วันบูชาข้าวพระ
ตอนที่ 1 ทำบุญตักบาตร
เช้ามืดของวันนี้ เก้อหลี่ได้เดินทางมาถึงนครลั่วหยาง ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาอยากจะแวะมาหาอะไรที่แปลกใหม่ที่เมืองหลวงแห่งนี้เสียก่อนจะเดินทางต่อ ดวงตาสีน้ำตาลของเขามองดูความยิ่งใหญ่อลังการอย่างสนอกสนใจแม้ว่าจะเป็นเวลาเช้ามืด แต่ก็มีผู้คนเดินคราคร่ำเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเดินไปเรื่อย ๆ ก็ชาวเมืองจำนวนมากกำลังยืนเข้าแถวอยู่เบื้องหน้าสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเท่าที่เขาจำได้ก็คงจะเป็นวัด ศาสนสถานของศาสนาพุทธ ซึ่งเขาเคยเห็นอยู่ที่หนึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่เขาเกิด แต่นั่นก้็ไม่ได้ใหญ่โตและมีผู้คนมากมายเช่นนี้ ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินตรงไปยังชาวเมืองกลุ่มนั้น เมื่อเขาเดินไปถึงก็เห็นบรรดาชาวเมืองที่ศรัทธาในศาสนาพุทธกำลังยืนรออย่างสงบเสงี่ยม เบื้องหน้าของพวกเขามีกล่องข้าวและเครือ่งดื่มพร้อมด้วยดอกไม้เครื่องหอมวางอยู่บนโต๊ะ
"พวกท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่งั้นหรือ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามชายวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมากับครอบครัวของเขาที่มีทั้งภรรยาและลูก ๆ ชายหญิงอีกสามสี่คนกำลังแกล้งแหย่กันจนคนเป็นแม่ต้องพยายามห้ามปรามให้อยู่ในความสงบ ชายวัยกลางคนผู้นั้นได้ยินคำถามก็หันไปส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตรก่อนจะตอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"พวกข้ารอทำบุญตักบาตรน่ะพ่อหนุ่ม วันนี้เป็นวันบูชาข้าวพระน่ะ จะมีการทำบุญมากมายเลยล่ะ เจ้าคงพึ่งเดินทางมาถึงสินะ มาทำบุญตักบาตรร่วมกับพวกเรามั้ยล่ะ หากเจ้าไม่ได้เร่งร้อนไปทำธุระที่ใด"
ชายหนุ่มได้ยินคำตอบและคำเชื้อเชิญของอีกฝ่ายก็หยุดครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางมองดูสิ่งของที่พวกเขาตระเตรียมมา ก็พยักหน้ารับเบา ๆ
"ย่อมได้ ว่าแต่ต้องเตรียมสิ่งใดบ้างหรือท่าน"
ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูชายหนุ่ม แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
"มิต้องเตรียมสิ่งใดเลยพ่อหนุ่ม นอกจากทำจิตใจให้สงบ ส่วนการทำทานนั้นก็เอาที่เจ้าสะดวก การทำบุญนั้นจะต้องไม่ทำให้ทั้งเราและเขาเดือดร้อน มิฉะนั้นจะไม่ได้บุญ สุดแล้วแต่เจ้าจะนำไปใส่บาตรเลยพ่อหนุ่ม"
