[นอกเมืองฉางอัน] เทือกเขาฉินหลิง

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-22 22:22:06 |โหมดอ่าน

เทือกเขาฉินหลิง
{ นอกเมืองฉางอัน }








【เทือกเขาฉินหลิง】

เทือกเขาฉินหลิง หรือเป็นที่รู้จักว่าเป็น เทือกเขาภาคใต้
เป็นเทือกเขาที่สำคัญในมณฑลส่านซี ตัวภูเขาเป็นรอยแยก
ระหว่างแอ่งระบายน้ำของระบบแม่น้ำฉางเจียง (แยงซี) และแม่น้ำเหลือง
ทำให้เกิดพรมแดนทางธรรมชาติระหว่างดินแดนตอนเหนือและตอนใต้
อุดมไปด้วยพืชและสัตว์ป่านานาชนิด เช่น หมีขาว (แพนด้า)
ที่ไม่สามารถหาพบได้ที่ไหนในโลก ทางทิศเหนือเป็นหุบเขาแม่น้ำเว่ย
มีประชากรหนาแน่น เป็นศูนย์กลางของอารยธรรม





{ การเก็บของป่าจากต้นไม้สูงใหญ่ }
(1) สามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังยุทธ์ (Qi) หรือ เก็บด้วยตัวเอง (STR)
(2) หากเก็บด้วยตัวเอง ท่านจะต้องติดตั้ง ตะกร้าสาน เพื่อใช้ในการเก็บผลไม้ตอนปืนต้นไม้
โดยจะใช้ตามสูตรเก็บทรัพยากรส่วนตัว (อ่านคู่มือ)
(3) หากใช้พลังยุทธ์ ท่านจะสูตรดังนี้:
ตัวแปรทรัพยากรที่ได้ x Qi / 25 = ปริมาณทรัพยากรที่จะได้รับตามจริง
(/25 คือจำนวนผลที่ช้ำจากการตกพื้น)
(4) เขียนโรลสร้างสตอรี่ปืนต้นไม้ หรือ
รวบรวมลมปราณเพื่อผลักใส่ต้นไม้ส่งผลให้บ๊วยร่วงตกจากต้น



[วัตถุดิบที่พบได้บนเขา]
(1) ผลและใบจูอวี๋ (/2 จากผลรวมที่เก็บได้)





โพสต์ 2021-9-24 22:12:46 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:25


⌜ 37⌟

บทที่ 7
เทศกาลจงชิวเจี๋ย
ฉากที่ 8


          ถึงเวลาเดินทางกลับ… ทั้งสองเลือกใช้เส้นทางลัดเลาะไปตามเทือกเขาฉินหลิงแทนที่จะเดินทางตามถนนธรรมดา อีกคนชอบธรรมชาติและรักสันโดษ ส่วนอีกคนก็มัวแต่มองหาทำเลการสร้างสุสานให้แก่ซินแสตงฟาง ทว่ายังไม่เจอทำเลที่เหมาะสม ด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้าเป็นแม่น้ำ บางทีหากเข้าลึกไปในเขาก็อาจจะพบเจอสถานที่ดังกล่าว
         
          “เป็นอะไรไป ดูเหม่อ ๆ นะ หรือว่ายังนอนไม่พอ?”
         
          “อะ.. เปล่าเจ้าค่ะ” เฟินเยว่ยิ้มแห้งรับคำแซวไม่ยอมตบมุก “คือว่าข้ากำลังคิดจะหาทำเลดี ๆ แถว ๆ ฉางอันน่ะเจ้าค่ะ ที่หลังติดภูเขาด้านหน้าเป็นแม่น้ำ อยู่ใกล้ฉางอัน แล้วก็มองเห็นลงไปได้...”
         
          “พูดเหมือนกับว่าอยากจะสร้างบ้าน”
         
          ตงฮั่วเอ่ยถามทำให้เด็กสาวหัวเราะแหะออกมาอีกครั้ง เอาเป็นว่านางอธิบายเขาออกไปตรง ๆ เลยดีกว่า
         
          “เปล่าเจ้าค่ะ คือว่าข้าอยากจะหาทำเลทำสุสานของท่านซินแสตงฟางซั่วน่ะเจ้าค่ะ”
         
          “หา ซินแสตงฟางเนี่ยนะ? ท่านเสียไปกว่าร้อยปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
         
          เห็นเด็กหนุ่มโพลงออกมานางก็ไม่รู้สึกประหลาดใจเลย ใคร ๆ ก็คงคิดเช่นนั้นกันทั้งนั้น แต่ว่านางก็ยังมีหลักฐานอยู่จึงหยุดม้าแล้วส่งกระบอกคัมภีร์ที่ได้รับไปให้อีกฝ่ายได้ดู ในนั้นมีจดหมายเขียนเอาไว้ และเมื่อตงฮั่วคลี่เปิดอ่านหัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน
         
          “นี่ของจริงใช่ไหม?”
         
