[เมืองฉางอัน] จวนเจ้าเมืองฉางอัน

[คัดลอกลิงก์]





จวนเจ้าเมืองฉางอัน








จวนหลังนี้มีเพียงผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเท่านั้น จึงอาศัยอยู่ได้
และยังเป็นสถานที่ๆ เจ้าเมืองฉางอันใช้ในการไตร่สวนคดี พิจารณาโทษผู้กระทำความผิด
และ เป็นทั้งที่พักของผู้ว่าฉางอัน ด้านหลัง หรือ ยามสนทนากับขุนนางท่านอื่นจะใช้ห้องโถง
ส่วนโถงด้านหน้า ใช้ในการพิจารณาคดี โดยเปิดประตูโล่งเพื่อให้ชาวบ้านได้ดูด้วย



เจ้าเมือง: จาง ฮุ่ยหลิง
จางฮุ่ยหลิงเป็นคนซื่อสัตย์และยุติธรรม ไม่ค่อยมีสหายมากนัก
และเกลียดการประจบสอพลอ ทั้งยังเป็นคนสุขุม รอบคอบ
ทำงานด้วยความระมัดระวัง เพราะเหตุนี้จึงไม่เป็นที่ชอบใจของขุนนางส่วนใหญ่





โพสต์ 2022-5-16 20:19:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ยอดอัจฉริยะฝากตัวเข้าทำงาน ชายหนุ่มเจ้าสำราญเริ่มก่อการใหญ่
         เมื่อได้กลับถึงนครฉางอันอีกครั้งได้แวะไปโรงน้ำชาอีกครั้ง  คราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมขุนนางท้องถิ่นบางคนเดินทางมาชุมนุมที่นี่  แม้แต่ขุนศึกขุนพลยังมาร่วมด้วย  บังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมต้องมีสิ่งพิเศษบางประการเกิดขึ้น  หลี่ซีซวนไม่คิดว่าสถานที่อย่างโรงน้ำชาแห่งนี้จะเปลี่ยนกิจการค้าขาย  เดินฝ่าฝูงผู้ชุมนุนมเข้าไปด้านในโรงน้ำชา  พบว่าหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาวแต่งตัวงามสง่า  มาดทะนงองอาจ   ภาพนี้เห็นได้นับครั้งได้เพราะน้องสาวของเขาไม่นิยมการประทินโฉม   หากเครื่องประทินโฉมได้ตกแต่งบนตัวของหลี่หย่งเมี่ยวด้วยฝีมือของแม่บ้านสกุลหลี่  ราวกับนางพญาหงส์จุติในโรงน้ำชาแห่งนี้  ส่งผลให้เถ้าแก่หลี่วางมาดเคร่งขรึม  ดุดัน กันพวกบ้ากามเข้ามาใกล้บุตรี  ไป๋เจวี๋ยยิ่งขยับมาด้านหน้าหนึ่งก้าว  ผู้ใดกล่าววาจาระคายหูได้ถูกโยนออกจากโรงน้ำชา
        หลี่ซีซวนเดินเข้ามาหาน้องสาว  สายตามีความเกรงใจในที  ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยลโฉมน้องสาวผู้เป็นกุลสตรี  นานทีปีหนตระกูลหลี่มีโอกาสอวดกุลสตรีกับคนอื่นบ้าง  หลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นกุลสตรี  เขาพนันได้เลยว่าหนิงเมิ้งยังต้องพ่าย  โจ่วซื่อต้องสยบให้กับนาง  
     "ไม่ทราบว่า ท่านพ่อจะพาหย่งเมี่ยวไปทำการค้าที่ใด นางถึงได้แต่งตัวเลอโฉมขนาดนี้"
     พลันเสียงหัวเราะดังลั่นโรงน้ำชา  เมื่อเถ้าแก่หลี่ได้ฟังประโยคแรกจากบุตรชาย พลางลูบเคราอย่างคนอารมณ์ดี
     "วันนี้ข้าไม่ได้จะพาเมี่ยวเอ๋อห์ไปทำการค้าต่างเมือง  ข้าจะพานางไปหา จางฮุ่ยหลิง เจ้าเมืองฉางอัน"
