[เมืองลั่วหยาง] ลานประลองอี้เจียวหลุน

ลานประลองอี้เจียวหลุน

{ เมืองลั่วหยาง }

【ลานประลองอี้เจียวหลุน】

แม้ว่าปัจจุบันการสังหารผู้คนมีโทษถึงตาย กฎนี้ใช้ไม่ได้กับชาวยุทธ์
บ่อยครั้งมีพวกร้อยวิชา อยากลองศาสตราวุธใหม่แล้วไม่มีแหล่ง
ได้มีกลุ่มคนร่วมกันเปิดที่นี่ขึ้นมา เพื่อใช้รวมเหล่านักสู้
แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่เงินที่นักสู้ต้องการ แต่เป็นสิ่งที่นักสู้ทุกคนต่างใฝ่หา
คือชื่อเสียง เกียรติยศที่ได้จากสังเวียน สร้างความหวาดผวาแก่ผู้คน

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 80 อีแปะ - 12 EXP (รายวัน)

ผู้ดูแล: เฉิน อี้จิน
อุปนิสัย:
เด็ดขาดและเฉียบขาด ไม่มีวิชาหรือสิ่งใดสามารถหลอกตาของเขาได้
จมูกไวจะกลโกงหรือยาที่ไร้สีไร้กลิ่นเขาก็สามารถมองออก

Jinying ดี

❀ ศึกประชันแห่งศักดิ์ศรี ❀

เริ่มต้นสมัครประลอง

.

.

          ยามขากลับที่หนึ่งสตรีและหนึ่งผู้ติดตามกำลังเดินไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อเตรียมทำอาหารสำหรับงานวันพรุ่งนี้ จิ้นอิ๋งก็พลันนึกถึงเรื่องศึกประชันพลังที่สตรีแซ่เจิ้งเคยกล่าวให้ฟังเมื่อหลายสัปดาห์ขึ้นมาได้ เด็กสาวจึงนำถานเจ๋อมาดูยังลานประลองที่ใช้สำหรับจัดงานเสียก่อน

          บริเวณยามนี้เพราะเป็นวันสมัครศึกประชันวันสุดท้าย ทำให้ค่อยข้างมีคนแวะเวียนผ่านไปผ่านมาอยู่ไม่น้อย ทั้งกลางสนามก็ปรากฏเหล่าชาวยุทธ์มากหน้าหลายตาประลองซ้อมมือกันอย่างขยันขันแข็ง ดรุณีน้อยที่เห็นก็อดรู้สึกตื่นตาไปด้วยไม่ได้ ขนาดถานเจ๋อที่ไม่ได้นึกสนใจเป็นพิเศษยังมองตามสายตาผู้เป็นนายเข้าไปภายในลานประลองและหยุดมองค้างไม่ต่างกัน

          " แม่นางก็จะลงสมัครศึกประชันพลังอย่างนั้นหรือ! "

          แต่แล้วเสียงของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังข้างตัวของจิ้นอิ๋งขึ้นอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงก่อนจนร่างเล็กลอบสะดุ้ง เด็กสาวเกือบจะหลุดร้องออกมาแล้วจนเผลอยู่ริมฝีปากใส่บุรุษแปลกหน้า แต่ก็ไม่ทันได้นึกฉิวนาน ก็ถูกสีหน้าที่ส่งหาอย่างคาดหวังว่านางจะลงสมัครให้เผลอส่งรอยยิ้มแผยกลับไปแทน นึกสงสัยว่าอีกคนมารู้ได้อย่างไรว่านางพอมีวิชาให้ลงสู้ได้ ถึงอย่างนั้นจิ้นอิ๋งก็ไม่ได้อยากจะลงประชันอยู่แล้วด้วยเพราะวรยุทธ์นางที่มีนั้นก็ไม่ได้มีมากมายพอจะเอามาสู้กับชาวยุทธ์จริง ๆ ได้

          สุดท้ายเลยหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้ติดตามด้านหลัง แต่แล้วผู้ดูแลลานประลองที่คอยมองตามท่าทางชองเด็กสาวพลันเห็นพอดีทำให้เข้าใจผิดพาลนึกไปว่าคนที่จะสมัครเป็นบุรุษด้านหลังให้กอดอกนิ่วคิ้วพิจารณาแทน ร่างของบุรุษแปลกหน้าผู้นั้นเดินวนรอบตัวถานเจ๋ออย่างช้า ๆ ถือวิสาสะจับตีตามต้นแขนและแผ่นหลังไปด้วยให้ผู้ติดตามเด็กสาวแทบถลึงตาใส่

          " เอ่อ.. อย่าตีผู้ติดตามของข้าสิเจ้าคะ " จิ้นอิ๋งพยายามเอ่ยปราม แต่แล้วกลับได้สีหน้าพออกพอใจจากอีกบุรุษผู้นั้นมาแทนให้เด็กสาวยิ่งสงสายตางงงวยกลับหา ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามถานเจ๋อแทนเองว่าเจ็บตรงไหนหรือไม่กลับถูกเอ่ยแทรกขึ้นให้ต้องสนใจคนที่โพล่งขึ้นมาเสียก่อน

          " ใช้ได้ ๆ! ผู้ติดตามของแม่นางสินะ! ไม่ลองให้ลงประชันดูล่ะ หน่วยก้านก็ไม่ได้แย่ แค่คงใช้กำลังเป็นหลัก.. หากวันแข่งมาถึงก็อย่าลืมสอนให้ใช้สมองพลิกแพลงไปด้วยล่ะแม่นาง! ไม่งั้นคงตกรอบตั้งแต่รอบแรก ๆ เลยเชียว! "

          คำพูดแนะนำตรงไปตรงมาเพียงเพื่อหวังให้ถานเจ๋อได้นำไปพิจารณาปรับปรุงตามสิ่งที่เห็น ซึ่งตรงกับความถนัดของมันอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ก็ทำเอาเจ็บปวดใจไม่น้อยกับคำว่าให้ใช้สมองบ้างจนสีหน้ามันมืดครึ้มลงหลายส่วนเลยเชียว จิ้นอิ๋งที่เห็นท่าไม่ดีก็พยายามหัวเราะกลบเกลื่อน ส่งรอยยิ้มไปให้ทางผู้ดูแลลานประลองเพื่อชวนคุยว่าจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจมาสมัคร

          ทว่าผู้ติดตามคล้ายไม่อยากพ่ายให้กับคำพูดของบุรุษแปลกหน้าผู้นั้น ใช้แต่กำลังแล้วอย่างไร ถานเจ๋ออยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเราะกำลังของมันนี่แหละ ถึงช่วยปกป้องผู้เป็นนายและอีกสตรีผู้หนึ่งในกลุ่มได้ แล้วมันจะเอาชนะมาให้ได้สักคนในการประลองให้ดู

          " คือจริง ๆ แล้ว... "

          " สมัคร! ข้าอยากลงสมัครขอรับท่านหญิง " คำเอ่ยแทรกทำจิ้นอิ๋งหันใบหน้าติดนิ่วส่งหาราวอยากจะนึกดุ กระนั้นเพราะสีหน้าที่ดูมุ่งมั่นอยากพิสูจน์ของถานเจ๋อทำให้นางพลันใจอ่อนขึ้นมา

