[นอกเมืองอันอี้] เขาไป๋สวิน

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-8-23 19:05:01 |โหมดอ่าน



เขาไป๋สวิน
{ นอกเมืองอันอี้ }








อยู่ห่างจากเมืองอันอี้ทางตะวันตกแปดร้อยลี้ รายล้อมธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ตลอด
พลัดเปลี่ยนผลิใบงดงามในฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ที่นี่จะไม่ออกดอกเพียงหนึ่งฤดูเท่านั้น
นั่นคือ ฤดูใบไม้ผลิ จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่ หินผาสูงรูปวงรีสลับทับซ้อนสามารถขึ้นไป
ยืนชมวิวทิวทัศน์เชยชมบรรยากาศท่ามกลางพงไพรขุนเขา
แต่ไม่มีทางขึ้นยกเว้นเสียแต่ต้องปีนป่าย บางวันหากใครวาสนาดี
จะพบรุ้งกินน้ำที่โผล่ออกมาแล้วคนที่พบเห็นจะเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดอาทิตย์
ลำธารเชื่อมต่อจากแหล่งน้ำขัดเกลาจิตใจนั่งตกปลาชิว ๆ ชิค ๆ ได้ไร้อันตราย





โพสต์ 2021-8-31 16:37:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

      
จางหน๊งสวมเสื้อคลุมสีดำมุ่งหน้ามาจากบ้านสกุลสวินเพื่อใช้เส้นทางนอกเมืองอันอี้เพื่อที่จะมานั่งศึกษาข้อมูลบางอย่าง เขานั้นเดินผ่านสายฝน เสียงเมฆฟ้าฝนมืดคลึ้ม พร้อมเสียงฟ้าร้องดังเป็นระยะ
~เปรี้ยงๆ~~~~



   ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเริ่มดังขึ้นมาพร้อมเสียงชักดาบ อยู่ในหมอกฝน ที่มิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ พุ่งฟาดฟันขวานออกมายังสายหมอก

จางหน๊งตั้งตัวแทบไม่ทันเขาจึงใช้ ระบำเพลิงสุริยัน ระบำ ไฟแปดทิศ//ฟันดาบอย่างต่อเนื่องรอบๆหลายๆทิศทางตนเองเพื่อป้องกันตนเอง
ทำให้ปะทะกันเกิดการต่อสู้  ปะดาบกันไปมา
จางหน๊งจึงไม่ลีรอ ได้ล่นถอยออก พร้อมทั้งใช้กลอุบาย หยิบเศษดินโคลนปาใส่หน้านาง เพื่อขัดการมองเห็นศัตรูและใช้โอกาศให้อีกฝ่ายโดนโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวพร้อมทัังปะทะกันต่อ จน จางหน๊งได้พลาดท่า เพียงแค่1ก้าว ดาบก็ชี้มาที่หน้าจางหน๊ง เขาจึงแอบซาดิส ใช้มือรูดใบมีดดาบของอีกฝ่ายให้เกิดเลือดที่มือ พร้อมทั้งเลียเลือดตนเอง ที่ฝ่ามือ
"ข้าหน่ะแพ้แล้ว ไวเสียจริง"

       "นายฝีมือไม่เลวเลยนะ แฮ่กๆ" เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายก่อนจะทักขึ้น "ฝีมือเช่นเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการ"

       จางหน๊งรู้สึกไม่ถูกชะตากับแม่นางคนนี้เพราะคำถาม ที่ถามมานั้นไม่เข้าหูสะเสียจริงมันช่างหงุดหงิดสิ้นดี

"คนอย่างข้าหน่ะหรอจะรับใช้พวกบ้านั่นไม่มีทางซะหรอกที่ข้าจะรับใช้พวกง่าวนั่น ข้าผู้แสวงหาอำนาจของข้ามิชอบให้ใครมาบังคับ เจ้าหน่ะอย่าถามคำถามอะไรที่ไม่เข้าหูซะเหลือเกิน"


        "งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา เธอไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา "ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

       "เจ้าจะรู้ไปทำไม เจ้ารู้ไปเจ้าช่วยข้าได้หรอไง เอาเป็นว่า ข้าไม่ใช่พวกบ้าพวกทางการราชสำนักอะไรบ้านั่นหรอก มันไร้สาระ"จางหน๊งรู่สึกหงุดหงิดเล็กน้อย


   
       "ข้าแช่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง" เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย

       "ข้านั้นจาง เรียกว่าจางก็พอ ข้าก็จะแนะนำที่ข้าอยากให้ท่านรู้จักเพียงเท่านี้"

       "แล้วคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ" เจิ้งหลันเหย่อีกฝ่ายพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ

       "เจ้าจะใช่หรือไม่ใช่มันก็เรื่องของเจ้าเเล้วข้าก็ไม่อยากรู้ว่าเจ้านั้นเป็นใครมาจากไหนเพราะเจ้าไม่ใช่ศัตรูของข้า"

       "เจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊" เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก "ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า"

       จางหน๊งได้ตั้งใจฟังเสียงที่อีกฝ่ายบอกถึงเสียงดังกล่าวอย่างตั้งใจ

       "ลองตั้งใจฟังสิ"

       "แล้วไหนละเสียงที่เจ้าพูดถึง ข้าไม่เห็นได้ยินเลย เจ้าหลอกข้าสินะ"

       "เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว
  
จางหน๊งจึงตอบกลับไปว่า
"แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าเป็นหมอสัตว์งั้นหรอถึงคุยกับพวกมันรู้เรื่อง หรือเป็นนักภาษาสัตว์กันแน่ "
      
       "ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น..." เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ

      "สามปีมานี้เธอช่างคุ้นเคยกับที่นี่สะเหลือเกินสินะเธอคงได้รับรู้อะไรจากธรรมชาติมากมาย"


       "พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้" เจิ้งหลันหันมามองอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม

       "ข้าก็จะไปตามเส้นทางเริ่มต้นข้า ข้าจะทำไรก็เเล้วเเต่ข้า แต่อย่ามาเป็นศัตรูข้าละกัน โลกใบนี้มีอะไรน่าค้นหาอีกมากมาย ไม่เพียงแต่อำนาจและความถูกต้อง นะเเเม่นางเจิ้งที่รัก"

       เจิ้งหลันมองอีกฝ่ายที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา "เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็...." ก่อนเธอจะร้องเพลงกล่าวต่ออีกฝ่าย
       "โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า" เธอร้องเพลงมอบให้อีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา "ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม..."

       จางหน๊งยืนฟังอีกฝ่ายร้องเพลงพร้อมทั้งรู้สึกไพเราะสิ้นดี เพราะไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้มาก่อน

       "อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง" เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัวชายหนุ่ม ท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ

       จางหน๊งได้รับรู้สึกเคลิ้ไปชั่วขณะในระหว่างที่อรกฝ่ายได้ร่ายรำรอบตัวของตน

       "ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน..." เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา "ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.."

       สายตามองไปรอบๆอีกฝ่ายพร้อมทั้งตั้งใจฟังที่เขานั้นร้องเพลงให้ฟังช่างไพเราะเสนาะหูสะเสียจริง


       "จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ" หญิงสาวคว้าข้อมือคุณพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม "ได้สุดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว"

       "ชีวิตของข้าหรือของเจ้า เจ้าหมายความว่ายังไง"

       "นี่แหละชีวิตข้าไดเ้ริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่!" เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ "อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร"

       "การนำพาประชาชนผู้คนบริสุทธิ์พ้นจากภัยอันตรายจากสงครามการดูแลประชาชนโดยเท่าเทียมการช่วยเหลือประชาชนและคนยากจนปราบราชการผู้โกงกินเอารัดเอาเปรียบแผ่นดินเพื่อเสรีภาพแก่ประชาชนของแผ่นดิน"

       "งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ" เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป "หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย มาหาข้าที่นี่ได้" หญิงสาวโบกมือก่อนกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก

     
       จ๊างหน๊งพบเจอถุงเงินกับกระเป๋าใบเล็กในพุ่มไม้ของใครไม่รู้ ทำให้รู้สึกเสมือนยืนงงในดงตีน


ลักษณะทะเยอทะยาน
+2 การโรลต่อสู้
+2การโรลใช้กลอุบาย

ลักษณะซาดิส
+4ดวลแพ้คู่ต่อสู้
+2การโรลใช้กลอุบาย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดดำ
ตำราขงจื้อ
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
เตากำยาน
ดาบใบหลิว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x1
x1
x10
x8
x6
x3
x28
x4
x5
x1
x3
x3
x3
x15
x1
x6
x6
x70
x2
x2
x6
x9
x2
x2
x6
x7
x31
โพสต์ 2021-9-4 21:20:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tienlong เมื่อ 2021-9-4 21:47

       เทียนหลงหลังจากที่ได้แม่นางเพ่ยเอ๋อห์มาร่วมเดินทาง ตอนนี้เขาก็เริ่มร่อนเร่ไปเรื่อยๆจนมายังเขตซีเหอจนมาถึงกับพื้นที่ใกล้เคียงเมืองอันอี้นั่นคือเขาไป๋สวินที่เขาได้ขึ้นมาเรื่อยๆ

