[เมืองฉางอัน] บ้านสกุลหลี่ : หลี่ เฟยหลง

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-11-4 17:35:27 |โหมดอ่าน

บ้านสกุลหลี่ : หลี่เฟยหลง
{ เมืองฉางอัน }






【บ้านสกุลหลี่】

บ้านสกุลหลี่อันเก่าแก่เป็นรู้จักโดยไปของชาวเมืองฉางอันสมัยก่อน
เพียงแต่ปัจจุบันไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากเท่าไหร่ ด้วยเจ้าบ้านหลี่เฟยหลง
ปลีกวิเวกเก็บตัวจากแวดวงสังคม ทำให้ตระกูลอดีตขุนนางเก่าค่อย ๆ เลือนหายไป
หลี่เฟยหลงได้หันมาเปิดโรงน้ำชา คบหามิตรสหายไม่กี่คนเท่านั้น
ด้านหลังของบ้านมีศาลบรรพชนกินบริเวณพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้าน
ปัจจุบันบ้านหลังนี้คุณชายสกุลหลี่ได้แยกตัวออกมาอยู่เดียว





เจ้าบ้าน: หลี่ เฟยหลง
อุปนิสัย
หลี่เฟยหลงเป็นที่ซื่อตรง ยุติธรรม เกลียดการคดโกงเป็นที่สุด
อีกทั้งยังสุขุม นุ่มลึก เขาจะไม่ทำตัวเป็นผู้รู้
ตรงข้ามกลับอ่อนน้อม ถ่อมตน เพือที่จะได้รับประโยชน์ที่มากขึ้น




สมาชิกในบ้าน: หลี่ฟูเหริน (เมี่ยวฉาย)
อุปนิสัย
หลี่ฟู่เหรินเป็นคนที่รักความสงบ ไม่นิยมมีปัญหากับผู้ใด
คนเจ้าเล่ห์/เสแสร้ง แกล้งเล่นละครได้เนียน หากพบว่าอีกฝ่ายมาอย่างศัตรู
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบุตรชายได้ความเจ้าเลห์ แสนกลมาจากใคร
หากนับว่านางเป็นคนสุขุม รอบคอบ ฉลาดในทางวาทะศิลป์
รักและเอ็นดูบุตรชายยิ่งกว่าบุตรีเสียอีก







โพสต์ 2021-11-4 20:32:28 | ดูโพสต์ทั้งหมด
[งานสกุลหลี่]

แม่บ้านสกุลหลี่
เฟิง ฉางลี่
อุปนิสัย: เป็นสตรีดูสงบเสงี่ยม เย็นชา ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ใจกล้าพร้อมฝ่าฟันเพื่อคนที่ตัวเองรัก



::.คำอธิบายเควส.::
- คำในวงเล็บ อาทิ (พ่อหนุ่ม/สาวน้อย) เลือกคำใดคำหนึ่งมาใช้ ให้เข้ากับคุณ -
- [...] สีน้ำเงิน คือ โรลคำพูดเฉพาะคนมีลักษณะนิสัยตามที่ระบุ -



.: เงื่อนไขงาน :.
- ทำได้ทุกคน สัปดาห์ละครั้ง หรือ วันละครั้ง แล้วแต่ประเภทงาน -
- ทุกคนสามารถเสนอขอสร้างสถานที่ได้ที่นี่ (คลิก) เพื่อใช้ประกอบการโรลเรื่องราวของคุณในระหว่างทำเควส -
- สำหรับเควสรายสัปดาห์ ใน 1 วันทำได้ 2 คน โดยคนที่ 2 ต้องเว้นมารับเควสหลังคนแรกผ่านไป 3 ชั่วยาม (6 ชั่วโมง)-
- หากคุณหักหลังสกุลหลี่ได้ จะมีประกาศรางวัลค่าหัวจำนวนมากตามล่า -


.: ข้อมูลงานทั้งหมด :.
       (1) งานเยี่ยมเยียนสหายเถ้าแก่หลี่ [งานประจำวัน]
                        - เขียนโรลเพลย์รับงานจากแม่บ้านสกุลหลี่
                        - โดยแม่บ้านจะวานคุณนำชาชั้นดีสองสามไหไปส่งให้สหายท่านเจ้าบ้านที่เทียนซุย และแวะไปรับใบชาจากพ่อค้าชา
                        - สร้างสตอรี่รับภารกิจ ก่อนรับชาจำนวนหนึ่งและหนังสือรับรองจากแม่บ้าน (รอส่งชาให้ก่อนจึงโรลต่อไปได้)
                        - เลือกเส้นทางจากฉางอันไปยังเทียนซุย เขียนโรลเพลย์สร้างเรื่องราวเดินทาง เมืองใดก็ได้อย่างน้อย 2-3 เมือง เพื่อสร้างเรื่องราวการเดินทางของคุณ
                        - เขียนโรลเพลย์ส่งชาหลงจิ่ง 6 กา ให้ท่านเถ้าแก่โจ่ว (โจ่วอู่หลง) (ส่งมาไอดี Webmaster) ณ โรงเตี๊ยมชิงเฟย แห่ง เทียนซุย
                        - เถ้าแก่โจ่วฝากขอบคุณสหายหลี่แทนตนด้วย เขาให้เด็ก ๆ นำชาจากสหายหลี่เฟยหลงไปเก็บไว้บนชั้นส่วนตัว ไว้นำออกมากินยาม
                       - สร้างสตอรี่ไปรับใบชา 3,000 ชุดจากพ่อค้าชา ณ ศาลเจ้าเอ้อหลางเสิน แห่ง อี้เฉิง
                       - สร้างสตอรี่มาตามนัดพ่อค้า และ เจรจาธุรกิจกับพ่อค้าเพื่อรับมอบใบชา 3,000 ชุด ก่อนส่งใบสัญญาจากแม่บ้านให้อีกฝ่าย (รอส่งใบชา... ก่อนจึงจะโรลต่อไปได้)
                       - สร้างสตอรี่เดินทางจากอี้เฉิงกลับไปส่งงานที่ฉางอัน เขียนโรลสร้างเรื่องราวการเดินทาง เมืองใดก็ได้อย่างน้อย 2-3 เมือง เพื่อสร้างเรื่องราวการเดินทางของคุณ
                       - กลับมารายงานเมื่อทำงานเสร็จกับแม่บ้านสกุลหลี่
                        รางวัลเควส: ได้รับ +300 ตำลึงเงิน , +5,000 อีแปะ  , +30 EXP , +3 Point , ใบชาผู่เอ๋อร์ x30 , ใบชาเหมาเฟิง x30
                        หมายเหตุ: สามารถหักหลังสกุลหลี่ เชิดวัตถุดิบหนีไปได้

       (2) งานส่งข้าวกล่องให้คุณหนูรอง [เควสประจำวัน]
                        - เขียนโรลเพลย์รับงานจากแม่บ้านสกุลหลี่
                        - แม่บ้านสกุลหลี่ได้เสนองานให้คุณ ไปหาวัตถุดิบทำข้าวกล่องไปให้คุณหนูที่ดูแลกิจการโรงน้ำชา โดยรายการอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ [กล่องข้าว[ห่วงใยคนที่รัก]]
                        - สร้างสตอรี่โรลเพลย์หาวัตถุดิบ 1 สถานที่
                       - สถานที่ทำอาหารโรลเพลย์ 1 สถานที่ และ แพ็คใส่กล่อง
                        - เขียนโรลเพลย์เดินทางไปส่งข้าวกล่องให้คุณหนูหลี่โรงน้ำชา เมืองฉางอัน
                        - กลับมารายงานเมื่อทำงานเสร็จกับแม่บ้านสกุลหลี่
                        รางวัลเควส: ได้รับ +600 ตำลึงเงิน , 10,000 อีแปะ  , +30 EXP , ใบชาหลงจิ่ง x10


       (3) รับซื้อเพชร [เควสประจำวัน]
                        - เขียนโรลเพลย์รับงานจากแม่บ้านสกุลหลี่
                        - แม่บ้านสกุลหลี่ได้กล่าวถามคุณว่ามีเพชรจำนวนนึงไหม ทางเจ้านายเธอต้องการรับซื้อเพชรจำนวนนึง เขาจะจ่ายให้ราคางาม
                        - สร้างสตอรี่โรลเพลย์ตามหาเพชรที่ไหนก็ได้ขอให้มีเพชรดรอปก็พอ
                        - กลับมารายงานเมื่อทำงานเสร็จกับแม่บ้านสกุลหลี่พร้อมส่งเพชรให้แม่บ้าน
                       โควต้ารับซื้อเพชร: 0/500 เม็ด
                        รางวัลเควส: ได้รับ +12 ตำลึงทองเพชรที่ซื้อ ต่อ 1 เม็ด  , +15 EXP

←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-11-4 22:47:25 | ดูโพสต์ทั้งหมด
อดีตแม่ทัพคุกเข่าหน้าศาลบรรพชน