          ไหนวันแข่งก็อีกราวเกือบสัปดาห์ จิ้นอิ๋งก็ไม่ได้มีธุระอะไรเป็นพิเศษในช่วงนี้ด้วย มาผ่อนคลายด้วยการดูชมผู้ติดตามประลองประชันฝีมือว่ามีฝีมือระดับไหนในยามนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน สุดท้ายเด็กสาวจึงพยักหน้ารับกลับไปพร้อมรอยยิ้มส่งหาอย่างสนับสนุนไปให้ถานเจ๋อ ซึ่งเพราะสีหน้าของผู้เป็นนายที่ไร้ร่องรอยความดูถูกและยังดูแค่อยากให้ผู้ติดตามได้ทำสิ่งที่ต้องการโดยไม่ได้คาดหวังให้รู้สึกกดดัน ทำให้ความตั้งใจที่แค่อยากพิสูจน์การสู้ของตน เป็นลงประชันอย่างตั้งใจในฐานะผู้ติดตามของท่านหญิง

          .

          ซึ่งมันก็คิดอย่างมุ่งมั่นว่าจะสู้ให้สุดกำลัง ไม่ให้เด็กสาวต้องขายหน้าที่ให้มันนั้นได้ติดตามปกป้องนางเป็นแน่..

JiTianTao ดี

โรลสมัคลานประลอง

"ท่านอาจารย์เชื่อมั่นในตัวข้าแบบนี้ข้าก็จะต้องทำให้เต็มที่เหมือนกันข้าจะแพ้ไม่ได้ข้าจะต้องไม่ทำให้ท่านอาจารย์นั้นขายหน้าหรือว่านั้นข้าจะต้องชนะให้ได้!!"

ก่อนที่ตนเองนั้นจะเดินเข้ามายังลานประลองพร้อมกับที่แจ้งความประสงค์ในการที่จะลงประลองให้ได้โดยที่ตนเองนั้นก็แจ้งชื่อพร้อมกับอายุเอาไว้โดยที่หลังจากที่ได้รับรู้ว่ากำหนดการในการประลองนั้นมีในวันไหนตนเองก็เพียงพยักหน้าให้กับพนักงานที่รับลงชื่อประลองนั้นก่อนจะรีบกลับไปหา อาจารย์ของตนเองที่โรวเตี๋ยมด่านหูเล่ากวนทันที

Tianzhou ดี

ราชสีห์จรจัด

การประลอง 0

เทียนโจวเริ่มเดินทางต่อในรุ่งเช้าของวันหลังจากที่ได้พักผ่อนที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นเมื่อคืน เหตุการณ์เมื่อวานนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด แต่หากจะให้มาสงสัยหรือหวาดกลัวสิ่งนั้นตลอดเวลาก็คงมิใช่เรื่องดี อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันนัดหมายของงานประลองที่เขาได้ข่าวมา จึงต้องรีบเดินทางมายังลั่วหยางเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานประลองที่จะมาถึง

“วันนี้เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้รับชัยชนะรึไม่ เทียนจวิน”

ปิงจวนกล่าวออกมาพร้อมกับหันหลังกลับไปจ้องมองเทียนโจวที่อยู่ด้านหลัง

“แน่นอนสิ ไม่มีใครหน้าไหนชนะข้าได้หรอก”

เทียนโจวกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ ส่วนปิงจวนนั้นได้เผยรอยยิ้มอ่อนๆออกมาเล็กน้อย

“ข้าจะรอดูตอนที่เจ้าได้รับชัยชนะแล้วกันนะ”

ปิงจวนพลันหันไปหอบแก้มอีกฝ่าย ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางกันต่ออย่างเงียบๆจนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงยังบริเวณของลานประลอง ผู้คนมากมายต่างยืนรายล้อมกันพูดคุยอย่างสนุกสนาน บางก็หามิตร บางก็สร้างศัตรู อย่างครื้นเครง

“คนที่นี่เยอะจังเลยนะเนี่ย”

ปิงจวนกล่าวออกมาพร้อมกับมองผู้คนที่เดินไปมารอบๆลานประลอง

“ชั่งพวกมันเถอะ ยังไงคนพวกนนี้ก็กระจอกเกินกว่าจะลงแข็งอยู่ดี”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มราวกัวตัวร้าย แต่คำพูดของเทียนโจวนั้นได้ไปดึงดูดชายคนหนึ่งที่อยู่บริเวณสนามประลองเล็กน้อย

“เห้ ที่เจ้าพูดมาก็ไม่ถูกนะ เพราะยังไงข้าก็ชนะงานแข่งนี้”

ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาราวกับอันธพาลผู้เย่อหยิ่งพร้อมกับเดินมาชนไหล่ของเทียนโจวอย่างโจ่งแจ้ง

“หากเจ้ายังมิเลิกทำ ระวังไม่เหลือแขนข้างนั้นนะ”

เทียนโจวส่งสายตาแห่งความหงุดหงิดที่เป็นเพียงแค่หมาขี้เรื้อนกลับกล้ามาลองดีกับราชสีห์ อันธพาลคนนั้นยังคงนำไหล่มากระแทกเทียนโจวด้วยความคึกคะนอง จนความอดทนของเทียนโจวได้หมดลงโดยสมบูรณ์ ก่อนที่แขนของอันธพาลคนนั้นจะขาดลงอย่างรวดเร็ว

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว อย่างมากพวกเจ้าก็คงทำให้ข้ามีความสุขได้เเค่เพียงสร้างแผลเป็นที่ใช้ย้ำเตือนพวกชั้นต่ำแบบแกเท่านั้นแหละ”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเอาทวนที่ตัดแขนอันธพาลปักลงดิน เหล่าอันธพาลโดยรอบเมื่อเห็นว่าพวกของตนโดนทำร้ายก็พลันกรูกันเข้ามาหาเทียนโจวพร้อมกับอาวุธในมือ บากแผลมากมายเปิดขึ้นตามร่างของเทียนโจวจนกลายเป็นแผลเป็น แต่เทียนโจวนั้นทำเพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น ก่อนจะเริ่มตวัดทวนของตนช่วงชิงเอาแขนและขาของเหล่าอันธพาลไปอย่างรวดเร็ว

“พวกแกก็ทำได้เท่านี้แหละ เป็นแค่หมาขี้เรื้อนคิดมาหาเรื่องกับราชสีห์”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเดินพาปิงจวนไปหาที่สงบๆรอคอยการแข่งปล่อยให้เหล่าอันธพาลต้องใช้ชีวิจเยี่ยงคนพิการไปตลอดการ

“เมื่อกี้นายทำตัวเป็นจุดสนใจมากเลยนะรู้ไหม”

ปิงจวนพลันกล่าวออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนโจว

“ทำไมข้าต้องสนด้วยล่ะ สุดท้ายพวกมันก็ทำได้แค่มองเหมือนหมาที่มองท้องฟ้าเท่านั้นแหละ”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับลูบขนของเขี้ยวเงินที่นอนอยู่ข้างๆตน

“นายนี่จริงๆเลยนะเทียนจวิน”

เอฟเฟคจากตัวละคร
Points	Exp	ความสัมพันธ์
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส) +7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส) +3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห) +6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่) +3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี) +3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว) +2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว) +2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)	+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี) +15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว) +20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)	+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่) +15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี) +5 มีธาตุทองเหมือนกัน +20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู) -20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว) -10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว) +5 กับคนที่สนใจ (มีแผลเป็น)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30	+40	+30

https://rotk.xyz/dzs_npccomrade-fight.html?aid=381

Jinying ดี

❀ ศึกประชันแห่งศักดิ์ศรี ❀

รายงานตัว

.

