[เมืองซีเหอ] โรงหมอจิงเซิน

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-11 23:27:11 |โหมดอ่าน

โรงหมอจิงเซิน
{ เมืองซีเหอ }








【โรงหมอจิงเซิน】

โรงหมอขนาดกลางที่ด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายสมุนไพร
และตัวยารักษาโรคในระดับพื้นฐานดูแลโดยคนงาน
ภายในถัดมาจากตัวหน้าร้านถึงเป็นโรงหมอไว้รักษาผู้ป่วย
ซึ่งมีท่านหมอหญิงเพียงหนึ่งเดียวคอยรักษา
ผู้มีชื่อเสียงด้านฝีมือการแพทย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่ง
จนผู้ป่วยทั้งในและนอกเมืองภายในภูมิภาคซีเหอต่าง
แวะเวียนมาให้นางช่วยรักษากันเป็นระยะ

ทุกท่านสามารถมาโรลเพลย์ทำงานพาร์ทไทม์ประจำวัน
ค่าจ้าง: 100 อีแปะ - 5 EXP (รายวัน)




หมอผู้ดูแล: หง ฟางซิน
อุปนิสัย:
ท่านหมอหงเป็นสตรีกลางคนที่จิตใจดีและอ่อนโยนมาก
หากแต่ใบหน้าดุคมและการพูดการจาสงวนคำ
ของนางทำให้ผู้คนที่เพิ่งพานพบคราแรกมักเข้าใจผิด
ว่านางเป็นท่านหมอที่จริงจังและเย็นชาผู้หนึ่ง นอกจากนี้
นางยังรักครอบครัวมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรชายวัย 3 ขวบ
ของนางที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนัก
ส่งผลให้นางยิ่งใจดีกับเหล่าเด็ก ๆ คนอื่นไปด้วย







โพสต์ 2021-9-12 02:24:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ช่วยเหลือหญิงสาวจากบ้านร้างตงฟาง

          ยามเข้ามาภายในตัวเมืองซีเหอ จิ้นอิ๋งก็ได้เร่งถามชาวบ้านภายในเมืองเพื่อสอบถามถึงสถานที่ตั้งของโรงหมอ ซึ่งอีกฝ่ายก็คล้ายเร่งบอกอย่างเต็มใจหลังพบอีกหนึ่งสตรีพิงหมดสติยังด้านหน้าจิ้นอิ๋งอยู่ และหลังได้รับคำตอบนางก็เอ่ยขอบคุณด้วยอารามรีบร้อนก่อนเร่งม้าวิ่งต่อให้ถึงยังสถานที่ที่จะช่วยดูอาการของสตรีแปลกหน้าผู้นี้ได้

          เมื่อถึงที่หมาย ถานเจ๋อก็ลงจากม้ามาช่วยประคองสตรีที่ท่านหญิงพามาอย่างรู้งาน แม้มันจะมีความสงสัยอยู่เต็มหัวว่านางผู้นี้เป็นใครกัน ทำไมท่านหญิงถึงได้ออกมาพร้อมอีกฝ่าย ทว่าสีหน้าซีดเซียวดูห่วงใยของผู้เป็นนายที่ยังไม่คลายลงเลยนั้นทำให้มันเลือกจะเก็บปากเก็บคำตัวเองลงไปเสียก่อน ซึ่งหลังจิ้นอิ๋งลงจากม้าและผูกม้าเรียบร้อยแล้วนั้น นางก็เร่งมาช่วยผู้ติดตามพยุงหญิงแปลกหน้าผู้นั้นทันที

          " ท่านหมอที่นี่อยู่ไหมเจ้าคะ ช่วยดูแม่นางผู้นี้ทีเจ้าค่ะ ข้าเห็นนางสลบในบ้านร้างตงฟางตอนข้าเข้าไปดูทำเลบ้านน่ะเจ้าค่ะ "

          หลังเห็นคนงานที่เฝ้ายังหน้าร้านเขตขายของ จิ้นอิ๋งก็เอ่ยรัวเร็วหาโดยที่อีกฝ่ายที่ยังฟังไม่ทันจบก็เร่งเข้ามาช่วยประคองไปแล้วเพราะสตรีที่ถูกประคองไว้นั้นดูท่าทางไม่ค่อยดีนัก ซึ่งจิ้นอิ๋งก็ส่งตัวให้ไม่อิดออดพร้อมเดินตามเข้าไปอย่างติดห่วง พลันได้ยินเสียงคนงานเรียกหาท่านหมอด้านใน สตรีกลางคนนางหนึ่งก็ออกมาจากห้องกั้นห้องหนึ่งแทบจะทันทีที่สิ้นเสียงเรียก ใบหน้าคมดุของนางปราดมองดูเย็นชาหลายส่วน แต่เพราะแววตาฉายความตระหนกเสียชัดเจนทำให้จิ้นอิ๋งไม่ได้รู้สึกหวั่นไปกับท่าทางยามแรกเห็นของอีกฝ่าย

          " ท่านหมอเจ้าคะ ช่วยแม่นางผู้นี้ด้วยเจ้าค่ะ! " จิ้นอิ๋งเอ่ยอีกหนอย่างร้อนใจ

          " ไม่ต้องกังวลแล้ว เราจะช่วยดูให้ "

          ท่านหมอเอ่ยรับหนักแน่นให้ความรู้สึกมั่นคงเสียจนจิ้นอิ๋งเบาใจแทบจะทันทีที่ได้ยินประโยคตอบรับของอีกฝ่าย ก่อนทอดมองตามร่างของสตรีแปลกหน้าถูกนำพาเข้าส่วนห้องที่ไว้ใช้ตรวจจนม่านถูกเลื่อนปิดนางถึงทรุดนั่งคล้ายหมดแรงยังเก้าอี้ไม้ตัวยาวด้านนอกห้องนั้น ริมฝีปากเล็กขบเข้าหากันไปมายิ่งแดงก่ำด้วยความกังวล ด้วยหวนนึกยามเจอสตรีผู้นั้นคราแรก ร่างที่ไร้อาภรณ์คลุมกายและหมดสติเช่นนั้นคิดได้ไม่กี่แง่ และแต่ละความคิดล้วนไม่ใช่ทางที่ดีเสียทั้งนั้น

          ถานเจ๋อที่แทบไม่ได้สนใจสตรีในห้องตรวจ ยามนี้เอาแต่มองกังวลไม่ต่างกันแต่เป็นกังวลต่อผู้เป็นนายที่แสดงสีหน้าคล้ายกับเป็นฝ่ายป่วยเสียเองจนมันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา

          " เกิดอะไรขึ้นหรือ.. ขอรับ "

          เสียงเรียกจากผู้ติดตามช่วยเรียกสติให้จิ้นอิ๋งได้ขึ้นมาเล็กน้อยว่านางไม่ได้อยู่คนเดียว ดวงตาหวานโศกพลันกระพริบแผ่วขณะเลื่อนมองหายังถานเจ๋อที่มองหาอย่างนึกห่วงตัวนาง ซึ่งนั่นทำให้จิ้นอิ๋งพอจะยิ้มออกมาได้บ้างในสถานการณ์ที่นางคิดไม่ตกเช่นนี้

          " ข้า.. ข้าเจอนางในถังน้ำส่วนห้องน้ำของบ้าน "

          ถึงอย่างนั้นจิ้นอิ๋งก็ไม่ได้อยากนำเรื่องที่พบนั้นเล่าออกมาอย่างหมดเปลือกเสียเท่าไหร่ จึงบอกไปเพียงกึ่งหนึ่ง แต่ถานเจ๋อที่เผลอเห็นท่านหญิงของมันออกมาจากบ้านโดยไร้เสื้อคลุมตัวนอกที่ไปปรากฏอีกทีก็อยู่บนร่างของอีกสตรีแล้วทำให้มันเดาได้มากพอแล้วเช่นกันจนไม่ได้ถามไถ่อะไรต่อนอกจากยืนเฝ้าข้างผู้เป็นนายไม่ห่าง ก่อนแววตาดุเอกลักษณ์ของมันจะจดจ้องหายังผนังกั้นห้องที่มีสตรีแปลกหน้าผู้นั้นถูกตรวจรักษาอยู่ในที่สุด
          .
          .
          เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามท่านหมอหญิงถึงได้ออกมาพบหน้าจิ้นอิ๋งที่แทบจะผุดลุกเดินหาไปด้วย ท่าทางเช่นนั้นทำให้ท่านหมอไม่รอฟังคำถามเช่นกันและเอ่ยบอกผลอย่างการตรวจของนางอย่างตรงไปตรงมา ทว่าน้ำเสียงที่ทอดหาดูอ่อนโยนเสียหลายส่วนราวกับกำลังช่วยปลอบประโลมอีกทางให้ผู้ฟังได้ใจเย็นลงไปด้วย

          " อาการนางไม่ดีนัก ช้ำในยังอวัยวะสืบพันธุ์ มีอาการขาดน้ำมาสี่ถึงห้าวัน คาดว่าสาเหตุการหมดสติมาจากความบอบช้ำทางจิตใจอย่างหนัก คงแล้วแต่วาสนา หากนางยังไม่ฟื้นอีกภายในสิบวันเกรงว่าคงจะขาดน้ำหนัก "

          ท่านหมอหญิงเอ่ยช่วงท้ายไว้เพียงเท่านั้น เพราะแค่นี้ดวงตาของจิ้นอิ๋งก็แทบแดงเรื่อขึ้นมาอยู่แล้ว รวมถึงผู้ติดตามของนางที่ใบหน้าแทบจะขึงตึงขมวดมุ่นจนผู้ช่วยท่านหมอที่สังเกตเห็นลอบสะดุ้งเสียไหล่ยกเลยเชียว

          " นาง.. นางจะฟื้นมาเร็ว ๆ นี้อยู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ? "

          แม้จะได้ยินแล้วว่าท่านหมอหยิงบอกว่าแล้วแต่วาสนา จิ้นอิ๋งก็ยังดื้อดึงอยากฟังเรื่องดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่อีกหนึ่งสตรีในห้องตรวจที่ยังนอนนิ่งบนเตียงคนไข้อยู่บ้าง ซึ่งท่านหมอที่ไม่ได้ชมชอบการโกหกได้แต่ถอนหายใจแผ่วออกมา ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยตัดรอนกำลังใจแก่ดรุณีน้อยเบื้องหน้าอย่างจิ้นอิ๋งไปเสียหมด

          " เราจะพยายามช่วยให้เต็มที่.. ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาเยี่ยมนางก็ยังมิสาย เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด "

          ท่านหมอเอ่ยอย่างรู้ทันถึงความสะเทือนใจของผู้ฟังเช่นกัน จึงเอ่ยส่งจิ้นอิ๋งทางอ้อมให้พักเรื่องชวนกังวลพวกนี้แล้วหาความจรรโลงแก่ตัวเองเสียบ้าง จากคำบอกเล่าของคนงานท่านหมอทำให้พอรู้ว่าจิ้นอิ๋งเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ได้ช่วยเหลือสตรีที่หมดสตินี้เอาไว้เท่านั้น ทว่าเพราะอาการของอีกฝ่าย ท่านหมอย่อมรู้ดีว่าสตรีเพศด้วยกันย่อมโดนกระทบไม่ต่างกันแม้จะไม่ได้โดนกระทำเองก็ตาม

          จิ้นอิ๋งที่ได้ยินก็คล้ายมีสีหน้าดื้อดึงครู่หนึ่งราวอยากเข้าไปเยี่ยมในตอนนี้ แต่เพราะท่านหมอเริ่มจะมองดุนางขึ้นมาจริง ๆ จิ้นอิ๋งจึงยินยอมพยักหน้ารับผะแผ่วก่อนโค้งลาและเดินคอตกออกมาจากโรงหมอไปหลังได้ยินว่าค่าใช้จ่ายค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ ถานเจ๋อหลังโค้งลาไม่ต่างกันก็เผลอยืนนิ่งขณะเลื่อนสายตามองเข้าไปยังห้องพักฟื้นของโรงหมอครู่หนึ่ง แววตาฉายความอาดูรวูบหนึ่งก่อนมันจะเบือนศีรษะออกและเดินตามท่านหญิงของมันไป
          .
          .
          แม้เวลานี้เพียงเข้ายามเซิน แต่จิ้นอิ๋งกลับนอนนิ่งยังห้องพักในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองซีเหอแล้วหลังอาบน้ำอาบท่าจนกลิ่นเหม็นที่ติดตัวตั้งแต่ไปเยือนบ้านร้างตงฟางจางหายเรียบร้อย นางตะแคงนอนเหม่อจดจ้องยังฝาผนังนิ่งครุ่นคิดไม่ตกถึงสตรีที่เพิ่งได้ช่วยเอาไว้

          พรุ่งนี้.. พรุ่งนี้ขอให้นางฟื้นด้วยเถิดเจ้าค่ะ

          เอ่ยขอภาวนาในใจพร้อมกับข่มตาหลับแน่นจนนางผล็อยหลับไป ก่อนตื่นมาอีกคราก็ยามโหย่วโดยมีเสียงของถานเจ๋อเอ่ยปลุกยังด้านนอกห้องพร้อมแว่วเสียงเคาะตามคำวานของนางเองให้ออกไปทานข้าวเย็นถึงกลับเข้ามาพักผ่อนอย่างจริงจังต่อช่วงยามค่ำ


หญิงสาวลึกลับที่ถูกช่วยชีวิตไว้ได้เริ่มรู้สึกตัวก่อนร่ำไห้กับความอาภัพโชคชะตาที่ตนเองได้พบเจอ ความเปราะช้ำทางใจที่ไม่รู้จะรักษาหายหรือไม่
สำหรับเธอตอนนี้กำลังตกอยู่ในโลกส่วนตัว (ตกอยู่ในภาวะวิปลาสที่ไม่รู้จะหายไหม) ที่ไม่อาจแยกความจริงหรือความเท็จออกจากกันได้
บางครั้งถ้าเจอโจรโพกผ้าเหลืองก็จะเห็นภาพหลอนเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ทำให้เธอเปราะช้ำใจจนเกือบตรอมใจ
@Jinying
(1) ให้เงินช่วยเหลือและปลอบใจให้หญิงสาวสู้ชีวิต ~ (2) ยื่นมือช่วยเหลือ รับเป็นผู้ติดตาม ~ (3) ร่ำลาอีกฝ่าย ปลอบใจหรือออกจากโรงหมอเลย

หากรับอีกฝ่ายเข้าทีม ให้ส่งประวัติ NPC ในหมวด NPC โดยอีกฝ่ายจะมีระดับ 25 มีอุปนิสัยดังนี้
ภาพ NPC 300x300 px

อัตลักษณ์ที่ได้มาทีหลังจากการใช้ชีวิตและพบเจอเหตุการณ์






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-12 22:07:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-9-12 22:10

เหมย ซูฮวา

          วันใหม่มาเยือน ตัวจิ้นอิ๋งที่แทบนอนไม่หลับเร่งลุกขึ้นมาอาบน้ำชำระร่างกายต้อนรับวันใหม่ตั้งแต่ยามเหม่า ก่อนตามมาปลุกถานเจ๋อที่ยังมีสีหน้าง่วงงุนไม่อาจปกปิด ในหัวผู้ติดตามตอนนี้ได้แต่คิดว่าวันพักที่คาดหวังยังเมืองลั่วหยางของมันลอยหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ ทว่าพอสติเริ่มกลับคืนหลังผู้เป็นนายพามันกลับมาเยือนยังโรงหมอจิงเซินมันถึงนึกขึ้นได้ว่าช่วยเหลือสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่งมาได้ ความง่วงพลันเลือนหายกลายเป็นสีหน้ากังวลเข้าแทนที่ไม่ต่างจากจิ้นอิ๋ง

          " โรงหมอเปิดให้เข้าเยี่ยมได้หรือยังเจ้าคะ? " จิ้นอิ๋งเอ่ยถามคนงานที่เพิ่งจะจัดสมุนไพรยังชั้นวาง ซึ่งทันทีที่อีกฝ่ายเห็นนางและผู้ติดตามก็ยกยิ้มให้อย่างเป็นมิตรพลางพยักหน้ารับก่อนผายมือเข้าไป

          " ท่านหมอหงรออยู่พอดีเลยล่ะขอรับ เข้าไปได้เลย "

          สิ้นคำอนุญาตทั้งจิ้นอิ๋งและถานเจ๋อก็เร่งฝีเท้าเข้าไปหา แต่ยังไม่ทันทีทั้งสองจะได้เข้าไปยังในห้องที่กั้นไว้เป็นห้องพักฟื้นของคนไข้ ท่านหมอหญิงก็เดินสวนออกมาเสียก่อนคล้ายกับขวางทางไว้อยู่ในที ซึ่งเรียกคิ้วเรียวของจิ้นอิ๋งให้เลิกขึ้นอย่างติดฉงน แววตาฉายความกังวลขึ้นมาหลงเห็นท่าทางเช่นนี้ของหมอหญิง

          " นางฟื้นแล้วและเราได้ช่วยป้อนน้ำและยาให้นางเรียบร้อย เพียงแต่หากจะเข้าไปเยี่ยม.. เรายังไม่แนะนำให้มีบุรุษไปพบนาง "

          ถานเจ๋อที่ได้ยินคิ้วเข้มพลันขมวดไม่เข้าใจ ทว่าสักพักเมื่อนึกถึงอาการบาดเจ็บของแม่นางผู้นั้นท่าทางของมันก็คล้ายอ่อนลงก่อนจะพยักหน้ารับท่านหมอหญิงอย่างไม่ดื้อรั้น ก่อนจะผละเดินมานั่งยังเก้าอี้ตัวยาวที่อยู่ไกลแทนเพื่อให้จิ้นอิ๋งได้เข้าไปเยี่ยมคนเดียว ซึ่งนางก็มองขอบคุณไปยังผู้ติดตามเล็กน้อยที่เข้าใจ ก่อนจะหันมาโค้งให้แก่ท่านหมอที่ช่วยรักษาสตรีแปลกหน้าผู้นั้นให้

          " ขอบคุณท่านหมอหงที่ช่วยรักษานางนะเจ้าคะ กู่จิ้นอิ๋งผู้นี้ขอขอบคุณจากใจเจ้าค่ะ "

          " หน้าที่เราอยู่แล้ว " ท่านหมอเอ่ยกลับสั้น ๆ แต่แววตาอ่อนโยนที่ทอดหาจิ้นอิ๋งพร้อมรอยยิ้มจางบ่งบอกว่าอีกฝ่ายยินดีรับคำขอบคุณเหล่านั้นมาหมดแล้ว นางจึงพลันยิ้มส่งหากลับไปไม่ต่างกันก่อนจะเข้าไปยังห้องกั้นส่วนพักฟื้นในที่สุด
          .
          .
          หลังม่านพื้นหนาที่ปกปิดภายใน ยามเมื่อเปิดขึ้นก็พบสตรีรูปโฉมชวนมองกึ่งนั่งพิงหัวเตียงพลางมองเหม่อออกนอกหน้าต่างข้างเตียงอยู่ ใบหน้าที่ซีดเซียวลงจากความบอบช้ำทั้งทางกายและจิตใจยิ่งเสริมให้อีกฝ่ายคล้ายจะแตกสลายได้ทุกเมื่อจนจิ้นอิ๋งที่ได้เห็นภาพตรงหน้าพลอยรู้สึกเศร้าซึมตามแม้ยังไม่เปิดสนทนาใด นางยืนนิ่งบื้อใบ้ครู่หนึ่งกอนค่อยคอยเดินหาให้พอมีเสียงฝีเท้าเรียกความสนใจจากสตรีผู้นั้น

          ทว่าเพียงแค่เสียงฝีเท้าดังขึ้น ใบหน้าที่ดูติดเหม่อพลันเปลี่ยนเป็นหวาดผวาก่อนหันมองอย่างเร็วรี่มาทางจิ้นอิ๋งจนคนโดนมองแทบลอบสะดุ้ง ดวงตาทั้งสองสบประสาน กระทั่งเหมือนอีกฝ่ายมองจนแน่ใจว่าคนที่เห็นเป็นสตรีเพศนางถึงได้พยายามเผยรอยยิ้มส่งหาให้ แม้จะดูฝืนเต็มทีก็ตาม

          " ท่าน.. ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม แววตาไหวระริกด้วยความรู้สึกสงสารท่วมท้นในใจ ก่อนร่างเล็กจะค่อยคอยเดินเข้าใกล้ทีละน้อยไม่ให้อีกสตรีต้องตกใจ จนเมื่อหย่อนตัวนั่งยังเก้าอี้ที่วางข้างเตียงอีกคนได้แล้ว ดรุณีน้อยพลันเม้มปากตัวเองแน่นด้วยเพราะอีกคนไม่ได้ตอบคำถามตน สุดท้ายเลยเริ่มเปิดบทสนทนาใหม่โดยแนะนำตัวออกไปเสียก่อน

          " ข้า.. มีนามว่า กู่ จิ้นอิ๋ง… ท่านล่ะเจ้าคะ? " ท้ายประโยคจิ้นอิ๋งพลันส่งรอยยิ้มเป็นมิตรกลับคืนไป

          " กู่ จิ้นอิ๋ง..? ท่านหมอหงบอก ...ท่าน ..ช่วยพาข้ามาที่นี่สินะ.. เจ้าคะ "