          “คิดว่าใช่นะเจ้าคะ.. คือว่าระหว่างทางไปซีเหอบังเอิญได้ไปพบบ้านร้างหลังหนึ่งเข้า ...เปาเปาหลุดเข้าที่ด้านในเลยต้องไปตามหาจนได้พบกับจดหมาย ตำรา และอีกหนึ่งสิ่งก็คือซากโครงกระดูกของท่านซินแสน่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าข้าฝากสัมภาระต่าง ๆ เอาไว้ที่ห้องพักในซีเหอน่ะเจ้าค่ะจึงไม่ได้นำมาด้วย”
         
          “งั้นเหรอ...”
         
          เด็กหนุ่มใช้ความคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เจอมากับตัวเลยบอกไม่ได้ว่าจะเชื่อดีหรือไม่ว่าสิ่งที่นางไปพบเป็นร่างของซินแสตงฟางจริง เพราะนั่นดูเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อจนเกินไป ตงฮั่วไม่คิดว่าเด็กสาวจะโกหก เขาก้มลงอ่านจดหมายฉบับนี้อีกครั้ง แม้จะดูน่าเหลือเชื่อแต่เอาเป็นว่าให้คิดว่าเป็นซินแสตงฟางไปก่อนก็แล้วกัน เพราะเจ้าของศพคงไม่กุเรื่องเช่นนั้นออกมา แถมสิ่งของในมือก็ดูจะเก่าแก่ร่วมร้อยปีได้จริง เมื่ออ่านจดหมายเสร็จก็เก็บส่งคืนไปพร้อมกับผังภาพเหอถูโดยไม่ท้วงติงเรื่องตำรา
         
          “ถ้าละแวกนี้ข้าก็พอจะรู้ทางอยู่บ้าง ตามมาสิ”
         
          ตงฮั่วชักม้านำทางขึ้นเขา ฝั่งเด็กสาวก็รีบตามไปติด ๆ ด้วยกลัวจะหลงทาง ในยามนี้ป่าไม้บนเขาฉินหลิงกลายเป็นสีเหลืองส้ม เมื่อเท้าม้าย่ำไปตามพื้นหญ้าก็มีแต่เสียงดังกรอบแกรบ ระหว่างตามไปนางก็พยายามจำทางไปด้วยเผื่อมาเองครั้งหน้าจะได้ไม่หลง แต่ป่ารอบด้านเหมือน ๆ กันไปหมด อาศัยความชำนาญเดินทางเพียงครั้งเดียวคงไม่ได้ เอาไว้ถ้าจะมาทำสุสานอีกครั้งอาจจะต้องไหว้วานให้ตงฮั่วพานำทางมาใหม่
         
          เฟินเยว่ตามเขามาเรื่อย ๆ ปีนขึ้นไปสูงพอประมาณ จนถึงน้ำตกแห่งหนึ่งที่มีสระน้ำกว้างใหญ่บนเทือกเขา หลั่งธารใสลงไปหล่อเลี้ยงผืนป่าและเมืองที่ด้านล่าง จากจุดนี้เมื่อมองลงไปจะสามารถมองเห็นฉางอันได้ทั้งเมือง นับว่าเป็นทำเลดีที่เหมาะสมสำหรับการตั้งสุสาน เพียงแต่ว่าอยู่กลางเทือกเขาแบบนี้อาจจะเป็นสุสานที่เงียบเหงาขาดคนมาสักการะดูแล
         
          ท่านซินแสเป็นบุคคลที่ทำความคุณงามความดีมากมายในครั้งอดีต นางก็อยากจะให้มีคนมากราบไหว้บูชาไม่ขาดเสมือนกับว่าท่านเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองต้าฮั่น แต่ทว่าหากเขาไปปลีกวิเวกที่บ้านในป่าก็อาจจะแปลว่าซินแสไม่ต้องการความวุ่นวายใช่หรือไม่ เด็กสาวยังคงคิดชั่งใจในจุดนี้
         
          “ว่าแต่.. คุณชายซูรู้จักสถานที่ดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?”
         
          “ข้าแค่เคยแวะมาแถวนี้น่ะ”
         
          เด็กหนุ่มตอบออกมาห้วน ๆ ฟังดูแล้วคำว่า ‘เคยแวะมาแถวนี้’ เหมือนกับจะบอกว่า ‘เคยมาตั้งรกรากแถวนี้’ อยู่ครู่หนึ่งเลย มีแหล่งน้ำให้ประทังชีพ และไม่ไกลอาจจะมีถ้ำอยู่ก็ได้ใครจะรู้ พอคิดได้เช่นนั้นนางก็กะพริบตาปริบ ๆ
         
          “คุณชายซูเคยไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างน่ะเจ้าคะ?”
         