       สายตาของชายหนุ่มเริ่มหันซ้ายหันขวามองหาเส้นทางแต่แล้วในขณะที่กำลังมองอยู่นั้น เขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่พุ่งมาหาตนจึงรีบกระโดดลงจากมาเพื่อมารับการโจมตีนั้นด้วยใบดาบของตน

       "เธอเป็นใครกัน!!" เทียนหลงกล่าวขึ้นมาทันที่ที่รับการโจมตีสายตาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายที่เป็นผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังปะทะกับตนอยู่

       "นายฝีมือไม่เลวเลยนะ แฮ่กๆ" เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายก่อนจะทักขึ้น "ฝีมือเช่นเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการ"

        "ข้าไม่ใช่พวกราชการ ข้าแสวงหาเส้นทางที่จะนำข้าสู่การเป็นใหญ่ต่างหาก!!" เทียนหลงกล่าวขึ้นพร้อมกับทรงแรกกะแทกอีกฝ่ายจนถอยหลังไป

        "งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา เธอไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา "ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่"

       "ข้าในตอนนี้นั้นร่อนเร่ไปทั่วมิได้มีจุดหม่ายที่แน่ชัด เขาเเห่งนี้ก็เป็นเพียงแค่เส้นทางที่มาอย่างไร้จุดหมายเท่านั้น" เทียนหลงพลันกล่าวขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเก็บอาวุธก็พลันเก็บบางด้วยท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อย เขานั้นรู้สึกไม่ชอบนางผู้นี้เป็นอย่างมากแถมยังไม่ยอมถามอะไรดันกลับมาโจมตีตนก่อนเสียอีก!!

       "ข้าแช่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง" เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย

       "ถ้าเจ้าบอกแซ่ ข้าก็จะบอกแซ่ ข้าแซ่เทียน" เทียนหลงกล่าวออกมาพร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง แต่แล้วเทียนหลงก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ "เจ้าใช่โจรที่กำลังมีชื่อเสียงตอนนี้หรือไม่"

       "แล้วคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ" เจิ้งหลันเหย่อีกฝ่ายพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ

       "ชั่งเหอะ ข้าไม่สนใจมันหรอก" เทียนหลงรีบกล่าวออกมาหลังจากที่อีกฝ่ายพูดมาเช่นนั้น

       "เจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊" เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก "ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า"

       "ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย" เทียนหลงพลันเลิกคิ้วขึ้นในขณะที่กำลังกล่าว

       "ลองตั้งใจฟังสิ"

       "ได้ข้าจะลอง" เทียนหลงเริ่มตั้งใจฟังอีกครั้งแต่เขาก็ยังไม่ได้ยินสิ่งใด "ข้ามิได้ยิน"

       "เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว

       "ทำไมมีแค่ข้า ทั้งที่เจ้าดูป่าเถื่อนกว่าข้าเยอะ" เทียนหลงกล่าวออกมาอย่างประชดประชัน

       "ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น..." เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ

       "นับแต่อะไร??" เทียนหลงกล่าวถามด้วยความสงสัยในเมื่อหญิงผู้นี้มิยอมกล่าวต่อ

       "พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้" เจิ้งหลันหันมามองอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม

       "ข้าจะเริ่มจากการล้างแค้นเจ้าพวกโพกผ้าเหลือง เพราะมันข้าจึงต้องศูนย์เสียทุกอย่าง แต่นั่นก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น..." เทียนหลงกล่าวออกมาด้วยแววตาโกรธแค้น

       เจิ้งหลันมองอีกฝ่ายที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา "เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็...." ก่อนเธอจะร้องเพลงกล่าวต่ออีกฝ่าย

       "โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า" เธอร้องเพลงมอบให้อีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา "ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม..."

       "ข้ามิกล้า" เทียนหลงกล่าวออกมาให้สอดคล้องกับทำนองของนาง

       "อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง" เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัวชายหนุ่มและหญิงสาว ท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ

       "ข้าไม่ลอง

       "ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน..." เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา "ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.."

       "ข้าขี้เกียจ!" เทียนหลงกล่าวเนื้อทำนองทุกอย่างโดยตรงข้ามอีกฝ่าย เขานั้นรำคาญเป็นอย่างมากที่จู่ๆอีกฝ่ายคิดจะร้องเพลงก็ร้องออกมาโดยไม่ถามสุขภาพจิตของเขา

       "จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ" หญิงสาวคว้าข้อมือคุณพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม "ได้สุดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว"

       เทียนหลงเมื่อตนถูกคว้ามือไปก็พลันคว้ามือของเพ่ยเอ๋อห์ตามตนไปด้วยด้วยความเป็นห่วงกลัวจะไกลห่างกันเกินไป...

       "นี่แหละชีวิตข้าไดเ้ริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่!" เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ "อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร"

       "ทำไมข้าต้องบอกเจ้า?" เทียนหลงกล่าวพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในสายตาคู่นั้น

       "งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้ละกัน!!" เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป "หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย ก็อย่ามาหาข้าที่นี่แล้วกัน" หญิงสาวกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก

       "ดีข้าก็มิอยากเจอกับเจ้า!!" เทียนหลงเดินไปยังม้าของตนที่รออยู่ แต่แล้วก็พบเจอกระเป๋าใบหนึ่งใต้พุ่มไม้

       "ของใครกัน??" เทียนหลงพลันกล่าวขึ้นก่อนจะหยิบมันติดตัวมาด้วยและรีบควบม้าวิ่งออกไปพร้อมกับเพ่ยเอ๋อห์

ทะเยอทะยาน
+2 Point จากโรลการต่อสู้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-9-5 00:19:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ห่าวอู๋ควบม้าของตนมายังเขาไป่สวิน เพื่อลองทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตตน..

'ผ่านไปไม่นานนัก...ชีวิตเรานั้นลำบากไม่น้อย..' มันหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผันผ่านมาในชีวิตในช่วงไม่กี่วันมานี้ ช่วงเวลาที่พยายามไต่เต้า เพื่อให้กลายเป็นจุดสูงสุดของแผ่นดิน
     ทันใดนั้นมันก็รู้สึกเสียวสันหลังวูบจากด้านหลัง มันกระโดดหลบการโจมตี จากนั้นมันรีบชักนำดาบออกมาป้องกันการโจมตี

ภาพตรงหน้าคือหญิงสาวนางนึงที่มีใบหน้างดงามไม่ยาก แต่ในมือของเธอดันถือขวานซึ่งดูไม่ค่อยเข้ากับผู้หญิงแบบเธอเท่าไหร่

"เจ้าเป็นใคร" มันเอ่ยถามอีกฝ่ายพลางกำดาบอย่างระวังตัว

"ข้าเป็นใคร เจ้าไม่ต้องสน! แต่วันนี้คือวันตายของเจ้า ย้ากส์!" นางเข้ามาโจมตีต่อทันที ทำให้ชายหนุ่มไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กับนาง

การประทะเป็นไปตามที่ห่าวอู๋คาด จากการที่ห่าวอู๋ได้ปะทะกับเจ้าโจรภูเขามาแล้ว ของแค่นี้ นับว่าไม่ครณามือชายหนุ่มอีกต่อไป

ชายหนุ่มเข้าโจมตีโรมรันอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดพักจนกระทั่งชายหนุ่มอาศัยจังหวะช่วงนึงปัดการโจมตีของนางได้และทำการใช้ดาบตะวัดขวานนางจนหลุดมือ


       "นาย/เธฝีมือไม่เลวเลยนะ ถึงกับเอาชนะข้าได้...แฮ่กๆ" เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายก่อนจะทักขึ้น "ฝีมือเช่นเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการ"
       ห่าวอู๋ขมวดคิ้ว สู้กันจะเป็นจะตาย สุดท้ายเรื่องนี้คือความเข้าใจผิดงั้นรึ..
"ข้าไม่ใช่คนของราชสำนัก ข้าแค่บุคคลพเนจร ที่หวังว่าแสวงหาอำนาจเป็นของตน เพื่อหวังจะเป็นใหญ่ในเร็ววัน" มันกล่าว
        
