แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย WuMan เมื่อ 2022-8-14 00:25
สตรีใต้โคมจันทรา -โรลสานสัมพันธ์- -เดินเที่ยวเทศกาล- ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ วันที่เจ็ดเดือนเจ็ด เหล่าชาวเมืองลั่วหยางเห็นพ้องต้องกันอีกคราเมื่อเทศกาลมาเยือนพร้อมกับเหล่าโคมไฟหลากสีสันประดับประดาไปทั่วทุกท้องถนน บรรยากาศอันหวานชื่นของบรรดาคุ่รักทั้งหนุ่มแก่ที่ออกมาสร้างควมทรงจำอันล้ำค่าให้มหานครอันตราตรึง ท่าเรือไคว่กู่เจินในยามนี้เต็มไปด้วยเสียงการแสดงแสงสีราวกับราตรีที่ไม่มีวันยุติ จะทางซ้ายหรือขวาชาวเมืองและนักท่องเที่ยวเคล้าคลอคนรัก
ความอบอุ่นชิดเชื้อที่เห็นได้ทั่วในเทศกาลต่างกับบรรยากาศรอบตัวบุรุษชุดขาวในศาลาริมน้ำโดยสิ้นเชิง เขาไม่เพียงนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยลำพัง ชายเสื้อสีสว่างดนลายเมฆาเสริมภาพลักษณ์ราวบณฑิตผู้เคร่งขรึม ใบหน้าเย็นชาสงบนิ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะรื่นเริงไปกับงานจะว่าสิ่งนี้ทำให้เขาเป็นจุดสนใจเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกนัก..
สิ่งที่ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ใจกล้าตบเท้าเรียงเข้ามาเสี่ยงดวงเชิญเขาไปเที่ยวงานนั่นคือ ‘ใบหน้า’ ราวปีศาจทรงสเน่ห์ที่กระชากวิญญาณผู้คนนั้นต่างหากเล่า “คุณชาย.. ไม่ทราบท่านพึ่งมาเมืองนี้หรือ หากว่าไม่คุ้นทางล่ะก็ข้าสามารถแนะนำร้านเลื่องชื่อในแถบนี้ได้..”
หญิงสาวใจกล้ารายที่สิบยืนบิดตัวเอียงอายเบิ้องหน้าบุรุษชุดขาว แว่วเป็นเสียงถอนหายใจของผู้พบเห็น แม่นางครานี้อรชรจิ้มลิ้มแม่จะดูมีแต้มต่อหากทว่าผู้รับคำเชิญในศาลากลับไม่ยอมหันมาแม้สักครึ่งสายตา ท่ามกลางความเงียบหลายอึดใจท้ายที่สุดคุณหนูใจกล้าผู้น้ำจำต้องรับความอับอายก้มหน้าเดินจากไปเสียเอง
เหล่าคนเรือชะเง้อมองแล้วลอบนึกเสียดายแทน สิบรายที่ผ่านมา จะนางรำแสนร้อนเร่า คุณหนูผู้เย่อหยิ่ง ริแม้แต่บัณฑิตสาวผู้หลักแหลมล้วนมีหมดทุดรุปแบบล้วนไม่สามารถทำให้ชายชุดขาวสนทนาดว้ยได้ จำต้องแบกเอาความผิดหวังระคนขุ่นเคืองกลับไปจนสิ้น ‘พ่อหนุ่มเอ้ย….อย่าเลือกมากนักเลยประเดี๋ยวชาตินี้จะหาภรรยาไมไ่ด้เอานะ’ พ่อเฒ่าอดีตนักรักให้คำแนะนำประโยคนี้ไป ผลตอบรับคือสายตาเชือดเฉืแนดั่งมีดดั่งกระบี่
ฝั่งของหลิวซีเยีย่น.. เขาแค่มารอคนตามนัดหมายก็เท่านั้น
เพียงคาดไม่ถึงว่า บุคคลแรกที่ตนตอบรับคำเชิญในเทศกาลพรรคนี้ดันมาสายเสียได้ ใจกล้าจริงๆ
บุรุษเจ้าของใบหน้าราวรุปสลักทองคำถอนหายใจเบาๆ หากถึงยามสามผู้นัดหมายยังไม่มาตนก็จะกลับแล้ว ยังไม่ทันก้าวขาออกจากศาลา พลันมีเสียงฝีเท้าของคนผู้หนึ่งใกล้เข้ามา กลิ่นหอมของป๋อเหอเจือจางอันคุ้นเคยทำให้คุณชายหลิวหันกลับไปมองในทันที
น่าเสียดาย.. มิใช่คนที่เขาคาดว่าจะเจอตัว