        การทั้งหมดผู้ใดล้วนช่วยคุณชายของบ้านสกุลหลี่ไม่ได้เลย  แม้แต่น้องสาวผู้มีปัญญาเป็นเลิศ  หากเพราะเห็นแก่หน้าบุตรีสุดที่รัก  เถ้าแก่หลี่จึงลงโทษสถานเบาเป็นการไว้หน้าบุตรีของตนผู้รักดั่งดวงใจ  หลี่ซีซวนจำต้องประสานมือรับโทษฑัณท์  เดินกลับมาบ้านด้วยความอับเฉา  หลี่หย่งเมี่ยวได้แต่มองตามหลังพี่ชายของนางอย่างไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบใจพี่ชายของนาง เพีงแค่ยอมใจรับโทษนี้ถือว่าเป็นที่สุดของพี่ใหญ่แล้ว  เนื่องจากไม่ค่อยลงรอยกันมาแต่ไหนแต่ไรมา  และมารดากับบิดามักจะมีปากเสียงด้วยเรื่องนี้เป็นประจำ  ต่างคนต่างรักลูกไม่เหมือนกันต่างจากพี่น้องที่มีนิสัยต่างกันมากก็จริง  แต่ที่จริงยิ่งว่าคือรักใคร่สนิทสนมกันมาก  หลี่หย่งเมี่ยวไม่เคยแสดงความเหนือกว่าพี่ชายต่อหน้าเขาเลยซักครั้ง  มีแต่แสดงความสามารถข่มผู้อื่นให้พี่ชายได้เห็นเป็นการสนุกสนานเสียมากกว่า  มีเพียงน้องสาวคนเดียวที่หลี่ซีซวนคนนี้ยอมลงให้อย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น

        หลี่ซีซวนเดินมาถึงบ้านสกุลหลี่อยู่ไม่ไกลจากโรงน้ำชามากนัก  โดยไม่รู้ตัวว่าหลี่หย่งเมี่ยวเดินถือกระบี่ที่ตอนนี้ห้อยเอวไว้ด้านซ้าย  มองดูไปแล้วเหมาะเป็นทหารรั้งตำแหน่งแม่ทัพประจำมณฑลอย่างที่เถ้าแก่หลี่กล่าวไว้  ใครมองผ่านมาคงคิดว่าหลี่หย่งเมี่ยวคุมตัวนักโทษส่งให้ทางการ  เขาเดินเข้ามาในบ้านหลังจากห่างหายไม่ได้กลับมานานหลายปี  บ่าวรับใช้ยังคงจดจำคุณชายของพวกเขาได้  เพียงแต่อยู่ในสภาพของชายพเนจร  แม่บ้านเดินเข้ามารับกระบี่จากคุณหนู  พลางพยักหน้ารับทราบกันตั้งแต่แม่บ้านจนถึงบ่าวจากสัญญาณมือที่คุณหนูของบ้านบอกว่าไม่ต้องถามหรือสงสัยอันใด  นางปล่อยให้พี่ชายของนางเดินตามทางไปยังศาลบรรพชนเองและคิดว่าคงจะจำทางไปเองได้  ช่วงเวลานี้นางคงไปโรงน้ำชาน้อยลง  ปล่อยให้พ่อทำงานเองบ้าง

        ศาลบรรพชนตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของบ้านสกุลหลี่  มันเป็นศาลทำด้วยไม้ทั้งหลังมีพื้นที่ขนาดกลางค่อนข้างเก่าแก่  ด้านในสุดของศาลบรรพชนวางป้ายวิญญาณของสมาชิกสกุลหลี่ลดหลั่นลงมาถึงสามชั้น  ตรงกลางมีกระถางธูปใบหนึ่งปักด้วยธูปหนึ่งดอกแบบนี้ทุกวัน  ไม่ไกลจากศาลบรรพชน มีผู้อาวุโสสูงสุดของบ้านคือปู่ของหลี่ซีซวนกับหลี่หย่งเมี่ยวพำนักอยู่ในบริเวณนี้ด้วย  เขาเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่  แม้มิได้มานานพอจะจำทางส่วนต่างๆของบ้านได้เป็นอย่างดี  ใจลอยไปกับความคิด  ชั่วขณะสติหลุดลอยก็มาถึงศาลบรรพชนที่ไม่ต่างจากบ้านขนาดย่อมหลังหนึ่ง  ปรากฎมีชายชราผู้หนึ่งกำลังยืนกวาดใบไม้ด้านหน้าศาลบรรพชน  หลี่ซีซวนหยุดยืนมองดูปู่ของเขาเองกวาดใบไม้  กำลังวังชาไม่ได้ถดถอยไปตามวัยที่ร่วงโรยเลยซักนิด
     "ไม่ได้เจอกันนานเลย  ซีซวน หลานปู่ เจ้ายังสบายดีไหม ตอนนี้ได้เป็นแม่ทัพประจำมณฑลหรือยัง"  สำเนียงชราแฝงความทรงอำนาจในน้ำเสียง  ละสายตาจากการกวาดพื้นด้านหน้าศาลบรรพชน  หันมาสบตากับหลานชายผู้ไม่ค่อยมาให้เห็นหน้าอีกเลย  หลังจากไปรับราชการทหาร  สายตามีความเอ็นดูปนสงสารในที  เรื่องที่หลานชายคนนี้พ่ายยับด้วยน้ำมือของกองโจรโพกผ้าเหลืองย่อมรับทราบเป็นอย่างดี  อันเนื่องมาจากหลานสาวที่ได้ยินข่าวนั้นวิ่งเข้าไปด้านในศาลบรรพชน  นั่งคุกเข่าต่อว่าบรรพชนไม่ปกป้องพี่ชายของนาง  เสียงดังก้องไม่เกรงใจแม้ป้ายวิญญาณ  การกล่าวปลอบขวัญดูจะไม่ได้ผล เพราะหลานชายยืนนิ่งเฉยแบบนั้น
     หลี่ซวนเพียงประสานมือคำนับปู่ของเขาเพียงเท่านั้น  ถอดรองเท้าก้าวเดินเข้าไปด้านในศาลบรรพชน  เสียงฝีเท้าหนักแน่น  เดินอย่างคนหมดอาลัยในชีวิตนี้แล้ว  สายตามองป้ายวิณญาณสกลุลหลี่เหล่านั้นด้วยความว่างเปล่า  ไม่เข้าใจ  นั่งคุกเข่าลงเบื้องหน้า  ยามนี้ไม่มีมาดของแม่ทัพหลงเหลือแล้ว  ขณะเดียวกันหลี่หย่งเมี่ยวเดินตามเข้ามาด้านใน นั่งลงด้านข้างหลี่ซีซวน
     "ตอนที่พี่ใหญ่พ่ายยับจากโจรโพกผ้าเหลืองมา ข้านั่งอยู่ที่นี่หลายวัน ต่อว่าพวกท่านไปเยอะเหมือนกัน" นางเล่าเรื่องย้อนความหลัง หวังว่าจะได้พุดคุยเป็นเพื่อนพี่ชายไปในทุกวัน "พี่โดนลงโทษแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้มีเพื่อนคุยด้วย ไม่เหงา แม้สถานที่ชวนอับเฉาก็ตาม"  หันมามองดูพี่ชายที่แอบอมยิ้มนิดๆ
     "ใช่ ข้าเองจะได้ไม่เหงา" มันเหมือนไม่ได้มาลงโทษสำนึกผิด  รู้สึกว่ามานั่งปรับทุกข์กับคนสนิทมากกว่า "ทำไมข้ารู้สึกว่า ท่านพ่อ ให้เราพี่น้องได้มีเวลาคุยด้วยกันนะ" เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง  ไม่เคยได้อยู่บ้านเล่นกับน้องสาวมากนัก  พอสนิทกันในระดับหนึ่ง  เขาก็ไปรับราชการทหารแล้ว  ทั้งที่จริงแล้วต่างเป็นเพื่อนที่สนิทและรู้ใจกันมากที่สุด  แม้นิสัยจะต่างกันสุดขั้วก็ตาม
     "ข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่ทุกวัน จนกว่าพ่อจะให้อภัยพี่" นางนั่งเคาะนิ้วเล่นบนตักของตัวเอง  มองดูป้ายวิญญาณเหล่านั้น  พลางคิดว่าภายใน 7 วัน พี่ชายของนางคงจะจำชื่อได้หมดทุกชื่อ เวลาสำหรับคนที่รอและรับการลงโทษ  มันคือช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดในความรู้สึกของพวกเขาแล้ว  จากนี้ไปต่างหากคือช่วงเวลาสำนึกผิดและการได้อยู่ร่วมกันของพี่น้องสกุลหลี่ที่ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันนานหลายปี
มอบชาหลงจิ่ง 1 ถ้วย ให้กับ [164]
ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-5 21:12:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สามแม่ลูกสนทนาที่ศาลบรรพชน
        ป้ายวิญญาณสลักรายนามสมาชิกตระกูลหลี่เรียงรายบนแท่นไม้ด้วยกันสามแถวลดหลั่นลงมา  บ่งบอกถึงความเป็นตระกูลเก่าแก่ของนครฉางอัน  พวกเขาเป็นนักการค้าโดยสายเลือดผ่านคืนวันอันรุ่งโรจน์   เสื่อมทรุด  และกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง  ตระกูลหลี่คือมั่งคั่ง  ร่ำรวยจากการค้าของสมาชิกในตระกูล  พวกเขาเป็นที่นับหน้าถือตาของชนทุกชนชั้น  ความฉลาดทางการค้าไม่มีใครเกินพวกเขาอีกแล้ว  มีบ้างที่สมาชิกในตระกูลหันไปสอบรับราชการเป็นขุนนางราชสำนัก กระทั่งตระกูลหลี่ผ่านไปร่วมร้อยปีได้กำเนิดยอดอัจริยะของตระกูล  ขณะเดียวกันก็เสื่อมทรุดเพราะคนในตระกูลรุ่นปัจจุบัน  คำนวณกำไร ขาดทุนแล้ว เคาะผลลัพธิ์ได้ผลเพียงเท่าทุน  
        ยามนี้ศาลบรรพชนเบื้องหน้าเหล่าป้ายวิญญาณของบรรพชน  ผู้สืบทอดตระกูลคนปัจจุบันนั่งคุกเข่าต่อหน้าป้ายวิญญาณมาได้ก็เข้าวันที่สองแล้ว  ไม่ได้ทานข้าวหากยังทานทนได้  เพราะคนผู้นี้เป็นถึงอดีตแม่ทัพและอาจจะได้เป็นแม่ทัพประจำมณฑล  ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดด้วยการโดนกองโจรโพกผ้าเหลืองมาแทรกแซงเสียก่อน  ความอดทนในการอดอาหารสำหรับเขาทานทนได้เสมอ  ด้านนอกมีเสียงกวาดพื้นด้านนอกศาลบรรพชน  คงเป็นผู้อาวุโสของบ้านตามเคย
     "หลานสาวตัวดีของปู่  วันนี้เจ้ามาทำอะไรที่นี่  ยังกลัววิญญาณบรรพชนสะดุ้งเพราะวาจาของเจ้าไม่พอหรืออย่างไร?"  ปู่คนนี้ยังจำเสียงหลานสาวผู้น่าเอ็นดูเป็นหนักหนา  กล่าววาจาจนบรรพชนแทบจะย้ายไปอยู่ที่อื่นกันหมด  คนแก่อย่างเขาเองยังสะดุ้งเลย
     "ข้ากระทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น  แค่นี้พ่อก็เอ็ดข้าจะแย่แล้ว"  หลี่หย่งเมี่ยวทำหน้าหงิกงอเป็นตะขอ  ยืนละอายต่อหน้าผู้อาวุโสของบ้าน  "ข้ามาเยี่ยมพี่ใหญ่ที่ศาลบรรพชนด้วย"  ขณะที่กำลังต่อล้อกับปู่  มารดาของสองพี่น้องเดินตามหลังบุตรีมาพอดี  นางคาราวะพ่อสามีตามธรรมเนียม  แล้วเดินนำบุตรีเข้าไปด้านในศาลบรรพชน  ทำเอาหลี่หย่งเมี่ยวเดินสลับวิ่งแทบไม่ทัน
        ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลี่ซีซวนได้พฤติกรรมแบบนี้มาจากผู้ใดในบ้าน  หลังจากหลี่ฟู่เหรินได้ยินว่าบุตรชายโดนลงโทษเช่นไร  การวิวาทะที่ห่างหายไปนานปีกลับมาดุเดือดอีกครั้ง  จนกว่าบุตรชายจะพ้นบทลงโทษของตระกูลหลี่อันเข้มงวด  หลี่ฟู่เหรินจะไม่กล่าววาจาใดอีกนอกจากกระทำตามหน้าที่ของภรรยาและแม่  หลี่หย่งเมี่ยวได้แต่นั่งเฉยไม่รู้จะกระทำสิ่งใดได้เลย
        เสียงฝีเท้าของหลี่ฟู่เหรินเดินเข้ามาในจังหวะอันเสมอกัน  เนื่องจากที่นี่เป็นที่สถิตย์ของป้ายวิญญาณบรรพชนตระกูลหลี่  จำนางต้องให้เกรียรติและเคารพพวกเขาอย่างสูงสูด  เบื้องหน้าสายตาของนางคือบุตรชายกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าป้ายวิญญาณเหล่านั้น  ตามหลังมาด้วยหลี่หย่งเมี่ยวที่วันนี้ไม่เข้าโรงน้ำชาอีกตามเคย  สองแม่ลูกพฤติตัวเช่นนี้  เถ้าแก่หลี่จำต้องทำปล่อยผ่านออกไปก่อน  
   "ยังนับว่าเห็นแก่หย่งเมี่ยวลงโทษเจ้าแต่เพียงเท่านี้  บิดาเจ้าช่างไม่เข้าใจเอาเสียเลย"  หลี่ฟู่เหรินกล่าวตำหนิสามีของนางเสียงเขียว  ในบางเรื่องนางย่อมไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา  บางครั้งค้านหัวชนฝาสามีจึงยอมลงให้กับนาง  นางนั่งลงทางด้านขวาของบุตรชาย  มองดูบุตรชายที่ยังแข็งแรง ทานทนได้  "เจ้าไม่กระทำซ้ำสอง แม่ก็ดีใจแล้ว"
   "ขอโทษนะ พี่ใหญ่  ข้าช่วยได้เท่านี้จริงๆ"  เถ้าแก่น้อยของโรงน้ำชานั่งลงทางด้านซ้ายของหลี่ซีซวน  ใบหน้าออกทางเหนื่อยใจ  ด้วยไม่รู้จะทำอย่างไร  ยังดีที่บิดาเห็นแก่ว่าเป็นลูกสุดที่รัก  ยั้งบทลงโทษที่สถานเบาเท่านั้น  "แต่วันนี้ที่โรงน้ำชาและทั่วนครฉางอัน  ท่านพ่อกลายเป็นหัวข้อสนทนาจนขุนนางผู้ใหญ่ที่คุ้นเคยกัน ยังรุดมาถามด้วยตนเอง"
     "ช่างหัวคนพวกนั้นเถอะ หย่งเมี่ยว  มันก็ดีแต่สอดรู้และอยากยืนยันข่าวที่ได้ยินมาก็เท่านั้น"  มารดาของหลี่ซีซวนกับหลี่หย่งเมี่ยว  ย่อมแจ้งแก่ใจคนพวกนี้ปรุโปร่ง  หากอยากให้เถ้าแก่หลี่ยอมเปิดปากยืนยันด้วยตนเอง  แมีแต่ต้องรุดมาเท่านั้นเอง  ด้วยอาศัยความคุ้ยเคยเป็นสำคัญ  เถ้าแก่หลี่จึงเล่นเล่ห์  ออกอุบาย ใช้วาทะศิลป์นิดหน่อย  จึงสยบคนพวกนี้ได้เป็นผลสำเร็จ โดยให้เหตุผลเพียงว่า บุตรชายหายหน้าไปนาน  มิยอมกลับบ้าน  กระทำตนเองให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง  จึงลงโทษไปให้ไปทำความสะอาดศาลบรรพชนและคุกเข่านั่งสมาธิเท่านั้น  พอได้คำตอบเช่นนี้ก็ต้องแสร้งพอใจและเข้าใจตามนั้น  ให้เถ้าแก่หลี่ผู้อ่อนโยนเป็นนิจพิโรธขึ้นมาอีกครา  ได้เสียหน้ากันทั้งนครฉางอันเป็นแน่  "ซีซวน เจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวเหงา หย่งเมี่ยวอยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้ทุกวัน  หากแค่กลับไปเวลานอนเท่านั้น  แค่ยอมให้บุตรีสุดที่รักมาที่นี่ได้ ถือว่าพ่อเจ้ายอมมากแล้ว"  ปล่อยให้พี่น้องได้ใช้เวลาร่วมกันจะเหมาะควรกว่า  ตบไหล่บุตรชายสุดที่รักพลางสวมกอดด้วยความคิดถึง  แล้วลุกขึ้นเดินจากไป


