❀ ช่วยเหลือแม่นางเจิ้ง ❀เข้าพบใต้เท้าติงแห่งเมืองจินหยาง . .
เมื่อเสร็จสิ้นการส่งจดหมาย จิ้นอิ๋งก็เตรียมเดินทางต่อสู่ทางทิศตะวันออกของเมืองเพื่อไปเข้าพบใต้เท้าติงผู้ว่าการของเมืองจินหยางต่อไปตามคำแนะนำของกัวเจียเสียก่อนจะทำการใหญ่ในอนาคตนี้ โดยระหว่างทางการเดินทางนางก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการจับขังสตรีแซ่เจิ้งไว้ในคุกประจำเมืองซ๊เหอแล้ว ทว่ายังไม่มีกำหนดการประหารออกมาเนื่องจากมือปราบหวังผู้ที่จับนักโทษมานั้นกำลังขอรื้อฟื้นคดีตรวจสอบ
ซึ่งนั่นทำให้ดรุณีน้อยนึกขอบคุณมือปราบผู้นั้นไม่น้อยที่ระบบภายในนี้ยังไม่สิ้นคนยุติธรรมไปเสียหมด ก่อนนางจะเร่งห้อม้าไปยังเมืองจินหยางเพื่อทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองด้วยเช่นกัน . . ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามจิ้นอิ๋งก็มาถึงยังเมืองจินหยาง หลังสอบถามชาวเมืองถึงสถานที่ตั้งของจวนเจ้าเมืองเรียบร้อยแล้วในยามนี้นางก็มาถึงยังจวนตระกูลติงในที่สุด
" ข้ากู่จิ้นอิ๋งจากลั่วหยางเจ้าค่ะ.. มาขอเข้าพบท่านเจ้าเมืองจินหยางตามคำแนะนำของสหายแซ่กัวจากเฉินหลิว ...พอดีข้ามีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองน่ะเจ้าค่ะ "
ในตอนยืนทำตัวไม่ถูกยังหน้าจวนอยู่สักพักจนทหารยามที่เฝ้าแทบนิ่วหน้า สุดท้ายเด็กสาวก็เอ่ยจุดประสงค์ออกไปให้ ทว่าเพราะความไร้ชื่อเสียงเรียงนามเป็นที่รู้จักของนาง รวมถึงเหตุผลที่ไม่ได้บอกมาให้ชัดแจ้งทำให้เหล่าทหารยามยังคงดูไม่ไว้วางใจดรุณีน้อยให้เข้าพบในทันทีได้ ทหารสองนายคล้ายสบตามองกันแล้วบอกเพียงแค่ว่าจะเข้าไปแจ้งผู้เป็นนายให้และให้นางรอยังด้านหน้าจวนนี้เสียก่อน
ซึ่งในเวลาราวสองเค่อจิ้นอิ๋งก็ถูกเชิญให้เข้าไปด้านใน ทว่าในตอนที่นางกำลังเดินไปตามทางเดินกรวดที่ทอดยาวสู่เส้นทางปีกซ้ายอันเป็นสถานที่ราชการที่ท่านเจ้าเมืองกำลังทำงานอยู่ด้านใน กลับแว่วเสียงของบางสิ่งแหวกอากาศพุ่งมาหา ในตอนชะงักงันเพื่อผินใบหน้าไปตามที่มาเสียง ทวนไม้สำหรับซ้อมด้ามหนึ่งพลันปักลงพื้นเบื้องหน้าของเด็กสาวโดยห่างไปเพียงหนึ่งฉื่อ ดวงหน้านวลแทบซีดเซียดหลังเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่เกือบจะโดนทวนเสียบเข้าให้ถ้าไม่ชะงักหยุดลงเมื่อครู่
ดวงตาติดโศกพลันเลื่อนมองทวนตรงหน้าด้วยความหวั่นหวาด แม้แต่ทหารยามที่เดินนำก่อนหน้าก็หันมาหาสตรีที่พามาด้วยความตกใจไม่ต่างกัน ทว่ายังไม่ทันที่จะได้เอ่ยต่อว่าผู้กระทำเสียมารยาทแทนเด็กสาวที่แทบยืนแข็งทื่อไม่กล้าขยับ ทหารนายนั้นก็เป็นอันต้องเงียบเสียงลงทันทีที่เจ้าของทวนปรากฏตัว พร้อมกันนั้นเงาที่ทอดพาดทับร่างเล็กของจิ้นอิ๋งก็คล้ายช่วยเรียกสติให้นางค่อยคอยถอยร่างหลบออกไกลจากทวนไม้นั้น