          “หลายที่อยู่ ขึ้นเหนือล่องใต้ ที่ประทับใจหน่อยก็คือทะเลสาบไท่หูที่เจียงหนาน หากไปตอนฤดูใบไม้ผลิดอกเหมยก็จะผลิบาน แต่ถ้าไปช่วงนี้ก็ดีเหมือนกัน เพิ่งผ่านฤดูมรสุมมาหมาด ๆ ทั้งทะเลและทะเลสาบก็จะสวย ใบไม้แดงตัดกับทะเลสาบก็สีสวยไปอีกแบบ”
         
          “ฟังดูน่าไปจังเลยนะเจ้าคะ..” เด็กสาวพึมพำกับตัวเองก่อนจะคลี่แผนที่เปิดออกมา ไล่สายตาหาว่าทะเลสาบไท่หูที่เจียงนานอยู่ตรงไหน นางไม่รู้จักแดนดินใดเลยนอกจากอันติง ฉางอัน ลั่วหยาง เหอตง และซีเหอ “ไท่หู.. ไท่หู..”
         
          “อยู่ตรงนี้”
         
          ตงฮั่วเข้ามาชี้ที่แผนที่ให้ มันอยู่บริเวณทางตอนใต้ของต้าฮั่นอยู่ทางฝั่งตะวันออกติดกับทะเลตงไห่ เห็นเท่านั้นเฟินเยว่ก็ทำตาโต
         
          “ไกลจังเลยเจ้าค่ะ แบบนี้จะหลงทางไปก่อนไหมนะ” เด็กสาวเม้มปากมองหาตัวช่วย “อยากไปจัง คุณชายซูช่วยพาไปหน่อยได้ไหมเจ้าคะ?”
         
          เฟินเยว่ลองเอ่ยถามดู ในช่วงเวลาที่ต้องรอพี่ชายกลับมานางค่อนข้างว่าง อยากจะลองเดินทางไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นดูบ้าง

          “ราววันที่ 27 เดือนจิ่วเยว่ ยามเซิน ข้าจะไปรอเจ้าที่ท่าเรือหวยอิน ว่าแต่เจ้าสะดวกหรือเปล่า ข้าจะรอถึงยามไห้ก็ได้นะ...”
         
          ตงฮั่วกล่าวพลางลอบกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่าการสะสางอย่างแรกที่เขาจะทำคราวนี้จะสามารถไปตามนัดอีกฝ่ายได้หรือเปล่านะ ได้แต่หวังขอให้ลุล่วงด้วยดี
         
          “ได้เจ้าค่ะ ช่วงนี้ข้าว่างพอดี จะวันไหนก็ได้เจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวยิ้มรับ ดีใจที่เขาตอบรับคำขออันเอาแต่ใจของนางโดยไม่ได้ว่าอะไร นางเอียงคอมองท่าทีที่แปลกไปของเด็กหนุ่มแล้วได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ แต่นางก็ไม่ได้ไถ่ถาม บางทีอีกฝ่ายคงมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องไปทำ เช่นนั้นแล้วเพื่อให้เขาสะสางธุระเสร็จสิ้นนางก็ไม่ขอรบกวนเขาดีกว่าแม้อยากจะคอยไปส่งอาหารเช้าให้ก็เถอะ
         
          “เอ่อ.. จะว่าไปท่าเรือหวยอินอยู่ตรงไหนกันนะ...”
         
          แผนที่ยังอยู่ในมือ นางก้มหน้าก้มตาหาจุดนัดพบต่อ
         
          “ตรงนี้ ให้เจ้าเริ่มเดินทางจากลั่วหยาง ผ่านด่านหู่เหลากวน ลงมาทางสวี่ซาง แล้วเดินทางต่อไปทางสุยหยาง ผ่านหวยหนาน แล้วก็จะถึงหวยอิน ขอโทษด้วยที่ต้องให้ไปเจอกันที่นั่นเลย เจ้าพอจะไปถูกใช่ไหม”
         
          เฟินเยว่มองเส้นทางตามที่มัคคุเทศน์จำเป็นชี้ทางไปแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ เส้นทางดูจะห่างไกลจากบ้านเกิดและดูจะซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เด็กสาวไม่ย่อท้อกับการเดินทางเพียงแค่นี้ มีเวลากลับไปซีเหอและเตรียมตัวอีกไม่กี่วัน เพื่อที่จะไม่ให้ลงน่าจะต้องรีบเตรียมตัวออกเดินทางกันแต่เนิ่น ๆ
         
          “ข้าไปได้เจ้าค่ะ คุณชายซูไม่ต้องขอโทษก็ได้นะเจ้าคะ ขนาดว่ามีธุระยังปลีกเวลาพาข้าไปเที่ยวเล่นแบบนี้จะไปโกรธได้อย่างไร เป็นข้าสิที่ต้องเกรงใจ คุณชายซูช่างใจดีกับข้าเหลือเกินเจ้าค่ะ”
         
