[เมืองซื่อซิน] ศาลาเทียนฮวา

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-27 21:33:04 |โหมดอ่าน

ศาลาเทียนฮวา
{ เมืองซื่อซิน }








【ศาลาเทียนฮวา】

ศาลาริมแม่น้ำฉางเจียง อยู่ใกล้กับท่าเรือเมืองซื่อซิน
เป็นหนึ่งในจุดพักชมทิวทัศน์ริมแม่น้ำที่สวยงามแห่งหนึ่ง
ซึ่งบางครั้งประชาชนก็มาใช้อาศัยตกปลา
หรือพักผ่อนระหว่างเรือข้ามฟากแม่น้ำ



{ วิถีชีวิตคนสันโดษ }

[ดูคู่มือการเก็บทรัพยากรส่วนตัว]

(1) ติดตั้ง "เบ็ดตกปลา" ชนิดใดก็ได้ (สามารถหาซื้อได้จากร้านอุปกรณ์)

(2) เขียนโรลตกปลาตามคู่มือด้านบน
(3) ระบุท้ายโพสต์เลือกปลาที่จะตก โดยแต่ละพื้นที่จะมีปลาแตกต่างกัน

{ โบนัสพิเศษ }
(1) หากเป็นคนลักษณะนิสัยสันโดษ ได้รับโบนัส x2

{ ปลาที่พบบริเวณนี้ }
(1) ปลาดอร์ลี่
(2) ปลาชิง
(3) ปลาเก๋า
(4) ปลาลิ่น
* โอกาส 0.1% ได้ปลามังกรพ่วงมาด้วย หากนิสัยสันโดษ 0.5% *





โพสต์ 2021-9-27 22:43:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-9-27 22:56


⌜48⌟

บทที่ 9
มาเยือนไท่หู
ฉากที่ 1
                    
                    
          เรือล่องแม่น้ำถูกพายออกจากฝั่งอย่างช้าเนิบ เด็กสาวมองทิวทัศน์รอบด้านไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืด มีเพียงแสงไฟจากตะเกียงที่ทำให้พอจะเห็นคนบนเรือได้เพียงลาง ๆ เฟินเยว่เพิ่งจะมาสังเกตเห็นเอาป่านนี้ว่าสภาพของเด็กหนุ่มดูเหนื่อยล้าแปลก ๆ ผมเผ้าก็กระเซิงไม่เป็นทรงราวกับเพิ่งผ่านศึกมา อาจจะเพราะว่าซิ่งม้ามาเหมือนกับนาง ทว่าตามเนื้อตัวของเขามีรอยฟันหลายแห่งจนเสื้อผ้าขาดวิ่น ดรุณีน้อยมองเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกห่วงใยอย่างถึงที่สุด ไม่รู้ว่าระหว่างทางอีกฝ่ายไปเจอกับอะไรมาบ้างสภาพถึงยับเยินเช่นนี้ แถมตงฮั่วยังดูจะพูดน้อยกว่าปกติ ไม่รู้ด้วยอาการเหนื่อยล้าหรือว่าเขาโกรธนางที่มาช้ากันแน่
         
          “คุณชายซูหิวหรือเปล่าเจ้าคะ ทานมื้อเย็นมาหรือยัง ช่วงเที่ยงข้าแวะสวี่ซางซื้อขนมเซาปิ่งที่คุณชายซูชอบมาด้วยล่ะเจ้าค่ะ”
         
          เฟินเยว่หยิบยื่นห่อขนมแป้งทอดให้กับอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าตงฮั่วจะยังอยู่ในอาการมึนตึงใส่แต่ทว่าเขาก็รับมันเอาไว้แล้วแกะทานเลยอย่างเช่นทุกครั้ง เห็นดังนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาได้บ้างว่าอย่างน้อยก็ไม่ถูกโกรธไปเสียทั้งหมด รอยยิ้มบางเบาจึงระบายแต้มบนหน้าสตรีขึ้นมาได้ แม้จะอุ่นใจขึ้นแต่เด็กสาวก็ยังอดที่จะเป็นห่วงสภาพของเด็กหนุ่มไม่ได้
         
          นางแกะห่อขนมของตัวเองออกมาทานด้วยเช่นกัน บิบางส่วนแบ่งปันให้เปาเปาสหายรักได้ทานด้วย ระหว่างนั้นสายตาคอยลอบมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอยู่ไม่ขาดสาย มีสิ่งที่ต้องการจะถามเต็มไปหมดแต่ทว่ายามนี้ก็เกรงว่ารู้สึกจะไม่เหมาะ ทั้งสองจึงไม่ค่อยได้สนทนาสิ่งใดกันในแพจวบจนกระยะเวลาผ่านไปร่วมหนึ่งก้านธูปเรือพายจึงมาถึงฝั่งริมแม่น้ำฉางเจียง
         
          เวลาล่วงเข้ายามไห้ ไม่สะดวกเอาเสียเลยที่จะต้องไปหาโรงเตี๊ยมพักนอนทว่ามีม้าเอาไว้ซ้อนเพียงแค่หนึ่งตัว แต่ยังดีที่บริเวณนั้นมีศาลาที่เอาไว้ซุกหัวนอนได้ชั่วคราวหนึ่งคืน สำหรับมนุษย์ถ้ำอย่างตงฮั่วแล้วเขาสามารถนอนที่ไหนก็ได้ที่ผู้คนไม่วุ่นวายพลุกพล่าน ส่วนเด็กสาวชาวบ้านอย่างเฟินเยว่ก็ไม่ถือสาที่จะใช้ชีวิตติดดิน ทั้งคู่จึงตกลงว่าจะอยู่พักกันที่นี่จนถึงรุ่งสางจึงค่อยออกเดินทางกันต่อ
         
          “คุณชายซู.. เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
         
          “หืม?”
         
          เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถามหลังจากที่เขาหาทำเลได้แล้วว่าจะงีบพักตรงนี้
         
          “เห็นคุณชายซูตึง ๆ ใส่ข้าน่ะเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าเผลอไปทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า..”
         