      เขาไม่ได้หูฟาดไม่ใช่ไหม พวกเขาคนชังวงราชการขุนนาง  ไฉนจึงไปหาขุนนางนั้นได้  และพวกคนที่ได้ฟังต่างหูพึ่งไม่ต่างจากหลี่ซีซวน
     "ข้าขอติดตามไปด้วย  ขากลับจะได้ออกจากเมืองด้วยเลย"
        พลันสมาชิกสามคนของตระกูลหลี่เดินออกจากโรงน้ำชาแหวกฝูงคน  ที่แอดอัดยัดเยียดออกมาได้สำเร็จ  หลี่หย่งเมี่ยวไม่ได้กล่าววาจาใดระหว่างเดินไปยังจวนเจ้าเมืองฉางอัน  เถ้าแก่หลี่ผู้รู้จักคนแทบทั่วแผ่นดิน  คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก  พวกเขาสองคนเบื้องหน้าชังวงราชการขุนนางเป็นหนักหนา  ไม่จำเป็นไม่เข้าจวนพวกขุนนางทั้งหลาย  เหตุใดถึงได้ไปยังจวนเจ้าเมืองฉางอัน
        พวกเขาสามคนพ่อลูกเดินทางมาถึงด้านหน้าจวนของเจ้าเมืองฉางอัน  เถ้าแก่แจ้งทหารยามเฝ้าด้านหน้าจวนตามธรรมเนียม   พลันนายทหารยามผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน  จวนหลังนี้ไม่ได้โอ่โถง  กว้างขวางมาก  สถาปัตยกรรมของอาคารบอกถึงความเก่าแก่  ความยาวนานของมันได้เป็นอย่างดี  ความวิจิตรของงานแกะสลักผ่านกาลเวลายาวนาน  ทว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร  มันจึงเป็นเพียงความขลังของสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามาได้รู้สึกถึงความเกรงขามของมันเท่านั้น
        ก้าวย่างมั่นคง  ไร้สุ่มเสียงได้รับการฝึกปรือมาเป็นอย่างดี  เดินเข้ามาภายในโถงรับรองแขก  หลี่เฟยหลงนั่งลงด้านข้างตรงข้ามโต๊ะประธานด้านหน้า  ถัดมาเป็นหลี่หย่งเมี่ยวและหลี่ซีซวน  ชุดชาสามชุดยกมาวางไว้ตรงหน้า  คนที่สมควรตื่นเต้นเพราะได้เจอขุนนางระดับเจ้าเมืองยังนั่งสงบนิ่ง  หลุบตาลงมองชุดน้ำชา  อายุเท่านี้สามารถทำได้ขนาดนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง  มิชามินานจางฮุ่ยเหอ  เจ้าเมืองฉางอานผู้มารับตำแหน่งได้ไม่นานเดินออกมาจากด้านหลังต้อนรับแขกผู้มาเยือนยามบ่าย  สายตาสำรวจมองบุคคลสามคนต่างอายุ  จนเลื่อนสายมาหยุดลงตรงสตรีนางหนึ่งกำลังสงบนิ่งดั่งนักพรตกำลังบำเพ็ญภาวนา  สิ่งใดก็มิอาจสั่นคลอนได้  เขานั่งลงตรงตำแหน่งประธาน  ปรับลมหายใจใหม่
     "ข้านึกว่าผู้ใดมาขอพบข้า  ที่แท้คือเถ้าแก่หลี่แห่งโรงน้ำชาผู้โด่งดังนี่เอง"
     น้ำเสียงเป็นกันเองหันมามองเถ้าแก่หลี่  ราวกับสหายเก่าแก่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี
     "มิกล้า มิกล้า ใต้เท้าจางชมข้าเกินไปแล้ว  วันนี้ข้าพาบุตรีกับบุตรชายมาคำนับใต้เท้า ขอรับ"
