เจ้าของ: ไม่ระบุชื่อ

[นอกเมืองซีเหอ] บ้านสกุลกู่ | เรือนหิมะ

[คัดลอกลิงก์]

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-21 14:51:21 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Lizixuan ตอบกลับเมื่อ 2021-9-21 14:31
มุมานะ ไม่ย่อท้อ        ด้วยปัญญาณประกอบกับได้รับการบ่ ...




การสำรวจหอฝีกยุทธ์ 8





ทันทีที่ท่านเคลื่อนตัวสุดท้ายหันมาใจกลางห้อง กำแพงใจกลางห้องขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัสเคลื่อนลงพื้นจนขนานเป็นพื้น เผยให้เห็นแท่นวางตำราใจกลางห้อง
ดูเหมือนว่าจะเป็นตำราของซินแสตงฟาง บนหัวแท่นวางได้เขียนสลักข้อความบนหินว่า 'แก่ผู้ที่มีปณิธานช่วยเหลือผู้คนในอีกสองร้อยปีให้หลัง'
ตอนนี้ท่านต้องตัดสินใจว่าจะหยิบตำราหรือไม่ หรือกลับออกไปทิ้งตำราไว้

(1) หากหยิบตำรา กำแพงที่เคลื่อนลงขึ้นมาขังท่านไว้กับแท่นตำราไม่สามารถออกจากศูนย์กลางห้องได้ กลายเป็นห้องปิดตาย
เว้นแต่ท่าน วางของที่มีน้ำหนักเดียวกับตำราลงบนแท่น (ส่งไอเท็มที่เลือกวางของมาไอดี Webmaster)


- หลังจากนั้นให้สร้างสตอรี่จบแค่วางของ แต่ยังไม่ทราบผลว่ากำแพงหินจะลดลงไปที่พื้นหรือไม่ -






←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-21 16:48:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
การเสียสละบางสิ่งเพื่อบางสิ่ง

        การสำรวจชั้นที่ 3 มันคือความเสี่ยงที่หลี่ซีซวนต้องแบกรับคนเดียว  หากอันตรายชีวิตก็ต้องทิ้งร่างไว้ที่นี่กลายเป็นผีเฝ้าหอฝึกยุทธ์หลังนี้  นับตั้งแต่ตัดสินใจควบม้าออกจากเมืองจี้โจว  ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะอันตรายหรือไม่  มันคือความเสี่ยงที่หลี่ซวนได้เตรียมใจไว้แล้ว  กระทั่งใช้ปัญญาและความสามารถด้านการคำนวณแก้ไขกลหมากล้อม  กลายเป็นเส้นทางที่สวรรค์มอบโอกาสทีไร้คู่แข่งให้กับหลี่ซีซวนแล้ว  ไม่มีหนทางให้หันหลังกลับไปอีกแล้ว  มีเพียงเดินหน้าและเผชิญกับมันด้วยใจที่กล้าหาญ  มุ่งมั่น  ไม่ย่อท้อ  ให้รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มพเนจรคนนี้มีดีไม่แพ้ผู้ใด  กระทั่งหลี่ซีซวนทำการขยับรูปปั้นสัตว์เทพ 4 รูปปั้นหันเข้ามาใจกลางของห้องที่ตั้งอยู่ในชั้น 3  พอขยับทั้งหมดเข้ามาหาครบทั้ง 4 รูปปั้น  กำแพงใจกลางห้องสี่เหลี่ยมจตุรัสเคลื่อนลงจนขนานเป็นพื้นเดียวกับพื้นของชั้น 3  มันเผยให้เห็นแท่นยกสูงมีตำราเล่มหนึ่งวางอยู่แท่นยกสูง  คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากตำราของตงฟางเจ้าของบ้านหลังนี้  ยุคสมัยที่คนผู้นี้เคยดำรงอยู่น่าจะเป็นอัจริยะแห่งยุค  ปราดเปรื่องเหนือคนทั่งแผ่นดิน  หลี่ซีซวนเดินเข้ามาหาแท่นยกสูงในกลางของห้อง  ยืนมองดูตำราเล่มหนึ่งผิวเผินธรรมดายิ่ง  ไม่มีอะไรน่าดึงดูดและด้วยความธรรมดาของมัน  กลับทำให้ผู้คนมากมายต้องออกสำรวจและตามหามันเพื่อจุดประสงค์ของคนที่มาสำรวจนี่เอง  หลี่ซีซวนยืนสำรวจแท่นยกสูงพบว่าบนแท่นยกสูงมีข้อความสลักไว้

'แก่ผู้มีปณิธานช่วยเหลือผู้คนในอีกสองร้อยปีให้หลัง'

        ตงฟางผู้นี้ได้อย่างไรว่าในอีกสองร้อยปีให้หลังจะยังมีผู้มีปณิธานเช่นเขาหลงเหลืออยู่อีก  ยุคหลังจากตงฟงนานนับร้อยปีการจะหาคนเช่นนี้นับว่าหายากดั่งเพชรในเม็ดทราย  ซึ่งหลี่ซีซวนจัดว่าไม่เข้าพวกใดเลย  ขออยู่เช่นคนโดดเดี่ยวท่ามกลางการแก่งแย่งผลประโยชน์  หลี่ซีซวนมาถึงจุดนี้แล้วหากมิได้สิ่งใดไปเลยย่อมมาเสียเที่ยวและที่ลงแรงไปย่อมเปล่าดาย  จึงตัดสินใจหยิบตำราบนแท่นสูงขึ้นมาไว้ในมือ  ทันทีที่หลี่ซีซวนหยิบตำราขึ้นมาจากแท่นยกสูงด้วยมิรู้ว่าแท่นยกสูงยังมีกลไกลซ่อนไว้อีกชั้นหนึ่ง  ทำให้ทำให้กำแพงของห้องกลางยกสูงขึ้นมาปิดกันห้องอีกครั้งหนึ่ง  สภาพมิต่างจากห้องปิดตายไร้ซึ่งทางออกหรือจะต้องตายกลายเป็นผีเฝ้าห้องนี้แล้ว  

        หลี่ซีซวนนั่งลงในห้องปิดตาย  หลับตา  นั่งสมาธิ  พนมมือขึ้นมาในหัวสมองพลันนึกถึงบทสวดมนต์ที่วัดหมีเล่อเฝอ  ผู้ศรัทธาทั้งหลายต่างนั่งลงเบื้องหน้าองค์หมีเล่อเฝอสวดมนต์พึมพำด้วยใจที่ศรัทธา  หลี่ซีซวนวางตำราของซินแสตงฟงไว้บนตกพนมมือขึ้นมาสวดมนต์ตามความทรงจำที่มี  แม้ไม่รู้ความหมายของบทสวดมนต์ว่าแปลความหมายได้เช่นไร

        ฝอซัว "หมีเล่อจิ้วขู่จิง "  หมีเล่อเซี่ยซื่อ  ปู้เฟยชิง  หลิงเป่า"ฉีหลู "  หลิงซันตี้      เหนี่ยนฮวาอิ้นเจิ้งเข่าซันเซิ่ง  ลั่วไจ้จงเอวี๋ยน ซันซิงตี้   ต้าเจิ้งซื่อชวน "อวั๋งเถาซิน  "  เทียนเจินโซว

เอวี๋ยนกว้าเซิ่งเฮ่า  เติ่งไต้สือจื้อเตี่ยนเสินปิง   อวิ๋นเหลยเจิ้นไคอู้จี๋ถู่  เทียนเซี่ยเสินกุ่ยปู้อันหนิง  ชินไจ้เหยินเทียนจงฮว๋าหมู่   จิ่วเหลียนเซิ่งเจี้ยวกุยซั่งเฉิง    เทียนฮวาเหลาหมู่ ฉุยอวี้เซี่ยน

โซวเอวี๋ยน เสี่ยนฮว่าไจ้ กู่ตง  หนันเป่ยเหลี่ยงจี๋  เหลียนจงซวี่  หุ่นเอวี๋ยนกู่เช่อไจ้จงอยัง   เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ย ทงเทียนเชี่ยว  อู๋อิ่งซันเฉียน ตุ้ยเหอถง  อิงเอ๋อร์เหย้าเสี่ยง กุยเจียชวี่  ฉือเนี่ยนตังไหลหมีเล่อจิง  ย่งซินฉือเนี่ยนฝอไหลจิ้ว   ตั๋วตั่ว จินเหลียน ชวี่เชาเซิง  ซือเต๋อ ซีไหล. ไป๋หยังจื่อ

        นี่คือทั้งหมดที่สมองของหลี่ซีซวนจดจำมาจากวัดหมีเล่อเฝอได้  แต่ท่วงทำนองการสวดมนต์นั้นไม่ไพเราะเท่าศาสนิกชนเหล่านั้นที่พร้อมเพรียงสวดด้วยความตั้งใจจริง  เนิ่นนานเท่าใดหลี่ซีซวนมิอาจคาดเดาได้  จิตใจสงบ  มั่นคง  ดอกผลจากการสวดมนต์ทำให้หลี่ซีซวนเกิดความคิดขึ้นมาหัวสมอง  ลุกขึ้นยืนในห้องปิดตายอีกครั้งแล้ววางตำราของซินแสตงฟางลงบนแท่นยกสูง  กลไกลทำงานอีกครั้งกำแพงของห้องชั้นกลางขนานลงกับพื้น  แล้วจึงฉุกคิดได้ในทันใดหลี่ซีซวนมีตำราเล่มหนึ่งอยู่พอดี  หยิบตำราเล่มหนึ่งวางลงบนแท่นยกสูงแทนตำราของซินแสตงฟาง  รอดูผลว่ากำแพงของชั้นกลางจะเป้นเช่นไร