       "งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา เธอไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา "ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่"
       "ข้าเพียงแค่นึกมาชมวิวบนภูเขาเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเจอกับเจ้า" มันกล่าวก่อนนึกได้ว่าตนลืมแนะนำตัว
"ข้าชื่อห่าวอู๋ แต่โปรดเรียกข้าจื่อจุน" มันกล่าว
       "ข้าแช่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง" เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย
       "เจิ้ง? รึว่า เจี้งเจียงผู้นั้น?"
       "แล้วคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ" เจิ้งหลันเหย่อีกฝ่ายพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ
       "....ข้าคิดว่าคงไม่ใช่กระมัง ไฉนคนผู้นั้นจักมาอยู่คนเดียว แถมฝีมืออ่อนเพียงนี้ได้" มันส่ายหน้า
       "เจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊" เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก "ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า"
       ห่าวอู๋ลองเงี่ยหูฟังแต่ก็ไม่พบสิ่งใด
"ไม่เห็นได้ยินสิ่งใด"
       "ลองตั้งใจฟังสิ"
      "ตอนนี้ข้าได้ยินแต่เพียงน้ำเสียงเจ้าเท่านั้น"มันกล่าวอีกครั้ง
       "เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว
       "เจ้าเข้าใจภาษาที่พวกมันพูด?" มันเอ่ยถามอย่างสงสัย
       "ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น..." เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ
      "สามปี...งั้นก็คงสมควรอยู่ที่เข้าใจภาษาพวกสัตว์ได้" ัมันทำท่าครุ่นคิด
       "พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้" เจิ้งหลันหันมามองอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม
       "กลียุคเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องถีบตน กระเสือกกระสนดิ้นรน ให้ตนเป็นใหญ่ หากเป็นใหญ่พอ ย่อมต้องคิดเป็นฮ่องเต้ แต่ข้าดูแล้ว อย่างไรเสีย ข้าก็เป็นใหญ่ไม่ทันแน่แท้.. ขืนรอข้า มีหวังประชาชนได้ทุกข์ร้อนกันพอดี ในตอนนี้ ต้องหาคนเก่งกล้า ปราบโจรโผกผ้าเหลือง กำจัดขุนนางชั่วออกไปให้หมดสิ้น อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนราชวงศ์ ราชวงศ์ตอนนี้อ่อนแอเกินไป ทำยังทำบาปมหันต์ โดยการปล่อยให้ประชาชนทนทุกข์ เช่นนี้หากไม่รีบปราบออกไป ย่อมต้องกลายเป็นดั่งโรคร้ายกัดกินบ้านเมือง หากคนปกครองคนใหม่ดีก็แล้วไป แต่หากเป็นทรราชย์โฉดชั่ว ย่อมต้องจำกัดให้พ้นทาง… แล้วเจ้าล่ะ ...จักเริ่มต้นอย่างไร?"
       เจิ้งหลันมองอีกฝ่ายที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา "เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็...." ก่อนเธอจะร้องเพลงกล่าวต่ออีกฝ่าย
       "โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า" เธอร้องเพลงมอบให้อีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา "ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม..."
       จู่ๆนางก็ร้องเพลงออกมาทำเอาชายหนุ่มงุนงงไม่น้อย
       "อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง" เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัวชายหนุ่มท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ
      
       "ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน..." เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา "ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.."
       มันค่อยๆดื่มด่ำกับเพลงของอีกฝ่าย
       "จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ" หญิงสาวคว้าข้อมือคุณพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม "ได้สุดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว"
       มันปรบมือให้อีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายร้องได้ไพเราะยิ่ง
       "นี่แหละชีวิตข้าไดเ้ริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่!" เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ "อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร"
      "ข้าจะเป็นฮ่องเต้" มันกล่าว
"ระหว่างเส้นทาง ข้าอาจจะต้องทำเรื่องไม่ดีหลายอย่าง แต่หากข้าเป็นใหญ่ แน่นอนว่าข้าจักดูแลประชาชนให้ดี ผู้ใดมีกองทัพ มี ปัญญา มีอำนาจ ย่อมได้เป็นฮ่องเต้ แต่ผู้ที่ครองใจราษฏร์ จักเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้" มันกล่าว
       "งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ" เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป "หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย มาหาข้าที่นี่ได้" หญิงสาวโบกมือก่อนกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก
      มันโบกมือลาอีกฝ่ายก่อนหันตัวจะกลับทันใดนั้นมันดันสะดุด พบเจอถุงเงินกับกระเป๋าใบเล็กในพุ่มไม้ของใครไม่รู้

"สงสัยเป็นของนางกระมัง…" ชายหนุ่มเก็บสิ่งนั้นเอาไว้

สักวันเราอาจได้เจอนางอีก…


มันคิดในใจก่อนหันตัวกลับลงเขาไป

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
อริยสัจสี่
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
เตากำยาน
ดาบใบหลิว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x8
x8
x8
x21
x8
x17
x28
x8
x18
x18
x38
x16
x8
x8
x8
x18
x10
x4
x17
x5
x8
x21
x13
x2
x19
x12
x16
x16
x5
x2
x6
x16
x20
x15
x1
x10
x15
x1
x7
x6
x53
x1
x1
x3
x3
x3
x68
x1
x28
x5
x9
x1
x26
x11
x5
x2
โพสต์ 2021-9-5 22:39:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เฉินเซียวเฟิงนำกองทหารคุ้มกันเสบียงมาถึงเขาไป่สวิน ตามข้อมูลที่เขาได้รับยอดยุทธ์หญิงปริศนาซ่อนตัวอยู่แถวนี้


"แวะพักที่นี้กันก่อน 2 ชั่วยามแล้วเราค่อยออกเดินทางกันต่อ!"


เขาประกาศให้ทหารรับฟังก่อนที่จะเริ่มหาจุดนั่งพักกัน ส่วนเฉินเซียวเฟิงใช้โอกาสนี้ในการขึ้นเขาไปสำรวจต่อ


"เขาไป๋สวินช่างกว้างใหญ่ ข้าเพียงคนเดียวจะหานางเจอได้งั้นรึ?"


เฉินเซียวเฟิงเริ่มไม่มั่นใจเมื่อเดินหามาได้สักพักหนึ่งยังไม่พบแม้แต่ร่องรอย รึว่าข่าวลือนั่นจะไม่ใช่เรื่องจริง


"พวกทางการมาอีกแล้วรึ.. ครั้งนี้ส่งมาคนเดียวช่างใจกล้าดีนี้"


เสียงพูดปริศนาดังขึ้นพร้อมกับร่างหญิงสาวพุ่งมาซัดฝ่ามือใส่เฉินเซียวเฟิง แต่เขาไหวตัวทันเลยตั้งรับฝ่ามือไว้ได้และโดดถอยออกมา


"เข้าใจผิดแล้ว! ข้าไม่ใช่คนของทางการสักหน่อย"


เฉินเซียวเฟิงรีบพูดแก้ความเข้าใจผิดแต่หญิงสาวตรงหน้าดูจะไม่เชื่อ


"เหอะ อย่าหลอกให้ยากเลย ข้าเห็นเจ้ามากับพวกทหารไม่ใช่คนของทางการจะเป็นอะไรได้เล่า!"


หญิงสาวไม่ฟังชักดาบออกมาฟาดฟันจนเฉินเซียวเฟิงต้องชักดาบออกมาต้านรับ


"ชิ ย่อมได้ ถ้าเจ้าไม่คิดฟังกันเช่นนี้ข้าคงต้องสั่งสอนสักหน่อย ปรกติข้าไม่คิดทำร้ายสตรีหรอกนะแต่ข้าจะนับว่าเจ้าเป็นนักสู้คนหนึ่ง!"


เฉินเซียวเฟิงเริ่มโมโหที่ถูกเข้าใจผิดและถูกทำร้ายอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้


"ฮะๆ พูดได้ดีหวังว่าเจ้าคงไม่ได้มีดีแค่ปากหรอกนะ เข้ามา!"


