หมอกบางๆพ่นออกมาจากริมฝีปากสีแดงสดบ่งบอกสภาพอากาศโดยรอบของอิสตรีคนนี้หนาวเย็นเสียเหลือเกิน จ้าวเพ่ยจับมือประสานเจ้าหากันเพื่อเพิ่มความอุ่นทั้งเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจของนางไปในตัวยามที่ได้อยู่ไม่ไกลจากประตูจวนเจ้าเมือง สมองยังคิดอยู่ว่าควรจะขอเข้าพบเจ้าเมืองโดยตรงหรือควรจะตีกลองร้องทุกข์ดี แต่นางก็คิดว่าหากตีกลองคงจะเป็นเรื่องใหญ่สร้างจุดสนใจแก่ชาวบ้านแน่ๆ
จ้าวเพ่ยคิดอยู่นานสองนานตามประสาคนที่ไม่ค่อยมั่นใจการตัดสินใจเด็ดขาดของตัวเอง เพราะรู้ว่าอย่างไรมันไม่ง่ายอย่างที่นางตั้งความหวังเอาไว้แน่ๆ สายตาของทหารยามมองมาทางนางผู้อยู่ไม่ไกลจากนี้ด้วยความสงสัย พลันสายตาของนางประสานกับอีกฝ่ายทำเอานางคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยพอให้เห็นว่านางเองก็มองเขาอยู่ในระยะที่ไม่ไกล แน่นอนว่าจ้าวเพ่ยมั่นใจว่าอย่างไรก็ตามทหารยามค้องมองนางเป็นแน่แท้
"แม่นาง.." เสียงเข้มของบุรุษหน้าประตูเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าจ้าวเพ่ยอยู่ตรงนั้นนานกินไปจนเป็นจุดสังเกตุ "มีอะไรหรือไม่"
"ข้า.. "
เมื่อถูกเรียกก็คล้ายเรียกสตินางให้กลับมาอีกที หญิงสาวเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที ไม่รู้ว่าทหารยามเฝ้าหน้าจวนจะจำนางได้หรือไม่ แต่ดูท่าทางแล้วคงจะพบผู้คนมากหน้าหลายตาจนคิดว่านางคือชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งเป็นแน่แท้
"ข้าขอพบเจ้าเมืองเจ้าค่ะ"
"มีธุระอันใด.." เพราะเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งหาใช่ขุนนางไม่ ย่อมถูกคัดกรองเป็นปกติ ทหารยามยังคงทำหน้าที่ของเขาได้ดี แต่กับจ้าวเพ่ยนางไม่รู้ว่าจะทำให้ทหารยอมนางด้วยวิธีของนางได้หรือไม่
"เรื่องคดีความหนึ่งเจ้าค่ะ" หญิงสาวหล่าวทั้งเคลื่อนตัวเข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อย นางยกยิ้มเล็กน้อยเพื่อพอให้อีกฝ่ายได้เห็นว่านางเองมีความต้องการบางอย่างจริงๆ "พวกท่านช่วยข้าได้หรือไม่"
นิ้วเรียวไล้จิ้มลงที่อกแต่ถูกคว้ามือเอาไว้ก่อน จ้าวเพ่ยเพียงชะงักลงเล็กน้อยแต่นางก็หาได้หยุดนิ่งไม่ สายตาของทหารยามมองมาราวกับนังสงสัยในสิ่งที่นางทำว่านางต้องการอะไรกันแน่
"ให้พวกข้าช่วยเรื่องอันใด"
"เพียงแค่ให้ข้าเข้าพบเจ้าเมืองเท่านั้น ข้าเองมีเรื่องทุกข์ร้อนใจไม่น้อย" หญิงสาวกล่าวทั้งเหลือบตาขึ้นไปมองทหารนายนั้น "ดูสิเจ้าคะ.. ข้าร้อนรุ่มในอกไปเสียหมด คงเพราะเรื่องทุกข์ร้อนเป็นแน่"
