เมื่อได้กลับถึงนครฉางอันอีกครั้งได้แวะไปโรงน้ำชาอีกครั้ง คราวนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากเดิมขุนนางท้องถิ่นบางคนเดินทางมาชุมนุมที่นี่ แม้แต่ขุนศึกขุนพลยังมาร่วมด้วย บังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ย่อมต้องมีสิ่งพิเศษบางประการเกิดขึ้น หลี่ซีซวนไม่คิดว่าสถานที่อย่างโรงน้ำชาแห่งนี้จะเปลี่ยนกิจการค้าขาย เดินฝ่าฝูงผู้ชุมนุนมเข้าไปด้านในโรงน้ำชา พบว่าหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาวแต่งตัวงามสง่า มาดทะนงองอาจ ภาพนี้เห็นได้นับครั้งได้เพราะน้องสาวของเขาไม่นิยมการประทินโฉม หากเครื่องประทินโฉมได้ตกแต่งบนตัวของหลี่หย่งเมี่ยวด้วยฝีมือของแม่บ้านสกุลหลี่ ราวกับนางพญาหงส์จุติในโรงน้ำชาแห่งนี้ ส่งผลให้เถ้าแก่หลี่วางมาดเคร่งขรึม ดุดัน กันพวกบ้ากามเข้ามาใกล้บุตรี ไป๋เจวี๋ยยิ่งขยับมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ผู้ใดกล่าววาจาระคายหูได้ถูกโยนออกจากโรงน้ำชา
หลี่ซีซวนเดินเข้ามาหาน้องสาว สายตามีความเกรงใจในที ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ยลโฉมน้องสาวผู้เป็นกุลสตรี นานทีปีหนตระกูลหลี่มีโอกาสอวดกุลสตรีกับคนอื่นบ้าง หลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นกุลสตรี เขาพนันได้เลยว่าหนิงเมิ้งยังต้องพ่าย โจ่วซื่อต้องสยบให้กับนาง
"ไม่ทราบว่า ท่านพ่อจะพาหย่งเมี่ยวไปทำการค้าที่ใด นางถึงได้แต่งตัวเลอโฉมขนาดนี้"
พลันเสียงหัวเราะดังลั่นโรงน้ำชา เมื่อเถ้าแก่หลี่ได้ฟังประโยคแรกจากบุตรชาย พลางลูบเคราอย่างคนอารมณ์ดี
"วันนี้ข้าไม่ได้จะพาเมี่ยวเอ๋อห์ไปทำการค้าต่างเมือง ข้าจะพานางไปหา จางฮุ่ยหลิง เจ้าเมืองฉางอัน"
เขาไม่ได้หูฟาดไม่ใช่ไหม พวกเขาคนชังวงราชการขุนนาง ไฉนจึงไปหาขุนนางนั้นได้ และพวกคนที่ได้ฟังต่างหูพึ่งไม่ต่างจากหลี่ซีซวน
"ข้าขอติดตามไปด้วย ขากลับจะได้ออกจากเมืองด้วยเลย"
พลันสมาชิกสามคนของตระกูลหลี่เดินออกจากโรงน้ำชาแหวกฝูงคน ที่แอดอัดยัดเยียดออกมาได้สำเร็จ หลี่หย่งเมี่ยวไม่ได้กล่าววาจาใดระหว่างเดินไปยังจวนเจ้าเมืองฉางอัน เถ้าแก่หลี่ผู้รู้จักคนแทบทั่วแผ่นดิน คิดอย่างไรก็คิดไม่ตก พวกเขาสองคนเบื้องหน้าชังวงราชการขุนนางเป็นหนักหนา ไม่จำเป็นไม่เข้าจวนพวกขุนนางทั้งหลาย เหตุใดถึงได้ไปยังจวนเจ้าเมืองฉางอัน