" นางเป็นใคร มีธุระอันใดถึงปล่อยสตรีเข้ามาเขตส่วนพื้นที่ราชการง่ายดายเช่นนี้ "
แต่แล้วเสียงเข้มกึ่งดุของบุรุษผู้มาเยือนคนใหม่ทำเอาเด็กสาวแทบชะงักฝีเท้าไม่กล้าผินสายตาสบมองร่างสูงใหญ่ข้างกาย ดวงหน้าแทบฉายความกริ่นกลัวขึ้นมา ก่อนริมฝีปากที่ถูกเม้มเสียซับสีจะพยายามเปิดปากเอ่ยตอบกลับไปแม้จะสั่นระริกจนน้ำเสียงหวานแว่วฟังตะกุกตะกักก็ตามที
" ข้า.. กู่จิ้นอิ๋งจากลั่วหยางเจ้าค่ะ มา… มาขอเข้าพบท่านเจ้าเมืองจินหยาง เพื่อขอความ ..ช่วยเหลือน่ะเจ้าค่ะ " สิ้นเสียงนางก็พยายามเลื่อนสายตาสบร่างสูงที่ยืนข่มข้างกายนางนี้ให้เห็นความจริงใจในแววตา แม้จะเริ่มทอความไหวระริกจากความกลัวเสียหลายส่วนก็ตามที
" ข้าน้อยได้มาแจ้งทางใต้เท้าติงแล้วขอรับ! ท่านใต้เท้ายินยอมให้เข้าพบจึงได้นำทางนางเข้ามา ขออภัยท่านหลี่ที่ไม่ได้แจ้ง--.. "
" เจ้า… จากวันงานประชันพลังนี่ ผู้เป็นนายของผู้ลงประชันแซ่ถานนั่นใช่หรือไม่? "
ทว่าทหารยามที่พยายามแก้ต่างให้จิ้นอิ๋งยังไม่ทันเอ่ยได้จบประโยคดี บุรุษร่างใหญ่ผู้นั้นกลับก้มใบหน้าจนอยู่ระดับเดียวกับเด็กสาวแล้วเอ่ยแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วนทั้งยังใคร่รู้ไม่น้อยทำเอาทหารยามผู้นั้นชะงักปากหยุดกล่าวไปจนคล้ายพะงาบงับลมอยู่สักพักก็ส่งสายตาเห็นใจคืนแก่ดรุณีน้อยเสียอย่างนั้น
" ...เจ้าค่ะ ท่านหลี่? หลี่เฟิ่งเซียนหรือเจ้าคะ? "
" หืม~ รู้จักข้าด้วยงั้นหรือ " น้ำเสียงทุ้มชอบใจอยู่หลายส่วนแต่จิ้นอิ๋งกลับเพียงส่งรอยยิ้มแหยกลับหาก่อนเอ่ยอธิบายไป
" ได้ยินชื่อจาก.. ผู้ที่ให้เงินรางวัลเสริมแก่ผู้ติดตามข้าน่ะเจ้าค่ะ ขอบคุณน้ำใจท่านหลี่มากนะเจ้าคะ… "
ดรุณีน้อยลากเสียงในตอนท้ายเล็กน้อยระหว่างคว้าเอาย่ามที่สะพายมาเปิดดูของอยู่พักหนึ่ง สุราชั้นดีที่ตั้งใจเอามามอบแก่ท่านเจ้าเมืองคู่กับอาหารเมนูเป็ดที่พี่สาวซูฮวาเคยกล่าวว่าเคยได้ยินว่าเป็นเมนูโปรดของใต้เท้าติง นางพลันจำต้องยื่นส่งไหสุรากานเหม่ยจือให้แก่อีกบุรุษผู้นี้แทนเพื่อตอบแทนอีกฝ่ายแทนผู้ติดตามของนาง
" ถือว่าตอบแทนกลับน้ำใจของท่านแทนผู้ติดตามของข้านะเจ้าคะ ได้โปรดรับไว้ด้วยเจ้าค่ะ "
สิ้นเสียงที่เริ่มกลับมาเอ่ยมั่นคงได้อีกหนเพราะบรรยากาศรอบตัวของบุรุษร่างสูงตรงหน้านางไม่ได้กดดันอย่างก่อนหน้านี้อีก หลี่เฟิ่งเซียนก็รับของมาทั้งรอยยิ้มประดับดูพึงใจ ทว่าในตอนที่จิ้นอิ๋งคิดว่านางน่าจะได้ถูกปล่อยตัวให้ไปหาใต้เท้าติงต่อแล้วนั้น บุรุษแซ่หลี่กลับไล่ทหารยามที่นำให้กลับไปเฝ้ายังหน้าทางเข้าจวนเช่นเดิม พลางดึงทวนไม้จากพื้นแล้วโยนหายังทหารนายอื่นที่ร่วมซ้อมมือกับตนเมื่อครู่และพเยิดหน้าเดินนำเด็กสาวเพื่อพาไปพบใต้เท้าเอง ดรุณีน้อยที่เห็นก็คล้ายกลับมาเกร็งเช่นเดิมหลังจากที่โล่งใจไปแล้ว ก่อนนางจะค่อยคอยเดินตามอีกบุรุษไปด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
