แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2021-11-2 21:40
ความกลัดกลุ้มของหลี่ซีซวน
ค่ำคืนหนึ่งผ่านพ้นไปกับการเดินชมส่วนต่างๆของบริเวณบ้านทั้งหมด เพียงบอกในใจตัวเองว่าบ้านที่ฉางอันยังไม่กว้างขวางเท่าที่นี่ บรรยากาศในฤดูใบไม้ร่วงทำให้ที่นี่ตรึงใจให้เาไม่อยากจากไปไหน อากาศเย็นชื้นมีกลิ่นของมวลดอกไม้และไอดิน ชวนให้ตกอยู่ในภวังค์มิปาน การได้กลับมาอยู่บ้านทำให้ใจเป็นสุข ผ่อนคลายจากเรื่องราวทั้งหลายบนโลกนี้ ความเหหน็ดเหนื่อยจากการสัญจรทั่วแผ่นดินของอีกฝั่งแม่น้ำ ทำเอาไม่อยากกลับไปพเนจรเช่นนั้นอีกแล้ว ชีวิตที่หนานชาง แดนเจียงหนาน เปรียบได้กับมานอนหนุนตักคนที่เรารัก วางทุกทุกเรื่องราวไว้ด้านหลัง แล้วอยู่กับคนรักฟังนางพูดกล่อมพลางมือลูบศรีษะ มันเป็นชีวิตที่สุขและเขาเองถวิลหาถึงเช่นกัน
'เจียงหนายเอย ข้าหลี่ซีซวนอยากพักกาย พักใจที่นี่ชั่วนิรันด์' ยืนรำพึงกับตัวเองแผ่วเบาตรงสะพานข้ามไปยังศาลากลางน้ำ พลางมองลงไปในสระน้ำที่มีฝูงปลาแหวกว่ายในน้ำ แล้วเดินกลับเข้ามานั่งในโถงใหญ่ของบ้าน "นายท่านกลัดกลุ้มใจเรื่องใด บ่าวเห็นไม่พูดจามาแต่วันวานแล้ว" บ่าวหญิงคู่หญิงถือชุดน้ำชามาวางลงบนโต๊ะ พลางมองเจ้านายนอนเอนกาย เหมือนคนเบื่อหน่ายในชีวิต "พ่อข้า ให้ข้ากลับไปหาที่บ้านฉางอัน เพียงเพราะข้าพาคนแก่เข้าหอนางโลม" เขานอนเอนกายถอนหายใจพรูยาวออกมา รับถ้วยน้ำชาจากบ่าวรับใช้ "กลัดกลุ้มใจมิหาย หากข้าไปรับโทษสถานหนักเท่านั้นเอง" ซดน้ำชารวดเดียวไม่กลัวความร้อนลวกปาก "เช่นนั้น นายท่านลองไปที่หอนางโลมหงส์ระบำซักครั้ง เผื่อนายท่านจะหายกลัดกลุ้มได้" ไม่คิดว่าบ่าวบ้านนี้จะยุเจ้านายตัวเองไปเสพสุขแบบนั้น หารู้ไม่เจ้านายตัวเองต่างหากที่ชอบเที่ยวหอนางโลมเป็นนิจ มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องเช่นนี้ตามมาหรือ "ขอบใจพวกเจ้าที่แนะนำให้ข้า พวกเจ้าอยู่ที่นี่ดูแลบ้านให้ดีละ บางทีข้าอาจจะกลับขึ้นไปฉางอัน มิรู้ว่าวันไหนจะได้กลับมาที่นี่อีก" ลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่รู้ว่ากลับไปคราวนี้จะได้มาอีกทีเมื่อไหร่ ควรเสพสุขก่อนรับโทษทัณฑ์ หอหงส์ระบำเลื่องชื่อของหนานชางและอาจจะทั้งเจียงหนาน มันไม่ได้ใหญ่โตเท่าหอนางโลมของแดนเหนือ สำหรับนักท่องราตรีที่นี่ควรมาเช่นกัน