พวกเขาสามคนพ่อลูกเดินทางมาถึงด้านหน้าจวนของเจ้าเมืองฉางอัน เถ้าแก่แจ้งทหารยามเฝ้าด้านหน้าจวนตามธรรมเนียม พลันนายทหารยามผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน จวนหลังนี้ไม่ได้โอ่โถง กว้างขวางมาก สถาปัตยกรรมของอาคารบอกถึงความเก่าแก่ ความยาวนานของมันได้เป็นอย่างดี ความวิจิตรของงานแกะสลักผ่านกาลเวลายาวนาน ทว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร มันจึงเป็นเพียงความขลังของสถานที่ที่ให้ผู้คนเข้ามาได้รู้สึกถึงความเกรงขามของมันเท่านั้น
ก้าวย่างมั่นคง ไร้สุ่มเสียงได้รับการฝึกปรือมาเป็นอย่างดี เดินเข้ามาภายในโถงรับรองแขก หลี่เฟยหลงนั่งลงด้านข้างตรงข้ามโต๊ะประธานด้านหน้า ถัดมาเป็นหลี่หย่งเมี่ยวและหลี่ซีซวน ชุดชาสามชุดยกมาวางไว้ตรงหน้า คนที่สมควรตื่นเต้นเพราะได้เจอขุนนางระดับเจ้าเมืองยังนั่งสงบนิ่ง หลุบตาลงมองชุดน้ำชา อายุเท่านี้สามารถทำได้ขนาดนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง มิชามินานจางฮุ่ยเหอ เจ้าเมืองฉางอานผู้มารับตำแหน่งได้ไม่นานเดินออกมาจากด้านหลังต้อนรับแขกผู้มาเยือนยามบ่าย สายตาสำรวจมองบุคคลสามคนต่างอายุ จนเลื่อนสายมาหยุดลงตรงสตรีนางหนึ่งกำลังสงบนิ่งดั่งนักพรตกำลังบำเพ็ญภาวนา สิ่งใดก็มิอาจสั่นคลอนได้ เขานั่งลงตรงตำแหน่งประธาน ปรับลมหายใจใหม่
"ข้านึกว่าผู้ใดมาขอพบข้า ที่แท้คือเถ้าแก่หลี่แห่งโรงน้ำชาผู้โด่งดังนี่เอง"
น้ำเสียงเป็นกันเองหันมามองเถ้าแก่หลี่ ราวกับสหายเก่าแก่ไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี
"มิกล้า มิกล้า ใต้เท้าจางชมข้าเกินไปแล้ว วันนี้ข้าพาบุตรีกับบุตรชายมาคำนับใต้เท้า ขอรับ"
เถ้าแก่หลี่ประสานมือคาราวะจางฮุ่ยเหอ แสดงความนอบน้อมตามธรรมเนียม สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปไม่รู้แม้กระทั่งวงขุนนางก็ตาม พวกเขาคือสหายสมัยเด็กและแยกย้ายยามเติบโตขึ้นมา
"แล้วเถ้าแก่หลี่มาหาข้าด้วยธุระอันใดหรืออยากให้ข้าเขียนจดหมายรับใครเข้าทำงาน" จางฮุ่ยเหอเคยเขียนจดหมายแนะนำตัวให้คนอื่นมาบ้าง ระยะหลังมีแต่พวกไม่เอาไหนจึงเลิกกระทำและปฏิเสธทุกครั้ง "บุตรชายท่านจะเข้าทำงานวงราชการอย่างนั้นหรือ"
"มิใช่บุตรชาย ใต้เท้าจาง บุตรีของข้าต่างหาก" เถ้าแก่หลี่ผายมือมายังหลี่หย่งเมี่ยว บุตรีด้วยความภูมิใจ "ข้าอยากให้บุตรีของข้าได้เข้าทำงานกับท่าน หากเป็นผู้อื่นข้ายินดีให้เป็นเถ้าแก่อยู่โรงน้ำชา"