.

           ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามทั้งหมดก็มาถึงตัวเมืองลั่วหยาง ยิ่งยามทั้งหกพากันมายังส่วนของลานประลองอี้เจียวหลุนคนก็พลุ่กพล่านมากขึ้นเนื่องจากใกล้เวลาประลองแข่ง และด้วยป้องกันความวุ่นวายของจำนวนคนไปมากกว่านี้ ถานเจ๋อจึงปลึกตัวไปรายงานตัวและเตรียมขึ้นเข้าแข่งประลองพลังคนเดียวและให้ที่เหลือพากันจับจองหาที่ชมงานประลองกันตามสะดวก ซึ่งก่อนจากทั้งสองสตรีก็คล้ายเอ่ยให้กำลังใจให้ไปไม่ต้องคิดมากไปด้วย รวมถึงส่งกล่องข้าวที่บุรุษแซ่หลิวได้ให้คนในโรงเตี๊ยมเตรียมมาให้ ทำเอาคราแรกที่จิ้นอิ๋งได้รับกล่องข้าวค้อมหัวขอบคุณหลิวจื่อเค่อไปเสียหลายหนเลยเชียว

           กระทั่งในตอนถานเจ๋อผละจากไปแล้ว ก็ยังเหลือเวลาอีกพอสมควรกว่าที่คู่แข่งขันแรกจะขึ้นแข่ง และเหมือนจะได้ยินว่าเป็นคู่ของผู้ติดตามจิ้นอิ๋งเสียด้วย ทำเอาคนที่บอกให้คนแข่งไม่กดดันเป็นฝ่ายที่ตื่นเต้นเสียเอง ก่อนเด็กสาวจะเอ่ยชวนคนที่ชวนมาร่วมชมงานพากันหาที่นั่งอย่างกระตือรือร้นโดยเลือกเป็นแถวหน้ามากที่สุดด้วยเพราะหามีผู้ชมยืนเชียร์ไม่แคล้วเด็กสาวที่ไม่ได้สูงมากมายนี้คงถูกบังจนมิดหัวเป็นแน่

           .

           เมื่อหาที่นั่งได้ ทั้งหมดก็พากันนั่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการประลองกันไปเสียก่อนเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาแข่งขัน ระหว่างนั้นจิ้นอิ๋งก็เลื่อนสายตามองตามบรรดาผู้เข้าแข่งไปด้วย ท่าทางแข็งแรงแข่งขันทำเอานางเผลอนึกห่วงถานเจ๋อขึ้นมา ก่อนพลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้เสียงหวานพลันเอ่ยถามบุรุษทั้งสามที่นั่งยังแถวหน้าของจิ้นอิ๋งและซูฮวาด้วยความใคร่รู้

           " ว่าไปแล้ว ทั้งสามท่านเคยลงประลองบ้างหรือไม่เจ้าคะ? " บุรุษทั้งสามที่ถูกเอ่ยถามพลันนิ่งเงียบกันไปครู่หนึ่ง ยามหันสบตาเด็กสาวผู้ถามก็เห็นเพียงความสงสัยในแววตาไร้ซึ่งเจตนาไม่ดีหรือกดดันอะไร ให้สวินเหวินยื่อเป็นฝ่ายเอ่ยตอบรับขึ้นมาก่อนทั้งรอยยิ้ม

           " ถ้าเป็นประลองประชันพลังไม่เคยลงหรอกขอรับแม่นาง เรื่องกำลังข้าไม่สันทัดเท่าใดนัก ..แต่พวกประลองปัญญาก็มีบ้างตามโอกาสขอรับ "

           " อ่า.. ประลองปัญญากันสินะเจ้าคะ "

           จิ้นอิ๋งขานรับทั้งตาประกายระหว่างกวาดมองทั้งสามที่มีท่าทางทรงภูมิ ดูน่าจะมีความรู้กันไม่น้อยจริง ๆ ซึ่งก็พิสูจน์ได้จากตัวสหายที่นางสนิทที่สุดอย่างกัวฟ่งเสี้ยวที่เคยพูดแลกเปลี่ยนความเห็นและให้ข้อแนะนำดี ๆ แก่นางมาเสมอ ยิ่งทำให้ดรุณีน้อยเชื่อเสียสนิทใจว่าสหายทั้งสามตรงหน้านางนี้ต้องมีความรู้มากมาย ยามแข่งประลองไม่แคล้วเป็นที่ชื่นชมทั่วกันแน่ พลันคิดได้เช่นนั้นรอยยิ้มของเด็กสาวก็วาดออกกว้างเลยเชียว

           " หากมีประลองปัญญาแล้วข้าลงแข่ง เจ้าก็จะมาตามเชียร์อย่างที่เชียร์ผู้ติดตามของเจ้าหรือไม่? " กัวฟ่งเสี้ยวเอ่ยแทรกห้วงความคิดของเด็กสาวขึ้นมา ซึ่งทันทีที่จิ้นอิ๋งได้ยินก็พยักหน้าเสียหนักแน่นกลับไป

           " แน่นอนเจ้าค่ะ ถ้าท่านกัวฟ่งเสี้ยวมีแข่ง ข้าจะตามไปให้กำลังใจท่านทุกสนามเลยเจ้าค่ะ "

           " แล้วหากมันน่าเบื่อกว่าการประลองประชันพลังนี่ล่ะ? "

           " ไม่น่าเบื่อหรอกเจ้าค่ะ ถ้าเป็นการประลองปัญญาของท่านกัวฟ่งเสี้ยว ข้าคงตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ "

           คำพูดที่เอ่ยวาดหวังเพียงให้กำลังใจสหาย กระนั้นกลับเรียกรอยยิ้มขบขันให้วาดออกยังอีกสองบุรุษที่ได้ยินไปด้วย รวมถึงซูฮวาที่ยกมือบดบังริมฝีปากที่เม้มแน่นขึ้นมากับคำพูดของเด็กสาวที่ฟังเพียงเจตนานั้นไม่มีสิ่งใดแอบแฝง ทว่าประโยคที่เอ่ยกล่าวกลับฟังแล้วชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ไม่น้อย จนสตรีแซ่เหมยเริ่มเข้าใจขึ้นมาว่าเหตุใดถึงยังอยู่กับบุคคลที่ดูหูตาแพรวพราวอย่างกัวฟ่งเสี้ยวได้ ไม่แคล้วคงคิดว่าเป็นนิสัยปกติยามเอ่ยกับผู้เป็นสหายทั้งคู่แน่