ลักษณะนิสัยใจดำ

+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2

1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
โพสต์ 2021-9-21 18:51:29 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์นี้มีการป้องกันรหัสผ่านไว้ กรุณากรอกรหัสผ่าน 
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-21 21:25:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2021-9-21 21:26

ร่ำลาตำราเล่ออี้

        ฉับพลันที่วางตำราลงบนแท่นยกสูงของห้องกลางในชั้นที่ 3 ของหอฝึกยุทธ์  กำแพงเคลื่อนตัวลงขนานกับพื้นห้องอีกครั้ง  ตำราที่วางบนแท่นยกสูงแทนตำราซินแสตงฟางคือตำราเล่ออี้อันล้ำค่าของหลี่ซีซวน  ดั่งเป็นกฎแลกเปลี่ยนอย่างไรอย่างนั้น  เสียงหนึ่งอย่างได้อีกอีกหนึ่งอย่างทดแทนกัน  แม้ดูปวดใจต่อผู้เป็นเจ้าของทว่าต้องแลกเปลี่ยนกัน  มองด้วยปัญญาและความเข้าใจแล้ว  ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ไม่มีการสูญเสีย  พลัดพรากจากของอันเป็นที่รัก  
        หลี่ซีซวนออกจากเมืองจี้โจวเพื่อจุดประสงค์ใดกัน  ความตั้งใจระหว่างที่ขี่ม้าบึ่งมาที่นี่  มิใช่เพื่อสมบัติที่เพิ่งได้รับตรงมาอยู่ในมือเวลานี้หรอกหรือ  รอดชีวิตจากห้องปิดตายมาได้มิใช่เพราะการเสียสละตำราเล่ออี้ตรงหน้าหรือมิใช่  เล่ออี้แม้สำคัญและล้ำค่าตลอดมาก็ได้ตำราของซินแสตงฟางเป็นของตอบแทน  มันก็คือความเหมาะสม  ถูกต้องแล้ว  หากภายภาคหน้าหลี่ซีซวนอยากช่วยเหลือผู้คนให้สมดั่งปณิธานและความตั้งใจของซินแสตงฟาง  การช่วยเหลือผู้คนย่อมต้องมีการเสียสละดั่งที่ซินแสตงฟางได้ทำกลไกลไว้  มันต้องมีปัญญาและความเสียสละคือความสำคัญที่ขาดจากกันไม่ได้  มันต้องใช้ควบคู่กันไป  หากขาดซึ่งปัญญาแล้วไซร้ต่อให้มีใจช่วยเหลือคนย่อมต้องเจ็บตัว  เจ็บใจหลายเท่า  ดั่งที่หลี่ซีซวนเคยแอบใช้กลอุบายหลอกพวกผู้ชายมากตัณหาที่โรงเตี๊ยมเมืองจี้โจว  ช่วยหญิงสาวผู้ขับกล่อมเสียงเพลงจากการโดนลวมลามด้วยคำพูดกับสายตา  แม้ไม่ได้มีปณิธานชอบช่วยเหลือคนแต่ไม่เคยอดทนดูคนอ่อนแอโดนรังแกต่อหน้าต่อได้เลยสักครั้ง
        ตำราเล่ออี้ตั้งแต่พกติดตัวมาไม่เคยได้เปิดอ่านจริงจังเลยสักครั้ง  บัดนี้ได้ตั้งไว้บนแท่นยกสูงนี่แล้ว  ก่อนที่จะต้องจากกันตลอดกาลเพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกไหมหรือมันจะไม่ได้หวนคืนที่นี่อีกเลย  อย่างน้อยขอให้ได้อ่านมันซักครั้งหนึ่งในชีวิตก็พอ  มือกร้านเอื้อมมาลูบสัมผัสหน้าปกอย่างทะนุถนอม  ราวกับกำลังสัมผัสอิสตรีผู้เป็นที่รักยิ่ง  จึงค่อยเปิดมันในหน้าถัดไป
ปี 296 แคว้นจงซานถูกแคว้นจ้าวทำลายจนสิ้นชาติ เยว่อี้จึงต้องหลบหนีไปทางเหนือเวลานั้น เอี้ยนเจาหว่าง (燕昭王) ที่กำลังฟื้นแคว้นเอี้ยนที่ถูกแคว้นฉีทำลายขึ้นมาใหม่ ได้ประกาศหาคนมาช่วยบริหารบ้านเมือง มีผู้คนหลั่งไหลไปขอเข้าร่วมอย่างไม่ขาดสาย เยว่อี้ก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
ปี 286 แคว้นฉี ฉวยโอกาสที่แคว้นอื่นกำลังหารือวางแผนจะยกทัพไปตีแคว้นฉิน ได้ยกทัพใหญ่ไปโจมตีแคว้นซ่ง ทำลายแคว้นซ่งจนสิ้นชาติ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้แคว้นต่างๆ หวาดกลัวกันมาก แคว้นฉินจึงใช้โอกาสนี้กล่าวยุยงให้ทุกแคว้นร่วมมือกันโจมตีแคว้นฉีเอี้ยนเจาหว่าง ทราบข่าวจึงแต่งตั้ง เยว่อี้ ให้เป็นแม่ทัพใหญ่นำทหารไปโจมตีแคว้นฉี หมายจะล้างแค้นที่แคว้นเอี้ยนเคยถูกทำให้สิ้นชาติ
ปี 284  พันธมิตรหกแคว้นได้รวมกำลังกันยกทัพบุกโจมตีแคว้นฉี ทำให้แคว้นฉีถูกโจมตีจนแตกพ่าย เสียเมือง เสียผู้คนไปมากมาย ภายหลัง ห้าแคว้นใหญ่คิดว่าสั่งสอนแค่ก็น่าจะพอแล้วจึงคิดจะยกทัพกลับ แต่เอี้ยนเจาหว่างไม่เห็นด้วย จึงสั่งให้เยว่อี้บุกโจมตีต่อไป ภายใต้การนำทัพของเยว่อี้ เพียงไม่นานทัพเอี้ยนก็ตี เมืองหลินจือ (临淄) เมืองหลวงของแคว้นฉีแตก ฉีหมิ่นหว่าง (齐湣王) กษัตริย์แคว้นฉีถูกแม่ทัพแคว้นฉู่สังหารตายในระหว่างหลบหนี
ผลงานในครั้งนี้ทำให้ เยว่อี้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ฉางกว๋อจวิน (昌国君) ปกครองดินแดนที่ยึดได้เยว่อี้อยู่ที่แคว้นฉี 5 ปี ยึดดินแดนได้มากกว่า 70 หัวเมือง แคว้นฉีแทบจะสิ้นชาติเหลือเมืองในการปกครองแค่สองเมืองเท่านั้น
ปี 279  เอี้ยนเจาหว่างสิ้นชีพ เอี้ยนฮุ่ยหว่าง (燕惠王) ขึ้นเป็นกษัตริย์แคว้นเอี้ยนเถียนตาน (田单) แม่ทัพและเชื้อพระวงศ์ชาวแคว้นฉี ฉวยโอกาสที่แคว้นเอี้ยนเพิ่งเปลี่ยนผู้ปกครอง ได้ส่งคนไปยุยงให้ เอี้ยนฮุ่ยหว่าง หวาดระแวงในตัว เยว่อี้ เอี้ยนฮุ่ยหว่างไม่พอใจเยว่อี้อยู่ก่อนแล้ว จึงหลงกลของเถียนตาน สั่งให้ถอดถอนตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของเยว่อี้ ทำให้เยว่อี้ต้องหลบหนีไปหลบภัยอยู่ที่แคว้นจ้าว
หลี่ซีซวนเปิดอ่านในส่วนของคำนำที่กล่าวโดยย่อถึงลำดับปีในช่วงเวลาที่เล่ออี้มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้น  เกมการเมือง  ผลประโยชน์  มีฝีมือเพียงอย่างเดียวไม่พอ  ปัญญา  ความกล้า และความใจเด็ด  จำเป็นที่ต้องมีเพื่อความอยู่รอดของตัวเราเอง  ทว่าหากมีเจ้านายที่ดี  เฉลียวฉลาด  รู้จักช่วงใช้คนแล้วไซร้  ย่อมนำพาความรุ่งเรืองมาสู่ตนเองและบริวารรอบข้าง  นี่ต่างหากคือความเป็นจริงของโลกใบนี้
เมื่ออ่านตำราเล่ออี้เสร็จแล้วหลี่ซีซวนยืนมองดูห้องอีกครั้ง  แล้วเดินลงบันไดจากชั้นที่ 3 ในยังคงถือทวนสามแฉกไว้แน่น  สายตาคอยสอดสายตา  ระแวดระวังภัย  รอบคอบไว้ก่อนเป็นดีที่สุด  สถานที่เปลี่ยวร้างอะไรย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ  ไม่นานหลี่ซีซวนเดินลงบันไดมาถึงชั้นที่ 1 กลิ่นเหม็นเน่าจากซากศพยังไม่จางหายทั้งเหม็นมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก กระทั่งเดินออกมาจากหอคอยฝึกยุทธ  เดินทางกลับในแส้นทางเดิม  เข้าทางด้านหลังบ้านร้างโผล่ออกมาถึงหน้าบ้าน  หลี่ซีซวนกำลังจะไปขึ้นมาเตรียมตัวออกเดินทางต่อ  หางตาเห็นโจรที่มาดักรอด้านหน้าทางออก  ดั่งคำกล่าวที่ว่า 'คู่แค้นมักเจอในทางแคบ'  หลี่ซีซวนแทบจะเจอพวกมันทุกที่ไปเสียแล้ว  ยืนวางไหสุราการเหม่ยจือและซ่อนตำราซินแสตงฟางไว้ในซองหนังอานม้าตรงช่องลับ  
หลี่ซีซวนกระชับทวนสามแฉกแน่น  สายตาไม่หวั่นไหว  ราวกับหอฝึกยุทธ์ได้เป็นครูสอนประสบการณ์เหล่านี้ให้กับหลี่ซีซวนก็ไม่ปาน  ทว่าหลี่ซีซวนไม่ขยับยืนควงทวนสามแฉกไปมาหมุนวนราวกับกรงจักรพร้อมสังหารศัตรู  โจรที่ดักรอเจอเป้าหมายอยู่นานด้วยความอดทน  มันหมดความอดทนที่จะต้องรอให้เป้าหมายเข้ามาหา  ควงดาบในมือรอบหนึ่งพลางพุ่งใส่ทันที  หลี่ซีซวนยืนนิ่งไม่หลบใช้ทวนสามแฉกป้องกันคมดาบได้อย่างมั่นคง  สมศักดิ์ศรีอดีตขุนพลเก่า  ยามนี้ดั่งพยัคฆ์ฟื้นฟูร่างกาย  ตื่นจากการจำศีลอันยาวนาน  พร้อมออกท่องเที่ยวอีกครั้งได้อย่างองอาจ  โจรร้ายดั่งเจอดาวพิฆาตแต่ไม่เคยกลัว  มันเข้าโรมรันอีกครั้งคราวนี้สามารถทำให้พยัคฆ์บาดเจ็บได้  เสียดายที่พยัคฆ์ตัวนี้มันไม่ได้บาดแผลใหญ่  หลี่ซีซวนมองดูความผิดพลาดของตัวเอง  สีข้างได้รับบาดแผลแล้ว  เท่านี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกกลัวกลับใช้ความผิดพลาดจุดนี้มาป้องกันอีกครั้ง  หลี่ซีซวนรุกมากกว่ารับใช้เพลงทวนเข้าฟาดฟันอย่างไม่ลดละ  มันโดนความพิโรธของหลี่ซีซวนที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา  ราวกับกำลังสู้กับแม่ทัพอย่างไรอย่างนั้น  นี่หรือชายพเนจรเหตุไฉนฝีมือร้ายกาจเช่นนี้  มันจิ้งจอกหุ้มหนังแกะไม่มีผิด  หลงให้คนภายนอกคิดว่ามันไร้พิษสง  ไม่มีพิษภัย  พอหลงกลเข้าไปโรมรันค่อยพบว่าตัวเองถูกหลอกตา  ถึงเวลานั้นก็ไร้ทางหนีเสียแล้ว  มันยิ่งต่อสู้  ฟาดฟัน  ยิ่งรู้ตัวว่าทำพยัคฆ์ตัวหนึ่งพิโรธและเพราะความพิโรธนี้มันได้แต่ป้องกัน  ซึ่งการป้องกันของมันไร้ประโยชน์  เพลงทวนที่ยืนระยะได้อย่างพอเหมาะทำให้โจรไมสามารถเข้าถึงตัวของหลี่ซีซวนได้อีกเลย  สุดท้ายมันจำต้องยอมรับว่าผิดพลาดและเสียใจที่สุดในชีวิต  สวรรค์คงลิขิตให้มันอยู่ได้เพียงสิ้นสุดวันนี้  เพลงทวนร่ายรำท่วงท่าไม่กี่เพลงร่างกายของโจรชะตาขาดล้มลงข้างริมธาร  หลี่ซีซวนยืนหอบหายใจ  ปรับจังหวะลมกายใจให้กลับมาเสมอกันอีกครั้ง  ช่างน่าสังเวชใจยิ่งนัก  ควงทวนร่ายรำกลางแสงจันทร์เป็นการออกแรงอีกครั้ง  มันเป็นท่วงท่าการร่ายรำที่สวยงามสำหรับผู้ที่ไม่คล่องแคล่วกับเพลงทวนตั้งแต่แรก  หากระบี่ให้ถูกใจตัวเองในเวลานี้ยากยิ่งยัก  ได้แต่ในทวนสามแฉกเล่มนี้เป็นอาวุธคู่มือ  มิรู้ว่าหากภายภาคหน้าเจอกระบี่ที่ถูกใจแล้ว  คงคิดถึงวันเวลาที่ได้ใช้ทวนเล่มนี้ไม่น้อย  หลี่ซีซวนเดินกลับมาหาที่ผูกไว้ข้างบ้านร้าง  สายตายังมองกลับไปยังหอคอยฝึกยุทธ์อีกครั้ง  กระโดดขึ้นหลังม้า  คราวนี้ไม่ได้มุ่งหน้าไปเมืองจี้โจว  ทิศทางเปลี่ยนไปยังภูมิภาค เหลียงโจว  หลี่ซีซวนอยากกลับขึ้นไปฉางอันอีกครั้งไปเจอเถ้าแก่หลี่ผู้เป็นบิดา  ผู้ที่เคยอบรมสั่งสอนบุตรคนนี้จนได้ดีเช่นทุกวันนี้  อาจจะได้เจอน้องสาวด้วยก็เป็นได้
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
ลักษณะนิสัยทะเยอทะยาน
+2 Point จากโรลการต่อสู้


