มาโปรด ทันทีที่พวกเขาเห็นใบหน้าของสองผู้ปกครองก็รุ้สึกโล่งใจว่าเรื่องราวต่างๆ ได้คลี่คลายลงไปแล้วกึ่งหนึ่ง
             “เม่เสวียนฟังคำอธิบายของอู๋ซวี่พร้อมกับราชครู พวกเขาไม่แสดงความคิดเห็นอะไรกับประเด็นที่ว่าพ่อหนุ่มหุ่นหมีทั้งสามอยากจะหาความสำราญกลางเมืองและกลางวันแสกๆ แต่คำตัดสิ้นนั้นออกมารวดเร็วกว่าีท่คิด
             “ข้าจำไมไ่ด้ว่ามีความเชื่อหรือจารีตใดที่สอนให้บุรุษฉุดคร่าหญิงที่แต่งกายเปิดเผยผิวหนัง” โม่เสวียนเอ่ยเปิด เรื่องนี้ตนจะยอมปล่อยให้ราชครูได้ฉายแสงกับพวกหิวความสนใจ สายตาเจ้าเมืองจับจ้องไปยังสตรีชุดแดงด้วยความกังขา นางมิใช่ชาวเมืงอของตนแน่ล่ะ..
             “รึต่อให้นางเปลือยกายเดินบนท้องถนน กฎหมายของซินเย่ยังคงคุ้มครองตราบใดที่สตรีผู้นี้อยู่ในอาณาเขตเมือง ไม่มีใครควรได้รับการลอบทำร้าย จะทางร่างกายหรือจิตใจ.. สิ่งเดียวีท่ทำให้มนุษย์ต่างจากเดรัจฉานคือความยับยั้งชั่งใจ ต่อให้คนตรงหน้าของพวกเจ้าไร้ความเคารพในตนเอง พวกเจาก็ควรเคารพพวกเขา มิใช่เพื่อใครอื่น แต่เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเจ้าเอง..”
             คำของราชครุหลิวกึกก้องไปทั่วทั้งลานการค้า คนส่วนมากคล้อยตามและเห้นด้วย วิถีแห่งเจียหลุนชางจะไม่หาตัวคนผิดแต่จะสอนให้พวกเขาเรียนรุ้จากความผิดพลาด.. แต่แน่นอน ผู้ใดทำผิดย่อมได้รับบทลงโทษที่คุ่ควร
             “นำตัวทั้งสามไป บำเพ็ญประโยชน์ที่งานเทศกาล โรงทานที่ด้านหลังคือสถานที่ๆ ดีในการขัดเกลาจิตใจ ครึ่งวันจึงออกมาได้ หากยังทำผิดซ้ำสอง.. ไม่มีโทษเบาเช่นีน้แน่ ข้าจะไม่ขัดจิตใจที่หมายจะใช้เวลาช่วงนี้เพื่อหาความสำราญ แต่อย่าให้มันมากไป..”
             โม่เสวียนพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสิน ตนไม่ต้องทำอะไรเลยคราวนี้ มีก็แต่สตรีชุดแดงที่ยังคงอยากเฉิดฉายเป้นเป้าสนใจ รอยยิ้มของเจ้าเมืองเสิ่นกระตุกอย่างงดงาม “แม่นาง.. ชุดของท่านน่าสนใจดี จริงอยู่ว่าเมืงอของข้าละเว้นเรื่องการกดขี่สตรี แต่ก็ใช่ว่าข้าจะสามารถห้ามบุรุษทุกคนที่ปรารถนาในเรือนร่างของท่าน ระวังตัวด้วย ครั้งหน้าอาจไม่โชคดีเช่นคราวนี้อีก”

         
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
-เอฟเฟคตัวละคร-
(สถาปนิก)
+2 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารพัฒนาเมือง
(เลื่อมใสศรัทธา)
+3 Point จากการโรลทำงาน
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
รวม 28 Point 55exp +30 โหด -25 ความเครียดจากการกิน
-ระบบเสริม-
-25 ความเครียดโรลทานอาหาร
+10 ชั่ว พบหัวชั่ว
+30 โหด พบหัวมาร
เอฟเฟคหลิวซีเยี่ยน
(งดงาม)
+6 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์
(ถ่อมตน)
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง
(สุขุม)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลอดทน
(เจ้าเล่ห์-เสแสร้ง)
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง
รวม 14pt 30exp
EXP ให้ซีเยี่ยน

@Watcher




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-10-13 23:59:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-10-30 23:39