หญิงสาวปริศนาพูดอย่างท้าทายก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มประลองกันอย่างดุเดือดจนยากจะคาดเดาว่าใครคือผู้ชนะ
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-5 23:17:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
       "เจ้าแพ้แล้ว"
       หลังปะทะกันหลายร้อยกระบวนท่าเฉินเซียวเฟิงก็อาศัยความอึดที่เหนือกว่า รอช่วงที่หญิงสาวเริ่มเหนื่อยใช้แรงทั้งหมดปัดดาบเธอจนกระเด็นไป แล้วเอาดาบพาดคออีกคนไว้ไม่ให้ขัดขืน
       "(นาย/เธอ)ฝีมือไม่เลวเลยนะ แฮ่กๆ" เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายก่อนจะทักขึ้น "ฝีมือเช่นเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการ"
       "ข้าบอกแต่แรกแล้วว่าข้าไม่ใช่คนของทางการ! ข้าชื่อว่าเฉินเฟิงเป็นสมาชิกของค่ายโจรฉางซิ่นต่างหาก และข้านี้แหละที่ชิงชังราชสำนักมากว่าใคร!"
        เฉินเซียวเฟิงต่อว่าด้วยความโกรธ เพราะต้องถูกเหมารวมกับสิ่งที่ตนชิงชังจะให้ทนไหวได้ยังไง
        "งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา เธอไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา "ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่"
       "หึ ข้าแค่ได้ยินมาว่ามียอดยุทธ์หญิงที่นี้ เลยกะมาตรวจสอบดูว่าควรชักชวนเข้าร่วมกองกำลังรึเปล่า.. แล้วใช่เจ้ารึเปล่าล่ะ?"
       เมื่อเห็นว่าหญิงสาวพูดรู้เรื่องแล้ว เขาเองก็เก็บอาวุธคืนบ้างแต่ยังคงระวังตัวเอาไว้ตลอด
       "ข้าแช่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง" เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย
       "แซ่เจิ้ง? เจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับหัวหน้าเจิ้งเจียงรึเปล่า?"
       เฉินเซียวเฟิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ท่าทางหญิงสาวตรงหน้าดูไม่คล้ายกันสักนิด
       "แล้วคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ" เจิ้งหลันเหย่อีกฝ่ายพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ
       "ไม่มีทาง หัวหน้าเจิ้งเจียงแข็งแกร่งและคุยรู้เรื่องมากว่าเธอเยอะเลย"
       เฉินเซียวเฟิงรีบส่ายหน้าทันขวัญ สำหรับเขาแล้วแม้ไม่เคยประลองกับเจิ้งเจียงแต่เพียงคาดมองด้วยสายตาก็รู้ว่าตัวเขาในยามนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้นางแม้แต่น้อย
       "เจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊" เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก "ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า"
       "เสียงอะไรล่ะ?"
       เฉินเซียวเฟิงเริ่มระวังตัวและฟังอย่างตั้งใจ แต่แม้จะมีสัมผัสที่ดีกว่าคนอื่นเขากลับไม่พบอะไรผิดปรกติ
       "ลองตั้งใจฟังสิ"
       เฉินเซียวเฟิงชักเริ่มรำคาญนิดหน่อย แต่ก็ยังคงตั้งใจฟังต่อไปแต่ไม่มีอะไรเลย
       "เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า" เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว
       "นี้เจ้าล้อข้าเล่นรึไง? แล้วเจ้าคุยกับสัตว์รู้เรื่องรึ"
       เฉินเซียวเฟิงเริ่มอารมณ์เสียเพราะเหมือนอีกคนกำลังปั่นหัวตนเล่น
       "ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น..." เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ
       "นี้เจ้าอยู่ที่นี้คนเดียวมา 3 ปีเชียวรึ ข้าเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงพูดกับมนุษย์ด้วยกันไม่รู้เรื่อง"
        เฉินเซียวเฟิงได้โอกาสพูดแซะอีกคนคืนไปบ้าง
       "พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้" เจิ้งหลันหันมามองอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม
       "ชะตาข้าจะเป็นผู้กำหนดเอง ส่วนชะตาแผ่นดินให้เป็นหน้าที่ของวีรบุรุษเถอะส่วนข้าจะคอยสนับสนุนคนๆนั้น แล้วเจ้าล่ะคำว่าเริ่มต้นหมายถึงอะไร"
       เฉินเซียวเฟิงบอกปณิธานตนอย่างมุ่งมั่นและถามกลับไป
       เจิ้งหลันมองอีกฝ่ายที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา "เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็...." ก่อนเธอจะร้องเพลงกล่าวต่ออีกฝ่าย
       "โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า" เธอร้องเพลงมอบให้อีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา "ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม..."
       เฉินเซียวเฟิงไม่ได้กล่าวอะไรแค่แปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆหญิงสาวก็ร้องเพลงออกมา แต่ก็รับฟังไม่ได้ขัดเพราะเขาเองก็ชอบฟังเพลงอยู่แล้ว
       "อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง" เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัว(ชายหนุ่ม/หญิงสาว) ท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ
       เขามองเจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่ล่ะสายตา ราวกับต้องมนต์สะกด
       "ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน..." เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา "ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.."
       เฉินเซียวเฟิงเริ่มหลับตาและนึกภาพตา เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
       "จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ" หญิงสาวคว้าข้อมือคุณพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม "ได้สุดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว"
       "นี่แหละชีวิตข้าไดเ้ริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่!" เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ "อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร"
       "โค่นล้มราชสำนักที่เน่าเฟะ ถอนรากถอนโคนขุนนางผู้โกงกิน สังหารพวกชั่วช้า ไร้จิตสำนึกและสรรสร้างยุคทองที่ผู้คนอยู่ได้อย่างมีความสุข!"
       เฉินเซียวเฟิงพูดตะโกนออกมาดังลั่นจนนกที่อาศัยรอบๆต่างบินออกมาเต็มด้วยความตกใจ อาจเพราะเพลงของหญิงสาวทำให้เขาฮึกเฮิมมากว่าเดิม
       "งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ" เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป "หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย มาหาข้าที่นี่ได้" หญิงสาวโบกมือก่อนกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก
       "พวกเราจะได้เจอกันอีกแน่เจิ้งหลัน ค่ายโจรฉางซิ่งต้องการคนเช่นเจ้าอยู่แล้ว"
       เฉินเซียวเฟิงพูดตอบกับหญิงสาวที่กระโดดไถลหายไปแล้ว แม้นางจะกวนประสาทเขาไปบ้างแต่นิสัยที่ตรงไปตรงมาและความร่าเริงเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้เกลียดเลย
      "เอาล่ะ ได้เวลากลับแล้ว.. ถ้าชะตาเราต้องกันสักวันเราคงได้เป็นสหายร่วมรบกันแน่"
       เฉินเซียวเฟิงตัดสินใจจะมาชักชวนนางต่อในภายหลัง ก่อนที่จะกลับไปหาทหารที่เกวียนทว่าระหว่างทางก็เจอถุงเงินตกอยู่ซึ่งเขารู้ได้ทันทีว่าคงเป็นของนางที่ทิ้งไว้ให้เขาแทนคำขอโทษล่ะมั้ง
      "หึๆ ข้าจะรับไว้แล้วกัน"
      เฉินเซียวเฟิงหยิบถุงเงินมาก่อนจะเรียกทหารที่จุดพักให้เตรียมพร้อม เพราะเขาจะมุ่งหน้าไปถึงเมือง เมืองลั่วหยาง ในทีเดียวแบบไม่แวะพักจุดใดเลย




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-8 22:34:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Chenfeng เมื่อ 2021-9-8 22:36

เฉินเซียวเฟิงได้ขึ้นม้าจากค่ายโจรอ้อมมาถึงเมืองอันอี้เพื่อพบใครบางคนที่นี้อีกครั้ง


"เรามาทำอะไรที่นี้งั้นเหรอเฉินเฟิง?"


อู่เว่ยถามขณะขี่ม้าตามมาชมบรรยากาศรอบๆอย่างผ่อนคลาย


"ข้ามาพบเจอยอดยุทธ์หญิงคนหนึ่งนะ.. ว่าแล้วก็มาพอดีเลย"


ทันทีที่เฉินเซียวเฟิงพูดจบก็มีก้อนหินพุ่งลอยมาหาเขาด้วยความเร็วสูง แต่เฉินเซียวเฟิงก็ยื่นมือรับได้อย่างง่ายดาย


"ฮะๆ ไม่เจอกันนานเลยนะเฉินเซียวเฟิงฝีมือเจ้ายังไม่ตกเลยนี้"


หญิงสาวคนหนึ่งโดดลงมาจากต้นไม้พร้อมส่งยิ้มขี้เล่นให้เฉินเซียวเฟิง


"เจ้าเองก็ยังทักทายคนอื่นด้วยวิธีรุนแรงไม่เปลี่ยนนะ เจิ้งหลัน"


เฉินเซียวเฟิงยิ้มรับก่อนดีดหินที่แฝงด้วยพลังยุทธ์คืนไปหาแต่เจิ้งหลันก็หลบได้ง่ายๆเช่นกัน


"นี้เป็นการทักทายโลกไหนกันเนี่ย! ขอล่ะอย่าใช้วิธีนี้ทักทายกับข้านะไม่เช่นนั้นมีกี่ชีวิตก็คงไม่พอ"


อู่เว่ยพูดแทรกเมื่อเห็นยอดยุทธ์สองคนตรงหน้าทักทายด้วยวิธีพิสดารจนเขาไม่อยากมีส่วนรวมด้วยเลย


"อ๊ะ เพิ่งสังเกตุว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย นี้สหายเจ้าเหรอเฉินเซียวเฟิง?"


"ใช่ เขาชื่ออู่เว่ยเป็นสหายสนิทข้าที่ค่ายโจรฉางซิ่งเอง"


เฉินเซียวเฟิงแนะนำเพื่อนตน ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันถึงส่วนมากจะเป็นเรื่องไร้สาระก็เถอะ และท่าทางอู่เว่ยจะคุยถูกคอกับเจิ้งหลันได้ดี


"ถ้างั้นพวกเจ้าจะไปที่เฉิงตูสินะ?"


เจิ้งหลังถามเมื่อรู้เป้าหมายที่ทั้งสองกำลังจะไป


"ใช่แล้ว พวกเราจะต้องไปหาชินแสนอกรีตนะ"


เฉินเซียวเฟิงพูดโดยไม่ปิดบังเพราะเห็นว่าเจิ้งหลันคงไม่เอาไปเปิดเผยใครแน่ๆ


"อืม งี้นี้เอง ข้าเองก็อยากไปบ้างจังเลยนะเนี่ย"


เจิ้งหลันบ่นเบาๆพลางทำท่าเบื่อๆที่อยู่ป่านี้มานาน


"เจ้าก็มากับพวกเราเลยสิ ข้าอู่เว่ยจะพาเที่ยวชมเอง"


อู่เว่ยรีบเสนอตัวแต่เจิ้งหลันได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้าเบาๆ


"ขอบคุณสำหรับน้ำใจนะ แต่ข้ามีเหตุผลที่ยังไปไม่ได้"


เจิ้งหลันบอกเพียงแค่นั้นเหมือนไม่อยากให้พวกเขาซักไซร้ไปมากว่านี้


"เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรหรอก จริงสิข้าเห็นว่าเจ้าชอบร้องเพลงเลยแวะซื้อม้วนลำนำนี้มาฝากเจ้านะ"


เฉินเซียวเฟิงมอบลำนำซวีหยวน ที่แวะซื้อมาตอนไปลั่วหยางให้ เมื่อเจิ้งหลันได้รับก็ยิ้มดีใจออกมา