          สิ้นเสียงพร่าแหบของอีกฝ่ายที่ทำเอาจิ้นอิ๋งหลุดแววตาติดห่วงออกมา สตรีบนเตียงพลันเคลื่อนตัวตรงมาสวมกอดนางเอาไว้แล้วพลางกล่าวขอบคุณยังข้างหูจิ้นอิ๋งไม่หยุด เคล้าคลอกับเสียงสะอื้นให้คนโดนกอดต้องลูบปลอบแผ่นหลังอีกฝ่ายอย่างปลอบโยน นางไม่แม้แต่จะคิดผลักออก เต็มใจให้กอดไว้จนกว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกดีขึ้น

          ผ่านไปราวหนึ่งเค่ออีกสตรีถึงผละออกพร้อมกับที่จิ้นอิ๋งคอยมองท่าทางอีกฝ่ายไปด้วยว่าดีขึ้นบ้างหรือไม่ ก่อนลอบชื่นชมในใจขึ้นมาถึงเครื่องหน้าที่เหมาะเจาะของสตรีเบื้องหน้าที่แม้ในยามที่ยังดูป่วยเช่นนี้ก็ยังไม่สร่างความงามลง เช่นนั้นแล้วนางยิ่งไม่อยากให้สตรีผู้นี้ต้องหลั่งน้ำตาต่อพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าของตนออกมาให้อีกคนได้รับไปซับหน้าซับตาดี ๆ

          " ข้ามีนามว่า เหมย ซูฮวา เจ้าค่ะ.. ขอบคุณท่านจริง ๆ ที่ช่วยข้าออกมา ...ขอบคุณจริง ๆ "

          คล้ายจะสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกหน ครานี้จึงเป็นฝ่ายจิ้นอิ๋งที่ลุกไปกอดอีกคนเอาไว้เอง ให้ดวงหน้างามซบหายังลาดไหล่เล็กของนาง มือเรียวพลันเลื่อนลูบสางเรือนผมปลอบสตรีในอ้อมแขนตนไปด้วย

          " ท่านปลอดภัยแล้ว.. ไม่เป็นไรนะเจ้าคะ "
          .
          .
          เป็นเวลากว่าหนึ่งก้านธูปกว่าที่จิ้นอิ๋งจะออกมาจากห้องพักฟื้นที่อีกสตรีได้นอนพักผ่อนจากยาของท่านหมอหญิงไปแล้ว หลังถานเจ๋อเห็นผู้เป็นนายก็เร่งผุดลุกเดินเข้ามาหาเพื่อถามไถ่ถึงอาการคนด้านใน ซึ่งจิ้นอิ๋งก็เล่าออกมาไม่คิดปิดบังเพราะคิดว่าอาจส่งผลกระทบต่อหน้าที่ของถานเจ่อโดยตรงที่จะต้องเพิ่มการดูแลคนเพิ่มมาเป็นสอง

          " แม่นางผู้นั้นชื่อ เหมย ซูฮวา เป็นคนเมืองเจียซิ่ว ยามนี้นางมีเหตุผลทำให้ไม่กล้ากลับไปพบหน้าบิดามารดา ข้าจึงชวนนางให้มาติดตามพวกเราไปก่อน.. "

          ถานเจ๋อที่ฟังอยู่พลันขมวดเข้มลงเรื่อย ๆ เพราะแม้มันจะเห็นใจสตรีแปลกหน้านามซูฮวาผู้นั้น แต่ก็ใช่ว่าจะเคารพเหลื่อมใสเช่นจิ้นอิ๋ง ทำให้มันลังเลถึงประโยคต่อไปที่ผู้เป็นนายจะเอ่ย

          " ฮะ ๆ หน้าเจ้าไม่เก็บอารมณ์เช่นเดิมเลยนะถานเจ๋อ.. ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้หวังให้เจ้าปฏิบัติตัวกับแม่นางเหมยเช่นทำกับตัวข้า เจ้าปฏิบัติด้วยอย่างปกติได้เลย แค่รักษาระยะห่างเอาไว้ " ถานเจ๋อมีสีหน้าเบาใจขึ้นและพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

          " ข้าว่าจะให้นางติดตามสักพัก… จนกว่าจิตใจนางจะกลับมาเข้มแข็งได้ดังเดิม "

          ประโยคท้ายจิ้นอิ๋งเอ่ยเสียงแผ่วคล้ายกับครุ่นคิดถึงบางอย่างไปด้วย ถานเจ๋อที่เห็นสีหน้าของผู้เป็นนายที่ต้องกลายมาเป็นสตรีที่ได้แต่เร่ร่อนเช่นนี้ทั้งที่เคยมีบ้านหลังโตอยู่ลั่วหยางก็พลันเงียบเสียงลง และพยักหน้ารับอีกหนไม่เอ่ยทัดท้านใด ก่อนจิ้นอิ๋งจะหันไปหาท่านหมอหญิงเพื่อแจ้งความประสงค์ฝากให้ช่วยดูอาการของซูฮวาต่ออีกสักอาทิตย์แล้วนางจะมาพากลับ ซึ่งท่านหมอก็เห็นด้วยที่อยากให้คนไข้ผู้นี้ได้อยู่ต่ออีกสักหน่อยจึงรับคำไว้

          .
          " หากแม่นางเหมยยังไม่กล้ากลับคืนบ้าน เช่นนั้นก็มาติดตามข้าไปสักระยะก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ? "
          " ติดตามท่าน… หรือเจ้าคะ? " แววตาซูฮวาไหววูบทั้งลังเลและเกรงอกเกรงใจ
          " เจ้าค่ะ! อยู่กับข้าไปก่อน.. นานเท่าที่ท่านพร้อมจะกลับไปพบครอบครัวได้เลยล่ะเจ้าค่ะ! "
          " ท่านจิ้นอิ๋ง… ขอบพระคุณนะเจ้าคะ ..ขอบพระคุณจริง ๆ เจ้าค่ะ "

ตัวเลือกช่วยเหลือ
( ) ยื่นมือช่วยเหลือ รับเป็นผู้ติดตาม

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-18 06:03:27 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-9-18 22:32


⌜ 24 ⌟

บทที่ 6
สิ่งที่ต้องทำต่อ
ฉากที่ 1

            
            ในยามซวีเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านปกติเข้านอน แต่ก็ยังมีม้าขาวตัวหนึ่งควบวิ่งเต็มแรงม้าบนทางที่ฉ่ำแฉะไปด้วยละอองของเม็ดฝน ดีดเอาดินโคลนขึ้นมาย้อมขนขาวจนกลายเป็นสีดิน บนหลังอาชาตัวนั้นบรรทุกสิ่งของอยู่เต็มและยังมีผู้ที่ซ้อนหลังอีกถึงสอง ผู้หนึ่งเป็นบุรุษนอนสลบซบคอม้า อีกผู้เป็นหญิงสาวถือบังเหียนควบมันไปด้านหน้า แม้น้ำหนักบนหลังจะเยอะกว่าปกติแต่ทว่าม้าขาวที่รักการวิ่งก็ควบออกไปด้านหน้าแรงดีไม่มีตก
            
            “ย้าห์!”
            
            ด้วยเม็ดฝนและแรงลมปะทะทำให้ไม่อาจมองวิสัยทัศน์เบื้องหน้าได้เต็มตา เบื้องหน้าเป็นราตรีกาลสีทมิฬล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และทุ่งหญ้าข้างทาง เริ่มจะเห็นบ้านคนบ้างแล้ว ซีเหอคงอยู่อีกไม่ไกล

            เฟินเยว่เคยได้รับบทเรียนจากการซิ่งม้ามาแล้วหนหนึ่งจนเข็ดขยาดไม่กล้าให้ม้าวิ่งเร็ว แต่สำหรับตอนนี้คือเหตุการณ์เฉพาะหน้าที่นางต้องรีบนำพาคนป่วยไปรับการรักษาภายในเมืองที่ใกล้ ในที่สุดก็เห็นประตูเมืองเหอซีเด็กสาวจึงค่อยชะลอความเร็วม้าลง แต่ด้วยความเร็วที่ควบมาเต็มฝีเท้าขนาดนี้และด้วยถนนที่เปียกลื่นทำให้เสียหลักการควบคุม ไป๋ไป๋ลื่นไถลไปตามถนน เท้าทั้งสี่พยายามจิกพื้นไม่ให้ล้ม มันหมุนควงสว่านหลายรอบก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าทหารเฝ้าประตูเมือง ดีดโคลนใส่พวกเขาเสียจนชุดเกราะเลอะเทอะ
            
            “อื้อหือ”
            
            ทหารยามอุทานออกมาพร้อมทั้งเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปรอะเปื้อน
            
            “ขอโทษเจ้าค่ะ! ขอโทษเจ้าค่ะ!” เด็กสาวค้อมศีรษะลงขอโทษขอโพยอย่างร้อนรน แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังรีบอยู่ “เอ่อ.. ขอโทษนะเจ้าคะ ไม่ทราบว่าแถวนี้มีโรงหมอใกล้ ๆ หรือเปล่าเจ้าคะ”
            
            ทหารเห็นว่ามีคนป่วยมาด้วยก็เข้าใจถึงอาการรีบร้อน เขาบอกทางแก่นางไป
            
            “โรงหมอจิงเซินอยู่ทางนู้นน่ะ”
            
            ทหารยามชี้มือบอกทาง เฟินเยว่มองตามมือเขาไป เห็นแผ่นป้ายหน้าร้านตัวโตอยู่เกือบสุดถนนก็พยักหน้า
            
            “ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
            
            กล่าวจบก็ค้อมหัวแล้วควบม้ารีบจากไป เท้าม้าดีดโคลนเหล่านั้นใส่ทหารไปอีกรอบ
            
            “....”

            โรงหมอจิงเซินอยู่สุดเส้นทางจึงพอจะเร่งความเร็วเพิ่มได้อีก ในยามวิกาลเช่นนี้ไร้ผู้คนสัญจรไปมาจึงไม่ต้องกลัวว่าจะไปชนใครเขาเข้า ป้ายร้านที่เป็นเป้าหมายใกล้ตาขึ้นมาทุกที และเมื่อมาถึงเด็กสาวก็ชักบังเหียนม้าขึ้น ไป๋ไป๋ที่หยุดวิ่งกระทันหันส่งแรงเหวียงทำให้คราวนี้คนซวยคือเปาเปา มันกระเด็นหลุดออกจากตะกร้าด้านหลังแล้วหน้าจุ่มลงไปในโคลน..
            
            “อุด..”
                        
            เด็กสาวไม่ได้สนใจหมู นางกระโดดลงจากม้าแล้วตรงดิ่งเข้าไปทุบประตู สภาพเนื้อตัวก็เลอะเทอะไม่ต่างจากผู้อื่น
            
            “ท่านหมอเจ้าคะ ท่านหมอเจ้าคะ!”
            
