ตั้งแต่ตะวันขึ้น จ้าวเพ่ยออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมกับผู้ติดตามของนาง พอถามชาวบ้านแถวๆนี้เกี่ยวกับที่อาศัยของคนๆหนึ่งที่ได้รับคำตอบมาว่าคนนั้นพักอาศัยอยู่ที่แห่งนี้ จ้าวเพ่ยเดินมาถึงก็หน้าจวนหนึ่งทั้งในมือถืออะไรบางอย่างที่ตระเตรียมมาให้เขา แมวตัวสีดำวิ่งตามนางมาถึงที่ทั้งร้องขึ้นมาราวกับจะเรียกร้องความสนใจ จ้าวเพ่ยหันไปมองซุนหยางผู้ติดตามนางมาก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปข้างในก่อน
มือปราบซ้อมเพลงกระบี่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะที่จ้าวเพ่ยเองยังยืนมองอยู่ภายนอก หญิงสาวเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทักทายช่วงไหน ใจจริงแค่อยากจะมาถามไถ่เกี่ยวกับตัวเขา และความเป็นอยู่ของแม่นางเจิ้งเพียงเท่านั้น ทั้งมีความคิดที่จะชวนเขาไปเยี่ยมเยือนนางเจิ้งเสียด้วยซ้ำ
สายตาของมือปราบหวังเหลือบมาเห็นจ้าวเพ่ยก็หยุดมือลง ก่อนจะเดินไปนั่งถอนหายใจและกุมขมับ จ้าวเพ่ยเองเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาและนั่งลงตรงข้ามเขาทันที
"เจ้าว่าข้าโง่ไหมที่เลือกรื้อคดีที่อาจไม่มีทางเป็นไปได้และทำตัวเองเดือดร้อน"
มือปราบหวังกล่าวเปิดประเด็นขึ้นมา ทั้งมีสีหน้าที่ยังคงเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด กล่องข้าวที่จ้าวเพ่ยตระเตรียมมายังอยู่ในตัวนางไม่กล้าแม้แต่จะยื่นให้เมื่อคิดว่าตอนนี้คงจะไม่มีอารมณ์ที่จะรับกล่องข้าวนางแน่ๆ
"ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ.. " แม้จะแอบคิดไปเองก่อนแล้วว่าเพราะอำนาจแต่นางก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจในคำตอบที่คิดขึ้นมาเอง จ้าวเพ่ยเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงขึ้นมา ปกติมือปราบจะคอยปลอบคอยเตือนนางตั้งแต่ตอนที่ร่วมจับแม่นางเจิ้ง แต่คราวนี้นางกลับไม่สามารถคิดหาคำปลอบได้เลย
"ข้าคิดว่าจะขอข้อมูลหญิงที่โดนนางโจรเจิ้งฆ่าตาย ถ้าหญิงพวกนั้นเป็นกลุ่มที่แม่ทัพตู่จับมา บางทีข้าอาจหาหลักฐานล้างมลทินให้นาง แต่แม้นางจะช่วยหญิงพวกนั้นจากแม่ทัพตู่ แต่โทษเป็นก็ยังมีอยู่ที่ฆ่าขุนนาง ลดหย่อนโทษเพราะความจำเป็นก็จำคุกสามปี"
"เช่นนั้นก็ดีเลยสิเจ้าคะ.. มีเหตุอันใดต้องเครียดกันเล่า.."
