หลังจากที่ได้รับไม้ หิน ครบตามจำนวน เซียนซีจำเป็นต้องควักจ่ายเงินสองร้อยตำลึงทอง ในการสร้างวิหารลัทธิเทียนหย่งเหิง ซึ่งการทำเช่นนี้แน่นอนว่าเขาจะต้องทำทุกอย่างด้วยแผน เลือกที่จะมาก่อรากสร้างตัวที่เมืองนี้อู๋เว่ยเป็นแห่งแรก แม้ความจริงอยากจะไปสร้างที่เมืองจงซาน ซึ่งที่นั่นเป็นสถานที่ที่คนในครอบครัว คนในตระกูลหลักอาศัยอยู่ ปณิธานที่ตั้งไว้ ยังไม่สำเร็จ นี่เป็นเหมือนเพียงแค่ก้าวแรก จนกว่าจะมีอำนาจมากกว่านี้ถึงจะกลับไปที่นั่น
และเปลี่ยนแปลงตระกูลเซียวเซี่ย
วิศวกรแห่งเมืองอู๋เว่ย พากันมาทำงาน สร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่พำนักของศาสดาศาสนา การก่อสร้างนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ที่นี่ถูกแบ่งสรรและออกแบบไว้ถึงสามโซน พื้นที่ตรงกลางเขตสักการะ เป็นพื้นที่สำหรับใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งได้ช่างฝีมือแกะสลักลวยลายเหล่าบุปผา อัญมณี นอกจากนั้นยังมีโซนสำหรับในการพักผ่อนแก่ผู้เข้ามาเยี่ยมชม ทางฝั่งด้านซ้ายเป็นฝั่งของสวนย่อม ปลูกดอกเย่ไหลเซียง ดอกจวี๋ฮวาและดอกสือซว่าน ดอกไม้ประจำศาสนา ศาลาริมน้ำ น้ำใสมองเห็นตาปลา ซึ่งไม่อนุญาตให้ใครมาตกปลา
สุดท้ายแล้วบริเวณสำคัญ ทางฝั่งด้านขวาเป็นฝั่งของที่พักนักบวช โรงเก็บอาหาร ห้องสรงน้ำ มีแยกส่วนปีกย่อยอีก ทั้งหอตำรา อื่นๆ ห้องเก็บของสำหรับใช้ประกอบพิธีกรรม
เป็นโชคดีของเซียนซีได้นักบวชผู้ดูแลหอสุริยัน เธอนั้นเต็มใจที่จะมาบวชในฐานะนักบวชหญิงคนแรก ไป๋ เริ่นเสวี่ย ผู้เป็นศาสดา จึงมอบหมายให้หญิงสาวผู้นั้นเป็นคนดูแลวิหารในยามที่เขานั้นไม่อยู่ หลักๆแล้วยังต้องออกไป เผยแพร่ศาสนา
“พวกเจ้าคงจะรู้ดีแล้วว่าศาสนาของข้านั้นขึ้นชื่อเรื่องความเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็จำเป็นจะต้องให้ความเคารพซึ่งกันและกัน หลักคำสอนที่ข้าตั้งไว้ขอให้ข้าพเจ้าได้ทำตามบัญชาสวรรค์ เพื่อสันติสุข แม้ว่ายุคสมัยนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างแต่สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปคือ ความเท่าเทียมขจัดความเหลื่อมล้ำ สิทธิและเสรีภาพอย่างบริบูรณ์ ซึ่งหมายถึงราษฎรหรือปวงชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เพื่อรักษาจิตสำนึกในการปกครองตนเองของราษฎร และในการป้องปรามมิให้บุคคลผู้ใดหรือกลุ่มใดยึดอำนาจและผูกขาดการปกครอง ไม่ว่าจะอ้างว่าเพื่อวัตถุประสงค์สิ่งใดก็ตาม” น้ำเสียงทุ้มกล่าวเผยแพร่หลักคำสอน
“โดยมีกลุ่มคนเปราะบาง คนชายขอบ ที่ยังคงเป็นตัวแสดงหลักที่รับบทเป็นผู้ ที่ถูกเลือกปฏิบัติ ถูกกีดกัน และถูกตีตราอยู่เสมอไป ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดๆก็ตาม พวกเจ้าจะเห็นความเหลื่อมล้ำได้ชัด ข้าหวังว่าผู้เข้าร่วมลัทธิจะไม่ทำเช่นนั้น”
กระทั่งในที่สุดช่วงเวลานี้เยือนมาถึงครา
เซียนและผู้ติดตาม หงอวี้ เหวินเยว่ ได้เดินทางมายังหอสุริยัน พร้อมทั้งเจ้าเมืองอู๋เว่ย การปรากฏมาที่นี่นั้น เพื่อทำพิธีกรรมเข้าลัทธิเทียนหย่งเหิงให้แก่หม่าเถิง
.
.
.
.
.