          เด็กสาวอ้อมแอ้มถามเสียงเบาหวิว
         
          “ข้าดูเป็นแบบนั้นเหรอ? ขอโทษด้วย” ตงฮั่วยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันเหนื่อยล้าของตนเอง ที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะไปจัดการภารกิจส่วนตัวมาอารมณ์บางส่วนจึงยังติดค้างอยู่บ้าง กอปรกับเรื่องของบุรุษที่ตามมาส่งนางก็ส่วนหนึ่ง “ข้าไม่ได้โกรธเจ้า แต่.. ตกลงชายคนนั้นคือใคร?”
         
          “หมายถึง.. คุณชายเหลียงน่ะหรือเจ้าคะ?” คราวที่แล้วไม่ได้เล่าให้อีกฝ่ายฟังไปเพราะกลัวจะถูกดุ แต่เห็นที่ว่าวันนี้คงจะเลี่ยงไม่อธิบายไม่ได้ “ข้าเจอเขาที่บ้านร้างท่านซินแสตงฟางน่ะเจ้าค่ะ เขาก็เป็นผู้มาหาตำราตงฟางเหมือนกัน แต่อยู่ดี ๆ วันนั้นเขาก็เป็นลมล้มพับไปข้าก็เลยช่วยพาเขาไปรักษาในเมือง เราคุยกันเรื่องปณิธานกันเล็กน้อยแล้วเขาก็ตัดสินใจขอติดตามเพื่ออยากพบกับท่านพี่ใหญ่น่ะเจ้าค่ะ”
         
          “งั้นเหรอ” ตงฮั่วพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา พอจะเข้าใจเหตุผลแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ไว้ใจคนที่ไม่ได้รู้จัก “ยังไงเจ้าก็ควรระวังตัวเอาไว้ด้วย เป็นสตรีอยู่กับบุรุษสองต่อสองมันไม่งาม..” แต่พูดจบเขาก็ชะงักไป ลืมไปเลยว่าเขาเองก็อยู่กับเด็กสาวสองต่อสองเป็นประจำ และในสถานการณ์นี้ก็เช่นกัน พูดไปอย่างไรก็มีแต่เข้าตัวเอง “แต่ข้าก็พูดเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดีนี่หว่า”
         
          “พูดได้สิเจ้าคะ” เฟินเยว่ขำคิกกับท่าทางของบุรุษ อย่างน้อยพอได้รู้ว่าเขาเป็นห่วงก็รู้สึกตื้นตันใจ “ทั้งหมดล้วนมาจากความปรารถนาดีของคุณชายซูทั้งนั้น ส่วนที่ทำตัวไม่เหมาะสม.. ถ้าหากบอกว่าถ้าใจเราบริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้วได้หรือเปล่านะ” มือเล็ก ๆ ยกขึ้นทาบแก้มอย่างครุ่นคิด
         
          “ไม่ได้สิ คนอื่นมองไม่ดีจะมองว่าเจ้าเป็นหญิงมีมลทินเอาได้ จิตใจบริสุทธ์ไม่ช่วยอะไรหรอกนะ”
         
          “เราห้ามความคิดใครไม่ได้จริง ๆ นั่นแหล่ะเจ้าค่ะ มีแค่ว่าต้องใช้เวลาพิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างนั้น”
         
          “เฮ้อ เอาเถอะ ดูเหมือนว่าข้าจะห้ามความโลกสวยของเจ้าไว้ไม่ได้อยู่แล้ว”
         
          ดรุณีน้อยโคลงศีรษะมองพลางกะพริบตา คำว่าโลกสวยนี่เหมือนเป็นคำชมแต่กลับรู้สึกว่าถูกตำหนิอยู่แปลก ๆ
         
          “ตอนนี้ขอแค่คุณชายซูไม่คิดเช่นนั้นก็พอแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
         
          “ก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น ข้าเป็นสหายเจ้าย่อมรู้ดีว่าเจ้าเป็นคนยังไงอยู่แล้ว ถึงได้ต้องมาคอยเป็นห่วงอยู่แบบนี้ยังไงเล่า”
         
          “แหะ ๆ ขอโทษด้วยนะเจ้าคะที่ทำคุณชายซูให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย แต่ว่าข้าจะพยายามไม่ทำให้คุณชายซูเป็นห่วงอีกนะเจ้าคะ” เฟินเยว่วาดรอยยิ้มให้จนตาปิด ก่อนจะไถ่ถามอีกฝ่ายบ้าง นอกจากเรื่องความตึงเครียดที่เคยมีก่อนหน้านี้นางยังเป็นห่วงอีกฝ่ายที่มีสภาพทรุดโทรม “แล้วคุณชายซูไปทำอะไรมาเจ้าคะ ทำไมสภาพถึงได้เป็นแบบนี้”
         
          “....” มีคนเกิดอาการน้ำท่วมปาก ไม่อยากจะเผยเรื่องราวชำระแค้นให้อีกฝ่ายได้ฟังแม้ว่าเฟินเยว่จะเป็นสหายที่เขารู้สึกไว้ใจในระดับหนึ่ง ทว่าเรื่องแบบนี้หากพูดออกไปเด็กสาวอาจจะรับไม่ได้ แต่ว่าเขาก็ไม่อยากที่จะโกหก ด้วยหลักฐานอาจต้องยอมจำนนแต่หากเลี่ยงได้ก็ขอเลี่ยงพูดไปก่อน “ระหว่างทาง.. มีเรื่องนิดหน่อย”
         
          “อย่างนั้นหรือเจ้าคะ” เด็กสาวผมเปียมองเขาด้วยแววตาเป็นห่วง เฟินเยว่นึกย้อนไปถึงเรื่องราวของตนเอง ตอนที่เจอกับโจรผ้าเหลืองและจอมยุทธ์ที่เจี่ยซิ่ว บางทีไม่อยากมีเรื่องให้ปะทะทว่ากลับเลี่ยงไม่ได้ กระนั้นหากว่าที่เขาบาดเจ็บส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวนางเองก็รู้สึกแย่จนทนไม่ไหว “ถ้าคุณชายซูต้องลำบากเพราะพาข้าเที่ยวก็ต้องขอโทษด้วยนะเจ้าคะ”
         
          “ไม่ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเลย” ตงฮั่วแย้งสวนไปทันควัน “บางทีข้าก็อาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่เจ้าคิดหรอก”
         
          “... มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นที่ขออนุญาตไม่เชื่อได้หรือไม่เจ้าคะ”
         
          สาวน้อยยิ้มแผ่วบางตอบกลับ แม้คำตอบจะบอกว่าไม่เชื่อแววตาของนางมีแต่ความเชื่อใจอีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยม
         
          “ทำไม?”
         