“คนผู้หนึ่งวานให้ข้านำจดหมายนี้มามอบให้คุณชาย กล่าวว่าเมื่อท่านอ่านแล้วจะเข้าใจเอง” สาวใช้ประจำหอขับฟ้อนเอื้อนเอ่ยแล้วก็ยืนคอยนำทางให้ หลังจากบุรุษผู้นี้อ่านแล้วกลับไร้คำถามใดใดติดตามไปพำนักยังห้องรับรองที่ชั้นลอยของเรือนทอสุขทันที
ด้วยเพราะทำเลการชมงานแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดมุมชั้นสองถูกจับจองไปกว่าครึ่ง บนยกพื้นด้านล่างเหล่านักแสดงกำลังบรรเลงฉาก ‘หนิวหลางห่มหนังโควิเศษแบกบุตรทั้งสองขึ้นไปตามจื่อหนี่ว์บนสวรรค์’ ผู้แสดงมีวามสามารถไม่น้อยกระโดดทีเดียวขึ้นไปบนโต๊ะทำท่าเหาะเหินได้อย่างมีชีวิตชีวาระคนหวาดเสียว บนโต๊ะนั้นพรั่งพร้อมด้วยอาหาร สุราดอกท้อและชาลิ่วอันกวาเพียน การเข้าอยู่อย่างน่าฉงนของลูกชิ้นหัวสิงห์อันเลื่องชื่อของเจียงซูกับเกี๊ยวน้ำมันพริกแถบปาสู ทำให้เขาเข้าใจได้สองในสามส่วนว่าผู้เชิญไม่พ้นเป็นชาวใต้
บุรุษผมขาวเพียงนั่งอยุ่ไม่ได้แตะต้องอาหาร ผ่านไปราวสองเค่อการแสงถึงช่วงขับร้องก็ยังไม่มีวี่แววของผู้ที่เรียกเขามายังหอขับร้องจึงอดไมไ่ด้ที่จะเรียกเด็กรับรองมาถามไถ่
“ให้มาที่นี่ ข้าก็มาแล้ว.. คนเล่าอยู่ที่ใด?” หลิวซีเยี่ยนเอ่ยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย แต่หากเป็รบ่างคนสนิทย่อมรับรุ้ได้ว่าเขาเริ่มไม่พอใจ
“อันที่จริง… คนผู้นั้นอยู่ที่แห่งนี้นานแล้วเจ้าค่ะ” มิเพียงเท่านั้นอาหารที่ท่านเห็นบนโต๊ะทุกจานก็เป็นคนเตรียม
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ในเมื่ออยู่ ใยจึงไม่ปรากฎตัว รึการปล่อยให้แขกรอคือเรื่องที่สมควรกระทำ”
น้ำเสียงขรึมเริ่มกดดันเป็นเงาตามตัวก่อนที่ชายอาภรณ์ขาวจะสะบัดผลันจากไป ทางด้านหลังฉากก็มีเงาร่างแบบบางในอาภรณ์ฟ้าปรากฎขึ้น ยามที่รองเท้าปักก้าวเข้ามายังที่นั่งฝั่งตรงข้ามหยกพกลายฉยงฉีกระทบกันเกิดเสียงใส เมื่อหลิวซีเยี่ยนได้ยินก็อดหันไปพิจารณาผู้มาใหม่มิได้
“ทำให้ท่านต้องรอแล้ว.. นับว่าเสียมารยาทอยู่มาก ขอใช้น้ำชาจอกนี้เพื่อลุแก่โทษ”
ภาพที่เขาเห็นสร้างความประหลาดใจจนนัยน์ตาคู่คมเกิดริ้วระรอกสั่นไหว หญิงสาวเบื้องหน้าแม้มิได้งดงามล่มบ้านล่มเมืองทว่าเครื่องหน้าล้วนหมดจดพริ้มเพรา ยามที่ยิ้มแย้มเบาบางเกิดเป็นสเน่ห์อันลี้ลับยากจะต้าน นางสวมกระโปรงจินอีแขนกว้างดุนลายคลื่นเมื่อประกอบเข้ากับพู่ไหมดิ้นเงินทำให้ร่างบางละม้ายคล้ายเทพธิดาที่นิรมิตขึ้นจากสายน้ำแห่งท้องทะเล แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เยือกเย็นเช่นเขาเสียจังหวะนั้น
คือนัยน์ตาสีครามล้ำลึกฉายประกายแห่งปัญญา ดวงตาคู่นี้พบเห็นมาตลอดครึ่งเดือน จะบอกว่าแปลกหน้า ห่างเหิน ก็พูดไม่ได้เต็มปาก เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้เลย
“....เจ้า? คุณชายเสิ่น?” มือหนารับเอาจอกน้ำชาที่อีกฝ่ายรินให้แก้อาการชะงักงัน เอ่ยถามออกไปตามตรง มิคาดว่าดรุณีพักตร์กระจ่างกลับหยักมุมปากเงียบเชียบ
“ท่านได้อ่านสานส์ก่อนหน้าให้ละเอียดดีแล้วหรือ?”