-พัฒนาเศรษฐกิจช่วงเทศกาล 5 วัน Vip 2/2-
ศึกชิงทำเลทอง - ซื้ออาหาร
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
           โม่เสวียนใช้เวลาตลอดทั้งวันเพื่อจัดสรรแผงค้าขาย เขาเปิดทั้งส่วนของหอหังวานและถนนทำเลทองเพื่อการประมูลอันดุเดือดของเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่เห็นรายได้เป้นก้อนในวันแรกของเทศกาล อย่างที่ติดเมื่อชาวเมืองได้พักผ่อนและเห็นค่าของงานรื่นเริง พวกเขาก็เหมือนกับคนที่เสพย์ติดแสงสีในยามทุกข์
           ตลอดทัง้วันมีเหล่าพ่อค้าใหญ่และกองคาราวานตำนวนมากขอพบเจ้าเมือง แน่นอนพวกเขานำมาทั้งของกำนัลและสินค้าหายาก เผื่อว่าจะโชคดีถูกตาเป้นีท่สนใจของโม่เสวียนและกลายมาเป็นตัวเต็งในการประมูลพื้นที่ตั้งแผงแน่นอน โม่เสวียนไม่มีทางปฎิเสธ ที่รับได้ก็รับไว้หมด ของให้เปล่าเอาเข้ายุ้งฉางไปให้แน่น ซีเยีย่นถึงกับเอ่ยชมอย่างเสียไมไ่ด้ว่า "หลักชางเจียว่าเอาไว้ พลิกวิกฤตให้เป้นดอกาส คือคุณค่าของผุ้มีปัญญา ข้อนี้เจ้าใช้ได้ดีจริงๆ"

           “จิ่วชุน วันนี้จื่อหลงจะไปกับเจ้า.. มีเขาคุม้ครองพยายามอย่าอยุ่ห่างขุนพลจ้าว รับปากมาแล้วข้าจะให้ไปเที่ยวเทศกาล” อีกมุมหนึ่งท่านเจ้าเมืองที่ทุกคนต่างอยากพบตัวกำลังกระซิบกระซาบอยุ๋กับหวางน้อยที่ดูตื่นเต้นกับงานของชาวเมืองครัง้นี้มาก
           “ได้เลย! ข้าสัญญาว่าจะไปดูดอกไม้ไฟแล้วรีบกลับ จะไม่เถลไถลเด็ดขาด ให้ข้าไปนะฮะพี่เสิ่นๆๆ” อ้อนมาตอลดทั้งวันเพียงเพื่อมีจ้าวจือ่หลงไปเป้นองค์รักษ์คุ้มกัน เหมือนส่งเด็กน้อยกับพี่เลี้ยงทัศนศึกษา เรื่องนี้ราชครุหลิวยอมลืมตาข้างหลับตาข้าง ก็เพระาว่า..
           โม่เสวียนดันไปรับปากว่าถ้าอนุญาติจะเหมาอาหารชั้นเลิศที่เขาทำในวันนี้น่ะสิ
           “ถึงกับติดป้ายไว้ว่ารับประกันความอร่อยเด็ดเจ้ดย่ายน้ำโดยราชครุหลิวเลยหรือ? ถ้าไม่เป็นจริงล่ะก็ ข้าเอาไปเทหน้าเรือนท่านได้สินะ”
           โม่เสวียนกอดอกมองเหล่าหม้อไฟวัตถุดิบแปลกตรงหน้าที่เขาสนใจมีแค่เหล่าอาหารจากปลาหิมะเพื่อเก็บไว้ให้จิ่วชุดนั่นล่ะ หลังชั่งใจพยายามจะไม่มองใบหน้าอันทรงสเน่ห์อย่างร้ายกาจของอีกฝ่ายแล้วควักเงินออกมาวางหน้าแผงโดยดี จุ่ๆ ซีเยีย่นกลับคว้ามือคุ่ขาวเอาไว้ กล่าวยิ้มๆ
           “กล้าก็ลอง… แต่ข้ามั่นใจเรื่องฝีมือในระดับที่ฟูเหรินในอนาคตคาดหวังได้” จิ้งจอกปีศาจฉีกยิ้มร้าย แม้เพียงครู่เดียวใบหน้าเขาก็มีีชวิตชีวาขึ้นมาก
           “ได้ๆ เอาหมดนี่ไปส่งจวนข้า.. อย่าคิดค่าส่งนะ แค่จ่ายภาษีเมืงอตัวเองก็อ่วมแล้ว!”
           แทบจะติดปีกบินหนี คนผีทะเลอยุ่ๆก็มาจับมือถือแขน! ไม่ยุ่งกบัเขาละ ไปเก็บเกี่ยวภาษีแผงลอยจากงานประมูลตลอดทัง้คืน
ขุนพลหลัก - โม่เสวียน
ขุนพลรอง - หลิวซีเยี่ยน
ซื้ออาหารซุม้ราชครู
ฮั่นเสียตุ๋น 5 200 ตำลึงทอง
ปลาหิมะนึ่งซอส 1 45 ตำลึงทอง
ซุปหัวปลาหิมะ 1 45 ตำลึงทอง
หม้อไฟฮั่นเสียเจ็ดรส 5 200 ตำลึงทอง
หม้อไฟทะเล 10 หม้อ 600 ตำลึงเงิน
หม้อไฟแปดเซียน ขายวันละ 10 หม้อ 100 ตำลึงทอง
รวม 590 ตำลึงทอง 600 ตำลึงเงิน
ภาษี 4% 24 ตำลึงทอง
รวม 614 ตำลึงทอง 600 ตำลึงเงิน
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦
-เอฟเฟคตัวละคร-
(ทะเยอทะยาน)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ)
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
(หูดี)
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
(เห็นอกเห็นใจ)
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
-2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
(นักวิชาการ)
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
(นักวางแผน)
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
รวม 21 Point 25exp
.
.
**เสริม**
+20% ความภักดีชุนพลในสังกัดเกิดความรักคุณมากขึ้น (เห็นอกเห็นใจ)
+80% ความภักดีของขุนพลคุณจะไม่แปรพักตร์
+15% เมื่อโรลเพลย์เก็บเกี่ยวทรัพยากร (นักวิชาการ-โม่เสวียน)
.
เอฟเฟคหลิวซีเยี่ยน
(งดงาม)
+6 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์
(ถ่อมตน)
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง
(สุขุม)
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลอดทน
(เจ้าเล่ห์-เสแสร้ง)
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง
รวม 14pt 30exp
.
x4.5 ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน (เจียหลุนชาง-หลิวซีเยี่ยน)
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
x4 ความศรัทธา เจ้าลัทธิ
x2 ความศรัทธา VIP