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2021-10-4 19:50:54 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-4 20:26


⌜66⌟

บทที่ 13
สันโดษท่ามกลางเมฆา
ฉากที่ 1
                    
          หม้าเหลียงควบด้วยความเร็วมากขึ้นเมื่อออกมาจากตัวเมืองซีเหอมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตกตามคำบอกเล่าของเด็กสาว ทว่าทั้งสองไม่ได้มุ่งตรงไปยังเส้นทางสู่เหลียงโจวแต่กลับไปทางย่อยซึ่งนำไปสู่บ้านร้างของท่านซินแสตงฟางซั่ว ภายใต้เงาของแมกไม้ได้ยินเสียงสายน้ำอยู่ไม่ไกลสถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นจุดหลักสำหรับการตกปลา
         
          “ตรงนี้แหล่ะเจ้าค่ะ”
         
          “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย ทำไมเจ้าถึงรู้จักบ้านร้างในป่าด้วยล่ะ”
         
          ความเร็วม้าค่อย ๆ ชะลอลงจนหยุดนิ่ง ทั้งสองปักหลักกันที่ข้างลำธารสายเล็ก ๆ ที่ทอดตัวมาจากน้ำตก ปล่อยให้ถังถังและเปาเปาได้กินน้ำกินหญ้ากันตามอัธยาศัย ส่วนมนุษย์สองคนก็ถือคันเบ็ดและถังไม้ไปนั่งริมฝั่ง ทอดสายเบ็ดลงไปในธารน้ำในที่เห็นฝูงปลาแหวกว่ายกันชุกชุม
         
          “ที่นี่คือบ้านร้างของท่านซินแสตงฟางซั่วที่เคยเล่าไปน่ะเจ้าค่ะ”
         
          “อ้อ คือที่นี่เองงั้นเหรอ” เด็กหนุ่มมองไปรอบ ๆ แม้ว่าฟ้าจะมืดแต่ก็ยังมีแสงจันทร์นำทางจึงพอมองเห็นภาพสลัว ๆ “ตรงนี้ก็มีน้ำตกแล้วก็มีภูเขา ทำไมถึงไม่ตั้งสุสานแถวนี้เสียเลยล่ะ”
         
          “เอ๊ะ..”เฟินเยว่ก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ บริเวณนี้ทำเลดีทุกอย่าง ทั้งด้านหลังเป็นภูเขา ด้านล่างเป็นลำน้ำ ฮวงจุ้ยเรียกได้ว่าดีสุด ๆ “แต่ว่า แล้วที่ฉางอันล่ะเจ้าคะ”
         
          “ทำไมต้องจำเป็นเฉพาะที่ฉางอันด้วยล่ะ”
         
          “ก็.. เผื่อว่าท่านซินแสจะอยากคุ้มครองเมืองหลวงเก่าที่เคยใช้ชีวิตอยู่น่ะเจ้าค่ะ”
         
          “แต่ที่นี่ก็เคยใช้ชีวิตอยู่เหมือนกันนี่ ถ้ามาปลูกบ้านอยู่จนแก่ตายที่นี่ก็แปลว่าน่าจะชอบทำเลนี้ไม่ใช่หรือ.. อีกอย่างซีเหอน่ะอยู่ใกล้กำแพงหมื่นลี้ เป็นปราการด่านแรกที่กันพวกซงหนู ถ้าเป็นที่นี่ล่ะก็ท่านซินแสได้ปกป้องต้าฮั่นก่อนใครเพื่อนเลยนะ”
         