          “อะ..อืม” ตงฮั่วชะงักงัน ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องเหมือนกลัวว่าถ้ายังสนทนาประเด็นนี้อยู่คนตรงหน้าจะถามเรื่องธุระสำคัญที่เขาไม่อยากบอก “ถ้าอย่างนั้นหมดธุระกับตรงนี้แล้วใช่ไหม? จะลงเขากันเลยหรือยัง”
         
          “เสร็จธุระแล้วเจ้าค่ะ อย่างนั้นก็ลงกันเถอะนะเจ้าคะ”
                    
          ทั้งสองเดินทางลัดเลาะเทือกเขาจนมาถึงหงหนงแล้วขึ้นไปทางเหนือด้วยกัน เด็กสาวมาส่งเขายังหน้าถนนหลักก่อนทางลงป่าไปถ้ำไป๋หู่ เพราะถึงไปหน้าถ้ำก็ลำบากเขาเดินกลับมาส่งอีกอยู่ดี ตงฮั่วลงจากม้าเหลียงแล้วส่งมันคืนให้นาง
         
          “อีกสามวันเจอกันที่ท่าเรือหวยอินนะเจ้าคะ คุณชายซูดูแลสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ”
         
          “อืม เจ้าก็เช่นกัน อย่าหลงทางไปเสียก่อนล่ะ”
         
          ได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็หัวเราะเปราะ
         
         “ไม่หรอกเจ้าค่ะ ถึงหลงก็ต้องคลำทางไปให้ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ เอะเอะโอ้ว!”

          พูดจบนางก็ชูกำปั้นขึ้นเหนือหัว ตงฮั่วเห็นท่าทางนั้นก็ส่ายหน้ายิ้ม ๆ กับเด็กสาวที่ยังไม่โต
         
           “แล้วเจอกัน”
         
          กล่าวจบเด็กหนุ่มก็เดินหันหลังหายเข้าไปในป่า เมื่อเห็นว่าเขาจากไปแล้วเฟินเยว่ก็ออกเดินทางต่อโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตงฮั่วจะได้กลับไปที่ถ้ำหรือว่าไปไหนต่อ...


.
.
.



ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
ความสัมพันธ์ +10 จากการเป็นคนธาตุและปีเดียวกัน
และชวนอีกฝ่ายไปทะเลสาบไท่หู





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-14 13:00:20 | ดูโพสต์ทั้งหมด


อีเวนท์ เทศกาลฉงหยาง

ตอนที่ 1 ช่วงเช้า



เช้าวันนี้ตรงกับวันที่เก้าเดือนเก้า ณ ที่พักในโรงเตี้ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไม่ไกลจากเขาฉินหลิง เก้อหลี่กำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหาร ชายหนุ่มตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปตลาดสรรหาวัตถุดิบมาทำข้าวกล่องเนื่องในวันเทศกาลฉงหยางที่เป็นวันแสดงความเคารพผู้อาวุโส แม้ว่าจะด้วยเหตุนานับประการที่ทำให้เขาไม่อาจจะเดินทางไปยังเมืองอู๋เว่ยเพื่อแสดงความเคารพแด่บิดาและมารดารวมถึงลุงของเขาก็ตาม แต่เขามั่นใจว่ายังไงก็เถอะ คงจะมีผู้อาวุโสสักคน ณ เมืองฉางอานนี่แหละที่เขาพอจะแสดงความเคารพได้ ชายหนุ่มค่อย ๆ ทำอาหารแต่ละอย่างด้วยความใจเย็น อาหารที่เขาทำนั้นส่วนใหญ่เป็นอาหารที่เขามักจะเคยทานเมื่อคราวที่อยู่บ้านเกิดของเขา และด้วยความที่ว่าเขาคิดไว้ว่า อาหารสำหรับจัดข้าวกล่องที่จะมอบให้แก่ผู้อาวุโสนั้นควรจะเน้นถึงสุขภาพพลานามัยของผู้ที่จะมอบให้ เขาจึงทำอาหารที่ทานง่ายไม่มีรสจัดมาเกินไปนัก ได้แก่ ข้าวห่อบัว ซุปเต้าหู้นึ่ง ปลาย่าง ผัดผักเก๋าฮะไฉ๋ และเป็ดอบยอดผัก ส่วนของหวานนั้นเขาเลือกฟักเชื่อม และปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มก็คือ ชาผิงลี่หนี่วา เมื่อจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ถือข้าวกล่องเดินออกจากโรงเตี้ยมไป แต่อย่างไรก็ดีเขาได้สั่งงานไว้กับเฉินกวง ชายร่างสูงใหญ่ผู้ติดตามของเขาให้เฝ้าเกวียนไว้เสียให้ดี ก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังเขาฉินหลิง


ที่เขาฉินหลิงนั้นเขาได้พบกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่งโดยบังเอิญคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบเจอกันที่ใดสักที่ จึงลองเดินเข้าไปหาก็พบว่า เป็นท่านกัวเฟิง ขุนพลที่มีชื่อเสียงคนซึ่งเป็นชาวเมืองอู๋เว่ยโดยบังเอิญ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปแสดงความเคารพและกล่าวทักทายชายผู้อาวุโสกว่าตนโดยทันที