. ยามมาถึงยังเขตส่วนภายในสถานที่ราชการ ใต้เท้าติงกำลังนั่งหลังโต๊ะลงมือตรวจสอบเอกสารคดีต่าง ๆ ในเมืองจินหยางอย่างขมักเขม้น ทันทีที่ได้ยินพ่อบ้านแจ้งการมาเยือนหาของบุตรบุญธรรมพร้อมสตรีไม่คุ้นชื่อที่อ้างพาดถึงนามของบัณฑิตหนุ่มอัจฉริยะแห่งเฉินหลิว ใต้เท้าติงพลันละมือจากงานก่อนผายมือทั้งสองให้นั่งยังเก้าอี้ที่ว่างยังฝั่งตรงข้ามโต๊ะของตน
" เชิญนั่งก่อนแม่นางกู่.. แล้วฝึกทหารเสร็จแล้วงั้นหรือเฟิ่งเซียนถึงได้พานางมาส่งเช่นนี้ " ท่านเจ้าเมืองกล่าวหาจิ้นอิ๋งด้วยน้ำเสียงติดขรึม ก่อนแว่วน้ำเสียงอ่อนลงยังบุตรบุญธรรมให้ดรุณีน้อยพอสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดของสองบุรุษ
" พักพอดีขอรับ เลยพานางมาส่งให้แทนทหารยามที่เฝ้าประตู "
คำตอบนั้นทำเด็กสาวแอบเถียงในใจขึ้นมาว่าพักเองตามใจชัด ๆ ไหนจะขว้างทวนมาขวางนางอย่างไม่ไว้ใจอีก แล้วไม่รู้ยามนี้นึกครึ้มอะไรถึงปฏิบัติตัวดีกับนางขึ้นเสียอย่างนั้น ทว่าความในใจที่นึกหวั่นเกรงบุรุษแซ่หลี่ก็ไม่ได้เอ่ยออกแต่อย่างใด นางเพียงส่งรอยยิ้มแหยรับคำบุรุษผู้นั้นไปเท่านั้นด้วยเพราะใต้เท้าติงหลังฟังความของผู้เป็นบุตรก็พยักหน้ารับเชื่อสนิทใจแล้วหันมาสบตาดรุณีน้อยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแทน
" เช่นนั้นเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยหรือแม่นาง ..บัณฑิตกัวจากเฉินหลิวแนะนำข้าให้เจ้ามาหาข้างั้นสิ? เจ้าคิดจะทำอะไรงั้นหรือแม่นางกู่ "
สิ้นคำของใต้เท้าติง จิ้นอิ๋งพลันเผลอบีบถุงย่ามที่วางบนตักนางแน่นขึ้นด้วยความกดดันไม่รู้ตัว ก่อนสักพักที่คุมมือตัวเองให้เลิกสั่นได้แล้ว เด็กสาวจะหยิบเอาจดหมายปิดผนึกของกัวเจียขึ้นมาส่งให้แก่เจ้าเมืองจินหยางในที่สุด พร้อมกันนั้นนางก็หยิบเอากล่องอาหารใส่เป็ดอบยอดผักให้แก่อีกฝ่ายไปด้วยเป็นค่าเสียเวลาที่รบกวนเวลาทำงานของใต้เท้าติง
" จดหมาย? "
" เจ้าค่ะ.. อาเจีย… ข้าหมายถึงท่านกัวฟ่งเสี้ยวได้บอกข้าว่าใต้เท้าติงสามารถให้ความช่วยเหลือข้าหลังจากนี้ได้หากส่งจดหมายฉบับนี้ให้แก่ท่าน "
" หลังจากนี้? " ใต้เท้าติงคล้ายทวนจุดน่าสงสัยในประโยคของเด็กสาวขึ้นมา ทว่าจิ้นอิ๋งก็คล้ายไม่ได้ตอบรับคำอะไรมากไปกว่าค้อมศีรษะต่ำหาคล้ายจะร้องขออยู่ในทีทั้งให้ความช่วยเหลือนางและอย่าเพิ่งเอ่ยถามถึงสิ่งที่จะกระทำต่อไปนี้ ทั้งเพื่อความปลอดภัยของตัวนางเองและท่านเจ้าเมืองที่อาจได้ช่วยเหลือนางในอนาคต