          “กะ..ก็จริงนะเจ้าคะ”
         
          ที่ตงฮั่วพูดมาล้วนแล้วแต่มีเหตุมีผล เฟินเยว่ก็ยึดติดอยู่กับเมืองเก่ามากเกินไปจนลืมสถานที่อันสุดแสนจะเหมาะสมนี้ไปได้
         
          “ถ้าอย่างนั้นเอาไว้หลังกลับจากเหอไน่แล้วลองขึ้นเขาไปสำรวจที่แถวนี้ดีไหมเจ้าคะ จะได้ลงมือสร้างสุสานกันเลย”
         
          “ข้ายังไงก็ได้นั่นแหล่ะ แล้วแต่เจ้าเลย”
         
          ตกกลางคืนอาการยิ่งหนาวขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องผิงไฟอยู่ข้าง ๆ เด็กสาวและเด็กหนุ่มจับปลาได้มาก็เอามาย่างเป็นอาหารเย็น กินไปพลางตกปลากันต่อไปพลาง
         
          “ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณชายเหลียงไปถึงไหนแล้วนะเจ้าคะ”
         
          “หากเดินทางช้าอย่างเร็วสุดก็คงเจียซิ่วเสียล่ะมั้ง”
         
          “เจียซิ่วงั้นเหรอ..” เมื่อนึกถึงเมืองทางผ่านก็ทำให้เฟินเยว่นึกถึงเรื่องเจอโจรทุกครั้ง น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่ลั่วหยางนางก็เจอโจรผ้าเหลือเช่นกันแต่ทำไมกลับไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับฝังใจกับการเจอโจรครั้งแรกมาก “... ถ้าเขาไม่เจอคนร้ายก็ดีสิเจ้าคะ”
         
          “อืม” ตงฮั่วพยักหน้า “แต่ก็คงไม่เจอหรอก แค่มีชื่อเสียงของเจ้าอยู่ก็ไม่มีใครกล้ามาแหยมแล้ว” ตงฮั่วหัวเราะแล้วก็อ้าปากงับปลาย่าง
         
          “โธ่ ตงฮั่วเนี่ยล่ะก็ คนอื่นทึกทักเอาเองทั้งนั้น”
         
          “ไม่นะ มีข้าคนนึงแหล่ะที่คิดว่าไม่บังเอิญ”
         
          “แต่ว่าข้าไม่รู้วรยุทธ์จริง ๆ นะเจ้าคะ”
         
          “อืม.. เรื่องนั้นก็พอดูออก” เด็กหนุ่มเคี้ยวปลาหยับ ๆ แล้วกลืน กินหมดไปหนึ่งตัวก็กลับมาตกปลาต่อ “แต่เจ้ามีแววเรื่องการต่อสู้จนน่าตกใจ ถ้าช่วงไหนว่าง ๆ ไม่ต้องเดินทางไกลให้ข้าฝึกให้เอาไหม”
         
          “เอ๋ ตงฮั่วจะฝึกให้หรือเจ้าคะ แต่ว่า.. ข้าก็ไม่รู้จะเอาไปต่อยตีกับใครด้วยสิเจ้าคะ..”
         
          “ไม่จำเป็นต้องเอาไปต่อยตีกับใครนี่ คนดีเขาไม่เที่ยวท้าคนต่อยไปทั่วหรอกนะ” ตงฮั่วพูดออกมาแต่เด็กสาวมองด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อ “เฮ้ย พูดจริง ๆ ปกติข้าอยากจะยุ่งกับใครที่ไหน ไม่อยากทั้งคุยด้วยแล้วก็ไม่อยากจะทะเลาะด้วยเหมือนกันนั่นแหล่ะ”
         
          “เห แต่ว่าตงฮั่วก็คุยกับข้าเป็นปกติดีนี่เจ้าคะ แถมดูเหมือนยังเริ่มจะสนิทกับคุณชายเหลียงขึ้นมาแล้วด้วย พอคนที่บอกว่าไม่อยากจะสุงสิงกับใครมาคุยด้วยอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้แล้วรู้สึกดีจังเจ้าค่ะ”
         
          “ก็เพราะว่าเราสนิทกันแล้วยังไงล่ะสหาย ข้าให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษเลยนะ”
         
          ได้ฟังแล้วเด็กสาวก็หัวเราะ
         
          “ยิ่งบอกว่าเป็นกรณีพิเศษยิ่งดีใจใหญ่เลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็อยากจะสนิทกับตงฮั่ว เหมือนที่ตงฮั่วสนิทกับท่านหลิวเหมือนกัน”
         
          “ห๊ะ? ข้าอ่ะนะสนิทกับพี่จื่อกง เจ้าน่ะมั่วแล้ว”
         
          “ไม่สนิทหรือเจ้าคะ ก็เห็นว่าคุยกันถูกคอกันดีออกเจ้าค่ะ”
         
          “นั่นก็.. ไม่รู้สินะ” เด็กหนุ่มทำท่าไหวไหล่คล้ายกับว่าจนปัญญาที่จะเถียง และปลาตัวล่าสุดก็ติดเบ็ดเขาขึ้นมาพอดี เป็นปลาจาระเม็ดน้ำจืดตัวใหญ่ มันสะบัดตัวไปมาจนน้ำกระเซ็น เขารีบเอามันหย่อนลงในถังก่อนที่จำทำให้ทั้งสองเปียกปอนไปทั้งตัว “ไหนดูสิว่าได้กี่ตัวแล้ว”
         
          ตงฮั่วชะโงกหน้าลงไปดูก่อนที่จะค่อย ๆ นับออกเสียง...
                    
.
.
.
      

ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 EXP จากการโรลทำงาน หรือ โรลเดินทางช่วงค่ำ (เรียลไทม์)

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)


ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
+3 Point เมื่อโรลเพลย์ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ

โบนัสการตกปลา x2










ซุนเฟินเยว่ + ซูตงฮั่ว
ตก ปลาจาระเม็ด
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-4 21:34:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-4 21:39


⌜67⌟

บทที่ 13
สันโดษท่ามกลางเมฆา
ฉากที่ 2
        
                    
          “ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไรเลยแฮะ”
         
          เด็กหนุ่มนักตกปลาเอ่ยขึ้นขณะชะโงกหน้าลงไปดูในถังนั้นที่เต็มไปด้วยปลาจาระเม็ด สีหน้าของเขาติดจะผิดหวังอยู่กลาย ๆ เพราะดูเหมือนว่าปลาที่ต้องการยังไม่มากพอ หากไม่ถึงชนิดละร้อยตัวเขาก็ไม่เลิก ตงฮั่วยังไม่ยอมแพ้ เขากลับมานั่งกุมเบ็ดตกปลาแล้วรอให้มันกินเหยื่อต่อไป
         
          “หลังจากนี้ไปเราไปเป็นชาวประมงกันก็น่าจะดีนะเจ้าคะ”
         
          แต่สำหรับเด็กสาวเพียงแค่นี้ก็นับว่ามากแล้วคงทานไม่หวาดไม่ไหวเป็นแน่ และหากนำปลาทั้งหมดที่จับได้มาไปขายล่ะก็คงจะได้หลายตำลึงทีเดียวเชียว
         
          “ของแบบนี้มันอาจจะอยู่ในสายเลือดก็ได้มั้ง”
         
          “เอ๋.. อยู่ในสายเลือดเหรอเจ้าคะ?”
         
          เฟินเยว่ปริบตาฟังเรื่องเล่าอย่างงงงวย เท่าที่เข้าใจตระกูลซูแห่งซีเหอเป็นพ่อค้าขายผ้าไม่ใช่หรอกเหรอ หรือว่าเขาจะหมายถึงว่าบิดาที่เป็นพ่อค้าผ้าก็ชอบตกปลาด้วยกันแน่นะ
         
          “อืม.. เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินมาจากท่านพ่อน่ะ บิดาของท่านย่าทวด… เอ่อ เรียกว่าอะไรนะ แต่ก็ช่างเถอะ ...ก็คือย่าทวดของข้าเกิดและเติบโตขึ้นมาที่อู๋จวิ้น เป็นชาวประมงแถว ๆ นั้นน่ะ แต่พอท่านย่าทวดแต่งงานก็ย้ายรกรากตามท่านปู่ทวด ...ที่ว่ามีสายเลือดชาวประมงก็เป็นแบบนั้น”
         
          “อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าล่ะเจ้าคะตงฮั่วถึงได้ชื่นชอบการตกปลานัก” เด็กสาวหันไปยิ้มให้เขาก่อนที่จะผินใบหน้ากลับมามองสายน้ำและตกปลาที่กินเหยื่อขึ้นมาอีกตัว “ว่าแต่ครอบครัวข้าจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกับเขาบ้างหรือเปล่านะ?”
         
