[ตะวันออกของเมืองเจียงเยี่ย] ทะเลสาบไท่หู

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-1 15:29:58 |โหมดอ่าน


ทะเลสาบไท่หู
{ ตะวันออกของเมืองเจียงเยี่ย }






【ทะเลสาบไท่หู】

สถานที่เงียบสงบที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอุดมสมบูรณ์
รอบด้านล้อมด้วยภูเขาสูงดั่งป้อมปราการธรรมชาติ
แยกสายน้ำทะเลสาบออกจากลำธารแม่น้ำสายหลักใกล้เมือง
เต็มไปด้วยต้นไม้หลากสายพันธุ์ ทว่าที่ออกดอกกินพื้นที่กระจาย
กลิ่นหอมลึกลับลวงใจให้ค้นพบนั้นคือเหมยเหลืองพิศวง
ชาวเจียงเยี่ยหลากหลายคนใช้ที่นี้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
รวมถึงชาวประมงบางกลุ่มที่ออกเรือเล็กจับปลาในทะเลสาบบางฤดูกาล



{ วิถีชีวิตคนสันโดษ }

[ดูคู่มือการเก็บทรัพยากรส่วนตัว]

(1) ติดตั้ง "เบ็ดตกปลา" ชนิดใดก็ได้ (สามารถหาซื้อได้จากร้านอุปกรณ์)

(2) เขียนโรลตกปลาตามคู่มือด้านบน
(3) ระบุท้ายโพสต์เลือกปลาที่จะตก โดยแต่ละพื้นที่จะมีปลาแตกต่างกัน

{ โบนัสพิเศษ }
(1) หากเป็นคนลักษณะนิสัยสันโดษ ได้รับโบนัส x2

{ ปลาที่พบบริเวณนี้ }
(1) ปลาเก๋า
(2) ปลาชิง
(3) ปลากง
(4) ปลาดอร์ลี่



 เจ้าของ| โพสต์ 2021-9-20 21:38:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ไอเท็มดรอป น้ำหนิวเอ้อเฉ่า

  




การดรอป

1) เขียนโรลเพลย์ท่านผ่านมาเจอบางอย่างวางกองไว้
2) สร้างสตอรี่ตามอิสระเก็บของดรอปตามพื้นที่

ไอเท็มดรอป: น้ำหนิวเอ้อเฉ่า x5




ผู้เก็บไอเท็ม:


←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-9-28 00:14:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
หลังจากลงจากท่าเรือแล้ว คนเดินเรือก็ตีเรือกลับทันทีโดยไม่รอให้นางกล่าวหรือเอ่ยความต้องการอะไรก่อนเลย สายตานางยังคงมองไปยังผู้ติดตามที่อยู่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำไกลลิบๆด้วยความโมโหจนแทบจะกระโดดว่ายข้ามกลับไปอีกฝั่งแล้วตบหัวสักป๊าบให้พอใจเสียสักทีสองที

ดูท่าว่าเรือข้ามฟากจะไม่เหลือแล้วบีบบังคับให้นางต้องหาที่พักที่นั่นไปก่อน ด้วยความน่าเบื่อหากเอาแต่หมกตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมทำให้นางต้องหาจ้างรถม้าเพื่อพาข้ามไปชมเมืองสักเมืองสองเมืองที่พอจะไม่ไกลจากที่ท่าเรือมากนัก หญิงสาวได้รับคำแนะนำให้ซื้อเบ็ดตกปลาเพื่อที่จะไปยังทะเลสาบแห่งหนึ่งในเมืองเจียงเยี่ย ที่นั่นมีปลาหลายพันธุ์พอจะให้นางสามารถหาอะไรทำในช่วงเที่ยวชมเมืองได้

ทันทีที่นางลงจากรถม้าและจ่ายค่าจ้างเรียบร้อยก็เดินทางเท้ามายังทะเลสาปแห่งนี้ สภาพโดยรอบรายล้อมโดยธรรมชาติ กลิ่นหอมดอกไม้โชยมาแตะจมูกนางให้รู้สึกอยากติดตามกลิ่นนั้นไปจนพบต้นตอของกลิ่น จ้าวเพ่ยเดินตามทางเพียงระยะหนึ่งก็พบกับทะเลสาบกว้าง สถานที่ดูสงบร่มรื่น ความเย็นจากน้ำแผ่กระจายรอบบริเวณสร้างความรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ภูมิภาคคล้ายแอ่งกระทะที่มีภูเขารายล้อมรอบสุดลูกหูลูกตา หญิงสาวก้าวเข้ามาเพื่อหวังจะหาที่ลงหลักปักฐานในการนั่งตกปลา แต่ยังไม่ทันได้มองรอบๆดี สายตาพลันเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนทอดสายตามองไปยังทะเลสาปไท่หูตรงหน้า

"มานั่งตกปลาด้วยกันก่อนสิ" บุรุษผู้นั้นคล้ายกับว่ารับรู้ถึงการมาของนาง คำพูดที่กล่าวมานั้นคลับคล้ายกับว่าสามารถอ่านใจนางได้โดยไม่ต้องพูดอะไร จ้าวเพ่ยยืนนิ่งครู่หนึ่งแต่ก่อนที่จะตอบรับหรือปฏิเสธคำเชิญนั้น นางก็เกิดคำถามบางอย่างขึ้นในใจ

"ท่านคือใครหรือ?" ชายผู้นี้คือใคร ก่อนหน้าที่นางมาก็ไม่ยักจะรับรู้ว่ามีอยู่มาก่อน ระหว่างรอคำตอบที่แน่ชัดจากอีกฝ่าย นางก็ถือคันเบ็ดในมือขณะเดินไปยืนไม่ไกลบุรุษนิรนามผู้นั้น

"เกรงว่าแม้แต่ข้ายังไม่อาจจะบอกได้ชัดเจน เจ้ารู้ไว้เพียงข้าคือผู้เฝ้าดูก็เพียงพอ ฮะๆ" บุรุษผู้กล่าวอ้างว่าคือผู้เฝ้าดูกล่าวทั้งหัวเราะขึ้นมา ขณะในมือยังคือคันเบ็ดแน่น สายตาเปลี่ยนจุดสนใจเป็นทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา

จ้าวเพ่ยไม่ค่อยเข้าใจเสียเท่าไหร่ แต่หากถามให้มากความอาจจะเกิดความบาดหมางกันขึ้นมาให้นางเลือกจะเงียบและพึงรับรู้เอาไว้ว่าชายผู้นี้คือผู้เฝ้ามอง

เบ็ดในมือนางถูกเหวี่ยงออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี สายตามองไปยังอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะใจเย็นกับการตกปลาเสียเหลือเกิน สายตามองทอดยาวออกไปยังทะเลสาบไม่ลดละ การตกปลาเช่นนี้ต้องเป็นผู้ที่ใจเย็นและใจรักจริงๆถึงจะทนมันได้

"ตกปลาท่ามกลางธรรมชาติเช่นนี้ ดูสงบและเย็นสบายดีนะเจ้าคะ.. ข้าชอบบรรยากาศการตกปลาเช่นนี้เสียจริง" จ้าวเพ่ยเอ่ยออกไปอย่างสิ้นคิด คำพูดที่ดูไม่น่าจะกลั่นกรองจากความคิดกลับผุดขึ้นมาจากปากของหญิงสาว เพียงแค่ต้องการหาบทสนทนาให้พอได้คุยเพื่อให้ไม่เบื่อหน่ายระหว่างตกปลาบ้าง หญิงสาวมองมายังคู่สนทนาทั้งยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย

"ใช่ ข้าก็ชอบมันนะ... การตกปลาทำให้จิตใจปลอดโปร่งได้ดี ทำให้เราคลายกังวลได้มาก" ผู้เฝ้าดูกล่าวขึ้นกับจ้าวเพ่ยก่อนจะหันมามองให้หญิงสาวพึ่งจะได้เห็นหน้าชัดๆ "จริงสิ ข้าจะให้พรเจ้าสักสามอย่าง เจ้าสนใจหรือไม่"

"ให้พร.. ?" คำพูดที่ฟังดูน่าฉงนทำให้จ้าวเพ่ยเอียงคอด้วยความสงสัยเล็กน้อย นางกระพริบตามองไปยังผู้เฝ้ามองที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก "พรยังไงหรือเจ้าคะ??"

"พรเหล่านี้จะอยู่คู่สายเลือดเจ้า แม้บางครั้งอาจไม่สามารถสืบทอดไปยังบุตรคนโตก็คนรอง หรือบางครั้งวาสนาเจ้ากับลูกไม่เพียงพอทำให้การสืบทอดพันธุ์กรรมจากพ่อสู่ลูกเจือจางลงในบางกรณี" ผู้เฝ้ามองกล่าวอธิบายก่อนจะวางคันเบ็ดลงบนพื้น เขาก้าวเข้าไปหายังจ้าวเพ่ยที่ยังคงนั่งมองอยู่

จ้าวเพ่ยนึกถึงคำว่าพรที่อยู่คู่สายเลือด ขณะจับจ้องไปยังผู้เฝ้ามองไม่วางตา ตาคมกริบสะท้อนภาพบุรุษผู้นั้นก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้านาง ขณะที่นางยังคงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น จะพูดว่าผู้นี้พูดเล่นก็ไม่ใช่เมื่อมองจากสีหน้าและท่าทางแล้ว

"หลับตาทำสมาธิไว้ สิ่งเหล่านี้จะซึมซับลงไปตามความปรารถนาในใจเจ้า" ผู้เฝ้ามองกล่าวขึ้น มือนั้นยื่นมาทางจ้าวเพ่ยให้นางค่อยๆปิดตาลง มือจรดลงหน้าผากของหญิงสาวขณะที่จ้าวเพ่ยยังหลับตาอยู่

ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วบริเวณไร้เสียงสนทนาครู่หนึ่งหลังจากที่นางหลับตา ให้นึกสงสัยจนต้องเปิดตาขึ้นมา บุรุษตรงหน้ากลับอันตรธารหายไปเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ที่นี่มาก่อน หญิงสาวแตะหน้าผากตนทั้งหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาอีกฝ่าย เพราะรู้สึกว่าถูกสัมผัสหน้าผากอยู่จนกระทั่งลืมตาก็ไม่พบใครอีกแล้ว

คันเบ็ดในมือจ้าวเพ่ยพลันกระตุกขึ้นให้รับรู้ว่ามีปลาติด หญิงสาวลุกขึ้นเพื่อดึงคันเบ็ดขึ้นเพื่อต่อสู้กับปลาด้วยแรงที่มีพักหนึ่งก็ตกขึ้นมาได้ ปลาหิมะตัวขนาดพอเหมาะติดเอ็นขึ้นมาให้นางรีบจับปลานั้นไว้ก่อนจะหลุดลงน้ำไป

แม้จะสายตายังคงมองหาผู้เฝ้าดูคนนั้นก็ไม่พบอะไรนอกจากนี้ จ้าวเพ่ยรับรู้ถึงพรที่ได้รับมา แต่ก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดถึงความรู้สึกในยามนี้ได้ หญิงสาวเดินกลับออกไปจากทะเลสาบแห่งนี้เพื่อไปยังรถม้าที่นัดหมายกันเอาไว้เพื่อเที่ยวชมยังเมืองอื่น นางมองทอดออกไปด้านนอกโดยมือยกขึ้นมาจับหน้าผากตนอีกครั้งจากสัมผัสที่ยังคงรู้สึกอยู่ไม่หาย

อัตลักษณ์ที่เลือก
| งดงาม +190 แต้มนิสัยที่เลือก
| อ่อนแอ -20 แต้มนิสัยที่เลือก
| แพ้อาหาร (ทะเล) -20 แต้มนิสัยที่เลือก

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
กระบี่ร้อยกฎ
มุกพณาหวาซวี
ม้าเหลียง
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x2
x7
x4
x10
x10
x13
x13
x13
x12
x11
x202
x1
x1
x1
x11
x22
x15
x30
x1
x100
x100
x9
x2
x5
x6
x8
x10
x2
โพสต์ 2021-9-29 19:01:50 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นัดพบทะเลสาบไท่หู
.
.
.

          กลางยามเซินที่แดดเริ่มอ่อนรำไร ในที่สุดทั้งสองสหายก็มาเยือนถึงทะเลสาบไท่หูที่อีกบุรุษเคยเขียนจดหมายเอ่ยถึงการชมทัศนีย์ที่สวยงามโดยรอบของมัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้จิ้นอิ๋งนั้นผิดจากที่คาดหวังนัก ต้นไม้ที่ขึ้นโดยรอบชวนให้บรรยากาศร่มรื่นพร้อมโชยกลิ่นดอกเหมยเหลืองอ่อนจางให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่เสมอ ตัวทะเลสาบกว้างขวางทอดยาวประดับสุดขอบด้วยทิวทัศน์ของเทือกเขา ซึ่งในยามนี้ดวงตะวันเริ่มเคลื่อนคล้อยลงตำแหน่งระหว่างร่องเขาสองลูกที่อยู่แทบกึ่งกลางขอบทะเลสาบพอดิบพอดี

          จิ้นอิ๋งที่กวาดสายตามองสำรวจเสียทั่วนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรอคอยดูยามพระอาทิตย์ตกแทรกหายระหว่างช่องเทือกเขาเบื้องหน้าอย่างกระตือรือร้น ก่ นดวงหน้าหวานที่ยังประดับรอยยิ้มดูสดใสจะพลันเลื่อนผินหาอีกบุรุษที่ชวนพามาเที่ยวชมสถานที่งดงามนี้พร้อมกวักมือเรียกหาให้เดินเข้าใกล้ยังเขตชายฝั่งของทะเลสาบด้วยกันมากขึ้น

          " ที่นี่งดงามมากเจ้าค่ะ ท่านกัวฟ่งเสี้ยวรู้จักได้อย่างไรเนี่ยเจ้าคะ? "

          เด็กสาวเอ่ยกลั้วขำระหว่างถอดรองเท้าออกพลางเดินเท้าเหยียบย่ำลงยังตัวน้ำใสที่สูงเพียงระดับพอให้ท่วมหลังเท้าของนางเพียงเท่านั้น ก่อนในตอนที่จะหันไปสบตาคู่สนทนาเพื่อรอฟังคำตอบ จิ้นอิ๋งพลันตกใจจนลอบสะดุ้ง เนื่องด้วยพบบุรุษไม่คุ้นตายืนเคียงนางตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ เรือนผมสีหิมะคุ้นตาทำเอาดรุณีน้อยที่เกือบผละถอยยืนมองนิ่งอย่างไม่เข้าใจ

          "มานั่งตกปลาด้วยกันก่อนสิ" ผู้เฝ้ามองกล่าวขึ้นในขณะที่สัมผัสได้ถึงเด็กสาว ก่อนจะกล่าวเชิญชวนตกปลาด้วยกัน

          ฝั่งจิ้นอิ๋งที่เกือบจะอ้าปากเอ่ยค้านว่าไม่มีอุปกรณ์ตกปลาเสียหน่อย ทว่าในมือข้างหนึ่งของนางกลับกำลังจับคันเบ็ดหนึ่งเอาไว้ให้เผลอนิ่วหน้า สักพักก็คลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนจะได้แวะซื้อเบ็ดกับสหายแซ่กัวก่อนจะได้เดินทางมาทะเลสาบเช่นกันจึงเบาใจขึ้น ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ยังไม่หายระแวดระวังบุรุษแปลกหน้าอยู่ดี คล้ายแยกความจริงความฝันไม่ออก จนสุดท้ายก็พาลคิดไปว่าคงความฝันจนอดเอ่ยถามไปไม่ได้เพราะเคยเจอบุรุษแปลกหน้านี้ถึงสองครั้งสองครา

          " ท่านเป็นใครเจ้าคะ? "

          "เกรงว่าแม้แต่ข้ายังไม่อาจจะบอกได้ชัดเจน เจ้ารู้ไว้เพียงข้าคือผู้เฝ้าดูก็เพียงพอ ฮะ ๆ " ผู้เฝ้าดูกล่าวพลางหัวเราะขณะในมือกำคันเบ็ด หันไปมองทะเลสาบที่ไกลสุดลูกหูลูกตา

          ดรุณีน้อยที่ได้ยินคำตอบก็คล้ายไม่ได้คลายความสงสัยลงแม้แต่น้อย ทว่าที่น่าแปลกกว่านั้นคือนางไม่ได้พยายามคาดคั้นเพื่อรู้ให้ได้ว่าอีกบุรุษเป็นใคร ทั้งยังไม่ได้รู้สึกอยากผละหนีไปเสียด้วย ทันทีที่สังเกตถึงอีกฝ่ายที่มีเบ็ดตกปลาไม่ต่างจากนาง จิ้นอิ๋งก็พลันเอ่ยชวนคุยขึ้นมา

          " ท่าน.. ชอบตกปลาหรือเจ้าคะ? เห็นชวนข้าก่อนหน้า… แต่ข้าตกไม่เป็นนะเจ้าคะ "

          "ใช่ ข้าก็ชอบมันนะ... การตกปลาทำให้จิตใจปลอดโปร่งได้ดี ทำให้เราคลายกังวลได้มาก" ผู้เฝ้าดูกล่าวแก่เด็กสาวก่อนหันมามองนาง "จริงสิ ข้าจะให้พรเจ้าสักสามอย่าง เจ้าสนใจหรือไม่"

          " พรหรือเจ้าคะ? "
          ฝันเป็นแน่… แต่ฝันบอกลางอะไรหรือไม่นะ

          จิ้นอิ๋งได้แต่คิดในใจอย่างสับสน ทว่าเพราะไม่มีอะไรเสียหาย และคิดว่าได้รับพรก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย อย่างไรพรที่นางมักคิดถึงเสมอก็ไม่เคยพ้นเรื่องของคนที่นางรักอย่างครอบครัวอยู่แล้วด้วย

          " ขอได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?.. เป็นพรแบบไหนงั้นหรือเจ้าคะ " ถึงกระนั้นเด็กสาวไม่ได้เอ่ยขอในทันที แต่กลับเอ่ยถามถึงพรที่สามารถขอได้ออกไปเสียก่อน
        
          "พรเหล่านี้จะอยู่คู่สายเลือดเจ้า แม้บางครั้งอาจไม่สามารถสืบทอดไปยังบุตรคนโตก็คนรอง หรือบางครั้งวาสนาเจ้ากับลูกไม่เพียงพอทำให้การสืบทอดพันธุ์กรรมจากพ่อสู่ลูกเจือจางลงในบางกรณี" ผู้เฝ้ามองกล่าวอธิบายก่อนจะวางคันเบ็ดลงบนพื้น เขาลุกขึ้นเดินมาหาจิ้นอิ๋ง

          หลังเห็นอีกบุรุษเคลื่อนตัวมาใกล้นางเรื่อย ๆ ดรุณีน้อยก็คล้ายผละถอยไม่รู้ตัว แต่ก้าวถอยได้เพียงหนึ่งก็ต้องหยุดชะงักไปราวกับเท้าถูกตรึง ยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจว่านางกำลังจะตื่นหรือมีเหตุผลอื่นใด จิ้นอิ๋งก็ได้ยินเสียงจากบุรุษตรงหน้าเอ่ยเรียกความสนใจไปเสียก่อน

          "หลับตาทำสมาธิไว้ สิ่งเหล่านี้จะซึมซับลงไปตามความปรารถนาในใจเจ้า" ผู้เฝ้ามองกล่าวพลางบอกให้นางหลับตา ฝ่ามือแตะหน้าผากของเด็กสาว

          น่าฉงนอีกคราที่จิ้นอิ๋งยอมหลับตายอมรับสัมผัสอบอุ่นที่หน้าผากนวล ผ่านไปเพียงครู่จนสัมผัสผละหาย พร้อมแว่วเสียงทุ้มเอ่ยบอกว่าให้ลองตกปลาดูแล้วจะได้รับของขวัญ นางถึงลืมตาขึ้นมา ทว่าไม่ได้เจอเข้ากับบุรุษแปลกหน้า กลับเห็นเป็นใบหน้าของสหายแซ่กัวที่ชะโงกมองอย่างติดกังวล ทำเอาจิ้นอิ๋งหลุดสะดุ้งขึ้นมาอีกหนก่อนแผ่นหลังเล็กจะเอนถอยจนชิดเบาะรถม้าให้รู้ตัวว่าตอนนี้นางยังอยู่ระหว่างการเดินทางอยู่ ลมหายใจพลันถูกถอนผ่อนหลังรู้ตัวว่าเมื่อครู่นางคงฝันไปจริง ๆ

          " ครั้งแรกก็บนเรือ ครั้งนี้ยังบนรถม้าอีก.. เจ้าไปทำอะไรมาหรือแม่นางกู่ ไฉนดูเหนื่อยล้าเช่นนี้ " น้ำเสียงติดห่วงจากอีกบุรุษเอ่ยส่งหาระหว่างชวนนางให้ลงจากรถม้าด้วยกันไปด้วยเพราะถึงยังสถานที่นัดหมายแล้ว

          " เราได้ซื้อเบ็ดตกปลามาหรือไม่เจ้าคะ? " ทว่าจิ้นอิ๋งกลับยังไม่ได้ตอบคำถามของกัวฟ่งเสี้ยวก็พลันเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องตกปลาให้อีกฝ่ายอยากจะนึกดุขึ้นมา

          แต่เพราะเห็นว่าเด็กสาวดูมีแววตาสับสนไม่น้อยจึงกล่าวตอบว่าเพียงไปดูแต่ไม่ได้ซื้อมา ซึ่งจิ้นอิ๋งก็ยิ่งมีสีหน้าที่ดูค้างคาใจราวอยากจะตกปลาให้ได้ ซึ่งโชคดีที่คนขับรถม้าแอบได้ยินเข้าจึงเสนอขายเบ็ดตกปลาสภาพดีที่ลูกค้าคนก่อนลืมทิ้งเอาไว้ให้ ซึ่งจิ้นอิ๋งก็รีบซื้อมารวดเร็วก่อนจะเร่งชวนให้สหายเดินไปยังชายฝั่งทะเลสาบไท่หูที่มีภาพทิวทัศน์ราวกับในความฝันของนางก่อนหน้านัก

          ระหว่างที่ทั้งสองนั่งเคียงยังหินใหญ่ก้อนหนึ่ง รอเหยื่อกินเบ็ดของเด็กสาวที่ถูกสหายแซ่กัวเอ่ยสอนการตกปลาให้คร่าว ๆ ไปก่อนหน้าแล้วนั้น จิ้นอิ๋งถึงเอ่ยตอบคำถามที่ถูกถามยังก่อนหน้าไปให้แก่อีกบุรุษไป

          " ข้าทำงานคุ้มครองคณะหลวงจีนจากลั่วหยางไปยังหมู่บ้านซีตี้ก่อนมาพบท่านกัวน่ะเจ้าค่ะ… เพราะเดินทางกลับไปกลับมาไม่ได้พัก ข้าเลยเหนื่อยนิดหน่อยน่ะเจ้าค่ะ " จิ้นอิ๋งเอ่ยเล่าพลางยกยิ้มแหยส่งหาคืนแก่อีกฝ่ายที่แทบนิ่วหน้ามองหานางอย่างตำหนิที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้แก่เขาก่อน

          " แล้วทำไมไม่รีบบอกข้า ข้าจะได้เลื่อนวันนัดให้เจ้า "

          " ก็ข้าอยากมาเที่ยวที่ทะเลสาบไท่หูเองด้วยนี่เจ้าคะ ..เพราะข้ารั้นเอง ท่านกัวไม่ต้องรู้สึกผิดนะเจ้าคะ "