           " แล้วเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรแม่นางกู่.. หากตัดเรื่องที่สหายหรือผู้ติดตามเจ้าลงแข่ง เจ้าคิดว่าอยากชมการประชันพลังหรือปัญญามากกว่ากัน "

           เป็นหลิวจื่อเค่อที่เอ่ยถามขึ้นต่อมา หลังทั้งหมดต่างได้แลกความคิดเห็นเกี่ยวกับการประลองทั้งสองรูปแบบไปแล้ว หากฟังจากเนื้อความดูคล้ายจะเอ่ยถามถึงความเห็นทั่วไป แต่ตัวบุรุษแซ่หลิวที่ถูกสหายรุ่นน้องบอกให้ช่วยเหลือระหว่างตนกับจิ้นอิ๋ง ความนัยที่ต้องการในประโยคจึงคล้ายอยากจะรู้ทัศนคติของเด็กสาวเสียมากกว่าว่าชื่นชอบยังบุรุษที่เก่งกาจด้านพลังกายหรือมีปัญญาที่เลิศล้ำมากกว่า หากชอบอย่างหลังก็คงไม่ต้องพึ่งพวกเขาเหล่าสหายแล้ว แต่หากเป็นอย่างแรกก็คงต้องให้กำลังใจรุ่นน้องน่าดูเลยเชียว

           ฝั่งซูฮวาที่คอยนั่งเงียบเฝ้าฟังบทสนทนาก็คล้ายเหลือบสายตามองผู้เป็นอาจารย์เป็นระยะ ด้วยเคยเป็นศิษย์มาก่อนไหนเลยจะไม่รู้ว่าคำพูดของอาจารย์หลิวต้องมีอะไรแอบแฝง เช่นนั้นแล้วอีกสตรีก็คล้ายคอยลุ้นคำตอบของดรุณีน้อยข้างกายไปด้วย ถึงอย่างนั้นในหัวก็คิดแย้งบางสิ่งขึ้นมาว่าแล้วอีกสตรีที่เด็กน้อยของนางกังวลว่าเป็นคนในใจของอีกบุรุษล่ะ สรุปแล้วใครกันแน่ที่เป็นคนในใจของกัวฟ่งเสี้ยวกัน หรือนี่จะเป็นเพียงการโปรยเสน่ห์ทั่วไป

           หากเป็นอย่างหลังสตรีแซ่เหมยคงนึกคาดโทษบุรุษแซ่กัวตรงหน้านี้ไม่น้อยเลย

           " อยากชมการประลองไหนมากกว่ากันงั้นหรือเจ้าคะ? อืม…. " จิ้นอิ๋งเอ่ยทวนคำถามก่อนลากเสียงนึกคิดขึ้นมาน้อย ๆ พลางผินสายตามองลงยังลานประลองสลับกับดวงหน้าของผู้เป็นสหายราวกับนึกเทียบไปมาระหว่างสองการแข่งขัน

           " สำหรับข้าคงไม่ได้อยากดูการประลองไหนเป็นพิเศษนะเจ้าคะ เพราะความสนใจของข้าอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าน่ะเจ้าค่ะ.. หากไม่รู้จักก็คงดูได้แต่คงไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก "

           คำตอบที่ได้รับไม่ได้นอกเหนือจากที่คาดเท่าไหร่เช่นกันสำหรับบุรุษแซ่หลิว ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าจะได้คำอธิบายต่อให้ได้รับรู้ถึงทัศนคติต่องานประลองไปด้วยว่าเด็กสาวคงไม่นิยมชมชอบเกี่ยวกับการแข่งขันนัก ทั้งยังบอกชัดเจนเกี่ยวกับความสนใจของนางที่มักมุ่งหาที่ตัวบุคคลที่รู้สึกสนิทสนมมากกว่าเสียด้วย ทำเอาสวินเหวินยื่อแอบอมยิ้มชอบใจขึ้นมาไม่น้อยและพาลคิดไปว่าต่อไปคงขึ้นอยู่กับความพยายามของสหายกัวแล้ว

           " ฮึ… ถ้าไม่รู้จักใครเลยเจ้าคงเชียร์เสียทั้งหมดแล้วอดสงสารผู้แพ้ไม่ได้ล่ะสิอาอิ๋ง "

           น้ำเสียงแกมเย้าเอ่ยออกจากกัวฟ่งเสี้ยว ทำเอาเด็กสาวตาโตใส่เหมือนโดนรู้ทันอีกหน นอกจากนี้ก็มาจากชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยเรียกตนด้วย ซึ่งคล้ายไม่ได้มีแค่จิ้นอิ๋งที่ตกใจ คนรอบ ๆ ก็เหมือนนิ่วคิ้วมองคนเรียกชื่อเด็กสาวเสียสนิทสนมไปด้วยไม่ต่างกัน

           " แล้วสงสารผู้แพ้ไม่ได้หรือไงเล่าเจ้าคะท่านฟ่งเสี้ยว " เสียงหวานเอ่ยขึ้นคล้ายไม่ยอมแพ้โดยเรียกเพียงแค่ชื่อของอีกคนไปด้วยให้แว่วเสียงหัวเราะแผ่วจากเจ้าของนาม

           " เรียกกัวเจียเถิด.. หรือจะเรียกข้าว่า อาเจีย ก็ได้นะ ข้าไม่ถือ "

           กลายเป็นเด็กสาวที่คล้ายตอบรับไม่ถูกขึ้นมา ด้วยเพราะตัวจิ้นอิ๋งไม่ได้คิดมากกับการที่สหายจะเอ่ยชื่อเล่นของนางขึ้นมาอยู่แล้วและที่ลองเรียกแค่นามรองของอีกคนโดยไร้แซ่นำก็เพื่อสื่อว่านางก็สนิทใจกับอีกคนไม่น้อยกัน กระนั้นไม่รู้โดนอีกบุรุษเข้าใจผิดหรืออย่างไร กลายเป็นได้รู้ชื่อจริงอีกฝ่ายไหนจะถูกเอ่ยหาน้ำเสียงขี้เล่นตามนิสัยอีกฝ่ายให้เรียกชื่อได้เสียสนิทสนม ทำเอาดรุณีน้อยเผลอวางสายตาไม่ถูกขึ้นมา เหล่าสหายอื่นรอบกายก็คล้ายโดนอัดอาหารสุนัขพลันเบือนหน้าหนีไปสู่ลานประลองกันเสียดื้อ ๆ

           โดยสุดท้ายจิ้นอิ๋งก็เป็นฝ่ายเม้มริมฝีปากเล็กเงียบเสียงไม่เอ่ยกล่าวตอบโต้ ทว่าดวงตาหวานโศกก็มองค้อนคล้ายอยากจะดุใส่กัวเจียขึ้นมาที่มากล่าวคำพูดเย้าแหย่ชวนเข้าใจผิดแบบนั้นทั้งที่สหายคนอื่นก็อยู่โดยรอบ กระนั้นคนโดนดุกลาย ๆ กลับหลุดเสียงหัวเราะเบาดูชอบใจเสียอย่างนั้น ก่อนจะยอมหยุดเย้าแกล้งและคืนสายตาสู่ลานประลองเบื้องหน้าเหมือนคนอื่น ๆ เพื่อเตรียมรอดูการประลองต่อไป

ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม

+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย

กัวเจีย	สวินเหวินยื่อ	หลิวจื่อเค่อ
สถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง	สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [029] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย ลักษณะนิสัยใจกว้าง +10 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน ค่าชื่อเสียง : +15 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงเดียวกันและ +30 คุณธรรมเมื่อเจอคนหัวดี	สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [171] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย สถานะปีนักษัตร : +20 ความสัมพันธ์ [171] ปีมะโรง - ถูกโฉลก ค่าชื่อเสียง : +15 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงเดียวกันและ +30 คุณธรรมเมื่อเจอคนหัวดี

  

.: แขกที่สัญจรมาชมการประลองยามค่ำคืน :.