ธาตุ
ธาตุไม้ ถูกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว



        


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-6 22:10:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ศาลบรรพชนไม่เงียบเหงา

        นับตั้งแต่หลี่ซีซวนถูกทำโทษให้สำนึกผิดด้วยการคุกเข่าต่อหน้าป้ายวิญญาณภายในศาลบรรพชน  ล่วงเข้าวันที่สามกับการโดนอดอาหารที่รวมอยู่ในบทลงโทษนี้ด้วย  แม่บ้านสกุลหลี่อยากทำอาหารมาให้คุณชายได้รับประทานบ้าง  เพราะเห็นสภาพคุณชายใบหน้ามีความอิดโรย  แต่โดนหลี่หย่งเมี่ยวห้ามและกำชับไว้  หากไม่อยากเป็นต้นเหตุให้เถ้าแก่หลี่ต้องเพิ่มบทลงโทษให้กับพี่ใหญ่ของนาง  ซึ่งนางเองไม่ได้เข้าโรงน้ำชาร่วมสองวันแล้วเช่นกัน  พี่ใหญ่โดนลงโทษตามจำนวนวันเท่าไหร่  โรงน้ำชาไร้เถ้าแก่น้อยตามวันที่พี่ของนางโดนลงโทษ  เมื่อไร้เงาของเถ้าแก่น้อยที่โรงน้ำชา  ผู้อยากประชันเชาว์ปัญญา  ประลองหมากล้อมที่อยากวัดฝีมือและความสามารถของตนเอง  จำต้องยอมรอเถ้าแก่น้อยมาโรงน้ำชา  ยิ่งในเวลานี้มีข่าวสะพัดทั่วนครฉางอันเพิ่มว่าอีกว่าการที่ไร้เงาของเถ้าแก่น้อย  ย่อมมีสาเหตุมาจากพี่ชายของนางโดนลงโทษให้คุกเข่าสำนึกผิดอยู่ในศาลบรรพชน  ผู้เป็นน้องสาวย่อมไม่อาจทานทนเห็นผู้เป็นทั้งพี่ชายและเพื่อนสนิทต้องมาอยู่อย่างเดียวดาย  พวกที่มีปัญญาและวิดคราะห์เองได้ต่างต้องตั้งวงคุยกันเอง  หากหลุดถึงหูเถ้าแก่หลี่ย่อมไม่ส่งผลดีต่อตัวพวกเขาเอง

        วันนี้หลี่หย่งเมี่ยวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ฉลุลายสิงห์และกิเลน  มันเป็นเก้าอี้ประจำตำแหน่งประมุขของสกุลหลี่  มีเพียงหลี่หย่งเมี่ยวนั่งได้โดยไม่โดนตำหนิจากประมุขตัวจริงของสกุลลหลี่  กระดาษขาวแผ่นยาววางอยู่บนโต๊ะไม้  มีพู่กันหลายขนาดแขวนอยู่บนที่แขวนพู่กัน  หินฝนหมึกจีนสีดำลวดลายดอกบัวสั่งทำมาจากซือโจว  มันค่อนข้างมีราคาแพง  แต่หลี่หย่งเมี่ยวมักจะใช้บริการจากมันเป็นประจำ  ขึ้นชื่อว่าลูกรักกระทำสิ่งใดบิดาย่อมไม่ตำหนิ  นางลุกขึ้นร่ายนิ้วมือเรียวหาพู่กัน  ระหว่างที่เฟิงฉางลี่ยืนฝนหมึกให้คุณหนูยอดอัจริยะของบ้าน  ได้พู่กันที่ถูกใจแล้วจับพู่กันจุ่มหมึก ปาดหมึกเล็กน้อยแล้วจรดลงบนแผ่นกระดาษ



กรุ่นกลิ่นชาพาให้หวนคิดถึงบ้าน
ในวันวานงานในจวนล้วนมากมี
คนละไม้คนละมือทั้งน้องพี่
เหนื่อยที่กายสุขที่ใจไร้กังวล

เวลาผ่านสานความฝันออกจากบ้าน
เพื่อเพียรงานสร้างชื่อเสียงทุกแห่งหน
หลายปีผันหันหลังกลับยังมีคน
ใต้เงาสนไม้ใหญ่ใครเฝ้ารอ?