          ดรุณีเอ่ยทั้งรอยยิ้มส่งหาอีกบุรุษให้คลายความกังวล ก่อนจะชี้ชวนให้ดูยังดวงตะวันที่ใกล้ลาลับร่องขอบของเทือกเขาเพื่อดึงความสนใจให้ไม่กังวลกับเรื่องนางไปเสียก่อน และเพราะภาพตรงหน้าที่แสงสีทองส่องแทรกลอดมาจนให้ความรู้สึกราวเทือกเขาเรืองแสงท่ามกลางผืนฟ้าด้านหลังที่ปรากฏสีครามไล่เรียงผสมสีม่วงอ่อน ดูสวยงามชวนมองจนกลายเป็นเด็กสาวเองที่เป็นฝ่ายถูกดึงความสนใจจนมองค้างให้ภาพเบื้องหน้าสะท้อนเก็บไว้ในใจไม่ลืมเลือน

          กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ดวงอาทิตย์หลบพ้นยังทิวเขา ความมืดยามราตรีใกล้เคลื่อนหาให้กัวฟ่งเสี้ยวเอ่ยบอกจิ้นอิ๋งผละมือจากการตกปลาเพื่อไปพักที่โรงเตี๊ยมที่เจ้าตัวได้สำรวจมาไว้ให้แล้วเสียก่อน กระนั้นในตอนที่เบ็ดกำลังจะถูกเก็บกลับมีเหยื่อมาติดให้จิ้นอิ๋งต้องออกแรงดึงปลาขึ้นมาจนหน้าแดงไปหมด
          .
          ถึงอย่างนั้นก็คุ้มค่าเหนื่อย เพราะทันทีที่เห็นปลาหิมะตัวหนึ่งกินเบ็ดของนาง เสียงหวานก็ร้องขึ้นอย่างดีใจ ชูอวดปลาตัวแรกที่เคยตกให้สหายดูไม่หยุดจนอีกฝ่ายพลอยยินดีไปด้วยไม่น้อยเลยเชียว


อัตลักษณ์นิสัยแต่กำเนิด
  
                                                                  1) เลือดบริสุทธิ์ : +50 แต้มเลือกนิสัย
                                                                  2) ตัวหอม : +40 แต้มเลือกนิสัย
                                                                  3) หน้าผากกว้าง : +100 แต้มเลือกนิสัย
                                                                  4) ขาดความรอบคอบ : -30 แต้มเลือกนิสัย

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-9-30 15:07:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
                                                          
⌜49⌟

บทที่ 9
มาเยือนไท่หู
ฉากที่ 2
                    
                    
          เมื่อฟ้าสางทั้งสองได้ตื่นนอนขึ้นมาด้วยอาการที่ออกจะไม่เต็มร้อยกันเสียเท่าไร เมื่อคืนจะว่านอนหลับเต็มอิ่มก็ไม่เชิงเพราะสถานที่พักแรมไม่ได้เหมาะสมกับการนอนหลับ สำหรับเด็กสาวมันไม่ได้ต่างอะไรมากไปกว่าการพักผ่อนในถ้ำไป๋หู่ ส่วนทางด้านเด็กหนุ่มอีกคนที่มาด้วยเขาอยู่เฝ้ายามเกือบทั้งคืนจนมาเผลอหลับเอาตอนใกล้เช้าเรียกว่ามีเวลางีบหลับเพียงแค่หยิบมือ
         
          “ตอนนี้ก็เช้าแล้ว โรงเตี๊ยมน่าจะเปิดให้เข้าพัก ถ้าอย่างไรคุณชายซูไปนอนพักผ่อนก่อนสักวันแล้วค่อยเดินทางกันต่อดีไหมเจ้าคะ”
         
          อันที่จริงเด็กสาวไม่รีบร้อนสำหรับการไปเที่ยวชมทะเลสาบไท่หู จะให้ตงฮั่วพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมในซื่อซินต่ออีกสักวันก่อนก็ย่อมได้ ทว่าสหายหนุ่มได้ตอบปฏิเสธไป
         
          “เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก ข้าไหวน่า”
         
          ตงฮั่วตอบออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ ขัดกับรอยคล้ำใต้ตาและน้ำเสียงที่แหบแห้งกว่าปกติตามประสาคนนอนไม่พอ แม้เฟินเยว่จะเกลี้ยกล่อมเขาแต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธคำเดิมออกมาซ้ำถึงสามรอบ หากว่าเด็กหนุ่มมั่นใจว่าไหวก็มีแต่จะต้องเชื่อใจเขาโดยคอยดูแลอาการห่าง ๆ ต่ออีกที
         
          ในตอนเช้าทั้งคู่แวะหาอาหารเช้าง่าย ๆ กินกันที่ตลาดใกล้ท่าเรือก่อนจะออกเดินทางลงมาที่เจียงเยี่ย หากดูจากแผนที่ทะเลสาบไท่หูก็อยู่ไม่ไกลมากนักแต่ปัญหาก็ยังคงมีอยู่ ซึ่งปัญหาที่ว่าก็คือพวกนางมากันสองคนแต่ม้าที่ให้ขี่มีอยู่แค่ตัวเดียว หากจะให้ซ้อนหลังก็คงจะรู้สึกแปลกดีพิลึก
         
          “จะซ้อนถังถังไปกันอย่างไรดีล่ะเจ้าคะ”
         
          “แล้วแต่เจ้าก็แล้วกันว่าจะนั่งหน้าหรือนั่งหลัง”
         
          “ถ้าอย่างนั้นข้านั่งหน้าก็ได้เจ้าค่ะ”
         
          เด็กสาวตอบออกไป นางเป็นเจ้าของควรจะเป็นคนคุมม้า อีกอย่างให้ตงฮั่วซ้อนหลังก็อาจจะดีกว่าเขาจะได้ไม่ต้องใช้สมาธิมากและมีเวลาให้พักผ่อน เมื่อตกลงกันได้แล้วเฟินเยว่จึงขึ้นมาไปก่อน แล้วเด็กหนุ่มจึงซ้อนท้ายตามมา แต่มือของเขากลับแย่งบังเหียนม้าไปคุมแทน
         
          “เอ๋!?”
                    
          เฟินเยว่ร้องออกมาด้วยท่าทีเลิกลั่ก ให้นางนั่งหน้าแบบนี้แล้วอีกฝ่ายเป็นคนคุมม้าทำให้ทั้งสองแนบชิดกันจนรู้สึกถึงลมหายใจที่รดต้นคอ สัมผัสถึงแม้กระทั่งความอบอุ่นที่แผ่นหลังระไปกับแผงอกของบุรุษ
         
          “ดะ..เดี๋ยวสิเจ้าคะ บะ.. แบบนี้ไม่ได้สิ”
         
          ดรุณีน้อยปิดหน้าท้วงด้วยความเขินอาย แบบนี้มันใกล้ชิดเกินไป ขนาดกับพี่ชายที่รักใคร่ยังไม่เคยอิงแอบกันถึงเพียงนี้ แต่ใช่ว่าเด็กสาวจะมีอาการอยู่เพียงแค่ฝ่ายเดียว อีกคนก็ดูจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกันจนเขารีบดีดตัวลงจากม้า ยกมือลูบหน้าไล่ความร้อนให้ออกไป แต่ยังคงเหลือสีแดงจาง ๆ เคลือบไว้ที่ปลายหู
         
          “ไม่ได้จริง ๆ ด้วย งั้นเอาใหม่ เจ้าลงไปซ้อนท้าย”
         
          “ตะ..แต่ว่า ข้าควรจะเป็นคนขี่..”
         
          “แต่ว่าข้าเป็นบุรุษนี่ จะให้สตรีพาขี่ม้าได้ยังไง อีกอย่างเจ้าก็ไม่รู้ทางด้วย”
         
          “กะ.. ก็จริงด้วยเจ้าค่ะ”
         
          ได้ฟังดังนั้นเฟินเยว่ก็ลนลานตามมาลงมา ให้ตงฮั่วขึ้นนั่งแล้วค่อยขึ้นตามไปซ้อนท้าย แอบเป็นห่วงเด็กหนุ่มเสียเหลือเกินที่ต้องรบกวนเขาคุมม้าอีกแล้วทั้งที่อยากจะให้พักแท้ ๆ ความเป็นห่วงและความสับสนตีกันจนตอนนี้นี้ใบหน้าของสาวน้อยก็ยังไม่หายขึ้นสี
         
          ขี่ม้ากันไปได้สักพักความเร็วม้าก็เพิ่มขึ้น คนซ้อนท้ายนั่งตัวเกร็งไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ตรงหน้า ครั้นจะจับหลังหม้าก็มีแต่สะโพกลื่น ๆ ช่วยไม่ได้มีแต่เอวของคนข้างหน้าเท่านั้นที่พอจะเป็นหลักให้เกาะอิง
         
          “!?!”
         
          ทันทีที่มือเล็กของเด็กสาวยึดเกาะที่หลังของบุรุษ หนุ่มผู้อ่อนต่อโลกในเรื่องรักใคร่ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกแล้วชักม้าให้หยุดจนสุดกำลัง ถังถังที่กำลังวิ่งเต็มฝีเท้าตกใจตามจนยกขาหน้าขึ้นสูงเกือบจะล้ม
         
          “ว้าย!!!”
         
          เฟินเยว่หงายหลัง นางจึงรีบคว้าเอวของอีกฝ่ายกอดเข้าไปเต็มรักโถมน้ำหนักไปข้างหน้าด้วยความกลัวตก คนขี่ยิ่งทำตัวไม่ถูก คราวนี้ไม่ใช่แค่มือชวนจักกะจี้ที่เอว แต่ตงฮั่วสัมผัสถึงอะไรนิ่ม ๆ ที่หลัง จะปล่อยมือไว้ก็มีแต่จะตกม้าไปด้วยกันจึงจำต้องกัดฟันกำบังเหียนไปพร้อมกับใช้สองขาหนีบข้างตัวถังถัง
         
          “เดี๋ยว ๆ ลงกันก่อน!!!”
         
          “จะ.. เจ้าค่ะ!!”
         
          เฟินเยว่รีบกระโดดผึงลงมาตั้งหลัก ดูท่าว่าการขี่ม้าซ้อนสองคนจะไม่รอด ทั่งคู่ปรึกษากันใหม่ เมื่อคุยถึงเรื่องนี้ทั้งสองต่างหันหน้ากันไปคนละทางด้วยความเก้อเขิน แม้จะบอกว่าเป็นสหายที่มีความบริสุทธิ์ใจต่อกัน ทว่าเด็กสาวก็รู้ใจตัวเองดีว่าความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่ออีกฝ่ายเพิ่มพูนขึ้นทุกครั้งเมื่อได้พบหน้า เสียแต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะคิดเช่นเดียวกันหรือไม่ หากเขาไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกันก็ไม่เป็นไร แต่นางขอเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจคนเดียวดีกว่าจะได้ไม่เสียเพื่อน
         
          สุดท้ายข้อสรุปก็มาลงเอยเอาที่..
         