คำกล่าวของมือปราบหวังก็ดูเหมือนว่าเขาคิดในสิ่งที่จะทำอยู่แล้ว จ้าวเพ่ยเองก็ยิ่งสงสัยว่ามือปราบหวังจะเครียดในเรื่องอันใด ทั้งเป็นเรื่องดีแท้ๆ ถ้าหากว่าได้ลดหย่อนโทษได้เสียขนาดนี้
"ข้าไม่สามารถเบิกบันทึกคดีนี้ได้ต้องให้ท่านตู่จิ้นกง น้องชายแม่ทัพตู่ที่เป็นกงดูแลเขตปกครองซีเหออนุมัติ"
พอได้ยินคำตอบก็ทำให้จ้าวเพ่ยแทบจะขมวดคิ้วทันที หญิงสาวหันไปมองซุนหยางที่อยู่ไม่ไกลก่อนจะหันกลับมามองมือปราบหวังอีกครั้ง พอพูดว่าน้องชายของแม่ทัพตู่ก็เกิดความกลัวขึ้นมาว่าจะใช้เส้นสายเพื่อช่วยพี่ชายที่ตายไปหรือเปล่า จ้าวเพ่ยเองก็อยากจะหาทางแก้ให้กับมือปราบหวังเช่นกัน แต่นางเป็นสาวชาวบ้านธรรมดา แม้แต่เรื่องแม่นางเจิ้งถูกประหารก็มารู้ทีหลังหลังจากที่แจ้งเบาะแสไปแล้วด้วย
เกิดเรื่องยากเสียแล้วสิ
"ข้าว่าเขาคงไม่ใจดำเสียขนาดไม่ให้เบิกคดีหรอกเจ้าค่ะ ท่านมือปราบลองขอให้เขาอนุมัติก็ได้นี่เจ้าคะ"
พอพยายามที่จะเอ่ยข้อเสนอแนะ มือปราบกลับส่ายหัวและเงยหน้าขึ้นมองจ้าวเพ่ย สายตาสังเกตุเห็นกล่องข้าวที่นางถือแต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรมาก คำพูดที่เสนอแนะมาของจ้าวเพ่ยดูธรรมดาและง่ายที่จะทำ แต่ไม่ใช่เช่นนั้น
"ข้าทำหนังสือแล้วแต่ข้าไม่มั่นใจ"
"อะไรกันเล่า.. ท่านมือปราบทำหนังสือแล้วก็แสดงว่ามาไกลถึงขนาดนี้แล้ว" จ้าวเพ่ยกล่าวออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของมือปราบหวังกับสิ่งที่เขายังคงกังวลจริงๆ นางเองยังไม่ค่อยอยากจะตัดสินไปเองว่าเพราะเรื่องแค่นี้ อาจจะมีเบื้องหลังที่ลึกกว่านี้ก็เป็นได้
"เช่นนั้นให้ข้าช่วยเหลือท่านมือปราบนะเจ้าคะ"
"ช่วยหรอ.. แม่นางจ้าวจะช่วยอย่างไร"
แม้ว่าจะถามออกไปแต่จ้าวกลับเผยรอยยิ้มขึ้นมาเพื่อให้เขาสบายใจ หญิงสาวยกกล่องข้าวขึ้นมาและยื่นให้แก่มือปราบหวังเพื่อเลี่ยงคำตอบที่แม้แต่นางเองก็ยังคิดไม่ทัน จ้าวเพ่ยหันไปหาซุนหยางผู้อุ้มเสี่ยวเฮยให้เข้ามา เพราะความเกรงใจกระมังจึงมีแค่นางที่เดินเข้ามาถึงในจวนโดยไม่ได้ขอเจ้าของ แต่กระนั้นมือปราบเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียเท่าไหร่
"ข้าทำหม้อไฟมาให้เจ้าค่ะ.. ข้างในอาจจะมีแต่วัตถุดิบ แต่ให้ท่านมือปราบนำไปใช้ต้มจะได้กินทั้งตอนร้อนๆ" จ้าวเพ่ยมองเห็นมือปราบเปิดกล่องข้าวที่นางนำมาให้ก็ปิดลงอีกคราเมื่อรู้ว่าข้างในคืออะไร กว่าจะมีช่วงที่นางสามารถยื่นของให้โดยไม่ผิดจังหวะก็เป็นช่วงที่นางเองยังคงคิดที่จะช่วยเหลือมือปราบอย่างไร
"แม่นางจ้าวมีความคิดแล้วหรือ"
"เจ้าคะ..?" จ้าวเพ่ยได้รับคำถามก็เงยหน้าขึ้นมองมือปราบทันที นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยังคงเผยความรู้สึกว่านางเองยังใช้ความคิดผิดแผกกับสีหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาราวกับว่านางเองไม่ได้สนใจอะไรมาก
"ข้าขอหนังสือขออนุมัติจากท่านมือปราบได้หรือไม่.." นางกล่าวขึ้นมาทั้งจับจ้องไปยังใบหน้าของคู่สนทนาเพื่อย้ำคำพูดว่านางไม่ได้กล่าวเล่นๆ "ข้าจะช่วยนำหนังสือขออนุมัติไปให้ท่านตู่เอง"
"แม่นางจ้าวคิดจะไปคนเดียวหรือ" แทบจะจับผิดทางสีหน้าของจ้าวเพ่ยเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น มือปราบหวังเอ่ยถามออกไปตรงๆว่านางต้องการที่จะไปขอคนเดียวเช่นนี้ "เช่นนั้นไม่ได้หรอก"
"เหตุใดกันเล่า.."