        เฟิงฉางลี่มองดูคุณหนูตวัดพู่กันอักษรตัวสุดท้ายเสร็จสิ้น  ในใจอดชื่นชมกับลายมีสละสลวยของเจ้านายสาวคนนี้ไม่ได้  การตวัดพู่กันทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ  ทั้งคู่ยืนยิ้มให้กัน  หลี่หย่งเมี่ยวม้วนกระดาษเดินถือมันออกไปยังทิศทางศาลบรรพชน  ช่างเป็นช่วงเวลาที่ผู้อาสุโสสูงสุดของบ้านต้องทำตัวให้ชินกับการมีคนเดินเข้าออกศาลบรรพชน  เนื่องจากนานทีปีหน  หรือวันสำคัญของตระกูลถึงจะไม่สงบหนหนึ่ง  หากระยะนี้หลานสาวตัวดีชอบมาที่นี่ทุกวัน  พอมองเข้าไปด้านในศาลบรรพชนค่อยกระจ่างใจว่า  เจ้าตัวดีมาอยู่เป็นเพื่อนคนที่โดนลงโทษให้คุกเข่านี่เอง  เจ้าลูกชายก็โหดร้ายเกินไปให้ทานอาหารบ้างก็ยังดี  แต่เห็นว่าหลานชายเคยเป็นถึงแม่ทัพของราชสำนัก  ค่อยเบาใจได้ว่าความอดทนในด้านนี้ย่อมสูงกว่าคนปรกติทั่วไป  เขานั่งลงด้านข้างของศาลบรรพชน  หลานสาวโค้งคำนับเสร็จรีบเดินเข้าไปทันที  แล้วหันตัวมองดูว่านางจะทำอะไร

     "เจ้าตัวดี เจ้ามาที่นี่ทุกวันโรงน้ำชาได้ขาดทุนกันพอดี"  หลี่ซีซวนนั่งคุกเข่าในศาลบรรพชนจนจดจำเสียงฝีเท้าของน้องสาวได้แล้ว  "ป่านนี้ท่านพ่อมิบ่นเป็นหมีกินผึ้งแย่แล้วหรือ?" หันมาทางด้านซ้ายมองดูน้องสาวจุดธูปไหว้ป้ายวิญญาณบรรพชน

     "หากโรงน้ำชาต้อขาดทุนเพราะข้าแล้วไซร้ ท่านพ่อคงไร้ความสามารถนานแล้ว" นางปักธูปลงบนกระถางธูปพลางยื่นม้วนกลอนกระดาษให้พี่ใหญ่ "แม้พี่ไม่ได้รับราชการทหารแล้ว  แต่ข้ายังคงคิดถึงวันที่โดนลงโทษร่วมกับพี่ใหญ่ในที่แห่งนี้"  สายมองไปรอบๆภายในศาลบรรพชน

     ย้อนคิดถึงวันที่ต้องโดนร่วมรับโทษกับพี่ชายของนาง โทษฐานปิดบังความผิดและโกหก  ถังน้ำคนละใบ  ผ้าขี้ริ้วคนละผืน  ต่างคนต่างถูพื้นไม้  เช็ดทำความสะอาดกันอย่างสนุกสนาน ร้องเพลงร่วมกัน  เสร็จจากการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว  มานั่งพิงหลังชนกันแล้วหลับไปพร้อมกัน  จนปู่ของสองพี่น้องต้องนำผ้าห่มให้นอนกันในที่แห่งนี้  ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าวันเวลาได้พรากความสนุกสนาน  ความห่างเหิน  กระทั่งได้มาเจอกันอีกครั้ง

     "ข้าไม่ใช่แม่ทัพผู้นำทหารออกไม่รบในสนามรบอีกต่อไปแล้ว"  พออ่านกลอนเสร็จค่อยเข้าใจความหมายที่น้องสาวต้องการจะสื่อมันออกมา

     "แต่พี่ใหญ่ยังคงเป็นพี่ชายของข้าคนนี้เสมอ"  หลี่หย่งเมี่ยวต่อบทอย่างไม่ต้องคิดไม่เสียเวลา  "ข้าไม่สนใจงานที่โรงน้ำชาเท่าไหร่ ปรกติท่านพ่อก็ทำเองอยู่แล้ว"

     ปู่ของสองพี่น้องที่กำลังนั่งมองจากมุมด้านนอก  นั่งฟังบทสนทนาของหลานสองคน  นิสัยต่างกันมากก็จริง  หากมีความจริงที่ยิ่งกว่านั้นคือความสัมพันธ์ในสายเลือดระหว่างพี่น้องมันไม่ต่างกันเลย  มันเข้มข้นจนไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดจะมาทำให้มันเจือจางลงไปได้อีกแล้ว




ธาตุ
ธาตุไม้ ถูกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-7 20:30:31 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เหมันตฤดูมาเยือน

        ล่วงเข้าสู่เดือนสืออีเยว่ต้นเหมันตฤดูแถบเหลียงโจว  ส่านซี  อากาศหนาวมาก  ทำให้ภายในบ้านของสกุลหลี่รวมถึงศาลบรรพชนต้องตั้งกระถางไฟเพื่อให้ความอบอุ่น  ตามจริงเถ้าแก่หลี่ไม่ได้อนุญาติให้มีการติดตั้งกระถางไฟที่ศาลบรรพชน  เนื่องจากอยู่ในช่วงลงโทษจึงอยากให้บุตรชายได้สำนึกผิดมากขึ้นกว่าเดิม  ลับหลังเถ้าแก่หลี่ทั้งหลี่ฟู่เหรินและหลี่หย่งเมี่ยวแอบนำไปติดตั้งศาลบรรพชน  อีกครั้งเถ้าแก่หลี่ต้องหลับหูหลับตาไม่รู้ไม่เห็นและอาจจะเป็นไปตลอดจนสิ้นสุดการลงโทษ  ทั้งต้องมาดูแลกิจการโรงน้ำชาเป็นการชั่วคราวระหว่างที่บุตรีชอบมาคลุกกับบุตรชาย  การรับหน้าพวกชอบลองของในโรงน้ำชาไม่เหลือบ่ากว่าแรง  หากแต่ต้องตอบคำถามทุกวันจนคร้านจะตอบเสียแล้ว

        เหมันตฤดูมาเยือนเช่นนี้ฉางอันย่อมหนาวเร็วกว่าทุกที่  โดยปรกติเถ้าแก่น้อยมักจะเตรียมน้ำร้อนกับขนมทั่วไปตั้งไว้หน้าโรงน้ำชา  สำหรับคนยากจน  คนขอทาน  เพราะรู้ดีกว่ามันมีความยากลำบากในการเพราะปลูก  มักจะกำชับพวกบริกรเสมอว่าตรวจทานให้ดีอย่าให้โดนหลอกเอาได้  โรงน้ำชาไม่ใช่โรงทานแต่เถ้าแก่น้อยกลับนิยมทำทาน  ข้อนี้เป็นที่รับรู้ทั่วไปของชาวเมืองฉางอัน  คนสูงวัยมักจะเอ็นดูนางเสมอและนางมักจะชอบสนทนากับพวกเขาเป็นเวลานาน  สกุลหลี่อาจจะไม่ที่เป็นที่รู้จักของพวกขุนนางทุกระดับเช่นในอดีต  เนื่องจากพวกเขาย้ายไปรับราชการที่อื่นกันหมด  แต่ยังมีบางส่วนพอจะคุ้นเคยกันอยู่บ้างเล็กน้อย

        ภายในศาลบรรพชนยังคงมีคนนั่งคุกเข่าเบื้องหน้าป้ายวิญญาณเช่นเคย  ระยะนี้มีคนแวะมาเยี่ยมเยียนมิขาด  วันนี้ปู่มานั่งจุดธูปไว้บรรพชน  กิริยาสำรวมยิ่ง  ต่างจากหลายวันที่ผ่านมาที่ปล่อยตัวตามสบาย  ท่าทางไม่มีสนใจต่อความวุ่นวายของโลกภายนอก  อดีตแม่ทัพนั่งคุกเข่าสง่าเผยเช่นนี้  ช่างเป็นภาพที่หาได้ยากนัก  และผู้เฒ่าอย่างเขาเพิ่งมีโอากาสได้สัมผัสมัน  ภาพจำที่เห็นบ่อยครั้งสำหรับหลานชายคนนี้คือความเจ้าสำราญ  ไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะตำหนิ  นินทาว่าร้ายประการใด  