“คารวะขอรับท่านกัวเฟิง ไม่นึกเลยว่าจะได้มาพบท่านที่เขาฉินหลิงแห่งนี้ ช่างเป็นโอกาสอันดีเสียจริงนะขอรับ จะว่าไปแล้วท่านไปทำธุระที่อื่นใดหรือไม่ขอรับ หากไม่แล้วข้าเก้อหลี่ ขอเชิญท่านไปร่วมปีนเขาฉินหลิงด้วยกันเสียหน่อยขอรับ เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเทศกาลฉงหยาง”


ชายหนุ่มเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม พลางดูชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาและยิ้มอย่างเป็นมิตร


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยสุขุม

+5 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

+15 ความสัมพันธ์แรกเริ่มเมื่อได้ทำความรู้จักสหายใหม่

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน

 


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-14 14:47:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GeLi ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 13:00
อีเวนท์ เทศกาลฉงหยางตอนที่ 1 ช่วงเช้าเช้าวันนี้ตรงกั ...

กัวฟ่งที่พึ่งเดินมาถึงเขาฉินหลิงก็มีเด็กหนุ่มคนนึงมาชวนเขาไปปีนเขากัวฟ่งพิจารชายตรงหน้า เขามีแค่ความจำลางๆว่าเจ้าหนุ่มนี่เคยเป็นเด็กแถวบ้านตน เหมือนจะชื่อเก้ออะไรซักอย่าง  
"ฮ่าๆ นึกว่าเด็กที่ไหนที่แท้ก็เจ้าหนูเก้อนี่เอง เมื่อเจ้าชวนไยข้าต้องปฏิเสธดัวย งั้นวันนี้ข้าขอใช้ศักดิ์ผู้อาวุโสเที่ยวเล่นกับเจ้าสักครา" กัวฟ่งพลางเดินนำเกอหลี่ไปที่เขาเฉิงหลิน



"ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ลุงเซินยังสบายดีอยู่หรือไม่" เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบเกินไปกัวฟ่งก็พยามหาเรื่องคุยกับหนุ่มเก้อหลี่ที่เดินตามหลังหลังตน
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-14 15:05:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GuoFong ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 14:47 กัวฟ่งที่พึ่งเดินมาถึงเขาฉินหลิงก็มีเด็กหนุ่มคนนึ ...

ชายหนุ่มเมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินนำเขาขึ้นเขาก็ก้าวเดินตามอย่างใจเย็น ครั้นเมื่อได้ยินคำถามจากชายผู้นั้นก็เอ่ยปากพูดตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม


“ข้าสบายดีขอรับ ข้าพึ่งเรียนจบจากสำนักปราชญ์ขงจื้อ แล้วก็ได้ไปช่วยงานพ่อค้าหวัง ข้ารับงานขนข้าวไปส่งท่านเจ้าเมืองอู๋เว่ยด้วยล่ะนะ ส่วนท่านพ่อนั้นท่านก็สบายดีตามประสาชายแก่นั่นแหละขอรับ”


ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้าวเดินตามชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่ช้า ๆ พลางมองดูทิวทัศน์ในยามนี้ที่ยังมีหมอกอยู่บ้าง อีกทั้งยังมีฝูงนกกำลังโบยบินเพื่อออกหากินแต่เช้า เขาสูดลมหายใจรับความสดชื่นในยามเช้าแล้วยิ้ม ขณะเดียวกันก็เดินตามกัวฟ่งไปเรื่อย ๆ


“ท่านกัวเดินดี ๆ นะขอรับ ถึงแม้ว่าท่านจะยังแข็งแรงมีกำลังวังชาดีก็เถอะ เอ้อ !!!”


เก้อหลี่พูดเตือนกัวฟ่งด้วยความเป็นห่วงเพราะเส้นทางบนเขานี้เต็มไปด้วยก้อนหินและกรวดจำนวนมาก หากไม่ระวังแล้วอาจจะลื่นได้แผลเป็นแน่แท้ แต่ไม่ทันจะพูดจบกลับกายเป็นว่า ชายหนุ่มดันเป็นฝ่ายลื่นล้มเสียเองแต่ด้วยความว่องไว เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอามือปัดเศษดินที่เปื้อนเสื้อผ้าออก ก่อนจะเดินต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหัวเราะแล้วยิ้มแห้งเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า บรรยากาศมันเงียบอีกครั้งเขาก็เปิดประเด็นสนทนาอีกครานึง


“แล้วท่านเป็นเช่นไรบ้างหรือขอรับช่วงนี้”


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-14 16:07:42 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GeLi ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 15:05
ชายหนุ่มเมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินนำเขาขึ้นเขาก็ก้ ...