@Watcher

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เกาทัณฑ์พิชิตมังกร
ม้าฮั่นเสีย
ชุดเซิ่งชางจวิน
มุกเสวียนอู่
เสินหนงเปิ่นเฉาจิง
ตลับผงชาด
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x20
x1000
x2
x4
x1
x200
x80
x2
x2
x53
x10
x5
x1
x5
x1
x28
x70
x3
x3
x3
x5
x15
x30
x8
x2
x6
x30
x62
x101
x101
x20
x444
x50
x40
x50
x1200
x9
x30
x3
x2
x1
x104
x92
x6
x350
x12
x2
x300
x60
x60
x4
x1
x3
x2
x1
x22
x1
x980
x19
x26
x1
x14
x18
x2
x2
x5
x5
x11
x10
x230
x44
x1
x4
x2
x16
x2
x2
x10
x8
x22
x48
x6
x150
x190
x270
x300
x530
x90
x50
x50
x50
x50
x1319
x100
x450
x100
x400
x140
x3
x10
x1
x11
x100
x60
x113
x130
x30
x8
x7
x4
x12
x20
x16
x27
x26
x1150
x200
x100
x1
x1
x1280
x12
x160
x18
x120
x25
x230
x10
x10
x18
x13
x10
x9
x30
x6
x12
x10
x20
x35
x18
x8
x129
x20
x10
x4
x118
x30
x19
x5
x23
x39
x8
x7
x25
x15
x53
x217
x5
x14
x96
x3
x82
x5
x22
x7
x10
x11
x829
x7
x27
x1
x3
x11
x14
x196
x694
x129
x7
x143
x484
x22
x1
x4
x1
โพสต์ 2022-10-14 15:41:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Chenhuajia เมื่อ 2022-10-14 19:01
ยามราตรีที่ดวงดาวแข่งกันทอประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า หญิงสาวที่ใส่อาภรณ์สีขาวปักด้วยดิ้นสีเดียวกันพอให้เห็นเป็นลวดลายดอกเหมยเล็กน้อย เรือนผมสีดำดังขนนกอีกาดำเงาสะท้อนแสงจันทราถูกรวบในอยู่ทรงหางม้าสูงโดยมีเครื่องประดับเล็กๆน้อยๆปักอยู่ตรงที่รัดผมให้พอเข้ากับเครื่องแต่งกาย รองเท้าขาวดูเรียบง่ายแต่ไม่ได้อยู่ในรูปดอกบัวเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆ เพราะตัวเจ้าของอย่างเสมียนสาวนั้นไม่มีบิดามารดาคอยมาควบคุมความงามของตนเองว่าต้องเป็นแบบใด จึงมีความงามเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว คือไม่ต้องเหมือนงดงามเหมือนผู้ใดให้ทรมานกายาตัวเอง และหญิงสาวผู้มีความงดงามเป็นของตนเองก็มาคู่กับเด็กน้อยผู้หนึ่งที่อยู่ในชุดอาภรณ์คู่กันกับตนแต่เพียงมีทรงผมที่ต่างกัน เด็กน้อยมาเลย์ทรงผมที่รวบเพียงครึ่งหัวแล้วมัดเบาๆด้วยผ้าสีขาวผืนเล็กดูน่ารักสดใสตามวัยเป็นอย่างมากทานให้คนที่แต่งตัวให้หอมแก้มอย่างเอ็นดู