          “ก็เพราะว่าคุณชายซูพิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วว่าท่านไม่ใช่คนไม่ได้น่ะสิเจ้าคะ ทั้งที่ช่วยข้าเอาไว้ คอยห่วงใยกลัวว่าจะมีใครมองข้าไม่ดี คอยดูแลข้าที่ฉางอัน แล้วยังจะพามาเที่ยวอีก ถ้าเป็นคนไม่ดีก็ไม่น่าจะช่วยเหลือคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงเดือนตั้งมากมายขนาดนี้หรอกเจ้าค่ะ”
         
          “เพราะว่าเจ้าคอยเซ้าซี้ข้าจนไม่ได้มองเป็นคนอื่นแล้วยังไงเล่า”
         
          พูดไปตงฮั่วก็เบี่ยงสายตาเลี่ยงไม่สบมอง สิ่งที่เด็กสาวพูดนั้นถูกต้องทุกอย่างจนไม่น่าเชื่อว่าบุรุษผู้โดดเดี่ยวอย่างเขาจะสนิทสนมกับใครได้ง่ายเพียงแค่นางเลี้ยงอาหารเขาหลายมื้อ หรือเป็นเพราะกลไกการเป็นสัตว์สังคมของมนุษย์ก็ไม่รู้ แม้จะต้องการอยู่เพียงลำพังแต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องการพึ่งพาอาศัยผู้ใดเลย สิ่งที่คอยเกื้อหนุนกันจึงทำให้ทั้งสองสนิทกันได้ง่าย

          “เพราะฉะนั้นหากคุณชายซูมองว่าข้าเป็นสหายแล้ว มีอะไรก็สามารถเล่าให้ฟังได้ทุกเมื่อเลยนะเจ้าคะหากว่าพร้อม” เด็กสาวขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กับอีกฝ่าย มองสำรวจว่าตงฮั่วมีบาดแผลที่ใดบ้างจนได้เห็นว่าที่ต้นแขนข้างขวามีรอยดาบฟัน แม้จะไม่ลึกแต่ก็มีเลือดซิบ ด้วยความที่เป็นแผลไม่ใหญ่กระมังเด็กหนุ่มจึงไม่ได้ทำแผลให้ดูโดดเด่น แต่แค่เห็นว่าเพื่อนได้รับบาดเจ็บหัวใจของสาวน้อยก็เหมือนกับว่าถูกเฉือนไปด้วย “คุณชายซูเจ็บมากไหมเจ้าคะ”
         
          “ไม่เท่าไรหรอก แผลแค่นี้อีกไม่กี่วันก็หาย”
         
          ได้ยินคนที่ไม่ใส่ใจตัวเองตอบออกมาเช่นนี้ผู้ฟังก็ส่ายหน้า
         
          “ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณชายซูบอกให้ข้าระวังตัวอยู่เสมอ แต่กลับไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ” พูดจบนางก็รื้อค้นเอาผ้าผูกผมที่สะอาดสะอ้านออกมาหลายผืน ส่วนหนึ่งเอาไว้เช็ดล้างสิ่งสกปรกและคราบเลือด และอีกส่วนเอาไว้สำหรับพันแผล ติดแต่ว่าผ้าสะอาดที่มีอยู่ส่วนมากจะมีสีละมุนอย่างที่ดรุณีชอบใช้กัน “ขออนุญาตให้ข้าทำแผลให้นะเจ้าคะ”
         
          “....”
         
          เด็กหนุ่มไม่ตอบคำ เขาหันหน้าไปอีกทางทว่ายังนั่งนิ่งเฉย จากปฏิกิริยาที่ไม่ได้ปฏิเสธอย่างชัดแจ้งจึงทำให้เฟินเยว่ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือ
         
          “ทนเจ็บหน่อยนะเจ้าคะ”
         
          แม้จะน่าอายนิดหน่อย แต่สาวน้อยก็ถือวิสาสะปลดเสื้อออกเพื่อจะได้ล้างทำความสะอาดแผลง่ายยิ่งขึ้น เนื้อตัวกำยำมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง นางจึงค่อย ๆ ชุบน้ำเช็ดตัวให้แก่เขาอย่างเบามือ เท่าที่สำรวจไม่มีบาดแผลใหญ่เกินไปกว่ารอยฟันที่ต้นแขน ซับบาดแผลให้เลือดเก่าจางหายก่อนที่จะใส่ยาแล้วพันทับไปด้วยผืนผ้าสีชมพูอ่อนปักลายผลอิงเถา (เชอร์รี่) สีสดใสแล้วสวมชุดคืนให้แก่เด็กหนุ่ม
         
          “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
         
          “ขอบใจเจ้ามากนะ”
         
          ตงฮั่วจัดเสื้อผ้าดี ๆ พลางขมวดคิ้วพยัคฆ์มองผ้าพันแผลสีสดใสที่แพลมออกมาจากรอยแยกของเสื้อ ได้เช็ดตัวไปแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมากขึ้น
         
          “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่จะดีกว่าหากว่าไม่บาดเจ็บอีกนะเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่ยิ้มตอบก่อนที่จะถอยหลักกลับมา ณ มุมเดิมที่จับจอง เด็กสาวยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด วันนี้เดินทางมาทั้งวันจนรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก
         
          “ง่วงก็นอนเถอะ เดี๋ยวข้าเฝ้ายามให้”
         
          “เอ๋.. แล้วคุณชายซูไม่พักผ่อนหรือเจ้าคะ?”
         