หลี่หย่งเมี่ยวเงยหน้าขึ้นมาประสานมือคำนับจางฮุ่ยเหอตามแบบอย่างของคนได้รับการอบรมมารยามมาเป็นอย่างดี ทว่าไม่ค่อยนำมันออกมาใช้ ความเฉลี่ยวฉลาดของนางควรใช้เป็นประโยชน์มากกว่าดีดลูกคิดอยู่ในโรงน้ำชา
"บุตรีเถ้าแก่หลี่ข้าพอได้ยินมาบ้าง กิตติศัพท์ไร้พ่าย ข้าได้พบหน้าวันนี้ไม่มีอันใดต้องสงสัยเลย" จางฮุ่ยเหอยิ้มด้วยความดีใจ ดั่งสวรรค์ประธานผู้ร่วมงานระดับอัฉริยะมาใด้ "สมควรแล้วมาช่วยราชการ แต่ได้ยินว่าขุนนางผู้ใหญ่หลายคนทาบทามตัวยังบอกปัดมิใช่หรือ" ถึงมีสหายในวงราชการน้อย มันก็ไม่ยากที่จะสืบข่าว ยิ่งเป็นข่าวจากตระกูลหลี่ด้วยแล้ว ยิ่งสืบความไม่ยาก
"ใต้เท้าจาง ข้าคิดว่าท่านคงรู้สถานการณ์ในเวลานี้เป็นอย่างดี ครั้นให้บุตรีอยู่แต่ในโรงน้ำชาไปตลอดชีวิตย่อมไม่สมควร" เถ้าแก่หลี่กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในห้วงกลียุค "บางเมืองมีผู้ยึดครองแล้ว จำเราต้องร่วมแรงกัน" พอได้คุยเรื่องบ้านเมืองซึ่งปรกติเลี่ยงสนทนาเป็นประจำกลับพูดได้คล่องแคล่ว ทำเอาบุตรชายหันมามองด้วยความใคร่รู้
"ข้าทราบ เช่นนั้นข้าจะรับบุตรสาวของท่านมาช่วยงานเมือง ร่วมแรง ร่วมใจกันค้ำจุนราชสำนักและรักษาเมืองนี้"
จางฮุ่ยเหอขานรับอย่างไม่ลังเล พลางยกถ้วยชาให้ทุกคนได้ดื่มชาร่วมฉลองปรีดา
เวลาล่วงเลยสู่ยามเย็นสามคนพ่อลูกออกมาจากจวนใต้เท้าจาง บัดนี้หลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาวได้เข้าร่วมงานกับเจ้าเมืองฉางอาน ย่อมเป็นสัญญาณบอกว่าเขาสมควรเริ่มแผนงานได้แล้ว หากรั้งรอย่อมสียการใหญ่แต่ภายหน้า นี่หรือเปล่าเน้นกระทำให้ดูมากกว่าพูด แล้วสิ่งที่หลี่หย่งเมี่ยวเงียบตลอดมาคงทำให้นางอึดอัดไม่น้อยเดินมาตรงหน้าพี่ชายของนาง
"ข้ารู้ว่าพี่คงจะแยกกลับเจียงหนานเลย หากพี่ไม่ถือสาที่ข้านิ่งเงียบตลอดมา ข้าอยากเชิญพี่ใหญ่ไปศาลบรรพชนด้วยกันอีกสักครั้ง" หลี่หย่งเมี่ยววางมือบนไหล่ของหลี่ซีซวน การกระทำของนางในวันนี้เป็นการบอกว่าควรสละความสำราญ กลับมาทำงานได้แล้ว "ไม่อย่างนั้นเราไปนั่งเล่นที่ร้านขายผ้าก็ได้ ข้าไม่ได้พบท่านอาเมี่ยวมานานแล้ว"
มิทันให้พี่ใหญ่ของนางขานรับได้เดินตรงไปอีกเส้นทางหนึ่งมุ่งหน้าไปร้านขายผ้า หากมิไปตามนัดคงโดนน้องสาวโกรธเคืองเป็นการใหญ่แน่นอน จึงอำลาบิดารีบเดินตามน้องสาวไปร้านขายผ้าทันที
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว