[นอกเมืองเว่ยหนาน] ทุ่งนาตะวันฉาย

[คัดลอกลิงก์]





ทุ่งนาตะวันฉาย









ยามพระอาทิตย์โพล่พ้นขอบฟ้าสถานที่แรกที่ได้อาบแสงตะวันในเว่ยหนาน
ก็คือผืนนาแห่งนี้ ชาวบ้านต่างยกย่องให้ข้าวที่ได้จากนาผืนนี้จัดเป็นข้าวที่รสชาติดีที่สุดในเว่ยหนาน

ทำนาได้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์
หมายเหตุ: จำนวนครั้งรวมผู้เล่นทุกคนในแคว้น 1 ครั้ง = 1 ID
โดยหากโกดังไม่เต็มจะดำเนินการกี่ ID ก็ได้
แต่หากโกดังเต็มแล้วจะต้องอัพเกรดก่อน
*เก็บเกี่ยวได้เฉพาะช่วงเดือน 2-6 เท่านั้น*



โพสต์ 2022-6-19 21:19:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Lizixuan เมื่อ 2022-11-2 23:52

ชีวิตที่ไม่เคยลิ้มลอง
        ชีวิตของหลี่ซีซวนตั้งแแต่วัยเยาว์จนถึงวัยเติบใหญ่ความลำบากมากที่สุดในชีวิตคือการฝึกความเป็นทหาร  ยืนเฝ้ายาม  กระนั้นมันยังไม่ใช่ที่สุดของชีวิต  จนมาถึงการช่วยชาวบ้านเมืองเว่ยหนานปลูกขาวที่ทุ่งนา  นี่เป็นสีสรรค์ของชีวิตที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง  ภายหลังจากรับตำแหน่งขุนนางประจำเมืองเว่ยหนานคงจะออกตะลอนไม่ได้อีกแล้ว  เหมือนว่าการตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งทำให้ชาวเมืองที่นี่ดูมีความหวัง  ไม่อยากให้พวกเขาคาดหวังกับคนแบบหลี่ซีซวนมากเกินไป  เคยแต่รับราชการทหารไม่เคยรับราชการฝ่ายบริหารของขุนนางพลเรือน  หรือเขาต้องขอคำแนะนำจากใครสักคน
        วันนี้หลี่ซีซวนผูกม้าไว้กับที่พัก  เดินออกกำลังกายไปนอกเมืองเว่ยหนาน  ได้ยินว่าวันนี้พวกชาวเมืองกำลังจะไปปลูกข้าวที่ทุ่งนา  อากาศฟ้าแจ่มใสเหมาะยิ่งนักกับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง  ภาพชาวเมืองมีความสุข  มีความหวัง  บ้างมากับสหาย  บ้างมาเป็นครอบครัว  สงครามไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดล้วนคือความหายนะ  ความพลัดพราก  ความเศร้าโศก  อีกแง่หนึ่งมันยังสร้างความชอบให้กับบางคนขึ้นมาได้   เพราะเคยรับราชการทหารก่อนจึงรู้เรื่องพวกนี้อย่างถ่องแท้
        เขาเดินตามบรรดาชาวเมืองมาถึงทุ่งนานอกเมือง  มันดูกว้างขวางสุดลูกหู ลูกตา  ปลูกข้าวสาลีหนนี้คงเก็บไว้กินได้อีกหลายเดือน  มันจะให้ดีต้องมีสร้างกระท่อมหลังเล็กให้มีเฝ้าจนกว่าจะถึงวันเก็บเกี่ยว
     "ท่านคงเป็นขุนนางประจำเมืองคนใหม่ใช่ไหม  คงเป็นคนแรก  ข้าเห็นมีติดประกาศไว้ในเมือง  อ้อ...ข้าชื่อหวางคุน"
     มันเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำมาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน  เดินมาตบไหล่ดั่งคนสนิมสนม คุ้นเคยมานาน  ทำเอาไปไม่ถูกเหมือนกัน
     "ใช่ ข้าเอง แซ่หลี่ ชื่อซีห่าว ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
     หลี่ซีซวนแสร้งฝืนยิ้มเล่นตามน้ำ  เอื้อมมือไปตบไหล่หวางคุนเช่นเดียวกัน
     "นี่เป็นท่านเองหรือ  พวกเราชาวเมืองเว่ยหนานต้องฝากความหวังไว้ที่ท่านแล้ว  เราเชื่อว่าท่านทำได้"
     หนนี้เป็นชายวัยกลางคนอายุค่อนไปทางสี่สิบโดยการอนุมานด้วยสายตา
     ทำได้แค่คิดในใจว่างานบริหารราชการทำให้ดีที่สุด  ไม่ทำให้พวกเขาต้องมาผิดหวัง  คิดว่าที่นี่คงร้างรามานาน  พวกเขาจึงได้ดูตื่นเต้น กระตือรือร้นได้ขนาดนี้  ขณะเดียวกันพวกชาวบ้านได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีมาหว่านในทุ่งนากันหลายคน  น่าจะเป็นหลี่ซีซวนคนเดียวที่ไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลี  พวกชาวเมืองกระจัดกระจายตามทุ่งนาอันกว้างใหญ่  เลือกจุดของตัวเอง  ส่วนตัวเขาเองเดินไปหากลุ่มของหวางคุน  ต่างคนต่างหว่านเมล็ดพันธุ์ลงในนาข้าว  ตัวเขาเองก็เช่นกัน   อะไรที่ไม่เคยได้ทำก็ได้ทำ  จากนั้นมีการไถ่หน้าดินให้กลบเมล็ดพันธุ์ข้าว  พวกเขาดูมีความสุข  ไม่เหน็ดเหนื่อยกับงานที่ได้ลงมือทำ  คล้ายตอนที่หลี่ซีซวนถูกลงโทษให้ถูพื้นศาลบรรพชนพร้อมกับน้องสาว หลี่หย่งเมี่ยว  ต่างคนต่างร้องเพลง  เหนื่อยที่กาย สุขที่ใจไม่ต่างกับตอนนี้ที่พวกชาวเมืองร้องเพลงเสียงกึกก้อง

"กรุ่นกลิ่นชาพาให้หวนคิดถึงบ้าน
ในวันวานงานในจวนล้วนมากมี
คนละไม้คนละมือทั้งน้องพี่
เหนื่อยที่กายสุขที่ใจไร้กังวล"
        เสียงท่องกลอนของน้องสาวดังขึ้นมาในหัว  แม้ถูกลงโทษก็ไม่เหมือนว่าถูกลงโทษ  ต่างทำงานด้วยความสุข  ร้อง เล่น  กันสนุกสนาน  วันวานเหล่านั้นคือความทรงจำอันล้ำค่า  ย้อนกลับไปไม่ได้อีกแล้ว  ต่างคนต่างมีหน้าที่  มีเส้นทางในชีวิตของตัวเอง  หลี่ซีซวนช่วยพวกชาวบ้านลงแรงทำนาอย่างที่คุณชายผู้ไม่เคยเจอความลำบากของชีวิต  รสชาติของชีวิตบางครั้งเราต้องลิ้มลองหลายอย่าง  วันนี้ก็ได้ลิ้มลองอีกหนึ่งรสชาติของชีวิตแล้ว  
        เมื่องานปลูก หว่าน เมล็ดพันธ์ุข้าวสาลีเสร็จสิ้นลง  ชาวบ้านถืออุปกรณ์พากันกลับบ้าน  เขากล่าวขอบคุณพวกชาวบ้านอย่างถ่อมตน  แล้วแยกย้ายกลับไปที่พักกันในเมือง  พรุ่งนี้คงต้องเฝ้าระวังเผื่อเกิดเหตุร้ายไม่คาดฝัน
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ






  
วีรชนที่หลับใหล
>> ไปใส่รหัสดูข้อมูล ณ ป่าหลงหม่า
      
←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-6-20 21:46:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เริ่มคุ้นชินกับงานใหม่

     เมื่อวานคือการปรับตัวครั้งใหญ่ของหลี่ซีซวน  สีสรรค์ของชีวิตไม่รู้สึกรักกลับชอบขึ้นมา  ชนชั้นเช่นคหบดี  ขุนนาง  ล้วนมองว่ามันคือการใช้แรงงานของคนชนชั้นล่าง  มิใช่ชนชั้นล่างหรอกหรือพวกเขาถึงได้สุขสบาย  ไร้อาวรณ์  แวดล้อมด้วยบ่าวรับใช้  อยากได้สิ่งใดแค่บอกกล่าวเท่านั้น  ทุกคนล้วนมีอดีตทั้งหวานและขมขื่น  สำหรับหลี่ซีซวนชีวิตที่ผ่านมาคือประสบการณ์และครูผู้สอนการใช้ชีวิต
     วันนี้เขาตื่นแต่เช้าตรู่  ฟ้าสางอันสดใส  นานเท่าไหร่แล้วไม่ได้ลิ้มรสชาติของการตื่นนอนยามเช้า  เสียงชาวเมืองเริ่มออกทำงานตามกิจวัตรประจำวันของแต่ละคน  มีเสียงเด็กร้องตามไปตลาดด้วย  มันจะดีแค่ไหนหากไร้สงคราม  ทุอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น  ไม่มีการแก่งแย่งชิงดี  โลกอันสงบสุขในอุดมคติของใครหลายคน  บุรุษพเนจรผู้ผันตัวกลับมารับราชการในตำแหน่งงานบริหารฝ่ายพลเรือนกำลังยืนดูชีวิตประจำวันของชาวเมือง  วันวานของเขาคือการออกตะลอนวิ่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนในเมืองลั่วหยาง  หลังจากรับประทานข้าวเช้าร่วมกับคนในบ้านเสร็จสิ้นออกวิ่งเล่นสนุกสนาน  มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง  แกล้งกันบ้าง  จบลงด้วยการถูกลงโทษจากบิดาทุกเย็นเพราะชอบกลับบ้านเลยเวลาอาหารค่ำ  เป็นเหตุนำความเดือดร้อนมาสู่คนในบ้าน  ไม่ยักกะเห็นว่าปู่ผู้เฒ่าบ่นหรือโมโหอะไรออกมาสักครั้งและไม่เคยออกวาจาห้ามปรามบิดาลงโทษด้วย  ใช้เวลาหวนรำลึกอดีตครู่หนึ่งจึงออกจากที่พักมาตัวเปล่า
     หลี่ซีซวนเดินออกไปนอกเมืองเช่นเคย  จำได้รางๆว่าใครสักคนบอกเขาว่าวันนี้จะมีการปลูกข้าวต่ออีกหนึ่งวัน  ไม่เหนื่อยที่ได้ลงมือทำ  ดีกว่านั่งว่างๆโดยไม่มีอะไรให้ทำอย่างเช่นความสุขสำราญที่เมืองหนานชาง  เขาเดินด้วยอิริยาบทสบายๆ เทียบกับหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาว  หาบุคคลิกความเป็นขุนนางไม่เจอ  ระหว่างทางเดินทักทายเป็นกันเอง  การทำความคุ้นเคยกับชาวเมือง  มันจะทำให้การใช้ชีวิตในเมืองเว่ยหนานสุขสบายมากขึ้น  มันคงไม่ถึงขั้นเปิดประตูบ้านไว้โดยไม่ต้องกลัวว่ามีคนมาขโมยของในบ้าน
        ทุ่งนาสุดกว้างใหญ่  หลี่ซีซวนเห็นว่าพวกชาวเมืองกลุ่มเมื่อวานพร้อมกลับกลุ่มใหม่กำลังยืนสนทนากันอยู่อีกส่วนของทุ่งนาที่ยังไม่ได้ทำการไถหน้าดิน  วันนี้เขาเตรียมเมล็ดพันธุ์มาพร้อมเพราะซื้อแบ่งจากชาวเมืองคนหนึ่ง  แอบเห็นว่ามีควายอยู่ในทุ่งนา 2 - 3 ตัว  ไม่นานพวกชาวเมืองเริ่มลงมือไถหน้าดินในทุ่งนา  ลงแรงช่วยกันแข็งขัน  เขายังไปลองถือคันไถช่วยชาวเมืองสนุกสนาน  ยอมรับว่าวันนี้เหนื่อยกว่าเมื่อวานมาก  หยาดเหงื่อชโลมกายทุกคน  ทว่าไม่มีใครบ่นออกมาสักคน
     "เหนื่อยหน่อยนะ ใต้เท้า วีถีชาวนาก็แบบนี้แหละ  ไม่มีสบายหรอก"
     หวางคุนคนเดิมเดินเข้ามาปลอบใจ เห็นท่าทางเหมือนคนไม่เคยทำงานเกษตร
     "มิกล้า  ความลำบากเหล่านี้  ข้าล้วนถ่องแท้สิ้นแล้ว"
     หลี่ซีซวนกล่าวเสร็จหัวเราะลั่น  แม้ความลำบากการเกษตรมันต่างจากการฝึกทหารก็ตาม
     พวกคนบริเวณโดยรอบต่างขำขันไปพร้อมกันกับหลี่ซีซวน  แล้วลงมือหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีลงในทุ่งนาที่ได้ไถหน้าดินไว้คอยท่าก่อนหน้านี้   เมล็ดข้าวกระจัดกระจายลงผืนดินตามจุดต่างๆ  โปรยปรายเมล็ดข้าวถ้วนทั่วทุกที่  หลังจากนี้เพียงรอเวลาเก็บเกี่ยวเท่านั้น  กว่าจะถึงวันที่เมล็ดพันธุ์ข้าวเติบโตเป็นรวงข้าวสาลี  คงต้องมีการดูแลกันหน่อย
     "พรุ่งนี้ข้าจะมานอนเฝ้าทุ่งหน้าให้พวกท่านแล้วกัน"
     "ถ้าเช่นนั้นพวกข้าจะสร้างกระท่อมหลังเล็ก และอยู่เป็นเพื่อนท่านเช่นกัน"
     พอเห็นว่าหลี่ซีซวนจะอาสามาดูแลทุ่งนารอวันออกเป็นรวงข้าว  ทำให้ชาวเมืองต่างอาสาเช่นกัน  ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว  ภาพชาวเมืองต่างสามัคคีช่วยเหลือกัน  ทำให้นึกถึงบทกลอนหนึ่งของหลี่หย่งเมี่ยว  วันที่เขาได้ผ่านการคัดเลือกเป็นทหาร  จำได้ว่าท่านพ่อพอได้ฟังก็ชอบมันมากเช่นกัน
วลาผ่านสานความฝันออกจากบ้าน
เพื่อเพียรงานสร้างชื่อเสียงทุกแห่งหน
หลานปีผันหันหลังกลับยังมีคน
ใต้เงาสนต้นไม้ใหญ่ใครเฝ้ารอ
        ชักอยากรู้แล้วว่าเสนาธิการทหารของตระกูลหลี่เวลานี้เป็นเช่นไร  ใช่กำลังคิดแผนป้องกันเมืองอยู่หรือไม่  หลี่ซีซวนยืนฟังพวกชาวเมืองสนทนากันสักพัก  คล้อยบ่ายลงเย็นพากันแยกย้ายกลับที่พักในเมือง  เป็นครั้งแรกกับงานขุนนางประจำเมือง  ผ่านไปด้วยดีแบบนี้อดภูมิใจเล็กน้อยไม่ได้
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ





←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-10-5 16:29:08 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ตรวจความเสียหาย ภิบัติภัย

       ขณะกำลังจัดการงานเทศกาลส่งท้ายเป็นการอำลา  หลี่ซีซวนได้รับข่าวจากทหารที่ได้รับข่าวมาจากชาวบ้านอีกทอดหนึ่ง  เวลานี้ด้านนอกเมืองเกิดภัยธรรมชาติทำให้พื้นที่ทำกินส่วนใหญ่ของชาวเมืองเสียหายมาก  ทำให้ต้องรีบนั่งรถม้าออกจากย่านการค้ามาด้านนอกของเมืองเว่ยหนาน ตั้งแต่ภูมิภาคกวนจงมาถึงภูมิภาคส่านซีหรือเหลียงโจวเมืองโดยมากติดแม่น้ำ  โดยเฉพาะช่วงนี้เข้าสู่ปลายฤดูฝน  ซึ่งยังเอาแน่เอานอนกับสภาพอากาศไม่ได้  และทุกเมืองที่ติดแม่น้ำมักเจอปัญหาลักษณะเดียวกันคือน้ำกัดเซาะ  น้ำล้น ขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดขึ้น  คราวทหารมารายงานยังคิดว่าคงไม่ได้มากมายเท่าไหร่  เมื่อได้มาประจักษ์สายตาด้วยตนเองพบว่า ไร่ นา ของชาวบ้านเสียหายหนัก ต้องเร่งฟื้นฟูเป็นการด่วน
        ชาวบ้านส่วนหนึ่งกำลังยืนดูความเสียหายจากภัยพิบัติที่เพิ่งเกิดขึ้น  สายตาของพวกเขาอาดูรยิ่งนัก  เห็นแล้วก็ให้เวทนา  หลี่ซีซวนลงมาจากรถม้า เดินเข้ามาพบปะชาวเมืองเว่ยหนาน  พวกเขาต่างรีบเดินเข้ามา เพื่อระบายความทุกข์ยากที่ได้เผชิญ
     "เฉินหยาง เจ้าไปขอเบิกเงินจาก หยางเซินซาน ผู้คุมบัญชี จำนวน 60 ตำลึงทอง เพื่อนำมาฟื้นฟูและพัฒนา ไร่ นา ของชาวบ้าน แล้วไปตามเกณฑ์ชาวเมืองมาช่วยกันปรับหน้าพื้นดินด้วย"
     หลี่ซีซวนหันมาสั่งการกับเฉินหยาง รวบรัด ฉับไว้ พร้อมยื่นป้ายหยกประจำตัวให้ไปแสดงต่อฝ่ายบัญชีของเมืองเว่ยหนาน
     "ข้ารู้ว่าพวกเจ้ารู้สึกอย่างไร ทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ ข้าเองก็ร้อนใจไม่แพ้พวกเจ้าเหมือนกัน"
        รอเพียงครึ่งชั่วยาม เฉินทางกลับมาพร้อมชาวเมืองจำนวน  50 คน ส่วนใหญ่ชายวัยฉกรรจ์ ทุกคนมีเครื่องมือ อุปกรณ์การเกษตรในมือ  ไม่ได้เห็นภาพนี้มานานมาก  หนึ่งในนั้นมีหวางคุนรวมอยู่ด้วย  ตามจริงหลี่ซีซวนสนิทกับพวกมันมาก  เนื่องจากต่างคนต่างมีวิถีทางและหน้าที่การงานทำให้ไม่ได้คุยเหมือนเก่า
     "ใต้เท้าหลี่ วันนี้ให้พวกเขาจัดการหน้าดินที่เสียหายก่อน ส่วนการปรับพื้นที่หรือให้พัฒนา ค่อยทำทีหลังได้ ข้าถามพวกชาวบ้านแล้วอย่างน้อยต้องมี 7 วัน จึงแล้วเสร็จได้  เหตุเกิดขึ้นมาจากอุทกภัย อันเป็นภัยธรรมชาติ ยากต่อการคาดเดา ขอใต้เท้าอย่าได้กังวลใจมากจนเกินเหตุเลย"
        หลี่ซีซวนให้พวกชาวบ้านรวมถึงหวางคุนช่วยกันจัดการหน้าดิน ที่เกิดจากน้ำในแม่น้ำล้นตลิ่งเข้ามาถึงไร่นาจนเสียหายขนาดหนัก  พวกชาวบ้านต่างทยอยเดินกระจายตัวไปช่วยกันจัดการ คนที่ช่วยอะไรไม่ได้ก็มาปลอบขวัญคนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย  เขาเดินมาดูต้นตอความเสียหาย ยอมรับว่าน้ำจากแม่น้ำฮวงโหไหลล้นเข้ามารุนแรง
     "วันนี้เราทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากเฝ้าติดตามสถานการณ์ เราเข้าเมืองกันเถอะ ปล่อยให้ชาวบ้านจัดการ พวกเราอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาได้มาก ส่วนเงินทางฝ่ายบัญชีจะรีบดำเนินการจัดการให้เร็วที่สุด"
     เฉินหยาง ยืนด้านหลังมองดูหลี่ซีซวนสำรวจร่องรอยความเสียหาย พลางหันมายืนดูชาวบ้านกำลังช่วยกันแข็งขัน  ไม่นานเดินขึ้นรถม้าไปพร้อมกับเฉินหยางเข้าสู่ตัวเมืองเว่ยหนาน
ใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-10-14 21:32:59 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เคียงข้างปวงประชา

        ตลอดช่วงเวลาเช้าของวัน  หลี่ซีซวนใช้เวลาไปกับการตรวจงานกองเอกสารที่กองเนินเป็นภูเขา  ตรวจบัญชีของค่ายพยัคฆ์และบัญชีของเมืองเว่ยหนาน ให้เฉินหยางกับเทียนอินฉีตรวจทานละเอียดอีกหนึ่งรอบ  งานเทศกาลการค้าใกล้จะสิ้นสุดลงและใกล้ถึงเวลาต้องอำลางานเลี้ยง  ชีวิตที่ไม่เคยคร่ำเคร่งกับงานเมืองทั้งหลาย  มันต้องไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษร  จดจำรายละเอียดพร้อมหาแนวทางไปพร้อมกัน  แผนงานที่เคยปรึกษากับเฉินหยางต้องนำมาปรับเปลี่ยนใหม่ให้กับบริบทปัจจุบัน  นั้นทำให้หลี่ซีซวนต้องหาคนมาช่วยทำงานเพิ่ม  มีเพียงเทียนอินฉีผู้ทำงานได้แบบสบาย  ไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียด  มันเหมือนภาพซ้อนของหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาว  นางมักอยู่กับความคิดของตัวเอง  จดจ่อกับงานตรงหน้า  ใช้สมาธิเป็นฐานความสงบ  ทุกคนจะรู้พร้อมกันว่านั่นคือสัญญาณของการห้ามเข้าไปรบกวน  มิเช่นนั้นเทพอัคคีจะทรงพิโรธ  ใครก็มิอาจขวางได้
        เสร็จสิ้นจากงานเมืองช่วงเช้า  หลี่ซีซวนออกเดินมาด้านนอกจวน  เพิ่งตระหนักได้ว่าเหมันตฤดูกำลังจะมาเยือนไม่ช้า  อากาศปลายฝนต้นหนาวคือมฤตยูขนาดย่อม  เขาอาจต้องทำเตาขนาดพกพาแจกชาวบ้านทุกครัวเรือนไว้ให้สำหรับหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง  งานค้างบางงานต้องเร่งสะสางให้เสร็จ  เฉินหยางติดตามเจ้านายหนุ่มจนคุ้นเคย  มีเพียงเทียนอินฉีต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักหน่อย  บรรดาชาวเมืองได้เห็นผู้ติดตามของเจ้าเมืองคนใหม่  อดเปรียบเทียบในใจไม่ได้ว่าคนผู้นี้หล่อเหลากว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาหลายขุม  เทียนอินฉีต้องทำเป็นไม่สนใจเพราะรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ภายในใจ  บุคลิกคนหนึ่งเจ้าสำราญ ผ่อนคลาย บุคลิกอีกคนสุขุม สุภาพ เรียบร้อย  เฉินหยางได้เห็นแบบนี้อดแอบสงสารเจ้านายตัวเองไม่ได้  แอบถอนใจเบาๆด้านหลัง
        หลี่ซีซวน เฉินหยาง เทียนอินฉี พวกเขาสามคนเดินออกมานอกเมือง  ลัดเลาะจนมาถึงบริเวณที่เสียหายจากอุทกภัย  มันดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อยจริงๆ เนื่องจากความเสียหายกระจายเป็นวงกว้าง  การจัดการต้องใช้เวลานาน  ตามปรกติแล้วขุนนางระดับเจ้าเมืองขึ้นไปมักจะไม่ลงมาวุ่นวายกับงานใช้แรง  หลี่ซีซวน เจ้าเมืองเว่ยหนานปลดเสื้อคลุม โยนใส่เฉินหยางพร้อมกว้านครอบศรีษะ  พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น  ทะมัดทะแมงขึ้นเยอะ หันมาชี้หน้าใส่เฉินหยางว่าห้ามทักท้วงใดๆ
     "นายท่าน ท่านจะทำอันใด นั้นมันไม่ใช่หน้าที่ของท่านเลยหนา"
     เทียนอินฉีเดินเข้ามาท้วงแทนเฉินหยาง เพราะโดนสั่งห้ามไปเรียบร้อยแล้ว
     "อะไรคือไม่ใช่หน้าที่ของข้า เจ้าไม่เห็นหรือ พื้นดินเกิดอุทกภัย เกิดในพื้นที่ของเมืองเว่ยหนาน ข้าก็เป็นชาวเมืองเว่ยหนานคนหนึ่ง เจ้ายังบอกว่าไม่ใช่หน้าที่ของข้าอีกอย่างนั้นหรือ" หลี่ซีซวนหันมาสบตากับที่ปรึกษาคนใหม่  พลางชี้ให้ดูพวกชาวเมืองกำลังช่วยกันปรับหน้าดิน  "ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ของเมืองเว่ยหนาน มันคือหน้าที่ของข้าทั้งสิ้น"
        หลี่ซีซวนพูดเสร็จเดินก้าวเท้ายาวไปหากลุ่มชาวเมือง พลางโบกมือทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง  เทียนอินฉีหันมาสบตากับเฉินหยาง  เฉินหยางไหวไหล่บอกว่าอีกหน่อยก็จะคุ้นเคยเอง  เทียนอินฉีเดินตามหลังมาถึงบริเวณพื้นที่เกิดอุทุกภัย  มันค่อนข้างเสื่อมโทรม  แม้มีการแก้ไขหน้าดินขึ้นมาบางส่วน  หันไปเห็นว่าเจ้านายของเขากำลังลงมือปรับปรุงพื้นดินร่วมกับชาวเมือง  โดยมีพวกเขาคอยสอนด้านข้าง  ทั้งไม่มีท่าทีรำคาญอะไร  ดั่งศิษย์ตั้งใจทำตามที่อาจารย์สอนไม่มีขัดสักคำ  
        อาทิตย์กำลังตกดินต่างคนต่างเหน็ยเหนื่อยกับงานลงแรง อาบเหงื่อต่างน้ำ  ไม่เว้นเจ้าเมืองผู้มีเหงื่อชุ่มกายท่วมตัว  เดินนำเฉินหยางกับเทียนอินฉีกลับเข้าเมือง  ระหว่างทางเดินรับลมยามเย็นผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากงานใช้แรงงาน
มอบ EXP ให้เทียนอินฉี


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-10-18 22:33:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แด่ทุกเรื่องราวบนโลกใบนี้

        เว่ยหนานผ่านทุกคืนวันและทุกเหตุการณ์มามากมาย  ดั่งผู้อาวุโสได้เห็นความเป็นไปของโลกใบนี้  มันมีเหตุกาณณ์ใดบ้างที่ไม่เคยได้พบเจอ  ดั่งเช่นบุรุษหนุ่มผู้กำลังนั่งใต้ต้นไม้  สายตากำลังมองดูบรรดาชาวเมืองกำลังขะมักเขม่นทำงานทำความสะอาดพื้นที่สกปรก  เก็บกวาดเศษซากจากการถูกฮวงโหพิโรธ  ใจกลับล่องลอย  ความคิดก่อตัวบนอากาศ  คนผู้นี้ผ่านชีวืตหลากหลายเรื่องราว  ความสาหัสคงไม่พ้นเรื่องสตรีครั้งวัยเยาว์  มันเกิดขึ้นตอนทางกองทัพให้กลับมาเยี่ยมบ้าน  ได้รู้ข่าวด้วยตัวเองว่าคนรักมีความรักครั้งใหม่กับชายหนุ่มที่ทำงานเป็นเสมียน ขุนนางปลายแถว  ครั้นได้เห็นหน้าได้มอบหนึ่งหมัดอันหนักหน่วงเป็นของตอบแทน  แล้วให้ไปพลอดรักกันสมใจปราถนา  หลี่หย่งเมี่ยวได้เห็นหนิงเมิ้งมาเยือนโรงน้ำชา  กล่าววาจาดังลั่นในโรงน้ำชา  ตระกูลหยางหักหน้าตระกูลหลี่อย่างร้ายแรง ไม่ให้เกียรติ  ถือว่าหักหาญน้ำใจกัน  ขอไม่เกี่ยวดองกับตระกูลหยางตลอดไป  ทุกคนอย่างทราบความเห็นของเถ้าแก่หลี่ผู้เป็นผู้ใหญ่ที่สุด  เถ้าแก่หลี่ไม่กล่าวว่าใจวางมือบนไหล่บุตรสาว  เสมือนเป็นคำตอบว่าบุตรสาวได้พูดแทนคนทั้งตระกูล  มันเรื่องโด่งดั่งทั่วนครฉางอานในเวลานั้น  นานเดือนว่าเรื่องจะสงบลงได้

        เฉินหยางเดินนำหน้าเทียนอินฉีเข้ามาหาหลี่ซีซวนผู้เป็นเจ้านาย  ยืนด้านข้างทักทายชาวเมืองเว่ยหนาน  พลางไถ่ถามตามปรกติ  ผ่านมาหลายวันทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง  คำนวณการฟื้นฟูและเก็บซากต้องให้เสร็จสิ้นก่อนฤดูหนางมาเยือน  หากเหมันตฤดูมาถึงพวกเขาต้องดำเนินงานอีกรูปแบบหนึ่ง  เทียนอินฉีเตรียมเสื้อคลุมมาให้หลี่ซีซวนผู้เป็นเจ้านาย  ฉุกคิดได้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้มัน  คาดว่าอาจอยากไปสนุกสนานช่วยชาวบ้านเก็บกวาดสิ่งของ  ไม่ช้าไม่นาน  หลี่ซีซวนลุกขึ้นเดินไปยืนสังเกตุการณ์ไม่ห่างจากกลุ่มชาวบ้านมากนัก  พลันมีจดหมายมาส่งให้เฉินหยาง  หน้าซองจดหมายสีน้ำตาลระบุชื่อถึงหลี่ซีซวน  เฉินหยางกันมาสบตากับเทียนอินฉี  ค่อยหันมามองคนนำจดหมายมาส่ง
     "นางผู้หญิงอ้างตัวเป็นคนติดตาม สตรีชื่อหนิงเมิ้ง มาบอกว่าเกิดเหตุร้ายกับสตรีมีชื่อผู้นี้ ให้บอกใต้เท้าหลี่โดยด่วน"
     คนนำสารมาส่งบอกกล่าวด้วยคำอันละเอียด ไม่มีตกหล่น
     "แล้วคนที่อ้างตัวได้บอกกับเจ้าหรือไม่ว่าเกิดเหตุอันใด ร้ายแรงหรือไม่?"
     เทียนอินฉีไตร่ถามด้วยความใจเย็น เหลือบมองดูซองสีน้ำตาล การตวัดผู่กันบ่งบอกว่ารีบร้อน หากยังพออ่านออกได้ว่าคืออะไร
     "นางบอกว่า แม่นางหนิงเมิ้งถูกคนขืนใจ.....และ...."
     มันได้ทราบความมาโดยละเอียด ผิดแต่ว่าไม่อยากบอกกล่าวทั้งหมด เพราะยากทำใจจะรับได้
     "เรื่องของเจ้านายเรา เร่งบอกมาเถิด อ้ำอึ้งด้วยเหตุอันใด เร่งบอกมา"
     เฉินหยางแทบจะหมดความอดทน เดินเข้ามาบีบแขน ทำหน้าดุดัน พลางเขย่าแขนสุดแรง
     "ใจเย็นก่อนเถิด ท่านเฉิน ให้มันบอกกล่าวเองจะควรกว่า เร่งเร้าไปก็เสียการเปล่า" เทียนอินฉีดึงแขนเฉินหยางให้กลับมายืนตามปรกติ มาดสุขุม นิ่งได้กับสถานการณ์อันน่าอึดอัด ประกอบกับต้องทำตัวตามปรกติ ไม่ให้หลี่ซีซวนจับพิรุธจนเป็นที่สังเกตุได้  "มันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เร่งเล่ามาให้หมด และสตรีผู้นั้นอยู่ที่ใดในเวลานี้"
     "หนิงเมิ้งนางถูกพวกอันธพาล เมือนจินหยาง ขืนใจ ระหว่างเดินทางมาภาคกลาง ไม่เพียงโดนขืนใจ นางยังถูกพวกมันลวมลามต่อหน้าลูกอีก พอเป็นที่พอใจของพวกมันแล้ว ยังได้ปล้นเอาทรัพย์สินไปอีกด้วย เวลานี้สตรีนางนั้นรวมทั้งหนิงเมิ้งกับลูกน้อย หลบภัยอยู่ที่โรงหมอหวัง  กว่าจะมาถึงที่นี่นางก็อาการสาหัสมากแล้ว"
     "ขอบใจเจ้ามาก รีบไปได้แล้ว จงจำใส่ใจของเจ้าไว้ให้จงหนัก เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายถึงผู้ใดอีกเป็นอันขาด"
     เฉินหยางกับเทียนอินฉีได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด  พวกเขาแทบล้มทั้งยืนและไม่เคยรู้เลยว่าหลี่ซีซวนเจ้านายของพวกเขามีความสัมพันธ์อันใดกับสตรีนามว่าหนิงเมิ้ง  ช่วงที่ไม่ได้อยู่เมืองเว่ยหนานเขาได้ไปกระทำเรื่องใดไว้บ้าง ถึงได้ส่งผลกระทบได้ขนาดนี้  
     "ท่านเฉิน ข้ามีความคิดเห็นว่า  เราอย่าได้บอกกล่าวเรื่องนี้  รอผ่านไปค่อยบอกกล่าวจึงควรกว่า"
     เทียนอินฉีพรูลมหายใจยาวออกมา เหม่อมองท้องฟ้า ราวกับกำลังมองหาทางออกของเรื่องนี้
        พวกเขาไม่ทันจะได้หารือกันต่อ  หลี่ซีซวนเดินตรงมาหาพวกเขาด้วยสภาพเลอะ เปรอะเปรื้อน  จนแทบไม่เหลือความเป็นขุนนางระดับเจ้าเมือง  เฉินหยางผายมือให้หลี่ซีซวนเดินนำกลับจวนเจ้าเมือง  พลางประคองไม่ให้เดินหลงทิศ หลงทาง กลัวจะจำทางกลับจวนไม่ได้
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจ


        



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-11-2 23:52:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด
Lizixuan ตอบกลับเมื่อ 2022-6-19 21:19
ชีวิตที่ไม่เคยลิ้มลอง        ชีวิตของหลี่ซีซวนตั้งแแต่ ...