กัวฟ่งเหลียวมองเด็กหนุ่มที่พึ่งลื่นล้มไปด้วยความขบขันก่อนจะกล่าวตอบคำถามของเก้อหลี่


"ข้าก็ร่อนเร่ไปทั่วพึ่งกลับมาเหลียงโจวเมื่อไม่นานนี้ รอวันที่จะได้ลืมตาอ้าปากกับเขาสักที ทุกวันนี้แผ่นดินอยู่ในกลียุคยากนักที่จะหาขุนนางดีๆรับใช้สักคน"


เมื่อกัวฟ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองพูดมากไปหน่อยจนพูดเรื่องที่ไม่ควรในเวลานี้ออกมา เขารีบหัวเราะแก้ไขสถานะการก่อนจะหาที่นั่งใต้ต้นไม้


"เราก็เดินขึ้นเขากันมานานแล้วข้ารู้สึกปวดเมื่อยตัวรึเกิน สงสัยข้าเริ่มจะแก่จริงๆแล้วล่ะ ฮ่าๆ"


เขามองไปที่เก้อหลี่พลางคิดในใจ เจ้าหนุ่มนี่แม้ภายนอกคล้ายบัณฑิตแต่รูปร่างกลับไม่ได้อ่อนแอ อนาคตของเจ้าหนุ่มนี่คงไม่มีที่สิ้นสุดเป็นแน่วันข้างหน้าไม่รู้จะมีโอกาสเป็นเพื่อนร่วมรบหรือจะเป็นศัตรูกัน


"อนาคตยังอีกไกล เก้อหลี่ข้าอยากให้เจ้าจำไว้อย่างเรื่องนี้ข้าพูดกับเจ้าแค่สองคนถ้ามีบุคคลอื่นล่วงรู้เราจะมีภัย อยากให้แผ่นดินสงบมีหนทางเดียวคือเปลี่ยนราชวงศ์ที่ปกครองแผ่นดิน ราชวงศ์ฮั่นควรถึงจุดจบได้แล้ว ยิ่งรากฐานลึกมากเท่าไหร่ กังฉินก็มีมากเท่านั้น หวังว่าเจ้าจะจำคำข้าไว้" เขาพูดเสร็จก็หัวเราะออกไปแก้ความตึงเครียด
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-14 16:27:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ชายหนุ่มเมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ก็เดินไปนั่งข้าง ๆ ครั้นเมื่อได้ยินกัวฟ่งบ่นถึงอาการปวดเมื่อยจากการเดินขึ้นเขาเป็นเวลานานก็ยิ้มขำเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากพูดพลางใช้มือใหญ่ทั้งสองข้างบีบนวดคลึงเส้นที่ขาใหญ่ที่ดูจะเส้นตึงของชายวัยกลางคนเบา ๆ


“ถึงจะเริ่มแก่ แต่ท่านก็ยังแข็งแรงอยู่นี่นา แต่เอาเถอะเดี๋ยวข้าจะนวดคลายเส้นให้นะขอรับ”


เก้อหลี่บีบนวดคลึงจับเส้นให้กับชายวัยกลางคนพลางฟังเขาพร่ำสอนเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในยามนี้ที่เข้าสู่กลียุคก็พยักหน้าเบา ๆ แล้วเงยหน้ายิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม


“ข้าย่อมเข้าใจดีขอรับ บ้านเมืองในยามนี้นั้นอยู่ในช่วงวิกฤตมิต่างอะไรกับชุนชิวจั้นกั๋ว แผ่นดินระส่ำระส่ายหาความสงบได้ยาก แต่หากคิดถึงสิ่งที่ท่านเอ่ยว่า ต้องเปลี่ยนราชวงศ์นั้น หากว่า ผู้ปกครองใหม่นั้นดีกว่าผู้ปกครองก่อนหน้านั่นย่อมเป็นการดี แต่หากว่าไม่ต่างอะไรกับคนก่อนหน้าล่ะก็ มันก็แทบไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นได้เลยขอรับ”


เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็หยุดนวดพลางมองดูบรรยากาศในยามนี้ที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เขาหันไปมองชายวัยกลางคนแล้วเอ่ยปากพูดต่อ


“ขอบพระคุณท่านยิ่งนักนะขอรับที่สั่งสอนข้าถึงเรื่องนี้ ข้าจะจำคำของท่านไว้มิลืมขอรับ อ้อ ข้าได้เตรียมข้าวกล่องไว้ชุดนึง หวังว่าท่านจะชอบนะ”


ว่าแล้วชายหนุ่มก็หยิบข้าวกล่องออกจากกระเป๋าย่ามแล้วยื่นให้กับชายวัยกลางคนด้วยความนอบน้อม ก่อนจะพูดต่อไปว่า


“เป็นชุดอาหารเสริมสุขภาพ และเพิ่มกำลังวังชาน่ะขอรับ มีข้าวห่อบัว ซุปเต้าหู้นึ่ง ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ เป็ดอบยอดผัก ฟักเชื่อม และชาผิงลี่หนี่วา เชิญท่านทานให้อร่อยนะขอรับ”


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-14 17:35:53 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GeLi ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 16:27
ชายหนุ่มเมื่อเห็นชายวัยกลางคนเดินไปนั่งที่ใต้ต้นไม ...