          นางนั่งนึก พอเจอคนตระกูลซุนที่อื่นจึงคิดสงสัย เฟินเยว่เป็นคนที่ยังรู้จักโลกนี้น้อยอยู่เสียด้วย ด้วยความที่บุพการีจากไปตั้งแต่ยังไร้เดียงสาจึงไม่มีใครเคยเล่าเรื่องประวัติครอบครัวให้นางฟัง ส่วนชีวิตประจำวันก็อยู่แต่กับบ้าน ไปทำงาน เข้าป่าหาเห็ด แทบไม่เจอคนแซ่อื่นเสียเท่าไร ลูกค้าประจำที่มากินอาหารที่ร้านหมีฟ่านกว่านเท่าที่รู้จักก็ไม่มีใครแซ่ซุน หรือก็อาจจะมีบ้างที่เป็นลูกค้าจรที่นางไม่เคยเอ่ยถาม
         
          “ก่อนหน้าอาจไม่มี แต่หลังจากนี้เจ้าอาจจะเป็นคนสร้างตำนานขึ้นมาเองก็ได้นะ”
         
          “เอ๋ จะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะเจ้าคะ ข้าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย”
         
          เฟินเยว่เจียมตัวในเรื่องนี้ดี นางไม่อาจเป็นอะไรได้มากไปกว่ามีสามี แต่งงาน และมีลูก ไม่รู้ว่าด้วยความกำพร้าหรือเปล่าจึงทำให้นางมีอิสระในการท่องโลกกว้างมากกว่าหญิงสาวนางอื่น นางไม่ได้งดงามจนวิหกตกนภาหรือมัจฉาจมวารีอย่างเช่นไซซีหรือหวังเจาจวิน ไม่ได้มีสตรีปัญญาสูงล้ำอย่างเช่นโต้วไท่โฮ่ว
         
          “เป็นจอมยุทธ์หญิงไงล่ะ”
         
          “โธ่ ตงฮั่วแหย่ข้าเรื่องนี้อีกแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะเจ้าคะที่อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาท้าประลองน่ะ”
         
          เด็กหนุ่มเห็นท่าทางที่คล้ายกับจะทำหน้าเป็นปลาปักเป้าอีกครั้งก็หัวเราะครืนอย่างกลั้นไม่ไหว ยิ่งทำให้หน้าก้ม ๆ แบบปลาปักเป้านั้นบวมเป่งยิ่งกว่าเดิม
         
          “ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นสหายสนิทของผู้กล้าที่จะกำราบโจรผ้าเหลืองเป็นไงล่ะ”
         
          พอได้ฟังเรื่องนั้นเด็กสาวก็ปริบตา จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดีล่ะนะ นั่นหมายถึงว่าตงฮั่วจะต้องนำตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีกแล้ว แต่ถ้าบอกว่ากำราบก็แปลว่าชนะ แล้วถ้าชนะก็แปลว่าปลอดภัย เด็กสาวพยายามหาข้อดีให้ขบคิดจนพอจะยิ้มออกมาได้
         
          “แบบนั้นน่าจะดูดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าขอบันทึกชื่อเป็นสหายผู้กล้าก็พอแล้วล่ะ”
         
          “หวังน้อยดีแฮะ จะเป็นเพียงแค่สหายเองเหรอ?”
         
          “อ๊ะ..” ได้ยินดังนั้นเด็กสาวก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกปลั่ง ที่เขาหมายความว่าอยากเป็นแค่สหายนั้นหวังน้อยหมายความว่าอยากให้เป็นมากกว่าสหายอย่างนั้นหรือ? เฟินเยว่ค่อย ๆ เฉสายตามองสบใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเขินอาย “เป็นมากกว่านั้น… ได้หรือเจ้าคะ?”
         
          เมื่อตงฮั่วเห็นท่าทางนั้นก็เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าคำพูดของตนเองมันตีความได้หลายอย่าง จนเขาก็เริ่มที่จะหน้าแดงตามไปด้วย
         
          “ก็สหายสนิท สหายรู้ใจ หรือว่าเป็นหนึ่งในผู้กำราบโจร อะไรทำนองนั้น!”
                    
          เด็กหนุ่มแก้ต่างคำพูดให้เป็นพัลวันเพราะตอนแรกเขาก็นึกไปถึงแค่นั้นจริง ๆ นั่นแหล่ะ
         
          “จะ.. จริงด้วยเจ้าค่ะ! ถ้าอย่างนั้นข้าขอเป็นสหายรู้ใจก็แล้วกันนะเจ้าคะ!”
         
          เฟินเยว่เห็นตามไปอย่างล่ก ๆ ให้คิดแบบนั้นมันดีกว่าจริง ๆ นั่นแหล่ะ ไม่มีอะไรที่จะสำคัญกว่ามิตรภาพอีกแล้ว! ดูอย่างนางกับเปาเปาสิ ถึงแม้ว่าช่วงนี้เด็กสาวจะไม่ได้เล่นกับเปาเปาเลยแต่ทั้งคู่ก็ยังสนิทกันดี
         
          ทั้งสองตกปลากันไปสนทนากันไปจนเข้ายามไห่ ในตอนนี้เริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมานิด ๆ แล้ว เฟินเยว่ชะโงกดูปลาในถังว่าตอนนี้มีครบหนึ่งร้อยตัวแล้วหรือยังนะ...
         
.
.
.



ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 EXP จากการโรลทำงาน หรือ โรลเดินทางช่วงค่ำ (เรียลไทม์)

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)



ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
+3 Point เมื่อโรลเพลย์ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ

โบนัสการตกปลา x2









ซุนเฟินเยว่ + ซูตงฮั่ว
ตก ปลาจาระเม็ด จำนวน 50 ตัว ถ้าเกินรับเป็น ปลาซ่ง
หหหห
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-4 23:14:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-10-4 23:37

⌜68⌟

บทที่ 13
สันโดษท่ามกลางเมฆา
ฉากที่ 3
        
                    
          “ตงฮั่วเจ้าคะ ปลาจาระเม็ดได้ครบหนึ่งร้อยตัวแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวโพลงขึ้นอย่างดีใจหลังนับจำนวนปลาในถังได้เกินร้อย แต่ทว่าก็ยังขาดปลาซ่งอีกมากโข ดูท่าว่าราตรีนี้ยังอีกยากไกลนัก คนที่เริ่มง่วงปิดปากหาวหวอด ๆ แต่ก็พยายามทำตาแข็ง
         
          “ถ้าไม่ไหวก็ไปนอน”
         
          “เอ๋ จะให้นอนตรงนี้น่ะหรือเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่หันมองไปรอบ ๆ มีแต่พงแต่หญ้าข้างทาง ไม่มีที่กำบังน้ำค้างอย่างในถ้ำหรือศาลา เฟินเยว่ไม่ได้เกี่ยงที่นอนนักแต่ทว่าก็รู้สึกไม่คุ้นชินเอาเสียเลยหากต้องนอนกลางแจ้ง
         
          “ไม่ได้เหรอ?”
         
          ตงฮั่วถามกลับด้วยถ้อยคำที่ราวกับว่าเขากินนอนกลางแจ้งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่แค่ว่าอาศัยอยู่ในถ้ำเพียงอย่างเดียว
         
          “ก็ได้แหล่ะเจ้าค่ะ ว่าแต่เราจะโต้รุ่งกันตรงนี้จริง ๆ สินะเจ้าคะ”
         
          “คงงั้น กลับเมืองไปโรงเตี๊ยมก็คงปิดหมดแล้วมั้ง”
         
          “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็..”
         
          เด็กสาววางเบ็ดลงกับพื้นก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าสัมภาระก่อนที่จะหยิบกระโปรงชุดใหม่มาสองตัว ตัวหนึ่งนางไม่เลือกสีส่วนอีกตัวเลือกเอาสีเข้มหน่อย ซึ่งสีน้ำเงินครามน่าจะเป็นเสื้อผ้าตัวที่เข้มที่สุดแล้ว นางนำชุดสีครามนั้นไปคลุมไหล่ให้กับเด็กหนุ่ม ส่วนตัวเองก็ห่อตัวด้วยชุดสีตองอ่อนอีกชั้น
         
          “หืม อะไรเนี่ย?”
         
          ตงฮั่วค่อนข้างประหลาดใจ หัวคิ้วที่มีรอยบาดแผลขมวดเข้าหากัน อยู่ ๆ เด็กสาวนำมาคลุมให้แบบนี้หมายความว่าอย่างไร ด้วยความเป็นชุดเสื้อผ้าสตรีเด็กหนุ่มจึงไม่ค่อยสบายใจนัก
         
          “อากาศยิ่งดึกยิ่งหนาวน่ะเจ้าค่ะ ทำตัวให้อบอุ่นกันเอาไว้จะดีกว่านะเจ้าคะ” พูดเสร็จเฟินเยว่ก็นั่งลงตกปลาต่อ จนได้ปลาซ่งมาหนึ่งตัว “อีกนานไหมนะกว่าจะครบร้อยตัว...”
         