          “ข้าชินกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก”
         
          พูดจบเด็กหนุ่มก็เอนหลังด้วยท่าทีสบาย ๆ ในอ้อมแขนกอดกระบี่ของตัวเองเอาไว้หลวม ๆ
         
          “ถ้าไม่ไหวล่ะก็ปลุกข้าได้นะเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่เองก็หยิบเอาเสื้อผ้าเก่าออกมาคลุมกายแทนผ้าห่มเอนศีรษะซบพิงกับเสาศาลา มีเปาเปาไว้กอดบนตักซับไออุ่น แค่เพียงได้ยินวาจาตงฮั่วก็กลั้วหัวเราะขำ เขารู้ดีว่าต่อให้ปลุกเท่าไรเด็กสาวก็ไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ แต่ก็รับคำเอาไว้
         
          “อืม ถ้าไม่ไหวแล้วจะปลุก”
         
          “เช่นนั้นก็ราตรีสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณชายซู”
         
          เด็กสาวยิ้มให้เขาก่อนที่จะหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลียและม่อยหลับไปในเวลาไม่นาน
         
          “ราตรีสวัสดิ์เฟินเยว่..”
         
          ตงฮั่วตอบกลับไปด้วยเสียงอันแผ่วเบาราวกับสายลมกระซิบหวน...


.
.
.



ลักษณะนิสัยรักสงบ
+1 Point ทุกครั้งที่โรลใช้แผนอุบาย หรือ ทางการทูต

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+2 Point จากการโรลการทูต
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
มอบ ขนมเซาปิ่ง
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
 เจ้าของ| โพสต์ 2021-9-29 11:31:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไอเท็มดรอป รถม้าของเล่น

  




การดรอป

1) เขียนโรลเพลย์ท่านผ่านมาเจออันธพาลข้างถนน ระดับ 20 กำลังจะปล้นเด็กน้อย ขูดรีดเงิน

2) สร้างสตอรี่ตามอิสระในการช่วยเด็ก - หลังโพสต์โรลให้แนบลิ้งก์การประลองท้ายโพสต์ ตามตัวอย่าง
3) เมื่อมีคนมาดรอปไอเท็มแล้วโพสต์นี้จะถูกถอนตรึงไว้บน - คนมาทีหลังสามารถปล้นแย่งชิงคนก่อนหน้าได้

ทางเลือกพิเศษ (ไม่ได้ดาบใบหลิว)
- (มีสเตท POL 69+) ไม่ฆ่าอันธพาล เมื่อท่านเลือกปล่อยชีวิตเขาจะไม่จากไป แต่สำนึกบุญคุณท่านถวายชีวิตภักดีรับใช้ท่าน
- โจรมอบเงิน 15 ตำลึงทอง และ เพชรที่เขาปล้นมาให้แก่ท่าน

ตัวอย่างลิ้งก์ประลอง
https://rotk.xyz/plugin.php?id=dzs_npccomrade:fight&aid=153


ไอเท็มดรอปตอบแทนจากเด็ก: รถม้าของเล่น , +300 อีแปะ
ไอเท็มดรอปจากศพโจร: ดาบใบหลิว x1 , เพชร x7 , ข้าวอบใบบัว x6 , +15 ตำลึงทอง




ผู้เก็บไอเท็ม: ซุน เฟินเยว่



←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-10-1 21:09:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-1 21:11


⌜53⌟

บทที่ 10
พบพานสหายใหม่
ฉากที่ 1
                    
                    
          “เอาล่ะ ถ้ากลัวตกก็ให้จับไหล่ข้าเอาไว้ แต่อย่าจับที่เอวล่ะ”
         
          “เจ้าค่ะ” เฟินเยว่พยักหน้ารับเมื่อขึ้นซ้อนท้ายม้าเรียบร้อยแล้ว นางวางมือบนไหล่หนาของบุรุษทันทีเมื่อเขากล่าวจบ บ่งบอกได้เลยว่ากลัวตกตั้งแต่ที่ม้ายังไม่ได้วิ่ง “เอ่อ… คุณชายซูบ้าจี้สินะเจ้าคะ”
         
          “ไม่ใช่!” ตงฮั่วแทบจะโวยออกมาทันทีที่คนด้านหลังถามด้วยความซื่อหรือความแซวก็ตาม ก่อนจะกระแอมแล้ววางท่าทีสุขุมให้สมกับที่เป็นผู้นำ “อะแฮ่ม! ข้าแค่ไม่ชินเวลามีคนมาถูกเนื้อต้องตัวเท่านั้นแหล่ะ”
         
          “อ๋อ อย่างนี้เอง”
         
          ซึ่งคนถามก็เป็นพวกซื่อจริง ๆ ไม่มีติดแซว หวนคิดไปว่าเมื่อวานนางก็ถูกตัวเขาหลายครั้งอยู่นะ แบบนี้จะไปเผลอทำอะไรให้คุณชายซูไม่พอใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ท่าทางว่าคงต้องระวังตัวหน่อยแล้ว
         
          เมื่อพร้อมสำหรับการเดินทางม้าเหลียงก็ถูกควบออกไปด้านหน้าในช่วงเช้าของวันนั้น ตั้งแต่ที่กลับมาจากทะเลสาบไท่หูเฟินเยว่ก็รู้สึกว่ามีสิ่งแปลก ๆ เกิดขึ้นกับนาง ไม่รู้ว่าด้วยธรรมชาติบำบัดหรือไม่จึงทำให้สามารถได้ยินเสียงต่าง ๆ ชัดเจนยิ่งขึ้น ทว่าก็แลกกันกับอาการอีกอย่างหนึ่ง อาจเพราะว่าเมื่อวานตกปลานานเกินไปจึงทำให้ผิวหน้าไม่ค่อยสู้แดดมากเท่าไร แม้จะมีผ้าโพกศีรษะคอยปกคลุมผมแต่ทว่ารู้สึกร้อนหน้าได้ง่ายกว่าปกติ เด็กสาวพยายามไม่เงยหน้ามองทางจึงเอาหน้าซุกกับแผ่นหลังของตงฮั่วอยู่ตลอดเวลา
                    
          “เจ้าเป็นอะไรไปหรือเปล่า?”
         