ชายหนุ่มกระแอมในลำคอ นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเล่นวิธีนี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงขรึมจดจ้องนาง “ถูกต้อง.. ในเนื้อหาระบุว่าผู้ที่มาพบกับข้าในราตรีนี้จะตอบเพียงสามคำถาม สามเงื่อนไขเท่านั้น”
“ดังนั้นคำถามเมื่อครู่ ท่านคิดจะใช้สิทธิ์เลยรึไม่?” ใบหน้ามนถามย้ำอีกคราวซึ่งคำตอบก็ไมไ่ด้ต่างไปจากที่คิดนัก
“ย่อมไม่นับ แม่นาง.. คุณหนู? ควรระบุเงื่อนไขสำหรับคำถามข้อนี้ให้กระจ่างเสียก่อน”
หญิงสาวพยักหน้ารับนับว่าเขามิใช่คนโง่ “ไม่ยากเย็น เพียงร่วมรับประทานอาหารชมการแสดงกับข้าในราตรีนี้”
“เท่านี้? ง่ายดายนัก”
“เวลาเป็นสิ่งมีค่าดั่งทอง เมื่อใช้แล้วไม่สามารถย้อนคืนได้ ท่านเองก็อย่ากลับคำเล่า”
หลังส่งมอบความเชื่อนางเคลื่อนกายจับจองที่นั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่รอให้เขาเชื้อเชิญ ผินใบหน้าลงไปยังการแสดงที่ยามนี้ขับร้งอมาจนถึงตอนที่เจ้าแม่หวางมู่ใช้ปิ่นกรีดท้องฟ้าสร้างคงคาสวรรค์เพื่อแยกคู่รักออกจากกัน
วันนี้คุณชายชุดขาวก็ยังคงเปี่ยมสเน่ห์เช่นเคย ระหว่างคีบกุ้งหลงจิ่งเข้าปากจำต้องเบี่ยงสมาธิก่อนจะถูกเขาล่อลวงไปมากกว่านี้ โม่เสวียนในคราบหญิงสาวในรอบหนึ่งปีคิดอย่างรอบคอบ เมื่อครุ่ทดสอบความอดทนดูแล้วเขานิ่งใช่ได้ จนกว่าจะแน่ใจว่าคนผู้นี้สามารถไว้วางใจในระดับไหนยังต้องเก็บเรื่องที่ตนปกปิดไว้เป็นอย่างดี
ทว่าการนัดหมายในครั้งนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับนางมอบโอกาสให้ตนเองได้ ‘มีตัวตน’ อีกครั้ง ผลจะออกมาอย่างไรกันนะ
การทานอาหารชมการแสดงเป็นไปอย่างราบรื่น หรือหากพูดให้ชัดนั่นคือตลอดช่วงเวลาหญิงสาวถูกสายตาจับสังเกตุของฝ่ายตรงข้ามจับจ้องไม่คลาดสักลมหายใจ มีหรือจะรุ้สึกตื่นกลัวบางจังหวะยังเลิกคิ้วเป็นฝ่ายหยกยิ้มรวบชายเสื้อคีบกุ้งใส่จานเล้กให้เขาด้วยซ้ำ แน่นอนที่อีกฝ่ายจะสงสัยในเมื่อใบหน้าของตนเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่อ่อนหวานขึ้นจากการแต่งกาย ผิวที่ขาวอยู่แล้วอาศัยแต้มชาดลงริมฝีปากก็เสริมความเป็นอิสตรีมากขึ้น
เชิญมองให้เต็มที่.. นางมิได้อยู่ในสภาพนี้บ่อยนักหรอก
หลิวซีเยี่ยนครุ่นคิดไม่ตกถึงสาเหตุของความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะปกปิดสถานภาพบางอย่างเอาไว้ ครั้นจะให้เขาเอ่ยถามคนตรงหน้าไปตามตาม เชื่อว่าสามคำถามมีหรือจะตอบตามความสงสัยทั้งหมด ย่อมต้องบ่ายเยี่ยงเป็นแน่ ช่วงเวลาแห่งการหยั่งเชิงบทละครด้านล่างไม่เข้าหัวแล้ว จะด้วยจงใจหรือไม่เจตนาก็ดีนับว่าสตรีตรงหน้าดึงเอาความคิดจิตใจเขาไปได้ในช่วงเวลาหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องทุ่มเทลงแรง
หลังสิ้นสุดการแสดงทั้งรับมื้ออาหารรสอ่อนและรสจัดที่ผสมโรงกันมานั้นไม่ทำให้เขาอิ่มหนำ กลับเป็นการค้นหาความลับจากตัวอีกฝ่ายต่างหากที่น่าสนใจ ระหว่างที่หญิงสาวเอาแต่หลบเลี่ยงจะกิริยาเล็กน้อยอย่างการลูบจมูก จดจ่อสมาธิกับใบชาที่ลอยอยู่ในถ้วยล้วนถูกเก็บเป็นรายละเอียดปลีกย่อยดั่งเบาะแสไขคดี
