[เมืองฉางอัน] ร้านขายผ้าสกุลหลี่

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-11-4 23:11:16 |โหมดอ่าน

ร้านขายผ้าสกุลหลี่
{ เมืองฉางอัน }






【ร้านขายผ้าสกุลหลี่】

หลี่ฟู่เหรินขอตัวออกมาสร้างร้านขายผ้าเอง เพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ
ด้วยการออกทุนทรัพย์ของหลี่เฟยหลงผู้เป็นสามี งานด้านผ้าเป็นสิ่งที่นางถนัด
และชำนาญที่สุด ร้านขายผ้าแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตเท่าโรงน้ำชาสกุลหลี่
หากมีผ้าทั่วไปจนถึงผ้าชั้นดี บางครั้งบางคราวบุตรีแวะเวียนมาช่วยขายผ้าให้บ้าง
แต่โดยส่วนใหญ่ที่นี่มีญาติผู้น้องของหลี่ฟูเหรินช่วยบริหารดูแล
ส่วนหลี่ฟูเหรินจะแวะเวียนมาดูร้านเป็นบางครั้ง และ ช่วงที่ลูกค้าแน่นร้าน




ผู้ดูแลร้าน: เมี่ยว เทียนจี้
อุปนิสัย
บุรุษผู้รู้จักพูดและรักหน้าที่การงานเป็นที่หนึ่ง
เขาหลงใหลในตำนานเรื่องเล่าและเรื่องเหนือธรรมชาติ
และอุทิศชีวิตเพื่อศึกษา ในบ้านของเขาเต็มไปด้วยเครื่องราง
ของขลังจะจากในฮั่นนอกฮั่น บางครั้งก็ยังใจดีแจกชาวบ้านไปทั่ว
บุกคลิกยิ้มแย้มมีอารมณ์ขันไม่ถือตัว ปกติแล้วคอยดูแลโรงน้ำชาให้พี่สาว
ก็มักจะให้อาหารนกบริเวณนั้นจนได้รับสมญา 'เจ้าพ่อนก' จากชาวเมือง
ยามราตรีเขาจะทุ่มเทศึกษากลไกโบราณกระทั่งสหายสนิทยังบอกว่ามีภรรยาเป็นกล่องกล




สมาชิกในบ้าน: หลี่ฟูเหริน (เมี่ยวฉาย)
* ไม่อยู่ *
อุปนิสัย
หลี่ฟู่เหรินเป็นคนที่รักความสงบ ไม่นิยมมีปัญหากับผู้ใด
คนเจ้าเล่ห์/เสแสร้ง แกล้งเล่นละครได้เนียน หากพบว่าอีกฝ่ายมาอย่างศัตรู
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุตรชายได้ความเจ้าเลห์ แสนกลมาจากใคร
หากนับว่านางเป็นคนสุขุม รอบคอบ ฉลาดในทางวาทะศิลป์
รักและเอ็นดูบุตรชายยิ่งกว่าบุตรีเสียอีก







โพสต์ 2022-4-27 15:42:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พบญาติฝ่ายมารดา

        ร้านขายผ้าสกุลหลี่เป็นกิจการของหลี่ฮูหยินผู้ขอหลี่เฟยหลงมาลงทุนเปิดกิจการ  เนื่องจากเป็นงานที่ถนัดและไม่อยากถูกคนในตระกูลหลี่มองว่ามิเป็นงานอื่นใดเลยนอกจากงานบ้าน  หนแรกโดนบอกปัดเพราะอยากให้ฮูหยินได้มีเวลาอบรมบุตรกับบุตรีได้อย่างเต็มที่  กระทั่งลูกสองคนเติบใหญ่สามารถดูแลตัวเองได้  จึงยอมเปิดกิจการร้านขายผ้าให้กับฮูหยิน  นับได้ว่าจากนั้นหลี่ฮูหยินได้แสดงความสามารกับทักษะด้านผ้ากับสิ่งทอออกมาโดดเด่น  นานวันเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวเมืองฉางอันและเมืองใกล้เคียง  จนมีลูกค้าเข้ามาติดต่อมากมาย  หลี่ฮูหยินจึงได้เรียกตัวน้องชายมาช่วยดูแลกิจการ