            ทุบประตูปึงปังอยู่ครู่หนึ่งถึงมีคนออกมาเปิดประตูรับ นางคือหญิงสาววัยกลางคนผู้มีสีหน้าเรียบนิ่งดูเหมือนกับว่าไม่พอใจอะไรอยู่ตลอดเวลา
            
            “อึ๋ย.. ขะ.. ขอโทษเจ้าค่ะ คือว่ามีคนป่วยนอนสลบอยู่ในบ้านร้าง ถ้าอย่างไรท่านหมอช่วยรักษาหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนออกเงินเองเจ้าค่ะ”
            
            เฟินเยว่เสียงหงอยลงเมื่อเห็นสีหน้าแบบนั้น นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือหมอหรือไม่ แต่หากอาศัยอยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่หมอก็เป็นฮูหยินของท่านหมอ ทางด้านหมอสาวก็ขมวดคิ้วเอะใจอยู่เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘บ้านร้าง’ แต่นางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น
            
            “เราเป็นหมอ รีบพยุงเขาลงมาเถิด”
            
            หมอสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำให้คนหงอมีแรงกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง
            
            “เจ้าค่ะ”

            เด็กสาวพยุงบุรุษผู้สลบไสลลงมาจากหลังม้าโดยมีท่านหมอช่วยประคอง แล้วหามเขาคนนั้นเข้าไปนอนบนเตียงผู้ป่วยด้านใน ไม่ถามไถ่หรือพูดมากไปกว่านั้นคุณหมอก็ลงมือทำหน้าที่ของนางทันที คลายเสื้อผ้าคนไข้ให้หายใจสะดวก ตรวจวัดชีพจรโดยมีเด็กสาวตัวเปียกยืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำตัวไม่ถูก จนสุดท้ายคำวินัจฉัยก็ออกมา

            “หยินหยางในร่างกายไม่สมดุลย์ ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงมาก แต่ทว่าจำเป็นต้องพักผ่อนและทานยารักษา คืนนี้คงต้องรักษาตัวที่นี่ไปก่อน เราจะเช็ดตัวให้เขาเองแม่นางไม่ต้องกังวล”
            
            “เจ้าค่ะ ฝากดูแลเขาด้วยนะเจ้าคะ”
            
            เฟินเยว่พยักหน้ารับหงึก ๆ กำลังจะล้วงถุงเงินเพื่อจ่ายสตางค์แต่คุณหมอก็ปรามเอาไว้ก่อน
            
            “ยังไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้แม่นางเอาไว้ให้การรักษาเสร็จสิ้นลงก่อน.. ส่วนแม่นางก็รีบไปล้างตัวเช็ดผมให้แห้งเถอะ เดี๋ยวจะป่วยไข้ตามไปอีกคน”
            
            “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ..” ในเมื่อท่านหมอกล่าวตามนั้นนางก็ทำตามนั้น อย่างไรเสียนางก็ไม่คิดจะเบี้ยวอยู่แล้วจะต้องกลับมาดูอาการและจ่ายเงินค่ารักษาให้อีกฝ่ายอย่างแน่นอน “ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
            
            เฟินเยว่ค้อมศีรษะเป็นการลา ทางด้านท่านหมอก็เดินออกมาส่งก่อนที่จะปิดร้านไปอีกหน
            
            “เฮ้อ.. ระหว่างการเดินทางจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเลยหรืออย่างไรกันนะ”

            เด็กสาวถอนหายใจแล้วรำพันกับตัวเองเมื่ออยู่คนเดียว นางหยิบบังเหียนม้าขึ้นมาแล้วเตรียมจูงไป๋ไป๋ไปหาโรงเตี๊ยมพักนอน ทว่าได้ยินเสียงท้วงของเปาเปาอยู่ข้างล่างแทนที่จะเป็นในสัมภาระ
            
            “อู๊ด”

            เมื่อมองลงไปก็เห็นหมูน้อยนั่งตัวกลมเลอะโคลนไปทั้งหน้าจนเห็นเพียงแค่ลูกตา แถมมันยังทำตาขวางใส่อีกด้วย

            “เปาเปาลงมาทำไมเลอะเทอะหมดเลย”

            สาวน้อยยังคงไม่รู้ว่าเจ้าหมูที่น่าสงสารต้องเผชิญชะตากรรมอะไรมาบ้าง นางลงไปอุ้มมันขึ้นมาแล้วใช้ชายแขนเสื้อชุดที่เลอะเทอะอยู่แล้วเช็ดหน้าเช็ดตาให้มันให้พอสะอาด แล้วก็จูงม้าอุ้มหมูน้อยไปหาโรงเตี๊ยมที่ใกล้ในระแวกนั้น...

            
.
.
.



ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-9-18 14:57:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-9-18 14:59

นัดเที่ยวในวันไหว้พระจันทร์
.
.
.

          ยังเมืองซีเหอในยามโหย่วที่ตะวันเริ่มเคลื่อนคล้อยลงเตรียมลับยังขอบฟ้า จิ้นอิ๋งก็เดินทางมาถึงตัวเมืองพอดิบพอดีหลังพักม้ายังบริเวณคอกสาธารณะที่รับฝากเรียบร้อย นางก็เดินเท้าต่อมายังส่วนเขตของโรงหมอจิงเซินที่ใกล้เตรียมปิดพอดี แต่เพราะแจ้งมาขอเยี่ยมเหมย ซูฮวา คนงานด้านหน้าร้านจึงเข้าไปแจ้งท่านหมอหงให้ก่อนกลับ ซึ่งทันทีที่พบหน้าท่านหมอก็พยักหน้ารับทั้งรอยยิ้มจางราวจะสื่อให้รู้ว่าสตรีที่ถูกฝากไว้ยังโรงหมอนั้นสบายดี

          จิ้นอิ๋งจึงทำการชำระค่าใช้จ่ายการรักษาของซูฮวาพร้อมให้เครื่องยาจีนจำนวน 5 ชุดถือว่าบริจาคให้แก่โรงหมอแห่งนี้เพื่อตอบแทนที่ให้ที่พักพิงแก่คนของนาง

          แล้วในวันนี้ที่แม่นางเหมยมีอาการที่ดีขึ้น ท่านหมอหงจึงอนุญาตให้ถานเจ๋อได้เข้าไปทำความคุ้นเคยกับนางก่อนจะได้มีโอกาสเดินทางร่วมกัน ป้องกันไม่ให้หวาดระแวงกันไปเสียก่อน ทว่าทันทีที่เหมยซูฮวาเห็นร่างของบุรุษหน้าโหดด้านหลังจิ้นอิ๋ง อีกฝ่ายก็ลอบสะดุ้งพร้อมใบหน้างามนั้นบิดเบ้คล้ายหวาดกลัวให้ถานเจ๋อแทบจะชะงักขาที่ก้าวอยู่นิ่ง ใบหน้าดุกร้าวกลายเป็นล่อกแล่กด้วยไม่นึกว่าตนจะสร้างความหวาดกลัวแก่อีกสตรีเช่นนั้น

          จิ้นอิ๋งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่หยุดลง ไหนจะสีหน้าของสตรีบนเตียง จึงหันกลับไปมองยังผู้ติดตามก็ทำเอานางเผลอหลุดหัวเราะร่าอย่างกลั้นแทบไม่อยู่ มือเล็กทั้งสองจำต้องรีบยกปิดริมฝีปากกลั้นเอาไว้ด้วยคิดว่าเวลานี้คงไม่เหมาะจะมานึกขบขันนัก ทว่าเพราะเสียงหัวเราะของจิ้นอิ๋งทำให้ซูฮวารู้สึกผ่อนคลายตามอย่างประหลาด และตัวถานเจ๋อที่ทำตัวเกรงอกเกรงใจและกังวลที่ทำให้อีกสตรีหวาดผวาโดยไร้ซึ่งความคุกคามใดอย่างที่นางเคยเจอในความทรงจำชวนพะอืดพะอม สีหน้าของซูฮวาจึงค่อยคอยดีขึ้นตามลำดับและไม่ได้ดูกลัวจนเกินไปยามทั้งคู่เข้าใกล้มากขึ้น

          " ร่างกายเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะแม่นางเหมย " เก้าอี้ข้างเตียงถูกนั่งโดยจิ้นอิ๋งก่อนจะสบตาใสอย่างทั้งนึกเป็นห่วงและดูดีใจไม่น้อยที่สีหน้าของสตรีตรงหน้าดูดีขึ้นมากกว่าหลายวันก่อนที่ได้พบกัน

          " ดีขึ้นมากแล้วล่ะเจ้าค่ะท่านจิ้นอิ๋ง ท่านหมอหงบอกอยู่ต่ออีกสองสามวันข้าก็เดินทางไปพร้อมกับท่านได้แล้วเจ้าค่ะ.. " ซูฮวากล่าวทั้งรอยยิ้มจาง สลับดวงตาคมที่เลื่อนมองถานเจ๋อเป็นระยะ เรียกความสนใจให้จิ้นอิ๋งมองตามสายตาก่อนจะผายมือแนะนำให้ทั้งสองได้ทำความรู้จักกัน

          " บุรุษผู้นี้เป็นผู้ติดตามของข้าเองเจ้าค่ะ มีนามว่า ถาน เจ๋อ ยามข้าเดินทางด้วยกันก็ได้ถานเจ๋อคอยช่วยปกป้องจากอันตรายเจ้าค่ะ "

          " เหมย ซูฮวาเจ้าค่ะ... ท่านถานเจ๋อ "

          " ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน แม่นางเหมย "

          จิ้นอิ๋งลอบมองหนึ่งสตรีหนึ่งบุรุษผลัดกันทักทายที่แม้ยังมีบรรยากาศติดเกร็งระหว่างทั้งคู่ เพราะหลังแนะนำตัวกันเสร็จก็พากันเงียบก่อนเลื่อนหลบสายตากัน หากแต่ก็สัมผัสได้ว่าสตรีบนเตียงนี้ไม่ได้กลัวถานเจ๋อแล้วหลังจากที่นางพยายามเอ่ยเรื่องดี ๆ ของผู้ติดตามให้อีกฝ่ายฟัง พลันเรียกรอยยิ้มร่าเริงให้เผยประดับดวงหน้าหวานที่ประสบความสำเร็จในการให้ผู้ติดตามทั้งสองคนของนางเริ่มเปิดใจสนิทสนมกันในระดับหนึ่ง
          .
          .
          " นี่ของฝากจากข้าเจ้าค่ะ ชาหลงจิ่ง.. แม่นางเหมยทานพวกชาได้อยู่ใช่ไหมเจ้าคะ "

          ประโยคท้ายแอบลดเสียงเอ่ยถามไม่แน่ใจด้วยกลัวว่าท่านหมอหงที่อยู่ด้านนอกห้องจะพลันได้ยินเข้าแล้วจะเข้ามาดุได้ถ้าผู้ป่วยตรงหน้านี้ยังดื่มพวกชาไม่ได้ ซึ่งซูฮวาก็เผลอหลุดหัวเราะแผ่วจากท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ ของจิ้นอิ๋ง ก่อนจะพยักหน้ารับแทนคำตอบและยื่นมือรับโถเล็กใส่ชาที่ยังอบอุ่นอยู่จนนางเผลอนำมาโอบแนบกายอย่างชอบใจ