"ขอบคุณมากนะ ข้าชอบมันมากเลยล่ะ"


เจิ้งหลันพูดขอบคุณพลางอ่านบทกวีเหมือนเด็กๆได้ของเล่นใหม่ก็ไม่ปาน


"เจ้าชอบก็ดีแล้ว ถึงเวลาที่พวกข้าต้องออกเดินทางต่อแล้วล่ะงั้นไว้เจอกันใหม่นะเจิ้งหลัน"


เฉินเซียวเฟิงโบกมือลาก่อนจะเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ เมืองหงหนง



[มอบลำนำซวีหยวนให้เจิ้งหลัน 1 ea]
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-12 23:08:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Chenfeng เมื่อ 2021-9-12 23:09

เฉินเซียวเฟิงกลับมาที่เขาไป๋สวินอีกครั้งเพื่อพบเจอกับเจิ้งหลันซึ่งเมื่อทั้งสามพบกันก็ได้คุยเล่นกันนิดหน่อย ก่อนจะเล่าเรื่องการเดินทางให้เจิ้งหลันฟังซึ่งเธอก็รับฟังอย่างตั้งใจ


"ฮะๆ ท่าทางน่าสนุกจริงๆเลยนะเนี่ย"


เจิ้งหลันหัวเราะเบาๆที่มีคนได้พูดคุยแลกเปลี่ยนบ่อยๆเช่นนี้ทำให้เธอคลายเหงาที่ต้องอยู่ป่าคนเดียวได้บ้าง


"อา ใช่ตอนแวะผ่านฉางอันข้าซื้อบทลำนำที่นั้นให้เจ้าด้วยนะ"


เฉินเซียวเฟิงยื่นบทลำนำของซวีหยวนให้เจิ้งหลันเหมือนเดิมแต่เป็นฉบับฉางอันแทนซึ่งเป็นบทลำนำที่ต่างออกไป


"ขอบคุณนะ เจ้าให้มาเยอะแบบนี้จนข้าชักเกรงใจแล้วนะเนี่ย"


เจิ้งหลันยิ้มหวานขณะรับลำนำมาอ่านเพราะในป่าไม่ค่อยมีอะไรทำ ของที่เฉินเฟิงให้จึงมีความหมายกับเธอมาก


"เจ้าชอบก็ดีแล้วเดี่ยวข้าต้องไปแล้วล่ะ ไว้ครั้งหน้าข้าจะหาบทเพลงใหม่ๆมาให้อีกนะ"


เฉินเซียวเฟิงบอกลา ท่าทางเจิ้งหลันดูจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกปล่อยผ่านและโบกมือลาเฉินเฟิง


"เจ้าคิดว่าทำไมเจิ้งหลันถึงไม่ยอมออกจากป่านี้กันนะ?"


อู่เว่ยถามเฉินเฟิงขณะเดินทางกลับ เพราะเขาสงสัยว่าเจิ้งหลันมีเหตุผลอะไรกันแน่


"ข้าก็ไม่รู้สิ.. แต่เชื่อว่าถ้านางไว้ใจเรามากพอนางคงจะบอกเองไม่จำเป็นต้องตามสืบหรอก"


เฉินเซียวเฟิงกล่าวตอบตามตรง แม้ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเจิ้งหลันทำอะไรไว้แต่เขาเชื่อเจิ้งหลันในช่วงเวลานี้


เมื่อได้ทักทายเจิ้งหลันเสร็จเรียบร้อย เฉินเซียวเฟิงก็เดินทางไปถึง เมืองฉางอัน เพื่อทำงานของเขาต่อ





[มอบลำนำ(ซวี่หยวน) ให้เจิ้งหลัน 1 ea]



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
เตากำยาน
หน้ากากยักษา
ดาบไท่จี๋
ม้าขาว
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x35
x44
x35
x10
x10
x11
x20
x15
x1
x15
x27
x60
x3
x7
x6
โพสต์ 2021-9-13 16:34:06 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อุดมการณ์ที่เปลี่ยนไป

          จิ้นอิ๋งที่ได้รับผู้ติดตามมาเพิ่มเริ่มรู้สึกไม่ดีนักที่นางไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยที่ก่อนหน้านางพาผู้ติดตามอย่างถานเจ๋อพักแรมในโรงเตี๊ยมได้อย่างไม่รู้สึกติดขัดใดนั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายมีม้าที่นางได้จากหมู่บ้านเซิ่งหุน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายสามารถเดินทางร่วมกับนางไปมาข้ามเมืองได้ระหว่างหาข่าวของครอบครัวและช่วยเหลืองานคนรู้จัก

          ทว่าซูฮวานั้นต่างออกไป จิ้นอิ๋งไม่รู้ว่าอีกฝ่ายขี่ม้าเป็นหรือไม่ ทั้งสุขภาพของนางคล้ายจะยังไม่สามารถกลับมาแข็งแรงได้โดยเร็ววัน เช่นนั้นนางจึงจำต้องหางานเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านร้างตงฟางนั้นให้เป็นของตัวเองเสียก่อน ป้องกันการบุกรุกจากผู้อื่นอีก แล้วจึงจัดการตกแต่งใหม่รวมถึงทำความสะอาดให้เรียบวุธชวนน่าอยู่มากขึ้น ค่อยส่งซูฮวาได้พักแรมอาศัยอยู่พักฟื้นร่างกายที่นั่น

          หลังคิดได้เช่นนั้น จิ้นอิ๋งจึงได้บอกลาท่านหมอหญิงและฝากบอกให้ซูฮวารอนางมารับภายในหนึ่งสัปดาห์ และพักฟื้นที่โรงหมอให้เต็มที่ นางจะเขียนจดหมายมาถามไถ่อาการเป็นระยะ ก่อนจะพาถานเจ๋อเดินทางไปยังลั่วหยางเพื่อจะได้สอบถามหางานจากพ่อค้าหวังที่ได้เงินมากและรวดเร็ว ซึ่งตัวผู้ติดตามที่ได้ยินก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ติดสลดเล็กน้อย เพราะมันรู้สึกได้วันว่างของมันได้ถูกบอกลาไปเรียบร้อยแล้ว
          .
          .
          ตลอดช่วงเช้าทั้งสองต่างพากันเดินทางมาไม่หยุด ยามเมื่อมาถึงเขตส่วนนอกของเมืองอันอี้ก็เข้ายามอู่พอดี จิ้นอิ๋งที่เข็ดกับการนั่งพักทานข้าวแล้วเจอการคุกคามจากโจรโพกผ้าเหลือง ไหนจะพบผู้เคราะห์ร้ายที่เจอการกระทำหยามศักดิ์ศรีจากกลุ่มโจรผู้นั้นด้วยตาตัวเองก็พลันไม่อยากหยุดทานข้าวในตัวเขตป่า

          ถานเจ๋อทนอีกนิด ไว้เข้าเมืองได้พวกเราค่อยแวะทานข้าวกัน.. มื้อนี้ข้าจะเลี้ยงข้าวเจ้าเอง

          เอ่ยปลอบผู้ติดตามที่คงหิวไม่ต่างจากนาง ก่อนจะเร่งให้เฮยเซ่อพาตนเข้าเมือง แต่แล้วกลับมีเงาคนผู้หนึ่งกระโดดขว้างม้าจนมันหยุดยกขาหน้าขึ้นพลางร้องลั่นอย่างตกใจ พาลทำจิ้นอิ๋งเกือบจะตกจากหลังไปอยู่ร่อมร่อ ไหนจะถานเจ๋อที่ตามหลังมาก็ถูกม้าสีขาวที่เสียขวัญไม่ต่างกันพาวิ่งห้อไปทางอื่น ไป๋เซ่อไก่น้อยที่อยู่ในอ้อมแขนนางก็ตกใจไปด้วย ร้องกระต้ากยกใหญ่ก่อนเตลิดบินลงพื้นให้จิ้นอิ๋งที่เพิ่งลูบแผงคอม้าเฮยเซ่อของตนให้สงบลงได้ต้องเร่งลงเพื่อจับตัวไก่ของนาง ทว่ายังไม่ทันที่จะเดินหา นางก็ต้องชักกระบี่ตวัดรับป้องกันคมขวานจากคนแปลกหน้าผู้นั้นเอาไว้!

