แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Tianzhou เมื่อ 2021-10-1 19:53
ราชสีห์จรจัด ปลดแอก
ช่วงเวลาล่วงเลยผ่านมาอย่างยาวนาน ความลำบากยากเข็นอยู่คู่กับชายหนุ่มทุกเวลา ความเหนื่อยยากเป็นราวกับเพื่อนสนิทที่มิมีวันแยกจาก เศษอาหารเล็กน้อยช่วยแค่เพียงรองท้องให้มีเรี่ยวแรงผ่านพ้นไปในแต่ละวัน
เทียนโจวนั้นถูกจับมาตั้งแต่ยังเด็กและถูกใช้งานเยี่ยงทาสมาโดยตลอด ในทุกๆวันเขาต้องค่อยขนแร่จำนวนมากที่ขุดได้จากเหมืองเพื่อแลกกับเศษอาหารในแต่ละวัน
อาหารเพียงน้อยนิดค่อยๆทำให้เขาเติบโตขึ้นมา แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือ เมื่อเทียบตนเองกับผู้อื่นเขานั้นมีกล้ามเนื้อที่ชัดเจนกว่าใครๆรวมถึงผู้คุมเสียด้วย
เทียนโจวเริ่มตระหนักถึงความแต่ต่างนี้และย้อนนึกถึงไวเด็กที่ตนเองนั้นแข็งแรงกว่าใครๆในรุ่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนในตอนนี้พละกำลังของเขานั้นมากกว่าใครในที่แห่งนี้ไปแล้ว และในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้ต่อไปอิสรภาพของเขาจะหวนคืน!
ช่วงกลางดึกหลังจากที่ทำงานเสร็จ เทียนโจวและทาสคนอื่นๆถูกนำตัวเขาห้องขังเหมือนอย่างทุกวัน และในจังหวะที่ผู้คุมกำลังจะเดินออกไปนั้นเทียนโจวก็พลันตะโกนขึ้นมา “ผู้คุม!!!”
“มีอะไรเจ้าทาสชั้นต่ำ”
เสียงของผู้คุมกล่าวขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดพลันถือดาบของตนเดินมาเคาะที่กรงด้วยความรำคาญในทาสตรงหน้าที่จู่ๆก็เรียกตน แต่แล้วในจังหวะที่เดินไปใกล้ๆนั้น
ตึบ!!!
เทียนโจวจับคอเสื้ออีกฝ่ายกระแทกเข้ากับกรงจนสลบเทียนโจวรีบดึงร่างของผู้คุมมาใกล้ๆ ก่อนจะเอื่อมมือไปหยิบพวงกุญแจที่ติดอยู่ตรงกางเกงของผู้คุม
“เยี่ยม!!!”
เทียนโจวรีบนำกุญแจเหล่านั้นมาลองไขกรงเหล็กตรงหน้าอย่างรีบร้อน
แก๊ก!
ในที่สุดกรงที่ได้กักขังเขาไว้ก็ได้ถูกนำออกเสียที เทียนโจวสุดหายใจพร้อยยิ้ม เพื่อต้อนรับอิสรภาพในรอบหายปีที่หายไป ก่อนจะโยนพวงกุญแจที่เหลือให้พวกที่อยู่ในกรงเดียวกับตน
“นำมันไปเปิดให้กับพวกที่เหลือซะ!”
เทียนโจวกล่าวออกมาด้วยเสียงหนักแน่นก่อนจะมีผู้คุมคนอื่นๆที่ได้ยินเสียงก่อนหน้านี้พากันกรูเข้ามายังพื้นที่คุมขัง “กลับไปที่กรงของแกซะ!”
เสียงของหนึ่งในผู้คุมดังขึ้นมาพร้อมกับหันปลายหอกใส่เทียนโจวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
เทียนโจวมิได้แสดงท่าทีเกรงกลัวแต่อย่างใด กลับเป็นรอยยิ้มเสียด้วยซ้ำที่ได้แสดงออกมา
“แหม่ๆ ออกมากันซะเยอะเชียว แต่แค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เพราะพวกแกมันกระจอกเกินไป”
เทียนโจววิ่งเข้าใส่ผู้คุมอาวุธครบมือ ทั้งที่ตนเองนั้นมีเพียงแค่มืดเปล่าเท่านั้น หอกของผู้คุมกระหน่ำแทงใส่เทียนโจว
เทียนโจวคว้าปลายหอกของอีกฝ่ายด้วยมือเปล่าจนเหลือไหลออกมา แต่หาได้สนใจไม่ และรีบใช้ด่ามจับของหอกฟาดใส่ผู้ค้มที่ละคนโดยมิเกรงกลัวหอกจำนวนมากที่ยังคงพุ่งเเทงอย่างมิหยุดหย่อน
“นี่พวกเจ้ารัวจิ้มข้ารึยังไง หะ!!!”
เทียนโจวสับเปลี่ยนด้านของและใช้ปลายแหลมแทงเข้าที่กลางศีรษะของอีกฝ่ายจนเหลือไหลออกมาอย่างมิหยุดหย่อน แต่แค่นั้นยังไม่พอ เขาพลันเหวียงหอกที่มีร่างของหนึ่งในผู้คุมใส่คนอื่นๆจนกระเด็นไปติดกับกำแพง
“จำนวนเยอะซะเปล่า แต่ทำไมฝีมือถึงห่วยแตกขนาดนี้”
เทียนโจวพัลนปล่อยหอกและพุ่งใส่ผู้คุมด้วยมือเปล่า ก่อนจะยัดหมัดของตนเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายจนเละไม่เป็นท่า คนอื่นที่เห็นพวกของตนถูกทำร้ายก็กรูกันเข้ามาอย่างมิหยุดหย่อน ในตอนนี้มีผู้คุมที่ยังมีสติอยู่เพียงแค่ 20 คนเท่านั้น
หอกจำนวนมากแทงมาใส่เทียนโจวแต่เขาเองก็สามารถหลบมันได้บาง ส่วนพวกที่โดนร่างของเขาก็เป็นเพียงแค่แผลธรรมดาๆเท่านั้น เหล่าผู้คุมเมื่อเห็นว่าหอกเริ่มทำอะไรไม่ได้ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอาวุธที่ตนถนัด มีทั้งขวาน ดาบ และมีด ตามแต่จะสรรหา
“ลูกเล่นเยอะกันจริงนะ แต่ยังไงก็แค่แมลงชั้นต่ำที่พยายามดิ้นรนเท่านั้นแหละ”
เทียนโจวพลันยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงการดูถูก ผู้คุมจำนวนมากต่างมีน้ำโหเมื่อเห็นท่าทีอันหยิ่งยะโสของทาสตนนี้ พวกมันต่างวิ่งเข้าใส่เทียนโจวที่ยืนอยู่ อาวุธมากมายต่างถูกกวัดแกว่งอย่างชำนาญต่างจากตอนที่ใช้เพียงแค่หอก แต่นั้นก็มิใช่ปัญหาสำหรับเทียนโจว เขาจับเข้าที่ขอมือของผู้ใช้ดาบคนหนึ่งก่อนจะบีบอย่างแน่นด้วยมวลกล้ามเนื้อที่มากมายของตน จนอีกฝ่ายปล่อยดาบตกพื้น เทียนโจวหยิบดาบนั้นขึ้นมาตัดคอของผู้เป็นเจ้าของมันก่อนจะโยนร่างไร้หัวใส่คนอื่นๆ
“แหม่ คนอะไรชั่งโง่ โดนดาบตนเองตักหัวจนขาด”
เทียนโจวพลันกระโดดเข้ากลางวงของผู้คุมที่เหลือก่อนจะใช่ดาบที่พึ่งไดช้มาเริ่มไล่ฆ่าไปทีละคน พร้อมกับเปลี่ยนอาวุธไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เพราะพวกนี้นั้นไม่พอให้เขาสนุกเสียด้วยซ้ำ
ระยะเวลาล่วงเลยไปนานครึ่งชั่วยามจนในที่สุดการต่อสู้แบบ 1 รุม 20 ก็ได้สิ้นสุดลงพร้อมกับเทียนโจวที่ยืนอยู่เหนือท่ามกลางซากศพและร่างไร้สติของผู้คุม พร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ้นจนเห็นบาดแผลมากมายที่พึ่งได้จากการต่อสู้มา
“กระจอกจริงๆ”
เทียนโจวกล่าวขึ้นก่อนจะเดินไปเหยียบหัวของศพตนนึง ก่อนจะเตะมันไปไกลๆด้วยความรกหูรกตา แล้วจึงหันไปหาคนอื่นๆที่เหมือนว่าในตอนนี้จะได้รับการปลดปล่อยกันหมดแล้ว
“พวกเจ้าอยากทำอะไรต่อกับพวกศพหรือร่างไร้สติพวกนี้ก็แล้วแต่เจ้า เพราะข้ารู้ว่าพวกเจ้าน่ะคงเก็บกดมานานแล้วเป็นแน่”