หลี่ซีซวนเดินออกมานอกเมืองผ่อนคลายอิริยาบถ  คิดถึงกองกระดาษบนโต๊ะ ชวนให้เครียดไปอีกค่อนของวัน มีคนมาทำงานเพิ่มเท่ากับลดภาระ แต่ตัวเองต้องคอยตรวจงาน มันจะพลาดไม่ได้  เกิดความเสียหายขึ้นมามันจะวุ่นวายไปกันใหญ่  เขาเดินย่ำเท้าเรื่อยเปื่อยสูดรับอากาศของเหมันตฤดู  อากาศเริ่มหนาวเย็น ความโหดร้ายของฤดูหนาวกำลังจะเยือนเว่ยหนานไม่ช้า สายตาชมมองทิวทัศน์นอกเมืองเว่ยหนาน ก่อนสายตาสะดุดเข้ากับน้ำแข็งก่อนหนึ่ง มันอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แปลกใจอย่างหนึ่งว่าไม่มีใครสังเกตเห็นบ้างหรือ ทหารยามเห็นท่าทางของหลี่ซีซวนจดจำได้ว่าคือเจ้านายของพวกเขา กำลังจดจ้องทำอะไรบางอย่าง
     "ขออภัยที่ขัดจังหวะใต้เท้า ไม่ทราบว่าใต้เท้ากำลังทำสิ่งใด"
     ทหารรีบคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาด้านหลัง ถามขัดจังหวะขึ้นมา ค่อยเห็นว่าเจ้านายกำลังจ้องมองก้อนน้ำแข็ง
     "ข้ากำลังสงสัยว่ามันคือสิ่งใดมาอยู่นอกเมือง พวกเจ้าไม่เห็นบ้างเลยหรือ?"
     หลี่ซีซวนเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ดึงกระบี่ออกมาเตรียมใช้เลือดจากฝ่ามือละลายบนน้ำแข็งก้อนนั้น
        พลันได้มีเสียงกระหึ่มดังมาจากฟากฟ้า เสียงดังฟ้ากำลังคำราม กึกก้อง สนั่นทั่วน่านฟ้า
     "เจ้าแน่ใจแล้วนะจะปลุกวีรชนผู้นั้น"
     วีรชน? ที่แท้ในน้ำแข็งมีวีรชนนอนคลุกใต้ก้อนน้ำแข็ง แสดงว่าเลือดคือสิ่งที่ใช้ปลุกและละลายน้ำแข็งนี่เอง
     "แน่ใจสิ ข้าต้องการพวกเขามาช่วยข้ากระทำการเพื่อแผ่นดิน"
    "แต่พึงระวัง วีรชนสัญญาเลือดเหล่านี้แตกต่างจากวีรชนโชคชะตา หากเจ้าเมินเฉยหรือกระทำคนละทิศทางกับลักษณะพวกเขา  พวกเขามีโอกาสหักหลังแทงด้านหลังเจ้า และผูกสัญญาเลือดกับผู้อื่นแทน"
     มันคงเป็นสิ่งที่เขาต้องระมัดระวัง ทำอย่างไรได้  ยามนี้แผ่นดินเริ่มมีเค้าลางของพายุ  มันคงจะดีกว่าถ้าจะได้พวกเขามาช่วยเสริมแรง เพราะมีกิจบางอย่างต้องไปกระทำ
     "ข้าเข้าใจแล้ว"
    "ขอให้โชคดี หลับตาและตั้งมั่นในสมาธิ"
        จู่ๆ สิ้นเสียงนั่น ร่างชองหลี่ซีซวนสลบลงไปกองกับพื้น ทหารที่ยืนเฝ้าดูเหตุการณ์มาตลอดตะโกนให้ไปตามคนมาช่วยโดยด่วน
คำอธิบาย
ให้ทีมงานสุ่มภาพวีรชนให้