ยามไห้
“ต่อจากนี้ ใต้เท้าหม่าต้องเรียกข้าว่า ท่านศาสดา เอาละเป็นเวลาอันดี จันทราเคลื่อนคล้อยในยามไห้ มาเริ่มทำพิธี” เซียนซีแต่งอาภรณ์ในชุดสีม่วงทับขาว
เริ่นเสวี่ยมาช่วยทำพิธี อีกครั้งเธอยังมาเรียนรู้กับท่านศาสดาโดยตรง แม้ว่าตามกฎบัญญัติแล้ว หากศาสดาเป็นผู้พาเข้าลัทธิ ไม่จำเป็นต้องใช้เงื่อนไขเฉกเช่นเดียวกับที่นักบวชเป็นคนทำพิธี คำพูดศาสดาอยู่เหนือสูงสุด เจ้าเมืองนับว่าโชคดีที่ท่านอุตส่าห์เป็นธุระ “ท่านศาสดา ข้าเตรียมของประกอบพิธีเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ซึ่งของทำพิธีได้แก่ เทียนสีขาว 4 เล่ม เเทนธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ดอกเย่ไหลเซียง ตามจำนวนอายุผู้เข้าลัทธิ
หม่าเถิงได้ชำระล้างร่างกายสะอาดที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ อีกทั้งยังได้ดื่มน้ำแร่ที่นักบวชหญิงนำมาให้ดื่มขับไล่ความชั่วร้ายก่อน มาเยือนด้านใน เขานั้นได้ฝึกท่องบทสวดมาอย่างคร่าวๆ “เริ่มได้เลย” บุรุษผู้มีฟันเขี้ยวข่มขู่สร้างความหวาดกลัวได้ เพียงแค่มีคนเห็นฟัน
“ข้าแด่ธรรมชาติ โปรดเมตตา ประทานสุข ขับไล่ทุกข์ อันหม่นหมอง มิผ่องใส จากนี้ไป จักเบ่งบาน สำราญใจ สุขสดใส เกษมจิต นิจนิรันดร์ด้วยอำนาจแห่งพลังอำนาจธรรมชาติที่ข้ามองไม่เห็น จงพิทักษ์ข้าเซียวเซี่ย เซียนซี ด้วยโลห์แห่งสายลม จงแคล้วคลาดจากภัยอันตราย จักปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้าย ไร้ซึ่งสิ่งใดเข้ามาย่างกราย” ใช้มือข้างขวาวางทับไว้บนอกด้านซ้าย
สายลมสั่นไหว ดุจดั่งธรรมชาติตอบรับ กระแสลมปริศนาผ่านพัดมาเป็นวงรอบๆ ก่อนที่จะมันกระจายตัว เซียนซีนำกลีบดอกเย่ไหลเซียงซึ่งบรรจุไว้ในภาชนะโปรยรอบๆในวงพิธี
จากนั้นจึงนำเทียนสีขาวมาจุด เทียนทั้ง 4 เล่ม เมื่อแสงเทียนนั้นถูกจุดติดครบทุกเล่ม เป็นอีกหนึ่งนัยยะความสำคัญเทียบเท่ากับ ‘นำทางสู่แสงสว่าง ขจัดความชั่วร้าย’ แสงแรกแห่งการประกอบพิธี
เจ้าเมืองอู๋เว่ยใช้มือข้างขวาวางทับไว้บนอกด้านซ้าย “ข้าแด่ท่านศาสดา ข้าพเจ้าข้าหม่าเถิง จงนำพาให้ข้าได้พบหนทางที่จะบรรลุถึงความปรารถนา รับข้าเป็นสาวกรับใช้พระองค์ท่าน สิ่งใดที่เคยล่วงเกินต่อผู้อื่นขอให้ท่านโปรดจงให้อภัย ให้ข้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม”
“ข้าพเจ้าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ ช่วยชำระล้างมลทิน ข้าหม่าเถิง ขอพลังแห่งธรรมชาติที่ปกป้องคุ้มครอง และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ ช่วยชำระล้างมลทิน ให้กายหยาบข้าได้จุติใหม่ ละทิ้งตัวตนอันเดิม ขจัดความชั่วร้ายก็ดี ความบาปก็ดี ขอจงให้ข้านั้นไร้มลทิน เพื่อเริ่มต้นแห่งแสงแรก แด่ท่านศาสดาโปรดเพิ่มพูนสิ่งดีงาม แลความมั่งคั่ง ช่วยให้ตัวข้าเกิดความบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตวิญญาณ ช่วยชำระล้างและปกป้องคุ้มครองภัย โปรดทำให้กายแลวิญญาณข้าบริสุทธิ์ ประดุจดั่งแสงรัศมีของท่านเถิด ขอกราบสักการะ” เขานั้นอดทนในการทำพิธีอันแสนยาวนาน และมีความเห็นอกเห็นใจที่ ผู้นำศาสนาเป็นคนทำพิธีให้
นักบวชหญิงเตรียมนำถ้วยน้ำมนต์มอบให้แก่ท่านศาสดา โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยอ้างสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น อยู่ในช่วงพิธีแห่งศักดิ์สิทธิ์ น้ำมนต์เป็นสิ่งยากเย็นแก่ผู้ทำ แม้กระทั่งตัวเธอยังต้องให้ท่านศาสดาเป็นผู้สอน
“แด่ท่านศาสดาผู้มาโปรดปลดปล่อยความทุกข์อย่างแก่ปวงประชา ผู้นำทางจิตวิญญาณ สามารถเดินทางไประหว่างโลกมนุษย์ โลกวิญญาณ นรก และสวรรค์ ขอให้ท่านจงปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้า” หม่าเถิงกล่าวจนจบประโยคสวดบูชา