โดดด้วยตั้งอยู่ริมคลองขนาดใหญ่ ประดับโคมไฟสวยงาม คนเดินเข้าออกหอนางโลมคึกคัก หลี่ซีซวนต้องทำตัวให้กลมกลืนกับคนในเมืองนี้ ถ้าคิดจะฝังตัวอยู่ที่นี่ไปจนแก่ชรา ภูมิภาคเจียงหนานล้วนคือลูกหลานของทะเล พวกเขารู้จักคลื่นลมดั่งอ่านฝ่ามือของพวกเขาเอง โดยหลักมักเป็นชาวประมงหาปลาในทะเล ความสรวลเสเฮฮาอยู่ในสายเลือดของพวกเขา หลี่ซีซวนเดินสำราญใจเข้าไปในหอนางโลม พลันต้องเบิกตากว้างเพราะสตรีที่นี่เลอโฉมระดับล่มเมืองได้เลยนะ มิน่าบ่าวในเรือนถึงได้เสนอทั้งเสริมส่งปานนี้ เขานั่งอยู่ในห้องหนึ่งที่ตกแต่งสวยงาม ชวนหลงไหล นั่งลงดื่มสุราให้หายกลัดกลุ้มใจกับการต้องไปพบบิดา ป่านนี้คงวางแผนเตรียมรับมือแล้ว ระหว่างนั่งรำพึงรำพัน สตรีใบหน้าคมเข้มเดินเข้ามาในห้อง นางยิ้มแย้มให้ชายผู้เริ่มเมามายในรสสุรา พอบรรยากาศได้ที่แล้วนิ้วมือเรียวยาวบรรเลงผีผา ขับกล่อมลำนำ
ยามจันทราลับในเดือนหนาว ยังมีคนผู้หนึ่งเฝ้าราตรีมิอาจหลับไหล
สะพัดพู่กันรบกวนแสงเทียน พร่ำถึงเรื่องความหลังที่ยากจะเขียน
เฝ้ามองเรื่องราวบนโลกา ยากนักจักหลุดพ้นจากการลา ดั่งเมฆหมอกยึดครองทั่วนภา
ลมเหมันต์ครึ่งชีวิต น้ำตาแห่งเหมันตฤดูมิอาจปลิดปลิว
ไม่อาจหวนคืน เปรียบเช่นห่าน เมื่อยามสิ้นสุดต้องจากลาไกลยังทิศทักษิณ
ผู้ใดหนอก็ยากเข้าใจ มีเพียงจันทราเท่านั้นเฝ้าติดตาม
เฝ้ารำพึง คิ้วของข้าขมวดไตร่ตรอง
สายลมและเหมันต์ล่วงเลยมาหลายปี ใยมิอาจรั้งน้ำตานี้ได้
มิอาจเปลี่ยนผ้าไหมมลายกลายเป็นธุลี
ใครหนอจะเขียนตอนจบนี้ ยังมั่นรักแม้นเกลียดชัง
เวทนานักตัวข้านี้ ทำได้เพียงถอนหายใจอยู่หลายครา
สายลมและเหมันต์ล่วงเลยมาหลายปี ใยมิอาจรั้งน้ำตานี้ได้
มิอาจเปลี่ยนเช่นเกศาเปลี่ยนเป็นสีขาว
ใครหนอจะเขียนตอนจบนี้ ยังมั่นรักแม้นเกลียดชัง "คุณชายคล้ายคนหลงทาง แต่มิใช่ เหมือนท่านกำลังตามหาบางสิ่ง บางอย่าง" นางมองดุแววตาอันเลื่อนลอยของมัน สายตามองทะลุขึ้นไปถึงชั้นฟ้า สอดสายตาหาบางอย่าง ค้นหาทั่งฟ้า ปฐพี "ข้าก็ไม่รู้ว่ากำลังวิ่งตามหาสิ่งใดกันแน่" สุราหนึ่งกาจบลง เขาลุกขึ้นยืนขยิบตาหนึ่งที แล้วก้าวเดินออกจากห้องไป ทิ้งอยู่อย่างไว้เบื้องหลัง จากนี้คือการเผชิญชะตากรรมของตัวเองแล้ว
ลักษณะใจดำ +35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
|