" ข้าจะลองคิดดูอีกทีแล้วกัน เจ้าบอกว่ามาจากลั่วหยางงั้นสิ? " หลังเห็นท่าทางนั้นใต้เท้าติงก็ไม่ได้ถือสาเค้นถามมากไปกว่าชูจดหมายนั้นให้ดูว่าการตอบรับให้ความช่วยเหลือคงขึ้นอยู่กับเนื้อหาในจดหมายในฉบับนี้
ระหว่างนั้นท่านเจ้าเมืองพลันวางจดหมายลงข้างกล่องอาหารที่ถูกจิ้นอิ๋งมอบให้ และรับแก้วของบุตรบุญธรรมที่รินสุราให้แก่ตนพร้อมเอ่ยถามเรื่องถิ่นกำเนิดเด็กสาวเพื่อคาดคะเนเรื่องราวไปด้วยว่าตอนนี้ที่ลั่วหยางมีเหตุอะไรที่เป็นเรื่องราวใหญ่โตหรือไม่
" เจ้าค่ะ.. แต่ยามนี้ตัวข้าถูกยึดบ้านยังลั่วหยางจากปัญหาครอบครัวถูกปล้นจากโจร แต่ก็สามารถหาเงินซื้อบ้านหลังเล็กไว้ใช้พักอาศัยไปก่อนแล้วที่ซีเหอน่ะเจ้าค่ะ "
หลังได้ยินชื่อเมืองซีเหอ ใต้เท้าติงที่ยกสุราขึ้นดื่มก็แทบกระแทกแก้ววางลงโต๊ะกระทันหันให้เด็กสาวลอบสะดุ้ง ดวงตากร้าวของอีกบุรุษวัยกลางคนดูมีความครุ่นคิดเจือความคุกรุ่นหลายอย่าง พร้อมลอบมองดรุณีน้อยเบื้องหน้าราวกับพอจะจับเรื่องราวขึ้นมาได้บ้างหลังได้ยินข่าวถึงการจับกุมแม่นางโจรแซ่เจิ้งที่ลอบสังหารแม่ทัพตู่
ไม่รู้เด็กสาวท่าทางไร้พิษสงผู้นี้คิดจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ ทว่าหากมีส่วนก็น่าเป็นห่วงไม่น้อยเลยเชียวหลังเห็นแววตาใสซื่อของนางเช่นนี้
" แม่นางกู่… ข้าล่ะเหลือเชื่อจริง ๆ หวังว่าเจ้าคงไม่ได้จะทำเรื่องโง่เขลาอย่างที่ข้าคิดตอนนี้นะ " เจ้าเมืองจินหยางเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนสีหน้าเครียดขึงจะคลายลงเมื่อได้ลิ้มรสสุราที่ถูกรินอีกหน
" อื้ม.. สุราดี เจ้าได้มาจากไหนงั้นหรือเฟิ่งเซียน "
" จากแม่นางกู่ผู้บ้าบิ่นผู้นี้แลขอรับ "
หลี่เฟิ่งเซียนกล่าวกลั้วขำระหว่างยกสุราขึ้นดื่ม ก่อนส่งแววตาพราวระยับดูถูกใจความอาจหาญของนางที่คงจะกระทำบางสิ่งที่ซีเหอที่มีคดีใหญ่ในยามนี้ ทำเอาจิ้นอิ๋งแทบหน้าซีดจากคำกล่าวนั้นพลางหลุบสายตาต่ำจนเห็นเพียงแต่แพขนตายาวกระพริบระผ่านยังเนินแก้มนวลให้ใต้เท้าติงที่เห็นยิ่งส่ายหน้าราวไม่อยากเชื่อกับสตรีท่าทางไร้เดียงสาเช่นนี้จะนึกทำอะไรใหญ่โตขึ้นมา
" ข้า.. ให้ตอบแทนน้ำใจรางวัลที่ให้แก่ผู้ติดตามของข้าที่ลงแข่งขันประชันพลังที่ลั่วหยางน่ะเจ้าค่ะ… " นางเอ่ยแก้ต่างไม่ให้โดนเข้าใจผิดไป ก่อนริมฝีปากเล็กพลันเม้มแน่นดูครุ่นคิดหนักก่อนคลายออกเพื่อกล่าวสิ่งต่อไปนี้โดยหวังให้ท่านเจ้าเมืองลดท่าทางที่มองระอานางลงได้บ้าง