“ เฟิงเฟิงของข้า เหตุใดเจ้าจึงน่ารักเช่นนี้~ ”







“ อ๊ะ-— พี่สาวข้าหายไม่ออกกกกก ”







เด็กสาวดันตัวของผู้ที่โตกว่าออกด้วยความยากลำบาก ส่วนผู้ถูกดันออกนั้นหัวเราะคิกคักก่อนจะปล่อยตัวของเด็กน้อยไปก่อนที่นางจะตายเพราะหายใจไม่ออกเสียก่อน







ตอนนี้เด็กสาวทั้งสองคนกำลังอยู่ในซอกมุมตึกเมื่อจากต้องมาเปลี่ยนอาภรณ์ในที่ลับเพราะถ้าไปเปลี่ยนต่อหน้าผู้คนก็คงจะมีงามอย่างมากแน่ๆ จึงต้องมีอยู่ในซอกตึกแบบนี้แทน แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีแล้วท่าทางที่ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่ก็เผยออกมาจากตัวเสมียนสาว นางอยู่ในท่าทางที่ยืนหลังตรงไหล่ผายออก ใบหน้าอยู่ในองศาที่กำลังดี ยามก้าวเดินก็ไม่ได้สั้นหรือยาวจนเกินไปและควบคุมความเร็วในการเดินได้เป็นอย่างดีให้สมกับเป็นข้าราชบริพารของแผ่นดินอย่างสง่างามแลมีราศี ส่วนผู้ที่อายุน้อยกว่านะก็อยู่ในท่าทางที่ค่อนข้างดีพอสมควรเช่นกันแต่ก็ยังดูเก้ๆกังๆอยู่บ้างเนื่องจากฝึกกิริยามารยาทมาได้เพียงไม่นาน ต่างจากผู้ที่โตกว่าที่ฝึกมานานเนื่องจากต้องดิ้นรนหางานเพื่อเลี้ยงชีพตนเอง จะทำสิ่งต่างๆเป็นหลายอย่างจึงมิแปลกเสียเท่าใด คงจะแปลกเสียมากกว่าถ้าทำไม่เป็น







และค่อนข้างน่าภูมิใจที่ตอนนี้มีผู้คนเหลียวมองเวลาที่เสมียนสาวเดินผ่านอย่างสง่างาม แต่ในขณะที่ตัวเจ้าของที่ถูกสายตาจดจ้องมานั้นไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยนางคิดไปอยู่ว่าวันนี้จะพาเจ้าตัวน้อยไปกินสิ่งใดดี ร้านนั้นก็น่ากินร้านนี้ก็ดูน่าอร่อย รวมๆแล้วในหัวมีแต่เรื่องของกินไม่มีเรื่องอื่นแม้แต่น้อย ก็นะมางานเทศกาลก็ต้องเดินหาของอร่อยเป็นเรื่องปกตินี่นา แล้วสายตาคู่คมก็เหลือบไปเห็นร้านขนมชื่อดังแปะป้ายประกาศตัวใหญ่ๆไว้ ซึ่งเหมือนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการคิดไส้ขนมเยว่ปิงขึ้นมาใหม่ ดูแล้วเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจดี อีกอย่างคงสร้างความสนุกให้เด็กน้อยที่เดินมาเคียงข้างตนได้อย่างแน่นอน







“ เฟิงเฟิงตรงนั้นมีกิจกรรมสนุกน่าทำอยู่เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่ ”







“ ไปสิเจ้าคะ ! ”







ผู้เป็นเด็กน้อยยิ้มร่าอย่างสดใสเนื่องจากตนอยากจะพยายามกิจกรรมนั้นตั้งแต่ผู้เป็นนายยังไม่เห็นเสียด้วยซ้ำแต่ก็ไม่กล้าบอกว่าตนอยากไปเนื่องจากตัวเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเรียกร้องอะไรได้ ในขณะที่ผู้เป็นนายที่นางว่านั้นตามใจนางไปเสียทุกอย่างอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า ผู้เป็นหญิงสาวอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาแล้วเดินแทรกผ่านเราผู้คนที่มุงกันหน้าร้านเต็มไปหมดอย่างยากลำบาก ผู้คนต่างชิมขนมเยว่ปิงไส้ใหม่ๆกัน ในขณะที่หญิงสาวมีเป้าหมายในการที่จะเสนอใส้ใหม่มากกว่า