          " ดีใจที่เห็นแม่นางเหมยชอบนะเจ้าคะ ยังไงก็รักษาตัวให้ดี ไว้วันที่ข้ามารับตัวแม่นางเหมยเดินทางด้วยกัน… ข้าจะพาไปเที่ยวเทศกาลวันไหว้พระจันทร์นะเจ้าคะ! "

          " เทศกาลวันไหว้พระจันทร์… หรือเจ้าคะ? " น้ำเสียงหวานเอ่ยทวนติดฉงนให้จิ้นอิ๋งพยักหน้ารับทั้งรอยยิ้มอย่างแข็งขัน

          " เจ้าค่ะ! งานเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยว ได้ยินว่าจัดอยู่ที่เมืองฉางอันน่ะเจ้าค่ะ เผื่อจะช่วยให้แม่นางเหมยได้ผ่อนคลายขึ้นด้วยนะเจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งพยายามเอ่ยโน้มน้าวชวนให้เที่ยวด้วยกันต่อด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ดวงตาหวานดูประกายไม่น้อยยามสบหารอคำตอบ ซึ่งทางฝั่งซูฮวาที่เห็นก็คล้ายนิ่งไปครู่หนึ่ง ในหัวกำลังลังเลในบางสิ่งด้วยเพราะเทศกาลที่ว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง ครอบครัวของอีกฝ่ายก็ไม่รู้จะได้ไปหรือไม่

          " ได้เจ้าค่ะ ถ้าท่านจิ้นอิ๋งอยากไปเที่ยว ข้าก็อยากไปเดินงานด้วยนะเจ้าคะ "

          สุดท้ายซูฮวาก็ตอบรับ มือที่ถือโถชาดูกุมแน่นขึ้นพร้อมพึมพำบอกขอบคุณแก่จิ้นอิ๋งพร้อมค้อมหัวลงให้แม้จะยังกึ่งนั่งพิงหัวเตียงอยู่ ด้วยรู้สึกทั้งเกรงอกเกรงใจและซาบซึ้งในน้ำใจต่อสตรีแปลกหน้าเช่นอีกฝ่ายเอามาก ๆ ซึ่งจิ้นอิ๋งที่ได้ยินคำตอบรับก็ดีใจมาก มือพลันโบกปฏิเสธไม่ให้อีกสตรีรู้สึกเกรงอกเกรงใจนาง

          " งั้นข้าไม่รบกวนเวลาพักผ่อนแม่นางเหมยแล้วเจ้าค่ะ ไว้วันเทศกาลข้าจะมารับให้เดินทางไปด้วยกันเลยนะเจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยนัดแนะแก่อีกฝ่าย ก่อนจะบอกลาเพื่อให้ซูฮวาได้พักผ่อนตามที่กล่าว รวมถึงให้ท่านหมอหงได้ปิดโรงหมอตามเวลา ส่วนนางที่เห็นว่าระยะเวลาเริ่มค่ำเกินกว่าจะเข้าไปทักทายพ่อค้าหวังทู่จึงคิดว่าควรพักยังโรงเตี๊ยมก่อนเข้าไปหาและรับงานจากอีกฝ่าย ซึ่งระหว่างในที่จิ้นอิ๋งกำลังเตรียมเข้านอน ในหัวก็พาลนึกไปถึงบ้านร้างที่ตั้งใจจะซื้อขึ้นมา ด้วยความยังตรวจสอบได้ไม่หมดจากการเจอสตรีแซ่เหมยเข้าเสียก่อน นางจึงคิดวางแผนจะเข้าไปดูให้ทั่วอีกคราไปด้วย

          เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเข้าไปดูบ้านหลังรับงานจากพ่อค้าหวังทู่ก็แล้วกัน


[159] มอบ ชาหลงจิ่ง ให้
บริจาค เครื่องยาจีน 5 ชุด แก่โรงหมอจิงเซิน

ลักษณะนิสัยใจกว้าง
+15 EXP ทุกครั้งที่โรลแบ่งปันข้าวของบริจาคด้วยความเมตตาให้ผู้อื่น
-20 ความเครียดเมื่อโรลบริจาคของให้คนอื่น อาทิ บริจาคข้าวสารให้ชาวบ้านยากไร้
ลักษณะนิสัยจริงใจ
+15 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-21 00:01:32 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-9-21 00:02


เดินทางไปเที่ยวงานเทศกาล
.
.
.

          เดินออกจากย่านการค้ามาไม่ถึงสองเค่อก็มาถึงยังโรงหมอจิงเซินที่ยามนี้มีคนป่วยเข้าออกไม่น้อย ด้วยเพราะเป็นคราแรกที่จิ้นอิ๋งเข้ามาเยือนในยามอู่จึงไม่ค่อยคุ้นชินนัก จนคนงานหน้าโรงหมอที่จำหน้าจิ้นอิ๋งเอ่ยทักนางเข้า ดรุณีน้อยถึงกล้าเดินเข้าไปยังตัวโรงหมอในที่สุด

          " มารับตัวแม่นางเหมยสินะขอรับ เชิญเข้าไปได้เลย ท่านหมอหงบอกถ้าเจอท่านกู่จิ้นอิ๋งในช่วงเช้าให้มาพาไปได้เลย.. พอดีท่านหมอหงค่อนข้างยุ่งน่ะขอรับ "

          ประโยคท้ายคนงานผู้นั้นลดเสียงกล่าวขึ้นมาเพื่อไม่ให้บรรดาคนไข้และผู้ที่แวะเวียนมาซื้อสมุนไพรอยู่เรื่อย ๆ นั้นต้องหันมอง จิ้นอิ๋งที่เข้าใจก็ยกยิ้มขอบคุณไปให้ก่อนฝากให้ถานเจ๋อทำการชำระเงินส่วนตัวนางจะเข้าไปด้านในเพื่อพาซูฮวาออกมาพร้อมลาท่านหมอหงหากมีโอกาสไปด้วย ซึ่งหลังจากที่นางเข้าไปยังตัวโรงหมอแล้ว ก็คาดว่าคงไม่ได้เอ่ยลาอย่างเป็นทางการแน่เพราะอีกฝ่ายแทบจะอยู่ค้างยังห้องตรวจ สุดท้ายจิ้นอิ๋งจึงทำได้เพียงมารับตัวเหมยซูฮวาออกมาด้านนอกเท่านั้น

          " ฝากขอบคุณท่านหมอหงด้วยนะเจ้าคะ ไว้ข้าแวะผ่านเมืองซีเหออีกจะนำสมุนไพรมาตอบแทนอีกที่ให้แม่นางเหมยพักแรมนะเจ้าคะ "

          คนงานที่ได้ยินก็พยักหน้ารับทั้งรอยยิ้มกลับไปให้ รับปากมั่นเหมาะจะนำคำนางแก่ท่านหมอให้แน่ จิ้นอิ๋งถึงสบายใจขึ้นและพาตัวเหมยซูฮวาที่ดูสดใสขึ้นมากแล้วเดินกลับไปยังส่วนจุดพักม้าเพื่อทำการเดินทางเตรียมไปเทศกาลวันไหว้พระจันทร์กันต่อ โดยระหว่างเดินก็เอ่ยชวนคุยเพื่อบอกเล่าถึงแผนการเดินทางที่จิ้นอิ๋งจะใช้ในการเดินทางไปเมืองฉางอัน

          " แม่นางเหมยเคยขี่ม้าหรือไม่เจ้าคะ? "

          " ก็.. ไม่เคยขี่เองน่ะเจ้าค่ะ " ซูฮวาตอบเสียงแผ่วลงเล็กน้อยให้พอรับรู้ได้ไม่อยากว่าเคยขี่ร่วมกับใคร จิ้นอิ๋งจึงไม่ได้ถามถึงอีกแต่เข้าประเด็นที่นางต้องการรู้ออกไป

          " ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ เพราะตอนเดินทางข้าจะให้แม่นางเหมยมานั่งม้าตัวเดียวกับข้าเองเจ้าค่ะ แต่ว่า.. ข้ามีเรื่องอยากสอบถามอีกเสียเล็กน้อย "

          ท้ายประโยคจิ้นอิ๋งสบตาสตรีข้างกายด้วยสีหน้าที่คล้ายลำบากใจเล็กน้อย ทว่าซูฮวาที่รับรู้ได้นั้นพลันส่งยิ้มมาให้อย่างกระตือรือร้น ราวกับรอคอยฟังคำขอของจิ้นอิ๋งโดยไม่มีท่าทางอิดออดหรือไม่อยากรับฟังคำที่นางยังคงเงียบเอาไว้ ทำเอาจิ้นอิ๋งที่เห็นสีหน้าเช่นนั้นของอีกฝ่ายเผลอหลุดรอยยิ้มเตือความเอ็นดูออกมาอย่างอดไม่อยู่

          " คือ.. ถ้าเราเดินทางทีเดียวไปถึงเมืองเหอตงที่อยู่เขตกวนจงทีเดียวเลย.. แม่นางเหมยพอจะไหวหรือไม่เจ้าคะ แต่ข้าจะพาพักระหว่างทางบ่อย ๆ เจ้าค่ะ "

          ได้ยินเช่นนั้นอีกฝ่ายก็พลันร้องรับเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าตอบแก่จิ้นอิ๋งให้เห็นว่านางไม่มีปัญหาอะไร อาจด้วยเพราะนางยังไม่รู้ถึงความปวดร้าวจากการขี่ม้าก็ได้ จิ้นอิ๋งเลยทำเพียงส่งรอยยิ้มแหยแก่อีกสตรีกลับไป อีกหนึ่งคำขอเลยคิดว่าเก็บเอาไว้ถามยามที่ได้พักอยู่เมืองเหอตงเสียดีกว่า เพราะบางทีถามไปยามนี้หญิงสาวไม่แคล้วตอบรับไปเสียหมด โดยไม่รู้ถึงสุขภาพตัวเองที่อาจจะเจ็บป่วยขึ้นมาได้ถ้ายังฝืนกับคำขอนางอยู่

          หลังคำขอแรกได้รับการยอมรับ ทั้งสามคนก็มาถึงยังจุดพักม้าพอดีเป็นอันสิ้นสุดบทสนทนา และจิ้นอิ๋งก็ส่งไป๋เซ่อไก่ขนฟูให้แก่ถานเจ๋อได้อุ้มไปด้วยระหว่างขี่ม้า เพราะนางตั้งใจให้ซูฮวาขึ้นม้ามากับนาง ซึ่งแม้หญิงสาวจะมีท่าทีที่ไม่หวาดผวาถานเจ๋ออย่างครั้งแรกที่เจอแล้ว ทว่าก็ยังดูมีสีหน้าที่ซีดเซียวลงยามมองเห็นอีกบุรุษขึ้นม้าไปราวกับมีภาพทรงจำบางสิ่งที่ทำให้ซูฮวานึกพรั่นอยู่ จิ้นอิ๋งเลยตัดสินใจจนกว่าอีกสตรีจะลืมเลือนหรือปล่อยวางความทรงจำไม่ดีเหล่านั้นได้ จะไม่ให้ซูฮวาใกล้ชิดกับถานเจ๋อเกินความจำเป็น