          “อื่อ.. รู้สึกว่าแดดร้อนนิดหน่อยน่ะเจ้าค่ะ ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ ทำให้คุณชายซูไม่ถนัดหรือเปล่า?”
         
          “ไม่เป็นไรซบมาเถอะ” พอคิดว่าต้องเดินทางด้วยกันก็โยนเรื่องความเหมาะสมทิ้งไปชั่วคราว หากมัวแต่ต้องเกรงกลัวสายตาคนอื่นคงไม่ได้ทำการใหญ่เป็นแน่  “งั้นข้าจะเร่งความเร็วขึ้นนะ จับให้ดี ๆ ล่ะ”
         
          “เจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวตอบรับคำ แม้ว่าจะยังเกรงใจทว่าก็มีแต่ต้องซบหลังเขาก้มหน้าเพื่อบดบังแสงแดดอันร้อนแรง
         
.
.
.
         
          มาถึงท่าเรือเอาช่วงสายถือว่าทำเวลาได้กำลังดี ทั่งคู่คิดว่าน่าจะได้นั่งเรือกลับไปถึงหวยอันตอนบ่าย ๆ จากนั้นก็ไปรับบัณฑิตเหลียงที่หมู่บ้านซีตี้แล้วตรงไปหาสหายของตงฮั่วต่อ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น
         
          “ตอนนี้เรือที่มีออกจากท่าไปหมดเลย ค่อยมาใหม่อีกหนึ่งชั่วยามนะคุณหนู”
         
          คนคุมท่าเรือกล่าวออกมาเช่นนั้นก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้คงต้องหาอะไรทำไปพลาง จนสุดท้ายก็มาจบลงที่กิจกรรมตกปลาอันเป็นที่ชื่นชอบของพ่อหนุ่มรักสันโดษ ด้านเฟินเยว่ไม่มีอะไรติดขัด แม้จะไม่ชอบคร่าชีวิตแต่เด็กสาวก็ได้เห็นข้อดีของการตกปลาที่สามารถทำเงินได้ ทว่าเบ็ดตกปลามีอยู่เพียงแค่หนึ่ง เฟินเยว่จึงไปซื้อมาใช้เป็นส่วนตัวอีกหนึ่งคัน ละแวกนั้นมีร้านขายขนมเชาปิ่งพอดีด้วย เห็นว่าเป็นของชอบของสหายร่วมทางก็อดไม่ได้ที่จะซื้อไปฝากเขาทุกที
         
          “คุณชายซูเจ้าคะ มีขนมเชาปิ่งด้วยล่ะเจ้าค่ะ แล้วก็ข้าได้กระบี่มาเป็นรางวัลขอมอบให้ท่านไปด้วยนะเจ้าคะ”
         
          เด็กสาวยื่นห่อขนมร้อน ๆ และกระบี่ที่ได้มาจากเถ้าแก่หวังเย่าให้ อีกฝ่ายก็รับมาด้วยสีหน้าดีใจเมื่อได้ทานของโปรดอีกครั้ง แถมยังได้อาวุธมาด้วยเขาเหน็บกระบี่เอาไว้ที่เอว ส่วนของกินจะอร่อยก็ต้องทานตอนที่มันยังร้อน ๆ อยู่ เด็กหนุ่มจึงไม่รอช้าเปิดห่อขนมทานทันใด
         
          “ขอบใจนะ” ตงฮั่วชะงักไปเล็กน้อย เขาครุ่นคิดบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกไปเมื่อตนคิดดีแล้ว “จากนี้ไป เจ้าจะเรียกข้าว่าตงฮั่วก็ได้นะ”
         
          “อะ.. จะดีหรือเจ้าคะ จะไม่เป็นการตีสนิทเกินไปใช่หรือไม่”
         
          “อื้อ ข้าเป็นคนบอกให้เจ้าเรียกเองนี่นา เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
         
          “ได้เจ้าค่ะตงฮั่ว.. ถ้าอย่างนั้นท่านจะเรียกข้าว่าเยว่เอ๋อร์ก็ได้นะเจ้าคะ”
         
          “อุก! แค่ก ๆๆๆ”
         
          ได้แค่พักเด็กหนุ่มก็สำลักขนมจนติดคอ ทางฝ่ายหญิงเห็นเข้าก็ล่กลนลานรีบส่งถุงน้ำไปให้เขาดื่ม
         
          “คะ..คุณชายซู ดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะ ปะ..เป็นอะไรไปทำไมอยู่ ๆ ถึงได้ติดคอกันล่ะ”
         
          “อะแฮ่ม! ไม่”
         
          ฝ่ายชายยกถุงน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่ไล่ขนมลงคอ เกือบจะตายก่อนได้ทันล้างแค้นให้บิดาแล้วไหมล่ะ ตงฮั่วโบกไม้โบกมือตอบปัด ๆ ไปว่าไม่เป็นไร อีกนัยคือไม่อยากจะตอบคำถามด้วยว่าทำไมถึงติดคอ
         
           สำหรับบุรุษปกติก็มักจะบอกชื่อรองเป็นการแนะนำตัวแก่ผู้ที่ไม่สนิท แต่เมื่อสนิทกันแล้วจะเรียกชื่อจริงกันก็ไม่ผิดแผก เขาจึงยอมให้เด็กสาวที่เป็นสหายร่วมทางเรียกชื่อจริงของตนได้ และตนก็ตั้งใจว่าจะเรียกชื่อนางแทนแซ่ด้วยเช่นกัน ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเสนอชื่อเล่นที่นุ่มฟู ความไม่ชินนั้นเองจึงทำให้เขาสำลักออกมา
         
          “เฮ้อ..”
           
          ผ่านไปสักพักถึงหายใจหายคอดีขึ้น แล้วก็รีบกินขนมเชาปิ่งก่อนที่ทิ้งไว้นานแล้วมันจะทำให้เขาสำลักอีกรอบ (?)
         