          ท่าน!! ” จิ้นอิ๋งแทบร้องเสียงหลงหลังพบว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีนางหนึ่งที่จู่โจม ท่าทางทะมัดทะแมงไม่น้อยทั้งยังมือหนักและมีฝีมือไม่น้อยจนนางต้องปัดป้องขวานหนักนั้นออกจากตัวให้ไกลเพื่อถอยออกมาตั้งหลักให้ได้ก่อน

          ทว่าอีกฝ่ายก็ราวรู้แกวไม่ปล่อยโอกาสให้จิ้นอิ๋งได้ตั้งตัวได้ บุกพุ่งเข้าใส่ไม่หยุดจนสุดท้ายนางจำต้องตวัดปัดป้องสลับประยุกต์ใช้ท่ากระบี่พื้นฐานสำหรับจู่โจมให้ถูกจังหวะและช่วงเวลา ป้องกันไม่ให้ตัวเองโดนฟันจนบาดเจ็บไปเสียก่อน
          ห้วงสมาธิยามถือกระบี่กลับคืนมาจนทุกการสะบัดอาวุธของจิ้นอิ๋งเริ่มเสียเปล่าน้อยลง ทั้งสองเริ่มสลับกันรุกรับไม่หยุดอย่างไม่มีใครยอมใคร จนสุดท้ายจิ้นอิ๋งสามารถแทงสอดรับกระบี่ขนานกับคมขวานที่เหวี่ยงหา พร้อมพลิกตัวหันข้างเพื่อหลบแรงส่งขวานนั้นแต่ไม่หยุดตบเท้าเดินหาจนสุดท้ายปลายกระบี่ชี้แทบชิดกับใบหน้าของอีกสตรีถึงค้างมันไว้เช่นนั้นจนทุกอย่างเริ่มสงบลงเหลือเพียงเสียงหอบหายใจแหละใบหน้าชื้นเหงื่อของทั้งคู่

      
          " เธอฝีมือไม่เลวเลยนะ แฮ่ก ๆ " เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากจิ้นอิ๋งก่อนจะทักขึ้น " ฝีมือเช่นเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการ "
      
          ทางการ? ท่านเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ.. ข้าไม่ใช่คนของทางการ เป็นเพียงคนธรรมดาผู้หนึ่งที่ได้รับการสอนกระบี่จากสหายก็เท่านั้น… ยามนี้เพลงกระบี่ของข้าคงยังไม่อาจเทียบได้กับเหล่าบุคคลที่เก่งกาจของทางการ.. หรือแม้กระทั่งฝีมือท่านยามเอาจริงได้หรอกเจ้าค่ะ ” จิ้นอิ๋งเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาก่อนลอบมองท่าทางของอีกสตรีนิ่งครู่หนึ่งถึงกล่าวต่อ

          อย่างไรก็ขอบคุณสำหรับคำชมนะเจ้าคะ สหายข้าที่ช่วยสอนคงดีใจไม่น้อย ” กล่าวพาดไปถึงถานเจ๋อที่ตอนนี้กำลังคุมม้าไป๋เอ้อร์ให้สงบอยู่สักที่และพยายามขี่มันให้กลับมายังทิศเดิม
            
          " งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าเจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า " เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองจิ้นอิ๋งอย่างไม่วางตา อีกฝ่ายดูไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา " ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ "
      
          ข้าเพียงเดินทางผ่านมาเท่านั้นเองเจ้าค่ะ กำลังจะมุ่งตรงไปยังเมืองลั่วหยางแต่ก็ถูกท่านขวางไว้เสียก่อน.. มันอันตรายนะเจ้าคะ คราวหลังอย่าพุ่งมาขว้างม้าเช่นนี้อีก

          หลังเห็นสายตาไม่วางใจจากอีกฝ่ายจิ้นอิ๋งก็คล้ายไม่ได้วางใจให้อีกสตรีเต็มร้อยเช่นกัน ไหนจะคำพูดที่กล่าวว่าทางการจะตามจับอีกฝ่ายนั่นอีก นางจึงเผลอกล่าวน้ำเสียงกึ่งดุหา ทว่าแฝงความติดห่วงใยเอาไว้ตามนิสัยนางอยู่ดี

          ข้ากู่จิ้นอิ๋งนะเจ้าคะ ท่านมีนามว่าอะไรงั้นหรือ? ” หลังเงียบไปครู่จิ้นอิ๋งก็ตัดสินใจถามชื่อแซ่เนื่องด้วยคิดว่าผูกมิตรเอาไว้ย่อมดีกว่าสร้างความหมางใจกัน
      
          " ข้าแซ่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง " เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย
      
          จิ้นอิ๋งที่ได้ยินก็คล้ายชะงักใบหน้าที่กำลังส่งรอยยิ้มกลับหาไปเล็กน้อย เนื่องจากนามสกุลนั้นค่อนข้างโด่งดังไปทั่วเกี่ยวกับสตรีผู้เป็นหัวหน้าโจรป่าลุกขึ้นต่อต้านอำนาจส่วนกลางที่กดขี่รีดเค้นจากชาวเมือง คล้ายกับอุดมการณ์แรกของกลุ่มคนโพกผ้าเหลือง ทำให้รอยยิ้มที่ชะงักไปของจิ้นอิ๋งกลับมาเผยอีกหนพร้อมด้วยแววตาติดประกายเล็กน้อยยามมองสบสายตาสตรีเบื้องหน้า

          เจิ้งหรือเจ้าคะ …ท่านใช่ท่านหัวหน้ากลุ่ม… ผู้นั้น? เอ้ะ แต่พวกท่านอยู่ที่ซีเหอหรือเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่า...  ” คล้ายอยากจะถามให้แน่ชัดทว่าก็กลัวจะล่วงเกิน สุดท้ายเลยเอ่ยถามออกได้เพียงประโยคครึ่ง ๆ กลาง ๆ
      
          " แล้วคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ " เจิ้งหลันแหย่จิ้นอิ๋งพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ
      
          ฝั่งจิ้นอิ๋งที่ได้ยินการตอบกลับมาเช่นนั้นพร้อมสายตาดุของอีกฝั่ง รอยยิ้มพลันแห้งลงเล็กน้อย ขนาดว่านางพยายามถามไม่ชัดเจนมาก อีกฝ่ายก็ดูทำตาดุใส่ถึงเพียงนี้ โชคดีจริงที่นางไม่ได้ถามไปเสียเต็มคำอย่างที่นึกไว้ มิเช่นนั้นไม่รู้จะโดนตาเบิกตาโตใส่หรือไม่

          ก็.. เดาว่า ใช่.. ครึ่งหนึ่งเจ้าค่ะ ” ตอบกลับเรื่องที่ให้คาดเดาเสียงแผ่วดูไม่ค่อยมั่นใจนัก
      
          " เจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊ " เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก " ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า "
      
          ถอนหายใจแผ่วอย่างโล่งใจที่อีกคนไม่ได้ถือสาอย่างที่หวั่น ก่อนจิ้นอิ๋งจะเงียบตามท่าทางของอีกสตรี พลันเงี่ยหูฟังตามที่โดนถามไปด้วย ทว่าสิ่งที่ได้ยินก็มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วและธรรมชาติรายล้อมรอบกายเท่านั้นให้จิ้นอิ๋งพลันส่ายหน้ากลับไปน้อย ๆ
      
          " ลองตั้งใจฟังสิ "

          ถูกย้ำเข้าแบบนั้นจิ้นอิ๋งก็แทบยกมือมาป้องหลังหู ดวงตากลมหลับแน่น ไหนจะแทบกลั้นหายใจเพื่อให้ประสาทสัมผัสหูทำงานอยู่อย่างเดียว แต่สุดท้ายก็ยังได้ยินแค่เสียงบรรดาสัตว์น้อยใหญ่และธรรมชาติโดยรอบเท่านั้น ซึ่งตัวจิ้นอิ๋งก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงเสียงนี้หรือไม่ จึงทำได้เพียงลืมตาขึ้นมาสบตาผู้ถามด้วยแววตาติดฉงนราวกับอยากให้อีกสตรีเฉลยเถิดว่าหมายถึงเสียงใดที่อยากให้ได้ยิน
      
          " เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า " เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว
      
          ประโยคที่เอ่ยถึงเสียงสัตว์ทำจิ้นอิ๋งหลุดร้องอ๋อ แต่ประโยคหลังเริ่มทำคิ้วเรียวของนางขมวดเข้าหา จู่ ๆ ก็เหมือนโดนเหน็บอย่างไรอย่างนั้นจนริมฝีปากเล็กเผลอยู่เข้าหา

          แม่นางเจิ้ง… ท่านฟังเหล่าสัตว์พูดคุยกันออกจริง ๆ หรือเจ้าคะ? ” เอ่ยถามอ้อม ๆ ว่าไม่ได้เจตนาว่านางใช่หรือไม่
      
          " ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น… " เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ
      
          สามปี? ตอนนั้นหมายถึงสิ่งใดหรือเจ้าคะ? ” เพราะคาดเดาว่าอีกฝ่ายคือเจิ้งราชินีโจรป่า เลยงุนงงไปเล็กน้อยถึงสามปีก่อนหน้าว่าอีกฝ่ายทำอะไรมาถึงได้มาติดอยู่ในป่าแห่งนี้โดยไร้ลูกน้องคนอื่น ๆ
      
          " พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้ " เจิ้งหลันหันมามองนางก่อนเอ่ยปากถาม
      
          จิ้นอิ๋งที่โดนปัดตกคำถามก็ได้แต่เผลอเม้มปากผะแผ่ว รู้สึกเข้าไม่ค่อยได้กับสตรีเบื้องหน้าอย่างประหลาด ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ปัดคำเช่นอีกฝ่ายกลับนิ่งคิดหาคำตอบตามคำถามที่ส่งหา ทว่าไม่มั่นใจนักว่าหมายถึงเริ่มต้นสิ่งใด อีกฝ่ายกล่าวราวกับรู้ว่าชะตาชีวิตนางนั้นกำลังโดนความกลียุคของแผ่นดินในตอนนี้เล่นงานเข้าให้ จนจิ้นอิ๋งเริ่มไม่กล้าบุ่มบ่ามตอบออกไป

          แม่นางเจิ้ง.. หมายถึงเริ่มต้นอะไรหรือเจ้าคะ?
      