* NPC ที่ปรากฎที่นี่ วันที่ 09/10/2021 ไม่สามารถโรลพบเจอตามสถานที่ประจำในตอนนี้ได้ *

กติกาการโรลเพลย์สนทนาทำความรู้จักขุนพลสัญจรผ่านมา

(1) 1 โรลเพลย์ สามารถเจอได้กี่คนก็ได้ แค่เขียนสร้างเรื่องราวในโรลให้เมคเช้น บางคนเมื่อโรลคุยน้อยอาจไม่ได้ +5 จากการพูดคุย (แต่ไม่เกิน 4 คน)

(ไม่เจอพร้อมกัน แต่รวมในโรลเดียวกัน)

(2) ในโรลเพลย์สร้างสถานการณ์พบเจอครั้งแรกได้อิสระ โดยไม่แหกนิสัย NPC

(3) นอกจากทำความรู้จัก พูดคุย ใน 1 โรลเพลย์สามารถมอบของขวัญให้ 1 ชิ้นเท่านั้น

(4) การชักชวนเข้ากองกำลัง บาง NPC ไม่จำเป็นต้องหัวใจเต็ม 10 ดวงเสมอไป นอกจากอยู่ที่การให้ของแล้ว การพูดคุย โรลทิ้งท้ายไว้ และ กำกับว่า "ชักชวน"

ทางทีมงานจะมาคอมเม้นท์ว่าชวนสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จคุณจะได้โต้วาทีกับเขา ถ้าชนะแสดงว่าเขายอมรับใช้คุณ

ความสำคัญก่อนโรลสร้างความสัมพันธ์ NPC

(1) สำคัญมาก ที่คุณจะต้องตรวจเช็ค (ลักษณะนิสัยขัดแย้งกันหรือไม่ สามารถเช็คได้จากที่นี่ คลิก)

(2) รองลงมา ตรวจเช็ต ธาตุวันเกิด และ ปีนักษตร ชงกันหรือไม่ สามารถเช็คได้ที่นี่ (คลิก)

(3) ทุก ๆ การโรลเพลย์ที่มีความขัดแย้งในด้านนิสัย และ ธาตุหรือปีนักษัตรชงกัน เนื้อหาโรลเพลย์คุณจะต้องสร้างให้สมเหตุสมผล

เมื่อความสัมพันธ์ต้องลบลงในโรลเดียวกับจีบ ที่ความสัมพันธ์เพิ่ม โดยการครีเอทสร้างสถานการณ์โรลเพลย์ไม่ถึงกับทะเลาะ ขัดแย้งกัน

แต่ให้คุณเผลอทำอะไรที่ไม่ดี หรือใช้คำพูด หรือ บางอย่างเกี่ยวกับนิสัย ตัวคาร์คุณในโรลนั้นด้วย เพื่อให้มีความเมคเช้นส์ในการลดความสัมพันธ์

(4) ตรวจเช็ตรายการของที่ชอบและไม่ชอบได้ในหน้า [ข้อมูล NPC

[003] เหอ จิ้น (โฮจิ้น)

[007] จู จวิ้น (จูฮี) (ดูข้อมูลเพิ่มเติม)

[009] หยวน ซู่ (อ้วนสุด)

[008] หยวน เซ่า (อ้วนเสี้ยว) (ดูข้อมูลเพิ่มเติม)

[055] เจิ้ง ไท่ (ดูข้อมูลเพิ่มเติม)

[115] หมี่ ฟาง (บิฮอง) (ดูข้อมูลเพิ่มเติม)

เดิมพันจงเหยียนชนะ 50 ตำลึงทอง

หากจงเหยียนชนะ ใครมาคุยกับเขาที่นี่ เขาจะแบ่งให้คุณ 60 ตำลึงทอง

[166] จาง กง

[016] จาง เฟย์ (เตียวหุย)

[021] ผาง เต๋อ (บังเต็ก)

เดิมพัน แชมป์ฉางเฟยสิ 100 ตำลึงทอง ชนะแน่

หากเขาชนะเดิมพันจะแบ่งเงินคนที่มาคุยด้วย 60 ตำลึงทอง

[045] จ้าว อวี่

[046] จิน เสวียน (กิมสวน)

[083] เกา ซุ่น (โกซุ่น)

เดิมพัน: ไอโจรผ้าเหลืองนั่นชนะแน่ 60 ตำลึงทอง

หากใครมาคุยกับเขา ถ้าเขาชนะเดิมพัน เขาจะแบ่งให้ 50 ตำลึงทอง)

[132] หวง จง (ฮองตง)

[133] เหยียน เหยียน ( เงียมหงัน )

[129] เว่ย เหยียน (อุยเอี๋ยน)

[074] เตี๋ยน เหวย (เตียนอุย)

[127] เหลย ป๋อ (ลุยป๊ก)

เดิมพัน เทียนโจวมีแววชนะ 100 ตำลึงทอง

หากใครมาคุยกับเขาถ้าเขาชนะเดิมพัน จะแบ่งให้ 80 ตำลึงทอง

[076] เซี่ยโหว ตุน (แฮหัวตุ้น)

[111] ลู่ เจิ้ง (ปลอมตัวใช้ชื่อ เจิ้งจิ้น สวมหมวกไผ่ผ้าคลุมดำ) / [110] เจิ้ง เจียง  (ปลอมตัวใช้ชื่อ เจิ้งฉ่าย สวมหมวกผ้าคลุมดำ)

[126] เล่อ จิ่ว (งักจิ๋ว)

[182] เอียน ชิง (เงียมเซียง)

[013] หลี่ ปู้ (ลิโป้)

Tianzhou ดี

สตรีเยือกแข็ง

เดิมพัน

ปิงจวนหลังจากที่เธอนั้นได้ติดตามเทียนโจวมานานเธอนั้นก็ค่อนข้างมั่นใจในตัวของชายผู้นี้อยู่พอสมควร ปิงจวนจึงได้ลองคุยเรื่องเงินเดิมพันกับเทียนโจว ซึ่งแน่นอนเทียนโจวนั้นมั่นใจในตนเองมากๆ จึงได้นำเงินทั้งหมดที่มีให้แก่ปิงจวน

“เจ้าคิดถูกแล้วล่ะ”

ปิงจวนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะกุมถุงเงินนั้นไว้กับตัวก่อนจะเดินไปหาพูดลงเดิมพันมากมายที่ต่างเสนอชื่อคนที่ตนเองโปรดปราน และแน่นอนคนใดที่โหวตให้กับเทียนโจวเธอนั้นจะมิไปยุ่งเกี่ยว ปิงจวนนั้นเริ่มได้ยินเสียงของผู้คนมากมายต่างมาเดิมพันกับงานประลองนี้อย่างไม่ขาดสาย แต่มีคนหนึ่งที่ดูถ้าทางจะลอกง่ายเล็กน้อย

"ยินดีที่รู้จักเจ้าคะ"

ปิงจวนกล่าวออกมาด้วยเสียงหวาน เพื่อมาขอเข้าร่วมการเดิมพันเล็กๆน้อยๆนี้

"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันแม่นางผู้งดงาม"

หมี่ฟางเริ่มประจบหญิงสาวที่ได้พบกันครั้งแรกอย่างรวดเร็ว ปิงจวนนั้นแอบหัวเราะอยู่ในใจเล็กน้อย

"ท่านก็กล่าวเกินไป ข้าเป็นแค่หญิงสาวธรรมดาๆ ว่าแต่พวกท่านกำลังทำอะไรกันอยู่หรอ"

ปิงจวนพลันกล่าวออกมาพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย หมี่ฟางจ้องมองไปที่เพื่อนรวมเดิมพันของตนเล็กน้อย ก่อนจะหันมาตอบปิงจวน

"พวกข้ากำลังเดิมพันกันเล็กๆน้อยๆน่ะแม่นาง"

เมื่อได้ยินเยี่ยงนั้นปิงจวนก็ยิ้มออกก่อนจะเริ่มทำเสียงออดอ้อน

"ท่านกำลังรวมเดินพันกันหรอข้าขอเข้ารวมด้วยได้หรือไม่"

"จู้อิน เจ้าว่าไงดี แต่ข้าว่าแม่นางคนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย" หมี่ฟางกล่าวพลางเขอะเขินกับเสียงออดอ้อนที่เร้าใจยิ่งนัก

"แล้วแต่ท่านเลย แต่ยังไงข้าก็เดิมพันว่าเทียนโจวเขาต้องชนะแน่ ๆ ดูความโหดหมอนั่นสิ รัศมีความเหี้ยมโหดแผ่ออกมาเลย" จู้อินกล่าว

"ว่าแต่แม่นางจะเดิมพันเท่าไหร่ดี"

"ใช่ ๆ ข้า 50 ตำลึงทอง ไอหมอนี่ป๊อดมาก 25 ตำลึงทองเอง" หมี่ฟางกล่าวก่อนโชว์ถุงเงินสองถุง

"ข้าเองก็สนเทียนโจวเช่นกันกับท่าน แต่ข้านั้นมีเงินไม่มาก งั้นข้าขอสู้เท่านี้แล้วกัน"

ปิงจวนพลันยิ้มออกมาพร้อมกับยื่นเงินให้หมี่ฟาง หมี่ฟางค่อยๆรับถุงเงินนั้นมาก่อนจะเปิดดูด้านในเล็กน้อย

"แม่นางใจกล้าไม่เบาเลย จู้อิ้น ทำไมเจ้าลองเพิ่มเงินขึ้นอีกนิดหน่อยล่ะ"

หมี่ฟางพลันหันไปกล่าวกับจู้อิน ก่อนที่อีกฝ่ายจะสายหัวไปมาเล็กน้อย

"เช่นนั้นพวกเราก็มานั่งชมการกระลองด้วยกันเถอะแม่นาง"

หมี่ฟางพลันกล่าวออกมาก่อนจะให้ลูกน้องจัดเตรียมที่ให้แก่หญิงสาวเล็กๆน้อย ปิงจวนนั้นเดินไปนั่งที่ๆจัดเตรียมไว้อย่างเเงียบๆก่อนจะหันไปยิ้มให้หมี่ฟาง ก่อนที่เสียงประการของงานประลองจะเริ่มขึ้นอย่างพอดิบพอดี

"โอ้ว เริ่มขึ้นแล้ว เริ่มขึ้นแล้ว"

หมี่ฟางพลันกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นหาก การเดิมพันนี้ตนนั้นได้รับชัยชนะก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่นี้ไป หมี่ฟางพลันเลียริมฝีปากเล็กๆน้อยๆก่อนจะจ้องมองไปที่การแข่งอย่างตื่นเต้น

เดิมพันกับ หมี่ ฟาง เลือก เทียนโจว เดิมพัน 100 ตำลึงทอง

@Webmaster

JiTianTao ดี

โรลรายงานตัวลานประลอง

"ในที่สุดพวกเราก็มาถึงที่ลานประลองกันแล้วนะเจ้าเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่กัน?"

"ใช่แล้วครับท่านอาจารย์ข้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว"

"ถ้างั้นก็ดีถือว่าเป็นการประลองฝึกฝีมือตัวเจ้าเองด้วยนะว่าวิชาการต่อสู้นั้นมันจะต้องเอานำมาใช้จริงการจะฝึกแค่ในตำรานั้นมันยังไม่พอหรอกนะ ถ้างั้นเจ้าก็เตรียมตัวเข้าไปลงชื่อแล้วเตรียมร่างกายสำหรับการประลองที่จะมาถึงเถอะนะเดี่ยวอาจารย์กับท่านเหวินหยวนและแม่นางจะไปหาที่นั่งด้วยเผื่อที่จะได้มองเจ้าประลองด่วยได้"

"ข้าทราบแล้วครับท่านอาจารย์เดี่ยวข้าขอตัวก่อนข้าจะต้องคว้าชัยชนะมามอบให้กับท่านให้ได้เลย!!!"

"ถ้างั้นขอให้เจ้าโชคดี ศิษย์ข้าจงทำให้เต็มที่"

ก่อนที่ต้าจงนั้นจะแยกตัวออกไปยังจุดที่มีให้ลงยืนยันตัวตนของตัวเองสำหรับการประลองที่จะมาถึงนี้นั้นเอง ส่วนของพวกจีเทียนเต๋านั้นก็เดินทางไปหาที่นั่งสำหรับมองดูการประลองที่จะมาถึงนี้นั้นเองโดยที่ว่าการจะหามุมดีๆนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากเอาเรื่องอยู่หลังจากที่ตกลงกันได้จึงไปหาที่นั่งที่มีพื้นที่ว่างด้านข้างอยู่เต็มไปหมดมานั่งนั่นเอง

ใช้ลักษณะนิสัยติ่งหูยาว

-10ความสัมพันธ์คนที่ให้ความสนใจเรา

+10 ความสัมพันธ์กันขุนนางในสภา

Jinying ดี

❀ ศึกประชันแห่งศักดิ์ศรี ❀

การแข่งรอบที่หนึ่งและสองอันดุเดือด

.

.