        เมี่ยวเทียนจี้น้องชายของหลี่ฮูหยิน สกุลเดิมคือ 'เมี่ยว'  ผู้มีวาจาเป็นเลิศและรักหน้าที่การงานเป็นที่สุด  สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เมี่ยวเทียนจี้ผู้นี้ชอบเป็นที่สุดจนถึงขั้นหลงไหลคือเรื่องตำนาน  เรื่องเหนือธรรรมชาติ  ทำให้เวลาต่อมาอุทิศกายใจศึกษาเรื่องเหล่านี้เต็มตัว  กระทั่งหลี่หย่งเมี่ยวครั้งหนึ่งเคยมาสนทนาด้วยยังต้องทึ่งกับสิ่งของโบราณที่เมี่ยวเทียนจี้พาไปชมยังห้องส่วนตัว  มันเต็มไปด้วยของหน้าตาประหลาด  เก่าแก่  บางอย่างไม่พบในแผ่นดินฮั่น  แน่นอนว่าหลี่หย่งเมี่ยวไม่เคยขอสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดกลับไปบ้านแม้ชิ้นเดียว  ไม่อยากโดนบิดาตำหนิว่าบ้าจี้ตามคนผู้นี้  อีกกิจกรรมหนึ่งที่เมี่ยวเทียนจี้ชอบทำคือเลี้ยงนกบริเวณลานกว้างด้านหลังร้านขายผ้า  ทุกเช้ามักจะมาโปรยอาหารเม็ดไว้ตรงลานกว้าง  งานสิ่งทอแม้ไม่ชำนาญเท่าพี่สาวทว่ากลับตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าได้อย่างไม่มีติดขัด

     หลี่ซีซวนไม่ได้มาร้ายขายผ้าบ่อยเท่าน้องสาวผู้ชอบมาสนทนาเรื่องราวเหนือธรรมชาติกับน้องชายของมารดา  เขาจะมาที่นี่ต่อเมื่อมารดาลากมาอยู่เป็นเพื่อน  วันไหนโชคดีได้เห็นมารดาใช้เวาจาเฉียดเฉียนลูกค้าจำพวกเรื่องมากหรือลองของ  แต่มักจะเป็นการเสแสร้งเล่นละครจนบุตรียังสู้ไม่ได้  เขาเดินใจลอยครุ่นคิดกับพฤติกรรมอันไม่เอ่ยวาจาของน้องสาว  พลางพรูลมหายใจยาวออกมา  กระทั่งมาหยุดยืนหน้าร้านขายผ้า

     "ยังมิทันชรา ใยถอนหายใจยาวปานนั้น"

     เมี่ยวเทียนจี้กำลังดูคนงานจัดผ้าพับด้านหน้าของร้าน  ตรวจตราดูความเรียบร้อย  พอจัดเป็นระเบียบสะอาดตา  ค่อยหันมามองดูหลานชายผู้ไม่ค่อยฟังเขาเล่านิทาน