     "ไม่คิดว่าพบหน้ากันอีกครั้ง  หลายชายของข้ากลายเป็นคนชอบท่องไปในแผ่นดินเสียแล้ว"  สุ่มเสียงชราแฝงด้วยความอ่อนโยนหลายส่วน  สายตาไล่มองดูรายชื่อบนป้ายวิญญาณ "ได้ยินว่าเจ้าเคยช่วยชีวิตเด็กน้อยผู้หนึ่งเอาไว้  แถมเมี่ยวเอ๋อห์ยังชมชอบ  หายากนะ"

     "เด็กคนนั้นชื่อมู่อิง  ข้าพานางไปส่งที่อู๋เว่ยแล้ว จวนสกุลหม่า"  หลี่ซีซวนตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางกลืนน้ำลายให้ชุ่มคอ  "ไม่ควรต้องไปเจอกับอะไรเลวร้ายนั้น"

     "พี่ใหญ่ ขออภัยที่ข้ามาช้า" เสียงเจื่อยแจ้วดังมาจากนอกศาลบรรพชน  "เอ่อ ท่านปู่อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?"  สายตาชะงักกับผู้อาวุโสของบ้านที่มานั่งอยู่ด้วยกับพี่ชายของนาง  

     "เจ้าควรเดินให้สำรวมกว่านี้หน่อย ที่นี่ศาลบรรพชน  ปรกติเห็นสุขุมกว่าใครในบ้าน  ทำไมวันนี้ถึงได้กระโดดโลดเต้นแบบนี้"  หลานสาวโดนตำหนิชุดใหญ่ ทำเอาต้องแสดงอาการสำรวม  ปรกติผู้เฒ่ามักไม่ค่อยว่ากล่าวเท่าใดนัก  ครั้งนี้ขอตำหนิแทนลูกชายของตัวเองเสียหน่อย

     หลี่หย่งเมี่ยวนั่งลงข้างหลี่ซีซวนไม่ได้พูดจาอันใดออกมา  นั่งฟังปู่กับพี่ชายสนทนากันแทน มีสอดแทรกเล็กน้อยในบทสนทนา  

ธาตุ
ธาตุไม้ ถูกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว

     


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-8 23:08:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2021-11-9 11:27

ค่ำคืนหนาวเหน็บ ยอดอัจริยะบรรเลงกู่ฉิน

        เมื่อวานหลี่หย่งเมี่ยวแทบบจะไม่ได้พูดอะไร  เนื่องจากบุรุษสองคนสนทนาถึงงานราชการทหารเมื่อนานแล้ว  ผู้เฒ่าของบ้านรู้ว่าหลานชายออกจากราชการทหาร  คิดว่าเรื่องในกองทัพคงไม่ลืมเลือนได้ง่ายดาย  ทำเอาแทรกตรงกลางลำบาก  แต่อยู่ฟังด้วยความสนใจจนจบบทสนทนา  มันก็ล่วงเข้ายามค่ำเสียแล้ว  จำต้องกลับไปพร้อมกับปู่  มิเช่นนางจะไม่ได้มาอีกเลย  พื่อให้สมกับเป็นการลงโทษ  เถ้าแก่หลี่สั่งระงับการเติมเชื้อไฟในกระถางเตาไฟที่ศาลบรรพชน  หลังจากครุ่นคิดอยู่นานไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจของบุตรีมากเกินไป  อย่างไรในศาลบรรพชนย่อมอบอุ่นมากกว่าเหน็บหนาว  คงไม่ถึงขั้นล้มป่วยหรอกมั้ง  อดทนอดอาหารมาได้ขนาดนี้  อดทนต่อความหนาวย่อมไม่ระคายผิว  ถึงอย่างไรบุตรชายเคยเป็นถึงอดีตแม่ทัพผู้หนึ่ง  เรื่องจำพวกนี้ย่อมต้องอดทนได้เป็นอย่างดี

        นายผู้เฒ่ามานั่งเล่นด้านในศาลบรรพชน  ในมือถือตำราเล่มหนึ่งนั่งอ่านอย่างใจจดใจจ่อ  นานมากแล้วที่ไม่ได้มีเพื่อนมาร่วมชายคาในศาลบรรพชน  หลี่ซีซวนนั่งนิ่งไม่ไหวติง  อาการเจ็บปวดต่างๆตามร่างกายที่เคยมีในสองวันแรก  เขาได้ข้ามพ้นมาได้แล้ว  สายตาเหม่อมองป้ายวิญญาณบรรพชน  มิได้กระทำสิ่งใดที่ต้องละอายต่อตนเอง  หากแต่ละเมิดกฎของตระกูลที่สืบทอดมาช้านานและต้องรักษามันไว้อย่างเข้มงวด  อากาศเหมันตฤดูหนาวเหน็บไปถึงทรวง  ยังดีที่มีอยู่ภายในศาลบรรพชนพอทุเลาเบาลงได้เยอะ  ครุ่นคิดตอนรับราชการทหารได้ไม่นานได้รับมอบหมายให้ไปเฝ้ายาม  อากาศหนาวจนเสียดกระถูกต้องอดทนไปตลอดช่วงระยะของการยืนเวรยาม  แล้วคนพเนจรพวกนั้นใช่ต้องโดนอาการเหมันต์กระทำถึงเพียงนี้หรืออาจจะสาหัสมากกว่านี้

     "ป่านนี้ หย่งเมี่ยวคงเปิดโรงน้ำชาเป็นโรงทานแล้วกระมั้ง" ผู้เฒ่าบ่นพึมพำราวกับสนทนากับตัวเอง  หลานสาวคนนี้ใจบุญเสมอและช่วงเหมันตฤดูนางก็ชอบเปิดให้คนพเนจรมานอนในช่วงอากาศหนาวจัด  รุ่งขึ้นจึงเชิญออกไปด้านนอก  "หลานของข้าคนนี้จิตพระโพธิสัตว์โดยแท้"

     หลี่ซีซวนพอจะทราบมาจากพวกไปพลัดเวรกับคนงานที่โรงน่ำชา  พวกมันยืนคุยกันดังจดเสียงลอดเข้ามาในศาลแห่งนี้  ใช้ปัญญาณได้อย่างเป็นประโยชน์สูงสุดโดยแท้  ไม่แปลกถ้าคนทั้งนครฉางอันจะเอ็นดูนางมากขนาดนี้  และตอบแทนด้วยการแวะเวียนมาที่โรงน้ำชาไม่ขาดสาย  พลันได้ยินเสียงเหมือนคนดีดดนตรีอะไรซักอย่าง

     "ผู้ใดมาเล่นดนตรีแถวศาลบรรพชนกัน"  ผู้เฒ่าหันมาสบตากับหลานชายอย่างต้องกาคนช่วยตอบคำถามนี้

     "คนหาญกล้ามิกลัวบรรพชนคงไม่ใช่ใครอื่น"  ต่างคนต่างยิ้มอย่างรู้คำตอบโดยไม่ต้องตอบออกมาเป็นคำพูด

     เสียงนิ้วกรีดกรายบนกู่ฉิน  ท่วงจังหวะเชื่องช้าสลับเร็ว  ทำเอาผู้เฒ่าต้องออกมายืนดู  ที่แท้หลี่หย่งเมี่ยวตั้งโต๊ะกลางลาน  สวมเสื้อคลุมยาวถึงพื้นมีขนสัตว์ประดับริมเสื้อคลุม  แม่บ้านยืนกลางร่มให้คุณหนูของบ้าน  นานแล้วที่ไม่ได้ฟังอัจริยะของบ้านเล่นดนตรีชนิดนี้  ทุกทีตวัดพู่กันคัดอักษร

ตวัดร่างภาพลายครามบนสีพื้น ลายเส้นที่วาดลงช่างอ่อนช้อยงดงาม

กลิ่นเครื่องหองโชยผ่านหน้าต่าง พลันตัวข้านี้กระจ่างแจ้งในใจ

ปลายพู่กันตวัดลงบนกระดาษ ไม่ทันเสร็จพลันชะงักเพียงครึ่งทาง

แต้มสีสันงดงามดุจเทพธิดาร่ายมนต์ชวนให้หลงใหล

รอยยิ้มของเจ้าช่างงดงาม ดุจดั่งบุปผาแรกแย้ม

เพียงพริบตาความงามของเจ้า ก็ปลิดปลิวจนข้ามิอาจไขว่ขว้าได้

สีครามอ่อนบนผิวกระเบื้องรอคอยไอฝน  ดั่งเช่นที่ข้ารอเจ้า

ควันเตาเผาลอยขึ้นสูง แม้อยู่อีกฝั่งลำนำไกลห่างพันหมื่นลี้

ด้านล่างแจกันข้าบรรจงวาดอักษรลี่ซู  เปรียบดั่งสัญลักษณ์เอาไว้

ซ่อนความนัยเรื่องราวเมื่อคราวที่เราพบกัน  ฟ้าครามรอละอองฝน ส่วนข้าเฝ้ารอเจ้า

ราวตวัดคว้าเงาจันทร์บนผืนน้ำ  เรื่องราวพลันเลือนหาย

ดวงตาคู่งามราวแย้มยิ้มพร่างพราว  ดั่งเครื่องลายครามอันล้ำค่ามิเสื่อคลาย

เสียงกรียดสายกู่ฉินจบลงพร้อมการร้องท่อนสุดท้าย  เนื้อความแปลงใหม่จะได้ใจความของความเป็นพี่น้องซ่อนอยู่ในนั้น  การบรรเลงกู่ฉินของหลี่หย่งเมี่ยวในวันนี้มิต่างจากการที่หลี่ซีซวนหวนคืนสู่บ้านสกุลหลี่  ความยากระดับที่ต้องมีเหตุการณ์พิเศษจึงได้พบกัน  คุณหนูสกุลหลี่ให้คนนำของทั้งหมดไปเก็บในบ้าน  นางเดินมาทำความเคารพท่านผู้เฒ่า  ปลดเสื้อคลุมส่งให้แม่บ้านสกุลหลี่