เก้อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับแทนการบอกว่าเขาพอจะเข้าใจในการอธิบายของชายวัยกลางคนผู้นั้น ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเรางั้นหรือ ชายหนุ่มคิดในใจพลางมองดูสิ่งที่ครอบครัวนี้เตรียมมา ก็เห็นจะมีข้าวกล่องและดอกไม้เครื่องหอม นั่นก็พอจะทำให้เขานึกได้ว่าพอจะมีสิ่งของเหล่านี้ในกระเป๋าย่ามที่เขาพกติดตัวมาตลอดการเดินทาง ชายหนุ่มหันไปใช้มือล้วงควานหาของบางอย่างในกระเป๋าย่าม ปรากฎว่า เป็นข้าวกล่องใบหนึ่งซึ่งบรรจุอาหารแห้งไว้ภายในกล่อง มีข้าวสาร ไข่เค็ม ผักดอง และน้ำผึ้งอย่างละเก้าชุด lใช้กล่องข้าว (อาหารแห้ง) x 1l
"พอดีข้ามีข้าวกล่องเตรียมไว้อยู่น่ะ ทำทานสักหน่อยไม่ลำบากนักหรอก เดี๋ยวข้าค่อยหาซื้อกินในตลาดหลังทำทานเสร็จละกันนะ"
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยพลางหันไปมองยังชายวัยกลางคนเพื่อถามความเห็น ซึ่งเขาไม่พูดอะไรนอกจากยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าสองสามทีแทนการแสดงความเห็น นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาบ้าง
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองคนพูดคุยกันจบ พระสงฆ์จำนวนหนึ่งก็ได้เดินออกมาจากประตูวัดด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมดูน่าชื่นชมศรัทธายิ่งนัก พระสงฆ์กลุ่มนั้นค่อย ๆ เดินไปยืนหยุดยังครอบครัวชาวเมืองเพื่อรับบิณฑบาตรจากพวกเขา ชายหนุ่มชะโงกหน้ามองดูด้วยความสนใจ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้เรียนรู้มาบ้างเกี่ยวกับศาสนาพุทธแต่ก็ไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้งมากนัก ดังนั้นนี่จึงถือเป็นสิ่งใหม่ที่เขาได้พบเลยทีเดียว พระสงฆ์ค่อย ๆ รับบิณฑิตบาตรจากชาวบ้านทีละครอบครัวจนมาถึงครอบครัวของชายวัยกลางคนที่เก้อหลี่อยู่ร่วมด้วย
"ถอดรองเท้าเสียก่อนนะพ่อหนุ่ม แล้วกล่าวบทสวดตามที่ข้าพูดละกันนะ"
ชายหนุ่มได้ยินที่ชายวัยกลางคนเอ่ยก็ก้มลงมองดูเท้าของชายวัยกลางคนและครอบครัวของเขาซึ่งปรากฎว่า พวกเขาถอดรองเท้าไว้ข้าง ๆ และยืนเท้าเปล่ากันเสียเมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ เก้อหลี่แม้จะสงสัยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี สัมผัสของเท้าเปล่ากับพื้นทางเดินที่โรยด้วยกรวดทำให้เขารู้สึกแข็งตึงและปวดที่อุ้งเท้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก ครั้นเมื่อเห็นว่าพระสงฆ์เริ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ชายวัยกลางคนและครอบครัวก็พากันพนมมือไหว้พระสงค์เหล่านั้น ซึ่งชายหนุ่มก็พนมมือตาม ก่อนจะสวมดมนต์ตามชายวัยกลางคน
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . ."