          เจิ้งหลันมองจิ้นอิ๋งที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา " เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็.... " ก่อนอีกฝ่ายจะร้องเพลงกล่าวต่อนาง
          " โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า " เธอร้องเพลงมอบให้จิ้นอิ๋ง เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา " ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม… "
      
          จิ้นอิ๋งที่ไม่นึกว่าจะได้รับคำตอบจากอีกสตรีเช่นนี้ ทั้งยังเป็นบทเพลงเสียด้วยทำให้นางเผลอนิ่งชะงักไป มองค้างยังอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ยิ่งติดสงสัยหนักเข้าไปใหญ่
      
          " อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง " เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัวจิ้นอิ๋ง ท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ
      
          ดวงตาหวานสีนิลพลันมองตามร่างที่เต้นรำโดยรอบ นางที่ชอบร่ายรำไม่ต่างกันก็ค่อยคอยเผยรอยยิ้มออก พร้อมกันนั้นก็เสริมฮัมจังหวะคลอคล้อยไปกับอีกคน ให้ถานเจ๋อที่เพิ่งกลับมาถึงและตั้งใจจะเข้ามาช่วยผู้เป็นนายจากคนแปลกหน้าที่ขว้างม้าก่อนหน้าหยุดชะงักมองภาพตรงหน้า
      
          " ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน… " เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา " ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.. "

          จิ้นอิ๋งมองตามอีกคนเล็กน้อย หลังเพลินเพลิดกับท่วงท่าการเต้นรำก็ถึงคราวที่นางกลับมาสนใจยังเนื้อหาที่อีกคนขับร้อง ความทะเยอะทะยานในน้ำเสียงนั้นทำนางเฝ้ารอฟังถึงท่อนต่อไป
      
          " จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ " หญิงสาวคว้าข้อมือจิ้นอิ๋งพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม " ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว "
      
          จิ้นอิ๋งปล่อยตัวตามแรงดึง รอยยิ้มยิ่งเปื้อนดวงหน้าหวานยามสลับขยับฝีเท้าพาอีกฝ่ายร่ายรำไปกับตนเคล้าเสียงเพลงไปด้วยกัน
      
          " นี่แหละชีวิตข้าได้เริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่! " เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ " อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร "
      
          จนทั้งคู่หยุดยืนนิ่งในตอนที่ได้ยินถึงปณิธานสูงสุดของอีกคนถูกเอื้อนเอ่ย แววตาจิ้นอิ๋งพลันดูไหวระริกมั่นใจกึ่งหนึ่งว่าคนตรงหน้าไม่น่าใช่แม่นางเจิ้งที่เป็นหัวหน้าโจรป่าผู้นั้น แม้ปณิธานตอนท้ายจะคล้ายกัน แต่ระหว่างกลางที่กำลังเล่าหาราวกับอีกสตรีอยากจะเป็นอิสระจากบางสิ่ง ความเห็นใจระรอกหนึ่งกัดกินทั่วใจจิ้นอิ๋ง ก่อนนางจะถูกเรียกสติจากคำถามอีกฝ่ายและสุดท้ายก็ยินยอมเอ่ยถึงความตั้งใจตนออกไป

          ข้า.. ข้าอยากหยุดกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองเจ้าค่ะ… หากพวกเขาไม่อาจกลับมาทำตามปณิธานเดิมได้ ข้าก็อยากให้หายไป.. แยกย้ายกลับคืนชีวิตเดิมจะดีเสียกว่า ” ริมฝีปากสีระเรื่อถูกเม้มแผ่ว ก่อนสบตาผู้ถามเพื่อเอ่ยหนักแน่นในประโยคต่อมา

          แต่ถ้าคนเบื้องบนยังกดข่มเช่นเดิมก็อาจมีกลุ่มคนโพกผ้าอีกเมื่อใดก็ได้… เช่นนั้น ในตอนนี้อุดมการณ์ข้าคงเป็น... ” นางเงียบลงคล้ายไม่กล้าพูดนัก ด้วยรู้สึกว่าช่างเป็นความคิดที่เกินตัวไม่น้อย แต่หากไม่คิดหวังเช่นนั้น กลุ่มโจรก็จะเผยตัวขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ สร้างปัญหามากมาย ซึ่งจิ้นอิ๋งไม่ต้องการให้แผ่นดินระส่ำระส่ายเรื่อย ๆ เช่นนี้

          ข้าอยาก.. มีพลังมากพอที่จะส่งเสียงให้เหล่าเบื้องบนได้ยินว่าชาวเมืองกำลังลำบากอยู่เจ้าค่ะ อยากให้พวกเขา… หยุดเอาเปรียบพวกเราได้แล้ว ให้แผ่นดินฮั่นน่าอยู่มากกว่านี้เจ้าค่ะ
      
          " งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ " เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป " หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย มาหาข้าที่นี่ได้ " หญิงสาวโบกมือก่อนกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก

          จิ้นอิ๋งมองตามสตรีแซ่เจิ้งที่นอกจากไม่ต่อว่าถึงความต้องการที่อาจหาญจากผู้เป็นสตรีด้วยกันเช่นนาง ยังอวยพรให้นางทำได้อีกด้วยจนแววตาที่ทอดมองร่างที่ไถลลงเนินเขาดูอ่อนลงหลายส่วนเลยเชียว ถานเจ๋อที่เฝ้าฟังมาตลอดก็มองยังผู้เป็นนายนิ่ง ก่อนมันจะเดินตามเสียงเรียกของจิ้นอิ๋งให้กลับขึ้นม้าเพื่อเดินทางต่อ และในตอนที่จิ้นอิ๋งจะขึ้นม้า ก็ออกเดินตามหาไป๋เส่อไก่ตัวน้อยเสียก่อน โดยพบว่าเจ้าไก่กำลังซุกนั่งทับถุงเงินและกระเป๋าใบเล็กใบหนึ่งเอาไว้ นางมองอย่างติดฉงนพาลคิดไปว่าเป็นของสตรีผู้นั้นหรือไม่จึงช่วยเก็บเอาไว้ให้ ยามพบกันคราวหน้าค่อยส่งคืนให้ก็ยังไม่สาย



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-13 22:19:04 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลประลองฝีมือแบบงงๆ


"ท่านมั่นใจหรือท่านเหวินหยวนว่าจะให้ข้านั้นประลองกับท่านจริงๆข้าคิดว่าเราเพียงพูดคุยกันก็น่าจะพอแล้วนะ"

"ฮ่าๆ ท่านจีเทียนเต๋าคิดมากไปแล้วข้าประลองกับท่านเพื่อกระฉับไมตรีเฉยๆหาได้ประลองแบบเอาถึงตายไม่เดี่ยวข้างหน้าก็จะถึงที่เราจะประลองแล้ว"

"ได้เลยถ้างั้นเอาตามที่ท่านว่าก็เลยแล้วกันแบบนั้น"

พร้อมกับที่ทั้งคู่นั้นเดินทางขึ้นภูเขากันไปด้วยกันทั้งคู่แต่เพียงขึ้นไปได้ไม่นานนักก็เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโขดหินก่อนที่จีเทียนเต๋าจะรู้ตัวอีกฝ่ายก็ควงขวานพุ่งเข้ามาหาตนเองทันที

"ใจเย็นแม่นางเจ้าจะมาฟันข้าทำไมกันเนี้ยมีอะไรเราก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันก็ได้นะ"

พร้อมกับที่จีเทียนเต๋ากำลังรับเพลงขวานอันดุดันของอีกฝ่ายอย่างเต็มที่โดยที่เพลงขวานของอีกฝ่ายดุดันแล้วเกรี้ยวกราดมากหลังจากรับไปได้ไม่กี่กระบวนท่า จีเทียนเต๋าก็ใช้กระบวนท่ารุนแรงที่สุดของตนเพื่อพลักอีกฝ่ายให้ออกไปจนอีกฝ่ายต้องถอยออกไปโดยที่ เหวินหยวนก็รีบเข้ามาประกบข้างจีเทียนเต๋าเพื่อรับมือกับอีกฝ่ายด้วย

       "นักบวชแบบแกก็ฝีมือไม่เลวเลยนะ แฮ่กๆ"
เจิ้งหลันกล่าวขึ้นทันทีที่เว้นระยะห่างจากอีกฝ่ายก่อนจะทักขึ้น

"ฝีมือเช่นพวกเจ้าทำไมถึงรับใช้ทางการเป็นสุนัขของราชสำนัก?"

"อย่ามองพวกข้าเช่นนั้นข้ากับสหายไม่ได้รับใช้ราชสำนักเพียงผ่านทางมาก็เท่านั้นพวกข้าล้วนแล้วแต่จะทำเพื่อปวงประชาด้วยหัวใจตนเองเท่านั้นหาได้เกี่ยวกับใครไม่แต่เห็นแม่นานอยู่ดีๆก็วิ่งปรี่มาฟันข้า แบบนี้ข้าว่าท่านต่างหากที่น่าจะเข้าใจผิดแล้ว"


        "งั้นเหรอ ที่แท้เข้าใจผิด ข้านึกว่าพวกเจ้าทั้งคู่เจ้าเป็นคนทางการมาตามล่าข้า"

เจิ้งหลันกล่าวพลางเก็บอาวุธ พลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา เธอไม่ค่อยอยากไว้ใจใครมากนักเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ที่พบเจอมา

"ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ทั้งสองคนแถมยังสะพายอาวุทกันมาอีกแบบนี้?"