     "เมี่ยวเอ๋อห์ เจ้าให้เขาได้สำนึกผิดอย่างแท้จริงบ้างเถอะ วันนี้พ่อของเจ้าไม่ส่งถ่านมาเพิ่ม เจ้าย่อมรู้ความหมายนะ"  ผู้เฒ่าหันมามองดูหลานชายนั่งคุกเข่าสงบเงียบ  ความองอาจของพยัคฆ์แม้ดูโรยราไปบ้าง  แต่ไม่อาจทำลายมันลงได้เลย "แค่เจ้ามาที่นี่ทุกวัน พ่อเจ้านับว่าอ่อนลงให้มากแล้ว เจ้านั่งอยู่ห่างๆก็พอ" เดินออกจากศาลบรรพชนกลับไปบ้านที่อยู่ไม่ห่างกันมากนัก  

     หลี่หย่งเมี่ยวไม่พูดจาสิ่งใด นั่งลงด้านหลังไม่ห่างมากนัก  ลองนั่งคุกเข่าสงบนิ่งทำความคุ้นเคยกับการโดนลงโทษ  มองดูแผ่นหลังที่คงไม่กลับบ้าน  หากไม่เห็นแก่นางคนนี้  รู้มาตลอดว่าบุรุษผู้นี้ไม่ค่อยยอมลงให้ผู้ใด  ไม่เห็นและไม่สนใจ  กลับยอมทั้งหมดให้น้องสาวผู้เดียว  ปล่อยให้ได้สงบนิ่ง  ทบทวนเรื่องราวต่างๆในชีวิต จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

ธาตุ
ธาตุไม้ ถูกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว








←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-9 21:21:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พยัคฆ์สำนึกผิด ชั่วชีวิตไม่คืนสู่บ้าน

        ค่ำคืนที่ผ่านมาหลี่หย่งเมี่ยวเดินกลับเข้าสู่บ้านหลัก  ครุ่นคิดว่าหากเปลี่ยนเป็นพี่ชายของนางในช่วงเวลานี้  ควรจะทำเช่นไรต่อไปดีบนเส้นทางที่ได้เลือกแล้ว  อาจจะไม่หวนคืนสู่บ้านท่องเที่ยวไปทั่ว  แม้ว่ามันจะเกิดการกลียุคเช่นในเวลานี้ก็ตาม  ซื่อสัตย์กับใจตัวเองทำในสิ่งที่ใจปราถนา  เชื่อเหลือเกินว่าบนแผ่นดินนี้ล้วนมีที่ให้พยัคฆ์ตัวนี้ได้ย่างบาท  ไม่เกรงกลัวสิ่งใด  จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าพี่ใหญ่บอกว่ามีบ้านอยู่ที่เจียงหนาน  ภูมิภาคเจียงหนานอากาศอบอุ่นตลอดปี  เหมันตฤดูไม่เคยไปเยือนเจียงหนาน  เหมาะแก่การเพาะปลูกยิ่งนัก  น่าจะดีหากเร้นกาย  ซ่อนตัว  มีวิถีชีวิตสงบสุขท่ามกลางแผ่นดินที่กำลังจะลุกโชนด้วยไฟสงคราม  บรรเลงกู่ฉินขับขานทำนองเพลง  เคียงข้างคนรัก  นี่คือภาพในฝันของนางและคิดว่าคงมีในใจของพี่ใหญ่ของนางด้วยเช่นกัน

        ใช่ว่าหลี่ซีซวนอกตัญญู  เพียงไม่อยากอยู่ในกรอบอันเข้มงวด  สภาพเริ่มซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด  ใบหน้าแห้งผากไร้ชีวิตชีวา  มีอาการหนาวสั่นเล็กน้อยจากลมหนางที่พัดมาจากด้านนอกศาลบรรพชน  หากยังอดทนได้  ไม่ปริปากบอกความรู้สึกใดๆแก่ใครทั้งสิ้น  เถ้าแก่หลี่ส่งถ่านมาเติมน้อยลง  ไฟในกระถางมอดยังรอเวลาซักระยะแล้วเติมลงไปใหม่  เรื่องเพียงนี้พยัคฆ์ย่อมทานทนได้เสมอ  ผู้เฒ่าของบ้านไม่คิดสอดมือเข้าไปยุ่งกับเรื่องในครอบครัวของบุตรชาย  เฝ้ามองดูการลงโทษและสังเกตอาการของผู้รับโทษ  ไม่เสียทีกับการได้รับการฝึกฝนในค่ายทหาร  ทานทนในสิ่งที่คนทั่วไปยากทานทนได้นานยาวนานขนาดนี้  ยังเห็นว่าหลานสาวมาเยี่ยมเยือนที่นี่เป็นประจำ  บรรพชนรู้คงดีใจน่าดูที่ลูกหลานมาหาทุกวัน  หากแต่ต้องไม่ใช่หลี่หย่งเมี่ยวผู้เคยอาละวาดต่อป้ายวิญญาณทั้งหมดในศาลบรรพชน  หากพี่ชายของนางสิ้นชีพกลางสนามรบ  คาดเดาได้ว่าศาลบรรพชนคงดับสูญไปพร้อมกัน

     "หย่งเมี่ยวไม่คิดไปสนทนากับซีซวนแล้วหรือ" ผู้เฒ่ายืนลูบเครามองดูแม่นางยืนถือกู่ฉินตามหลังนางน้อยของบ้าน  "พยัคฆ์ตัวนี้ตั้งแต่วันวานแทบไม่สนทนากับผู้ใด สงบนิ่งดั่งเฝ้าดูเหยื่อยมิปาน"

     "ข้าควรปล่อยให้พี่ใหญ่ได้ใช้สมาธิบ้าง หลังสิ้นสุดการลงโทษแล้ว อีกนานกว่าข้าจะได้เจอเขาอีก" ความสุขุมของหลี่หย่งเมี่ยวนับว่าเยือกเย็นกว่าเถ้าแก่หลี่ หากนำออกมาใช้จริง ขนาดผู้เฒ่ายังแอบคิดไม่ได้ว่า มันคือกิริยาของพวกแม่ทัพระดับสูง  บารมียังครองความได้เปรียบผู้เป็นพี่ชาย  "พี่ใหญ่คงไม่คิดหวนคืนสู่บ้านหลังนี้อีกแล้ว" นางได้นั่งคุกเข่าสำรวมกายใจต่อหน้าป้ายวิญญาณ  สวมวิญญาณความเป็นพี่ชายของนางประกับกับปัญญาญาณอันเหนือล้ำ  ไม่นานค่อยพบคำตอบว่า พี่ชายคนนี้คงออกท่องเที่ยว  สัญจรลงใต้  ไม่คิดกลับมาบ้านหลังนี้อีก

      "หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าคิดเสียว่าตระกูลหลี่เราได้ย้ายถิ่นฐานแล้วกัน" ผู้เฒ่าพอจะเข้าใจความนัยของหลานสาว  โลกของคนหนุ่มสาว  คนแก่อย่างเขาได้เฝ้าดูมันด้วยความเป็นไปของโลกใบนี้

     หลี่หย่งเมี่ยวนำกู่ฉินมาไม่ได้มาบรรเลงเพลงด้วยตนเอง  หากมอบหมายให้เฟิงฉางลี่แม่บ้านสกุลหลี่เล่นกู่ฉินแทน  ทราบมาว่านางค่อนข้างเล่นเก่งและร้องเพลงเพราะอีกด้วย  ขณะเดียวกันที่หลี่ซีซวนไม่ได้ขยับร่างกาย  นั่งนิ่งดั่งรูปปั้นองค์หนึ่ง  แม่บ้านนั่งลงวางกู่ฉินลงบนตัก  หันหน้าเข้าหาป้ายวิญญาณบรรพชน  กรีดสายเครื่องดนตรี  แล้วเริ่มขับขานมันออกมา

     

ครกันที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ววางพู่กันลงเพื่อหยิบชา  ย้อมทิวทัศน์ที่สวยงามในช่วงบ่ายคล้อย

เดินหมากรุกไปข้างหน้าเพื่อชี้ชะตา  คนที่นั่งดื่มชามีเพียงแค่เราสองคน

อยู่ใกล้โคมไฟบางๆและรับฟังบทกวีที่กล่าวขานในค่ำคืนนี้

ชัยชนะและการสูญเสียล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา  

โลกกำลังแปรผันในถ้วยชา แต่ไม่บ่งบอกว่าสิ่งใดแน่ชัด

นักดื่มชาที่กำลังท่องโลกอันกว้างไกล  หมอกหนาและพายุฝน

นกนางแอ่นกำลังบินข้ามภูเขาเขียว  ดาบและตะเกียงไร้คนเช็ดล้างจนขึ้นสนิม

ใครกันที่เคยนั่งจิบชาอยู่ตรงนั้น  คงเป็นคนรักเก่าที่หายไปเหมือนสายลมในทะเลทราย

ชากำลังเย็นชืดและฤดูเหมันต์กำลังจะกลับมา  ต่อให้ชายคนเก่าแต่งแต้มชีวีตที่สดใสเพื่อเจ้า