           บริเวณลานประลองอีเจียวหลุน ในยามนี้มีผู้เข้าแข่งขันคู่แรกขึ้นมามายืนบนสนาม ฝั่งหนึ่งคือชาวยุทธ์นาม ฉินจวง ผู้มีมาดท่าทางสงบเสงี่ยมทว่าแววตามุ่งมั่นเตรียมสู้รบ อีกฝั่งเป็นบุรุษผมยาวเคราครึ้มไร้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักนาม ถานเจ๋อ คล้ายเพราะไม่เป็นที่รู้จักทางฝั่งชาวยุทธ์จึงตั้งท่าดึงกระบี่ออกมาเตรียมสู้ประมืออย่างระมัดระวังไร้ซึ่งการหมิ่นประมาทใด ทำเอาถานเจ๋อที่ค่อยคอยชักเอาดาบประจำกายเตรียมตั้งรับดูจริงจังและไร้ซึ่งแววความดูถูกตามไปด้วย

           และในตอนที่สิ้นเสียงประกาศเริ่มแข่งขันคู่แรก ทั้งสองก็เข้าสู้รบประมืออย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงกระบี่ฟันฟาดกระแทกเลือนลั่นยามกระทบคมดาบ ทั้งสองร่างอาศัยกระบวนท่าที่เคยเรียนรู้ต่างตั้งรับรุกอย่างมั่นเหมาะ

           ทว่าคล้ายเพลงดาบของถานเจ๋อจะนำอยู่ก้าวหนึ่ง หลังจากจับจุดกระบวนกระบี่ของชาวยุทธ์เบื้องหน้าที่ดูจะอ่อนกำลังกว่าตนเล็กน้อย ถานเจ๋อก็อาศัยช่องว่างนั้นหาทางหลบหลีกคมอาวุธพลางแทรกตัวกวัดแกว่งกระแทกรุกทั้งสันดาบด้ามถือเสียรวดเร็ว จนอีกฝั่งตกเป็นฝ่ายรับในตอนท้ายเสียสิ้นเชิง

           ในตอนท้าย ถานเจ๋อ นักสู้ไร้ชื่อเสียงจึงเอาชนะไปได้อย่างสวยงามหลังผ่านเวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อโดยปรากฏร่องรอยการบาดเจ็บไม่มากนัก ก่อนจะถูกนำส่งเข้าหลังส่วนเวทีประลองเพื่อทำแผลเตรียมต่อสู้ในคู่ต่อไป

           .

           .

           ในช่วงเวลาไม่ถึงจิบถ้วยชา บุคคลที่ถานเจ๋อต้องแข่งขันก็ประกาศชื่อออกมาคือ จงเหยียน ร่างกายที่ยังพักไม่เต็มที่ก็จำต้องออกมาประลองเสียแล้ว ระหว่างเดินขึ้นมายืนบนลานประลองอีกหน บุรุษร่างสูงพลันขยับหมุนช่วงไหล่ที่โดนกระบี่บาดรั้งตั้งแต่การแข่งก่อนหน้าเล็กน้อยราวกับให้ร่างกายได้ชินชากับความเจ็บปวดยังบาดแผลระหว่างรอสัญญาณประกาศดังลั่นให้ลั่นศึกประมือ

           ใบหน้าคมคร้ามตวัดสายตาดุดันหาคู่ต่อสู้ด้วยแววตาติดกรุ่นโกรธเล็กน้อยที่ใช้เวลาสู้เร็วเกินไปจนมันไม่ได้พักนานอย่างที่หวัง

           @@@JiTianTao

           แม้อีกฝ่ายจะตอบสนองต่อท่าทางตนเช่นไร ถานเจ๋อก็คล้ายไม่คิดเสียเวลาเอ่ยโต้ตอบใดหรือขอโทษใด อย่างไรทั้งสองก็ขึ้นเวทีเพื่อต่อสู้กันอยู่แล้ว ยิ่งพูดยิ่งมากความเปลืองน้ำลายเสียเปล่า ๆ หลังสิ้นเสียงสัญญาณเริ่มการแข่ง ถานเจ๋อจึงแทบพุ่งตัวกระแทกดาบเข้าห่ำหั่นไม่ให้เสียเวลาเลยเชียว

           @@@JiTianTao

           ทว่าหลังสู้ได้ช่วงหนึ่ง ถานเจ๋อก็คล้ายระลึกได้ถึงความเสียเปรียบทั้งแรงกำลังและช่วงความยาวอาวุธของอีกฝ่ายที่เป็นทวนด้ามยาว ทำเอาถานเจ๋อช่วงแรกไม่อาจรับมือได้ถนัดถนี่นัก จนสุดท้ายเจ้าตัวเริ่มที่จะใช้ประโยชน์จากมืออีกข้างที่ไม่ได้จับเหวี่ยงอาวุธ อาศัยปัดป้องดันกระแทกด้ามทวนให้พ้นตัวเพื่อเข้าประชิดคู่ต่อสู้พอให้ช่วงดาบสามารถฟัดฟาดได้ถึง

           @@@JiTianTao

           เมื่อรับรู้ว่าการเข้าประชิดนอกจากช่วยทำให้คู่ต่อสู้ชะงักค้างด้วยความพรั่นพรึงและตกใจในบางสิ่ง ยังทำให้ทวนอีกฝ่ายไม่อาจกระหน่ำแทงยังช่วงตัวของตนได้ก่อนหน้า ถานเจ๋อจึงได้ใช้จังหวะนี้เร่งรุกไล่ให้อีกฝ่ายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มือหยาบแทบจะจับด้ามทวนอีกฝ่ายยึดแน่น พร้อมกันนั้นดาบที่ถือพลันถูกหมุนขยับเปลี่ยนวิธีการถือให้ปลายดาบหันหัวลงคล้ายลักษณะถือมีดสั้น

           จากนั้นก็ตวัดเฉือนกลางลำตัวอีกฝ่ายให้ได้แผลใหญ่ ก่อนยกเท้าถีบยันอย่างแรงยังบริเวณแผลเดิมนั้นพลางผลักด้ามทวนที่ถูกตนยึดเอาไว้ออกไปด้วยพร้อม ๆ กันกะให้อีกฝั่งเสียหลักผละถอยไป

           @@@JiTianTao

           หลังสร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้ ทั้งสองที่ผละห่างกันอีกหนก็เป็นโอกาสให้ถานเจ๋อเริ่มถูกคมทวนแทงสวนกลับไม่ต่างกัน จนทั้งสองจำต้องสลับบทรุกไล่สลับตั้งรับกันไม่หยุด จนในยามนี้แม้จะสร้างบาดแผลให้คู่ต่อสู้ได้ไม่น้อย แต่ถานเจ๋อก็มีสภาพสะบักสะบอมและปรากฏรอยแทงทวนและฟกช้ำจากด้ามอาวุธไม่ต่างกันเลยเชียว

           และเริ่มรู้ตัวว่าร่างกายใกล้เกินขีดจำกัดเต็มทน ถานเจ๋อจึงใช้โอกาสสุดท้ายวิ่งพุ่งหาไม่คิดหน้าคิดหลัง หวังลวงให้อีกฝ่ายแทงทวนตรงมายังตน จนใกล้ในระยะทวนแทงถึง ถานเจ๋อจึงค่อยพลันทรุดคุกเข่าให้แรงที่ส่งวิ่งเมื่อครู่ผลักไถลร่างเข้าหาช่วงขาอีกบุรุษ พร้อมกันนั้นก็ตวัดเหวี่ยงดาบกรีดแข้อีกฝ่ายจนทรุดนั่งลงตรงหน้าไม่ต่างกัน แขนอีกข้างพลันจับรัดหนีบหัวอีกบุรุษไว้ข้างลำตัวก่อนมันจะกระแทกด้ามดาบเข้าอย่างแรงยังท้ายทอยของคู่ต่อสู้เพื่อหวังสลบน็อคให้จบการต่อสู้ไปเสียที

           @@@JiTianTao

ถานเจ๋อ ได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับ ฉินจวง - คู่ที่ 1

ถานเจ๋อ ได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับ [172] จงเหยียน - คู่ที่ 2

.