     "ข้าแค่รู้สึกเหนื่อยหน่ายเท่านั้นเอง ท่านน้า"
     หลี่ซีซวนหยุดเดินด้านหน้าของร้านขายผ้า  มองดูคนเริ่มเข้ามาดูผ้าแต่เช้า  พลางเห็นเมี่ยวเทียนจี้ผู้เป็นน้าชายมือแท่งทรงกระบอกมีอักขระรอบแท่งอันนั้น
    "ข้าว่าเจ้าคงหน่ายใจเรื่องหย่งเมี่ยวมากกว่า"  เมี่ยวเทียนจี้ให้คนงานนำกระบอกเข้าไปเก็บด้านใน  ยืนชี้นิ้วบอกตำแหน่งผ้าให้บรรดาลูกค้าผู้ไม่ค่อยอยากเดินหาด้วยตนเอง "ได้ยินว่านางมิเอ่ยวาจาใดกับเจ้า ช่างแปลกพิกล"
     "นางคงมีเรื่องให้ครุ่นคิด  ข้ามินำมาใส่ใจหรอก"
     เขาเดินเข้ามานั่งด้านในของร้านขายผ้า  โดยมีเมี่ยวเทียนจี้เดินตามหลังมาด้วย  นั่งลงตรงผู้ดูแลร้านพลางจุดกำยานให้อบอวลทั่วร้าน  เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
     "แต่เจ้าก็คิดเช่นกันมิใช่หรือ  หรือเจ้ากำลังรอสิ่งใด"  เมี่ยวเทียนจี้ไม่ค่อยได้พบหลานชายคนนี้บ่อยเท่ากับมานั่งตอบคำถามของหลานสาวจอมสงสัย  พอรู้มาจากพี่สาวบ้างว่าปรกติชอบพเนจร  สำราญใจ  "เจ้าบอกคนในครอบครัวว่าจะกลับเจียงหนาน  แต่กลับมาเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองฉางอัน รั้งตัวเองไม่ยอมกลับ  บอกข้ามาเสียเถิดว่าเจ้ากำลังหาสิ่งใดอยู่กันแน่ ซีห่าว"
        คนในครอบครัวรู้ใจกันย่อมเลี่ยงวาจาอันก่อเกิดการกระทบ กระทั่งทางความรู้สึก  รักษาน้ำใจไมตรี  ทว่ากับเมี่ยวเทียนจี้ซึ่งเหมือนกับหลี่ซีซวนตรงที่หากไม่มีเทียบเชิญ  ย่อมไม่ไปเยือนบ้านที่เขาไม่ได้เอ่ยปากเชิญ  เขารู้ดีว่าหลี่ซีซวนถอดพิมพ์มากจากแม่พิมพ์คือพี่สาวของตนเอง  ส่วนหลี่หย่งเมี่ยวถอดพิมพ์มาจากเถ้าแก่หลี่และดีกว่าแม่พิมพ์ต้นฉบับเสียอีก  หลานชายในคราบชายพเนจรชอบประพฤติตัวเหมือนคนไม่สนใจว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไร  ทำตัวเหลาะแหละ  ซึ่งมันแฝงไว้ด้วยฝีไม้ลายมือของยอดคน  ปล่อยให้คนคิดว่าเป็นพวกไม่เอาไหน  เสแสร้งแกล้งทำถึงขนาดนี้  หากไม่เจนจัดจริงหนือไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี  ย่อมทำไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่นอน
     "ข้าแค่อยากพเนจร ทำในสิ่งที่อยากทำ  ก่อนกลับไปเริ่มงานที่ได้วางไว้"
     เมื่อรู้ว่าโดนจี้ให้ต้องตอบคำถาม  จำใจต้องตอบไปตามความจริง   แล้วได้เห็นว่าพวกลูกค้ามีเงินหนาทั้งหลายเริ่มใช้อำนาจในส่วนนี้ข่มเห่งคนงานของร้านขายอีกหน  ทำให้เมี่ยวเทียนจี้ลุกขึ้นเดินออกไปรับหน้าแทนคนงาน  อุบายไม้นวมน่าจะไม่เป็นผล  เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วเริ่มเพิ่งน้ำหนักเสียง  ลูกค้าได้ฟังดังนั้นจึงโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี
        พลันไม่ทันที่หลี่ซีซวนได้ย่างเท้าพ้นออกจากร้านขายผ้า  ขุนนางตำแหน่งไม่สูงพาฮูหยินมาเลือกซื้อผ้า  ท่าทางวางอำนาจเต็มที่  ใช้สายตามองเหยียดหยาม  ซึ่งไม่ได้ทำให้หลี่ซีซวนเกรงกลัว  กลับกันยืนประจัญหน้าอย่างท้าทาย  กองโจรนับร้อยยังไม่กลัว  ขุนนางตัวเล็กผู้หนึ่งไม่ทำให้ขนของพยัคฆ์สะเทือน  มันเดินชนไหล่ของหลี่ซีซวนเข้าไปด้านใน  เขาไม่ได้ถือสาในเรื่องนี้  หากเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ทนไม่ได้  เรื่องใหญ่กว่านี้จะลำบาก
     "หลี่ซีซวน  อวยพรให้เจ้าเดินทางปลอดภัย"  
     เมี่ยวเทียนจี้จงใจเอ่ยชื่อและแซ่เต็ม  ให้พวกผยองในอำนาจได้ยินเต็สองรูหู  แน่นอนว่ามันได้ผลเป็นอย่างมาก  มันที่เดินชนไหล่หลี่ซีซวนหันมามองดูคนแต่งตัวมอซอ  แต่หลี่ซีซวนไม่ได้หันกลับมามอง  เดินออกไปจากร้านขายผ้า  เหตุการณ์ต่อจากนั้นคือขุนนางตัวน้อยหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด  เหยียบเท้าคนที่ไม่ควรตอแยเข้าแล้ว  มันพึงสำนึกได้ว่าขุนนางผู้ใหญ่ยังให้ความเกรงใจต่อเถ้าแก่หลี่  หากผิดใจกับบุตรชายของเขาขึ้นมาน่ากลัวคงอยู่ในฉางอันไม่สงบสุข  พี่น้องสกุลเมี่ยวชอบเล่นเล่ห์ได้อย่างช่ำชอง
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว

     


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-5-17 23:36:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สองพี่น้องเยี่ยมเยือนญาติสนิท
        หลังจากกลับมาจากการฝากตัวเข้าทำงานราชการจวนเจ้าเมืองฉางอาน  รู้ภายหลังว่าเป็นเพื่อนสนิทแต่ไม่ค่อยติดต่อกัน  เรียกว่าใช้อิทธิพลของบิดาไม่ผิดนักประกอบกับปัญญาของหลี่หย่งเมี่ยวเป็นที่เลื่องลือมาช้านาน  ทำให้เจ้าเมืองไม่ต้องใช้เวลาไตร่ตรองให้เสียเวลา  นี่แหละเรียกว่าบุญพาวาสนาส่ง  คนมันจะรุ่งเรืองในวงราชการสวรรค์ก็หยุดไม่ได้  ภายหน้าจะมีเจ้าเมืองนามหลี่หย่งเมี่ยว  หลี่ซีซวนผู้เป็นพี่ชายก็ไม่สงสัยสักนิด  เดินตามหลังน้องสาวมาร้านขายผ้าโดยไม่รู้ว่าบิดาก็เดินตามมาด้วย  อีกไม่นานข่าวคงกระจายทั่วเมืองฉางอานเรื่องบุตรีสุดหวงแหนของเถ้าแก่เข้ารับราชการกับเจ้าเมืองฉางอาน  ขุนนางผู้ใหญ่ผู้มีตำแหน่งเหนือกว่าจางฮุ่ยเหอหลายขั้น  บางคนเป็นขุนนางระดับเจ้ากรมยื่นข้อเสนอมากมายยังไม่สามารถเปลี่ยนใจบุตรี  กระทั่งยุให้บิดาของนางเกลี่ยกล่อมให้มารับราชด้วยกัน  ยังมิสามารถกระทำได้  บัดนี้กลับให้บุตรีทำงานกับขุนนางระดับกลางเท่านั้น  จวนเมืองฉางอานได้มีจดหมายสอบถามทุกวันแน่นอน
     เมี่ยวเทียนจี้กำลังจัดแจงพับผ้าหลายผืนด้านหน้าของร้านขายผ้า  พลางสอนงานพวกคนงานให้รู้งานมากขึ้น  เหลือบเห็นว่ามีคนคุ้นหน้าถึงสองคนและคนที่ไม่อยากเจอมาด้วยพร้อมกัน  จึงเอ่ยปากเรียกพี่สาวให้ออกมาด้านหน้าร้านขายผ้า
     "เทียนจี้  เจ้าตกใจไปใยแค่หลานสองคนมาเยี่ยมเยือนหาเจ้า"  หลี่ฮูหยินเจ้าของร้านขายผ้าตำหนิน้องชายผู้ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม  พลันมองเลยไหล่ของบุตรชายค่อยพบว่าสามีก็ตามลูกทั้งสองคนมาด้วย  "เจ้าทำตัวตามปรกติเถิดหน้า  สามีข้าไม่ทำอันใด้เจ้าหรอก" ศอกทุ้งพุงใหญ่ของเมี่ยวเทียนจี้  เดินมาจับแขนหลี่หย่งเมี่ยว  แล้วโอบกอดบุตรชายด้วยความรักใคร่
     "หย่ง.....หย่ง.....เมี่ยว วันนี้ลมใดหอบเจ้ามาหาข้าได้กัน"  เมี่ยวเทียนจี้พูดเสียงตะกุกตะกัก  ไม่ได้ตื่นเต้นหรือดีใจที่หลานสาวจอมสงสัยมาเยี่ยม  แต่กลัวพี่เขยของตนเองที่กำลังยืนดูผ้าด้านหลังของหลี่ซีซวน หลานชายต่างหาก  "เชิญทุกคนเข้าด้านในก่อน"  เหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าผาก  ท่าทางลุกลี้ ลุกลน  