          “ถ้าขี่แล้วดูแปลก ๆ งั้นก็เดินกันไปก็แล้วกัน”
         
          ตงฮั่วเสนอความคิด เฟินเยว่ได้ยินดังนั้นก็มองเขาอย่างเป็นห่วง สหายในตอนนี้ดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก หากว่าต้องเดินข้ามเมืองกลางวันแสก ๆ ก็กลัวว่าเขาจะเป็นลมแดดไปเสียก่อน
         
          “คุณชายซูแน่ใจแล้วหรือเจ้าคะ จะไหวจริง ๆ ใช่ไหมเจ้าคะ”
         
          “แน่ใจสิ ปกติเวลาไปไหนมาไหนข้าก็เดินเท้าเป็นประจำอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย คนนอนน้อยมัวแต่คิดถึงเรื่องของตัวเองจนลึมนึกไป “ข้าลืมไปว่าเจ้าอาจจะไม่ไหว ถ้าอย่างนั้นใครเหนื่อยคนนั้นก็นั่งบนม้าไป”
         
          ข้อเสนอที่ตงฮั่วให้มาครั้งแรกเฟินเยว่อยากจะแย้งแต่เมื่อรับฟังอย่างหลังก็เริ่มเห็นด้วย ซึ่งในหัวของนางไม่มีภาพของตัวเองที่นั่งบนม้าเลยแม้แต่น้อย
         
          “ได้เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นใครไม่ไหวก็นั่งบนม้า”
         
          แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครที่ได้นั่งบนม้านอกจากเจ้าหมูป่าเปาเปาที่ส่วนมากมันก็มักจะอยู่ในตะกร้าไม่ออกไปไหนอยู่แล้ว ทั้งสองจูงม้ากันคนละด้าน การเดินทางจากซื่อซินไปเจียงเยี่ยจะว่าใกล้ก็ใกล้จะว่าไกลก็ไกล แต่ในเมื่อมีคนคอยพูดจาสนทนากันอย่างถูกคอพลางมองทิวทัศน์โดยรอบที่แปลกหูแปลกตาจากระยะทางไกลก็กลายเป็นแค่แป๊บเดียว ทั้งสองมาถึงทะเลสาบไท่หูเอายามเซินซึงถือเป็นช่วงเวลาที่แดดล่มลมตกพอดี
         
          นัยน์เนตรน้ำค้างใสจ้องมองไปยังผืนทะเลสาบกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา สีฟ้าของน้ำตัดกันกับสีส้มแดงของใบไม้เปลี่ยนสีอย่างงดงาม ณ ที่แห่งนี้มีนกเป็ดน้ำจำนวนมากอาศัยอยู่ และเมื่อมองลงไปยังธารใสก็เห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมานับไม่ถ้วน ทะเลสาบอันกว้างใหญ่รวบรวมวิถีชีวิตนับล้านไว้ในนี้ ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือพืชพรรณ เมื่ออยู่ในจุดนี้ช่างรู้สึกว่าธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ใจเสียเหลือเกิน
         
          “ว้าว สวยจังเลยเจ้าค่ะ นี่สินะเจ้าคะทะเลสาบ มองออกไปไม่เห็นฝั่งเลยนะเนี่ย”
         
          เฟินเยว่ดูจะตื่นเต้นเป็นอย่างมากกับการที่ได้เห็นทะเลสาบครั้งแรกในชีวิต ด้วยความลืมสำรวมเด็กสาวกางสองแขนออกกว้างพร้อมทั้งสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด เจ้าหมูน้อยเปาเปาก็ทำตัวกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ในตะกร้าคล้ายกับว่าอยากลงมาวิ่งเล่นเสียแล้วจนเด็กสาวต้องอุ้มมันลงมาให้ได้วิ่งดุ๊ก ๆ ไปเลียน้ำดับกระหาย
         
          ทันใดนั้นผืนน้ำก็แหวกออกกระเซ็นเป็นสายเมื่อมีสัตว์น้ำขนาดใหญ่ว่ายกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ ฝูงนกเป็ดน้ำที่อยู่ใกล้ตกใจสยายปีกกางบินหนีไปที่อื่น ภาพนั้นยิ่งสร้างความตื่นตาให้แก่เด็กสาว นางไม่เคยเห็นปลาที่ไหนตัวใหญ่เท่านั้นมาก่อนเลย
         
          “นะ.. นั่นมันตัวอะไรน่ะเจ้าคะคุณชายซู!”
         
          เฟินเยว่ชี้นิ้วไปทางนั้น ปากก็สั่นไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือหวาดกลัว คนที่มาด้วยเห็นเข้าก็หัวเราะก่อนที่เขาจะอธิบาย
         
          “ไป๋จี้ถุน (โลมาแม่น้ำจีน) น่ะ คนแถบลุ่มแม่น้ำเชื่อว่ามันคือเทพธิดาแห่งฉางเจียง”
         
          “เทพธิดาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีบุญตาได้พบเห็นกับเทพธิดาตัวเป็น ๆ”
         
          พูดจบเด็กสาวก็ยกสองมือขึ้นประสานทำการคารวะสัตว์น้ำตัวใหญ่ด้วยความเคารพอย่างท่วมท้น ยิ่งเห็นท่าทางนั้นตงฮั่วก็หยุดขำไม่ได้
         
          “ใช่เทพจริง ๆ ซะที่ไหน มันก็แค่.. อื่ม ปลาตัวใหญ่?” เด็กหนุ่มตอบอย่างไม่แน่ใจว่ามันคือปลาจริงไหม แต่ว่าหน้าตาของตัวไป๋จี้ถุนก็ดูเหมือนปลาอยู่ “ที่แม่น้ำฉางเจียงยังมีตัวพวกนี้อีกเยอะ เพียงแต่ว่าหายากกว่าปลาอื่น ๆ ก็เท่านั้น”
         
          “อย่างนี้นี่เอง ทำเอานึกถึงเทพเจ้าจิ๋นหลี่อวี๋ที่สระน้ำในอันติงเลยเจ้าค่ะ”
         
          “คืออะไรนะ? จิ๋นหลี่อวี๋? ไอ้ปลาที่ขาว ๆ ดำ ๆ แดง ๆ นั่นอ่ะนะ? ชาวอันติงนับถือจิ๋นหลี่อวี๋กันงั้นเหรอ?”
         
          “ใช่แล้วล่ะเจ้าค่ะ ร่ำลือกันว่าหากโยนเหรียญขอพรท่านเทพเจ้าปลา คำขอจะสมความปรารถนาด้วยล่ะเจ้าค่ะ ส่วนใครที่ทำร้ายปลาในบ่อก็จะโชคร้ายไปเป็นสิบปีเลย”
         
          “แทนที่จะเก็บเหรียญไว้ซื้อข้าวแต่กลับเอามาโยนขอพรปลาเนี่ยนา เหลือเชื่อเลยว่าจะเจริญได้จริง ๆ”
         
          คำพูดที่ตรงไปตรงมาของตงฮั่วทำให้เด็กสาวได้แต่ยิ้มแห้ง โชคดีที่ว่านางไม่เคยไปโยนเหรียญขอพรเพราะว่ายาจกจนไม่มีเหรียญให้โยน ซึ่งถ้าหากว่ามีเงินก็คงไม่เหลือ ในส่วนนี้นางเห็นด้วยกับชายหนุ่มเพราะเฟินเยว่เองคือหนึ่งในผู้คนที่เอาเงินไปซื้อข้าวสารมาหุงกิน
         
         อยู่ ๆ เหมือนว่าตงฮั่วจะคิดอะไรได้ เขาเดินไปนั่งที่ใต้ต้นเฟิงฉู๋แล้วเปิดห่อสัมภาระออกมา มันคืออุปกรณ์ตกปลา มีทั้ง เหยื่อ คันเบ็ดและถังไม้
         
          “คะ.. คุณชายซูจะตกเทพธิดาแห่งฉางเจียงหรือเจ้าคะ?”
         
          เฟินเยว่ถามเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก กลัวว่าหากเขาทำเช่นนั้นจะถูกคำสาปเทพเจ้าปลาลงโทษ แต่ก็ตามไปนั่งด้วยข้าง ๆ กัน
         
          “ก็น่าสนใจ คิดว่าแรงข้ากับไป๋จี้ถุนใครจะชนะกันล่ะ” ตงฮั่วกลั้วหัวเราะ เขาดูอารมณ์ดีกว่าตอนขามาทว่าสีหน้ายังมีความเหนื่อยล้าฉาบอยู่ให้เห็น “ล้อเล่นน่า ข้าตกเจ้าตัวนั้นไม่ไหวหรอก แต่ถ้าปลากง ปลาเก๋าล่ะก็ตกได้สบายมาก”
         
          “โธ่ คุณชายซูนี่ล่ะก็ ล้อเล่นกันนี่เอง..”
         
          เฟินเยว่ยิ้มอ่อน มองดูข้าวของที่เตรียมมาตกปลาเต็มที่ราวกับวางแผนเอาไว้อยู่แล้วว่าเมื่อมาที่ทะเลสาบแล้วจะต้องตกปลา นางมองดูบุรุษตกปลาด้วยความสนใจพลางลุ้นไปด้วยว่าจะได้ปลาอะไรกันนะ หย่อนเบ็ดลงไปไม่นานก็ได้ปลามาหนึ่งตัว สมแล้วกับการเป็นชายผู้รักสันโดษและตกปลามาทำอาหารในทุกวัน
         
          “อยากจะลองดูบ้างไหม?”
         
          “เอ๋ ข้าหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ด้วยความใจอ่อนนางจึงทำใจที่จะตกปลาขึ้นมาไม่ได้ แม้จะเป็นแม่ครัวทำอาหารจานปลาก็บ่อยทำเป็นทั้งขอดเกล็ดและควักไส้ แต่ครั้นจะฆ่ามันนางก็ทำไม่ลง “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าขอดูอย่างเดียวดีกว่า”
         
          “งั้นเหรอ”
         
          “อู๊ด”
         
          เปาเปาเข้ามาขัดจังหวะ ดูแล้วมันอยากมีส่วนร่วมหลังจากที่เดินเล่นริมน้ำจนหนำใจ แต่จากที่มันจะเข้ามามุดตักเฟินเยว่อย่างทุกทีแต่คราวนี้เจ้าหมูน้อยกลับเดินไปหย่อนก้นกลม ๆ ของมันลงบนตักของเด็กหนุ่มเสียแทน ดูท่าว่าทั้งสองจะสนิทสนมกันมากขึ้นแล้วจากครั้งแรกที่ตงฮั่วเกือบจะเชือดมันทำหมูหัน
         
          “อ๊ะ เปาเปา จะไปกวนคุณชายซูไม่ได้นะ”
         
          “ไม่เป็นไรหรอก”         
         
          เด็กหนุ่มวางมือลงบนตัวหมูก่อนจะลูบหัวมัน ด้านเปาเปาก็ทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องหลับตาพริ้มรับมือที่ลูบมันอยู่ ตงฮั่วไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น เขาใช้สมาธิจดจ่อกับการรอให้ปลากินเบ็ดในแต่ละครั้ง ด้วยความที่ชอบเรียนรู้ทำให้เฟินเยว่พอจะรู้วิธีแม้จะไม่ได้ลงมือเอง เวลาผ่านไปร่วมหนึ่งเค่อปลาถึงจะกินเบ็ดมาสักตัวหนึ่ง
                     
          “ฟรี้~~~”
         
          เสียงลมหายใจที่ดังผ่อนเป็นจังหวะเรียกให้เด็กสาวที่มองน้ำต้องหันกลับไปมองต้นเสียง นางเห็นว่าตงฮั่วม่อยหลับหัวพิงลำต้นเฟิงฉู่ที่แผ่กิ่งก้านกว่างใหญ่อยู่เหนือหัว ด้วยการตกปลาเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เวลาการรอคอยให้ปลามากินเหยื่อจึงทำให้คนนอนน้อยเผลองีบหลับไปเสียอย่างนั้นและเจ้าหมูสัตว์เลี้ยงของนางก็เช่นกัน..
         
          “คุณชายซูเจ้าคะ...”
         