     เถ้าแก่หลี่ประสานมือคาราวะจางฮุ่ยเหอ  แสดงความนอบน้อมตามธรรมเนียม  สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้แม้กระทั่งวงขุนนางก็ตาม  พวกเขาคือสหายสมัยเด็กและแยกย้ายยามเติบโตขึ้นมา
     "แล้วเถ้าแก่หลี่มาหาข้าด้วยธุระอันใดหรืออยากให้ข้าเขียนจดหมายรับใครเข้าทำงาน" จางฮุ่ยเหอเคยเขียนจดหมายแนะนำตัวให้คนอื่นมาบ้าง  ระยะหลังมีแต่พวกไม่เอาไหนจึงเลิกกระทำและปฏิเสธทุกครั้ง  "บุตรชายท่านจะเข้าทำงานวงราชการอย่างนั้นหรือ"
     "มิใช่บุตรชาย ใต้เท้าจาง  บุตรีของข้าต่างหาก" เถ้าแก่หลี่ผายมือมายังหลี่หย่งเมี่ยว บุตรีด้วยความภูมิใจ  "ข้าอยากให้บุตรีของข้าได้เข้าทำงานกับท่าน  หากเป็นผู้อื่นข้ายินดีให้เป็นเถ้าแก่อยู่โรงน้ำชา"  
     หลี่หย่งเมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาประสานมือคำนับจางฮุ่ยเหอตามแบบอย่างของคนได้รับการอบรมมารยามมาเป็นอย่างดี  ทว่าไม่ค่อยนำมันออกมาใช้  ความเฉลี่ยวฉลาดของนางควรใช้เป็นประโยชน์มากกว่าดีดลูกคิดอยู่ในโรงน้ำชา
     "บุตรีเถ้าแก่หลี่ข้าพอได้ยินมาบ้าง  กิตติศัพท์ไร้พ่าย  ข้าได้พบหน้าวันนี้ไม่มีอันใดต้องสงสัยเลย" จางฮุ่ยเหอยิ้มด้วยความดีใจ  ดั่งสวรรค์ประธานผู้ร่วมงานระดับอัฉริยะมาใด้ "สมควรแล้วมาช่วยราชการ  แต่ได้ยินว่าขุนนางผู้ใหญ่หลายคนทาบทามตัวยังบอกปัดมิใช่หรือ"  ถึงมีสหายในวงราชการน้อย  มันก็ไม่ยากที่จะสืบข่าว  ยิ่งเป็นข่าวจากตระกูลหลี่ด้วยแล้ว  ยิ่งสืบความไม่ยาก
     "ใต้เท้าจาง ข้าคิดว่าท่านคงรู้สถานการณ์ในเวลานี้เป็นอย่างดี  ครั้นให้บุตรีอยู่แต่ในโรงน้ำชาไปตลอดชีวิตย่อมไม่สมควร"  เถ้าแก่หลี่กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในห้วงกลียุค  "บางเมืองมีผู้ยึดครองแล้ว  จำเราต้องร่วมแรงกัน"  พอได้คุยเรื่องบ้านเมืองซึ่งปรกติเลี่ยงสนทนาเป็นประจำกลับพูดได้คล่องแคล่ว  ทำเอาบุตรชายหันมามองด้วยความใคร่รู้
     "ข้าทราบ  เช่นนั้นข้าจะรับบุตรสาวของท่านมาช่วยงานเมือง  ร่วมแรง ร่วมใจกันค้ำจุนราชสำนักและรักษาเมืองนี้"
    จางฮุ่ยเหอขานรับอย่างไม่ลังเล  พลางยกถ้วยชาให้ทุกคนได้ดื่มชาร่วมฉลองปรีดา
        เวลาล่วงเลยสู่ยามเย็นสามคนพ่อลูกออกมาจากจวนใต้เท้าจาง  บัดนี้หลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาวได้เข้าร่วมงานกับเจ้าเมืองฉางอาน  ย่อมเป็นสัญญาณบอกว่าเขาสมควรเริ่มแผนงานได้แล้ว  หากรั้งรอย่อมสียการใหญ่แต่ภายหน้า  นี่หรือเปล่าเน้นกระทำให้ดูมากกว่าพูด  แล้วสิ่งที่หลี่หย่งเมี่ยวเงียบตลอดมาคงทำให้นางอึดอัดไม่น้อยเดินมาตรงหน้าพี่ชายของนาง