     "ท่านน้าเทียนจี้เป็นอะไร  ไม่สบายหรือเปล่า" หลี่หย่งเมี่ยวจับแขนเมี่ยวเทียนจี้สำรวจดูอาการ  ค่อยคิดได้ว่าอาการนี้มาจากหนหนึ่ง น้าชายผู้ไม่ค่อยอยากเข้าบ้านสกุลหลี่  ได้รับคำเชิญชวนจากหลี่หย่งเมี่ยวให้ไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน  ครั้นพอรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้ากันเสร็จ  เมี่ยวเทียนจี้เผลอทำชามเก่าแก่อันหายากของสกุลหลี่แตก  ผู้อื่นไม่ตำหนิกระทั่งนายผู้เฒ่ายังไม่ถือสา  ด้วยว่าของเก่าแก่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นยังมีอีกมาก  ส่วนที่นำวางไว้ภายในบ้านเป็นของไม่ค่อยล้ำค่า  ทว่าหลี่เฟยหลงกลับตำหนิยกใหญ่  ส่งผลให้เมี่ยวเทียนจี้ไม่คิดย่างเท้าเข้าบ้านสกุลหลี่อีกเลย  "ท่านพ่อไม่ทำอะไรท่านน้าหรอก" หลานสาวดึงแขนน้าชายของตัวเองเข้าไปด้านในของร้าน
     "หลี่ฮูหยิน  เมี่ยวเอ๋อห์ได้ไปทำงานที่จวนเจ้าเมืองแล้ว"  หลี่เฟยหลงไม่ถือหาความกับท่าที่ของเมี่ยวเทียนจี้  เดินเข้ามาบอกภรรยาด้วยท่าทีนิ่งเฉยและไม่คิดเดินเข้าไปด้านในร้านขายผ้า "ต่อไปนี้โรงน้ำชาคงสงบลงเยอะ ไม่มีการประลองปัญญาให้เห็นอีกแล้ว" พลางถอนหายใจออกมา  กลับไม่มีความกังวลฉายในดวงตา  ราวกับว่ารอเวลานี้มาเนิ่นนาน
     "มิใช่ว่าท่านพี่รอเวลานี้มาเนิ่นหรอกหรือ" หลี่ฮูหยินเอ่ยอย่างรู้เท่าทันและไม่อยากหักหน้าต่อหน้าบุตรีสุดที่รักของสามี "เรื่องที่เมี่ยวเอ๋อห์ได้ไปทำงานที่จวนเจ้าเมือง ย่อมเป็นความคิดของท่านเป็นส่วนใหญ่ ของเมี่ยวเอ๋อห์เป็นส่วนน้อย" บุตรชายอย่างหลี่ซีซวนได้แต่ยืนฟังผู้ใหญ่สองคนประลองปัญญาหรือเรียกว่ารู้ทันกลกันมากกว่า  ครั้ยจะหลบเข้าด้านในก็มีมือมารดาคล้องแขนไว้แน่น
    "เจ้ารู้ทันข้าแบบนี้ ข้าก็แย่สิ หลี่ฮูหยิน" เถ้าแก่หลี่โบกมือเชิงยอมแพ้ พลันหมุนตัวเดินกลับไปยังโรงน้ำชา  "คนแก่อย่างข้าคงเงียบเหงาน่าดู" วาจาล้อเล่นเช่นนี้ไม่ได้มีให้ได้ยินบ่อยๆจากปากของเถ้าแก่หลี่ผู้ชอบวางมาดเคร่งขรึมเป็นนิจ
     พวกเขาสองแม่ลูกเดินเข้ามาด้านใน  ค่อยพบว่าเมี่ยวเทียนจี้ผ่อนคลาย  อารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว  นั่งอวดสิ่งประดิษฐ์โบราณวัตุพลางอธิบายให้หลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นหลานสาวได้ฟังอย่างภูมิใจหลี่หย่งเมี่ยวตอบแทนด้วยการเป็นผู้ฟังที่ดี  ไม่ถามแทรกสักครั้ง
     "พี่ใหญ่ ท่านมาแล้ว" หลี่หย่งเมี่ยวลุกพรวดจากเก้าอี้เดินตรงมาหาพี่ชายของนาง  "ข้าขอโทษกับการปิดวาจาตลอดมา หากพี่ไม่หวนกลับมา ข้าคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต"  หลี่ฮูหยินยกนิ้วขึ้นปิดปากส่งสัญญาณให้เมี่ยวเทียนจี้อย่าเอ่ยวาจาสอดแทรก