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-11-11 20:43:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ร่วมแรง ร่วมใจ
        เหตุการณ์คนร้ายจับตัวประกันกลางงานเทศกาลการค้าโดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บที่สำคัญไม่มีใครตายด้วยกระบี่สังหารของเจ้าเมือง  ความเร็วการตวัดกระบี่ของเจ้าเมืองรวดเร็วจนตามดูกันแทบไม่ทัน  หลี่หย่งเมี่ยวยังยอมรับความก้าวหน้าด้านการฝึกอาวุธของพี่ชาย  ขนาดไม่ค่อยมีเวลาได้ลงซ้อม  เทียนอินฉีเป็นคู่มือการฝึกซ้อมเพลงอาวุธให้ทุกเย็น  ท่วงท่าสง่างามกว่าหลี่ซีซวนอย่างเทียบไม่ติด  เปรียบเทียบกับหลี่หย่งเมี่ยวผู้เป็นน้องสาวเหนือกว่าครึ่งขั้น  ตั้งแต่ตามกันมาเพิ่งรู้ว่าเชิงศาสตราวุธเทียนอินฉีผู้นี้รอบรู้แทบทุกประเภท  หากวันหน้ามอบตำแหน่งแม่ทัพประจำเมืองเว่ยหนาน เทียนอินฉีผู้นี้เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง
        ขณะกำลังสนุกสนานและวิจารณ์เพลงอาวุธกลางลานจวนเจ้าเมือง  ทหารเฝ้าด้านหน้าศาลเข้ามาแจ้งว่ามีคนผู้หนึ่งไปพำนักในค่ายทหารพยัคฆ์หยกหลายวัน  มันบอกว่ารอเจ้านายมาค่ายทหาร แม่ทัพนายกองหลายคนยังบอกมันอีกว่าเจ้านายติดราชการงานเมือง มีเพียงใต้เท้าเฉินที่มาตรวจตราค่ายเป็นประจำ  มันดึงดันว่าอย่างไรเจ้านายก็ต้องมาตรวจค่ายจึงนอนพำนักในกระโจม ระหว่างนี้ยังตำหนิว่ารูปแบบค่ายกลมีช่องโหว่และจุดอ่อนมากเกินไป  หลี่ซีซวนได้ยินดังนั้นให้ทหารออกไปตามเดิม  ยืนครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่งนึกออกว่าเป็นขุนพลเจอกันในป่า  ถึงชายป่าบอกว่าให้ไปพำนักที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว
     "มันคงเป็นอู่เถียนชุนซิ่นกระมัง"
     หลี่ซีซวนพึมพำออกมาดังพอที่สองคนจะได้ยินเสียงนั้น
     "มันผู้นี้เป็นใครหรือใต้เท้า เหตุให้พวกข้าสองคนถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน"
     เฉินหยางรับกระบี่จากมือของหลี่ซีซวน พลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
     "วันนั้นข้าไปเดินเที่ยวชมไพรพนาในป่าหลงหม่า  ระหว่างกำลังวักน้ำล้างหน้าในลำธาร ยืนบนโขดหิน เจอมันผู้นี้ยืนอีกฝากของลำธาร สนทนากันสักพัก เมื่อถึงชายป่าได้บอกให้ไปพำนักในค่ายทหาร เพราะข้ามีกิจต้องไปตรวจค่ายทหาร ระหว่างสนทนากันถึงรู้ว่า ช่ำชองพิชัยสงครมซุนวู รอบรู้ ละเอียดลึกซึ้งแห่งกลศึก ข้าคิดอยู่ว่าหากทำงานร่วมกับเทียนอินฉี ย่อมทำให้การทหารของเราแข็งแกร่ง ป้องกันหมู่ไพรีได้ไม่ยากเย็น"
     "หากใต้เท้าไปตรวจราชการกองทัพ ขอข้าได้ติดตามไปด้วย ข้าขอทดลองปัญญาด้านกลศึก หวังว่าใต้เท้าจะไม่ขัดข้องด้วยประการทั้งปวง"
     เทียนอินฉีได้ฟังชักสนใจคนนี้ขึ้นมา อย่างไรต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว
     "ใยข้าต้องขัดข้องด้วยเล่า เหล่าแม่ทัพ นายกอง พวกมันจะได้ชมเป็นขวัญตา ค่ายทหารจะได้สนุกสนาน"
     เฉินหยางนั่งมองเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานยืนสนทนากันถูกคอ ในฐานะปลัดทัพของค่ายทหารเมืองเว่ยหนาน เริ่มรู้สึกว่าเจ้านายของตนกำลังปรับเปลี่ยนค่ายทหารครั้งใหญ่
     "เฉินหยาง เจ้าไปตรวจค่ายทหารเป็นประจำ เจ้าบอกข้าทีสิว่าตอนนี้ภายในค่ายทหารเป็นเช่นไร"
     เขาตรวจบัญชีรายรับ รายจ่าย ของค่ายทหาร สืบเนื่องจากข้อราชการ งานเมือง มันล้นมือจนหาเวลาไปตรวจค่ายทหารด้วยตนเองไม่ได้ จึงต้องฟังรายงานจากเฉิยหยางทุกครั้ง
     "เรียนใต้เท้า จากการที่ข้าไปตรวจตราค่ายทหารตามที่ได้รับมอบหมายจากใต้เท้า ภายในค่ายทหารไม่มีเรื่องวิวาท วินัยทัพหย่อนยาน การฝึกปรือทหารมีการย่อหย่อน ไม่กวดขันเท่าที่ควร มันเป็นจริงตามที่ขุนพลผู้นั้นกล่าวถึง"
     เฉินหยางกล่าวรายงานให้หลี่ซีซวนรับทราบตามความเป็นจริง เจ้านายได้ฟังย่อมโมโห มีโทสะ ความจริงเรื่องนี้เขาคิดมาตลอดว่าเจ้านายกำลังหาเวลาไปตรวจเยี่ยมค่ายทหารเสมอมา  ติดด้วยงานราชการรัดตัว  ปลีกตัวไปเที่ยวค่ายทหารมิได้สักครั้ง นึกถึงวันแรกที่เจ้านายไปค่ายทหาร  แม่ทัพ นายกอง รนลาน
     "ขอเวลาข้าจัดการงานเมืองให้เรียบร้อย ย่อมต้องไปกวดขันวินัยและลงโทษทางการทหาร มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง"
         พวกเขาสามคน หลี่ซีซวน เฉินหยาง และเทียนอินฉี กลับมาเข้ามายังทำงาน ตรวจเอกสาร คำร้องทุกข์ของชาวเมือง  กล่องไม้ร้องทุกข์ว่างเปล่าแต่มีการเตือนเรื่องการสร้างศาลหลักเมือง  มันจะสร้างหลังเสร็จสิ้นงานเทศกาลการค้า เพราะต้องดูแลไปจนกว่าจะสิ้นสุดขอบเขตของเวลา  ตามแผนงานเดิมยังมีงานก่อสร้างและพัฒนาอีกไม่กี่แห่ง กรุ่นกลิ่นชาชวนใจให้เบาสบาย พาล่องลอยไปในโลกที่เป็นของเราเอง
"กรุ่นกลิ่นชาพาให้หวนคิดถึงบ้าน
ในวันวานงานในจวนล้วนมากมี
คนละไม้คนละมือทั้งน้องพี่
เหนื่อยที่กายสุขที่ใจไร้กังวล"
บทกลอนในความทรงจำไม่เคยลืมถ่ายทอดลงผ่านปลายพู่กันสู่ตัวอักษรบนกระดาษ  คิดถึงโรงน้ำชาสกุลหลี่ที่มักมีพวกชอบมาขอหลี่หย่งเมี่ยว น้องสาว ประลองหมากล้อมแทบทุกวัน เสียงหลากหลายความรู้สึกของสองฟากฝั่งต่างพากันยืนให้กำลังใจ หนุนคนของตัวเอง สนุกสนาน บางคนได้พบพานเกลอเก่า ต่างนั่งเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟัง ชีวิตอันหลากหลาย คิดแล้วก็คิดถึงบ้านจริงๆ บ้านที่ให้ความรู้สึกว่ามันคือบ้าน เฉกเช่นที่ได้ทำให้จวนหลังนี้เสมือนอยู่บ้าน
     "ใยใต้เท้าไม่ชวนแม่นางหลี่ น้องสาวของใต้เท้ามาทำงานด้วยกัน นางเก่งเรื่องราชการมาก"
     เฉินหยางนั่งมองดูเจ้านายใช้ความคิดล่องลอยไปไกล จึงถามไถ่เป็นการดึงสติให้กลับมาสู่ปัจจุบัน
     "หย่งเมี่ยวเหรอ? ข้าชวนนางมาทำราชการด้วยตั้งหลายครั้ง หากอยากมาร่วมงานกับข้าคงมาเสียนานแล้ว"
     หลี่ซีซวนยกจอกน้ำชาขึ้นจิบ พลางวางลงเอื่อยเฉื่อย
     "ข้ากลับเห็นว่านางเป็นคนมีความสามารถ ไหวพริบดี วิเคราะห์เยี่ยม อธิบายฉางอานและฮั่นจงแบบทางการทหารได้ไหลลื่น หากนางต้องไปรับราชการที่อื่น เราจะเสียหยกล้ำค่าหายากนะ ใต้เท้า อย่างไรลองเทียบเคียง ถามนางอีกสักครั้งเถิด"
     คนสนิทที่ติดตามหลี่ซีซวนมาตั้งแต่ต้นอย่างเฉินหยางไม่ละความพยายามให้เจ้านาย ชักชวนผู้มีความสามารถมาร่วมทำราชการด้วยกัน สตรีมาทำงานย่อมมีความละเอียด การมีที่ปรึกษาเพิ่มมาอีกคนย่อมเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องร้าย
     "ข้อนี้ข้าเห็นด้วยกับใต้เท้าเฉิน ข้ายังทราบว่ามีอีกคนที่โรงน้ำชาของเถ้าแก่หวัง การมีคนเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ย่อมเป็นการเตรียมพร้อม สำหรับการภายภาคหน้า"
     เทียนอินฉีพับเก็บเล่มฎีกาลงบนโต๊ะไม้ มันคือการวางแผน เตรียมความพร้อม
     "อย่างนั้นข้าจะรับไว้พิจารณา เวลานี้ข้ากำลังวางแผนจะจัดตั้งศาลหลักเมือง ข้อหนึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง ข้อสอง ชาวเมืองจะได้รับความรู้และประโยชน์ เมื่อเสร็จสิ้นงานเทศกาลการค้า ข้าจะหยุดพักไว้ชั่วคราวและหันไปดูแลการทหารให้ต่อเนื่อง เทียนอินฉี จากนี้ไปการรับคนเข้าเมืองจะมอบให้เจ้าจัดการ เจ้าทำไหวหรือไม่"
     "ข้า เทียนอินฉี ยินดีน้อมรับหน้าที่และทำให้ดีที่สุด ขอรับ"
        คล้อยตะวันบ่าย หลี่ซีซวนเดินออกมาเที่ยวเล่นด้านนอกจวน มันกลายเป็นภาพติดตาของชาวเมืองเว่ยหนานที่ได้เห็นเทียนอินฉีกับเฉิยหยางเดินติดตามเจ้าเมือง  เขาออกเยี่ยมชมแผงลอบ หาบเร่ กองคาราวาน สนทนากับพวกเขาตามร้านต่างๆ อีกไม่ช้า งานเลี้ยงต้องเลิกลา พวกเขาต้องแยกย้าย อำลา ได้เจออีกครั้งเมื่อไหร่ ย่อมไม่อาจทราบได้  ความร่าเริงของเด็กน้อยคือสิ่งเดียวสำหรับสีสรรค์ของงานเทศกาล การได้เห็นกลุ่มวัยเยาว์วิ่งเล่นถือดอกไม้ไฟ ดั่งเป็นกระจกสะท้อนตัวเราเองในวัยเยาว์ จำได้ว่าครั้งหนึ่งหลี่ซีซวนกับหลี่หย่งเมี่ยวได้ไปเที่ยวเทศกาลของเมืองฉางอาน ลักษณะของเทศกาลไม่ต่างจากที่เขาจัดมากนัก หลี่ฮูหยินซื้อดอกไม้ไฟขนาดให้เด็กเล็กถือวิ่งเล่นและไม่เป็นอันตราย สองคนพี่น้องได้เห็นดอกไม้ไฟจุดขึ้น พวกเขาถือวิ่งเล่นไม่ไกลจากสายของบิดากับมารดา สนุกสนานตามประสาของเด็กน้อย