กัวฟ่งมองกล่องข้าวที่เด็กหนุ่มต้องหน้ายื่นให้ก็รับมาด้วยความยินดีก่อนจะกล่าวขอบุณเล็กน้อย



"ในเมื่อเจ้าเตรียมมาให้ข้าข้าจะไม่รับก็ยังไงอยู่" เมื่อกัวฟ่งเก็บกล่องข้าวแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจะรับฝ่ายเดียวก็ไม่ควร



"ในวันนี้เจ้ากับข้ามีโอกาสได้พบกันนับเป็นวาสนาข้าไม่ใช่คนมีทรัพสินอะไรมากมาย ข้ามีกระบี่อยู่เล่มหนึ่งจากวันนี้มันเป็นของเจ้าละกัน" กัวฟ่งตัดสินใจมอบกระบี่ร้อยกฎเล่มนี้ให้หนุ่มน้อยตรงหน้าเพราะเขาเป็นคนไม่มีสมบัติติดตัวแม้กระบี่เล่มนี้จะมีประโยชน์สำหรับเขาแต่เขาก็จะเสียหน้าไม่ได้



"ด้านหน้านี้เหมือนจะมีดอกเบญจมาศบานอยู่มากยังไงเราก็ไปนั่งชมสักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาเสียเที่ยวเปล่าๆ" กัวฟ่งพูดเสร็จก็ลุกเดินนำไปยังที่ที่ดอกเบญจมาศบานอยู่ พวกเขาเดินมาไม่ไกลก็พบกับที่โล่งสถานที่นี้มีดอกเบญจมาศเบ่งบานอยู่ไปทั่ว

ฉากนี้สำหรับกัวฟ่งอาจจะไม่ได้สวยงามเท่าสนามรบ แต่เขาก็รู้สึกสงบ แสงแดดยามบ่ายส่องลงมาที่ทุ่งดอกเบญจมาศทำให้กัวฟ่งเริ่มเกิดอาการกระหายนํ้าแต่เขาต้องวางมาดผู้อาวุโสไว้จะเสียกริยาไม่ได้



"งั้นเรานั่งชมดอกเบญจมาศที่นี่สักหน่อยละกัน"เขาหันไปพูดกับเก้อหลี่ก่อนจะนั่งลงใต้ร่มไม้แถวนั้น



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
โพสต์ 2021-10-14 18:09:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GuoFong ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 17:35 กัวฟ่งมองกล่องข้าวที่เด็กหนุ่มต้องหน้ายื่นให้ก็ร ...

เก้อหลี่เมื่อเห็นชายวัยกลางคนยื่นกระบี่เล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า กระบี่ร้อยกฎให้กับเขา ก็ถึงกับตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมรับกระบี่เล่มนั้นมาเก็บไว้แต่โดยดี เพราะการจะปฏิเสธน้ำใจของผู้อาวุโสกว่าย่อมไม่ใช่เรื่องที่นัก เขาแสดงความเคารพกับชายวัยกลางคนด้วยความนอบน้อม แล้วเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม


“กระบี่เล่มนี้ช่างมีค่ายิ่งกว่าข้าวกล่องที่ข้ามอบให้อีกขอรับ ขอบพระคุณท่านกัวยิ่งนัก ข้าจะเก็บรักษากระบี่เล่มนี้ไว้เป็นอย่างดี และจะใช้มันอย่างถูกต้องแน่นอนขอรับ”


เมื่อพูดจบเก้อหลี่ก็มองดูกระบี่เล่มงามพลางใช้มือใหญ่ลูบไล้ไปตามรอยสลักของฝักกระบี่อย่างเบามือ ครั้นเมื่อได้ยินชายวัยกลางคนเอ่ยปากชักชวนให้ไปนั่งชมดอกเบญจมาศ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินตามเขาไปยังบริเวณลานโล่งที่มีดอกเบญจมาศเบ่งบานไปทั่ว ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ พลางมองดูดอกเบญจมาศที่กำลังเบ่งบานอยู่เต็มกิ่งก้าน แสงแดดในยามบ่ายและสายลมอ่อนชวนให้เขารู้สึกสบายใจยิ่งนัก ขณะที่เขากำลังนั่งมองดูดอกเบญจมาศเพลิน ๆ อยู่นั้นเขาก็นึกได้ถึงบางสิ่ง


“การชมดอกเบญจมาศในเทศกาลฉงหยางจะขาดสิ่งนี้มิได้เลยขอรับ ดีที่ข้าได้เตรียมไว้สองชุดพอดี”