      "ข้ากับสหายเรามาหาที่ประลองฝีมือกันเฉยๆพอขึ้นเขามาได้ก็เจอกับแม่นางพอดีนั้นแหละ"

       "ข้าแช่เจิ้ง เรียกข้าเจิ้งนั่นแหละนะ ส่วนชื่อไว้สักวันถ้าข้าเชื่อใจเจ้าจะบอกเอง"


เจิ้งหลังกล่าวขึ้นมาก่อนจะเดินไปที่โขดหิน วางขวานเล่มโปรดของนางไว้ข้างกาย

       "เจิ้งหรือใช่เกี่ยวข้องกับหัวหน้ากลุ่มโจรเขาไท่ซานหรือเปล่าว? ใช่ไหมท่าน เหวินหยวนข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"

"น่าจะใช่นะข้าว่าน่าจะใช่นางหรือเปล่าว?"

       "แล้วพวกเจ้าสองคนนั้นคิดว่าข้าใช่นางหรือเปล่าล่ะ หากแค่แซ่เหมือนหรือญาติหรือนางตัวจริง เจ้าลองเดาดูสิ"

เจิ้งหลันเหย่อีกฝ่ายพลางลูบด้ามขวานด้วยสายตาดุ เธอจะไม่มีทางบอกความจริงอีกฝ่ายหรอกว่าใช่เจิ้งเจียงที่มีชื่อเสียงหรือไม่ ราชินีแห่งโจรป่าที่เสมือนแบบอย่างของเธอ



      "ข้าคิดว่าท่านน่าจะเป็นญาติกันหรือเปล่าวเพราะที่ข้าได้ข่าวมาถ้าเป็นหัวหน้ากลุ่มโจรจริงคงไม่มาอยู่เพียงผู้เดียวแบบนี้ ต้องมีสมุนมาด้วยหรือว่าต้องมีคนมามากกว่านี้"

"ข้าก็ว่าเช่นกันพวกกลุ่มโจรคงไม่มาเพียงผู้เดียวกระมัง?

       "พวกเจ้าคิดเช่นนั้นข้าก็ไม่ว่า... จุ๊"

เจิ้งหลันกล่าวพลางยกนิ้วขึ้นมาที่ริมฝีปาก

"พวกเจ้าทั้งคู่ได้ยินเสียงอะไรหรือเปล่า"

     "หืมเสียงอันใดกันข้าไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนะ?"

       "ลองตั้งใจฟังสิ"

      "ข้าว่าท่านต้องไปลองเช็คสมองกับท่านหมอเสียหน่อยนะข้าว่าอาการท่านน่าจะหนัก"

       "เจ้าไม่ได้ยินเสียงสิงสาราสัตว์ ฝูงนกร้องจิ๊บ ๆ ทั่วบริเวณนี้หรอกหรือ พวกมันกำลังกลัวคนแปลกหน้าเช่นเจ้า เจ้าซินแซนอกรีตเอ้ย "

เจิ้งหลันกล่าวพลางลุกขึ้นบิดตัว

       "เอ่อข้าไม่ได้มียินเสียงของพวกสัตว์เหล่านี้นะ ข้าได้ยินแต่เสียงของพระองค์ที่ดังไกล ท่านได้ยินเสียงมันเช่นนั้นหรือ?

       "ข้าเหรอ ข้าพอเข้าใจพวกมันได้บ้าง ก็อยู่ที่นี่มาสามปีแล้วนับแต่ตอนนั้น..."

เจิ้งหลันกล่าวพลางเว้นไว้ ไม่อยากหวนนึกถึงวันที่เธอฆ่าขุนนางชั่วจนโดนตามล่าที่ซีเหอ

       "ท่านไม่มีบ้านไม่มีที่อยู่หรือถึงมาอยู่ในป่าแห่งนี้ แถวนี้ก็ไม่เหมือนมีที่อาศัยอยู่เลยนะ"

พร้อมกับที่ตนมองไปยังเหวินหยวนที่อีกฝ่ายก็เพียงส่ายหน้ากลับมา

       "พูดถึงข้า แล้วเจ้าล่ะ คิดว่าจะเริ่มต้นยังไงกับชะตาเจ้าและแผ่นดินในกลียุคเช่นนี้"

เจิ้งหลันหันมามองอีกฝ่ายก่อนเอ่ยปากถาม

      "ข้าจะต้องช่วยเหลือเหล่าประชาชนให้ได้มากที่สุดข้าจะยุติกลียุคเช่นนี้ให้จงได้ถึงแม้มันจะยากลพบากมากเพียงไหนก็ตามทีเพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยปล่อยให้กลียุคเป็นไปแบบนี้ผู้คนจะต้องล้มตายจนสิ้นแน่นอน ข้าจะต้องช่วยเหลือผู้คนให้ได้ต่อให้โดนประนามก็ตามที ใช่ไหมล่ะแม่นาง?!!!


       เจิ้งหลันมองอีกฝ่ายที่เรียกตนแม่นางเจิ้งพลางเดินเข้ามาหา

"เริ่มต้นหมายความว่าอะไรงั้นเหรอ ก็...."

ก่อนเธอจะร้องเพลงกล่าวต่ออีกฝ่าย

       "โลกอยู่ใกล้แค่เอื้อม รอให้เราได้ไขว่ขว้า" เธอร้องเพลงมอบให้อีกฝ่าย เพื่อกระตุ้นปณิธานที่ปรารถนา

"ใหญ่และกว้างนักหนาเราจะกล้าพอไหม..."

       "ข้าว่าท่านค่อยๆใจเย็นๆนะ..."

พร้อมหันไปมองเหวินหยวนที่ตอนนี้หลับตาซึมซับกับบทเพลงนั้ร

       "อยู่ตรงนี้เหมือนที่หวังจะอย่างไรก็ต้องไป... อย่า...อย่าเลย...ไม่ ข้าต้องลอง"
เจิ้งหลันร้องเพลงอย่างไม่หยุด เธอเริ่มร่ายรำรอบตัวจีเทียนเต๋าท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินรอบ ๆ

       "อ่าทำไมท่านจึงร้องเพลงกับนกเหล่านี้ได้กัน...ท่านทำได้อย่างไร?

       "ได้สูดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่ามันต้องหอมหวาน..."

เจิ้งหลันกล่าวเนื้อเพลงท่อนต่อไปก่อนจะวิ่งไปที่เชิงผา

"ชื่นช่ำยามลมพัดผ่าน เรียกข้าให้รีบตามไป... ตลอดชีวิตที่เฝ้าฝันหา ได้ทำการใหญ่สมใจ.."

       "อ่าใช่ข้าต้องทำการใหญ่ช่วยเหลือปวงประชา!!!"

       "จะได้ออกวิ่งไป เกลือกกลิ้งไป จะเต้นไป จะเล่นไป จะเที่ยวไป จะเลี้ยวไป ปล่อยผมปลิวเล่นลมลิ่ว จะลื่นไปให้ชื่นใจ"

หญิงสาวคว้าข้อมือคุณพาวิ่งไปท่ามกลางฝูงนกน้อยที่บินตาม

"ได้สุดกลิ่นอายพื้นหญ้า ฝันว่าความสำเร็จอยู่ตรงหน้า วันนี้ได้เปิดโลกใหม่ นี่แหละชีวิตเริ่มแล้ววววว"

       "ชีวิตของเราได้เริ่มต้นแล้ว!!!"

       "นี่แหละชีวิตข้าไดเ้ริ่มขึ้นแล้ววว คว้าชัยเหนือผู้กดขี่!"

เจิ้งหลันจบเพลงก่อนหันมาหาคุณ

"อุดมการณ์ของเจ้าล่ะ ในกลียุคเจ้าจะทำอะไร"

       "ช่วยเหลือประชาชนทุกคนในแผ่นดิน!!!"

       "งั้นเหรอ หวังว่าเจ้าจะทำได้นะ"

เจิ้งหลันยิ้มก่อนวิ่งจากไป "หากเจ้าไม่มีเพื่อนคุย มาหาข้าที่นี่ได้"

หญิงสาวโบกมือก่อนกระโดดไถลไปตามเนินเขาจากไปทิ้งให้คุณยืนท่ามกลางฝูงนก

      "ข้าว่านางน่าจะได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองนะท่านเหวินหยวนคิดเช่นนั้นไหม?

"ข้าว่าที่นางร้องเพลงมาก็ไม่ได้แย่นะ"

"ข้าล่ะปวดหัวกับพวกท่านจริงๆเอาเถอะเราไปประลองกันดีกว่าจะได้ไปจินหยางต่อ เหะกระเป๋าเงินใครในพุ่มไม้ เดี่ยวเก็บไว้ก่อนรอหาเจ้าของทีหลัง"

พร้อมกับที่จีเทียนเต๋าได้ไปโดน เหวินหยวนทุบจนสะบัดสะบอมก่อนทั้งคู่จะเดินทางไปจินหยางกันต่อ

@Webmaster


   






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้