“ชมละครจบแล้ว เจ้าบอกเงื่อนไขที่สองมาได้”
“ใจร้อนนัก ราตรีนี้ยังเยาว์ รึคุณชายรังเกียจที่ต้องมาร่วมทานอาหารกับสตรีจืดชืดเช่นข้า” นางกระเซ้าเย้าแหย่ นี่กลับเป็นการลองเชิงกึ่งท้าทาย
“เวลามีค่าดั่งทอง เมื่อครู่เจ้าพึ่งพูดเองนี่ ข้ามิใช่ช่างเจรจาเกรงว่าอาหารยังไม่ทันพร่องจะมีคนเหนื่อยหน่ายเสียก่อน” ชาร้อนหมดควันกรุ่นเสียงเอ้อรืหูล่องลอยตามลม หลิวซีเยีย่นเกิดความคิดขณะยกยิ้ม เทศกาลซีซีครานี้มีเรื่องให้ค้นหาแล้วสินะ . . . ท้องถนนประดับประดาไปด้วยแสงโคมริมศาลเทพธิดาจื้อหนี่มีพ่อค้าหัวใสจำนวนหนึ่งมาสร้างความคึกคักด้วยซุ้มกิจกรรม แผ่นป้ายโคลงกลอนคู่เรียงรายเว้นวรรคทั้งคำถามและโคลงกลอนไว้ให้ปริศนาคำทาย คู่รักที่สนใจสามารถไปตอบได้ทัง้ยากและง่ายปะปนกันแน่นอนว่ารางวัลก็จะเปลี่ยนไปตามระดับ หลิวซีเยี่ยนเมื่อทราบว่าเงื่อนไขที่สองของนางคือ ‘เดินเที่ยวเทศกาล’ ย่อมไม่ได้หมายความว่าแค่เดินเฉยๆ เป็นแน่ ข้อสันนิษฐานนี้ได้รับการยืนยันเมื่อสตรีเอวบางไปหยุดยืนหน้าซุ้มโคมปริศนา
“ไม่ทราบว่าท่านพอจะช่วยให้สมความปรารถนาได้สักเรื่องรึไม่ ข้า.. อยากได้ของชิ้นนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปยังโคมแก้วแปดวิจิตรที่สร้างขึ้นจากกระจกสีของทางตะวันตก คาดว่าพ่อค้าคาราวานเป็นผู้นำมาล่อตาล่อใจเหล่าหญฺิงสาวที่ชื่นชอบของสวยงาม
“คุณหนูท่านนี้ช่างตาถึงนัก โคมแปดวิจิตรเดิมทีบุตรสาวของข้าชื่นชอบมากตั้งใจจะไม่ขายจึงนำมาเป็นของรางวัล หากพวกท่านท่านสามารถทายปริศนาระดับสูงสุดข้อนี้ จ่ายสิบตำลึงสามารถนำโคมนี้กลับบ้านได้ทันที!”
พ่อค้าหน้ายิ้มเจรจาจงใจให้บุรุษรุปงามด้านข้างที่มากับนางได้ยินไปด้วยเลย ไหนๆ บุรุษก็ชื่นชอบสรรหาวิธีเอาใจหญิงสาวในดวงใจ ทั้งคู่มาด้วยกันความสัมพันธ์ย่อมไม่ธรรมดา ปริศนาในป้ายชั้นสูงเขาคัดเลือกอย่างดี ยากชนิดบัณฑิตยังยอมแพ้.. หลังถูไม้ถูมือรับเงินมาแล้วหลายหีบก็ยิ่งลำพองใจ
“อื้ม.. ชิ้นเดียวเองร ึไม่เลือกสักหลายชิ้นหน่อยเล่า”
หลิวซีเยี่ยนพยักหน้าเชิงให้อีกฝ่ายชี้สักหลายๆ ชิ้น อย่าได้ถูหมิ่นเขาเกินไป ลำพังโคมอันเท่านี้ที่โรงเตีย้มของเขามีแขวนให้เด็กเล่นไม่รู้กี่โหล นางช่างมักน้อยจริงๆ
“อ้อ.. เช่นนั้นก็เอาชิ้นนี้ อันโน้น กับชิ้นนี้ด้วย”
ดรุณีผิวหิมะตอบรับด้วยการคล้อยตาม นิ้วเรียวขยับไม่กี่ที เลือกตำราบทกลอนสมัยรัฐฉู่ กลห่วงของเล่นพิศดาร ตามด้วยกล่องกลไกของชาวตงอู่ สามสิ่งที่นางเลือกพอเปรียบกับโคมอันนั้นแล้วต่างกับสตรีทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เป็นไป ได้ว่าหญิงสาวเป็นผู้ที่ชอบลับสติปัญญาและช่างสะสม เงินทั้งสี่สิบตำลึงของนางถูกวางเป็นค่าเดิมพันจากนั้นก็มายืนขอพรหน้าศาลเทพธิดาจื้อหนี่ว์ให้โชคเข้าข้างตน ปล่อยบุรุษผู้ส่องสว่างไปบุกตะลุยคำถามแล้วนางก็ยืนให้กำลังใจอยุ๋ด้านข้าง