"แม่นางจ้าวจะไปขอโดยไม่รู้อะไรเลยหรือ.. ข้าให้ไม่ได้หรอก.." คำเดิมยังคงเอ่ยอย่างหนักแน่นทำเอาจ้าวเพ่ยขึ้นสีหน้าถอดใจ เขาเก็บกล่องข้าวที่ได้รับมาวางไว้ข้างตัวไปพลาง
"เช่นนั้นขอข้าดูหนังสือขออนุมัติได้หรือไม่.. ข้าอยากจะเห็นน่ะเจ้าค่ะว่ามีเนื้อความอย่างไร"
"ไม่ได้.."
"ข้าแค่ขอดูเท่านั้นเอง" จ้าวเพ่ยเองก็รู้สึกว่าจะทำอะไรก็ไม่ได้เสียไปหมด ทั้งๆที่นางเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นคนแจ้งเบาะแสนำจับแท้ๆ แต่ทำอย่างกับว่านางเป็นคนนอกไปเสียได้ ".. แค่ดูแล้วข้าจะคืนให้.. นะเจ้าคะ"
มือปราบหวังได้ยินนางพูดเช่นนั้นก็ลุกหายเข้าไปในตัวเรือน เพียงครู่เดียวก็ออกมาและยื่นม้วนหนังสือมาให้จ้าวเพ่ยได้ดู หญิงสาวรับหนังสือนั้นมาเปิดดูเสียเล็กน้อยก็กล่าวขึ้นมา
"ข้าว่าหนังสือนี้ยังขาดอะไรไปบางอย่าง" นางกล่าวทั้งปิดม้วนหนังสือและทำสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ทำให้มือปราบหวังเองก็ยังคงสงสัยไม่น้อย "ให้ข้าช่วยเติมส่วนที่ขาดไปนะเจ้าคะ"
"ขาดอะไรหรือ.."
"ขาดตราประทับของท่านตู่เจ้าค่ะ"
นางกล่าวเช่นนั้นก็รีบยื่นหนังสือไปให้ซุนหยางทันที ผู้ติดตามรับมาแบบงงๆก็เห็นมือปราบหวังยื่นมือมาเพื่อจะขอรับหนังสือคืน แต่จ้าวเพ่ยเอาตัวเข้าขวางเอาไว้เสียก่อน นิ้วเรียวของหญิงสาวยกขึ้นแตะหน้าอกอีกฝ่ายให้หยุดลงก่อนจะเดินไปเพื่อใกล้ชิดกับมือปราบมากขึ้นจนตัวแทบจะชิดกัน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนใบหน้าของมือปราบหวังจางๆ ขณะที่นางเองก็พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขายอมให้นางช่วยบ้าง
".. แม่นางนี่มันง--"
"งานของท่าน.. ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่ข้าเองเป็นคนแจ้งเบาะแสแก่ท่านมือปราบก็มีส่วนเกี่ยวข้องนะเจ้าคะ.. หากอะไรที่ช่วยเหลือได้ข้าก็จะคอยช่วยท่าน ข้าเคยพูดเช่นนั้นแล้ว"
จ้าวเพ่ยยังคงจ้องตาของมือปราบหวังไม่กระพริบ ความรู้สึกเหมือนได้จ้องตาของคนปริศนาคนนั้นไม่มีผิด แต่นางเองก็หาได้คิดถึงเรื่องนั้นมากนัก สิ่งที่ควรสนใจตินนี้กลับหน้าสิวหน้าขวานกว่ามาก
"ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านมือปราบเดือดร้อน งานแค่เพียงขออนุมัติจากท่านตู่ไม่ทำให้เกิดเรื่องอะไรหรอกเจ้าค่ะ" จ้าวเพ่ยอธิบายทั้งเดินไปหยิบกล่องข้าวที่เคยยื่นให้มือปราบนำมาให้อีกฝ่ายอีกครั้ง "ท่านมือปราบไม่ต้องกังวล กินอาหารที่ข้านำมาให้ระหว่างรอหนังสือขออนุมัติก็ได้เจ้าค่ะ"
"แม่นางจ้าว.. คิดจะทำอะไรกันแน่.."