          " ริงสิ.. อันนี้ขนมเยว่ปิ่งเจ้าค่ะ ข้าทำมาเผื่อให้แม่นางเหมยด้วยนะเจ้าคะ ไว้ทานอีกสามวันนะเจ้าคะ.. ไม่งั้นทานตอนนี้จะเจ็บฟันจนหุบปากไม่ลงแบบถานเจ๋อ "

          แต่แล้วก่อนที่สองสตรีจะได้ขึ้นม้าไป จิ้นอิ๋งที่นึกได้ว่ายังไม่ได้ให้ขนมแก่อีกฝ่ายก็ยื่นส่งให้ก่อนพร้อมกับท้ายประโยคนั้นแอบเอ่ยพาดไปถึงถานเจ๋อที่กำลังควบม้ามาและได้ยินเข้าพอดีด้วยความตั้งใจของจิ้นอิ๋งเอง จนมันแทบจะงับปากตัวเองที่หุบไม่ค่อยลงเพราะเจ็บฟันจริง ๆ เสียเดี๋ยวนั้น เรียกเสียงหัวเราะของซูฮวาให้ดังขึ้นพร้อมบรรยากาศระหว่างทั้งสามที่ผ่อนคลายมากขึ้นเลยเชียว

          " ขอบคุณมากเลยนะเจ้าคะท่านจิ้นอิ๋ง "

          สิ้นคำขอบคุณทั้งสามก็ได้ฤกษ์เดินทางมุ่งสู่เมืองเหอตงด้วยความเร็วห้อม้าที่จิ้นอิ๋งใช้มากกว่าปกติ ทว่าก็พักลงจากม้าบ่อยกว่าทุกคราเช่นเดียวกัน..


[159] มอบ ขนมเยว่ปิ่ง ให้
ลักษณะนิสัยใจกว้าง
+15 EXP ทุกครั้งที่โรลแบ่งปันข้าวของบริจาคด้วยความเมตตาให้ผู้อื่น
ลักษณะนิสัยจริงใจ
+15 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-26 13:26:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-11-9 00:27




⌜42⌟

บทที่ 8
เรื่องราวเข้าใจผิด
ฉากที่ 5



          เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เฟินเยว่ทำธุระส่วนตัวในยามเช้าเรียบร้อยแล้วนางก็รีบไปหาเหลียงต้าซิ่นที่โรงหมอจิงเซินเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล ในช่วงที่นางไม่อยู่ไปฉางอันหลายวันหวังว่าเขาจะนอนพักผ่อนจนหายไข้ดีแล้วและยังอยู่ที่นี่ แต่เมื่อเด็กสาวไปถึงกลับพบว่าอีกฝ่ายกลายเป็นหนึ่งในลูกจ้างชั่วคราวของโรงหมอแห่งนี้ไปเสียแล้ว
         
          “สวัสดีเจ้าค่ะ คุณชายเหลียงหายดีแล้วสินะเจ้าคะ”
         
          เด็กสาวเอ่ยทักทายแก่บัณฑิตหนุ่มหน้าหวาน รู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยว่าต้องเริ่มคุยอย่างไรดีจึงเริ่มไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบไปก่อน แต่ก็ดีใจที่เห็นเขาสบายดีแล้วจนถึงลุกขึ้นมาทำงานได้ เพียงแต่ยังงงอยู่ว่าทำไมเขาถึงกลายมาเป็นลูกจ้างของร้านในช่วงที่นางไม่อยู่
         
          “สวัสดีแม่นางซุน หายไปเสียหลายวันเชียวนะ” เหลียงต้าซิ่นเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในกระแสนั้นมีถ้อยคำเชิงตำหนิอยู่เล็กน้อยที่จู่ ๆ นางก็หายตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว จากนั้นบุรุษก็หันกลับไปหานายจ้างชั่วคราวของเขา “ในเมื่อนางกลับมาแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวออกไปคุยกับนางก่อน ถือว่าข้าทำงานใช้หนี้ครบแล้วใช่หรือไม่”
         
          “ตามสบายเถิด เราไม่มีปัญหา ส่วนค่าแรงถือว่าหักกับค่ารักษาครบหมดแล้ว”
         
          หมอหญิงเอ่ยตอบ นางยังคงมีท่าทีที่สงบและดูอ่านยากอยู่เหมือนเดิมจนไม่รู้ว่าตกลงแล้วนางโกรธหรือไม่ที่อยู่ ๆ พนักงานมาขอลาออกกลางคันหลังจากที่เฟินเยว่กลับมา
         
          “เช่นนั้นข้าขอลาก่อนนะท่านหมอหง ขอบคุณที่ให้การรักษาขอรับ” ต้าซิ่นกล่าวจบก็หันมาสนทนากับเด็กสาวต่อ “เราไปหาที่พูดคุยกับเถิดแม่นางซุน”
         
          “อะ.. เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะท่านหมอ”
         
          เฟินเยว่ที่ยังคงอยู่ในอาการมึนงงมีแต่ต้องตามเขาออกไป แล้วหาที่นั่งคุยยังร้านน้ำชาใกล้ ๆ นั่นเอง ชายหนุ่มจัดแจงรินชาให้เสร็จสรรพตามประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าจึงทำให้เขาทำอะไรก็ดูคล่องแคล่วไปเสียหมด ดวงตาคู่สวยสังเกตเห็นสีหน้าเด็กสาวดูจะมีคำถามมากมายแต่ยังไม่กล้าที่จะปริปากพูดออกมา เขาจึงเริ่มการสนทนามาก่อน
         
          “ตอนฟื้นไข้เห็นท่านไม่อยู่ก็นึกว่าจะไม่ได้พบหน้ากันอีกเสียแล้ว แต่ท่านหมอหงบอกว่าแม่นางขอตัวไปทำธุระแล้วจะกลับมาภายหลังก็เลยยังรออยู่ที่ร้านหมอ ทำงานใช้หนี้ค่ารักษาไปพลาง อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณแม่นางมากที่ช่วยพาข้ากลับมารักษาที่ในเมือง”
         
          “อย่างนี้เอง.. เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ขอโทษด้วยนะเจ้าคะที่ไปโดยไม่บอกกล่าว แล้วก็เอ่อ..” เฟินเยว่เปิดกล่องขนมออกมาก่อนจะยื่นขนมเยว่ปิ่งรูปหมูออกไปให้อีกฝ่าย “สุขสันต์วันจงชิวเจี๋ยเจ้าค่ะ”
         
          “อุ๊ย” เมื่อเห็นขนมไหว้พระจันทร์รูปหมูน้อยต้าซิ่นก็อุทานออกมาด้วยสำเนียงที่ห่างไกลไปจากบุรุษเพศ ก่อนจะยกพัดออกมาคลี่ปิดปากเมื่อรู้ตัวว่าเผลอลืมตัว “อะแฮ่ม อย่างไรก็ขอบคุณมาก เป็นขนมเยว่ปิ่งที่ดูสร้างสรรค์และแปลกตาเสียจริงเชียว”
         
          “ดีใจที่ชอบเจ้าค่ะ พอไปส่งของที่ฉางอันเสร็จก็เลยแวะไปเที่ยวงานต่ออีกหน่อย อย่างไรก็ขอโทษที่ต้องปล่อยให้รอนานด้วยนะเจ้าคะ”
         
          “ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็เพิ่งจะหายดีเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้วก็ทำงานชดใช้หนี้ให้จนหมดแล้วพอดีด้วย” ชายหนุ่มหยิบขนมเยว่ปิ่งขึ้นมากัดทานไปหนึ่งคำ สีหน้าของเขาบ่งออกมาว่าชอบแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้เอ่ยปากชมถึงรสชาติเลยก็ตาม เพราะเขามีเรื่องอื่นที่อยากจะสนทนากับเด็กสาวมากกว่าจะมาคุยเรื่องขนม “ไหน ๆ แล้ว ข้าก็ครุ่นคิดมาหลายวัน เรื่องที่บ้านร้างของท่านซินแสน่ะ..”
         
          “เจ้าคะ?”
         
          เฟินเยว่รอฟัง ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสนทนาเรื่องไหน แต่หากจะเจรจาขอตำราตงฟางอีกนางคงจะให้เขาไม่ได้
         
          “ขอยืนยันอีกครั้ง ที่ท่านบอกว่าอยากจะเปลี่ยนแปลงต้าฮั่นให้ราษฎรมีความเท่าเทียมกันนั้นน่ะเป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
         
          คำถามนั้นทำให้คนที่ได้ฟังสะอึกไปเล็กน้อย เด็กสาวทวนความจำก็เห็นว่าตนพูดออกไปจริง ในปัจจุบันเฟินเยว่เพียงแค่ต้องการตามหาพี่ชายให้พบ แต่นางก็คิดต่อไปว่าหลังจากที่พบกับพวกเข้าแล้วจะทำอะไรต่อ? หากไม่คิดอะไรมากก็คงจะอยู่ดูแลบ้านให้พี่ชายตามประสาน้องสาวที่ดี แต่ทว่าเท่านั้นแล้วจะดีจริงหรือ? จากการเดินทางที่ผ่านมาทำให้เด็กสาวได้พบเห็นอะไรมากมาย มากกว่าการออกจากบ้านไปทำงานที่หมีฟ่านกว่านทุกวัน จนสิ่งนั้นมันฝังรากอ่อน ๆ เข้าไปในจิตใจจนอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เพียงแต่ว่าอุดมการณ์ของนางนั้นช่างห่างไกลกับสิ่งที่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ จะสามารถเอื้อมถึงเสียเหลือเกิน
         
          “อื่ม… ถ้าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะให้แผ่นดินฮั่นเป็นไปในทิศทางนั้นนะเจ้าคะ แต่ว่ามันก็ยากจัง..” เฟินเยว่เม้มปาก สายตามองลงไปยังถ้วยชาอุ่นที่สะท้อนภาพใบหน้าของตัวเองออกมา “ข้าต้องสารภาพเรื่องหนึ่งกับคุณชายเหลียงด้วยว่า พี่ชายที่ข้าบอกว่าจะนำตำราไปให้นั้นน่ะ.. ข้ายังตามหาเขาไม่เจอเลยเจ้าค่ะ”
         
          “หมายความว่าอย่างไรนะ?”
         