          เด็กสาวกระซิบเรียกเสียงแผ่วเบาแต่ก็ไร้ท่าทีตอบกลับของเด็กหนุ่ม อากาศดีแบบนี้นางควรจะปล่อยให้เขานอนพักผ่อนเสียหน่อยแล้วค่อยปลุกตอนย่ำเย็นก็ไม่เสียหาย ขามาทั้งสองผ่านโรงเตี๊ยมที่อยู่ไม่ไกล อย่างน้อยก็มั่นใจอย่างหนึ่งแล้วว่าคืนนี้น่าจะมีที่ซุกหัวนอน
         
          เฟินเยว่ค่อย ๆ แกะมือแกร่งที่กอบกุมคันเบ็ดออก เพิ่งจะสังเกตว่ามือที่สากหนาเต็มไปด้วยริ้วรอยพุพองตามปลายนิ้วจากการฝึกกระบี่มาอย่างหนัก นางเคยเห็นภาพเช่นนี้มาจากพี่ชายคนโตที่มุ่งมั่นอยากเป็นทหาร ทว่าเด็กสาวไม่รู้เลยว่าสหายจะฝึกกระบี่อย่างหนักไปเพื่ออะไร เอาไว้หากมีโอกาสคงได้ไถ่ถาม ส่วนตอนนี้หันมาสนใจกับคันเบ็ดในมือก่อน
         
          เรียวคิ้วใบหลิวขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อยอย่างชั่งใจอยู่นานว่าจะทำอย่างไรกับกิจกรรมนี้ต่อไปดี แต่แล้วที่ปลายสายเบ็ดก็กระตุกถี่เป็นสัญญาณว่าปลากินเหยื่อจึงต้องจำใจดึงมันขึ้นมาก่อนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปลาเก๋าตัวใหญ่ติดเบ็ดขึ้นมา มันดิ้นทุรนทุรายเอาชีวิตรอดเมื่ออยู่เหนือน้ำ ปลาหายใจบนบกไม่ได้ นางจึงรีบปล่อยมันลงในถังน้ำใบโตที่มีปลาของตงฮั่วตกอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อได้น้ำปลาเก๋าก็ดูสงบลง ตอนนี้พวกมันยังไม่ตาย เลยทำให้เด็กสาวไม่ได้รู้สึกผิดบาปอะไรมาก
         
          เฟินเยว่เข้าใจความหมายของชีวิต และก็เข้าใจด้วยว่าสิ่งมีชีวิตจำต้องพึ่งพาอาศัยและเบียดเบียนกันอย่างห้ามไม่ได้ เนื้อสัตว์นั้นอร่อยแต่ก็แลกมาด้วยชีวิตของสัตว์นั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาตัวน้อยหรือว่าวัวตัวใหญ่ พวกมันต่างมีค่าเท่ากับหนึ่งชีวิตเช่นเดียวกัน ทว่ามนุษย์ก็จำต้องบริโภคเนื้อที่มีสารอาหาร เพราะฉะนั้นเวลาทานอาหารจึงต้องห้ามเหลือ ไม่เพียงแค่เนื้อสัตว์ แต่กับข้าวและผักก็ด้วยเช่นกัน ทั้งหมดล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของชาวนา ดังนั้นจึงมีคุณค่าไม่ควรทิ้งเปล่า ปลาที่ตกมาก็เช่นกัน เก็บไว้ทานแค่ตัวสองตัวส่วนที่เหลือนำไปขายหรือทำอาหารตากแห้งก็ทำให้มีกินมีใช้ไปได้อีกหลายมื้อ
         
          พอคิดเช่นนั้น จู่ ๆ จึงเกิดความคิดประหลาดขึ้นมาในหัวซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตนถึงคิดออกมาได้
         
          ‘หากคุณชายซูตื่นขึ้นมาแล้วเห็นปลาเต็มถังจะพูดว่าอย่างไรกันนะ’
         
          คิดแล้วเฟินเยว่ก็ขำคิกเบา ๆ ก่อนที่จะลองตกปลาด้วยวิชาที่ลักจำมา
         
          ‘เอ่อ.. ขั้นแรกก็ต้องเอาเหยื่อใส่เบ็ดสินะ’
           
          เด็กสาวกลืนน้ำลายดังเอื๊อกก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบไส้เดือนในกระปุกด้วยความรู้สึกขยะแขยงแล้วเสียบมันเข้าที่ตะขอ มันไม่ง่ายเลยสำหรับมือใหม่ แต่เด็กสาวก็พยายามทำใจแข็งแม้มือจะสั่นจนเสียบเบ็ดไม่ถูก คิดชมในใจว่าคุณชายซูช่างเก่งกาจจับไส้เดือนมาเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร ส่วนขั้นตอนต่อไปคือเหวี่ยงเบ็ดไปไกล ๆ นางลุกขึ้นยืนเว้นระยะห่างเสียหน่อยกลัวว่าตะขอจะไปเกี่ยวเอาหนังหัวของคนข้าง ๆ จากนั้นก็ทำเพียงแค่รอเวลาให้ปลากินเหยื่อ
         
          สาวน้อยมองลงไปในวารีเหล่าปลาที่หิวโซต่างมารุมล้อมใกล้เหนือน้ำเมื่อเห็นสิ่งแปลกปลอมถูกหย่อนลงมา พวกมันต่างอ้าปากไล่งับแข่งขันกันกินเหยื่อ ช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยว่าชะตากรรมต่อจากนี้ของพวกมันจะเป็นอย่างไร เด็กสาวเห็นแล้วก็ได้แต่เวทนาแต่เพื่อปากท้องและเพื่อเงินในกระเป๋านางก็จำเป็นต้องทำแบบนี้ ระหว่างตกปลาก็สวดภาวนาในใจไปด้วย ทว่ากว่าจะมารู้ตัวอีกทีปลาก็เต็มถังไม้ไปแล้วดูท่าว่าน่าจะขายได้หลายเงิน..
         
         
.
.
.
             
              

ลักษณะนิสัยขยัน
+2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้

เอฟเฟคความสัมพันธ์
[152] ซู ตงฮั่ว
ความสัมพันธ์ +10 จากการคนธาตุและปีเดียวกัน

ตกปลาเก๋า 100 ตัว
(ถ้าเกินส่วนที่เหลือขอรับเป็นปลากง)

                  
         


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-9-30 16:54:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Fenyue เมื่อ 2021-9-30 17:58


⌜50⌟

บทที่ 9
มาเยือนไท่หู
ฉากที่ 3
                    
                    
          ในระหว่างการตกปลา เด็กสาวก็สบสายตาไปเห็นร่าง ๆ หนึ่งที่ไปปกคลุมไปด้วยรัศมีสีขาวอันเปล่งประกายชวนให้สายตาพร่าเลือนอยู่ที่อีกฟากของทะเลสาบ ภายในหัวของเฟินเยว่มองเห็นร่าง ๆ นั้นเป็นซุนเอียนฟงพี่ชายคนรองที่จากไปนาน เรือนผมสีขาว ร่างกายสูงโปร่ง คนลักษณะนี้ในดินแดนต้าฮั่นมีไม่มาก ทั้งชีวิตนางพบอยู่สองคนคือท่านพี่รองกับท่านแม่
         
          แทบไม่ต้องคิดไตร่ตรอง ร่างกายของนางก็หอบเอาตัวเองไปยืนเคียงคู่กับบุรุษผู้นั้นเสียแล้ว เฟินเยว่เอียงมองใบหน้าด้านข้างของชายที่ส่องสว่างราวกับเป็นเทพจำแลงกาย ทว่าใบหน้านั้นไม่ใช่ซุนเอียนฟง เป็นหนสองที่เด็กสาวเกือบจะทักคนผิด ดีที่ไม่ได้หลุดเรียกไปเหมือนกับตอนที่อยู่ในศาลเจ้าเทพีฉางเอ๋อ สาวน้อยคิดว่าจะขยับหนีไปเนียน ๆ แต่ทว่าไม่ทันถูกทักไว้เสียก่อน ชายผู้นั้นขยับยิ้มให้นางด้วยใบหน้าที่งดงามเหนือมนุษย์
         
          “มานั่งตกปลาด้วยกันก่อนสิ”
         
          น้ำเสียงที่ก้องกังวาลอยู่ในโสตเอ่ยชักชวนให้เด็กสาวมาตกปลาด้วยกัน ในมือของเขาถือคันเบ็ดอยู่แล้วนางเองก็เพิ่งจะสังเกตเห็น และเมื่อถูกชวนด้วยไมตรีจิตจะปฏิเสธออกไปเห็นทีก็คงจะไม่ได้
         
          “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ เอ่อ.. ข้าแซ่ซุน ชื่อเฟินเยว่เจ้าค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะเจ้าคะ”
         
          เฟินเยว่ยอบกายลงนั่งข้าง ๆ เว้นระยะห่างจากบุรุษผมขาวพอประมาณแล้วเอ่ยแนะนำตัวด้วยรอยยิ้มละไมแก่ผู้ที่มีน้ำใจไมตรีแก่นาง ชายผู้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยวาจาตอบกลับ
         
          “เกรงว่าแม้แต่ข้ายังไม่อาจจะบอกได้ชัดเจน เจ้ารู้ไว้เพียงข้าคือผู้เฝ้าดูก็เพียงพอ ฮะ ๆ ”
         
          ผู้เฝ้าดูกล่าวพลางหัวเราะขณะในมือกำคันเบ็ด หันไปมองทะเลสาบที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
         
          ส่วนเฟินเยว่ก็ได้แต่กะพริบตาด้วยความไม่เข้าใจ คำว่า ‘แม้แต่ข้าเองยังไม่อาจบอกได้ชัดเจน’ หมายถึงอย่างไร หมายความว่าบุรุษผู้นี้จำนามตัวเองไม่ได้ หรือว่าเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตนกันแน่ ‘ผู้เฝ้ามอง’ ที่เอ่ยอ้างคือตำแหน่งอย่างนั้นหรือ แล้วเขาคือผู้เฝ้ามองอะไร หมายถึงเป็นขุนนางที่คอยมาสอดส่องความเป็นไปของประชาราษฎร์ หรือว่าเป็นนักกวีเจ้าบทเจ้ากลอนกันแน่ ทว่าในใจเด็กสาวกลับนึกไปถึงอีกอย่าง... เขาอาจจะเป็นผู้เฝ้ามองความเป็นไปของทะเลสาบแห่งนี้เพื่อปกปักรักษา
         
          “เอ่อ.. ท่านคงไม่ใช่เทพเจ้าไป๋จี้ถุนหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ...” จะว่าไปปลาใหญ่ไป๋จี้ถุนมองไกล ๆ ก็ดูตัวขาวอยู่หรอก อีกฝ่ายก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีขาวเต็มไปหมด แต่ว่าเรื่องแบบนั้นจะเป็นจริงได้อย่างไรกันเล่า เด็กสาวรีบส่ายหน้าเมื่อรู้ตัวว่านางเผลอถามเรื่องไร้สาระจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ “ท่านชอบตกปลาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”
         
          ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผู้เฝ้ามองไม่ได้ยินคำถามแรก ไม่คิดใส่ใจ หรือรู้ว่ามันไร้สาระไม่จำเป็นต้องตอบ เขาจึงเลือกตอบเฉพาะข้อหลัง
         
          “ใช่ ข้าก็ชอบมันนะ... การตกปลาทำให้จิตใจปลอดโปร่งได้ดี ทำให้เราคลายกังวลได้มาก” ผู้เฝ้าดูกล่าวก่อนหันมามองที่เด็กสาวผู้มีฝ้ากระบนใบหน้า “จริงสิ ข้าจะให้พรเจ้าสักสามอย่าง เจ้าสนใจหรือไม่”
         
          “ดะ.. ดะ.. ดะ.. เดี๋ยวก่อนนะเจ้าคะ ท่านเป็นเทพเจ้าไป๋จี้ถุนจริง ๆ หรือเจ้าคะ!!”
         