ทิปรางวัลสำหรับการแข่งขันคู่ที่ 2

[003] เหอ จิ้น: ใส่ทิปให้ทั้งสองคน คนละ 20 ตำลึงทองสำหรับการแข่งขันอันดุเดือด

[013] หลี่ ปู้ ใส่ทิปให้ทั้งสองคน คนละ 30 ตำลึงทองสำหรับการแข่งขันอันดุเดือด

.

[137] เหยียน เหลียง และ [138] เหวิน โฉ่ว ได้ร่วมทุนกันให้ทิปคนคว้าชัยชนะ 20 ตำลึงทอง

[126] เล่อ จิ่ว ได้วางเงินทิปให้ 10,000 อีแปะ สำหรับผู้ชนะ

Tianzhou ดี

ราชสีห์จรจัด

การประลอง 1

ทันทีที่เสียงประกาศของงานประลองได้เริ่มขึ้นได้มีผู้คนมากมายต่างขึ้นเวทีประลองในครั้งนี้ รวมถึงเทียนโจวด้วยเช่นกัน คู่ต่อสู้ในรอบแรกของเทียนโจวคือจอมยุทธ์ลึกลับจากแดนเหนือ ซูโซ่ว์

“ข้าว่าเจ้ายอมแพ้ไปดีกว่า ไม่งั้นแขนขาเจ้าจะไม่เหลือเอานะ”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม เพราะยังไงเขาก็รู้ตนเองนั้นจะชนะอยู่แล้ว แต่แล้วในจังหวะที่เขากำลังคิดเช่นนั้นก็ได้เกิดบาดแผลขึ้นที่กลางอกของเทียนโจว อย่างมิทันตั้งตัว

“โอ้ เเผลสวยดีนิ ข้าชอบมันจริงๆเช่นเดียวกับแผลอื่นๆบนร่างของข้า”

เทียนโจวเริ่มบุกโจมตีซูโซ่ว์อย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เขาพลาดเพราะเผลอไปเท่านั้น แต่เมื่อเทียนโจวได้เริ่มสู้จริงๆ ซูโซ่ว์นั้นก็ไร้ทางตอบโต้ จนในที่สุดจอมยุทธ์จากแดนเหนือก็พลาดท่า แขนข้างหนึ่งของซูโซ่ว์ได้ขาดลง

“ฝีมืออย่างเจ้า อย่าหวังจะเทียบเคียงข้าได้”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับการประลองเขาที่ได้สิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของซูโซ่ว์ เทียนโจวเดินกลับไปยังที่พักของตนนั่งรอการแข่งรอบต่อด้วยสีหน้าตื่นเต้นหวังจะเจอคนเก่งๆซักคน

หลังจากพักผ่อนได้ซักพัก เสียงประกาสได้นำพาให้เทียนโจวก้าวขึ้นสู่ลานประลองอีกครั้ง สายตาจ้องมองไปที่บุรุษผู้หนึ่งที่พึ่งผ่านการต่อสู้อันดุเดือดมาได้ไม่นานพร้อมกับบาดแผลมากมายที่ปรากฎขึ้นบนร่างกาย

“สภาพแบบนั้นยังกล้าขึ้นมาอีกนะ แต่ได้แผลมาเยอะขนาดนี้ก็คงเป็นแค่พวกกระจอกที่ไม่มีปัญญาทำอะไรล่ะสิ”

เทียนโจวหัวเราะออกมาเล็กน้อยหลังกล่าวจบ สายตาจ้องมองไปที่อีกฝ่ายเพียงขยะริมทางเท่านั้น

@Jinying

“โอ้ เจ้าจะทำได้อย่างที่พูดรึเปล่านะ”

เทียนโจวกระชับทวนในมืออย่างแน่นก่อนจะวิ่งเข้าใส่ถานเจ๋ออย่างดุดัน การโจมตีของเทียนโจวราวกับสัตว์ป่าที่ไร้ซึ่งรูปแบบ เป็นการโจมตีที่ไร้ซึ่งแบบแผน และการเรียนรู้ เพียงแค่อาศัยความรู้สึกและกำลังเป็นหลักเท่านั้น

@Jinying

“ไม่เลว เจ้ามีดีกว่าขยะชิ้นอื่นๆที่ข้าเคยพบ”

เทียนโจวเริ่มยิ้มเยาะอย่างสนุกสนาน จากตอนแรกที่เขานั้นเป็นฝ่ายที่กดดันอีกฝ่าย ในตอนนี้บุรุษตรงหน้านั้นพยายามอย่างมากในการฟาดฟันมากอย่างต่อเนื่อง บาดแผลจำนวนหนึ่งเริ่มปรากฎขึ้นทั่วร่างของเทียนโจวอย่างมิซ้ำจุด ฝีมือของชายผู้นี้เหนือล้ำกว่าใครที่เขาได้พบเจอมา

@Jinying

“ได้ที่แล้วเอาใหญ่เลยนะ”

เทียนโจวเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการต่อสู้ของตน ในตอนแรกที่เขานั้นใช้เพียงแค่ทวน แต่ตอนนี้มือทุกส่วนของร่างกายนั้นคืออาวุธ! หัวของเทียนโจวโหม่งไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายทีเผลอ ชายตรงหน้าล่าถอยไปสองสามก้าวก่อนจะยืนตั้งตัวได้ แต่มิรึที่เทียนโจวจะปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดลอยไป ขาทั้งสองเร่งฝีเท้าเข้าหาร่างของศัตรู พร้อมกับกระหน่ำฝนทวนจำนวนมากใส่อย่างต่อเนื่อง

@Jinying

“พยายามดิ้นรนใหญ่เลยนะ”

เทียนโจวยิ้มออกมาอย่างเยาะเย้ย ก่อนจะเร่งการรัวจิ้มใส่อีกฝ่ายอย่างมิหยุดหย่อน จนชายตรงหน้าเริ่มล่าถอยไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดชายหนุ่มผู้นั้นก็ตกลงจากเวทีประลอง ก่อนที่เสียงประกาศของผู้ชนะจะดังขึ้น

“กระจอกสิ้นดี”

เทียนโจวพลันหันหลังไปโดยไม่แยแส่อีกฝ่ายกลับไปยืนที่ฝั่งของตนเอง รอคอยคู่ประลองคนต่อไปอย่างหยิ่งทะนง

@Jinying

เอฟเฟคจากตัวละคร
Points	Exp	ความสัมพันธ์
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส) +7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส) +3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห) +6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่) +3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี) +3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว) +2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว) +2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)	+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี) +15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว) +20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30	+40