เทียนโจวกล่าวขึ้นก่อนจะเดินต่อไปยังสถานที่หรูหราที่สุดในเหมืองแห่งนี้ ใช่แล้ว ที่นั่นเป็นที่ๆเจ้าของแห่งนี้ได้อาศัยอยู่ แต่แล้วด้วยความสงสัยบางอย่างเขานั้นก็ได้หันกลับไปดูพวกนักโทษเล็กน้อย ก่อนจะเห็นเข้ากับภาพของผู้คนมากมาย ทั้งซ้ำเติมหรือทำร้ายพวกผู้คุม บ้างก็กัดกินร่างของศพอย่างหิวกระหาย แต่แล้วสายจาของเทียนโจวก็เหลือบไปเห็นที่ซากศพของเหล่าผู้คุ้ม พวกมันทุกคนนั้นลวนผูกผ้าเหลืองไว้ที่แขนซึ่งก่อนหน้านี้พวกมันคงใช้แขนเสื้อเพื่อปกปิดไว้
“พวกนี้มันพวกโพกผ้า!! คนเดียวกับที่เคยจับเรามาขายในตอนเด็ก”
เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมความคับแค้นแต่ในตอนนี้นั้นมันยังไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องทำ เมื่อคิดได้อย่างงั้นเทียนโจวก็รีบเร่งฝีเท้าเดินทางค่อ
. . .
ตึง!!
เสียงของประตูไม้ที่ได้กระเด็นออกมาจากที่ๆมันควรอยู่ พร้อมกับร่างของเทียนโจวที่ค่อยๆปรากฎขึ้นมาพร้อมกับศพของผู้เฝ้าประตูทั้งสอง
“ไง ไม่เจอกันนานนิ ข้าเอาของมาฝาก”
เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะปล่อยของศพทั้งสองลงตรงหน้าซูตง แต่แล้วเมื่อได้จ้องมองไปที่ชายผู้นั้นดีๆ ท่าทางของมันในตอนนี้ราวกับสุนัขไม่มีผิด เพราะมันกำลังเพลิดเพลินอยู่กับค่ำคืนที่สุดแสน กับหญิงสาวที่หมดประกายในดวงตา
“นี่แกถึงกับเพลิดเพลินกับทาสเลยหรอ รสนิยมแปลกไม่เบานิ”
เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะพุ่งเขาใส่ซูตงพร้อมรอยยิ้มแห่งความโกรธแค้น หญิงสาวที่เคยอยู่ด้วยในตอนนี้ก็รีบหอบเสื้อผ้าวิ่งหนีออกไปเมื่อเห็นเทียนโจว
“จะ…..เจ้าต้องการอะไรถึงมาที่นี้ ผะ...ผู้หญิงหรอหระ….หรือเงินทอง”
ซูตงกล่าวออกมาด้วยเสียงอันสันกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของเทียนโจวที่ในตอนแรกเป็นเพียงแค่ทาสที่เขาไม่รู้จักชื่อกลับทำให้เขากลัวได้ถึงเพียงนี้
“สิ่งที่ข้าต้องการหรอ? ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ากล่าวมาแน่ๆในตอนนี้ เพราะสิ่งที่ข้าต้องการในคืนนี้คือชีวิตของเจ้า!!!”
เทียนโจวระรัวหมัดใส่ใบหน้าของเทียนโจวอย่างมิหยุดหย่อน เลือดสีแดงต่างพุงออกมาจำนวนมาก ใบหน้าของซูตงเริ่มบิดเบี้ยวพร้อมกับฟันจำนวนมากที่หลุดออกมาด้วยกำปั้นของเทียนโจว
“แหม่ กดขี่กันมาซะนาน ที่แท้แก่ก็แค่ไอกระจอกที่มีดีแค่อำนาจเท่านั้นแหละ”
เทียนโจวยังคงซัดเข้าที่หน้าของซูตงอย่างต่อเนื่อง การหายใจของซูตงเริ่มติดขัด พร้อมกับความเจ็บปวดจำนวนมากที่แล่นเข้าสู่ร่างกาย
ปึก!