บุรุษหนุ่มร่างสูงผู้มีนัยน์ตาสีรุ้งแย้มยิ้ม รับน้ำมนต์จากเริ่นเสวี่ย ค่อยๆพรมน้ำมนต์ใส่เจ้าเมืองอู๋เว่ย ในขณะเดียวกันนั้นแสงจันทราสาดส่องลงมา พิธีกรรมทุกอย่างนั้นเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ “ใต้เท้าหม่า ข้าผู้เป็นศาสดายอมรับท่านเป็นสาวกที่แท้จริง” ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวผู้เป็นนักบวช หยิบอัญมณีที่ปลุกเสกเอาไว้ยื่นมอบแก่อีกฝ่าย “เริ่นเสวี่ยต่อจากนี้ ข้าต้องฝากเจ้าดูแลหอสุริยัน และโอปอลข้าทำมาให้เจ้ารับไว้”
“ขอบพระคุณท่านศาสดา” ไป๋เริ่นเสวี่ยรับสร้อยข้อมือโอปอล “ข้านอบรับคำบัญชาจาก สรวงสวรรค์ วิหารแห่งนี้ข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี”
“ท่านศาสดา สิ่งที่ท่านมอบให้นั้นคืออะไร และข้าต้องได้หรือไม่” หม่าเถิงกล่าวถาม
“สิ่งนั้นคืออัญมณีประจำศาสนา โอปอลตัวแทนแห่งความหวัง ความรัก ความปรารถนา ผู้ที่จะสวมใส่ได้คือผู้เป็นนักบวช” พลางยื่นมอบขนมเซาปิ่งให้ใต้เท้าหม่า
“คืนนี้ ท่านจะพำนักที่วิหารก่อนหรือไม่ ข้าจักได้ไปเตรียมห้องพักให้” เริ่นเสวี่ยเอ่ยถาม
“คืนนี้คงต้องพักที่นี่ก่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล”
นักวิชาการ
+4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้
นักวางแผน
+5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย
เลื่อมใสศรัทธา
+100 ความศรัทธา เมื่อมีคนเข้าร่วมลัทธิหรือ เคลมเมืองหมู่บ้านเข้าลัทธิได้
+25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
x2.5 ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน
ถ่อมตน
+2 Point จากการโรลให้เกียรติอีกฝ่าย
+15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา
+10 EXP จากการโรลสรรเสริญคู่สนทนาด้วยความจริง
x1.5 ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน
เจ้าเล่ห์/เสแสร้ง
+4 Point จากการโรลวางแผนใช้อุบาย
+30% คุ้มครองแผนการของคุณไม่ถูกเปิดโปง
อัจฉริยะ
+5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย
+5 Point จากการโรลเรียนรู้
สุรุ่ยสุร่าย
+2 Point จากการโรลหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี
หูดี
+5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
+2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย
+20% มีโอกาสต้านทานแผนการที่ไม่เป็นมิตรต่อคุณ
รวม 155 ความศรัทธา / 29 Point / +15 EXP
จ้าวลัทธิ
ทุกค่า EXP ที่ได้รับจากการโรลเพลย์ / +49 ความศรัทธา
X4 ศรัทธา
X2 ศรัทธา
—-------
[019] หม่า เถิง
สุขุม
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลอดทนต่อความทรมานและอื่น ๆ ที่คนทั่วไปทนไม่ได้
+2 Point เมื่อโรลเรียนรู้
เห็นอกเห็นใจ
+20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ
ฟันเขี้ยว
+15 EXP เมื่อโรลเพลย์ข่มขู่สร้างความหวาดกลัว
—------
[019] หม่า เถิง
ธาตุน้ำ ข่ม ธาตุดิน ได้รับความสัมพันธ์ -15
พูดคุยประจำวัน ได้รับความสัมพันธ์+5
ความสัมพันธ์ในการโรลเพลย์คุยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเชื่อเดียวกัน +10 ความสัมพันธ์
หัวคลั่ง เจอ หัวมาร +10 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงหัวมาร
+30 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร
มอบขนมเซาปิ่ง
+15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย : หูดี
+10 ความสัมพันธ์กับขุนนางในสภา : ถ่อมตน