          เด็กสาวตาลีตาลานจนเกือบจะทำคันเบ็ดหล่นออกจากมือ ทว่าชายผู้นั้นไม่ตอบคำถาม เขาเพียงแค่อธิบายในสิ่งที่เขาพูด
         
          “พรเหล่านี้จะอยู่คู่สายเลือดเจ้า แม้บางครั้งอาจไม่สามารถสืบทอดไปยังบุตรคนโตก็คนรอง หรือบางครั้งวาสนาเจ้ากับลูกไม่เพียงพอทำให้การสืบทอดพันธุ์กรรมจากพ่อสู่ลูกเจือจางลงในบางกรณี”
         
          ชายผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้เฝ้ามองแต่เฟินเยว่เข้าใจผิดว่าเขาเป็นเทพเจ้าปลายักษ์ทำท่าจะวางคันเบ็ดลงให้นางมาตกปลาเพื่อสำเร็จพิธีกรรม แต่พอเห็นว่าเด็กสาวมีอุปกรณ์ในมือพร้อมราวกับว่ารู้ว่าต้องเตรียมของมาเองเขาจึงไม่ได้วางคันเบ็ดลง แต่เข้ามาให้คำแนะนำกับดรุณีน้อยแทน
         
          “หลับตาทำสมาธิไว้ สิ่งเหล่านี้จะซึมซับลงไปตามความปรารถนาในใจเจ้า”
         
          ผู้เฝ้าบอกให้หลับตา เด็กสาวยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่พรที่ว่าก็ดูน่าสนใจจึงทำตาม หากว่าเป็นเทพเจ้าไป๋จี้ถุนจริง ๆ ก็นับว่านางมีวาสนา และหากว่าเทพมีตัวตนก็ไม่แน่ว่าเทพเจ้าจิ๋นหลี่อวี๋ที่อันติงอาจมีจริง และเทพปลาทั้งสองอาจเป็นสหายกันก็เป็นได้ เช่นนั้นหากว่านางฝากเขาขอขมาปลาที่ตกมาก่อนหน้านี้จะได้หรือเปล่านะ ไม่สิ.. นี่อาจจะไม่ใช่พรแต่เป็นการลงทัณฑ์จากเทพก็ได้ ระหว่างที่ในใจสับสนฝ่ามือของบุรุษผู้เฝ้ามองก็แตะบนหน้าผากของสาวน้อยเสียแล้ว เฟินเยว่ได้แต่ตกใจตนต้องหลับตาปี๋         
         
          ‘อ๊า อะไรกัน ข้าควรจะต้องทำอย่างไรดี!!’
         
          แม้ว่าเด็กสาวจะมีความคิดสับสนร้อนรนอยู่ในหัว ทว่ากลับได้ยินเสียงประโยคสุดท้ายของผู้ดูแลดังก้องอยู่ไม่ขาดสาย รวมทั้งสัมผัสอันแผ่วบางที่หน้าผากไม่คลายออก ราวกับว่าทั้งหมดคือมนตราที่ช่วยทำให้ให้จิตใจค่อย ๆ ผ่อนคลายลงได้อย่างน่าประหลาดจนกระทั่งเกิดสมาธิ ลมหายใจทั้งหมดผสานรวมเพ่งสมาธิไปยังฝ่ามือที่กุมคันเบ็ด แม้ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาแต่ราวกับว่านางเห็นภาพตรงหน้าแจ่มชัด เห็นคลื่นน้ำกระเพื่อมไหวเป็นระรอกราวกับจิ้งหลีดน้ำกำลังเต้นระบำอยู่บนผืนนที
         
          ไม่.. ยังไม่ใช่เวลานี้ที่นางจะลืมตาขึ้นมา จะต้องรู้สึกถึงแรงกระตุกที่ปลายสายเบ็ดเสียก่อน และในจังหวะนั้นเองที่ใต้ผิวน้ำมีบางอย่างกำลังตอดเหยื่อ ทว่าแรงดึงยังไม่มากพอ ในสมาธิเด็กสาวมองเห็นปลาตัวนั้นกำลังแทะเล็มไส้เดือนดินเพื่อลองเชิง ในจังหวะที่มันตะครุบเหยื่อนางก็ชักคันเบ็ดขึ้นทันที
         
          ‘ตอนนี้แหล่ะ!’
         
          สายน้ำเย็นเฉียบสาดกระเซ็นขึ้นพรมใบหน้า และเมื่อลืมตาขึ้นเฟินเยว่ก็เห็นว่ามีปลาหิมะตัวโตติดสอยห้อยตามสายเบ็ดขึ้นมา มันตัวโตกว่าปลาไหน ๆ ที่จับได้เมื่อก่อนหน้า นี่คงเป็นพรจากผู้เฝ้ามองใช่หรือไม่?
         
          “ท่านเทพไป๋จี้ถุนเจ้าคะ ข้าตกได้ปลาหิมะด้วยล่ะเจ้าคะ”
         
          เด็กสาวอวดชายหนุ่มผู้ให้พรแต่ทว่าเขากลับไม่ได้อยู่ตรงนี้เสียแล้ว...
         
          “นี่เจ้ากำลังพูดอยู่กับใครน่ะ.. แล้วข้าหลับไปอย่างนั้นหรือ?”
         
          ตงฮั่วที่นั่งอยู่ข้าง ๆ งัวเงียตื่นขึ้นมาหาวหวอดทำตาปรือ เขามองหาคันเบ็ดในมือแต่บัดนี้มันได้หายไปอยู่ในมือของเด็กสาวแทนเสียแล้ว
         
          “เอ๊ะ?”
         
          เฟินเยว่หันมองรอบ ๆ ด้วยอาการงุนงง เมื่อครู่นี้นางเดินไปหาชายผมขาวผู้นั้นที่อีกฟากหนึ่งแล้วทำไมตอนนี้นางถึงได้กลับมาอยู่ ณ จุดเดิมที่ตกปลา ยังไม่หายแคลงใจเสียงของเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันก็เรียกสติให้นางหันกลับมา
         
          “เหวอ นี่เจ้าตกปลาพวกนี้ขึ้นมาเองอย่างนั้นเหรอ!? ข้าจำได้ว่าตัวเองเพิ่งตกไปได้เพียงแค่ไม่กี่ตัวเองนี่”
         
          มีอีกคนที่หน้าตาตื่นเป็นเพื่อนกันเสียแล้ว อย่างน้อยที่คิดอยากลองดูสีหน้าของสหายหนุ่มยามตกใจเมื่อเห็นปลาเต็มถังไม้ก็เป็นผล เฟินเยว่มองเขาอย่างเอ็นดูพร้อมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะใส
         
          “พรจากเทพเจ้าปลาน่ะเจ้าค่ะ ดูท่าว่าเย็นนี้เราจะมีของอร่อยทานได้อีกเยอะเลยล่ะเจ้าค่ะ”


.
.
.



อัตลักษณะแต่กำเนิด

      
อัจฉริยะ : +200 แต้มเลือกนิสัย
หูดี : +20 แต้มเลือกนิสัย
ผิวเป็นฝ้ากระ : -30 แต้มเลือกนิสัย
ขาดความรอบคอบ : -30 แต้มเลือกนิสัย
( รวม 160 แต้ม )




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
พยัคฆ์ตงเทียน
หยกเชื่อมสัมพันธ์
พู่กันเหวิ่นเซ่า
ถุงหอมจูอวี๋
กลยุทธ์เล่ออี้
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x40
x32
x1
x439
x500
x73
x500
x26
x498
x500
x10
x2
x9
x1
x400
x1
x1
x5
x28
x8
x591
x228
x228
x500
x2514
x18
x14
x1
x5
x1
x2
x100
x5
x50
x100
x3
x3
x10
x2
x47
x64
x6
x9
x2
x71
x1
x24
x95
x50
x86
x150
x260
x150
x150
x46
x46
x2
x2
x6
x2
x2
x34
x4
x1
x8
x1
x2
x7
x5
x8
x7
x110
x7
x74
x45
x3
x30
x63
x74
x79
x2
x71
x68
x6
x45
x50
x160
x316
x3
x220
x48
x35
x168
x12
x10
x25
x1
x13
x6
x4
x6
โพสต์ 2021-9-30 23:58:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โรลตามเสียงชายลึกลับมา



จีเทียนเต๋าตอนนี้ที่กำลังเดินมาเรี่อยๆตามเสียงเรียกในหัวของตนเองนั้นจนเจอกับชายคนหนึ่งที่จิตใจตนเองบอกว่าคนคนนี้แหละคือคนที่พูดในหัวของตนเอง

       "ท่านกำลังทำอะไรอย่างนั้นหรอแล้วเสียงในหัวของข้ามันมาจากท่านใช่หรือไม่กัน?"


       "มานั่งตกปลาด้วยกันก่อนสิ"

ผู้เฝ้ามองกล่าวขึ้นในขณะที่สัมผัสได้ถึงคุณที่เดินเข้ามา ก่อนจะกล่าวเชิญชวนอีกฝ่ายตกปลา


       "ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะว่าท่านเป็นใครแล้วท่านใช่เป็นเสียงที่อยู่ในหัวของข้าหรือเปล่าว?"

โดยที่จีเทียนเต๋าก็ยังคงมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะอีกที


       "เกรงว่าแม้แต่ข้ายังไม่อาจจะบอกได้ชัดเจน เจ้ารู้ไว้เพียงข้าคือผู้เฝ้าดูก็เพียงพอ ฮะ ๆ "

ผู้เฝ้าดูกล่าวพลางหัวเราะขณะในมือกำคันเบ็ด หันไปมองทะเลสาบที่ไกลสุดลูกหูลุกตา


       "ช่างมันเถอะถ้าท่านไม่อยากบอกข้าก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะแบบนั้นแต่ว่าข้าเห็นท่านมาตกปลาแบบนี้ท่านนั้นชอบตกปลาอย่างนั้นหรืออย่างไรกัน?หรือว่าท่านชอบนั่งท่ามกลางธรรมชาติเหล่านี้กันเล่าล่ะ?"


       "ใช่ ข้าก็ชอบมันนะ... การตกปลาทำให้จิตใจปลอดโปร่งได้ดี ทำให้เราคลายกังวลได้มาก"

ผู้เฝ้าดูกล่าวแก่อีกฝ่ายก่อนหันมามองคุณ

"จริงสิ ข้าจะให้พรเจ้าสักสามอย่าง เจ้าสนใจหรือไม่"


"พรเช่นนั้นหรือมันคืออะไรกัน ข้าก็มีพรสำหรับพระองค์ที่ประทานมาให้ข้าอยู่แล้วด้วย สำหรับพรของท่านมันคืออันใดกัน?"

      

       "พรเหล่านี้จะอยู่คู่สายเลือดเจ้า แม้บางครั้งอาจไม่สามารถสืบทอดไปยังบุตรคนโตก็คนรอง หรือบางครั้งวาสนาเจ้ากับลูกไม่เพียงพอทำให้การสืบทอดพันธุ์กรรมจากพ่อสู่ลูกเจือจางลงในบางกรณี"

ผู้เฝ้ามองกล่าวอธิบายก่อนจะวางคันเบ็ดลงบนพื้น เขาลุกขึ้นเดินมาหาคุณ


       "ก็ได้ข้าจะยอมรับพรของท่านด้วยก็ได้ถ้ามันสามารถช่วยเหลือเหล่าประชาชนที่เดือดร้อนไปทั่วทั้งแผ่นดินนี้ได้"


       "หลับตาทำสมาธิไว้ สิ่งเหล่านี้จะซึมซับลงไปตามความปรารถนาในใจเจ้า"

ผู้เฝ้ามองกล่าวพลางบอกให้คุณหลับตา ฝ่ามือแตะหน้าผากคุณ


      "หืมมันคือความรู้สึกอะไรกัรแบบนี้มันคือเหมือนกับร่างกายข้ามีอะไรบางอย่างที่แปลกไปอย่างนั่นเบยหรือว่ามันจะเป็นพรอย่างที่คนๆนั้นบอกข้ากันแน่นะ?"

ก่อนที่จีเทียนเต๋าจะหลุดออกมาจากภวังนี้พร้อมกับที่ในมือของตนเองนั้นมีคันเบ็ดอยู่อันหนึ่งที่ตอนนี้กำลังโดนบางสิ่งบางอย่างลากไปในน้ำด้วยความตกใจตกใจตนเองจึงกระชากคันเบ็ดอย่างแรงจนสิ่งนั้นได้โผล่ออกมา มันก็คือปลาหิมะนั้นเอง!!!!