มือหนาพลิกแผ่นป้ายแรกก่อนจะพ่นลมราวกับดูถูกว่ามันง่ายเกินไป “กลางวันมันพักผ่อน ตื่นนอนในราตรี ดาราบนพื้นดิน? คำตอบคือ หิ่งห้อย”
“ถูกต้องขอรับ” พ่อค้ายังใจสู้ เพียงข้อแรกเท่านั้นเขายกกลไกห่วงพิศดารให้แม่นางใบหน้าละมุนด้านข้างไป
ปริศนาที่สองหญิงสาวกลับช่วยเลือกป้ายแล้วอ่านให้ฟังเสียเอง “ข้างนอกประตูไม้ ข้างในประตูเหล็ก ผ้าน้อยผืนเล็ก ตากไม่แห้ง”
จังหวะนั้นมีเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งวิ่งซุกซนผ่านมาก่อนที่จะชนเข้ากับร่างบางก็ถูกแรงแขนของเขารวบตัวนางเข้ามาใกล้ เสียงคำตอบพร้อมกับลมหายใจที่ลดความเหน็บหนาวในราตรีดังขึ้นข้างใบหูนิ่ม “ริมฝีปาก ฟัน ลิ้น”
“.....ถูกต้องขอรับ คุณชายท่านช่างหลักแหลม” ระหว่างที่หญิงสาวกำลังก้มหน้าหลบเลี่ยงความใกล้ชิดฝั่งพ่อค้าจำใจยกกล่องกลไกไม้ของชาวตงอู่ให้นางอีกชิ้น สายตาจับจ้องมือข้างนั้นเคลื่อนไปยังแผ่นป้ายปริศนาถัดไป
“กลมเท่าข้อมือ ลำแข็งทื่อ ที่โคนมีขน” เมื่ออ่านจบผู้คนสัญจรผ่านแถบนั้นพากันหูผึ่งตามๆ กัน ทุกสายตาล้วนจับจ้องมายังสองบุรุษหญิงสาวที่ยืนใกล้ชิดว่าคำถามนี้เขาจะตอบเช่นไร
เมื่อครุ่ที่ใกล้ชิดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกุหลาบพันปีจากกายนางทำให้เขานึกถึงปลายวสันตฤดู สมองไม่ทันรับคำถาม จนเมื่อร่างน้อยผละออกจากอ้อมแขนไปยืนอยู่อีกด้านไออุ่นจากกายนิ่มที่หายไปก็เรียกให้เขาได้สติ
หลิวซีเยี่ยนกระแอมในลำคอรีบตอบให้พ้นความกระอักกระอวน “เขาสัตว์”
“........” คราวนี้พ่อค้าไม่ขานรับแล้วว่าถูกรึผิด ผายมือให้หญิงสาวเจ้าเล่ห์ผู้พาปราชญ์จากที่ใดมาเหมาแผงของเขาก็ไม่ทราบท่านนี้รับเอาโคมไปก่อนจะเก็บแผงกลับบ้านทันที
“รับของอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ เริ่มเกรงใจขึ้นมาบ้างแล้ว ตอบแทนที่ท่านช่วยให้ข้าสมปรารถนา.. ระหว่างเดินเล่นถ้าเจอขนมร้านใดน่าสนใจล่ะก็ เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง”
ดรุณีชุดฟ้าเมื่อจุดโคมแล้วก็ยกขึ้นมาลูบรางวัลพลางยิ้มอย่างสมใจ ใบหน้าด้านข้างของนางกระทบแสงนวลอ่อนตาเมื่อสะท้อนให้เห็นก็ทำเอาบุรุษผู้เยือกเย็นจนด้วยคำพูด นางมิใช่สตรีที่งดงามที่สุดในชีวิตที่เขาเคยได้พบเจอมา มิได้เย้ายวนหรือร้อนแรงดั่งไฟจนชวนให้ปรารถนา แต่กลับมีบางสิง่ในเนตรคู่ครามคู่นั้นที่เมื่อสบตาครั้งใดก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง
ความลุ่มลึกราวกับธารน้ำ มีเส้นสายอ่อนโยนเบาบางและประกายตาที่ราวกับว่าสามารถมองทะลุไปได้ถึงจิตใจคน ช่างน่าประหลาด แม้จะพึ่งเคยพบกันในหนึ่งค่ำคืน เขาเหมือนรู้กับกับหญิงสาวตรงหน้ามากกว่าครึ่งชีวิต วูบหนึ่งก็คิดสร้างโอกาสในการค้นหาบางสิ่งที่สงสัยในใจ
“ที่ท่านในหอเมื่อครู่ยังอิ่มอยู่ ว่าแต่เจ้ายังมีสิ่งไหนที่อยากได้อีกไหม?”