กะโหลกของซูตงพลันกลายเป็นรูด้วยกำปั้นของเทียนโจวพร้อมกับลมหายใจของมันที่ได้หมดลง รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเทียนโจว เขารอคอยสิ่งนี้มาตลอดอย่างมิต้องสงสัย
“เท่านี้ทุกอย่างก็คงจบแล้วสินะ”
เทียนโจวฉีกยิ้มออกมาก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นไปหยิบเครื่องแต่งกายของซูตงมาสวมใส่ ลวดลายของมันนั้นชั่งงดงามและดุดันจากมังกรที่อยู่บนชุด เทียนโจวเดินไปหยิบของอื่นๆอีกเล็กน้อยก่อนจะลากศพซูตงลงไปยังโรงม้ากับตน ก่อนจะผูกติดร่างของศพกับม้า และควบท้าตนนั้นไปหาเหล่าทาสที่ได้รับการปลดปล่อย
เทียนโจวลากร่างของซูตงที่เปลือยกายอยู่มาให้แก่เหล่าทาสได้ประจักษ์ ทาสมากมายต่างจ้องมองไปที่ศพสลับกับใบหน้าของเทียนโจวผู้เป็นผู้ยุติเรื่องทั้งหมดลงในคืนเดียว
“ทะ...ท่านทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”
ชายผู้หฯึ่งพลันกล่าวถามกับเทียนโจวที่อยู่บนอาชาสีขาว เทียนโจวนั้ยิ้มออกมาก่อนจะเริ่มกล่าวตอบ
“เพราะข้านั้นแข็งแกร่ง”
“ที่พวกเจ้าไม่สามารถทำเรื่องอย่างงี้ได้ เพราะพวกเจ้านั้นอ่อนแอ หากพวกเจ้าแข็งแกร่งที่สุดก็จะมิมีใครกล้าดูหมิ่นหรือทำร้ายเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งด้านใดจงใช้มันเพื่ออยู่เหนือผู้อื่น และกดผู้ที่อ่อนแอให้จมดิน หากมีกำลังจงใช้มันราวกับขวานที่ผ่าต้นไม้ใหญ่ได้ในครั้งเดียว หากมีปัญญาจงใช้มันราวกับกระบีที่มิมีใครสามารถทำอะไรเจ้าได้ หากมีความงามจงใช้มันเพื่ออยู่เหนือผู้อื่นและทำให้พวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้า”
เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะปล่อยศพของซูตงไว้ให้กับเหล่าทาสจัดการ และควบม้าของตนออกจากค่ายที่อยู่มาอย่างยาวนานแห่งนี้
เลื่อมใสศรัทธา +25 ศรัทธาเมื่อโรลเผยเเพร่ลัทธิ +15 ศรัทธาเมื่อโรลเผยแพร่ลัทธิหรือเกี่ยวกับศาสนา
หยิ่งยะโส +4 Pointจากการโรลอวดเบ่ง +7 Pointเมื่อชนะการดวลกับอีกฝ่ายพร้อมหยิ่งทะนงต่ออีกฝ่าย
ขี้โมโห +3 Pointจากการโรลต่อสู้ -1 Pointทุกครั้งที่โรลใช้แผนอุบาย(ตอนเรียกผู้คุมมาห้องขัง)
แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่ +6 Point เมื่อโรลเพลย์ต่อสู้ระบบ
หูดี +3 Pointทุกครั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ +2 Pointจากโรลใช้แผนอุบาย(ตอนเรียกผู้คุมมาห้องขัง)
ฟันเขี้ยว +15 Expเมื่อโรลเพลย์ข่มขู่อีกฝ่าย(ตอนข่มขู่จะเอาชีวิตซูตง) +3 Pointทุกครั้งที่โรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย(ตอนข่มขู่จะเอาชีวิตซูตง)
สายตายาว +2 Pointทุกครั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ
(ใช้โจรเป็นผู้คุมนะครับ)
|