          เด็กสาวทอดถอนหายใจออกมาด้วยความเพลียมาทั้งวันสีหน้าจึงดูเพลียจัด
         
          “ก็บอกให้นอนไง ข้าตกปลาต่อเองได้ งานตกปลาน่ะเป็นความตั้งใจของข้าเอง เพราะงั้นถึงเจ้านอนก็ไม่ถือว่าอู้หรอก”
         
          “ถึงตงฮั่วจะพูดแบบนั้นแต่ข้าก็รู้สึกว่าตัวเองอู้อยู่ดีนั่นแหล่ะเจ้าค่ะ ทำอย่างไรปลาถึงจะติดเบ็ดเยอะกว่านี้กันนะ”
         
          เฟินเยว่ครุ่นคิด หากว่ามีคาถาเรียกปลาก็คงดี แต่ว่าใครเล่าจะมีคาถาเช่นนั้น จะมีก็แต่นิยายปรัมปราหรือไม่ก็การแสดงปาหี่เท่านั้นที่ทำได้
         
          “ถ้าอย่างนั้นลองร้องเพลงดูไหมล่ะ เผื่อว่าปลาจะชอบฟัง”
         
          คำกล่าวทีเล่นทีจริงทำเอาเด็กสาวตาโต
         
          “ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ น่าอายจะตาย อาจจะมีใครมาได้ยินเข้าก็ได้”
         
          “ไม่มีหรอกน่า นั่นบ้านร้างไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครอยู่หรอก”
         
          “ไม่เอาเจ้าค่ะ”
         
          “เถอะน่า ร้องหน่อยสิ”
         
          เด็กหนุ่มตื๊อจนสุดท้ายเด็กสาวก็ใจอ่อน ยอมร้องเพลงก็ได้
         
          “โธ่ ก็ได้เจ้าค่ะ แต่ว่าแค่นิดเดียวนะเจ้าคะ”
         
          หลังจากที่เด็กสาวตอบรับสหายหนุ่มก็ยิ้มกริ่ม ปกติแล้วการอยู่เงียบ ๆ ใช้สมาธิจดจ่อกับการตกปลามันก็ดี แต่นั่นมันคือตอนที่เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษเพียงลำพัง แต่กลับกันตอนนี้เขาอยู่กับสหายและได้เรียนรู้ว่าการมีคนคุยไปด้วยตกปลาไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนัก และอีกอย่างเสียงเพลงที่ได้ฟังเมื่อวานก็รู้สึกประทับใจอยู่มากจนอยากจะฟังอีกหลาย ๆ ครั้ง
         
          “เอาสิ นิดเดียวก็ได้”
         
          “เจ้าค่ะ...”
         
          เฟินเยว่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ครุ่นคิดอยู่ในหัวว่าจะร้องเพลงอะไรดีนะ จนนึกออกมาได้เพลงหนึ่งที่มีความหมายน่าอายพอสมควร ‘ไม่อยากนอน ยังอยากอยู่ด้วยกันทั้งคืน’ แต่ว่าเด็กสาวก็นึกหาเพลงอื่นมาร้องไม่ออกแล้ว และหวังว่าการร้องเพลงเรียกปลาจะได้ผลจริง ๆ นะ เพราะว่านางเองก็ง่วงเต็มแก่แล้ว
         
         
          เด็กหนุ่มฟังเพลงไปก็แอบอมยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก แต่เมื่อมาพิจารณาเนื้อเพลงดี ๆ แล้วก็สำลักน้ำลายตัวเองจนต้องทีเป็นเป็นคอแห้งไปต้มชามาดื่มไปพลางให้ชุ่มคอ
         
          ‘เนื้อเพลงนี่มัน!!’
         
          คราวนี้เป็นตงฮั่วเองที่เป็นนฝ่ายเลิกลั่กจากเนื้อเพลงที่ได้ฟัง ไม่รู้ว่ามันจะเป็นความบังเอิญหรือว่าอีกฝ่ายจงใจกันแน่น บุรุษชำเลืองมองไปยังใบหน้าเปื้อนกระของเด็กสาว ในแววตาที่สะท้อนกับผืนน้ำก็มีความเขินอายแฝงอยู่ในนั้น ไม่รู้ว่าเสียงเพลงเรียกปลาได้ผลหรือคิดไปเองว่ามันได้ ระหว่างการขับขานบทเพลงทั้งสองก็ตกปลาขึ้นมาได้อีกหลายตัว
         
          เมื่อร้องจบเพลงแล้วเสียงแรกที่ได้ยินควรจะเป็นเสียงคงสักคนหนึ่งในนี้ที่พูดขึ้น...
         
          ซวบซาบ… ซวบซาบ… ซวบซาบ...
         
          แต่เปล่าเลย มันกลับเป็นเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งที่เดินผ่านไปด้านหลัง ทั้งสองสะดุ้งเฮือก คราแรกคิดว่าอาจเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี แต่ที่ไหนได้พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่อสังหาริมทรัพย์ที่หอบหิ้วเอาอุปกรณ์ตกแต่งบ้านเข้ามาทำงานในยามดึก
         
          ‘ตายแล้ว เมื่อกี้พวกเขาจะได้ยินกันหรือเปล่านะ!!’
         
          ‘ว้อย!! มาทำอะไรกันดึก ๆ ดื่น ๆ กันวะเนี่ย!!’
         
          เด็กทั้งสองต่างคิดในใจ เมื่อหันมองไปก็เห็นป้ายที่ช่างหิ้วมาด้วยเขียนชื่อติดไว้ว่า ‘บ้านสกุลกู่ | เรือนหิมะ’ นั่นคงเป็นชื่อเจ้าของใหม่ที่มาซื้อบ้านหลังนี้ และเมื่อคนงานเห็นคนทั้งสองมองมาเขาก็สนทนาด้วย
         
          “โอ้ ตกปลากันต่อได้ตามสบายเลยขอรับ พวกเราแค่มาทำงานเฉย ๆ น่ะ เห็นว่าเจ้าของบ้านอนุญาตให้ชาวบ้านทำมาหากินได้ตามปกตินะ เชิญเลย ๆ ”
         
          “ยะ.. อย่างนั้นเอง ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
         
          จะอะไรก็ช่าง เด็กสาวรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากจนอยากจะย้ายที่ให้ห่างไกลจากคนงานที่ตอนนี้กำลังซ่อมสะพานไม้ที่ชำรุดทรุดโทรมอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยมองไปที่ถังน้ำว่าคาถาเรียกปลาเมื่อครู่ทำให้ตกขึ้นมาได้อีกกี่ตัว...

          “ว้าว ใกล้ครบแล้วเจ้าค่ะ”
         
          “เห็นไหมว่าร้องเพลงเรียกปลามันได้ผล เอาล่ะ เจ้าทำดีมากแล้ว นอนซะเถอะที่เหลือข้าจัดการต่อเองได้”

          เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นข้าของีบสักครู่นะเจ้าคะ เฟินเยว่วางคันเบ็ดไว้โดยที่สายยังหย่อนลงน้ำ อย่างน้อยถ้าปลากินเบ็ดอีกอันตงฮั่วก็จะได้ดึงมันขึ้นมาไม่เสียเปล่า เด็กสาวเข้าไปนั่งอิงม้าเหลียงและหมูป่าที่นอนขดกันอยู่แล้ว และเมื่อหลับตานางก็เข้าสู่นิทราไปในเวลาไม่นาน...
      
.
.
.



ตัวละครหลัก ซุน เฟินเยว่

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด

ลักษณะนิสัยขยัน
-20 ลดความเครียดเมื่อทำงานหรือทำกิจกรรมใด ๆ

ลักษณะนิสัยเห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ

อัตลักษณ์ผิวเป็นฝ้ากระ
+15 EXP จากการโรลทำงาน หรือ โรลเดินทางช่วงค่ำ (เรียลไทม์)

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
+10 ความสัมพันธ์ จากการคนธาตุและปีเดียวกัน
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ขยัน)
-10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา (ผิวเป็นฝ้ากระ)



ใช้งาน [152] ซู ตงฮั่ว

ลักษณะนิสัยรักสันโดษ
+3 Point เมื่อโรลเพลย์ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
-10 ความสัมพันธ์กับผู้อื่น

อัตลักษณ์แข็งแรง
+5 ความสัมพันธ์กับคนที่ให้ความสนใจ

อัตลักษณ์แผลเป็น
+5 ความสัมพันธ์กับผู้ที่สนใจ

โบนัสการตกปลา x2









ซุนเฟินเยว่ + ซูตงฮั่ว
ตก ปลาจาระเม็ด จำนวน 3 ตัว ที่เหลือรับเป็น ปลาซ่ง
หหหห

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-10-20 21:16:13 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-21 11:12


ช่วยเหลือแม่นางเจิ้ง
รอฟังข่าวคราว
.
.

            ใช้เวลาแทบทั้งวันทั้งสามถึงมาเยือนถึงยังบ้านสกุลกู่ ไม่รู้ด้วยเพราะชื่อเสียงของถานเจ๋อจากงานประลองด้วยหรืออย่างไร ปกติที่ระหว่างทางมักจะเจอโจรดักปล้นบ้าง ในครานี้กลับไร้เงาของผู้ไม่ปรารถนาดี ทำเอาเดินทางอย่างสงบสุขมาตลอดทาง โดยระหว่างนั้นยังสามารถแวะซื้อซาลาเปาจากร้านเหมยเปาจื่อได้อีกด้วย

            และได้ถือโอกาสแนะนำผู้ติดตามบุรุษของกลุ่มอีกคนไป ถ้าไม่เพราะซูฮวาช่วยยืนยันว่าถานเจ๋อเป็นผู้ติดตามที่ดี และเคยช่วยเหลือจิ้นอิ๋งไว้อย่างไรบ้าง รวมถึงช่วยเหลือตัวนางจากกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองในช่วงที่ยังหลอนกับเหล่าโจร เถ้าแก่เหมยคงหยิบขวานหลังบ้านมาปาใส่ถานเจ๋อด้วยความฝังใจที่บุตรสาวเคยโดนหลอกจากบุรุษโจรก่อนหน้าไปแล้ว