แต่เมื่อหันไปอ่านกฎกติกาตนเองต้องไปหาคนที่สามารถทำขนมเยว่ปิงได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะตนเองทำเป็นอยู่แล้ว ถึงขั้นเคยทำขายเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่ว่าก็ต้องเดินออกไปซื้อวัตถุดิบอยู่ดี หญิงสาวเสื้อผ้าเด็กน้อยเดินออกไปจากฝูงชนที่มุงกันชิมขนมอย่างครึกครื้นก่อน แล้วเดินไปหาซื้อวัตถุดิบทั้งหมดอย่างเสร็จสรรพส่วนเครื่องมือประกอบการทำอาหารทางร้านเขาเตรียมไว้ให้อยู่แล้วจึงโชคดีหน่อยที่ไม่ต้องซื้อ ส่วนราคาของต่างๆก็ได้ในราคาที่ถูกขึ้นมาด้วยความสามารถในการต่อราคาอีกด้วย [ UwU ]







โดยไส้ที่เธอคิดจะเสนอและทำใหม่มันก็คือไส้หมางกั่วกวน(มะม่วงกวน) จากนั้นเธอก็ขออนุญาตเข้าไปในครัวของร้านขนมหวานชื่อดังนั้น พวกเขาทำการเก็บของอะไรให้เรียบร้อยก่อนที่จะให้หญิงสาวเข้าไปทำขนม







โดยขั้นตอนแรกที่จะทำคือทำตัวไส้ก่อน โดยการนำมะม่วงที่สุกงอมเรียบร้อยแล้วมาหลอกเปลือกออกแล้วหันเนื้อข้างในเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นก็ต้องหม้อขนาดใหญ่แล้วใส่เนื้อหมางกั่วที่ถูกล้างให้ยางออกหมดก่อนนางทำการกวนไส้จนเหนียวหนืดพอใช้ได้แล้ว จึงนำออกจากหม้อไปพักใส่ชามไว้ก่อน ส่วนต่อไปคือส่วนแป้งของขนมเยว่ปิงตามสูตรของเสมียนสาวนั้นแป้งจะมี 2 ส่วน มีส่วนผสมต่างๆดังนี้ แป้งส่วนแรกจะใช้ น้ำตาลทรายแดง น้ำเปล่า น้ำมะนาว แป้งพัดโบกและน้ำเชื่อม ส่วนที่สองใช้ น้ำด่างและแป้งพัดโบกเท่านั้น อย่างแรกก็เทน้ำตาลและน้ำเปล่าลงกระทะ เมื่อน้ำตาลเริ่มละลายบีบน้ำมะนาวลงไป แล้วตั้งไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ประมาณ 3 เค่อโดยไม่คนน้ำเชื่อม เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลตกผลึก เมื่อน้ำเชื่อมเข้นข้นได้ที่ ตั้งพักทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นเริ่มผสมแป้ง โดยการผสมน้ำเชื่อม น้ำมัน และน้ำด่างเข้าด้วยกัน แล้วใส่แป้งส่วนที่หนึ่งลงไปผสมให้เข้ากัน ก่อนจะพักแป้งไว้เป็นเวลา 2 เค่อแล้วเติมแป้งส่วนที่สองลงไปผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมแป้งเข้ากันดีแล้ว แบ่งแป้งปั้นเป็นก้อนกลม หญิงสาวใส่ไส้ขนมลงไปก่อนใช้มือปั้นให้รูปร่างโดยรวมเป็นรูปดอกไม้ที่มีกลีบเท่ากันส่วนด้านล่างกับด้านบนยังคงเรียบอยู่จากนั้นนางก็นำมีดมากรีดแป้งให้เป็นลวดลายดอกกุ้ยฮวาที่มีหนามอยู่รอบตัวดอกก่อนจะกรีดส่วนที่เป็นกลีบดอกไม้ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ให้เหมือนเป็นชั้นไม่เท่ากันอย่างสวยงาม เมื่อทำครบทุกชิ้นแล้วก็นำทุกชิ้นใส่หม้อนึ่งที่เตรียมน้ำไว้อยู่แล้วแล้วทำการนึ่งทิ้งไว้เกือบ 1 ชั่วยาม ก็จะได้ขนมเยว่ปิงที่มีความนุ่มละมุนลิ้นไส้มีความหวานในตัวอยู่เล็กน้อยออกเหนียวๆกลิ่นผลไม้จากไส้จะหอมรัญจวนเป็นอย่างมาก







“ เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ลองนำไปชิมกันเถิด ”







แต่เมื่อมองไปที่ดวงจันทร์แล้วพบว่าทิศทางของมันใกล้จะถึงเวลาในการเริ่มการแสดงที่ชมได้ฟรีแล้วจึงรีบวิ่งออกไปโดยอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมอก แต่การวิ่งนั้นก็ยังคงท่าทีที่สง่างามอยู่เช่นเดิม