พลันสายตาของทหารนายนั้นกลับก้มมองอกของนางตามที่นางกล่าว เพียงไม่เท่าไหร่มือเรียวกลับยกขึ้นมาประสานปิดเอาไว้ไม่ให้จ้องไปนานกว่านี้ จ้าวเพ่ยรู้ดีกว่ามันจะทำให้ทหารนายนี้เสียสมาธิเอาได้
"มีเรื่องทุกข์ร้อนก็ตีกลองร้องทุกข์" ทหารนายนั้ นกล่าวออกมากับสิ่งที่นางทำได้แน่นอน หญิงสาวหันไปมองกลองนั้นทันที ดูเหมือนว่าต้องเป็นไปตามขั้นตอนอย่างที่นางคิด แต่หากตีหลองร้องทุกข์นั่นหมายความว่านางต้องเสียเวลาที่จะเท้าความเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นแก่เจ้าเมือง จ้าวเพ่ยเพียงต้องการคำขอรื้อคดีเพียงเท่านั้น
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ.. แค่ข้าขอทราบเกี่ยวกับคดีของ.. มือปราบหวังเพียงเท่านั้น"
เพียงแค่สตรีงามกล่าวถึงมือปราบหวัง หรือหวังโก่วเจียงที่พึ่งถูกพิจารณาคดีความร้ายแรงไป ทำเอาทหารยามคนนั้นเกิดความสงสัยในตัวนางแทบจะทันที เขามองจ้าวเพ่ยที่ยังคงอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบเพียงเท่านั้น
"คดีนั้นถูกพิจารณาไปแล้วนะแม่นาง.."
"หากช่วยข้าให้เข้าพบเจ้าเมืองเรื่องนี้ได้.. ข้ายอมให้รางวัลท่านอย่างงามนะเจ้าคะ.. เอาเป็น..." หญิงสาวจะจับมือจากอีกฝ่ายให้มาสัมผัสนางแต่เขากลับรีบชักมือหนีทั้งตัวแข็งแกร็ง หญิงสาวมองไปยังทหารยามนายนั้นอย่างไม่ค่อยเข้าใจเสียเท่าไหร่ แต่คำพูดต่อมาทำเอานางยิ้มขึ้นได้เล็กน้อย
"ข้าจะไปแจ้งให้ ขอแซ่แม่นางด้วย"
"จ้าวเพ่ยเจ้าค่ะ"
ทหารยามยอมเดินออกไปด้านในราวกับจะแจ้งกับเจ้าเมืองว่ามีคนต้องการพบ อย่างนั้นนางก็ทำได้เพียงขอให้อีกฝ่ายอนุมัติและยอมให้เข้าไปเพื่อขอทราบเกี่ยวกับผู้ดูแลคดีนี้และขอรื้อคดีเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ แม้จะไม่ค่อยรู้ลึกมากเท่าไหร่นัก แต่นางก็มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือดีกว่าอยู่เฉยๆรอปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาทั้งชีวิตของมือปราบและนางก็ได้
นานเพียงไม่เกินที่นางจะรอทหารนายนั้นเดินออกมาพร้อมคำตอบที่นางรอคอยว่าเจ้าเมืองจะตอบกลับมาอย่างไร
"ขออภัยแม่นาง.. ท่านตู่ไม่ต้องการคุยใดๆเรื่องนี้กับผู้ใดอีก"
"ได้อย่างไร.. ข้าเพียงแคลงใจเรื่องคดีนี้ ต้องการรู้ให้มากกว่านี้ ได้โปรดให้ข้าพบเขาด้วย"
นางรีบเข้าประชิดตัวแต่ถูกชาวบ้านที่เดินผ่านมามองแปลกไป ทำเอาต้องค่อยๆถอยก้าวออกมา ทหารนายนั้นเองก็รู้ว่าเหตุใดจ้าวเพ่ยทำเช่นนั้น เขาเองก็ใช่ว่าจะใจร้ายใจดำกับสตรีตรงหน้าแต่หน้าที่ อย่างไรก็คือหน้าที่
"ข้าต้องทำตามหน้าที่ กลับไปเถอะขอรับ"
"หาก.. หากไม่ให้ข้าพบ แค่บอกให้ข้ารู้ก็ได้ว่าผู้ใดดูแลคดีนี้.."
มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ส่งต่อจากทหารมาให้จ้าวเพ่ย หญิงสาวแทบจะรู้สึกหมดหวังแม้แต่เจ้าเมืองเองก็ไม่ช่วยอะไรนาง สายตามองไปยังกลองร้องทุกข์ หวังว่าหากนางยอมออกไปเสียตอนนี้ก็คงไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ช่วยมือปราบหรือหรือ
"แม่นาง.. ช้าก่อน!!"
ทหารนายนั้นเห็นว่าจ้าวเพ่ยจะเดินไปเพื่อตีกลองร้องทุกข์ ก็รีบรั้งเอาไว้ เพราะรู้ว่าอย่างไรตู่ชวี่ปิ้งคงไม่อยากจะพบแน่ๆ เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวเพ่ยก็หันมามองทหารด้วยความงุนงง ในเมื่อนางต้องการที่จะรู้เบื้องลึกของคดีนี้จริงๆ
"เห็นใจข้าเถอะขอรับ.. ท่านตู่ไม่อยากพบแม่นาง อย่าทำให้ข้าต้องถูกลงโทษเลย"
"เป็นเจ้าเมืองแต่ไม่อยากรับเรื่องทุกข์ใจของประชาชนน่ะหรือ!"
"กลับไปเถอะขอรับ.."
แม้จะเป็นคำสุภาพ แต่ก็เป็นการไล่นาง หญิงสาว มองเข้าไปในจวนหวังว่าจะมีใครมาช่วยนางในเรื่องนี้ แต่กลับไม่มีแม้วี่แววเลยแม้แต่น้อย
"พวกท่านคิดว่ามือปราบหวังเป็นคนเช่นนั้นหรือ.. ข้าไม่เชื่อว่ามือปราบจะเป็นผู้กระทำ คดีของมือปราบต้องมีอะไรบางอย่างแน่แท้ ท่านไม่คิดเช่นนั้นหรือ.."
นางกล่าวถามไปแต่ได้รับเพียงความเงียบกลับมา จ้าวเพ่ยเองรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก นางเพียงแค่ต้องการคุยเรื่องนี้ แต่กลับถูกกีดไว้ให้ให้ได้ทำอันใดเลยแม้แต่น้อย
"อย่าทำให้ข้าดูใจร้ายเลยขอรับ"
"ก็ได้.. ไว้คราหน้าข้าจะมาอีกครา!"
"แม่นาง!!" เสียงเรียกดังจึ้นเมื่อจ้าวเพ่ยจะหันกลับไป อย่างไรนางก็ไม่มีเหตุอะไรต้องยั่วทหารอีกต่อไปในเมื่อไม่ได้สิ่งที่นางต้องการ หญิงสาวหันกลับไปหาทหารนายนั้นราวกับว่าต้องการคำตอบอะไรที่มันพอตะช่วยให้นางมีความหวังขึ้นมาบ้าง ทหารนายนั้นมีสีหน้าหนักใจไม่น้อยเมื่อต้องกล่าวคำๆนั้น "ไม่ต้องมาอีกแล้วนะขอรับ"
เอฟเฟคลักษณะนิสัย มีตัญหา +2 Point เมื่อวางแผนดำเนินจีบเพศตรงข้าม +15% แผนการยั่วยวนเพศตรงข้าม
โลเล +1 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
ทะเยอทะยาน +2 Point เมื่อโรลใช้กลอุบาย
เอฟเฟคอัตลักษณ์ งดงาม +6 Point ทุกครั้งที่บริหารเสน่ห์
|