            " ดูแลแม่นางทั้งสองให้ดีล่ะ! " เสียงเข้มจากเถ้าแก่เหมยแทบส่งหา พร้อมกับถลึงตาให้อดีตโจรแทบจะถลึงตากลับที่โดนคุกคาม ทำเอาซูฮวาจำต้องมาขวางหน้าทั้งคู่เอาไว้ไม่ให้เดือดดาลใส่กันไปเสียก่อน

            ส่วนจิ้นอิ๋งที่เห็นภาพนั้นกับเถ้าแก่เนี้ยเหมยก็แทบกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เลยเชียว
            .
            .
            ยังหน้าเรือนบริเวณลำธารน้ำจากน้ำตกที่ตัดผ่านยังหน้าบ้านสกุลกู่ ทั้งสามกำลังนั่งเล่นทานอาหารเย็นร่วมกันระหว่างทอดมองยังธรรมชาติรอบตัวที่รายล้อมชวนให้รู้สึกสงบสุขไม่น้อย พร้อมกันนั้นก็เอ่ยถึงห้องหับที่นอนว่าแบ่งกันนอนอย่างไรหลังเข้าไปสำรวจยังตัวบ้านหลักมาแล้ว ซึ่งถานเจ๋อก็อาสานอนยังตั่งที่ห้องโถงกลางบ้านให้ ส่วนสองสตรีเข้าไปนอนยังห้องนอนใหญ่ได้เลย และเพราะเป็นข้อตกลงที่มีคนเห็นด้วยถึงสองเสียง ดรุณีน้อยเลยต้องจำยอมแก่ความเห็นของผู้ติดตามทั้งสองในที่สุด

            " ถานเจ๋อ.. พี่สาวซูฮวา ช่วงนี้เราอาจต้องอยู่ยาวที่เรือนของข้าไปก่อนนะเจ้าคะ จนกว่าข้าจะรู้ข่าวจากการจับกุมแม่นางเจิ้ง "

            จบเสียงหวานที่เอ่ยพร้อมทอดถอนใจ ซูฮวาที่รู้เรื่องมาก่อนแล้วก็พลันพยักใบหน้ารับคำแก่เด็กสาวไม่มีอิดออด เหลือก็แต่ถานเจ๋อที่ผละจากข้าวในมือมามองสองสตรีอย่างติดฉงนด้วยเพราะยังไม่ได้รับรู้เรื่องที่เด็กสาวได้รับจดหมายหนึ่งไว้กับตัว ซึ่งหลังจิ้นอิ๋งเห็นสายตาของอีกฝ่ายก็พลันนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เอ่ยบอกเรื่องแม่นางเจิ้งให้แก่ถานเจ๋อได้ฟัง ดรุณีน้อยจึงเริ่มต้นเล่าให้ฟังอย่างที่เคยเล่าให้แก่พี่สาวซูฮวาได้ฟังทั้งหมด

            ซึ่งหลังจากที่ถานเจ๋อได้ฟังจนจบก็คล้ายมีสีหน้าที่อยากจะเอ่ยดุเด็กสาวขึ้นมาสักหนึ่งคำรบแต่ก็โดนสีหน้าดูมุ่งมั่นในทางที่เลือก ไหนจะดวงตาใสกระจ่างของผู้เป็นนายที่สบจ้องราวอยากได้กำลังใจให้นางช่วยสหายได้อีก ถานเจ๋อก็ถึงกับเก็บเสียงเงียบไม่ให้หลุดดุ ก่อนพยายามเค้นคำบอกจะสนับสนุนนาง จนเรียกรอยยิ้มจากจิ้นอิ๋งให้เผยออก ทำอีกฝ่ายแทบจะถอนหายใจโล่งขึ้นมา

            " แต่จากที่ผู้น้อยฟัง ท่านหญิงต้องระมัดระวังตัวให้มากนะขอรับ… ท่านมีหน้ากากไม่ใช่หรือ! สวมไปในวันนั้นก่อนส่งจดหมายด้วยล่ะขอรับ! "

            กลายเป็นคนหัวช้าที่สุดในกลุ่ม เอ่ยเสนอความเห็นเป็นประโยชน์จนแม้กระทั่งซูฮวายังมองอึ้งกึ่งชื่นชมอีกฝ่ายขึ้นมา ก่อนหลุดหัวเราะที่ความเป็นห่วงที่มีต่อผู้เป็นนายแท้ ๆ ถึงทำให้ถานเจ๋อนึกความเห็นดี ๆ ออกมาได้เช่นนั้น ซึ่งจิ้นอิ๋งก็คล้ายผงกหัวรับทั้งรอยยิ้มราวให้สัญญาแก่อีกฝ่ายว่าจะปิดบังตัวเองไปด้วย บุรุษเดียวในกลุ่มถึงมีสีหน้าผ่อนคลายลงได้บ้าง

            " แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับบทลงโทษของแม่นางเจิ้งออกมาสินะเจ้าคะ " ซูฮวาหันไปถามดรุณีน้อยที่ผงกหัวรับน้อย ๆ

            " คาดว่าเป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ.. ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะลองเข้าไปในตัวเมืองซีเหอดู เผื่อว่ามีข่าวคราวอะไรจากแม่นางเจิ้งบ้าง ส่วนวันนี้ก็พักผ่อนก่อนน่ะเจ้าค่ะ เพราะกว่าจะเดินทางมาถึงก็กินเวลาราวครึ่งวันเลยเชียว "

            เด็กสาวเอ่ยระหว่างผุดลุกพร้อมปัดตามผืนกระโปรงของตนผะแผ่วให้เศษดินได้หลุดออก ก่อนจะพาม้าทั้งสองตัวรวมถึงไก่น้อยไป๋เซ่อไปอยู่ข้างอาคารโกดังเสียก่อนจะพาผู้ติดตามอีกสองเข้ามาในบ้านของตน

            " หาก… ถึงวันนั้นข้าจะไปคนเดียวนะเจ้าคะ พี่สาวซูฮวากับถานเจ๋อต้องรออยู่ที่นี่.. ข้าสัญญาว่าจะกลับมาหาพวกท่านให้เร็วที่สุดเจ้าค่ะ "

            ทว่าก่อนเข้าตัวเรือนหลักไปจิ้นอิ๋งก็หันมากล่าวข้อตกลงกับทั้งคู่เสียก่อน ซึ่งทั้งซูฮวากับถานเจ๋อต่างอยากนึกปฏิเสธ แต่เพราะแววตาของเด็กสาวนั้นฉายความเป็นห่วงทั้งคู่เสียมากล้นเช่นนั้นก็ทำเอาไม่อาจเอ่ยค้านอะไรขึ้นมาได้ พร้อมกันนั้นมือของสตรีแซ่เหมยก็พลันยกขึ้นมาบีบยังบ่าเล็กของจิ้นอิ๋ง ราวกับอยากย้ำสัมผัสให้ดรุณีน้อยตรงหน้านี้ได้ให้สัญญาในคำที่นางจะเอ่ยต่อไปนี้ออกไป

            " ถึงวันนั้น.. อิ๋งเอ๋อร์ต้องรีบส่งจดหมายนั่นและรีบกลับมาทันทีเลยนะเจ้าคะ "

            จิ้นอิ๋งอยากให้สัญญาแต่ถ้าหากตัวนางถูกตามจากกลุ่มเพื่อนสนิทของแม่ทัพตู่กงเสียเดี๋ยวนั้นหลังจากที่ให้ของเสร็จ นางก็อาจจะต้องล่อไปที่อื่นต่อเสียก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่เด็กสาวเลือกใช้คำว่าเร็วที่สุดไปแทน และราวกับซูฮวาจะรู้ถึงได้เปลี่ยนมาใช้คำว่าทันทีเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จิ้นอิ๋งสามารถตอบรับกลับไปได้ก็มีเพียงรอยยิ้มวาดออกให้ทั้งสองได้สบายใจเท่านั้น แต่กลับไม่ได้เอ่ยคำใด สตรีแซ่เหมยที่ราวรู้ความคิดก็ไม่ได้ย้ำบังคับใดต่อ ได้แต่กอดเด็กสาวเอาไว้และเป็นฝ่ายสัญญาเสียเองว่าจะรอที่บ้านสกุลกู่ไม่หนีหายไปไหน

            เพียงแค่นั้น เด็กสาวก็โอบกอดกลับไปพร้อมดวงหน้าที่ดูสบายใจขึ้นไม่น้อยเลยเชียว

          .
           ผ่านไปครึ่งเค่อ ม้าเร็วจากเฉินหลิวได้มายังบ้านสกุลกู่หลังใหม่ ก่อนบุรุษผู้นำสารลงจากหลังม้าเดินเข้ามายังหน้าประตู
          " สวัสดีขอรับ ผมมาส่งจดหมายขอรับ จากเฉินหลิว "

          จิ้นอิ๋งที่เดินมาเปิดประตูพลันได้รับจดหมายที่คาดไม่ถึงจากคนที่เฉินหลิว ทำเอานางใคร่รู้ไม่น้อยจนอยากเปิดอ่านเสียเดี๋ยวนั้น แต่ก็ไม่ลืมขอบคุณผู้ส่งสารไปเสียก่อนพร้อมมองส่งอีกฝ่ายที่จากไปจนลับสายตาถึงก้มลงอ่านจดหมายในมือ เนื้อความภายในที่ราวกับมีตาเห็นนั้นทำเอาสีหน้าของเด็กสาวดูตกใจไม่น้อย แม้เป็นจดหมายตักเตือนแต่ก็มีส่วนที่พยายามจะช่วยเหลือนางในครั้งนี้ด้วยแม้ไม่รู้ว่านางกำลังทำเรื่องอันตรายจริงหรือไม่

          ทำเอาดรุณีน้อยที่ยังนึกหวั่นกลัวในบางสิ่งอยู่รู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อยจนเกือบจะปล่อยให้หยาดน้ำที่คลอตาไหลเคลียยังข้างแก้มไป ถ้าไม่เพราะคำลงท้ายจดหมายที่ทำให้นางได้หลุดหัวเราะออกมาเสียก่อน

          " ยอดบุรุษในดวงใจอะไรกันเล่า.. หลงตัวเองจริงเชียว " เอ่ยน้ำเสียงกึ่งขบขันแต่รอยยิ้มที่วาดออกของจิ้นอิ๋งนั้นแฝงความขอบคุณเอาไว้ไม่น้อยเลย...