" ข้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ข้าทำจะถือว่าโง่เขลาหรือเกิดผลกระทบต่อข้าถึงเพียงใด เพราะความต้องการที่ข้าอยากจะทำก็มีเพียงหาความยุติธรรมให้แก่แม่นางแซ่เจิ้งผู้นั้นให้ได้รับโทษที่เหมาะสมกว่านี้เท่านั้นเองน่ะเจ้าค่ะ " . " ข้าทราบว่านางทำผิดมาจริงและควรได้รับโทษตามกฎหมาย ถึงอย่างนั้นทางราชการที่อยากทวงหาความเป็นธรรมให้แม่ทัพตู่ที่ถูกสังหาร ก็ควรพิจารณาคดีของแม่นางเจิ้งที่เป็นจริงและเท่าเทียมเช่นกันด้วยสิเจ้าคะ.. เช่นนั้นชาวเมืองที่รู้แจ้งเห็นความจริงแล้วแต่กลับถูกบังคับให้ต้องเห็นสิ่งเหล่านั้นถูกบิดเบือนต่างจากที่เผชิญไป ..พวกเราจะเชื่อถือทางราชการได้อีกนานเท่าไหร่กันเจ้าคะ "
ปลายเสียงน้ำเสียงหวานติดสั่นเครือไม่น้อย แต่หาใช่ความโกรธ น้ำเสียงจิ้นอิ๋งนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและขอร้องอยู่ในที ราวกับกำลังอยากร้องขอฝั่งเจ้าขุนมูลนายทุกท่านผ่านใต้เท้าติงผู้นี้ให้ได้ยินเสียงของนางที่อาจหาญเอ่ยกล่าวในตอนนี้ออกไป
" จิ้นอิ๋งผู้นี้จะขอเชื่อใจพวกท่านนะเจ้าคะ ..ยังเชื่อใจเสมอว่าไม่ได้มีเพียงฝั่งชาวบ้านเช่นเราที่ต้องช่วยเหลือกันเองเจ้าค่ะ "
จบประโยคจิ้นอิ๋งก็คล้ายค้อมหัวคล้ายเตรียมตัวลาแก่เจ้าเมืองจินหยางพร้อมกันนั้นท่าทางที่ค้อมต่ำกว่าปกติก็ราวกับอยากขอโทษในคำกล่าวของนางเองด้วยหากเอ่ยสิ่งใดเสียมารยาทออกไป ซึ่งหลังสิ้นเสียงคำอนุญาตให้ออกไปได้ เด็กสาวก็พยายามบังคับขาที่แทบอ่อนแรงจากความกดดันและความกลัวก่อนหน้าของตนให้ก้าวเดินออกจากจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ไปเพื่อเร่งกลับเมืองซีเหอในเวลาต่อมา
แม้เขาจะไม่สนิทมักจี่กับกัวฟ่งเสี้ยวผู้นี้ทำไมถึงเลือกแนะนำเขา แต่เรื่องนี้พบว่าทางซีเหอผิดจริง ๆ เขาจะลองหาหนทางดูเพื่อช่วยแม่นางเจิ้งผู้นั้น ปัญหาคือตู่จิ้นกงนี่สิแม้เขาจะไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเท่าไหร่ที่เล่นพรรคพวก แต่อำนาจอีกฝ่ายมีในแถบนี้คือของจริง ทางหลี่ปู้ที่เห็นสีหน้าพ่อบุญธรรมเคร่งเครียดเขาก็รู้ว่าต้องออกไป ยามนี้พ่อบุญธรรมต้องการคิดอะไรบางอย่างลำพัง
หลี่ปู้เดินไปขึ้นม้าแก่ของเขาเพื่อควบตามแม่นางกู่...
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย หลี่เฟิ่งเซียน | ติงเจียนหยาง | [013] มอบ สุรากานเหม่ยจือ ให้ สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [013] ธาตุไม้ - ข่มเรา ค่าชื่อเสียง : -5 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนหัวคลั่ง และ +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง | [150] มอบ เป็ดอบยอดผัก ให้ สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [150] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย ค่าชื่อเสียง : +15 ความสัมพันธ์เมื่อเจอคนชื่อเสียงเดียวกัน และ +30 คุณธรรมเมื่อเจอคนหัวดี |
|