    "ข้ารู้ว่าพี่คงจะแยกกลับเจียงหนานเลย  หากพี่ไม่ถือสาที่ข้านิ่งเงียบตลอดมา  ข้าอยากเชิญพี่ใหญ่ไปศาลบรรพชนด้วยกันอีกสักครั้ง" หลี่หย่งเมี่ยววางมือบนไหล่ของหลี่ซีซวน  การกระทำของนางในวันนี้เป็นการบอกว่าควรสละความสำราญ  กลับมาทำงานได้แล้ว  "ไม่อย่างนั้นเราไปนั่งเล่นที่ร้านขายผ้าก็ได้  ข้าไม่ได้พบท่านอาเมี่ยวมานานแล้ว"
     มิทันให้พี่ใหญ่ของนางขานรับได้เดินตรงไปอีกเส้นทางหนึ่งมุ่งหน้าไปร้านขายผ้า  หากมิไปตามนัดคงโดนน้องสาวโกรธเคืองเป็นการใหญ่แน่นอน  จึงอำลาบิดารีบเดินตามน้องสาวไปร้านขายผ้าทันที
    ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว

   



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-7-8 13:55:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขุนนางแซ่หลี่พบหน้า
        หลี่ซีซวนใช้ช่วงเวลาที่ค่ายพยัคฆ์ของเมืองเว่ยหนานกำลังซ่อมแซมค่ายและยังไม่ได้ลงทำหน้าที่ขุนนางเต็มตัว  ปลีกตัวเองเดินทางมายังฉางอัน  สายข่าวคนหนึ่งที่ได้ว่าจ้างบอกว่าพวกโจกโพกผ้าเหลืองซุ่มกำลังอยู่บนเขา  ยังไม่มีท่าทีล้อมเมืองฉางอัน  ทั้งราชสำนักยังไม่มีท่าทีตอบกลับมากับสถานการณ์นี้  ได้ยินข่าวนี้อดมุ่นคิ้วไม่ได้  ราชสำนักมัวทำอะไรอยู่  กองกำลังทหารของราชสำนักแบ่งมาส่วนหนึ่งยังเพียงพอป้องกันนครหลวงได้อย่างเหลือเฟือ  กลัวอันใดกันขุนศึกขุนพลออกเต็มแผ่นดินระดมคราเดียวก็ได้แล้ว  หรือกำลังวิเคราะห์กับศึกป๋อไห่  ช่างน่าอดสูกับพฤติกรรมของราชสำนักเต็มที
        เวลานี้ชาวเมืองฉางอันยังคงดำเนินวิถีชีวิตตามปรกติ  บรรยากาศครึกครื้นกว่าเว่ยหนานที่เพิ่งฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่  หลี่ซีซวนเดินจูงม้า  สวมอาภรณ์อย่างบัณฑิต เพียงไม่มีหมวกครอบศีรษะเท่านั้น  มัดไว้ด้วยเชือกธรรมดา  พกกระบี่ข้างกาย  มองอย่างไรไม่เคยเห็นว่าเป็นบัณฑิตสักครา  เหมือนพวกจอมกะล่อนหาความไว้ใจได้ยาก  เป็นพวกทำตามแต่ใจและอารมณ์เป็นหลัก  เดินท่องสำราญเรื่อยมาจนมาถึงหน้าจวนเจ้าเมืองฉางอัน  เขาคงมาหาใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ขุนนางแซ่หลี่เช่นเดียวกับหลี่ซีซวน  เพียงกินตำแหน่งที่เสมียน  นายทหารเฝ้าประตูด้านหน้าพบหน้ากั้นประตูทางเข้าทันที
     "ข้ามาหาใต้เท้าหลี่  ช่วยไปรายงานให้ข้าหน่อยสิ"
     หลี่ซีซวนยืนด้านหน้าประตูจวนประสานมือเข้าหากัน  อดเหนื่อยใจกับตัวเองไม่ได้  ทหารยามสองคนมองหน้ากันครู่หนึ่ง  แล้วมีคนหนึ่งเดินเข้าไปด้านในจวน  ทำได้แค่รอเวลาเท่านั้น  ไม่รู้ว่าเข้ารายงานอย่างไร  ใจจริงอยากแวะไปโรงน้ำชา  เวลานี้ไม่มีเรื่องบันเทิงให้ชมแล้ว