ชายวัยกลางคนสวดมนต์นำ บทสวดของเขาฟังดูแปลก ๆ คงจะไม่ใช่ภาษาที่พวกเขาใช้พูดกัน เท่าที่จำได้คงเป็นภาษาจากดินแดนไกลที่พระสงฆ์ผู้เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาได้นำมาเผยแพร่พร้อมกับหลักคำสอนด้วยนั่นเอง แม้จะฟังดูแปลก ๆ หูและไม่ค่อยเข้าใจความหมายนัก แต่เขาก็พยายามสวดตามพลางมองดูพระสงฆ์ที่ยืนฟังบทสวดของพวกเขาอย่างสงบนิ่งไม่ไหวติงอะไร ทำให้เขารู้สึกสงบตามเช่นกัน เมื่อพวกเขาสวดมนต์เสร็จแล้ว ชายวัยกลางคนพร้อมครอบครัวก็ยกข้าวกล่องพร้อมดอกไม้เครื่องหอมขึ้นเหนือศรีษะแล้วกล่าวบทสวด ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตามด้วยความสนใจ
"สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง โหตุ"
เมื่อกล่าวจบชายวัยกลางคนก็ค่อย ๆ นำข้าวกล่องยื่นใส่ลงในบาตรพระ ขณะที่ภรรยาของเขาก็ได้ช่วยจับแขนของลูก ๆ ประคองให้พวกเขาถวายข้าวกล่องใส่บาตรด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก็นึกได้ว่าตัวเองก็จะใส่บาตรด้วย จึงหันกลับไปมองพระสงฆ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าแล้วยิ้มอ่อนเล็กน้อยแทนการกล่าวขออภัย แล้วค่อย ๆ ใช้มือใหญ่หยิบข้าวกล่องของตนใส่บาตร
"นัตถิเมสาระนังอัญยัง สังโฆเม สะระณังวะรัง เอเตนะสัจจะวัชเชนะ โสตถิเมโหตุสัพพะทา"
"อิทังเม ญาตินังโหตุ สุขิตาโหตุญาตะโย"
เมื่อชายวัยกลางคนกล่าวจบ พระสงฆ์ก็พูดบทสวดพร้อมกัน โดยที่ชายวัยกลางและครอบครัวก็พนมมือรับฟังอย่างสงบ ชายหนุ่มมองดูพลางพนมมือฟังด้วยเช่นกัน
"สัพพีติโย วิวัชชันตุ สัพพะโรโค วินัสสะตุ มา เต ภะวัตวันตะราโย สุขี ทีฆายุโก ภะวะอะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฑฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พะลัง"
"สาธุ"
ชายวัยกลางคนและครอบครัวกล่าวพร้อมกันพลางก้มหน้าให้หว่างคิ้วจรดนิ้วโป้ง ชายหนุ่มไหว้ตามครอบครัวนั้น เมื่อกล่าวจบ พระสงฆ์กลุ่มนั้นก็ได้เดินจากไป ชายหนุ่มมองดูพระสงฆ์ที่เดินจากไป ก่อนจะหันไปมองชายวัยกลางคนก็พบว่าเขากำลังช่วยภรรยาเก็บข้าวของและโต๊ะเพื่อจะกลับไปทำธุระที่บ้าน
"มีเพียงเท่านี้งั้นหรือท่าน"
"ทำบุญตักบาตรงั้นหรือ ใช่แล้วล่ะเสร็จสิ้นพิธีแล้ว แต่เดี๋ยวพวกข้าจะกลับไปที่บ้านเสียก่อน เตรียมข้าวของไปร่วมพิธีบูชาข้าวพระที่วัดน่ะ เจ้าจะไปร่วมพิธีก็ได้นะแต่อีกหนึ่งชั่วยามน่ะ ระหว่างนี้เจ้าก็ไปทำธุระของเจ้าเสียก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยไปพบกันที่วัดก็ได้นะ"
เก้อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนใจ ดวงตาของเขาฉายแววประกายออกมา เขายิ้มพลางพยักหน้าเบา ๆ
"เช่นนั้นข้าจะไปรอพวกท่านที่วัดละกันนะ"
ว่าแล้วชายวัยกลางคนก็ได้พาครอบครัวเดินแยกไปจากชายหนุ่ม ชายหนุ่มยืนมองดูวัดที่อยู่เบื้องหน้าช่างน่าสนใจจริง ๆ หวังว่า จะมีสิ่งที่น่าสนใจไว้อย่างที่เขาคิดนะ

ตอนที่ 2 ฝึกนั่งสมาธิ