ในถ้วยชานั้นก็ยังคงเป็นถ้วยชาอยู่เหมือนเดิม

สุ่มเสียงของแม่บ้านสกุลหลี่วิจารณ์ด้านใดด้านหนึ่ง  นับว่าไพเราะกว่าหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นเจ้านาย  เนื้อเพลงคล้ายของพยัคฆ์หนุ่มแต่มันหมายถึงใครกันแน่ระหว่างหลี่ซีซวนกับหลี่หย่งเมี่ยว  จำต้องไปตีความกันเอาเอง  นางนั่งคุกเข่าลงกับพื้นไม้โดยมีแม่บ้านนั่งอยู่เป็นเพื่อนด้านข้าง  หากถึงเวลาจะได้เดินกลับเข้าบ้านพร้อมกัน  คุณหนูผู้เป็นที่รักและเอ็นดูของบ้านไม่ได้เข้ไปโรงน้ำชาหลายวันแล้ว  หลี่ฟู่เหรินคลุกตัวอยู่โรงทอผ้าใกล้พลบค่ำจึงจะกลับมาที่บ้าน  บรรยากาศเช่นนี้มิรู้ว่าจะสลายไปวันใด

ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-11-10 22:08:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พี่น้องตัดกันไม่ขาด

        ล่วงพ้นวันนี้ไปบทลงโทษของตระกูลเป็นอันสิ้นสุดลง  อดีตแม่ทัพหนุ่มร่างกายซูบผม  ใบหน้าแห้งผาก ไร้ชีวิตชีวา  ผมเพ้ากระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรงผม  หนวดเครายาวขึ้นกว่าแต่เดิมมาก  แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของความเป็นแม่ทัพผู้องอาจในอดีต  เงยหน้ามองดูป้ายวิญญาณไล่สายมองดูรายชื่อ  จดจำได้ขึ้นใจ  บรรยากาศภายในศาลเจ้าอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย  เพราะมารดาแอบให้บ่าวในบ้านนำถ่านมาใส่ในกระถางไฟเพิ่มเอง  เถ้าแก่หลี่รู้เข้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  จำใจต้องกลืนมันลงท้อง  บุตรชายตัวดีไม่บ่นให้ใครฟัง  กระทั่งถามทวนความจากบุตรีก็ไม่มีบ่นให้ฟัง  เพียงสนทนาตามประสาพี่น้อง  สมแล้วที่เคยอยู่ในค่ายทหารมานาน  ถือว่าที่เคยรับราชการทหารมาไม่เสียเปล่า

        เถ้าแก่หลี่กับผู้เฒ่าหลี่ยืนมองดูคุณหนูของบ้านสกุลหลี่ร่ายรำกระบี่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น  ท่วงท่าสวยงาม  อ่อนช้อย  แฝงความดุดัน  ไมมีความอ่อนโยน  ทุกการตวัดพาดผ่านห้วงอากาศหมายปลิดชีพศัตรูเบื้องหน้า  ไม่มีความปราณี  ไม่มีความเมตตา  สายตามุ่งมั่น  คงความสุขุม  สมาธิแน่วแน่  เพียงเท่านี้พิสูจน์ได้แล้วว่าควรค่าแก่การเป็นแม่ทัพผู้ชาญณรงค์  กระบี่ที่หลี่หย่งเมี่ยวถืออยู่ในมือ  มันเป็นของหลี่ซีซวนพี่ชายของนาง  นางปลดมันมาตั้งแต่พี่ใหญ่ก้าวเข้ามาในโรงน้ำชา  ซักซ้อมจนเริ่มคุ้นมือ  หากแต่ต้องส่งคืนเจ้าของแท้จริง  อยากลงซ้อมกระบี่จริงกับพี่ชายดูซักครั้ง  ไม่ได้ประมือด้วยกันนานแล้ว

     "เจ้ารำกระบี่สวยทุกท่วงท่า  ชำนาญในกลหมากล้อม แตกฉานตำราพิชัยสงคราม ความสุขุมรอบคอบยังเหนือบิดา หลานสาวของข้าครบเครื่องเช่นนี้  เราผู้เฒ่าอยากรู้ว่าผู้ใดจะอาจหาญมาจีบเจ้า"  เสียงปรบมือดังขึ้นพลางหัวเราะ  หลังจากหลี่หย่งเมี่ยวร่ายรำเพลงกระบี่จบลง  ยอดสตรีของบ้านอัจฉริยะรอบร้อยปีของตระกูลหลี่ "ขนาดขุนพลหนุ่มบ้านสกุลจ้าว  เจ้ายังปราบจนเขาต้องขอให้ยั้งมือไว้ไมตรี"  คนผู้นี้โอ้อวดว่าเก่งในเชิงกลหมากล้อมและพิชัยสงคราม  โดนหลี่หย่งเมี่ยวพิชิตหมากล้อมด้วยกลพิชัยสงคราม  สามกระดานแพ้หมดรูป  

     "แต่ข้าไม่สนใจคนจำพวกนั้นหรอก ชอบมาโอ้อวดจนข้าแสนระอาเต็มทน" หลี่หย่งเมี่ยวถอนหายใจพลางเก็บกระบี่เข้าฝักตามเดิม  ไม่สนใจว่าใครจะเข้ามาหานางในรูปแบบใด  ได้แต่ต้องสยบจนไม่คิดจะบากหน้ากลับมาสู้อีก  แล้วเดินถือกระบี่เข้าไปในศาลบรรพชน  ปล่อยให้ผู้เฒ่าหลี่ยืนสายหน้ากับพฤติกรรมของหลานสาว

        หลี่หย่งเมี่ยวเดินถือกระบี่เข้ามาภายในศาลบรรพชนติดตามมาด้วยแม่บ้านสกุลหลี่  นางรับกระบี่จากมือของคุณหนู  นั่งคุกเข่ามองดูคุณหนูของบ้านเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าด้านข้างของหลี่ซีซวน  นางไม่ได้เริ่มสนทนาทันทีแบบที่ทำมาตลอดสามวันแรก  ปล่อยให้พี่ใหญ่หันมาสบตากับนางเอง  ให้ใจเป็นการสื่อสารแทน  ระหว่างความเป็นพี่น้องไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันมากน้องสาวอย่างหลี่หย่งเมี่ยวย่อมรู้และรับทราบว่าภายในใจ  พี่ชายของนางคนนี้ทรหด อดทนกับบทลงโทษนี้มากมายแค่ไหน  หากมิใช่เพราะเคยเป็นทหารน่ากลัวว่าคงพูดออกมานานแล้ว เห็นเป็นเช่นนี้ไม่ยอมพูดจา  ถนอมแรงไว้ให้มากที่สุด

     "พี่ใหญ่  หากวันใดพี่ไม่อยากกลับมาบ้าน ท่านแวะมาหาข้าที่โรงน้ำชาบ้างก็ยังดี" พี่ชายของหลี่หย่งเมี่ยวคนนี้ไม่คิดหวนคืนบ้านนานแล้ว  เพียงน้องสาวคนนี้อยากพบพี่ชายบ้าง "ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ข้าจะได้ไปเที่ยวเจียงหนานบ้าง  ทางใต้คงสวยงามน่าดู ถึงได้ทำให้พี่ของข้าไม่คิดถึงฉางอัน"  นางพูดเสียงปนน้อยใจออกมา  ไม่มีคนให้หยอกล้อ  อดที่จะพูดความในใจออกมาไม่ได้

     "เจ้าตัวดี  เจียงหนานข้าได้จัดเตรียมไว้ต้อนรับเจ้าเสมอ เปิดบ้านให้เจ้าไปเยี่ยมหาข้าได้ทุกเมื่อ" น้ำเสียงแหบพร่าไปบ้าง แต่กลั้นออกมาจากใจแล้ว  "หากข้าไม่คิดถึงฉางอันจะยอมมานั่งคุกเข่าเช่นนี้หรือ"

     "สัญญากับข้าได้ไหมว่าพี่จะแวะเที่ยวโรงน้ำชา  ไม่ต้องสนใจท่านพ่อหรอก" ไม่ทันน้ำตาจะร่วงลงพื้น มือกร้านเอื้อมมาเช็ดน้ำตาให้น้องสาว  ความสัมพันธ์ของพี่น้องไม่ว่าสิงใดย่อมตัดมันออกจากกันไม่ได้

     "ข้าสัญญาจะแวะมาใช้บริการที่โรงน้ำชา"

     นานหนักหนาแล้วที่ภาพระหว่างพี่น้องไม่ได้เกิดขึ้น  หลังจากเคยโดนลงโทษร่วมกันภายในศาลบรรพชนแห่งนี้  วันเวลาทำให้พวกเขาสองคนได้เติบโตขึ้นก้าวสู่วัยหนุ่มสาว ต่างคนต่างต้องไปมีวิถีชีวิตของพวกเขาเอง สานฝันในวัยเด็กให้เป็นจริงขึ้นมา หากแต่กาลเวลาไม่อาจพรากความเป็นพี่น้องออกจากกันไปได้  มารดากำลังจะเข้ามาสนทนากับบุตรชายจำต้องชะงักและเงียบให้มากที่สุด  เพราะโดนผู้เฒ่าหลี่ไม่ให้กระทำสิ่งใดให้เกิดเสียงขึ้นมา  ยืนมองดูภาพที่ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้เห็นพี่น้องพร้อมหน้าเช่นนี้อีกครั้ง

ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]

ลักษณะนิสัยใจดำ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-4-26 20:19:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เยือนศาลบรรพชนอีกครา

        ความทรงจำเกี่ยวกับศาลบรรพชนที่แจ่มชัดในความทรงจำของหลี่ซีซวนคือการโดนลงโทษด้วยกฎของตระกูลหลี่   เขาตัดสินใจแวะมาที่นี่หลังจากออกมาจากโรงน้ำชา  ใจจริงอยากกลับเจียงหนาน  แวบหนึ่งในใจขอกลับมาเยี่ยมบ้านอีกสักครา  ลงใต้คราวนี้นานนักหนากว่าจะได้กลับมาภาคกลาง  พวกขุนนางที่เดินสวนทางแล้วซุบซิบเกี่ยวกับตัวเขาเอง  อย่าคิดว่าคนถูกนินทาจะไม่ได้ยินวาจาใด  กลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำ  พวกความคิดอกุศลดูถูกผู้อื่นเพียงอาภรณ์  มิรู้ว่าไต่ระดับตำแหน่งขุนนางขึ้นมาได้อย่างไร