          “ดีขึ้นแล้วใช่ไหมเจ้าคะคุณชายซู”
         
          “บอกแล้วว่าให้เรียกตงฮั่วก็ได้ไง ยะ..ยะ..เยว่เอ๋อร์”
         
          สุดท้ายก็เรียกออกมาจนได้ ไม่รู้ทำไมก็แค่เรียกชื่อแท้ ๆ แต่กลับทำให้เด็กหนุ่มหูแดงขึ้นมา
         
          “ขอโทษเจ้าค่ะตงฮั่ว คือว่ายังไม่ค่อยชินน่ะเจ้าค่ะ แหะ ๆ”
         
          เฟินเยว่แก้ต่างให้ตนเองด้วยรอยยิ้มแหยอย่างทุกครั้งเวลาที่รู้สึกไม่มั่นใจ เมื่อมองไปที่รอยยิ้มนั้นเด็กหนุ่มก็ตวัดสายตากลับมามองผืนน้ำเบื้องหน้าแล้วหย่อนเป็ดลงไปพร้อมกับพูดจาเปลี่ยนเรื่อง
         
          “วันนี้ไป๋จี้ถุนจะขึ้นมาติดเบ็ดไหมนา---...”
         
          แต่คนที่โกหกไม่เก่งพูดเฉไฉเสียงแข็งไม่เป็นธรรมชาติ เขาบอกให้นางเรียกด้วยชื่อจริงเองแต่กลับรู้สึกจักกะจี้ในรูหู
         
          “โธ่ ล้อกันเล่นอีกแล้วนะเจ้าคะตงฮั่ว ไม่รู้แล้วข้าตกเอาแค่ปลาลิ่นปลาชิงก็พอแล้ว”
         
          พูดจบเด็กสาวก็นั่งหามุมร่มไม่หันหน้าเขาแสงแดดแล้วจึงหย่อนเบ็ดตกปลาลงไปบ้าง
         
          แล้วพอมีสมาธิกับการตกปลาทั้งสองก็ไม่ได้คุยเรื่องไร้สาระอะไรกันต่อ เพื่อที่จะตกปลาขึ้นมาให้ได้มากที่สุด ในแม่น้ำสายใหญ่อุดมไปด้วยปลาเล็กปลาน้อยมากมายหลายพันธุ์ จึงใช้เวลาไม่มากเลยที่จะตกปลาขึ้นมาได้ในแต่ละครั้ง เพียงครู่เดียวปลาก็เกือบจะเต็มถัง แล้วยังใกล้ได้เวลาแล้วจึงพอกันเพียงเท่านี้
         
          “ได้ปลามาเยอะเหมือนกันนะเจ้าคะ”
         
          “น่าจะต้องได้กินปลาไปอีกหลายวันล่ะนะ”
         
          ตงฮั่วเอาคันเบ็ดพาดบ่าเดินนำออกไปจากศาลา อีกมือก็หิ้วถังใส่ปลาไปด้วย
         
          “พูดแบบนี้แล้วตงฮั่วชอบปลาหรือเปล่าเจ้าคะ?”
         
          “อื่ม.. เฉย ๆ น่ะ ถ้าแค่ให้อยู่ไปวัน ๆ ก็พอกินได้”
         
          สีหน้าของอดีตมนุษย์ถ้ำดูเซ็ง ๆ ไม่น้อยที่ต้องทานแต่อาหารรายการเดิมติดต่อกันทุกวันในช่วงที่เฟินเยว่ไม่อยู่นำอาหารมาส่งให้ แถมปลาเผาของเขายังไม่ผ่านการปรุงรส บางทีก็ดิบบ้าง ไหม้บ้าง หากจะเบื่อก็คงไม่แปลก
         
          “ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ถึงจะมีปลาเยอะแต่ข้าจะทำของชอบของคุณชาย เอ้ย.. ตงฮั่วให้เจ้าค่ะ”
         
          “เรื่องปากท้องคงต้องฝากความหวังไว้ที่เจ้าแล้วล่ะนะ เยว่เอ๋อร์”
         
          ปกติแล้วซูตงฮั่วไม่ค่อยเรียกชื่อสหายสาวเท่าไร แต่ช่วงนี้อาจต้องเรียกบ่อยหน่อยเพื่อให้ชินปากจะได้ไม่รู้สึกกระดากอีก
         
.
.
.




ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่
ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

อัตลักษณ์หูดี
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
มอบ ขนมเชาปิ่ง + กระบี่
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน



ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
+3 Point เมื่อโรลเพลย์ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

ลักษณะนิสัยเที่ยงธรรม
+5 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์คิ้วพยัคฆ์
+20 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา







ซุนเฟินเยว่ + ซูตงฮั่ว
ตก ปลาลิ่น จำนวน 100 ตัว ที่เหลือขอรับเป็น ปลาชิง

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-1 22:03:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-2 10:03


⌜54⌟

บทที่ 10
พบพานสหายใหม่
ฉากที่ 2
                    
                              
          หลังจากที่ทั้งสองเดินออกจากศาลาเพียงไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากทิศทางที่ทั้งคู่เพิ่งเดินจากมา
         
          “แง อย่าเอาของหนูไป เอาคืนมานะ เอาคืนมา!!”
         
          “เด็กอย่างเจ้าน่ะไม่ต้องใช้หรอกเงินพวกนี้”
         
          ทั้งสองหันขวับไปดูทางต้นเสียง เห็นว่ามีอันธพาลกำลังรีดไถเด็กน้อยอยู่จนเขาร้องไห้ฟูมฟาย เพียงเท่านั้นตงฮั่วก็เปลี่ยนสีหน้า จากคนที่ใจดีเวลาอยู่กับเฟินเยว่กลายเป็นแววตาของเสือร้ายกอปรกับคิ้วเข้มดกดำของเขายิ่งทำให้หน้าตาดูน่ากลัว
         
          “อู๊ด!”
         