ช่วงเวลาสองยามหลังจากที่แยกจากครอบครัวของชายวัยกลางคน เก้อหลี่ก็ได้ตรงมายังวัดทันทีที่เขาทำธุระเสร็จซึ่งธุระของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนักเพียงแค่เดินไปยังตลาดเพื่อเดินดูสินค้าต่าง ๆ และไปพูดคุยกับนักปราชญ์ในสำนักขงจื้อที่เผอิญพบเจอพร้อมด้วยนักปราชญ์อีกคนที่นับถือศาสนาพุทธ นั่นทำให้เขาได้รับความรู้เกี่ยวกับศาสนาพุทธเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะทำให้เขาสามารถร่วมพิธีกับชายวัยกลางคนผู้นั้นได้สะดวกมากขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งได้เดินเข้าไปภายในวัดซึ่งพบว่า เริ่มมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้พากันมายังวัดแล้ว บางส่วนก็พากันหยิบเอาไม้กวาดมากวาดทำความสะอาดลานวัด และที่เขาสนใจคือ กลุ่มคนที่สวมชุดเสื้อผ้าสีขาวผู้ซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่นิ่ง ๆ กันใต้ร่มไม้ใหญ่อยู่ราว ๆ สิบกว่าคน มีทั้งชายและหญิง ทั้งหนุ่มสาวและแก่แล้ว เขาเดินไปดูด้วยความสนใจ เมื่อเดินไปถึงก็เห็นพวกเขากำลังนั่งหลับตาอย่างสงบนิ่ง นี่คงจะเป็นการนั่งสมาธิสงบจิตใจกระมัง ที่นักปราชญ์ผู้นั้นบอกไว้คร่าว ๆ ฟังดูมันก็คล้าย ๆ กับการตั้งจิตกรรมฐานของบรรดานักปราชญ์ลัทธิเต๋ากระมังที่ให้จิตใจสงบเพื่อที่มีสมาธิในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ ว่าแล้วเขาก็เดินไปนั่งรวมกับกลุ่มชาวบ้านที่สวมใส่ชุดปกติที่นั่งสมาธิกันอยู่ด้านหลังกลุ่มคนที่นุ่งขาวห่มขาว
ชายหนุ่มนั่งลงมองดูชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะปรับท่านั่งตาม โดยนั่งให้ขาขวาทับขาซ้าย และวางมือขวาลงบนมือซ้าย แล้วค่อย ๆ หลับตาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกอย่างช้า ๆ
"อุกาสะ ณ โอกาสบัดนี้ ข้าขอสมาทานเอาซึ่งพระกรรมฐาน ขอขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ และวิปัสสนาญาณ จงบัดเกิดขึ้นในขันธสันดานของข้า ข้าจะตั้งสติกำหนดไว้ที่ลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้ารู้ ลมหายใจออกรู้ สามหนและเจ็ดหน ร้อยหนและพันหน ด้วยความไม่ประมาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป . . ."
เก้อหลี่ตั้งจิตภาวนาไว้ในใจโดยมิได้เปล่งออกมาเป็นคำพูดใด ๆ ดังที่นักปราชญ์ผู้นั้นได้เอ่ยแนะนำเขาไว้ ว่าสิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่นั้นเรียกว่า การทำวิปัสสนากัมมัฎฐาน ที่สอนให้คนนั้นเกิดปัญญาได้จากการตั้งสติไว้ที่การกำหนดลมหายใจเข้าออก ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นทำให้จิตใจตื่นรู้เสมอ และช่วยให้สามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น เมื่อเรามีสมาธิที่จะจดจ่อกับการกระทำหรือการเรียนรู้ในสิ่งนั้นอย่างตั้งใจนั่นเอง
"ยุบหนอ . . . พองหนอ . . . ยุบหนอ . . . พองหนอ . . ."
ชายหนุ่มพูดพลางกำหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ อย่างสงบ อยู่พักใหญ่ ๆ ทันใดนั้นเอง . . .
เต๊ง . . . เต๊ง . . . เต๊ง . . .
เสียงระฆังถูกตีสามทีเกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ เมื่อสิ้นเสียงระฆังจู่ ๆ ก็มีมือมาสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่กว้าง ทำให้ชายหนุ่มต้องลืมตาหันไปดูบุคคลผู้นั้น ซึ่งเป็นชายที่นั่งสมาธิอยู่ข้าง ๆ เขานั่นเอง
"ถึงเวลาไปทำพิธีบูชาข้าวพระแล้วล่ะท่าน"
ชายคนนั้นเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เก้อหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็นึกขึ้นได้จึงพยักหน้ารับ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เขาเดินออกมาจากบริเวณนั้นก็พบกับชายวัยกลางคนที่เขาได้ทำบุญตักบาตรเมื่อตอนเช้าตรู่นั่นเอง แน่นอนว่าเขามาพร้อมกับครอบครัว ชายวัยกลางคนผู้นั้นโบกมือเรียกเขา นั่นทำให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาโดยทันที
"มานานแล้วหรือพ่อหนุ่ม"
ชายวัยกลางคนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม เก้อหลี่ทำมือโค้งคำนับชายผู้นั้นและภรรยา แล้วยิ้ม
"มาได้สักพักแล้วน่ะท่าน พอดีระหว่างที่่รอพวกท่านมา ข้าก็ลองไปนั่งสมาธิดู มันทำให้จิตใจสงบจริง ๆ นะ"
"ฮ่า เช่นนั้นเองหรือ ดีแล้วล่ะนะ เอาล่ะเราขึ้นไปยังศาลาเถิด พิธีจะเริ่มแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันเอา . . ."
ว่าแล้วชายวัยกลางคนก็หิ้วข้าวของที่ภรรยาของเขาได้เตรียมไว้ถวายพระนำครอบครัวของตนไปยังศาลาที่ตั้งอยู่กลางวัด ซึ่งขณะนี้ก็มีชาวบ้านจำนวนมากกำลังเดินขึ้นไป ชายหนุ่มมองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามไป

ตอนที่ 3 ปฏิบัติธรรม บูชาข้าวพระ ถวายภัตตาหารสังฆทาน
หลังจากที่พบกับครอบครัวของชายวัยกลางคนอีกครั้ง เก้อหลี่ก็ได้ตามพวกเขามายังศาลาของวัด ซึ่งในเวลานี้คราคร่ำไปด้วยชาวเมืองจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ก็มากันเป็นครอบครัว ชายวัยกลางคนพาครอบครัวไปนั่ง โดยที่เก้อหลี่ก็ได้ตามไปนั่งลงข้าง ๆ
"เจ้าได้เตรียมสิ่งของเพื่อทานถวายเป็นสังฆทานรึเปล่า"
ชายวัยกลางคนหันไปเอ่ยถามเก้อหลี่
"สังฆทาน อ้อ !"
ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันไปเอามือล้วงควานหาสิ่งของบางอย่างจากกระเป๋าย่ามของตน เพียงชั่วครู่เขาก็นำสิ่งของออกมาเป็นข้าวกล่องอีกชุดหนึ่ง ซึ่งชุดนี้ดูจะมีอาหารและเครื่องดื่มเยอะกว่าเมื่อเช้า เนื่องด้วยเขาได้ทราบเกี่ยวกับพิธีบูชาข้าวจากนักปราชญ์ว่า จะมีการถวายสังฆทานด้วย จึงได้เตรียมข้าวกล่องเพิ่มอีกชุดนึงเพื่อจะถวายเป็นสังฆทาน คราวนี้เป็ดอาหารเจ อันประกอบไปด้วย ข้าวสวย ผัดผักเก๋าฮะไฉ่ น้ำแกงเม็ดบัวเห็ดหูหนูขาว ฟักเชื่อมแผ่น ข้าวพอง และชาโม่ลี่ฮวาฮาอย่างละ 1 ชุด
"หลังจากที่แยกไปจากพวกท่านเมื่อตอนเช้ามืดข้าก็ได้ไปพบกับนักปราชญ์ที่นับถือพุทธเช่นเดียวกับท่านน่ะ เขาบอกเล่าถึงพิธีกรรมต่าง ๆ ให้ฟัง ข้าจึงได้แวะไปตลาดเพื่อจัดเตรียมข้าวกล่องชุดใหม่ขึ้นมาน่ะท่าน"