เลือกอัตลักษณ์


   
+60 / +90 / +20 / -20
ติ่งหูยาว / หลังตรง / หูดี / ชอบกิน




←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
ชุดไท่หมินลู่
เบ็ดตกปลา
คัมภีร์ไท่หมินลู่
ไก่ฟ้าทองแดง
หวีเซียวเฉิน
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าขาว
หน้ากากขาว
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x108
x8
x800
x800
x800
x70
x470
x100
x100
x4
x3
x3
x1
x7
x25
x860
x10
x790
x490
x200
x1
x100
x100
x100
x10
x1
x2
x1
x3
x4
x10
x920
x291
x494
x5
x388
x5
x6
x77
x100
x30
x900
x68
x1
x82
x98
x1
x96
x98
x1
x6
x2
x1000
x2
x3
x3
x3
x7
x8
x3
x100
x4
x100
x26
x24
x24
x26
x14
x600
x96
x100
x60
x100
x100
x440
x25
x2
x376
x11
x492
x9
x4
x99
x80
x79
x28
x2
x379
x75
x196
x571
x167
x100
x100
x50
x100
x100
x250
x50
x86
x13
x13
x7
x74
x6
x19
x5
x1150
x324
x17
x11
x10
x10
x490
x10
x2
x42
x62
x38
x1
x108
x35
x96
x99
x85
x505
x1
x598
x3
x3
x1
x8
x24
x404
x4
x102
x6
x24
x491
x288
x39
x90
x154
x8
x1
x10
x75
x10
x93
x500
x250
x150
x250
x550
x250
x3
x500
x242
x36
x18
x465
x1015
x164
x804
x804
x804
x804
x493
x314
x13
x36
x7
x498
x1
x10
x1
x2561
x628
x320
x260
x100
x15
x1
x6
x6
x150
x9999
x2
x7
x18
x5
x2
โพสต์ 2021-10-1 00:22:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นัดพบทะเลสาบไท่หู
ท่องเที่ยวก่อนกลับ
.
.

          ยังด้านล่างโรงเตี๊ยมกัวฟ่งเสี้ยวได้มานั่งรอเด็กสาวที่นัดหมายเอาไว้พลางเอ่ยสั่งข้าวต้มรอเอาไว้ ทันทีที่จิ้นอิ๋งลงมาตามเวลาทั้งคู่ก็ได้ทานข้าวเช้ากันพอดี โดยระหว่างที่ทานไปด้วยนั้น อีกบุรุษที่พอจะมีความรู้เรื่องตกปลาทางทฤษฎีอยู่บ้างก็เอ่ยสอนถึงการตกปลาที่ถูกต้อง

          " อย่างแรกก่อนเจ้าตกปลานะแม่นาง เจ้าจำเป็นต้องมีเหยื่อเสียก่อน มิเช่นนั้นก็ตกไม่ได้ปลากันหรอกนะ " บุรุษแซ่กัวเอ่ยพลางไล่รายชื่อเหยื่อที่สามารถนำไปตกได้ตั้งแต่กลุ่มพืชถึงสัตว์ตัวเล็ก ๆ เด็กสาวที่ยังทานข้าวไม่หมดก็เร่งตักทานพลางพยักใบหน้ารับไปด้วย จนเรียบร้อยแล้วก็พลันเอ่ยสิ่งที่สงสัยออกมา

          " แต่เมื่อวานข้าก็ตกได้ปลามาตั้งตัวหนึ่งนะเจ้าคะ " จิ้นอิ๋งพาดพิงไปถึงปลาหิมะที่ติดเบ็ดมาเมื่อวานเย็น

          " นั่นสิ ข้าก็สงสัยไฉนถึงติดมาได้เสียอย่างนั้น " น้ำเสียงฟังเหลือเชื่อส่งหา ทำเอาเด็กสาวที่ไม่ค่อยได้เห็นอีกบุรุษทำเสียงบ่งบอกว่าเจอเรื่องเหนือคาดเท่าไหร่นั้นหลุดหัวเราะเสียงใสออกมาเลยเชียว
          .
          .
          หลังหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีทานข้าวจนมีเรี่ยวมีแรงสำหรับวันใหม่แล้วนั้น จิ้นอิ๋งก็จับเอาเบ็ดที่ซื้อมาตรวจดูลักษณะชัด ๆ ทดแทนเมื่อวานที่มัวแต่สนใจแค่จะลองตกปลาเพื่อพิสูจน์บางสิ่งในความฝัน พร้อมกันนั้นสหายแซ่กัวก็เอ่ยขอซื้อข้าวจากทางโรงเตี๊ยมมาปริมาณหนึ่งด้วยแค่พอใช้เป็นเหยื่อลองติดใส่ตะขอเบ็ดอย่างง่าย ๆ เนื่องจากจิ้นอิ๋งก็ไม่ได้อยากตกปลาเป็นจริงเป็นจัง เพียงแค่เรียนรู้เอาไว้หลังจากไหน ๆ ก็ซื้อเบ็ดตกปลามาแล้ว

          เมื่อเตรียมพร้อมเสร็จสรรพทั้งสองก็เดินทอดน่องต่อไปยังเจตบริเวณทะเลสาบที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโรงเตี๊ยม โดยระหว่างเส้นทางนั้นได้บรรยากาศธรรมชาติแสนร่มรื่นคลอเคล้าเสียงสัตว์ประสานร้องแผ่วทำเอาผู้คนที่เดินผ่านรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดชื่นได้ไม่ยาก ซึ่งจิ้นอิ๋งก็เป็นหนึ่งในนั้น จนนางอดที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกเสียเต็มปอดครั้งหนึ่งไม่ได้เลยเชียว เห็นดังนั้นบุรุษที่เดินเคียงพลันทำท่าเลียนแบบตามไปด้วยคล้ายอยากจะล้อหยอกท่าทางของเด็กสาว แต่กลับได้กรุ่นกลิ่นธรรมชาติและกลิ่นหอมอ่อนจางในบรรยากาศทำเอาผ่อนคลายตามจิ้นอิ๋งไปด้วยแทน ดรุณีน้อยที่สังเกตเห็นก็หลุดเผยรอยยิ้มออกมา

          " สดชื่นดีนะเจ้าคะ~ " เสียงหวานเอ่ยหาอย่างอารมณ์ดี ซึ่งกัวฟ่งเสี้ยวก็ได้แต่พยักหน้ารับเห็นด้วยกลับไป

          .
          ใช้เวลาเพียงสองเค่อก็มาถึงยังตัวทะเลสาบไท่หู จิ้นอิ๋งที่อยากลองตกปลากับข้าวที่ได้มาก็พลันกวักมือเร่งอีกบุรุษที่เดินตามหลังและกำลังคุยกับชาวประมงผู้หนึ่งที่เพิ่งกลับจากออกหาปลาในยามเช้าตรู่ จนนางอดทนรอไม่ไหวกึ่งวิ่งนำไปยังโขดหินที่เดิมที่นั่งตกปลากันเมื่อวานก่อนแล้ว แต่เพราะยามเช้าเช่นนี้น้ำขึ้นกว่าเมื่อวานยามเย็นเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้เด็กสาวจำต้องถอดรองเท้าของนางออก ก่อนเดินเปลือยเท้าไปนั่งยังโขดหินเดิมให้ได้พลางขยับตัวให้สหายแซ่กัวได้นั่งข้างถนัดถนี่ถึงได้หยิบเอาข้าวมาปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ และนำมาใส่ให้ปลายตะขอทะลุออกมาเล็กน้อยตามคำแนะนำของสหายถึงได้เหวี่ยงเบ็ดออกให้ลงน้ำไปก่อนจะเฝ้ารอ

          ระหว่างที่ความเงียบโรยตัวทั้งสองนั้น จิ้นอิ๋งที่พลันนึกถึงเรื่องงานบุญที่วัดไป๋หม่าได้จึงเอ่ยชวนคุยขึ้นเพื่อคลายบรรยากาศเงียบนี้ลง

          " จริงด้วย! ที่วัดไป๋หม่าของลั่วหยางวันที่ 3 เดือนสือเยว่มีงานบูชาข้าวพระด้วยนะเจ้าคะ หลวงจีนที่มอบงานส่งคณะสงฆ์ไปหมู่บ้านซีตี้บอกข้าก่อนมาเที่ยวที่นี่ด้วยล่ะเจ้าค่ะ! ข้าก็ไม่รู้ว่างานเทศกาลของศาสนาพุทธเป็นเช่นไร แต่ถ้าท่านกัวสนใจก็มาได้นะเจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเอ่ยหาทั้งรอยยิ้ม ซึ่งอีกบุรุษก็เพียงมองสบตากับเด็กสาวที่ผินมาหน้ามาหาตนครู่หนึ่ง คำกล่าวที่คล้ายมาส่งข่าวมากกว่าชวนเที่ยวนั้นทำให้อีกบุรุษพอเดาออกว่าเด็กสาวยังไม่ได้ตัดสินใจว่าไปหรือไม่ ทำให้เจ้าตัวเพียงพยักหน้ารับกลับดูมีร่องรอยความเสียดายจางเล็กน้อย ก่อนเลื่อนสายตามองตามจิ้นอิ๋งสู่ทะเลสาบเบื้องหน้า

          " ข้าไปแน่ พอดีสหายข้าก็ชวนไปด้วยน่ะเลยตอบรับไปแล้ว " คำกล่าวนั้นทำเอาจิ้นอิ๋งหลุดร้องอ๋อแผ่ว เท้าเล็กที่จุ่มน้ำอยู่จนถึงข้อเท้าขยับตีน้ำเล่นเบา ๆ ท่าทางคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถามออกไปด้วยความใคร่รู้

          " สหายนี่.. ท่านไฉ่เมี่ยนน่ะหรือเจ้าคะ? " จบคำถามของอีกสตรี กัวฟ่งเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มไม่รู้ความหมายออกมา ดวงตาคมติดประกายพลันหันมองด้านข้างของดวงหน้าดรุณีน้อยที่ยังจดจ้องมองตรงยังปลายเบ็ดนิ่ง

          " อืม… ไม่รู้สินะ~ "

          ท่าทางทีเล่นทีจริงของอีกบุรุษทำเอาจิ้นอิ๋งอดไม่ได้ที่จะเผลอยู่ริมฝีปากเล็ก ๆ นั้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ทว่ากลับเรียกเสียงหัวเราะจากสหายแซ่กัวเพระาดันเข้าใจไปอีกเรื่องหนึ่ง จนจิ้นอิ๋งต้องปั้นหน้าจริงจังหันไปสบตากับอีกฝ่าย

          " ท่านกัวนี่!.. กับเรื่องสตรีที่จริงจังด้วยอย่าเอาแต่ติดเล่นเช่นนี้สิเจ้าคะ ท่านไฉ่เมี่ยนมาเห็นเข้าก็พลอยรู้สึกไม่มั่นใจไปด้วยพอดี… พลาดจากสตรีงามผู้นั้นมาข้าจะหัวเราะให้ดูเลย! "

          น้ำเสียงหวานพยายามเอ่ยให้ฟังขึงขัง ทว่าอย่างไรจิ้นอิ๋งก็ไม่เคยเอ่ยขู่ผู้อื่นได้เสียที น้ำเสียงจึงเจือความห่วงใยมากกว่าจะกล่าวดุเสียอีก กัวฟ่งเสี้ยวที่ไม่นึกว่าจะได้รับการตอบหาเช่นนี้ จากรอยยิ้มที่ประดับใบหน้าคมก็เลือนลงไม่น้อยกลายเป็นคิ้วเริ่มขมวดดูคิดไม่ตกบางสิ่ง และเพราะจิ้นอิ๋งผินสายตาคืนสู่ปลายเบ็ดที่กระตุกน้อย ๆ อยู่ทำให้นางต้องเร่งออกแรงดึงคันเบ็ดให้เอาปลาที่ตกได้ขึ้นมาเสียก่อนจนไม่ทันเห็นสีหน้าของอีกบุรุษที่แสดงออกอย่างชวนสงสัยนั้น