     "มัวเหม่ออะไรหรือ ท่านเจ้าเมือง"
     สุ่มเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง พลางถือดอกไม้ไฟเล่นกับกลุ่มเด็กน้อย
     "ข้ากำลังมองดูเด็กน้อยตัวเล็กกับเด็กน้อยตัวโตกำลังเล่นดอกไม้ไฟ"
     ความเป็นคุณหนูของลูกตระกูลผู้มั่งคั่ง ตระกูลใหญ่ ไม่เคยปรากฏเป็นพฤติกรรมของคุณหนูแห่งสกุลหลี่ ความซุกซน ความร่าเริง ส่วนความสุขุม ใช้ยามจำเป็นหรืออยากจะกระทำเท่านั้น
     "ข้าเบื่ออยู่แต่โรงน้ำชา วันทั้งวันเจอพวกหูดำเกี้ยวข้ากับเสี่ยวหนิง"
     หลี่หย่งเมี่ยวบ่นดั่งเป็นความปรกติที่สามารถพบเจอได้ตามสถานที่ทั่วไป
     "คนมาเกี้ยวเสี่ยวหนิงเพราะความอัธยาศัยดีของนางข้าพอเข้าใจได้ แต่มาเกี้ยวเจ้า มันผู้นั้นอยากชะตาขาดหรืออย่างไร"
     หลี่ซีซวนรู้จักน้องสาวของตัวเอง คนมาเกี้ยวน้องสาวมักจะเจอนางใช้ปัญหาเชาว์ ให้ตอบปัญหานั้น หากทำไม่ได้ก็ถูกประจาน
    ครั้นมาพำนักเมืองเว่ยหนาน คนทั่วไปรู้กันทั่วว่าคือน้องสาวของเจ้าเมืองเว่ยหนาน ผู้ใดคิดเกี้ยวต้องไตร่ตรองซ้ำสาม ความจริงอยากให้ออกเรือนไปมีครอบครัว ดูแล้วคงเป็นเรื่องยากระดับสร้างบันไดปีนขึ้นสวรรค์
     "ใยพี่ใหญ่กล่าวเช่นนั้น ทุกวันนี้คนมาเกี้ยวข้าแทบไม่มีหรือเรียกว่าไม่มีเลยมากกว่า" ตั้งแต่อยู่เว่ยหนานมันก็เงียบหายไป เจอแต่พวกคนเถื่อน "แล้วพวกพี่ใหญ่จะไปที่ใดกัน ข้าขอตามไปด้วยสิ จับเจ่ามาทั้งวันแล้ว"
     "แม่นางหลี่ ใต้เท้าหลี่กำลังจะออกไปตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการฟื้นฟูจากเหตุการณ์อุทกภัย ทิ้งมานานหลายวัน เพิ่งมีเวลาไปตรวจเยี่ยม"
     เฉินหยางค่อนข้างคุ้นเคยกับหลี่หย่งเมี่ยว ช่วงระยะเวลาเป็นรักษาการเจ้าเมืองเว่ยหนาน
     "ข้านึกว่าเสร็จสิ้นนานแล้ว ยังไงให้ข้าตามไปดูด้วยคนสิ"
     "ด้วยติดงานหลายด้าน ทำให้เกิดความล่าช้าและต้องเลื่อนออกไป แม่นางหลี่อย่ากังวลเลย"
     "นั่นสิ ขนาดเจ้าเมืองยังไม่มีสีหน้าเป็นกังวล ใยข้าต้องมากังวลด้วย"
     เทียนอินฉียืนดูความเข้ากันได้ของเฉินหยางกับหลี่หย่งเมี่ยว  สนิทสนมกันขนาดนี้ หากได้มาร่วมงานกันจริง เกรงว่างานจะไม่ค่อยคืบหน้า คนหนึ่งก็อยากรู้ คนหนึ่งก็อยากเล่า ส่วนเจ้านายของเขายืนส่ายหน้าระอาใจ
     ขณะกำลังยืนดูความเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยระหว่างเฉินหยางกับหลี่หย่งเมี่ยว เสียงดีดผีผาดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเพลง คนยืนมุงดูด้วยความสนใจ พวกเขาเดินตามกันไปตรงบริเวณลานกลางตลาด ยืนฟังพร้อมกับพวกชาวบ้าน
ทอดมองผู้มาเยือนของข้าในยามราตรี ณ แม่น้ำแยงซี  ใบเมเปิ้ลร่วงหล่นโปรยในสารทฤดู
ข้าลงมาจากหลังม้าและขึ้นเรือของแขกคนสำคัญ   รื่มรมย์ดื่มด่ำสุราแต่ไร้เสียงดนตรีขับบรรเลง
ถ้าดื่มสุราแล้วมิเมาคงมิใช่สุขที่แท้จริง   ล่องลอยอยู่ในแม่น้ำอันกว้างใหญ่   ยืนอาบแสงจันทร์
ทันดนั้นมีเสียงบรรเลงเพลงผีผาบนผืนวารี   ลืมหนทางหวนคืนและยังมิไปไหน
เฝ้าติดแตามและไถ่ถามว่าผู้ใดกันที่บรรเลง   เสียงผีผาสิ้นสุดลงในใจมีคำถามมากมาย
เคลื่อนเรือเข้าไปใกล้และเชื้อเชิญให้มาพบกัน   เติมสุราและอาหารงานเลี้ยงกลับมารื่นเริงอีกครา
เชื้อเชิญนางหลายพันครา สุดท้ายนางปรากฎตัว  นางยังคงจับผีผาและเผยใบหน้าเพียงครึ่งซีก
นางกระชับและปรับสายผีผาของนาง สองสามครา  ช่างกระตุ้นอารมณ์รักก่อนเริมบรรเลง
ทุกสายอักขระระงับอารมณ์และความคิดที่พลุ่งพล่าน ราวกับเล่าชีวิตที่มิได้เป็นไปตามความต้องการของนาง
นางก้มหัวลงแล้วหยิบและดีดต่อไปอย่างช้าๆ ขจัดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในออกมา
นางมีความชำนาญในการดีดสายไม่ว่าจะเป็นการถอนเบาจังหวะช้าๆ การดีดหรือการเลือก
นางเล่นเพลงชุดสายรุ้งและเสื้อคลุมขนนกจากนั้นก็เป็นสิ่งแรกเริ่มทั้งหก
สายใหญ่จะให้เสียงราวกับฝนตก เสียงจะทุ้มและแหบแห้ง ส่วนสายเล็กเปรียบเสียงแหลมกระซิบ จะมีน้ำเสียงที่เบาและอ่อนนุ่ม
จดบันทึกทุกท่วงท่าที่นางกำลังบรรเลง  มันเหมือนกับลูกปัดใหญ่เล็กมากมายตกลงบนแผ่นหยก
เปรียบภาษาของนกกระจอกได้ยินแล้วรื่นเริง แต่ก็กลายเป็นดั่งเสียงสะอื้นน้ำตาร่วงหล่นไหลลง
สายอักขระที่บรรเลงออกมาช่างเยือกเย็นราวกับน้ำพุ  ความเงียบเข้าปกคลุม ไร้ซึ่งเสียงดนตรีบรรเลง
โปรดอย่าเศร้าโศกและเกลียดชังในโชคชะตา ไม่มีเสียงใดที่ดังขึ้นมาแทรกในความเงียบที่ดังก้องได้
ราวกับเหยือกเงินตกแตกกระจายน้ำกระเซ็นออกมา หรือราวกับการปะกันของอัศวินและทหารม้า
     "ลำนำผีผา? ถ้าข้าจำที่โรงน้ำชาของข้าชอบเอามาร้องและเล่นตรีเป็นประจำ มันเป็นเรื่องราวของคนเล่นผีผาด้วยกันพบปะกันแถวแม่น้ำแยงซี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนิยมร้องเพลงนี้กัน"
     หลี่หย่งเมี่ยวยืนอธิบายของบทเพลงหรือลำนำที่แต่งให้สามารถร้องเพลงได้ ตามจริงมันยาวกว่านั้นเยอะ ทว่าคนนิยมร้องให้กระชับไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
     "ความสำราญในบทเพลงจบแล้ว พวกเราควรไปนอกเมืองกันได้แล้ว"
        พวกเขาสี่คนประกอบไปด้วยหลี่ซีซวน เฉินหยาง เทียนอินฉี และหลี่หย่งเมี่ยว เดินออกมาถึงทุ่งนาบริเวณริมแม่น้ำ พวกเขาเห็นชาวบ้านกำลังช่วยกันรื้อสิ่งของที่เสียหายออกไปเผา บางส่วนกำลังไถหน้าดินให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปรกติ กระทั่งเกิดเหตุวิวาทกันเล็กน้อย ระหว่างที่หลี่หย่งเมี่ยวกำลังเดินถือกระดิกน้ำชากับหมั่นโถวมาให้พวกบ้าน โดยมีเทียนอินฉีตามหลังไปคอยดูแลความปลอดภัย ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงจากชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
     "แม่นางหลี่จิตใจดีโดยแท้ หาได้ยากยิ่ง"
     เฉินหยางอยากตามไปดูแลน้องสาวของเจ้านาย แต่ถูกมือของหลี่ซีซวนขวางไว้ ให้เทียนอินฉีไปแทน
     "หย่งเมี่ยวจิตใจดีโดยธรรมชาติและเด็ดขาดมากกว่าข้าเสียอีก"
     ชาวบ้านมีปาก มีเสียง วิวาทกันยังไม่หยุด บางคนเห็นว่าหลี่ซีซวนมาเยี่ยม แต่เห็นสัญญาณมือว่าไม่ให้พูด เขาเดินตามเข้าไปดูว่าจะหยุดกันเมื่อไหร่ มิทันจะได้เข้าไปใกล้ มีดสั้นลอยผ่านแก้มของหลี่หย่งเมี่ยว เฉี่ยวอีกนิดด้วยอาจโดนแก้มนวลของเธอได้ เทียนอินฉีตาไวยกกระบี่ขึ้นปัดไปถูกกับต้นไม้ หลายคนจับคู่วิวาทให้ห่าง ทว่าสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น หลี่หย่งเมี่ยวใช้หมัดมวยฟาดไปทั้งสองคน บาดเจ็บจนจุกด้วยกันทั้งคู่ เธอวิ่งมาสวมกอดพี่ชายไว้แน่น
     "ขอบใจ เทียนอินฉี ขอบใจเจ้ามาก"
     หลี่ซีซวนยืนกอดปลอบใจให้หายเสียขวัญและตกใจของน้องสาว
     "พกอาวุธลับเยี่ยงนี้ ข้าต้องจับตัวขึ้นศาลไตร่สวนและลงโทษ ฐานทำร้ายผู้อื่น แม้ไม่ได้เจตนาก็ตาม"
     เทียนอินฉีสี่งให้ชาวบ้านจับตัวผู้กระทำผิดไปที่ศาลทันที น้ำเสียงเฉียบขาด ไม่มีความปราณี ส่วนเฉินหยางนำหมั่นโถวกับกระติกน้ำชาที่หลี่หย่งเมี่ยวตั้งใจนำมา มอบให้ชาวบ้านที่มาช่วยเหลืองานอุทกภัยครั้งนี้ บางส่วนให้เธอเป็นคนมอบด้วยตนเอง
     "ความคืบหน้าไปถึงไปแล้ว ข้าไม่ได้มานาน ขอโทษด้วย"
     "ไม่เป็นไรขอรับ ใต้เท้า งานก็คืบหน้าไปมากแล้ว เหลือเพียงสร้างกระท่อมเล็กๆเท่านั้น"
     หลี่ซีซวนยืนสนทนากับชาวบ้าน พลางเห็นว่าน้องสาวลงไปช่วยชาวบ้านโยนสิ่งของที่เสียหายเข้ากองไฟ โดยมีเทียนอินฉีดูแลไม่ห่าง
     "งานเมืองทำให้ข้าปลีกตัวมาลำบาก อยากให้เสร็จโดยไว้"
     "แค่ก่อนหน้าใต้เท้ามาช่วยพวกเรา แค่นี้ก็มีกำลังใจกันมากแล้วขอรับ"
        หลี่ซีซวนสำรวจดูความเสียหายของพื้นดิน กวาดสายตาอีกรอบหนึ่ง ค่อยช่วนเฉินหยาง เทียนอินฉี และหลี่หย่งเมี่ยวกลับเข้าไปในเมือง ระหว่างทางเข้าเมืองยังบ่นใส่น้องสาวไม่เลิกหากน้องสาวเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะมีหน้าไปตอบคำถามพ่อกับแม่อย่างไร
มอบชากงอวี้ฮวา 1 ถ้วย ให้กับ [164]
ธาตุ
ธาตุไม้ ถุกชะตากับ ธาตุไฟ [164]
ลักษณะนิสัยใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
-5 ความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวและพี่น้อง
   