          “คือว่า ข้ามีพี่ชายอยู่สองคน ด้วยความที่บ้านยากจนพี่ ๆ จึงต้องเข้ามาหางานในฉางอัน พี่ชายคนโตไปเป็นทหาร ส่วนพี่รองไปทำงานค้าขาย ตอนนี้ข้าพบเบาะแสแค่พี่ชายคนรองว่าเขาทำงานที่เมืองนี้น่ะเจ้าค่ะ แต่ว่าก็ยังไม่ได้พบเขาอยู่ดีเพราะท่านพี่ออกไปเจรจาการค้าที่นอกด้าน”
         
          เด็กสาวค่อย ๆ ช้อนสายตามองบุรุษด้วยความกลัวว่าอีกฝ่ายจะต่อว่าเมื่อนางสารภาพเรื่องเหล่านั้นออกไป พอเห็นว่าบัณฑิตหนุ่มกอดอกฟังอยู่ด้วยท่าทีขึงขังนางก็ก้มหน้าลงต่ำอีกครั้งด้วยความหงอ ด้านต้าซิ่นฟังแล้วก็เหนื่อยใจเล็กน้อย เขาคิดว่าหากติดตามเฟินเยว่มาจะได้เข้าทำงานรับใช้ผู้มีความสามารถเลยเสียอีก ดูท่าว่าคงจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่หมด
         
          “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้วว่าหนทางกอบกู้ต้าฮั่นมันก็ไม่ง่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะนะ อย่างน้อยพอมั่นใจว่ามีตำราตงฟางอยู่ในมือรวมกับอุดมการณ์ของแม่นาง บางทีก็อาจจะเริ่มต้นพัฒนากันจากจุดเล็ก ๆ ก็เป็นได้”
         
          “ข้าก็หวังว่าอย่างนั้นเจ้าค่ะ แต่เอ.. ที่คุณชายเหลียงกล่าวมาเนี่ยหมายถึง...”
         
          เด็กสาวยังไม่ค่อยเข้าใจ เขาพูดราวกับว่าจะช่วยนางฟื้นฟูแผ่นดินเสียอย่างนั้น
         
          “แน่นอนอยู่แล้ว ตำราตงฟางบวกกับความคิดของแม่นางซุนที่อยากจะให้สังคมเกิดความเท่าเทียมในเรื่องเพศและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างไรเล่า ข้าพูดออกไปไม่ชัดเจนอย่างนั้นหรือ”
         
          “ก็ชัดเจ้าค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ หมายถึง.. คุณชายเหลียงจะมาช่วยกันอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
         
          “ก็แน่นอนอยู่แล้วน่ะสิ” ใบหน้างดงามเหนือสองเพศจ้องมองตรงมาที่เด็กสาว ด้วยสายตาอันมีประกายมุ่งมั่นนั้นยากที่จะทำให้เฟินเยว่ปฏิเสธคำขอของเขาได้ “ให้ข้าได้ติดตามท่านไปด้วยเถอะนะ แล้วเรามาตามหาพี่ชายคนโตของท่านด้วยกัน”
         
          “อ๊ะ.. จะ.. จริงหรือเจ้าคะ” ด้วยคำพูดที่ได้ยินทำเอาเด็กสาวดีใจจนตอบไม่ถูก ที่ผ่านมาไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะมีใครมาช่วยเหลือตามหาพี่ชาย “แต่ว่า ท่านพี่อาจจะยังเป็นทหารชั้นผู้น้อยอยู่เลยนะเจ้าคะ คุณชายเหลียงมั่นใจแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
         
          “ลืมที่ท่านยกมาอ้างแล้วหรือแม่นางซุน วีรสตรีมากมายที่ช่วยกอบกู้ราชวงศ์น่ะ หรืออย่างแม่นางเนี่ยนหนูเจียวที่เป็นภรรยาของซินแสตงฟางก็เป็นผู้ผลักดันและอยู่เคียงข้างสามีในยามทุกข์ยากมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นแม่นางสามารถผลักดันพี่ชายให้ขึ้นมาเป็นใหญ่เป็นโตได้”
         
          เฟินเยว่ฟังเรื่องดังกล่าวก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา รู้สึกว่าพอได้ต้าซิ่นคอยชี้แนะแล้วนางมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตมากขึ้นเกินกว่าที่จะเป็นเด็กผู้หญิงที่วัน ๆ อยู่แต่บ้านทว่าไม่ได้ทำประโยชน์อันใดเพื่อสังคม จากนิสัยขยันจนอยู่ไม่สุขของนางแล้วเชื่อได้เลยว่าน่าจะอกแตกตายก่อนเป็นแน่แท้หากไม่ได้หาอะไรทำ
         
          “ก็จริงนะเจ้าคะ ถ้าอย่างนั้นก็มาร่วมเดินทางไปด้วยกันเจ้าค่ะ ถึงจะเปลี่ยนแปลงทั้งแผ่นดินยังไม่ได้ แต่ว่าเราเริ่มจากชุมชนเล็ก ๆ ก่อนได้”
         
          “ไม่ได้ ๆ” ต้าซิ่นฟังแล้วก็อมยิ้มส่ายหน้า “หากอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ต้องหวังสูงเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นมันก็จะมีพลังไม่มากพอหรอกนะ เอาล่ะ.. ถ้าอย่างนั้นช่วงที่รอพี่ชายคนรองกลับมาจากนอกด่านเราควรจะไปตามหาพี่ชายคนรองของแม่นางที่ฉางอันใช่ไหม?”
         
          ได้ยินคำถามเด็กสาวก็ยิ้มค้าง แล้วก็เตรียมตัวที่จะโดนดุอีกรอบ
         
          “คือว่าพรุ่งนี้ข้ามีนัดขึ้นเรือไปเที่ยวทะเลสาบไท่หูกับสหายที่หวยอินน่ะเจ้าค่ะ”
         
          ต้าซิ่นฟังแล้วก็หรี่ตา ราวกับจะถามว่าไหนล่ะที่บอกว่าอยากตามหาพี่ชาย แต่ก็เอาเถอะ เขาขอไม่ยุ่งในเรื่องนั้น บางทีตอนที่นางไปฉางอันอาจจะตามหาแล้วแต่ไม่เจอ อีกอย่างธุระของคนอื่นก็ไม่ใช่หน้าที่ที่เขาจะเข้าไปสอด
         
          “ถ้าอย่างนั้นข้าขอไปส่งท่านที่หวยอินก็แล้วกัน แล้วจะขอทำธุระแถวนั้นอีกสักหน่อย”
         
          “ได้เจ้าค่ะ.. แต่จะเป็นการรบกวนคุณชายเหลียงหรือไม่เจ้าคะ”
         
          เด็กสาวยังคงตอบออกมาด้วยอาการติดเกรงใจอยู่ไม่น้อย
         
          “ไม่ต้องคิดมาก ข้ามีธุระแถว ๆ นั้นอยู่พอดีน่ะ อย่างไรค่อยนัดวันกลับมาเจอกันอีกทีก็ไม่เสียหาย”
         
          “เจ้าค่ะ” พอเขากล่าวเช่นนั้นก็โล่งใจไปบ้าง “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปเก็บข้าวของที่โรงเตี๊ยมก่อนนะเจ้าคะ หากเดินทางล่าช้าจะแย่เอา”
         
          “ได้สิ เอาเป็นว่าข้ารออยู่ที่นี่แล้วกันนะ”
         
          เฟินเยว่ลุกขึ้นมาแล้วค้อมศีรษะลา รีบไปเก็บข้าวของที่โรงเตี๊ยมก่อนจะมาเจอกันที่จุดเดิม


.
.
.



ลักษณะนิสัยรักสงบ
+1 Point ทุกครั้งที่โรลใช้แผนอุบาย หรือ ทางการทูต

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+2 Point จากการโรลการทูต

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[NPC ในสังกัด] เหลียง ต้าซิ่น
มอบ ขนมเยว่ปิ่ง



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
 เจ้าของ| โพสต์ 2021-10-12 18:11:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
{ คู่มือการใช้โรงหมอ }


  
[วิธีการรักษาโรงหมอ]

ไม่รับคนละครึ่ง

(1) เขียนโรลสร้างสตอรี่หมอตรวจวินิจฉัยขั้นต้น และ หมอทำความสะอาดล้างแผลให้ท่าน
(2) พักฟื้นโรงหมอตามอัตราอาการป่วย และ จ่ายเงินค่ายาในวันแรก
(3) หากท่านออกจากโรงหมอก่อนจะถือว่าการรักษายุติลงทันที ทำให้มีโอกาสแผลกำเริบหนักกว่าเดิมได้

ประเภทอาการป่วยจากบาดแผล
(1) อาการธรรมดาทั่วไป ได้รับบาดเจ็บจากคมอาวุธแม้ไม่ลึกเท่าระดับกลางแต่ก็สร้างบาดแผลให้คุณได้พอสมควร)
ค่ารักษา: 139 ตำลึงเงิน (รวมภาษี 7% = 149 ตำลึงเงิน) / พักฟื้นโรงหมอ 3 วัน

(2) อาการระดับกลาง (แผลจากการต่อสู้ คมอาวุธที่มีแผลความยาวและลึกพอสมควร)
เงื่อนไขปกติ: หากสูญเสียเลือดต่ำกว่า  40 หลังชนะจะได้รับบาดเจ็บระดับกลาง ~ ยกเว้นคนที่สะสมการต่อสู้แบบเล็กน้อยจะมีโอกาสได้ต่อให้สู้เลือดเต็ม
ค่ารักษา: 309 ตำลึง (รวมภาษีเมือง 7% = 331 ตำลึงเงิน) / พักฟื้นโรงหมอ 10 วัน

(3) อาการหนัก (แผลขนาดใหญ่หรืออาการบาดเจ็บที่เกิดจากการหักโหม การต่อสู้เป็นระยะเวลานานติดต่อกัน)
เงื่อนไขปกติ: หากสูญเสียเลือดต่ำกว่า  10 หลังชนะจะได้รับบาดเจ็บระดับกลาง ~ ยกเว้นคนที่สะสมการต่อสู้แบบเล็กน้อยจะมีโอกาสได้ต่อให้สู้เลือดเต็ม
ค่ารักษา: 609 ตำลึง (รวมภาษีเมือง 7% = 652 ตำลึงเงิน) / พักฟื้นโรงหมอ 3 สัปดาห์ (21 วัน)


(4) แผลกรรจ์ (กรณีพิเศษ)
หากคุณต่อสู้และเกิดอาการ NPC งอนพอดี จะถือว่าแผลฉกรรจ์หนักมาก ต้องมารับการรักษาโรงหมอ
* ย้ำว่า ห้ามกด ง้อ เองเด็ดขาด มิเช่นนั้นเลเวลจะรีเช็ต - จะกลับเป็นปกติเมื่อรักษาพักฟื้นเสร็จสิ้น วันสุดท้ายที่โรลมารับ *
ค่ารักษา: 2009 ตำลึง (รวมภาษีเมือง 7% = 2150 ตำลึงเงิน) / พักฟื้นโรงหมอ 1 เดือน (30 วัน)