     "ใยน้องต้องโทษตัวเอง  พี่ไม่เคยโกรธเจ้าเลย"  หลี่ซีซวนดึงมือของน้องสาวมากุมไว้  "ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางเต็มตัวแล้วนะ เจ้าคือความภูมิใจของตระกูลหลี่ อย่าทำให้พวกเขาผิดหวังละ"
     นานแล้วที่หลี่ซีซวนไม่ได้สนทนาตามประสาพี่น้องแบบนี้  จากนี้ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จะได้พบกันอีก
   "ข้ารู้ว่าพี่เป็นขุนนางที่ดีได้  แค่พี่ต้องตั้งใจให้มากกว่านี้" หลี่หย่งเมี่ยวดึงมือกลับมา พลางตบต้นแขนของหลี่ซีซวน "ข้าเชื่อว่าพี่ใหญ่จะต้องนำความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลของเรา อย่าทำให้พวกเราผิดหวังนะ" เหมือนลอกเลียนประโยคกันมา เพียงแค่บิดบางคำเท่านั้น
     หลังจากนั้นสองพี่น้องตระกูลหลี่ต่างดึงตัวเข้ามากอดกันแน่น  ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องไม่เคยจางหายไปไหน  มันยังคงเข้มข้นอยู่ภายในใจเสมอ  นิสัยต่างกันสุดขั้ว  แต่ความรักของพี่น้องต่างเหมือนกันสุดขั้วเช่นกัน  มิรู้ว่าหลังจากนี้ วันใด เดือนใด ปีใด จะได้พบหน้ากันอีก  เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเขาทั้งคู่อาจจะกลายเป็นผู้กระทำการยิ่งใหญ่แล้วก็เป็นได้
     "พวกเจ้าต่างคือความหวังของตระกูล  แยกย้ายไปกระทำสิ่งยิ่งใหญ่ นำความรุ่งเรื่องและความยิ่งใหญ่มาให้ได้" เมี่ยวเทียนจี้เดินมาด้านข้าง  "พวกเราจะเฝ้ารอดูวันนั้นของพวกเจ้าสองคน"  เมี่ยวเทียนจี้ยืนตบหลังทั้งคู่แผ่วเบา
     "พี่ใหญ่ท่านไปเป็นทหารอาสาสิ ข้าได้ยินมาจากทหารว่าเมืองจี้โจวกำลังรับสมัคร ด้วยความสามารถของพี่ย่อมทำได้" หลี่หย่งเมี่ยวเช็ดคราบน้ำตาทั้งสองข้าง พลางแนะนำการสร้างชื่อให้กับพี่ใหญ่ของนาง "ไปหนนี้อาจจะได้สร้างชื่อและหาคนมาร่วมงานกับพี่ด้วย"
      "อย่างนั้นข้าจะไปเมืองจี้โจว ขอบใจเจ้ามาก"  
     หลี่ซีซวนอำลาทุกคนในทันที  ไม่อยากรั้งรออยู่นาน
     "ข้าจะรอฟังข่าวดีที่นี่นะพี่ใหญ่"
     หลี่หย่งเมี่ยวมองดูพี่ชายของตัวเองรีบออกเดินทางด้วยความเร่งรีบ  อาจเพราะเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่มานานหลายวัน  คราวนี้คงแก้ตัวให้กับตัวเองได้แล้ว  
    ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว
   




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้