“...ไม่รู้สินะ ข้าไม่เคยเที่ยวเทศกาลในลั่วหยางมาก่อนคงต้องลองเดินๆ ดูถึงจะบอกได้”
“เช่นนั้นก็ดี นับว่ายังไม่ด่วนตัดสิน.. มาสิ” ชายหนุ่มยื่นมือไปทางคู่สนทนา ราวกับกำลังบอกว่าให้นางจับเอาไว้ ท่าทีปุปปับสร้างความฉงนจนใบหน้ามนเอียงคอมองไม่ยอมขยับ “เจ้าดูเสียก่อน เทศกาลนานทีปีหนนักท่องเที่ยวมากมาย โอกาสที่จะพลัดหลงก็สูงสาม แน่นอนว่าข้าไม่ลำบากเสียเวลาตามหาคนหาย”
“อ้อ… เข้าใจแล้ว” ในเมื่ออีกฝ่ายลงทุนอธิบายเสียเป็นเหตเป็นผลถึงตัวนางจะไม่ค่อยคุ้นชินนักก็ยังมอบปลายนิ้วมือแตะลงไปในความดูแลของเขา ไม่คาดว่าเพียงแตะเบาๆ อีกฝ่ายก็รวบมือบางไว้จนแน่นหนาพาให้นางก้าวเดินข้ามสะพานไปยังเทศกาลที่คึกคักยิ่งกว่าฝั่งรงข้ามชนิดไม่ทันตั้งตัว
ระหว่างเดินชมแสงสีแวดล้อมเหล่าคู่รักทั้งใหม่เก่า ในช่วงแรกที่ไม่ชินจังหวะการก้าวเดินเพราะมือถูกคว้าจับเอาไว้ พอถูกความคึกคักของเทศกาลตรงหน้ามาดึงดูดทั้งสองก็ผ่อนคลายลง หญิงสาวเดินทอดน่องตามสบายมีบ้างีท่เจอร้านขนมของหวาน อย่างตังเมดอกไม้ก็อดซื้อกลับไปฝากคนรู้จักไมไ่ด้ ฝั่งของหลิวซีเยี่ยนเองเมื่อเห็นนางแวะซื้อซุ้มไหนจะไม่ลืมติดมือมาฝากเขาด้วยอีกชุดในใจพลันเกิดความรู้สึกเอ็นดู จากตอนแรกที่คิดว่าจะนำไปฝากศิษย์น้อยจิ่วชุนสักห้าส่วน ก็ลดเหลือสองส่วน หนึ่งส่วน ไปๆ มาๆ เขากลับลำตั้งใจจะเก็บไว้กินคนเดียวให้ปวดฟันกันไปข้าง
“เชิญทุกท่าน เทศกาลแห่งความรักในครั้งนี้เราสามพี่น้องสกุลหวังพร้อมแจกจ่ายความสุขและรอยยิ้มให้ทุกคน เชิญมารับของได้คนละหนึ่งชุด ไม่มีค่าใช้จ่าย ถือเสียว่าเป็นคำอวยพรจากพวกเรา”
เสียงป่าวประกาศดึงดูดความสนใจของผู้คน ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาวชุดฟ้าผู้ที่มือหนึ่งถือตังเมดอกไม้เคี้ยวกรุบๆ นางส่งสายตาบอกคนข้างกายเชิงว่าขอไปดูสักหน่อย เมื่อทราบรายการของฟรีมีหรือจะพลาด ระหว่างที่นางเข้าไปร่วมลงชื่อรับของบุรุษที่ด้านหลังก็ยืนส่งจิตสังหารกดดันเหล่าชายจอมฉวยโอกาสช่วงคนแน่นทั้งหลายที่คิดจะมาเบียดหาเศษหาเลย
“ข้ารับของชิ้นนี้ไปแล้วกัน! ขอบคุณพวกท่านมากพ่อค้าหวัง” ดรุณีหน้ามนอมยิ้มหลังได้รับของแจกห่อใหญ่ก็เดินกลับมายังไม่ทันถึงตัวเขาก็คว้ามือคู่เล็กไปกุมต่อ
“ของแจกแค่นี้ก็ทำให้เจ้าเบิกบานแล้วหรือ ไม่ลองไปที่โรงเตี้ยมชิงหมิง ทุกเทศกาลเปิดการแข่งขันแม้แต่ผู้ที่เข้าร่วมชมความคึกคักก็ได้รับของที่ระลึก ไม่ปล่อยให้ใครกลับบ้านมือเปล่า”
“โรงเตี้ยมชิงหมิงสินะ ได้ ข้าจำเอาไว้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยตอบเมื่อพบว่าเขาเลือกศาลานอกเมืองเป็นที่นั่งชมดาราบนดิน แถวนี้ร้างผู้คนอาศัยเพียงโคมประทีปช่วยส่องนำทางหากว่ามาลำพังบรยากาศคงหลอนไม่น้อย
กิจกรรมสุดท้ายคือการหามุมดีๆ ชื่นชมดอกไม้ไฟที่ทางราชสำนักสรรหามาสร้างความอลังการต้านข่าวสงคราม อีกนัยหนึ่งคือการฉลองชัยจากศึกป๋อไห่ ชายหนุ่มมิได้โฆษณากิจการตนเองแม้แต่ยามที่ควงสตรีออกเที่ยวเทศกาลหรอก เพียงแต่เขารุ้สึกว่าการที่นางตาวาวกับของเพียงเท่านี้ออกจะเกินไปสักหน่อย อย่างน้อยสิ่งที่ตนให้ผู้ดูแลโรงเตี้ยมนำมาทำรางวัลยังเลิศกว่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า
‘นางคู่ควรกับของที่ดีกว่านี้’ วูบหนึ่งที่เกิดความคิดประหลาดยามที่กุมมือน้อยเข้ามา แต่แล้วเขากลับรุ้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล หากว่านางมิใช่ผู้ที่เขาคิดว่าใช่ ปริศนายังคงไมไ่ด้รับการอธิบาย และทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิดเล่า? สองคนจับจองเก้าอี้หินคนละตัว ต่างความคิดสับสนใจใน
“เงื่อนไขสุดท้าย หลังดอกไม้ไฟถูกจุด.. เจ้าคงบอกข้าได้กระมั้ง?”