        ชั่วขณะรอหลี่หย่งเมี่ยว ผู้เป็นน้องสาวออกมา  ช่างเป็นเวลารอคอยยาวนาน  ยืนมองทหารยามทำหน้าที่เข้มงวด  พลันนายทหารยามเดินนำออกมาหน้าประตู สตรีในชุดขุนนางเดินตามหลังออกมา
     "นึกว่าผู้ใดมาขอพบข้า  ที่แท้ใต้เท้าหลี่จากเมืองเว่ยหนานนี่เอง"
     นายทหารสองคนได้ยินใต้เท้าหลี่ของพวกมันพูดออกมาให้ได้ยิน  อดตะลึงไม่ได้  บุรุษในคราบบัณฑิตเป็นขุนนาง  ยังใช้แซ่เดียวกันอีก  หลี่หย่งเมี่ยวพาเดินเข้าไปนั่งคุยที่โต๊ะด้านในจวน  บริเวณลานโล่ง
     "การข่าวของเจ้าไวดีนี่ หย่งเมี่ยว"
     ไม่คิดว่าการไปรับราชการเมืองด้านข้าง  มันจะรู้ถึงหูของน้องสาวของเขาเร็วขนาดนี้  เกือบลืมไปว่าวงราชการขุนนางการข่าวมักไวกว่าเสมอ
     "พี่ใหญ่คงเรื่องโจรโพกผ้าเหลืองแล้วใช่ไหม"  ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าของหลี่หย่งเมี่ยว  "ใต้เท้าจาง เจ้าเมืองฉางอัน แจ้งไปยังราชสำนักนานแล้ว ยังไม่มีวี่แววจากราชสำนักเลย" กล่าวจบประโยคเสร็จมีท่าทีหงุดหงิดกับขุนนางเมืองหลวง
     "ใช่ ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน  นึกว่าโดนล้อมแล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าคงอาสามาเป็นทหารช่วยนานแล้ว" หากอยู่เว่ยหนานการระดมสรรพกำลังทหารมาช่วยกู้นครฉางอานย่อมง่ายดาย  เนื่องจากอยู่ใกล้มากที่สุด  "ตอนนี้ข้านั่งตำแหน่งขุนพลประจำค่ายทหาร  คิดว่ายังพอมีเวลาฝึกปรือและเกณฑ์กำลังพล"
     "ไม่ทันไร ฉางอานก็ถูกพวกโจรมาเยือนแล้ว"
     หลี่หย่งเมี่ยวลุกขึ้นยืนรับลมกลางลานของจวนเจ้าเมือง  ดั่งคนสิ้นอาลัย  หมดความหวังอันริบหรี่ วงราชการขุนนางในห้วงเวลานี้มืดมนอย่างที่สุด  พี่ใหญ่อย่างเขาทำได้แค่นั่งเงียบกับท่าทีของน้องสาวเท่านั้น
     "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉางอานยังมีใต้เท้าหลี่เช่นเจ้ากับใต้เท้าจาง เจ้าเมืองฉางอานเป็นหลักชัยแห่งความหวังของชาวเมืองเสมอ"  ฉางอานยังนับว่ายืนยง องอาจ  เหมือนพยัคฆ์ที่นายพรานโค่นล้มได้ยาก  "หากเวลานั้นมาถึงจริงข้าจะระดมทหารมาช่วยเสริมอีกแรง  มิปล่อยให้ภัยร้ายทำร้ายได้"
     "ทหารเมืองฉางอันมีเพียงสองร้อยนาย ยากต้านโจรนับพัน"
    นางย่อมรู้สถานการณ์และสามารถวิเคราะห์ออกมาได้  ได้แต่หวังว่าราชสำนักจะตามมาช่วยได้ทันการ อย่าได้แต่ห่วงเมืองหลวงมากนัก
        พวกเขาสองพี่สองสนทนาสถานการณ์บ้านเมืองอยู่สักพักใหญ่  หลี่ซีซวนขอตัวกลับเว่ยหนาน  ด้วยหลีกเลี่ยงภาระงานมานานพอควร  ไม่ช้าไม่นานคงจะกลับมาช่วยได้ทัน
    ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว
     


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้