"เพียงแค่นำหนังสือขออนุมัติให้ท่านตู่จิ้นกง และนำมาคืนให้แก่ท่านหวังจงหมี่เจ้าค่ะ.."
จ้าวเพ่ยพยายามพูดให้เป็นเหมือนเรื่องง่าย หญิงสาวยกยิ้มขึ้นมาและหันไปหาซุนหยางที่ยังคงถือหนังสือขออนุมัติที่ยึดมาอยู่ หญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อคิดคำพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องมือปราบหวังอีกครา
"หากข้านำมาให้แล้วต้องให้รางวัลข้ากับผู้ติดตามข้าด้วยนะเจ้าคะ.. เอาเป็น.. เลี้ยงอาหารข้าสักจานอย่างที่ท่านเคยเลี้ยงข้ายามพบกันคราแรกก็ได้"
"ถ้าแม่นางจ้าวไม่ทำให้เกิดเรื่องข้าจะให้ไปก็ได้.. ขอบคุณแม่นางมาก" เขายอมอ่อนลงเมื่อได้ยินจ้าวเพ่ยพูดว่าเพียงแค่ไปขออนุมัติเท่านั้น ทั้งที่เขาเองก็ไม่กล้ามากนักแต่ผิดกับจ้าวเพ่ยที่คะยั้นคะยอที่จะไปขอด้วยตัวเองให้ได้
จ้าวเพ่ยยิ้มกว้างขึ้นมาเมื่อได้รับอนุมัติจากมือปราบหวังแล้ว นางพยักหน้าให้กับซุนหยางเพื่อที่จะเดินออกไปแต่ทั้งคู่ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้
"ท่านมือปราบเจ้าคะ.. แล้วตำหนักของท่านตู่จิ้นกง อยู่ตรงไหนหรือ" จ้าวเพ่ยหันมาถามเขาก่อนจะรับเสี่ยวเฮยขึ้นมาลูบขนไปพลางตามที่นางเคยทำมาโดยตลอด
"อยู่นอกเมืองซีเหอ เจ้าถามคนแถวนั้นก็จะรู้เอง ตำหนักเองก็มีเอกลักษณ์ส่วนตัวอยู่มองได้ไม่ยาก" มือปราบหวังแทบจะนึกขำกับท่าทางของจ้าวเพ่ยที่จะช่วยเขาแต่เรื่องง่ายๆอย่างตำหนักกลับไม่รู้เอาเสียเลย เขามองจ้าวเพ่ยโค้งลาเขาและเดินออกไปพร้อมผู้ติดตามและแมวของนางก็อดคิดไม่ได้ว่านางต้องการจะทำอะไรกันแน่ แม้ว่าจะบอกว่าแค่ขออนุมัติก็ตาม
[174] มอบ หม้อไฟแปดเซียน ให้
เอฟเฟคลักษณะนิสัยตัวละคร มีตัญหา +2 Point เมื่อวางแผนดำเนินจีบเพศตรงข้าม +15% ในแผนการยั่วยวนเพศตรงข้าม +30 ความสัมพันธ์เมื่อเกี้ยวพาราสีอย่างมีชั้นเชิง
โลเล +20 Exp จากการผ่านทางเลือกจากอีเว้นท์ +1 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ +1% โอกาสคำใบ้ในทางเลือก -15 ความสัมพันธ์คนที่กำลังจีบ
ทะเยอทะยาน +2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ
เอฟเฟคอัตลักษณ์ งดงาม +6 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์
[ทางเลือกเพศหญิง! CHA 200+ (หากมีนิสัยตัณหา โอกาสสำเร็จ 60%): ขอหนังสือขออนุมัติจากเขา ท่านจะใช้มารยาเข้าถึงตัวให้เขาเช็นให้]
|