“ รีบไปไหนหรือเจ้าคะพี่สาว!? ”







“ ใกล้ถึงการแสดงที่ชมฟรีของเทศกาลนี้แล้ว เราต้องรีบไปหน่อย ”







พูดจบก็เล่นฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม จนมาถึงที่หมาย ก็พบว่าการแสดงยังคงไม่เริ่มขึ้นจึงโล่งใจเล็กน้อยแล้วไปนั่งรออยู่กับผู้คนแถวๆนั้นอย่างเรียบร้อย แต่จู่ๆก็มีชาวบ้านผู้หนึ่งเดินเข้ามาทักทาย







“ แม่หนู มานั่งอะไรตรงนี้เล่า ค่ะจะมาชมการแสดงไปนั่งดื่มชากินขนมตรงนั้นกันดีกว่าหนา มาๆตามข้ามา ”







จากนั้นหญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็เดินนำเด็กสาวทั้งสองไปที่โรงเตรียมแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างมากนอกจากนี้ผู้คนยังคงนั่งคุยกันอย่างสนุกสนานเต็มไปหมดพวกเธอโชคดีได้ที่นั่งริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นการแสดงได้อย่างชัดเจน จากนั้นด้วยความที่เด็กสาวทั้งสองมีหน้าตาที่สวยงามและน่ารักเป็นอย่างมากจึงมีผู้ใหญ่หลายๆคนเข้ามาทักทายกันเป็นปกติ แต่เหมือนจะมีหญิงสาวผู้หนึ่งที่ดูจะไม่พอใจพวกนางเป็นอย่างมากก็ไม่รู้เพราะเหตุใดหรืออย่างไร นางเดินเข้ามาพร้อมพูดแซะแซมอย่างไร้มารยาท







“ ก็แค่หญิงสาวบ้านนอกสองคนพวกเจ้าจะตื่นเต้นอะไรนักหนา แต่งลำนำก็คงแต่งไม่เป็นเลยกระมัง ต่างจากข้าที่เป็นถึงนางขณิกาเหตุใดไม่มาสนใจข้ากันแทนเล่า ”







“ นี่! อย่ามาว่าพี่สาวข้านะ ! ”







เด็กสาวผู้เด็กกว่าและยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้กล่าวขึ้นมาอย่างโมโหจนเหมือนควันแทบจะออกหู และใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ







“ ใจเย็นเฟิงๆ ”







ฮวางเจี๋ยพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์ที่ยังคงสงบนิ่งแล้วไม่กระทบกระเทือนอะไรกับคำสบประมาทของอีกฝ่าย ดวงตาคมที่ฉายความเย็นชาและสุขุมออกมาในเวลาเดียวกันเปรยตามองอีกฝ่ายแบบนิ่งๆ







“ แล้วท่านเป็นใครหรือ ก่อนจะออกจากบ้านมาบิดามารดามีได้สั่งสอนหรืออย่างไรว่าสิ่งใดควรพูดออกมา คำสุภาษิตที่ว่า ‘ อย่าใช้ปากนำความคิด ’ ไม่มีใครสั่งสอนเลยหรือ จะพูดอย่างไรก็ได้เลยหรือไม่กลัวแล้วกระมัง ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใด ท่านเป็นเพียงนางขณิกาชื่อดังข้าเป็น “ มรรตยผู้ช่วย ” แห่งเมืองโผหยางข้ายังมิอวดเก่งอันใดเลย ส่วนเรื่องแต่งลำนำข้าเป็นขุนนางข้าย่อมแต่งเป็นเจ้าจะดูหน่อยไหมเล่า ”







ถึงแม้ภายนอกจะเป็นคนที่ดูสุขุมสงบนิ่งแค่ไหนแต่ความดื้อรั้นในตัวตั้งแต่สมัยยังเด็กจนโตก็ยังไม่เคยห่างหายไปจากจิตใจ ก็คงต้องปะทะปากกันสักตั้งหนึ่งแล้วล่ะ







“ ได้!! นำกระดาษมาให้นาง!! คาถาเจ้าให้แต่งลำนำเสภาหากเจ้าทำได้ข้ายอมคุกเข่าให้เจ้า ฮึ! ”







จากนั้นก็มีเสี่ยวเอ้อร์คู่หนึ่งนำกระดาษและพู่กันพร้อมที่ฝนหมึกมาให้ตน หญิงสาวก็ทำการฝนหมึกพร้อมครุ่นคิดอยู่สักพักว่างจะเขียนสิ่งใดดีแต่เนื่องจากเทศกาลนี้เป็นเรื่องราวของความรักถ้าเขียนเกี่ยวกับความรักก็คงดีไม่น้อย ระหว่างการเขียนนางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลน่าฟัง