-หมายเหตุ-
หากกรณีที่ท่านทำ NPC งอนจากการละเลยจ่ายเบี้ยหวัดไม่สามารถถือว่าบาดเจ็บได้ จะต้องหาไอเท็มพิเศษมาง้อ
หากท่านไม่อยากโดนรีเช็ตเลเวล NPC





สินค้าจำหน่าย [ยาสมานแผลขั้นต้น]
มูลค่า: 69 ตำลึงเงิน (ภาษีเมือง 7% = 74 ตำลึงเงิน)
(ภาษีมาตรฐานเมืองอื่นอยู่ที่ 7% เว้นท่านจะเจอเจ้าเมืองคนไหนตั้งภาษีแพง)


[วิธีการใช้ยาสมานแผลขั้นต้น]
(1) เขียนโรลทายาที่แผลสดวันละครั้ง - 1 กระปุกทาได้ 4 ครั้ง :
- หากทายาแค่ครั้งเดียวท่านต้องอาศัยพักฟื้น 3 เดือนขึ้นไปจึงจะกลับสังเวียนได้
- หากทายาครบ 4 ครั้ง และ พักฟื้น 5 สัปดาห์ ท่านจะกลับสู่สังเวียนได้
- หากทายา 2 กระปุก (8 ครั้ง) และ พักฟื้น 2 สัปดาห์ท่านสามารถกลับสู่สังเวียนได้
~ เมื่อใช้ยาหมดกระปุกในวันสุดท้ายที่ใช้ยาต้องส่งมาไอดี



หมายเหตุ: กรณีมีผู้ติดตาม หากจะพาพวกเขาไปด้วยให้ท่านจ่ายเงินค่าหัวพวกเขาด้วย หรือ ให้รอที่นี่ก็ได้








←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-11-7 22:51:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-11-7 22:52


ซื้อยาและได้รับจดหมาย
.
.
.

            ระหว่างที่กำลังจะเดินทางไปโรงหมอ ทั้งจิ้นอิ๋งและเจิ้งหลันต่างถูกรั้งไว้ด้วยอีกสตรีแปลกหน้าผู้หนึ่ง กระนั้นคล้ายสหายแซ่เจิ้งจะรู้จักนาง เด็กสาวจึงไม่ได้ห้ามอะไรมากไปกว่ายืนรอทั้งคู่คุยธุระกันให้เสร็จสิ้น ซึ่งก่อนจากนางยังได้รับขนมจากอีกสตรีที่ไม่ได้เอ่ยแนะนำตัวผู้นั้นไปด้วย ทำเอาจิ้นอิ๋งเอ่ยขอบคุณกลับหาด้วยความยินดี

            จนเมื่อเสร็จสิ้นธุระที่จวนเจ้าเมือง ในยามนี้ดรุณีน้อยก็ได้พาสายข้างกายมาถึงยังบริเวณโรงหมอจิงเซินแล้ว ท่านหมอหงที่เห็นสภาพร่างกายของแม่นางเจิ้งก็ไม่ได้เอ่ยถามไถ่ที่มาให้เสียเวลา ทำการพาคนเจ็บมานั่งทำแผลโดยมีจิ้นอิ๋งนั่งอยู่ไม่ไกลเพื่อเล่าถึงความจำเป็นที่จะต้องพาอีกสตรีเดินทางจากคำตัดสินโทษต่าง ๆ จนไม่อาจให้นอนพักรักษาแผลที่โรงหมอได้ ซึ่งท่านหมอหงที่เฝ้าฟังระหว่างทำแผลก็พยักหน้ารับแผ่วรับรู้ ก่อนเอ่ยคำแนะนำให้แก่เด็กสาวไป

            " เช่นนั้นที่โรงหมอของเรามียาสมานแผลขั้นต้นขาย ให้แม่นางเจิ้งผู้นี้ใช้ทั้งหมด 2 ตลับ และพักรักษาตัวอีกราวอาทิตย์หรือให้ดีก็สองอาทิตย์ แผลทั้งหมดก็น่าจะหายดีแล้วล่ะ "

            " งั้นหรือเจ้าคะ! งั้นข้าขอซื้อยาทั้งหมดสองตลับเจ้าค่ะ "

            ได้ยินเช่นนั้นจิ้นอิ๋งก็พลอยยิ้มออก ก่อนจะผละไปซื้อยามาไว้กับตัว และได้ท่านหมอหงช่วยสอนการทาแผลให้แม่นางเจิ้งไปด้วยว่าตรงบริเวณไหนที่ควรทายาบ้าง และต้องคอยเช็ดทำความสะอาดอยู่ทุกวัน ซึ่งดรุณีน้อยก็ไม่มีท่าทีอิดออดใด ตั้งใจทำแผลให้แก่สหายเพื่อที่ระหว่างเดินทางมุ่งกลับสู่ลั่วหยาง ตัวนางนั้นจะได้ช่วยดูแลเจิ้งหลันให้ดีด้วย

            " ข้าทาเองก็ได้ " และเพราะท่าทางที่ดูแลเป็นอย่างดีของดรุณีน้อย ทำเอาสตรีโตกว่าพลันเกรงใจขึ้นมาจนเอ่ยแย้ง กระนั้นจิ้นอิ๋งกลับยื้อตลับยาหลบมืออีกคนพัลวัน ริมฝีปากเล็กก็ยู่ใส่ชวนให้หลุดขำไม่น้อย

            " คนเจ็บน่ะอยู่เฉย ๆ เลยนะเจ้าคะ! เดี๋ยวแผลหายช้าจะแย่เอานะเจ้าคะ "

            สิ้นคำกล่าวฟังรั้นน้อย ๆ นั้น ท่านหมอหงก็ได้เอ่ยเสริมทั้งรอยยิ้มว่าเด็กสาวพูดถูก ก่อนจะทำการคิดเงินให้แก่จิ้นอิ๋งหลังทาแผลให้แก่แม่นางเจิ้งจนเสร็จสิ้น ก่อนที่ทั้งสองจะค้อมลาท่านหมอและพากันจากไปเพื่อกลับบ้านของดรุณีน้อยก่อนที่จะพากันเดินทางในวันพรุ่งนี้

            " วันนี้ก็เย็นมากแล้ว พักที่บ้านของข้าก่อนนะเจ้าคะ แล้วพรุ่งนี้ก็อาบน้ำทายาแล้วเดินทางไปลั่วหยางกันเจ้าค่ะ "

            เด็กสาวเอ่ยแผนการเดินทางให้อีกคนฟังอย่างกระตือรือร้น ซึ่งเจิ้งหลันก็ทำเพียงถอนหายใจออกมาอย่างนึกระอาปนขบขันขึ้นมาที่คงแย้งอะไรไม่ได้อีกให้ได้แต่ต้องปล่อยเลยตามเลย ก่อนในขณะที่ทั้งคู่มาถึงยังจุดพักม้าและเตรียมเดินทางไปนอกเมือง คนส่งจดหมายผู้หนึ่งก็ได้นำจดหมายมาให้จิ้นอิ๋งเสียก่อน

            จิ้นอิ๋งที่ยังผวากับเนื้อหาจดหมายที่ไม่คาดคิดก่อนหน้าทำให้ยามรับซองจดหมายจ่าหน้าถึงตนพลันแอบไม่กล้าเปิดไปครู่หนึ่ง ทว่าหลังเอ่ยขอบคุณให้แก่คนส่งจดหมายไปแล้ว นางถึงตั้งสติได้และเปิดดูเนื้อหาภายในที่เขียนจากบุคคลหนึ่งที่นางเฝ้ารอการตอบกลับอยู่ก่อนหน้า ทันทีที่อ่านในช่วงแรกของจดหมาย พวงแก้มเนียนก็พลันฝาดสีขึ้นมาราวกับจะระเบิด สีหน้าดูเจือทั้งความตะลึงงันและแฝงความยินดีเอาไว้อย่างปิดไม่มิด ทำเอาเจิ้งหลันที่ไม่ได้อ่านจดหมายแต่แค่เห็นท่าทางเด็กสาวก็เดาเนื้อหาได้จนกระแอมไอขึ้นมาผะแผ่วเพื่อเรียกสติเด็กสาวที่แทบตาค้างไปแล้วให้เร่งอ่านต่อ

            ซึ่งหลังจิ้นอิ๋งได้ยินเสียงเรียกความสนใจจากสตรีข้างกาย นางก็คล้ายยิ่งกระดากอายกว่าเดิมจนต้องยกกระดาษบังใบหน้า พลางเลื่อนสายตาอ่านส่วนอื่นของจดหมายเพื่อให้เลิกสนใจกับคำว่า ว่าที่สามี อะไรนั่นไปเสียก่อน และคล้ายจะได้ผลเป็นอย่างดีเพราะเนื้อหาหลังจากนั้นได้สร้างความเครียดให้แก่จิ้นอิ๋งจนคิ้วเรียวแทบจะขมวดเข้าหากัน ท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือทำเอาเจิ้งหลันมองอย่างนึกห่วงขึ้นมา กระนั้นท่าทางที่เร่งพับจดหมายและเก็บเข้าสาบเสื้ออย่างถนอมพร้อมใบหน้าที่พเยิดไปทางม้าต่อมาของดรุณีน้อยทำให้คนมองตามพอรับรู้ได้บ้างว่านางคงยังไม่ต้องการเล่าให้ฟังในยามนี้

            " เดินทางไปบ้านข้ากันเถิดเจ้าค่ะ! "

            จิ้นอิ๋งเอ่ยทั้งรอยยิ้มอย่างกระตือรือร้นพร้อมกับจูงเอาเฮยเซ่อออกมาพร้อมขึ้นม้ามาก่อนที่จะช่วยพยุงอีกสตรีขึ้นตามมาด้วย จนนั่งมั่นคงดีแล้วทั้งสองก็ได้ขี่ม้าออกนอกตัวเมืองซีเหอไป โดยระหว่างเส้นทางที่เด็กสาวต้องมองตรงไปข้างหน้าและซ่อนหลบดวงหน้าจากคนด้านหลังได้ รอยยิ้มที่วาดส่งให้อีกสตรีได้สบายใจก่อนหน้าพลันลดเลือนลงน้อย ๆ

            ในหัวก็เฝ้านึกไปถึงเนื้อหาในจดหมายที่ตัวนางจำต้องตัดสินใจบางอย่างให้ดี..
.

.

กู่จิ้นอิ๋งซื้อยาสมานแผลขั้นต้น 2 ตลับ
จ่ายเงินค่ายาสองตลับ 148 ตำลึงเงินแก่โรงหมอจิงเซิน
และจ่ายเงินค่าทำแผลเบื้องต้นให้ [144] เจิ้งหลัน 40 ตำลึงเงิน





ลักษณะแต่กำเนิดขาดความรอบคอบ
-20 ความเครียดจากการโรลบริจาคให้ผู้อื่นอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
.
สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [144] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
ค่าชื่อเสียง : -5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง
และ +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้