พบญาติฝ่ายมารดา
ร้านขายผ้าสกุลหลี่เป็นกิจการของหลี่ฮูหยินผู้ขอหลี่เฟยหลงมาลงทุนเปิดกิจการ เนื่องจากเป็นงานที่ถนัดและไม่อยากถูกคนในตระกูลหลี่มองว่ามิเป็นงานอื่นใดเลยนอกจากงานบ้าน หนแรกโดนบอกปัดเพราะอยากให้ฮูหยินได้มีเวลาอบรมบุตรกับบุตรีได้อย่างเต็มที่ กระทั่งลูกสองคนเติบใหญ่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงยอมเปิดกิจการร้านขายผ้าให้กับฮูหยิน นับได้ว่าจากนั้นหลี่ฮูหยินได้แสดงความสามารกับทักษะด้านผ้ากับสิ่งทอออกมาโดดเด่น นานวันเริ่มเป็นที่รู้จักของชาวเมืองฉางอันและเมืองใกล้เคียง จนมีลูกค้าเข้ามาติดต่อมากมาย หลี่ฮูหยินจึงได้เรียกตัวน้องชายมาช่วยดูแลกิจการ
เมี่ยวเทียนจี้น้องชายของหลี่ฮูหยิน สกุลเดิมคือ 'เมี่ยว' ผู้มีวาจาเป็นเลิศและรักหน้าที่การงานเป็นที่สุด สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เมี่ยวเทียนจี้ผู้นี้ชอบเป็นที่สุดจนถึงขั้นหลงไหลคือเรื่องตำนาน เรื่องเหนือธรรรมชาติ ทำให้เวลาต่อมาอุทิศกายใจศึกษาเรื่องเหล่านี้เต็มตัว กระทั่งหลี่หย่งเมี่ยวครั้งหนึ่งเคยมาสนทนาด้วยยังต้องทึ่งกับสิ่งของโบราณที่เมี่ยวเทียนจี้พาไปชมยังห้องส่วนตัว มันเต็มไปด้วยของหน้าตาประหลาด เก่าแก่ บางอย่างไม่พบในแผ่นดินฮั่น แน่นอนว่าหลี่หย่งเมี่ยวไม่เคยขอสิ่งของหน้าตาแปลกประหลาดกลับไปบ้านแม้ชิ้นเดียว ไม่อยากโดนบิดาตำหนิว่าบ้าจี้ตามคนผู้นี้ อีกกิจกรรมหนึ่งที่เมี่ยวเทียนจี้ชอบทำคือเลี้ยงนกบริเวณลานกว้างด้านหลังร้านขายผ้า ทุกเช้ามักจะมาโปรยอาหารเม็ดไว้ตรงลานกว้าง งานสิ่งทอแม้ไม่ชำนาญเท่าพี่สาวทว่ากลับตอบข้อสงสัยให้กับลูกค้าได้อย่างไม่มีติดขัด
หลี่ซีซวนไม่ได้มาร้ายขายผ้าบ่อยเท่าน้องสาวผู้ชอบมาสนทนาเรื่องราวเหนือธรรมชาติกับน้องชายของมารดา เขาจะมาที่นี่ต่อเมื่อมารดาลากมาอยู่เป็นเพื่อน วันไหนโชคดีได้เห็นมารดาใช้เวาจาเฉียดเฉียนลูกค้าจำพวกเรื่องมากหรือลองของ แต่มักจะเป็นการเสแสร้งเล่นละครจนบุตรียังสู้ไม่ได้ เขาเดินใจลอยครุ่นคิดกับพฤติกรรมอันไม่เอ่ยวาจาของน้องสาว พลางพรูลมหายใจยาวออกมา กระทั่งมาหยุดยืนหน้าร้านขายผ้า
"ยังมิทันชรา ใยถอนหายใจยาวปานนั้น"
เมี่ยวเทียนจี้กำลังดูคนงานจัดผ้าพับด้านหน้าของร้าน ตรวจตราดูความเรียบร้อย พอจัดเป็นระเบียบสะอาดตา ค่อยหันมามองดูหลานชายผู้ไม่ค่อยฟังเขาเล่านิทาน
"ข้าแค่รู้สึกเหนื่อยหน่ายเท่านั้นเอง ท่านน้า" หลี่ซีซวนหยุดเดินด้านหน้าของร้านขายผ้า มองดูคนเริ่มเข้ามาดูผ้าแต่เช้า พลางเห็นเมี่ยวเทียนจี้ผู้เป็นน้าชายมือแท่งทรงกระบอกมีอักขระรอบแท่งอันนั้น "ข้าว่าเจ้าคงหน่ายใจเรื่องหย่งเมี่ยวมากกว่า" เมี่ยวเทียนจี้ให้คนงานนำกระบอกเข้าไปเก็บด้านใน ยืนชี้นิ้วบอกตำแหน่งผ้าให้บรรดาลูกค้าผู้ไม่ค่อยอยากเดินหาด้วยตนเอง "ได้ยินว่านางมิเอ่ยวาจาใดกับเจ้า ช่างแปลกพิกล" "นางคงมีเรื่องให้ครุ่นคิด ข้ามินำมาใส่ใจหรอก" เขาเดินเข้ามานั่งด้านในของร้านขายผ้า โดยมีเมี่ยวเทียนจี้เดินตามหลังมาด้วย นั่งลงตรงผู้ดูแลร้านพลางจุดกำยานให้อบอวลทั่วร้าน เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม "แต่เจ้าก็คิดเช่นกันมิใช่หรือ หรือเจ้ากำลังรอสิ่งใด" เมี่ยวเทียนจี้ไม่ค่อยได้พบหลานชายคนนี้บ่อยเท่ากับมานั่งตอบคำถามของหลานสาวจอมสงสัย