          ใช่แล้วแม้แต่เปาเปาก็ยังกลัวเลยล่ะ..
         
          เด็กหนุ่มวางถังใส่ปลาลงกับพื้นก่อนที่จะย่างสามขุมเข้าไปหาอันธพาลด้วยท่าทางเอาเรื่อง เฟินเยว่เห็นดังนั้นก็เกิดอาการเลิกลั่กขึ้นมาอีกแล้วแต่ก็รีบตามเขาไป
         
          “คืนของเด็กไปซะ!”
         
          เปิดฉากตงฮั่วก็คำรามใส่นักเลงข้างทางเสียงกร้าว ท่าทางของเขาเหมือนกับว่าพร้อมซัดกับคนร้ายได้ทุกเมื่อ
         
          “โฮ่ อะไรล่ะ คนที่จะมาให้ข้าปล้นเพิ่มอย่างนั้นเหรอ?”
         
          “อยากจะปล้นหรืออยากจะตายแทนล่ะ?”
         
          ระหว่างที่สองหนุ่มประชันหน้ากันเฟินเยว่ก็รีบไปคว้าตัวเด็กน้อยออกมาจากจุดที่น่าจะปะทะกันเดือดในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ถึงจะรู้ว่าไม่น่าสัมฤทธิ์ผลแต่เฟินเยว่ก็ขอเจรจาดูก่อน
         
          “เอ่อ คือว่า...เป็นโจรไม่ดีนะเจ้าคะ คืนของเด็กแล้วกลับตัวกลับใจตอนนี้ก็ยังทั--..”
         
          ไม่ทันที่เด็กสาวจะพูดจบกุ๊ยข้างทางก็ทำกิริยาเลวทรามถ่มถุยน้ำลายลงพื้น
                    
          “เป็นผู้หญิงไม่ต้องมาสั่งสอนบุรุษ เก็บปากเอาไว้ร้องครางบนเตียงอย่างเดียวเถอะน้องสา---..”
         
          เปรี้ยง!!!
         
          ยังไม่ทันที่จะพูดจบหมัดหลุน ๆ ก็ลอยเข้าซัดหน้าของอันธพาลจนร่างนั้นเซถลาไป มันเลียเลือดที่มุมปากด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา และดูเหมือนว่ามันจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ ตงฮั่วไม่ปกปิดรังสีแห่งการฆ่าฟัน มือของเขาประทับไว้บนกระบี่ หากออกท่าอีกครั้งก็จะฟันมันให้หัวหลุด
         
          “ตงฮั่ว อย่านะ!”
         
          เสียงของเด็กสาวร้องปรามทำให้พยัคฆ์หนุ่มแห่งซีเหอหยุดการกระทำนั้น แล้วเปลี่ยนมาเป็นหักข้อนิ้วอุ่นเครื่องเตรียมมือ
         
          “หึ! สำหรับแกน่ะ แค่มือเปล่าก็พอแล้ว”
         
          น้ำเสียงที่ออกมาจากปากของสหายหนุ่มเย็นยะเยือกจนน่ากลัว ตอนนี้ตงฮั่วได้กลายเป็นอีกคนที่นางไม่รู้จัก มุมของผู้ที่อาฆาตหมายจะเอากันให้ถึงแก่ชีวิต เด็กสาวอยากจะห้ามเขาไม่ให้ทำอะไรรุนแรงแต่ดูเหมือนว่าห้ามตอนนี้จะเป็นการราดน้ำมันเข้าสู่กองไฟ ตอนนี้ดูเหมือนว่าทั้งหมูทั้งเด็กจะหวาดกลัวตงฮั่วพอ ๆ กับผู้ร้าย
         
          “โฮ่ สายตาดูดีนี่ แต่บอกไว้เลยถ้าล้มข้าไม่ได้เจ้าก็ต้องตาย!!”
         
          นักเลงพุ่งตัวใส่พร้อมกับปล่อยหมัดอัดตงฮั่ว เด็กหนุ่มยกท่อนแขนอันกำยำแข็งแรงขึ้นกัน แต่ทว่าก็ต้องสะดุ้งเพราะในมือของมันมีสนับเหล็กสวมอยู่ ในเมื่อเนื้อเจอเหล็กจึงได้เรื่อง แม้ว่าหนุ่มพยัคฆ์จะไม่อวดครวญออกมาแต่ดูจากสีหน้าก็ทำให้รู้ว่าเขาเจ็บปวดไม่น้อย และในการดวลหมัดเช่นนี้หากแขนเจ็บตั้งแต่ต้นก็กลายเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับการต่อสู้ เด็กสาวที่มองดูหวั่นวิตกว่ากล้ามเนื้ออันสวยงามของสหายจะบาดเจ็บบอบช้ำจนยกมือไม่ขึ้น
         
          ตงฮั่วไม่มัวพูดมาก เขาไม่รอให้อาการบาดเจ็บเกาะกุมไปมากกว่านี้ จับข้อบิดข้อแขนพร้อมกับเตะตัดขาด้วยท่วงท่าที่เหนือกว่าแม้ว่ากำลังจะเป็นรองจับอันธพาลทุ่มตัวลงกับพื้นก่อนที่จะกระทืบซ้ำเข้ากลางอก แต่ด้วยความรวดเร็วของกุ๊ยข้างถนนมันจับขาที่ลงมากระทืบซ้ำของตงฮั่วพลิกจนเสียหลักกลิ้งโค่โล่ไปพร้อมกัน
         
          “ตงฮั่ว!!”
         
          หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวให้เหตุการณ์ยืนขาตายทำตัวไม่ถูก นางได้แต่กอดปลอบเด็กโชคร้ายจนขวัญเริ่มกลับมา แต่ทว่าสายตามองเข้าไปกลางวงของสองบุรุษที่ชกต่อยกันอย่างอุตลุด ตงฮั่วดูจะเป็นต่อจากวิชาที่ฝึกฝนมา เขาต่อยอันธพาลได้หลายแผลจนมันแสดงทีท่าอ่อนแรงให้เห็น แต่ด้วยกำลังแล้วดูเหมือนว่าสหายจะเป็นรองจากอาวุธสนับมือ แถมด้วยโจรนั้นยังรวดเร็วว่องไวสมกับเป็นโจรขโมยเสียจริงจนทำให้ทางเด็กหนุ่มออกหมัดวืด แต่ก็แก้ทางได้ทันโดยใช้ลูกเตะเข้าช่วย
         
          สู้กันพักใหญ่กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะ พยัคฆ์หนุ่มแห่งซีเหอซัดหมัดสุดท้ายใส่เต็มหน้าของอันธพาลจนมันล้มลงไปหงายเก๊ง ถึงแม้ว่าจะชนะแต่ตงฮั่วก็มีสภาพยับเยินไม่แพ้กัน ใบหน้าบวมช้ำ คิ้วแตกเป็นทางยาวจนเลือดอาบตาไปข้างหนึ่ง ร่างสูงหยัดร่างกายของเขาไว้แม้ว่าจะร่างกายจะหอบอย่างรุนแรง
         
          “กะ..เก่งดีนี้ น้อยคนนัก.. ที่จะล้ม.. ข้าได้” อันธพาลคนนั้นถุยเลือดออกจากปาก สภาพของตงฮั่วย่ำแย่แค่ไหนอีกฝ่ายทรุดหนักกว่าอีกเป็นเท่าตัว เจ้าคนนั้นไอโขลกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวคำขอต่อ “เก่งแบบนี้ข้าชอบนัก อ้าย ต้าว คนนี้ขอติดตามรับใช้คุณชาย--..”
         
          “ไปตายซะ”
                    
          น้ำเสียงเย็นชาสบถตอบคนที่นอนอยู่ เด็กหนุ่มร่างสูงสะบัดหน้าหนีก่อนที่จะหอบเอาร่างกายที่บอบช้ำหิ้วถังปลาเดินนำไปที่ท่าเรือ
         
          “ระ.. รอด้วยเจ้าค่ะ”
         
          เฟินเยว่รีบตะโกนบอกเขาแต่ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะจัดการอย่างไรกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดี เด็กคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้แต่เอาเป็นว่าพาเขาไปที่ท่าเรือก่อนอาจจะปลอดภัยมากที่สุด เด็กสาวทำท่าจะจูงเด็กหนีไปแต่อันธพาลที่ชื่อว่าอ้ายต้าวคนนั้นก็เรียกรั้งนางเอาไว้
         
          “ช้าก่อนคุณหนูคือว่าข้า.. ต้องขออภัยด้วยที่ล่วงเกิน... คุณหนูเข้ามาใกล้ ๆ หน่อยสิ...” วิธีการเรียกเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมันแพ้ เฟินเยว่เองก็ไม่ใจร้ายพอที่จะเมินเฉยต่อเสียงเรียก นางลังเลอยู่เล็กน้อยว่าควรเชื่อใจคนร้ายหรือไม่ แต่จิตใจด้านดีบอกให้ช่วยเหลือเพราะว่าเขาก็เจ็บหนัก นางจึงเข้าไปพยุงชายคนนั้นขึ้นมา “นี่คือของที่ข้าปล้นมา ข้าขอมอบของทั้งหมดนี้ให้แก่คุณหนูและคุณชาย..”
         
          “เฟินเยว่!!!”
         
          เสียงตะคอกจากคนที่เดินไปก่อนหน้าคำรามเรียกอย่างหัวเสีย เป็นจังหวะเดียวกับที่อันธพาลคนนั้นยัดของใส่มือนาง
         
          “จะ.. เจ้าค่ะ!!”
         
          แต่ว่าเด็กสาวสะดุ้งเฮือกแล้วรีบผุดลุกออกมาแล้วรีบจูงเด็กคนนั้นเดินจากไปปล่อยให้นักเลงข้างทางนอนเจ็บอยู่ตรงนั้น เฟินเยว่คิดว่าของดังกล่าวเป็นของเด็กน้อยจึงหยิบติดมือมาด้วยแล้วค่อยส่งคืนเมื่อถึงจุดปลอดภัย
         
          “นี่จ้ะหนูน้อยของ ๆ เจ้า”
         
          ทว่าเด็กน้อยกลับส่ายหน้าเมื่อนางยื่นของให้ ในนั้นคือของมีค่าและเงินจำนวนหนึ่งซึ่งมากอยู่
         
          “ไม่ใช่ของข้า.. คือเอ่อ..” เด็กน้อยอึกอักเล็กน้อยก่อนที่จะมอบรถม้าของเล่นเด็กให้กับนางแทน “ข้าให้ ตอบแทนที่ช่วยเหลือ ขอบคุณมาก พี่สาว พี่ชาย”
         
          เมื่อให้ของตอบแทนแล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งจากไปทิ้งไว้ให้หนุ่มสาวได้งงงวย เฟินเยว่หันไปมองตงฮั่วนางลืมไปเลยว่าตอนนี้เขาเลือดอาบใบหน้าอยู่

          “อ๊ะ! ตงฮั่ว”

          ตอนนี้นางไม่คิดจะสนใจเรื่องของตอบแทนที่ได้รับมาแล้ว รีบแกะผ้าโพกหัวออกมาซับเลือดให้สหาย และด้วยความเคยชินอะไรเกะกะที่ถืออยู่ก็เก็บใส่ตะกร้าสะพายหลัง...
         
.
.
.



ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยขยัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

อัตลักษณ์หูดี
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา
+15 ความเครียด เมื่อต้องทำอะไรก็ตามในช่วงเวลากลางวัน

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน

ทางเลือกพิเศษ (ไม่ได้ดาบใบหลิว) -
(มีสเตท POL 69+) ไม่ฆ่าอันธพาล



ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+2 Point เมื่อโรลเพลย์ต่อสู้ระบบ
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์คิ้วพยัคฆ์
+10 EXP จากการโรลเพลย์สร้างความหวาดกลัวแก่ผู้อื่นให้เกรงกลัวเรา
+2 Point ทุกครัั้งที่โรลต่อสู้ผ่านระบบ







←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้