        หลี่ซีซวนเดินทางมาถึงบ้านเห็นแม่บ้านของตระกูลหลี่กำลังเข้มงวดบ่าวในเรือน  ยิ้มทักทายปราศัย  ท่าทางดูเป็นคนฉลาดและน่าจะสนิทกับหลี่หย่งเมี่ยว  เคยเห็นตามเข้าไปในศาลบรรพชนอยู่ไม่กี่ครั้ง  มิได้กล่าวาจาใดออกมา  เดินชมส่วนต่างๆภายในบ้าน  นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กลับมาอยู่บ้านหลังนี้  สถานที่ที่หล่อหลอมเขาให้เติบใหญ่ขึ้นมา  การถูกบิดาลงโทษแทบจะทุกครั้งกับการทำผิดกฎของบ้าน  การได้เห็นและได้ยินน้องสาวจอมแสบวิ่งเล่นกับบ่าวในเรือน  มักได้ยินหลี่หย่งเมี่ยวยืนเถียงกับผู้อาวุโส  ถามข้อสงสัยจนบิดาต้องคำถามทุกครั้ง  ครั้นหลี่ซีซวนถูกลงโทษหนักเข้า  น้องสาวผู้มีความฉลาดเริ่มแกมโกงยอมถูกลงโทษพร้อมกัน  วัน เวลาเหล่านั้นกลายเป็นความทรงจำ  เมื่อระลึกถึงครั้งใดย่อมสุขใจทุกครา

     "โต๊ะและเก้าอี้ตัวนั้น คุณหนูชอบไปนั่งประจำ  เถ้าแก่หลี่หาเคยตำหนิสักครั้งไม่"  เฟิงฉางหลี่เดินตามมาด้านหลัง  เล่าเรื่องราวของโต๊ะไม้อันงดงามให้คุณชายได้ทราบ  เจ้านายสาวของตนเองชอบไปนั่งเขียนกระดาษ  อ่านตำราตรงนั้นเป็นประจำ

     "ข้ามิแปลกใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ บิดาข้าเคยตำหนินางจริงจังด้วยหรือ"  หลี่ซีซวนยืนหัวเราะร่า ย่อมรู้ดีว่าการเป็นลูกรักของบ้าน  ย่อมไม่ถูกตำหนิหากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง  และน้องสาวไม่เคยก่อเรื่องหรือสร้างปัญหาใดเลย

        เดินชมบ้านพักใหญ่พลางสนทนากับเฟิ่งฉางหลี่ แม่บ้านสกุลหลี่  ค่อยปลีกตัวออกมายังส่วนของศาลบรรพชน  สายตาเหลือบเห็นนายผู้เฒ่ากำลังอ่านตำราหมากล้อม  นั่งนิ่งราวกับรูปปั้น  กระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้  ละสายตามามองดูหลานชายที่สวมอาภรณ์เยี่ยงคนพเนจรขนาดแท้  นายผู้เฒ่าคนนี้คือคนที่เคยต่อบทพิชัยสงครามและซ้อมหมากล้อมกับหลานสาวเป็นประจำ  ผู้ที่ดูเหมือนเฒ่าชราไม่มีอันใดให้ต้องกังวล  กลับเป็นกระบี่ซ่อนคมไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวโลกภายนอกมานานแล้ว
     "นับว่าเป็นผู้เฒ่าอย่างข้าโชคดีที่ได้พบกับอดีตแม่ทัพอีกครั้ง" นายผู้เฒ่าวางตำราหมากล้อมลง ลุกขึ้นยืนด้วยความองอาจ  สองมือไพล่หลังราวกับยืนรอคนสำคัญ
     "ผู้หลานคาราวะท่านปู่ ขอโทษที่มารบกวนถึงศาลบรรพชน" หลี่ซีซวนประสานมือคำนับด้วยความน้อบน้อม เดินเข้ามาหาด้วยความสุภาพ
     มิทันที่ปู่กับหลานชายจะได้สนทนากัน  เถ้าแก่หลี่  หลี่หย่งเมี่ยว  และหลี่ฮูหยิน เดินมาพร้อมกันพอดี  เพียงแต่นายผู้เฒ่าเลือกเพิกเฉย  เดินตามหลังหลานชายเข้าไปในศาลบรรพชน  เห็นดังนั้นหลี่ฮูหยินรีบเดินตามไปอย่างไม่สนใจสามีกับบุตรี  สงสัยว่าแม่บ้านตระกูลหลี่คงไปรายงานพวกเขา  ผิดคาดตรงที่หลี่หย่งเมี่ยวไม่พูดสิ่งใดออกมาเลย  
     ภายในศาลบรรพชนยามนี้ธูปปักเพิ่มมาอีกหนึ่งดอก  คนต่างวัยสามคนกำลังนั่งมองป้ายวิญญาณให้ความรู้สึกต่างกัน  ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาล้วนเป็นสมาชิกของตระกูลหลี่  หลี่ฮูหยินบุคคลต้นแบบของหลี่ซีซวนผู้เป็นบุตรชายกำลังมองว่าจะมีผู้ใดเอ่ยวาจาออกมาก่อน  ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความเงียบงันเช่นนี้
     "น่าแปลก เมี่ยวเอ๋อห์ หนนี้เลือกปิดวาจา วางมาดสุขุม"
      นายผู้เฒ่าเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ พลางพรูลมหายใจยาวออกมา  ปรกติเริงร่า  หลังจากกลับมาจากเจียงหนานกลายเป็นอีกคนเลย  
     "ข้าได้ยินพวกขุนนางปากสุนัข นินทนาถึงคนพเนจรยืนสนทนากับหย่งเมี่ยวและเถ้าแก่หลี่  ดูถูกสารพัด คาดว่าคนผู้นั้นคงเป็นเจ้า ซีซวน" หลี่ฮูหยินทำหน้าบอกบุญไม่รับ  น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจชัดเจน  "โอหังในยศศักดิ์  พอไม่มีเงินก็เที่ยวอ้อนวอนขอยืมเงิน ทำราวกับว่า ตระกูลเรามั่งคั่งเปิดโรงรับจำนำด้วยละมั้ง"
     "สมัยตอนข้าทำงานค้าขาย เจอแทบทุกวันเชียวละ ใช้เงินมือเติบ ยิ่งพวกขุนนางระดับล่างยิ่งแล้วใหญ่"
     นายผู้เฒ่าทำเสียงในลำคอ ส่ายหน้าเอือมระอากับคนพวกนี้  
     "พวกขุนนางชั้นเลว ประพฤติตัวหยาบช้า หลงไหลในอำนาจ"
     เสียงดุดัน ไม่ชอบใจ  มิใช่ใครคือเถ้าแก่หลี่ผู้มานั่งด้านหลังนายผู้เฒ่าผู้เป็นบิดา  จุดธูปไหว้ศาลบรรพชน "ข้านึกว่าเจ้ากลับเจียงหนานแล้วเสียอีก"
     " ข้าอยากมาอยู่ที่นี่ก่อนจะลากลับนะ ท่านพ่อ" ในที่สุดผู้กลัวดอกพิกุลร่วงออกจากปากยอมเปิดปากในที่สุด  หันมายิ้มไม่เชิงยิ้มให้กับมารดา  หลี่ฮูหยินได้แต่จับมือแน่น  หันหลังไปมองทางเข้าศาลบรรพชน  จนถึงตอนนี้บุตรีก็ไม่ยอมเข้ามาในศาล
     "เมี่ยวเอ๋อห์รู้ว่าเจ้ามาด้วยจุดประสงค์อะไร จึงเลี่ยงให้เจ้าได้ใช้เวลาของตัวเอง"  
     หลี่เฟยหลงเห็นฮูหยินมองออกไปด้านนอก มุ่นคิ้วเข้าหากัน รีบตอบข้อสงสัยทันที  "กลับไปคงเริ่มแผนการเลยใช่ไหม ซีซวน"
     "ขอรับ ท่านพ่อ  มันคงถึงเวลาที่ต้องปูทางให้ตัวเอง เพื่ออนาคตแล้ว"  
     หลี่ซีซวนพยักหน้าเป็นคำตอบ เหม่อมองดูป้ายวิญญาณบรรพชนราวกับกำลังอำลาพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย พลางลุกขึ้นยืน จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
     " กระทำการให้ดี ให้รอบคอบ ตรึกตรองให้ลึกซึ้ง"
    นายผู้เฒ่าตบไหล่หลานชาย ยืนมองด้วยความภาคภูมิใจ ยังไงก็คือทายาทสกุลหลี่คนหนึ่ง
        หลี่ซีซวนเดินออกมาพบเจอหลี่หย่งเมี่ยวพอดี  ด้านหลังมีแม่บ้านสกุลหลี่ยืนอยู่ด้วย  ไม่มีบทสนทนาใดเกิดขึ้น  พวกเขายืนนิ่งสบตากันเป็นความเงียบฉับพลัน  มันคือความเงียบอันน่ากลัวยิ่ง  เนื่องจากมันไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างสองพี่น้องมาก่อน  หลี่ซีซวนไม่คิดอยากกระทำอันใด  เพียงเดินมาหยิบกระบี่จากแม่บ้านสกุลหลี่  แล้วเดินออกจากบ้านไปทันที
    ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
เอฟเฟคหัว-หัวคลั่ง
+10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+10 ความชั่วเมื่อเจอคนหัวชั่ว / หัวเลว
+5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวชั่ว

        


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้