เก้อหลี่หันไปใช้มือล้วงหาสิ่งของในกระเป๋าย่ามของตน เมื่อหาเจอแล้วเขาก็หยิบสิ่งนั้นออกมานั่นคือ เหล้าแช่ดอกเบญจมาศและขนมฉงหยาง ชายหนุ่มยื่นเครื่องดื่มและขนมประจำเทศกาลให้แก่ชายวัยกลางคนก่อนจะเอ่ยปากพูด


“เชิญท่านกัวดื่มเหล้าแช่ดอกเบญจมาศแก้กระหาย และทานขนมฉงหยางไป ชมดอกเบญจมาศไปให้เพลินใจเถอะขอรับ บรรยากาศเช่นนี้เห็นควรจะขับขานลำนำสักบทนะขอรับ ข้าเคยแต่งกวีไว้บทหนึ่งอยากให้ท่านลองพิจารณาเสียหน่อย”


ชายหนุ่มสูดลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขับขานบทลำนำด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอย่างใจเย็น


“เป็นการง่ายที่ยิ้มได้มิต้องฝืน เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์

แต่ผู้ที่ควรชมนิยมกัน มีใจมั่นยิ้มได้แม้ภัยมา”


เมื่อกล่าวจบชายหนุ่มก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมองเห็นต้นจูอวี๋ต้นหนึ่งที่ผลิใบออกดอกผลเต็มต้น ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขาหยิบเอาตะกร้าสานมาสะพายไปที่หลัง แล้วลุกขึ้นยืน


“ต้นจูอวี๋ต้นนั้นผลิใบออกดอกผลงดงามยิ่งนัก เดี๋ยวข้าจะปีนขึ้นไปเก็บมาฝากท่านนะขอรับ อ้อระหว่างที่รอ ข้าใคร่ขอรบกวนท่านกัวเล่นตำนานของเทศกาลฉงหยางให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่ขอรับ มิต้องยาวนักก็ได้”


ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินไปยังต้นจูอวี๋ที่อยู่ใกล้ ๆ กับต้นเบญจมาศ เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปีนต้นไม้ขึ้นไปเก็บใบและผลจูอวี๋อย่างระมัดระวัง


 

ลักษณะนิสัยรักสงบ

-10 ลดความเครียด

 

ลักษณะนิสัยขยัน

-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือกิจกรรมใด ๆ ไม่ให้ว่าง

 

ลักษณะนิสัยหลังตรง

+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น

 

ลักษณะนิสัยว่องไว

+10 EXP จากการโรลทำงาน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตะกร้าสาน
เกราะเกล็ดมังกร
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x2
x2
x10
x9
x30
x1
x1
x5
x30
x12
x4
x4
x4
x1
x1
x2
x10
โพสต์ 2021-10-14 19:01:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
GeLi ตอบกลับเมื่อ 2021-10-14 18:09
เก้อหลี่เมื่อเห็นชายวัยกลางคนยื่นกระบี่เล่มหนึ่งท ...

กัวฟ่งมองเด็กหนุ่มที่พยามปีนขึ้นไปเก็บใบจูอวี๋ พลางยิ้มก่อนจะจิบเหล้าเบญจมาศแล้วเล่าตำนาน เทศกาลฉงหยางให้กับเขาฟัง "ในช่วงการก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกของฮั่นกวงอู่ตี้ รัชศกเจี้ยนอู่ ปีที่ 1 ของการเถลิงราชย์สมบัติปีแรก ได้มีตำนานเล่าถึงเทศกาลฉงหยางว่า
มีปีศาจร้ายปรากฏตัวที่แม่น้ำหรู่เหอ แค่เพียงมันปรากฏกาย แต่ละบ้านต้องมีคนล้มป่วย ทุกวันต้องมีคนล้มตาย
ไม่กี่ปีต่อมาก็ได้มีนักพรตหนุ่มขี่กระเรียนเซียนลงมาปราบปีศาจเขาใช้วิธีโดยให้ชาวบ้านอพยพขึ้นเขาแล้วพกใบจูอวี๋กับเหล้าดอกเบญจมาศไว้กับตัวเมื่อปีศาจได้กลิ่นก็ไม่กล้าเข้าใกล้ เมื่อปีศาจถอยหนีนักพรตหนุ่มไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้หลุดมือจึงได้ตามไปปราบมันสำเร็จ ตั้งแต่นนมาประเพณีขึ้นเขาเพื่อหลีกหนีความชั่วร้ายก็ได้เกิดขึ้น" กัวฟ่งพยามเล่าทั้งหมดที่เขารู้ให้เด็กหนุ่มฟัง ช่วยไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้ทั้งหมดเพราะบิดาเขาก็เป็นทหาร วันๆเขาก็เรียนแต่วิชาบู๊ไม่ได้สนใจพวกกวีบทกลอนเท่าไหร่
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
รถม้าใหญ่
กระบี่
ซัวเหวินเจี่ยจื้อ
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x1
x1
x1
x2
x6
x2
x20
x3
x1
x1
x17
x16
x2
x1
x4
x4
x1
x8
x40
x10
x3
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้