เก้อหลี่เอ่ยปากพูดพร้อมรอยยิ้ม พลางยื่นกล่องข้าวชุดนั้นให้ชายวัยกลางคนดู ทั้งชายวัยกลางคนและภรรยาต่างหันไปมองหน้ากันแล้วยิ้ม ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับชายหนุ่มด้วยความเอ็นดู
ไม่นานนักบรรดาพระสงฆ์ก็ได้เดินแถวขึ้นมายังศาลาอย่างสงบเสงี่ยม ชายวัยกลางคนสะกิดไหล่กว้างให้ชายหนุ่มพนมมือตามเขา ซึ่งชายหนุ่มก็พนมมือตามแต่โดยดีพลางมองดูท่าทางอันสงบของพระสงฆ์เหล่านั้น เมื่อพระสงฆ์ทั้งหลายได้ขึ้นไปนั่งอาสนะที่จัดเตรียมไว้ให้อยู่สูงกว่าชาวเมืองที่มาร่วมพิธีเล็กน้อย ก็พากันกราบไหว้พระพุทธรูปพร้อมเพรียงกัน ครั้นเมื่อเรียบร้อยแล้ว ภายในศาลาก็อยู่ในความเงียบที่ไม่ใช่ความเงียบที่ดูวังเวงนัก
"เอาล่ะ ๆ ในเมื่อพระสงฆ์ได้มาถึงแล้ว ให้ทุกคนพนมมือแล้วไหว้พระสวดมนต์พร้อมกับข้านะ"
ชายชราผู้หนึ่งที่สวมเสื้อผ้าสีขาวได้เอ่ยปากบอกด้วยน้ำเสียงแแหบแห้ง บรรดาชาวบ้านก็พากันพนมมือแล้วสวดมนต์ตามชายชราผู้นั้น เก้อหลี่ก็พนมมือและพยายามเอ่ยปากสวดมนต์ตามเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะตะกุกตะกักบ้างก็ตามที
"อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ . . ."
เมื่อสวดจบทุกคนก็พากันก้มลงกราบ แล้วสวดมนต์ต่อ
"สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ . . ."
เมื่อสวดจบทุกคนก็พากันก้มลงกราบ แล้วสวดมนต์ต่อ
"สุปะฏิปปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ . . ."
เมื่อสวดจบทุกคนก็พากันก้มลงกราบ แล้วสวดมนต์ต่อ
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . ."
"มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ"
"ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ"
"ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะ สีลานิยาจามะ"
เมื่อสวดมนต์จบแล้ว พระสงฆ์ผู้หนึ่งซึ่งดูจะอาวุโสที่สุดได้เอ่ยปากสวดมนต์บทต่อไปด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . ."
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . ."
"พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ตติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
"ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง"
"อามะ ภันเต"
"ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"กาเมสุ มิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ"
"อิมานิ ปัญจะสิกขาปะทานิ สีเลนะ สุคะติง ยันติ"
"สาธุ"
"สีเลนะ โภคะสัมปะทา"
"สาธุ"
"สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสธะเย"
"สาธุ"
ชาวบ้านทุกคนพากันกราบพร้อมกันเมื่อสวดจบเป็นอันจบบทสวดพระรัตนตรัย อารธนาศีล จากนั้นชายชราผู้นั้นก็กล่าวบทสวดอาราธนาพระปริตร
"วิปัตติปะฏิพาหายะสัพพะปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติปะฏิพาหายะสัพพะปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง วิปัตติปะฏิพาหายะสัพพะปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง"
พระสงฆ์ผู้อาวุโสจุดเทียนน้ำมนต์แล้วพระสงฆ์ก็เริ่มสวดมงคลสูตร
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . ."
"อะเสวะนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา ปูชา จะ ปูชะนียานัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . รูปะเทสะวาโส จะ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ วินะโย จะ สุสิกขิโต สุภาสิตา จะ ยา วาจา เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . มาตาปิตุอุปัฏฐานัง ปุตตะทารัสสะ สังคะโห อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ ญาตะกานัญจะ สังคะโห อะนะวัชชานิ กัมมานิ เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . อาระตี วิระตี ปาปา มัชชะปานา จะ สัญญะโม อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . คาระโว จะ นิวาโต จะ สันตุฏฐี จะ กะตัญญุตา กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . ขันตี จะ โสวะจัสสะตา สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . ตะโป จะ พ๎รัห๎มะจะริยัญจะ อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง . . . เอตาทิสานิ กัต๎วานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ . . ."
“เอาล่ะต่อไปจะเป็นการสวดบูชาข้าวพระนะ ให้ทุกคนพนมมือแล้วกล่าวตามข้า”
ชายชราเอ่ยก่อนจะพนมมือ ซึ่งชาวเมืองทุกคนรวมถึงเก้อหลี่ก็พนมมือตามด้วยเช่นกัน
"อิมัง สูปะพยัญชะนะสัมปันนัง สาลีนัง โภชะนัง อุทะกัง วะรัง พุทธัสสะ ปูเชมิ"
เมื่อชายชราพูดจบทุกคนก็พูดตามพร้อมกันโดยทันที เมื่อเสร็จแล้วชายชราก็กล่าวบทสวดต่อไป
"ต่อไปจะเป็นการถวายภัตตาหารและเครื่องธรรม กล่าวพร้อมกันนะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ . . . อิมานิมะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภัณเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิค คัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ"
เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้ว ชายวัยกลางคนก็สะกิดบอกเก้อหลี่ให้นำสิ่งของที่เตรียมมาถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ ซึ่งเก้อหลี่ก็พยักหน้าก่อนจะคลานเข่าไปประเคนกล่องข้าวเกือบเจ ให้กับพระสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งท่านก็รับกล่องข้าวชุดนั้นด้วยความเมตตา เมื่อชาวเมืองพากันประเคนถวายภัตตาหารและเครื่องธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ก็ได้ทำการสวดมนต์กล่าวลาข้าวพระพุทธ
"เสสัง มังคะลัง ยาจามิ . . ."
เป็นอันจบพิธีการบูชาข้าวพระ ชายวัยกลางคนและครอบครัวชวนให้เก้อหลี่ทานอาหารร่วมกันระหว่างที่รอพระสงฆ์ฉันข้าว
“เดี๋ยวช่วงบ่าย ท่านซือเหวินจิ้งจะมาเทศนาธรรม หากเจ้ามีเวลาก็มานั่งฟังได้นะ ว่าแต่มาทำบุญด้วยกันแต่เช้าแล้วยังมิรู้จักนามรู้จักแซ่เจ้าเลย บอกหน่อยสิ”
ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยแล้วพยักหน้าเบา ๆ อย่างเป็นมิตร
“ข้าชื่อเก้อหลี่ เป็นชาวเมืองอู๋เว่ย พอดีข้าไปร่ำเรียนที่สำนักปราชญ์ขงจื้อกำลังจะเดินทางกลับเมืองเกิด ก็ได้แวะมายังนครลั่วหยางแห่งนี้ ก็มาเจอพวกท่านนี่ล่ะ”
ชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเบา ๆ พร้อมยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูชายหนุ่มราวกับเป็นน้องชายของตน พวกเขานั่งทานอาหารกันจนพระสงฆ์ฉันเพลจนแล้วเสร็จก็ได้กราบลาพระเป็นอันจบพิธีในตอนเช้า . . .

ลักษณะนิสัยรักสงบ
-10 ลดความเครียด
-15 ความเครียดเมื่อโรลนั่งสมาธิ
ลักษณะนิสัยหลังตรง
+15 EXP จากการโรลสร้างความน่าเคารพศรัทธาต่อผู้พบเห็น