     




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-11-21 21:58:58 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ฟื้นฟูงานประสบภัย

        บุรุษหนุ่มผู้มีหนวดกับเครายาวเลยคางลงมาสองนิ้ว  มีอำนาจสูงสุดในเมืองเว่ยหนาน  ดำรงทุกอาญาสิทธิ์  กำลังนั่งมองแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรมากมาย  กางอยู่บนโต๊ะไม้ในโถงใหญ่  เจ้าเมืองหนุ่มไม่ค่อยเปิดจวนรับแขก  ความสัมพันธ์กับผู้คนแคบ ในมือถือสมุดบัญชีรายงานการใช้จ่ายพัฒนางานเมืองทั้งหมด  หักลบหมดแล้วไม้เหลือน้อยกว่าทุกทรัพยากร  เฉินหยางกลับมาจากการไปค่ายทหาร เหตุเพราะเจ้านายพัฒนาและสร้างเมืองจนเทียนอินฉีผู้เดียวไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด  กองงานเอกสารจากเดิมเบาบางลงกลับเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว
     "เทียนอินฉี ข้ามอบหมายให้เจ้าไปรับคนเข้าเมืองแทนทำได้หรือไม่"
     "ข้ายินดีน้อมรับคำสั่ง ขอรับ เจ้านาย"
     เพื่อให้เทียนอินฉีได้คุ้นเคยกับชาวเมืองมากยิ่งขึ้น ประกอบกับมีบุคลิกที่ดี วาจาเป็นเลิศ มันเป็นการเข้าหาพวกเขาได้ง่าย
        กรุ่นกลิ่นชาหอมฟุ้ง ควันร้อนจากถ้วยชา ทำให้อากาศในห้องโถงใหญ่อบอุ่นมากขึ้น  เหมันตฤดูแบบนี้ได้ให้พวกบ่าวในจวนได้มีเวลาพักมากกว่าเดิม  หลี่ซีซวนนอนเอนกาย หลังพิงที่เท้าแขน บ่งบอกว่าอ่อนล้ากับงานเอกสารตรงหน้า  การพักสายตาของเขาไม่ต่างจากการหลับพักผ่อน  เหมือนคนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม คนประเภทที่ทำงานได้ค่อนข้างดีแต่ชอบความสำราญ  ทอดตาทั่วแผ่นดินมีเพียงเจ้าเมืองเว่ยหนานคนเดียว  นอนเอกขเนกยามบ่ายของวันที่อากาศอบอุ่น หากได้ยากของช่วงเหมันตฤดู  ค่อยลุกขึ้นมานั่งปรับท่าทางตามปรกติ
     "ใต้เท้าหลี่ ช่วงนี้วิศกรทำงานก่อสร้างมิได้หยุดหย่อน ตั้งแต่ท่านมอบหมายงานให้พวกมันได้ไปกระทำตามคำสั่ง"
     เฉินหยางรู้มาจากเทียนอินฉีว่าเจ้านายของเขามอบม้วนกระดาษที่เขียนด้วยลายมือตัวเอง ส่งมอบให้ทางตึกวิศกรรมเร่งไปดำเนินการก่อสร้าง พวกมันรีบตกปากรับคำไม่กล้ากล่าวสิ่งใดให้ขัดหู กระทั่งบ่าวคนหนึ่งแอบได้ยินมาว่า พวกมันบ่นและนินทามิได้หยุด
     "เกียจคร้านกันมานาน พวกมันสมควรได้ทำงานเสียบ้าง นอนกินเบี้ยหวัดของเมือง ไม่การทำงาน"
     หลี่ซีซวนชอบไปนั่งร้านขายน้ำชาที่ตลาดเป็นประจำ กลายเป็นลูกค้าประจำของเถ้าแก่เนี้ยจาง  เถ้าแก่เนี้ยเล่าให้ฟังว่าพวกวิศกรปลายแถวชอบบ่นว่าไม่ค่อยมีงานก่อสร้างของเมืองเว่ยหนานให้ทำ  พวกมันชอบไปดื่มสุราจนเสียงานมาหลายครั้ง  ไม่มีใครเคยทำรายงานถึงเจ้าเมือง พวกวิศกรระดับหัวทำตัวปิดตาข้างหนึ่ง อย่างไรก็ต้องเรียกใช้สอยพวกมันทำงาน จึงนั่งร่างรายการก่อสร้างให้พวกมันออกไปทำงาน ยังเกียจคร้านค่อยลงโทษโบยพวกมัน  เรื่องนี้เฉินหยางทราบเป็นอย่างดีและเขาได้คาดโทษ หากมีการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นอีก  พวกมันจะโดนโทษกันถ้วนหน้า ไม่มีการละเว้น  
        เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมพร้อมกับเทียนอินฉี และให้พกดาบไปด้วย  เหตุการณ์นอกเมืองเป็นเรื่องคาดเดาได้ยากเสมอ หลังจากเจอฤทธิ์มีดบิน เสนาธิการของบ้านไม่ค่อยอยากตามออกไปนอกเรื่อง เนื่องจากมีเรื่องให้อยากทำเป็การส่วนตัวที่โรงน้ำชาของเถ้าแก่หวัง นานวันจางหนิงกับหลี่หย่งเมี่ยวจะสนิทสนมกันเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน  จางหนิงไม่ต้องกลัวแล้วว่าจะถูกผู้ชายหูดำแทะโลม เพราะมีเพื่อนคอยใช้วาทศิลป์เชือดไปหลายคน เทียนอินฉีอยากไปเที่ยวโรงน้ำชาสักครา  ติดตรงคอยช่วยเจ้านายจัดการเอกสารทุกวัน  ครั้นจะขอให้เฉินหยางไปแทนตนก็กลัวจะทำได้ไม่ดี  เรื่องนี้หลี่ซีซวนพอจะเดาออก  แต่ไม่เอ่ยปากให้ไปกระทำ  หากว่ากันหมดใครจะอยู่ช่วยตนเองสะสางงานเมืองที่มีทุกวันไม่ได้หยุดหย่อน
     "เจ้านาย กิเลนกำลังย่ำเท้าไปบนเส้นทางเมืองเว่ยหนานใช่หรือไม่"
     เทียนอินฉีเดินเคียงข้างหลี่ซีซวนเอ่ยถามใคร่รู้ เรื่องกิเลนได้ยินมาจากเฉินหยางเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่กำลังนั่งปรับแผนงานพัฒนาเมือง
     "ใช่ กิเลนที่นำพาความมั่งคั่ง มั่นคง มาถึงแล้ว"
     หลี่ซีซวนยิ้มอย่างอารมณ์ดี สถานที่ต่างๆทั่วเมืองเว่ยหนาน ได้รับการจัดสร้างตามแปลนที่ได้ส่งให้กับหมู่ตึกวิศกรรมดำเนินการ
     ขณะเดินออกจากจวนเจ้าเมืองมาตามเส้นทางถนนสายหลักออกสู่นอกประตูเมือง  พวกเขาสังเกตุได้ว่าความเจริญของเมืองเว่ยหนานมันมาเยือนถึงถิ่น ขาดเพียงความมั่นคงทางการทหารเท่านั้น  ขอเพียงจัดสรรขุนนางไปดูแลทุกอย่างจะลงตัวพอดี หลายวันนี้ปลีกตัวนอนพักอยู่ในจวน  ร่างกายอ่อนล้า  โยนงานให้ผู้อื่นกระทำแทน  เมื่อเดินมาถึงทุ่งนาสายตาเห็นว่าเริ่มมีการปลูกกระท่อมกระจายทั่วทุ่งนาน  เศษซากความเสียหายจากการโดนอุกภัยสะอาดตา  ชาวเมืองสามัคคีช่วยกันคนละไม้ คนละมือ ไม่มีเรื่องต้องใช้อาวุธกันอีก
     "ข้าได้ยินมาว่าโรงน้ำชาของเถ้าแก่หวัง มีสตรีนางหนึ่งขอเถ้าแก่หวังเปิดโต๊ะหน้าร้านแจกน้ำชาร้อนกับหมั่นโถว โดยนางทุ่มจ่ายไม่อั้น"
     "ใช่ ใช่ ข้าก็ได้ยินมาเหมือนกัน รู้สึกว่าจะชื่อแม่นางหลี่อะไรสักอย่าง"
      พวกชาวเมืองจับกลุ่มสนทนากับภาพที่ไม่ได้ปรากฎขึ้นมาก่อนของเมืองเว่ยหนาน แต่ละคนคล้อยตามไปทิศทางเดียวกัน
     "ปัดโธ่เอ้ย เจ้าไม่รู้จักชื่อก็ไม่แปลกหรอก ขนาดแม่นางจางคนงานโรงน้ำชาของเถ้าแก่หวังยังไม่รู้จักชื่อเลย ออกนามเพียงแซ่เท่านั้น"
     "คลับคล้ายคลับคลา ข้าเคยได้ยินมาว่าแม่นางหลี่เป็นน้องสาวของใต้เท้าหลี่ เจ้าเมืองของพวกเราด้วย นางดูเป็นคนฉลาด วาทศิลป์เป็นเลิศ อัธยาศัยดี และไม่เคยรับของแปลกหน้าจากผู้ใดด้วย"
     ชื่อเสียงของหลี่หย่งเมี่ยวได้มาสร้างชื่อต่อที่เมืองเว่ยหนาน  ให้ผู้คนมาใช้เป็นหัวข้อสนทนาอีกจนได้  ทำเอาพี่ชายยืนยิ้มแก้มปริใต้ต้นไม้ ขณะกำลังซุ่มฟังด้านหลังต้นไม้กับเทียนอินฉี
     "ไม่เคยได้ยนิว่าแม่นางหลี่คนนี้ใช้บารมีของพี่ชายสักครั้ง ถ้าเป็นคนอื่นวางกล้ามโตไปทั่วเมือง"
     "นั่นสิ ข้าอยากให้แม่นางหลี่มาทำงานเป็นขุนนางให้กับเมืองของเรา ใต้เท้าหลี่เป็นเจ้าเมือง แม่นางหลี่เป็นที่ปรึกษา เมืองเว่ยหนานไม่ต้องกลัวน้อยหน้าผู้ใดในแผ่นดินแล้ว"
     "อย่างนั้นเท่ากับว่าเว่ยหนาน มีใต้เท้าหลี่สองคนน่ะสิ"
     ขณะชาวบ้านกำลังสนทนากันอย่างสนุก หารู้ไม่ว่าคนที่เป็นหัวข้อสนทนากำลังยืนฟังมาตั้งแต่ต้น หลี่ซีซวนให้เทียนอินฉีเดินออกมาก่อน ค่อยเดินตามหลังออกมา
     "ผู้ใดกล่าวว่าอยากให้เว่ยหนานเรา มีขุนนางแซ่หลี่สองคนกัน"
     "ทว่าน่าเสียดายนะ อินฉี ข้ากล่อมนางอยู่นานเดือนยังไม่ยอมมาเข้ารับราชการด้วยกันเลย"
     พวกเขาสองนายบ่าว พูดสอดรับกันเป็นอย่างดี  ทำเอาชาวบ้านที่รู้กิตติศัพท์ต่างถอยหลังคนละหลายก้าว
    "ใต้เท้าหลี่ พวกเราจัดการเศษซากพวกนี้ไปเผาหมดแล้ว ได้สร้างกระท่อมไว้สำหรับพักผ่อนจากการทำงานช่วงเช้า กระจายตามจุดต่างๆ"
     หลี่ซีซวนสอดสายตามองดูโดยรอบบริเวณ มันเริ่มดีขึ้นตามลำดับ อีกไม่นานคงกลับมาเป็นปรกติตามเดิม
     "อืม...พวกเจ้าทำได้ดีมาก อากาศหนาวเย็น ควรมีกองไฟไว้ให้ร่างกายได้อบอุ่น ทำงานก็ต้องถนอมสุขภาพเข้าใจไหม?"
     พวกชาวเมืองยืนพยักหน้ารับทราบกันเป็นแถว  หลี่ซีซวนยืนสนทนาอีกเพียงไม่กี่ประโยค เดินกลับเข้าเมืองไปหาร้านขายน้ำชาร้านประจำ  นั่งจิบชาสนทนากับเถ้าแก่เนี้ยจางตามประสาคุ้นเคย
     ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
ใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
เทียนอินฉี
นิสัย เที่ยงธรรม
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
     


        


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
โพสต์ 2022-11-30 23:00:37 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ทุกอย่างกำลังเข้าที่

        เหมัตฤดูเหมือนช่วงเวลาของการจำศีล  มันทำอะไรไม่ได้มากเท่าที่ใจอยากจะทำ  โชคดีอย่าหนึ่งคืองานกทศกาลจบลงทันฤดูหนาวมาเยือน  งานบางอย่างยืดเยื้อมานานสมควรปิดงานลงได้เสียที โถงใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ทำงาน  บุรุษเครางามกำลังนั่งอ่นม้วนตำราไม้ไผ่  โดยมีเตาไฟห่างจากด้านหน้าไปไม่ไกล  เทียนอินฉีกลับมาพร้อมเฉินหยาง  นั่งลงคนละฝั่งช่วยเจ้านายเปิดม้วนงานตรวจดูความเรียบร้อย  ได้ยินว่าถูกหลี่หย่งเมี่ยว น้องสาว ฉีกหน้าตอนประชันหมากล้อม ไม่แวะไปหาที่โรงน้ำชาของเถ้าแก่หวางอีกเลย เทียนอินฉีไม่ถือสา ประชันหมากล้อมกระดานแรกให้เป็นโมฆะ เถ้าแก่เนี้ยจางยอมเป็นคนกลางประสานรอยร้าวระหว่างพี่น้องให้  หลี่ซีซวนยอมอ่อนลงให้เพราะเหลือกันเท่านี้แล้ว หย่งเมี่ยวค่อยเข้าใจวิถีของบุรุษจากเถ้าแก่หวาง  

     "เจ้านาย เหมันตฤดู ชาวประมงในเขตท่าเรือเจียวลู่งดออกทะเลกันหมด ส่วนการขนส่งข้ายังไม่เข้มงวดเรื่องการตรวจสินค้าตามเดิม"

     "การเกณฑ์ทหาร ข้าเห็นควรว่าให้พ้นเหมันตฤดูไปก่อน แต่ยังสามารถไปตรวจค่ายทหารได้ตามปรกติ"