          หลังปลายสายได้ปลาติดมาตัวหนึ่ง ดวงตาสีนิลพลันประกายระยับโค้งหารับรอยยิ้มเผยกว้าง ก่อนหันชูอวดให้อีกบุรุษเหมือนดั่งเมื่อวาน ทำเอากัวฟ่งเสี้ยวที่นึกอยากกล่าวปฏิเสธบางสิ่งจำต้องเก็บคำกลืนลงไปและหลุดเผยรอยยิ้มตอบรับแทนราวกับไม่อยากทำลายบรรยากาศสนุกสนานของเด็กสาวไป จากนั้นกัวฟ่งเสี้ยวก็ช่วยจิ้นอิ๋งโดยการหยิบเอาถังน้ำที่ซื้อต่อจากชาวประมงที่สวนทางกันก่อนหน้าเอาไว้มาให้นางได้ใส่ปลา

          " ที่ท่านหยุดคุยกับชาวประมงคนก่อนหน้าเพราะถังน้ำนี่สินะเจ้าคะ! "

          อีกบุรุษพยักหน้ารับกลับไปก่อนจะกลับมานั่งมองจิ้นอิ๋งตกปลาต่อ หลังถามไถ่ถึงลักษณะปลาที่ตกได้ว่าเป็นชนิดใดจนเสร็จสิ้น บรรยากาศเงียบสงบก็คล้ายกลับคืนมาอีกหนและกลายเป็นฝ่ายกัวฟ่งเสี้ยวที่เอ่ยแทรกขึ้นมาในครานี้

          " น่าเสียดายที่ฤดูนี้น้ำเย็นนัก มิเช่นนั้นข้าคงชวนเจ้าเล่นน้ำไปแล้วแม่นางกู่ "

          จิ้นอิ๋งที่ได้ยินก็อดแสดงสีหน้าเสียดายออกมาไม่ได้ ดูเห็นด้วยไม่น้อยที่หากว่าอากาศในตอนนี้อุ่นขึ้นมาอีกสักเล็กน้อยนางก็คงเอ่ยปากชวนให้สหายเล่นน้ำด้วยกันก่อนที่จะเป็นฝ่ายโดนชวนเสียอีก! ทว่าเพราะเอ่ยนำถึงเรื่องนี้มาแล้ว ดรุณีน้อยก็อดคิดหาวิธีที่จะเล่นน้ำขึ้นมาไม่ได้ ดวงตาหวานพลันหลุบลงมองปลายเท้าตนที่จุ่มยังน้ำใส ก่อนแอบเลื่อนมองยังเท้าของอีกบุรุษที่วางแช่ไม่ต่างกัน

          รอยยิ้มซุกซนพลันเผยออกก่อนจิ้นอิ๋งจะใช้หลังเท้าวักน้ำใส่ขาอีกบุรุษน้อย ๆ อย่างนึกสนุก กัวฟ่งเสี้ยวที่รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นพลันเลื่อนสายตามองหาที่มา จนได้ยินเสียงหัวเราะแว่วหวานจากสตรีข้างกายก็ถึงรู้ว่าโดยแกล้งเสียแล้วจนกลายเป็นเกิดสงครามวักน้ำใส่กันย่อม ๆ เกิดขึ้นจนจิ้นอิ๋งแทบจะลืมกระตุกเบ็ดคืนหายามเมื่อจับปลาได้แล้วเสียหลายครั้งเลยเชียว..


ชนิดปลาที่ตก : ปลาเก๋า

ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
ลักษณะแต่กำเนิดหน้าผากกว้าง
+3 Point ทุกครัั้งที่โรลเรียนรู้

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-13 13:56:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ราชสีห์จรจัด
ทะเลสาบ

หลังจากที่ขึ้นฝั่งมาเมื่อวาน เทียนโจวก็ได้เดินทางมายังเมืองเจียงเยี่ยตามคำบอกเล่าของปิงจวน ก่อนจะแววพักที่โรงเตี๊ยมซักแห่งในยามค่ำคืน เมื่อยามที่รุ่งสางมาถึงเทียนโจวนั้นได้ลงมาออกมาข้างนอกโรงเตี๊ยม ก่อนจะเริ่มวิ่งออกกำลังกายประจำวัน โดยที่ปิงจวนนั้นยังคงหลับพักผ่อนในโรงเตี๊ยมอยู่ การออกกำลังกายในช่วงเช้าของเทียนโจวนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแข็งแรงอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีพรสวรรค์เพียงใด แต่เราก็มิสามารถขาดการฝึกฝนได้เช่นกัน การวิ่งของเทียนโจวผ่านไปได้ราวๆครึ่งชั่วยาม และตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ควรจะหยุดได้แล้ว แต่แล้วในจังหวะที่เทียนโจวได้หยุดเดินนั้น ก็ได้มีชายผู้หนึ่งวิ่งมาชนไหลของเทียนโจว ก่อนที่มันจะหันมาเยาะเย้ยเทียนโจวด้วยสีหน้าที่สุดแสนจะกวนประสาท

“เจ้าคงไม่อยากมีชีวิตมากสินะ ถึงได้มาหาเรื่องข้าเช่นนี้!”

เทียนโจวที่ตอนแรกกำลังจะพักเหนื่อยจากการออกกำลังกาย แต่เมื่อได้เจอกับคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ขนาดนี้ก็ทำให้เขากลับมามีเรี่ยวเเรงได้อย่างหน้าประหลาด เทียนโจวพุ่งเข้าใส่อันธพาลข้างถนนด้วยมือเปล่า ชายอัธพาลที่จ้องมองเทียนโจวอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ได้หยิบมีดของตนที่แอบซ่อนเอาไว้ออกมา

“เจ้าคงเตรียมตัวมาแล้วสินะ ถึงได้กล้าหยิบมีดนั่นขึ้นมาต่อหน้าผู้แข็งแกร่ง!”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายก่อนเอื่อมมือเข้าไปจับที่ลำคอของอันธพาลจนร่างของชายผู้นั้น เสียงของเทียนโจวได้ไปดึงดูดความสนใจของชายผู้หนึ่งที่อยู่แถวทะเลสาบ ชายผู้นั้นเริ่มเดินมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่เทียนโจวนั้นมิได้สนใจ ชายอันธพาลเริ่มดิ้นไปมาด้วยความทรมาณก่อนจะนำมีดไปปักเข้าที่แขนของเทียนโจวเพื่อหวังอีกฝ่ายปล่อยตนไป

“มิเลวข้าชอบแผลนี้ แต่แผลอื่นๆยังทำให้ข้าเจ็บได้มากกว่านี้เลย”

ชายอันธพาลเริ่มดิ้นไปมาหนักกว่าเดิม ตอนนี้อากาศที่คงเหลืออยู่เริ่มหมดลงอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดชายผู้นั้นก็สลบลงคามือของเทียนโจว เทียนโจวเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติลงก็พลันเหวี่ยงร่างของชายผู้นั้นโยนไปไกลๆ

“หึ อ่อนแอสิ้นดี”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะได้ยินเสียงปรบมือจากชายผู้หนึ่งดังขึ้นมา ชายผู้นั้นเป็นชายที่ได้มาดูการต่อสู้ของเทียนโจวในตอนแรก

“สมกับที่เป็นผู้ชนะงานประลองที่ลั่วหยางจริงๆ”

ชายแปลกหน้านั้นได้หัวเราะออกมาหลังกล่าวจบ ชายแปลกหน้าผู้นี้คือเซี่ยโหวตุนหนึ่งในผู้ที่ได้ไปเข้าชมการประลอง

“เจ้าเป็นใคร?”

เทียนโจวพลันหันไปกล่าวกับชายผู้นั้นที่จู่ๆก็ได้พูดเกี่ยวกับงานประลองขึ้นมา

“ข้ารึ? ข้าเซี่ยโยวหยวนยรั่ง ส่วนเจ้าก็เทียนโจวสินะ”

เซี่ยโยวตุนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ส่วนเทียนโจวนั้นเมื่อได้รู้นามของอีกฝ่ายก็เริ่มสงบสติได้ดีขึ้นหากแต่ว่าการที่อีกฝ่ายเรียกนามจริงของตนนั้น มันทำให้เขาค่อนข้างหงุดหงิด

“เรียกข้าว่าเทียนจวินก็พอ!”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยโยวตุน ชายตรงหน้าก็พลันยิ้มออกมาเชิงเข้าใจ ก่อนที่เทียนโจวจะนึกขึ้นมาได้ว่าตนนั้นยังมิได้ท่านอะไรเลยแต่เช้า

“เจ้าสนใจไปกินอาหารด้วยกันไหม”

เทียนโจวหันไปกล่าวถามกับเซี่ยโยวตุน

“เอาสิข้าเองก็ยังมิได้กินอะไรเหมือนกัน”

เมื่อได้ยินคำตอบของชายตรงหน้า เทียนโจวก็ได้เดินไปหาสถานที่ที่นั่งใกล้ๆริมทะเลสาบก่อนจะไปหาซื้อของกินมาทานยังที่แห่งนี้

“เอาสิ เชิญกินได้เลย”

เทียนโจวกล่าวออกมาพร้อมกับผายมือไปยังได่ขอทานที่ว่างอยู่บนโต๊ ก่อนที่ทั้งสองจะเริ่มรับประทานอาหารจานนี้ด้วยกัน

“ข้าเทียนจวินยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง”

เทียนโจวกล่าวออกมาหลังจากที่ได้รับประทานอาหารจนเสร็จสรรพ

“เข่นกัน”

เซี่ยโยวตุนกล่าวออกมาพร้อมกับเช็ดริมฝีปากของตน ไก่ขอทานนี้นับว่าเป็นอาหารจานโปรดของเขาเลยก็ว่าได้ การที่ได้ทานมันรวมกับเทียนโจวนั้นก็มิใช่เรื่องแย่ หลังจากที่ทั้งสองคุยกันจบเทียนโจวก็ได้เดินจากไปกลับไปหาปิงจวนที่รออยู่ที่โรงเตี๊ยม ซึ่งในตอนนี้หญิงสาวนั้นได้ตื่นขึ้นมาแล้วพร้อมกับนั่งอ่านตำรารอคอยเทียนโจวอยู่

“ข้ากลับมาแล้ว”

เทียนโจวกล่าวออกมาในขณะที่กำลังเปิดประตูห้องเข้าไปหาหญิงสาว ปิงจวนที่นั่งอ่านตำราอยู่ก็ได้หันมาเมื่อได้ยินเสียงของเทียนโจว

“สวัสดียามเช้า เจ้าออกกำลังกายยามเช้าเสร็จแล้วรึ”

ปิงจวนหันไปกล่าวถามกับเทียนโจวที่ตอนนี้อยู่ในสภาพที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ใช่แล้ว หลังจากที่พวกเราเตรียมตัวอะไรเสร็จจะเริ่มออกเดินทางกันต่อแล้วนะ”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ ปิงจวนนั้นก็พยักหน้าแสดงความเข้าใจ เธอนั้นเมื่อตื่นมาก็ได้อาบน้ำเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะมาอ่านตำราพิชิตใจชาย?

หลังจากที่ทั้งสองได้ทำอะไรกันจนเสร็จสรรพเทียนโจวก็ได้พาปิงจวนออกจากโรงเตี๊ยม ก่อนจะเริ่มออกเดินทางต่อ...




เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์ (ปิงจวน)
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)
+5 จากโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น (หูดี)
+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)
+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+5 มีธาตุทองเหมือนกัน
+20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
-10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว)
+5 กับคนที่สนใจ (มีแผลเป็น)
-5 กับขุนนางในสภา (หยิ่งยะโส)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30
+40
+25

https://rotk.xyz/dzs_npccomrade-fight.html?aid=403


เอฟเฟคตัวละคร ปิงจวน
Points
+2 จากการโรลเรียนรู้(ทะเยอทะยาน)
+4 เมื่อโรลเรียนรู้(หนอนหนังสือ)
+1 จากการโรลเรียนรู้ (ว่องไว)
ผลรวม
+7


ให้ไก่ขอทาน เซี่ยโหวตุน [076]


เอฟเฟคตัวละคร
ความสัมพันธ์ (เซี่ยโหว ตุน)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+15 กับคนชื่อเสียงเดียวกัน (ดี)
-15 ธาตุไม่ถูกกัน (ทอง > ไม้)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
ผลรวม
-5
+30 คุณธรรม



←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้