พอรู้มาจากพี่สาวบ้างว่าปรกติชอบพเนจร สำราญใจ "เจ้าบอกคนในครอบครัวว่าจะกลับเจียงหนาน แต่กลับมาเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองฉางอัน รั้งตัวเองไม่ยอมกลับ บอกข้ามาเสียเถิดว่าเจ้ากำลังหาสิ่งใดอยู่กันแน่ ซีห่าว" คนในครอบครัวรู้ใจกันย่อมเลี่ยงวาจาอันก่อเกิดการกระทบ กระทั่งทางความรู้สึก รักษาน้ำใจไมตรี ทว่ากับเมี่ยวเทียนจี้ซึ่งเหมือนกับหลี่ซีซวนตรงที่หากไม่มีเทียบเชิญ ย่อมไม่ไปเยือนบ้านที่เขาไม่ได้เอ่ยปากเชิญ เขารู้ดีว่าหลี่ซีซวนถอดพิมพ์มากจากแม่พิมพ์คือพี่สาวของตนเอง ส่วนหลี่หย่งเมี่ยวถอดพิมพ์มาจากเถ้าแก่หลี่และดีกว่าแม่พิมพ์ต้นฉบับเสียอีก หลานชายในคราบชายพเนจรชอบประพฤติตัวเหมือนคนไม่สนใจว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไร ทำตัวเหลาะแหละ ซึ่งมันแฝงไว้ด้วยฝีไม้ลายมือของยอดคน ปล่อยให้คนคิดว่าเป็นพวกไม่เอาไหน เสแสร้งแกล้งทำถึงขนาดนี้ หากไม่เจนจัดจริงหนือไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ย่อมทำไม่ได้ถึงขนาดนี้แน่นอน "ข้าแค่อยากพเนจร ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนกลับไปเริ่มงานที่ได้วางไว้" เมื่อรู้ว่าโดนจี้ให้ต้องตอบคำถาม จำใจต้องตอบไปตามความจริง แล้วได้เห็นว่าพวกลูกค้ามีเงินหนาทั้งหลายเริ่มใช้อำนาจในส่วนนี้ข่มเห่งคนงานของร้านขายอีกหน ทำให้เมี่ยวเทียนจี้ลุกขึ้นเดินออกไปรับหน้าแทนคนงาน อุบายไม้นวมน่าจะไม่เป็นผล เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้วเริ่มเพิ่งน้ำหนักเสียง ลูกค้าได้ฟังดังนั้นจึงโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดี พลันไม่ทันที่หลี่ซีซวนได้ย่างเท้าพ้นออกจากร้านขายผ้า ขุนนางตำแหน่งไม่สูงพาฮูหยินมาเลือกซื้อผ้า ท่าทางวางอำนาจเต็มที่ ใช้สายตามองเหยียดหยาม ซึ่งไม่ได้ทำให้หลี่ซีซวนเกรงกลัว กลับกันยืนประจัญหน้าอย่างท้าทาย กองโจรนับร้อยยังไม่กลัว ขุนนางตัวเล็กผู้หนึ่งไม่ทำให้ขนของพยัคฆ์สะเทือน มันเดินชนไหล่ของหลี่ซีซวนเข้าไปด้านใน เขาไม่ได้ถือสาในเรื่องนี้ หากเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ทนไม่ได้ เรื่องใหญ่กว่านี้จะลำบาก "หลี่ซีซวน อวยพรให้เจ้าเดินทางปลอดภัย" เมี่ยวเทียนจี้จงใจเอ่ยชื่อและแซ่เต็ม ให้พวกผยองในอำนาจได้ยินเต็สองรูหู แน่นอนว่ามันได้ผลเป็นอย่างมาก มันที่เดินชนไหล่หลี่ซีซวนหันมามองดูคนแต่งตัวมอซอ แต่หลี่ซีซวนไม่ได้หันกลับมามอง เดินออกไปจากร้านขายผ้า เหตุการณ์ต่อจากนั้นคือขุนนางตัวน้อยหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เหยียบเท้าคนที่ไม่ควรตอแยเข้าแล้ว มันพึงสำนึกได้ว่าขุนนางผู้ใหญ่ยังให้ความเกรงใจต่อเถ้าแก่หลี่ หากผิดใจกับบุตรชายของเขาขึ้นมาน่ากลัวคงอยู่ในฉางอันไม่สงบสุข พี่น้องสกุลเมี่ยวชอบเล่นเล่ห์ได้อย่างช่ำชอง ลักษณะนิสัยใจดำ +35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ -5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง +10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว +5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว
|