“บอกตอนนี้เลยเป็นไร” ริมฝีปากชุ่มสีดอกท้อขยับไหว ท่ามกลางแสงสว่างเพียงชั่วครู่ของดอกไม้ไฟที่สะท้อนอ่อนตาเป็นภาพที่เขาจดจำไปอีกนานพร้อมคำสัญญาแปลกประหลาดที่ต้องรักษา
“เรื่องที่ท่านพบข้าในราตรีนี้ มิอาจแจ้งต่อผู้ใด อย่าได้พยายามสืบค้นหรือตามหาตัวข้า.. เท่านี้ทำได้รึไม่”
“หากทำตามคำของเจ้า ข้าจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน” ร่างสูงอยู่ไม่ไกลจากอีกฝ่ายเมื่อใบไผ่ตกลงบนเรือนผมก็บรรจงหยิบออกให้อย่างอ้อยอิ่ง ซีเยี่ยนไม่คิดจะตกปากรับคำในทันที ต่อให้เป็นครั้งแรกทีไ่ด้พบกับนางลึกๆ แล้วเขากลับเกิดความคิดว่าหนนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เขาจะทำให้แน่ใจว่ามีครั้งต่อไป
“ความเชื่อใจ” นางค่อยๆ ดึงมือของตนกลับเคราะห์ดีในศาลามันมืดจนไม่เห็นแก้มทั้งสองที่เปลี่ยนสีไป อาจฟังดูเหมือนเป็นข้อตกลงที่เห็นแก่ตัวแต่ด้วยสถานการณ์ไม่ปกติของตนจำต้องวาดเส้นกั้นทุกขอบเขตความเป็นไปได้ ก่อนที่ความโลภจะทำลายตัวตนทั้งสองจนมลายสิ้น
“คงมีความจำเป็นบางอย่างสินะ เอาเถิดถือว่าข้ารับปาก เท่านี้เจ้าก็สามารถตอบคำถามสามข้อได้แล้ว?”
มือคู่น้อยถูกกุมไว้อีกครั้ง แม้จะไรฝูงชนที่เสีย่งต่อการพลัดหลงเขาก็ยังพัวพันกับนิ้วงามไม่เลิกราวกับต้องมนต์ สายตาลุ่มลึกสอดประสานเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคำหลังจากนี้ของอีกฝ่ายคือสัตย์จริง เลือกคำถามแรกในใจเอาไว้เรียบร้อย
“เจ้าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับคุณชายเสิ่นอย่างไร”
ไหล่มนเกร็งไปเพียงครู่นึ่ง หยักรอยยิ้มราวกับรุ้อยู่แล้วว่าเขาจะถามเช่นนี้ “ข้ามีชื่อว่าอู้ม่าน นับได้ว่าเป็นญาติผู้น้องของคุณชายเสิ่นที่ท่านรู้จัก”
น้องสาว.. พวกเขาคงเป็นฝาแฝดไม่เช่นนั้นคนสองคนจะมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันขนาดนี้ได้อย่างไร วูบหนึ่งแม้จะผิดหวังทว่าก็เกิดความตะขิดตะขวงใจแค่ไม่ทันได้พูดออกมาเขาต้องถามคำถามต่อ
“ทำไมเจ้าถึงมาพบข้าในคืนนี้” เป็นอีกคำถามที่เขาข้องใจมากที่สุด ด้วยรูปลักษณ์ของหญิงสาว ลำพังตัวนางจะหาคนร่วมเดินในเทศกาลมิใช่เรื่องยากเลย
“แค่รู้สึกว่า.. หากไม่นับรูปโฉมเป็นเอกแล้ว ในตัวท่านกลับมีบางอย่างน่าสนใจยิ่งกว่า ต้องลองสัมผัสดูให้แน่ใจสักหน”
ก็ไม่ผิด เรื่องราวทั้งหมดในคืนนี้หนึ่งเกิดจากความสนใจ สอง.. เปิดโอกาสให้ตนได้ลองใกล้ชิดอีกฝ่ายในรูปแบบอื่นดูสักครั้ง คำตอบแม้จะยังไม่ชัดเจน แต่ดูจากความพึงพอใจกับช่วงเวลานี้แล้วก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวเลย
ทว่านางย่อมไม่ทราบ คำตอบนี้ของตนได้สร้างแรงกระเพื่อมชนิดหนึ่งในความคิดของผู้ฟัง ‘สนใจ’ คำสั้นๆ ตีความหมายได้หลากลาย คนอย่างหลิวซีเยี่ยนมีดรุณีมากหน้าหลายตาทอดสะพานให้ แต่กลับไม่มีสักรายที่กล้าพูดกับเขาตรงๆ ด้วยท่าทีเรียบง่ายปลอดโปร่งจนเขานึกว่าสเน่ห์ของตนเองใช้การไม่ได้ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม แต่เขากลับเหลือแค่โอกาสสุดท้าย