     หลี่ซีซวนนั่งฟังการรายงานเหตุการณ์และแผนงาน ระยะนี้แผนงานต้องเลื่อนออกไปบางส่วน มันเป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ วางม้วนไม้ไผ่ลงบนโต๊ะ ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ เขาไม่ค่อยนิยมสุราเป็นการส่วนตัว

     "แล้วที่หอสุขสำราญเป็นอย่างไรบ้าง เผื่อว่าข้าต้องไปตรวจงานที่นั้นด้วย"

     พวกเขาสองคน เฉินหยางกับเทียนอินฉีต่างมองหน้ากันว่าใครจะตอบคำถามนี้  

     วันนั้นที่เจ้านายกลับมาที่จวน เฉินหยางตั้งใจจะมาหาที่ร้านขายน้ำชาของเถ้าแก่เนี้ยจาง  มันเป็นสถานที่แห่งเดียวใจการเจอตัวเจ้านายของเขา ชาวบ้านบอกว่าเจ้าเมืองอารมณ์ไม่ค่อยดีกลับจวนไปแล้ว  เฉินหยางเห็นน้องสาวของเจ้านายตัวเองกำลังถูกเถ้าแก่เนี้ยจางปลอบขวัญ จึงถือโอกาสเล่าความลับเรื่องหนึ่งให้เทียนอินฉีกับเฉินหยางฟังว่า หลี่ซีซวน พี่ชายของเธอ หากว่างงานหรือเคร่งเครียด มักจะชอบไปเที่ยวเล่นหอนางโลมเสมอ ตอนนี้มีหอสุขสำราญมาตั้งกิจการ คิดว่าอีกไปนานคงไปใช้บริการ ฟังว่าหลี่ซีซวนเป็นหนุ่มเจ้าสำราญมากความสามารถ คาดไม่ถึงว่าชอบไปเที่ยวสถานที่แบบนั้น  มองอีกมุมหนึ่งมันเป็นความปรกติของเหล่าบุรุษ หรือกลัวเว่ยหนานจะสงบสุขเกินไป
     "เรียนนายท่าน หอสุขสำราญมีนักเลงเฝ้าอยู่ด้านหน้าทางเข้าหอไม่ต้องกลัวว่าจะมีเรื่องทะเลาะวิวาท"
     เทียนอินฉีไหวพริบดีกล่าวตอบเป็นงานเป็นการ  หากผ่านเรื่องอุทกภัยคงแวะไปเป็นแน่ แต่คิดว่าเจ้านายไม่ใช่พวกเห็นหอนางโลมเป็นบ้าน เข้าออกทุกวัน
     "แต่ว่ากลับมีชาวบ้านชอบไปโรงน้ำชา เพื่อขอับหมั่นโถวร้อนๆกับน้ำชา หลายคนต้องโชร้าย เพราะแม่นางหลี่ให้เฉพาะคนยากจนจริงๆไม่ก็ขอทาน"
     "เว่ยหนานเจริญถึงเพียงนี้ ใยเจ้าบอกมีขอทาน หรือข้าบำรุงชาวเมืองได้ไม่ดีพอ"
     ข้อนี้เฉินหยางรู้ดีกว่าเทียนอินฉี  เจ้าเมืองหนุ่มไม่ต้องการให้มีคนไร้บ้าน ขอทาน เร่ร่อน นั่งตามริมถนนหรือกำแพงเมือง ไม่อย่างนั้นไม่ให้ทหารตรวจการณ์มารายงานทุกวัน
     "ไม่ใช่ เจ้านายดูแลไม่ดี อย่างไรบางส่วนก็เป็นผู้อพยพมาใหม่ทั้งสิ้น รากฐานยังไม่แข็งแรง อย่างไร ข้า เฉินหยางจะไปจัดการเรื่องนี้ให้"
        ถกเถียงเรื่องสถานการณ์เมืองเว่ยหนานได้ไม่นาน หลี่ซีซวนลุกใส่เสื้อคลุม ห้อยกระบี่ เตรียมออกไปยังนอกเมือง ตรวจสภาพพื้นที่  แม้ตอนนี้จะไม่ค่อยมีอะไรน่าห่วงแล้วก็ตาม  เทียนอินฉีกับเฉินหยางตามเจ้านายออกตรวจงาน  ย่ำเท้าเดินบนถนนสายหนึ่งทอดยาวออกไปสู่ประตูเมือง  บ้านเรือน ร้านค้า ทุกหลังคามีหิมะปกคลุม  ระหว่างทางบนถนนมีเตาไฟวางไว้เป็นระยะ กินเลนย่ำทั่วเมืองเว่ยหนาน ไม่ช้าพยัคฆ์จะคำราม  เว่ยหนานพัฒนาขึ้นมากในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือน  ภายหลังการได้รับราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองเว่ยหนาน  บุรุษหนุ่มเจ้าสำราญทำได้อย่างที่ลั่นวาจา  เขาลงมือทำมากกว่ามายืนพูด  ไม่ค่อยรับของจากผู้ใด  กระทั่งงานเลี้ยงรับรองของคหบดียังส่งเฉินหยางไปแทน  กำชับอีกว่าหากมีการรับของไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด  กลับมาต้องรับโทษหนัก
     "ได้ยินมาว่ามกลุ่มนักบวชมาเมืองเว่ยหนาน  เสียดายเรารู้ข่าวช้าไป"
     "ข้ายังเสียดายเหมือนกัน ครั้งหน้าต้องรอบคอบมากกว่านี้"
     เทียนอินฉีเดินสนทนากับเฉินระหว่างทางเดินออกมานอกเมือง  เพิ่งทราบข่าวจากยวิ่นไป๋ เจ้าพนักงงานดูแลกองคลังของเมืองเว่ยหนาน
     "เรียนท่านเจ้าเมือง ประตูเมืองไม่มีเรื่องอันใดให้กังวล เหตุการณ์ปรกติ"
     ตามจริงประตูนี้ดั่งหอเฝ้าระวังภัย  เนื่องจากเป็นเส้นทางผ่านไปฉางอาน  ทำให้ต้องเข้มงวดและระวังมากกว่าประตูเมืองด้านอื่น  หลี่ซีซวนพยักหน้ารับทราบ ค่อยเดินจากไป
        ลัดเลาะออกเดินทางมาได้ไม่ไกลค่อยมาถึงบริเวณท้องทุ่งนานกว้างไกล  สายตาเห็นชาวเมืองกำลังนั่งเกาะกลุ่มผิงไฟรอบบริเวณกระท่อมหลังเล็ก  กระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ มีเพียงกองไฟขนาดใหญ่กำลังเผาผลาญเศษไม้  ด้านหนึ่งเห็นกลุ่มคนคุ้นเคยคือพวกหวางคุนกำลังนั่งเล่าเรื่องสนุกสนาน พวกเขาคือกลุ่มคนกลุ่มแรกที่หลี่ซีซวนให้ความคุ้นเคย  แล้วไม่ได้สนทนากันอีกเลย เนื่องจากงานเมืองล้นมือ
     "พรุ่งนี้งานก็จะเสร็จแล้ว  ข้าว่าจะไปหาสุราดีๆดื่มสักไหที่โรงเตี๊ยมเปิดใหม่ พวกเจ้าว่าอย่างไร"
     "ก็ดีนะ ข้าเห็นด้วย ยังไม่เคยไปใช้บริการ"
     กลุ่มของหวางคุนมาช่วยงานได้ 3 - 4 วัน เพราะเพิ่งละงานจากท่าเรือ
     "ข้าก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน เขาลือกันว่าเถ้าแก่เนี้ยสวยที่สุดในเมืองเว่ยหนาน"
     "ใยไม่ไปสืบดูให้รู้ความจริง เผื่อว่านางจะเลี้ยงสุราให้พวกเจ้าบ้าง"
     ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นหลี่ซีซวนลงมานั่งบนพื้นดินร่วมกับพวกหวางคุน พร้อมด้วยเฉินหยางกับเทียนอินฉี
    "นั่นสิ นางแซ่ซุน ปัญญาไม่เป็นรองแม่นางหลี่เชียวหนา"
     "ใต้เท้าเทียนหยอกกันหรือไม่ ใช่เห็นพวกข้าโง่งมแล้วจะหลอกกันเช่นนั้นรือ?"
     "ข้ามิเคยดูถูกว่าพวกเจ้าโง่งม เช่นนั้นพรุ่งนี้เสร็จงานแล้ว ข้าจะไปเป็นเพื่อนพวกเจ้า พวกเจ้าเห็นเป็นเช่นไร"
     " ดี พวกข้าตกลงตามนี้"
     หลี่ซีซวนต้องหัวเราะร่าออกมา ไม่คิดว่าที่ปรึกษาและขุนนางจะกระทำตัวเป็นนักเลง ท้าผู้อื่นเช่นนี้
     "ท่านซีห่าว มิเจอกันนานเลยหนา สบายดีหรือไม่? สหายข้า"
     "งานเมืองรัดตัวข้าทุกวัน หาความสบายมิได้เลย หวางคุน สหายเรา"
     พวกเขาสองคนไม่ได้สนิทสนมกันมาก หากก็คุ้นเคยกันมาก่อน หลี่ซีซวนเหมือนได้พบเจอสหายรู้ใจ แววตาเศร้าฉายชัดผ่านกองไฟ
     "งานขุนนางมิเคยทำให้ใครสุขสบาย ทว่าบางคนก็กระทำตัวสุขสบาย ซีห่าว อย่างไรก็ถนอมสุขภาพ หาความสำราญบ้างเถิดหนา"
     "ขอบใจเจ้ามาก หวางคุน หมดจากพรุ่งนี้ ข้าอาจจะแวะหาความสำราญสักเที่ยวหนึ่ง"
     เฉินหยางอยากให้แบ่งเบาภาระงานให้ได้มากกว่านี้ ทว่าก็รู้ดีว่างานมันไม่เคยได้ลดน้อยลง เทียนอินฉียังทำได้แค่รักษาระดับของงานเท่านั้น
     "ซีห่าว ที่นี่เรียบร้อยดีแล้ว พวกข้าสะสางให้จนเสร็จสิ้นร่วมกับชาวบ้าน พรุ่งนี้ก็ไม่มีอันใดแล้ว"
     เข้าใจในวันนี้เองว่า ความเป็นสหายของพวกเขาไม่มีถือยศศักดิ์และฐานะ ไม่ถือตัวว่าใครมาก่อนหรือใครมาหลัง ไม่เจอกันนาน แต่การสนทนาเต็มไปด้วยความจริงใจอันหาได้ยากยิ่ง  หลี่ซีซวนลุกขึ้นยืน อำลาทุกคน ก่อนจะเดินทางกลับเข้าเมือง
ทะเยอทะยาน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
ใจดำ
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
เทียนอินฉี
นิสัย เที่ยงธรรม
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
     






←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ตำราเลี่ยจื่อ
ม้าเฟิ่งหวง
กระบี่ร้อยกฎ
เตากำยาน
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x55
x2
x4
x3
x1
x3
x8
x3
x15
x19
x20
x20
x10
x1
x1
x1
x1
x9
x6
x10
x1
x2
x30
x3
x10
x2
x1
x3
x15
x35
x2
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้