ถึง อิ๋งเอ๋อห์

     อิ๋งเอ๋อห์ หลังแยกจากกัน เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดจะทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอะไรหรอกนะ
     (วาดรูปใบหน้าคนหรี่ตา)

     ข้ามีเซอร์ไพรส์จะมอบให้เจ้าในคืนงานเลี้ยงจื่อเค่อ หวังว่ากว่าจะถึงวันนั้นเจ้าคงจะไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม

     สุดท้ายนี้...หากเจ้าคิดจะทำอะไรในซีเหอ ให้นำจดหมายแนบที่ปิดผนึกอีกซองนี้ไปให้ใต้เท้าติง ผู้ว่าเมืองจินหยาง เขาเป็นผู้ว่าที่มีคุณธรรม เป็นที่รักปวงชน ข้าคิดว่าเขาคงช่วยเจ้าในสิ่งที่เจ้าจะทำในซีเหอได้ ข้าขอให้ข้อความหลังนี้เป็นแค่ข้าคิดไปเองเถอะ อิ๋งเอ๋อห์ที่ข้ารู้จักคงไม่ทำอะไรระดับใหญ่โตพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินมั้ง (นะ)

     หากข้าคิดมากไปเอง อิ๋งเอ๋อห์นำสารผนึกอีกม้วนมาคืนข้าด้วยนะ เจ้าคงไม่ได้กำลังทำอะไรอันตรายจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่

จาก ยอดบุรุษในดวงใจอิ๋งเอ๋อห์





มอบอาหารให้แก่ NPC ในสภา
[159] มอบ ลูกชิ้นหัวสิงห์ ให้
[ผู้ติดตามถานเจ๋อ] มอบ ลูกชิ้นหัวสิงห์ ให้
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
.
สถานะธาตุหลัก : +20 ความสัมพันธ์ [159] ธาตุไฟ - เกื้อหนุนเรา
ค่าชื่อเสียง : +15 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงเดียวกัน
และ +30 คุณธรรมเมื่อเจอคนหัวดี
ลักษณะนิสัยใจกว้าง
+10 ความสัมพันธ์คนที่มีนิสัยเดียวกัน

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-11-2 20:14:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด

รอคอยข่าวยังซีเหอ
วันที่สอง
.
.

           ในตอนที่จิ้นอิ๋งวาดรูปจนเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้รอจนหมึกแห้งก่อนจะนำมาแขวนไว้ในห้องนอนของนางเอง และเพราะหลังจากนั้นตัวดรุณีน้อยอยากจะอยู่ที่เมืองเพื่อรอฟังข่าวจากแม่นางเจิ้ง จึงได้บอกผู้ติดตามอีกสองให้พักผ่อนกันไป ถานเจ๋อเป็นคนที่ดีใจที่สุดเพราะแทบจะแผ่นอนพักมากที่สุดเท่าที่มีโอกาส ส่วนสองดรุณีน้อยก็จัดการแวะเวียนสำรวจรอบตัวบ้านเพื่อวางแผนจัดการพื้นที่ที่ไม่จำเป็นหรืออยากเพิ่มเติมไปด้วย

           " ในตัวบ้านหลักสกุลกู่ค่อนข้างเล็ก ตรงพื้นที่ว่างนี้อิ๋งเอ๋อร์ไม่ลองไปแจ้งทางอหังสาให้จัดสร้างเรือนพักรับแขกไว้ดูเล่าเจ้าคะ หากมีสหายมาเยือนเยือนจะได้มีที่พักรับรองไว้ด้วย "

           " จริงด้วย.. ได้เจ้าค่ะ ไว้ว่าง ๆ ได้ลงไปลั่วหยางข้าจะแจ้งดูนะเจ้าคะ "

           จิ้นอิ๋งขานรับอย่างกระตือรือร้น พร้อมกันนั้นก็ได้ปรึกษาหารือถึงพื้นที่โกดังไปด้วยว่าพวกนางรื้อทำสถานที่อื่นไปเลยดีหรือเก็บเอาไว้เผื่อมีธุรกิจที่บ้าน และเนื่องด้วยเด็กสาวไม่ได้ตั้งใจจะอยู่แช่ที่เรือนตัวเองนานนักจากการที่ออกไปทำงานข้างนอกนั้นสามารถเก็บเงินมาดูแลผู้ติดตามทั้งสองและสัตว์เลี้ยงของนางได้มากกว่า ไหนเลยจะเรื่องที่นางอยากหาโอกาสออกไปตามหาครอบครัวที่ทางใต้ของฮั่นอีกด้วย ดรุณีน้อยจึงเก็บความคิดรื้อถอนโกดังตรงหน้านี้เอาไว้อีกทีเสียก่อนด้วยกลัวตัวนางจะไม่มีเวลามาดูแล

           สตรีแซ่เหมยที่คล้ายเข้าใจก็ไม่ได้เอ่ยคะยั้นคะยออะไรมากไปกว่าชวนให้พากันเข้าเมืองไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเย็นกัน ซึ่งเด็กสาวก็เห็นด้วยก่อนทั้งสองจะได้แวะเวียนเข้าไปในตัวเมืองซีเหอและเอาวัตถุดิบมาประกอบอาหารจนเสร็จสิ้นก็ตรงไปปลุกถานเจ๋อที่นอนเหมือนตายให้ตื่นมาทานข้าวกันจะไหลหลับไปเสียก่อน..

           .
           เช้าวันต่อมาทั้งสามก็ได้พร้อมหน้าทานข้าวเช้าด้วยกันก่อนที่ถานเจ๋อจะแยกไปขอนอนเช่นเดิม ส่วนตัวซูฮวาที่ไม่สันทัดกับการนั่งว่างอยู่เฉย ๆ ก็นึกอยากช่วยงานอะไรสักอย่างขึ้นมา กระนั้นตัวจิ้นอิ๋งก็ไม่ได้มีงานหรือรับงานอะไรให้ทำได้ในช่วงนี้เพราะนางอยากจะให้ผู้ติดตามของนางได้พักผ่อนบ้างเช่นกัน สุดท้ายตัวของสตรีแซ่เหมยจึงยอมแพ้ และขอนั่งปักผ้าเล่นภายในโถงของเรือนจิ้นอิ๋งแทน ซึ่งแน่นอนว่าดรุณีน้อยย่อมอนุญาต ส่วนตัวนางนั้นขอตัวไปตกปลาเล่นยังลำธารหน้าเรือน

           และด้วยอากาศที่เย็นลง ก่อนออกจากตัวบ้านมาจิ้นอิ๋งได้คว้าเอาเสื้อคลุมติดมาด้วย นางเดินหาพื้นที่เหมาะ ๆ ที่หนึ่งก่อนจะทำการทรุดตัวนั่งลงและเหวี่ยงคันเบ็ดลงไปภายในลำธาร โดยเจตนาของนางที่มาตกปลาครานี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรติดเบ็ดขึ้นมาจึงไม่ได้ใส่เหยื่อลงไป นางเพียงออกมาตกปลาเพื่อให้ได้อยู่คนเดียวเฝ้าคิดทบทวนเรื่องราวที่ทำให้เกิดความเครียดต่าง ๆ และปล่อยให้ความคิดเหล่านั้นไหลออกไปตามลำธารที่เคลื่อนไหลเชื่องช้าเบื้องหน้า

           ไหนเลยจะเสียงน้ำตกที่ดังคลอ ราวกับช่วยขับกล่อมเด็กสาวอีกทีให้ผ่อนลมหายใจยาวตามไปด้วย ดวงตาสีนิลพลันทอดมองเหม่อยังเงาน้ำเบื้องหน้าที่มีสายเบ็ดไหวเอนแผ่วไปตามแรงน้ำไหล ก่อนทุกอย่างจะพร่าเบลอเล็ก ๆ ด้วยหยาดน้ำที่กบตา

           ท่านพ่อ ..ท่านแม่ ...เสี่ยวเล่อ
           ข้าคิดถึงพวกท่านเหลือเกินเจ้าค่ะ



กู่จิ้นอิ๋ง ตกปลาคลายเครียด

มอบอาหารให้แก่ NPC ในสภา
[ผู้ติดตามถานเจ๋อ] มอบ ซุปกระต่ายเบญจมาศ ให้
[159] มอบ ซุปกระต่ายเบญจมาศ ให้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้