“ดี ในเมื่อกล่าวออกมาตามตรงเห็นแก่ที่เจ้าซื่อตรง ก็จะช่วยส่งเสริม คิดเรียนรู้เกี่ยวกับตัวข้า พบพานหนเดียวนับเป็นอันใด.. เวลามีค่าดั่งทองเกรงต้องใช้ทั้งชีวิตจึงจะกระจ่างชัด” บุรุษชุดขาวพลิกมือของนางลงวางบนตัก ไม่สนกิริยาเตรียมดึงออกทุกเมื่อของอีกฝ่าย เขาเหมือนเจอเหยื่อที่ถูกใจจะปล่อยง่ายๆ ได้หรือ ใช้คำพูดบอกเป็นนัยๆ ว่านางขึ้นหลังเสือแล้วในเมื่อบอกว่าสนใจเขา อย่าคิดเลยว่าจะหนีหน้าหากยังรู้จักตัวตนเขาได้ไม่มากพอ
“ท่าน ปล่อยได้แล้ว คำถามสุดท้ายเล่า รีบถามมาเร็ว” เรียวคิ้วละมุนเปลี่ยนมาขมวดราวกังวลใจ มือของนางถูกกุมจนร้อน ความร้อนนั้นคล้ายโรคติดต่อแผ่ลามขึ้นยังสองแก้ม ยื้อยุดอยู่แบบนั้น คนหน้าตายนี่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที ช่วงจังหวะที่มัวดึงมือกลับหยกพกข้างเอวนางก็ถูกคนมากแผนการณ์ฉวยเอาไป
“หยกนี้แกะสลักได้ไม่เลวข้าจะนำไปศึกษาแล้วค่อยคืนตอนพบกันหนหน้า จริงสิข้าเรียกเจ้าว่า ‘อู้ม่าน’ ได้รึไม่?”
ขี้โกง.. นี่ไม่เท่ากับสองคำถามหรอกหรือ หญิงสาวถึงตาใส่เขาที่ทำทองไม่รู้ร้อน ทางหนึ่งขอความเห็น อีกทางกลับรวบรัดว่าต้องเจอกับเขาอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ เห็นเขาเรื่อยเฉื่อยนึกว่าเป็นพวกกินพืช ที่ไหนได้..หมาป่าห่มหนังแกะชัดๆ
“พู่หยกนั่นเป็นของสำคัญ.. รบกวนท่านคืนให้ข้าด้วย” เจ้าของนัยน์ตาครามเอ่ยเสียงจริงจัง
“ย่อมได้ ในเมื่อเป็นของสำคัญ.. นัดวันให้เร็วขึ้นเป็นไร”
“นี่ท่าน…” หน้าหน้าหรือกำแพงนอกด่านนางชักไม่มั่นใจ! สมองอันฉับไวเริ่มหาลุ่ทางหนีก่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำตกบ่วง++ #ปลดคสพ ได้ก็ปลดไปเลยขนาดนี้ละ
♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ - เดินชมเทศกาลได้รับ +3 EXP - ร่วมนมัสการบูชาเทพธิดาจื่อหนี่ว์ และ ขอพร +4 EXP - ร่วมชมการแสดงหนิวหลางและเทพธิดาจื่อหนิว์ยามค่ำคืน ได้รับ +สุราหลูโจว 1 ไห - โรลเพลย์สร้างซีนโรแมนติกกับ NPC ที่นัดมาด้วย +10 EXP . รับของแจกจากพ่อค้าหวัง (2) แจกเงิน 200 ตำลึงทอง , 1,000 ตำลึงเงิน . -เอฟเฟคตัวละคร- (เลื่อมใสศรัทธา) +2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ +2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ) +5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย +5 Point จากการโรลเรียนรู้(หูดี) +5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น +2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย(เห็นอกเห็นใจ) +20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ -2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ(นักวิชาการ) +4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้(นักวางแผน) +5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบาย +10 EXP จากการทำงานพาร์ทไทม์รวม 20 Point 25exp +30 โหด Exp ทั้งหมดยกให้ซีเยี่ยน .. -ความสัมพันธ์- (ซีเยี่ยน ♥ 171) +75 ชี้แนะ/ร่วมทายบทกลอน(หูดี) +15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย +20 ระกาหนุนมะโรง +15 มาร พบ มาร -15 ดิน ข่ม น้ำ +5 พูดคุยรายวัน +?? ตอบรับมางานเทศกาล +?? ซีนโรแมนติก(?)รวม +115+??
@Watcher
|