“ ดวงจันทร์ทอลาย







     ประกายฟ้ายามค่ำคืนสงบ







              ครึ่งซีกดวงใจนั้นประจบ







                  ดูจักคบตบจิตคิดไฉน ดวง







                                 ใจข้าเพื่อท่านผู้เดียว ”







หญิงสาววางพู่กันลงโดยมีเสียงปรบมืออยู่รอบข้าง แม้จะไม่ได้ไพเราะอะไรมากมายแต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปการแต่งลำนำก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย







“ ไหน.. คุกเข่าให้แก่ข้า บัดเดี๋ยวนี้ ”







น้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนจากนุ่มนวลฟังแล้วสบายหูเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างราวกับภูเขาใหญ่ สายตาคมเฉี่ยวเรากับใบมีดที่จะฆ่าผู้ถูกจ้องมองพอประกายออกมาจากแววตานั้น ก่อนที่หญิงสาวผู้นั้นจะวิ่งหนีออกไปโดยไม่ยอมคุมเข้าให้ตนเอง แต่นางนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้นางขณิกาผู้นั้นวิ่งหนีไปเสียอย่างไรตนก็ไม่ได้อะไรจากการคุกเข่าของนางอยู่แล้ว







“ ฮ่าๆ ถ้าไม่คิดว่าแม่หนูจะต่อปากต่อคำกับนางขณิกาผู้นั้นได้ นางเป็นคนที่ปากจัดมากไม่ค่อยมีใครอยากจะต่อปากต่อคำกับนางเชียวล่ะ ”







จากตอนแรกที่ทุกคนเงียบไม่กล้าพูดก็กลายเป็นว่าหัวเราะอย่างสะใจเมื่อนางผู้นั้นโดนตบหน้ากลับไป







“ ใช่ๆ แม่หนูเจ้าเก่งมากสามารถเป็นขุนนางได้แถมยังแต่งลำนำได้อีก ช่างสุดยอดยิ่งนัก ”







“ ฮึฮึ..ไม่ขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ ขอบน้ำใจเป็นอย่างมากสำหรับคำชม ”







หญิงสาวพูดอย่างถ่อมตัวถึงแม้ในใจจะอวดเบ่งตัวเองไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากต้องรักษาท่าทีไว้จึงแสดงเป็นเด็กสาวผู้สุภาพเรียบร้อยแทน







“ พี่สาวสุดยอด ”







เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูที่มาจากเด็กสาวทำให้จิตใจของหญิงสาวนุ่งฟูขึ้นมาทันที ทำไมเด็กน้อยผู้นี้ช่างน่ารักเหลือเกินไม่เสียแรงจริงๆที่เก็บมาเลี้ยงไว้ นางคิดในใจอย่างมีความสุข แต่ไม่นานนักการแสดงที่แสนงดงามก็เริ่มขึ้น







นางเอกของเรื่องที่นำมาแสดงช่างงดงามหยดย้อยเป็นอย่างยิ่งท่านเจ้าเมืองสามารถคัดคนที่สวยงามขนาดนี้มาเป็นนักแสดงได้อย่างไรกันนะ การแสดงที่เต็มไปด้วยความอ่อนช้อยความรัก ความเศร้า ความสุขและอีกหลากหลายอารมณ์แลดูเป็นการแสดงที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก ในยามที่ดวงจันทราทองประกายอยู่กลางท้องฟ้าการแสดงก็ยังคงดำเนินอยู่ต่อไปทุกคนล้วนมีความสุขในค่ำคืนนี้รวมถึงตัวนางเองด้วย เมื่อการแสดงจบลงเสียงปรบมือจากรอบทิศทางดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว จากนั้นทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านรวมถึงตัวของเด็กสาวทั้งสองก็ต้องหาที่พักพิงในยามค่ำคืนนี้ด้วย







แต่ไม่คาดว่าจะมีโจรมาอีกแล้ว !! ช่วงนี้โจรเยอะไปเสียทุกเมืองรวมถึงเมืองแห่งนี้ก็ด้วยมีหญิงสาวผู้หนึ่งถูกโจรกระชากย่ามเงินไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวผู้ฝึกวิชายุทธมาก็ต้องวิ่งตามไปแต่ตัวหลักในครั้งนี้ไม่ใช่ตัวของเสมียนสาวหรอกนะแต่เป็นตัวของเด็กน้อยที่ตามมาต่างหากนางขัดขาโจรไว้ได้ทันในขณะที่ผู้โตกว่าเป็นคนไล่ล่า นึกแล้วก็ภูมิใจนางสามารถเก็บคนที่มีความสามารถแบบนี้มาได้ช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่งนักจากนั้นก็มีทหารลาดตระเวนมาจับกุมโจรผู้นั้นไป พร้อมกับหญิงสาวและเด็กสาวอีกหนึ่งคนคืนถุงย่ามให้กับผู้โดนปล้นไป ก่อนที่จะได้ไปหาที่นอนพักจริงๆในคืนนี้







ยามที่แสงจันทราทองประกายผมสีดำทมิฬถูกปล่อยให้เป็นอิสระเครื่องหัวทั้งหมดถูกปลดลงอาภรณ์ในเวลานอนคนปกติอาจจะใส่ให้บางลงแต่สำหรับหญิงสาวแล้วต้องใส่ให้หนาขึ้นเนื่องจากเป็นคนขี้หนาวอย่างมาก นางกับเด็กสาวที่ติดตามมาด้วยนั้นนอนในห้องเดียวกันเหมือนเคยก่อนหน้านี้พวกนางนั้นไปชำระร่างกายที่บ่อน้ำใกล้ๆมาก่อนแล้ว จึงทำให้ไม่ได้รู้สึกสกปรกหรือเหนียวตัวอะไร







“ วันนี้ข้าสนุกมากเลยเจ้าค่ะ ! ”







เด็กสาวผู้อายุน้อยกว่าอื่นยังร่าเริงในขณะที่หญิงสาวคู่โตกว่ากำลังสางผมให้







“ ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว เด็กน้อยอย่างเจ้าต้องมีความสุขมากๆนะ ”







เพราะยามที่หญิงสาวยังเด็กกว่านางมากก็ต้องทนทุกข์ระทมจากความไม่เท่าเทียมและไม่มีบิดามารดามาอย่างแสนสาหัส สาเหตุที่ตนนั้นเก็บเด็กน้อยคู่นี้มาเลี้ยงเนื่องจากเหมือนเห็นตัวเองในตอนวัยเยาว์ก็มิปาน แต่ถ้าตนเองสามารถทำให้เด็กน้อยผู้นี้มีความสุขไม่ต้องทนทุกข์ระทมเหมือนตัวเองตอนเด็กๆแล้วก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆเลยล่ะ รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนถูกส่งมอบให้กับเด็กน้อยที่กำลังนั่งยิ้มร่าอยู่โดยที่เด็กน้อยนั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยช่างน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง คิดแล้วก็หอมแก้มไปสัก 1 ฟอดก่อนเข้านอนนี้ก็หวังว่ากลียุคที่จะมาถึงคงไม่ทำให้รอยยิ้มของเด็กน้อยผู้นี้จางหายไปแล้วกัน.. จากนั้นพวกเขาก็เริ่มเข้านอนกันอย่างมีความสุขหญิงสาวลูบหัวร้องเพลงด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแม้จะไม่ได้ไพเราะอะไรมากมายก็ตามแต่ก็ทำให้เด็กสาวที่นอนอยู่นั้นหลับสนิทอย่างสบายใจได้ ก่อนที่หญิงสาวจะเข้าสู่ห้วงนิทราตามไปด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้างาม ส่วนในยามค่ำคืนที่เงียบสงบนี้ที่ฟังดูจะมีความสุขมากมายเกิดขึ้นทว่าพวกโจรนั้นซุ่มเงียบอยู่เลยสถานที่ต่างๆมากมายรอให้หญิงสาวกลับเมืองก่อนเถอะ จะไปฝึกทหารให้ว่องแล้วมาปราบให้อย่างไวเอาให้ ถึงขนาดที่ในเรื่องความฝันนั้นยังฝันว่าได้ฝึกทหารเชียวล่ะ เพราะว่าระหว่างเดินทางมาพวกมันขัดขวางเส้นทางในการเดินทางไว้อย่างมากไปทำภารกิจก็ต้องอ้อมไปตั้งไกลเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอพวกมันอีกข้างหน้าหงุดหงิดยิ่งนัก



---------------------------------------



พอเพียง | +2 Point ทุกครั้งที่โรลบริหารเงิน ไม่ซื้อเหมาทั้งหมดในร้านค้าหรือจำนวนมาก อาทิ สินค้าขาย 10 หน่วย ซื้อ 6 หน่วย ต้องซื้อต่ำกว่าครึ่ง



ดื้อรั้น | +5 EXP & 5 ศรัทธา ทุกครั้งที่โรลช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดนอันธพาลรังแก ไร้ข้าวกิน



ขยัน | -20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง



+4 Point ทุกครั้งที่ทำงานช่วยเหลือผู้มีคุณสำเร็จของหยางเฟิง




---------------------------------------


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
เตากำยาน
เบ็ดตกปลา
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x4
x1
x1
x2
x10
x1
x1
x1
x9
x2
x4
x4
x8
x4
x9
x1
x4
x55
x50
x20
x8
x5
x10
x8
x3
x1
x6
x7
x4
x36
x1
x60
x47
x61
x52
x1
x3
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้