-อัญเชิญวีรชน ฟู่เฮ่า- ตกแต่งวิหาร ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ ‘การก่อสร้างเทวสถานเทียนจีเสร็จสิ้นแล้ว อัครสาวกเชิญให้ท่านเมะาจารย์ไปตรวจสอบความเรียบร้อย’ ยังไม่ทันที่โม่เสวียนจะได้เบี่ยงปลายเท้าของตนไปยังลานศรัทธาวิหคสื่อสารแบบที่ในิยมใช้ในเมืองก็บิยมาเกาะบ่าเสียก่อน เมืองซินเย่เลี่ยงพิราบแล้วไปฝึกกาส่งสารนั่นเพราะมันทนทานต่อสภาพอากาศได้มากกว่า ทั้งยังเป้นนิที่พบเจอได้ง่ายอยู่ได้ทุกที่ ความคิดนี้เป้นเยว่เฟยสนับสนุนเผื่อว่าจะมีประโยชน์ในศึกสงคราม ทั้งสองใช้เวลาไม่นานนักในการเดินทางมาถึงฝั่งตะวันออกของนคร เพียงเพื่อจะพบกับศิลาหินขาวถูกสลักเรียงตามลำดับจันทรคติสิบห้าขั้นกว้างสลับนิลสิบห้าขั้นสั้น เจ้าของเนตรครามคลี่รอยยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจเมื่อพบว่าหน้าตัดบันไดทุกขั้นสลักคติธรรมอยู่ “พวกเขาสร้างออกมาได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้” ‘เรียนรู้บทกวีเพียงขัดเกลาตน หาใช้เพื่อคำชมเชยจากผู้อื่น ผกาผลิดอกหอมหวนด้วยตัวมัน หาใช้ผู้ใดกำหนดให้แย้มบาน’ “นายท่าน? นี่มิใช่คำสอนหรอกหรือขอรับ ทำไม..” จื่อหลงคอยอารักขาอยุ่ด้านข้างก็เห้นแล้วเช่นกัน เขาถึงกับวางเท้าไม่ถูกเมื่อพบว่าทุกขั้นบันใดจารสิ่งใดเอาไว้ ทั้งที่เป็นบทในพระคัมภีร์ ไฉนกลับนำมาให้ผู้คนนับพันเหยียบย่ำ “จะแปลกใจอันใดเล่า.. ทุกสรรพชีวิตล้วนคืนสู่ผืนดิน ขุนเขาที่สูงเสียดฟ้าก็สร้างจากก้อนดินเล็กๆ สัจธรรมของข้าจะคงอยู่เคียงคู่กับผืนดินนี้.. ในที่ๆ พวกเขามองเห้นได้ จับต้องได้ และระลึงถึงได้เสมอ” ศาสดาของเจียหลุนชางไม่ปรารถนาให้คำสอนกลายเป็นสิ่งที่ต้องยกขึ้นหิ้งบูชาและถูกหลงลืมไปตามกาล โม่เสวียนหัวเราะอย่างเบิกบานขณะก้าวเข้าไปเพื่อพบปะกับอัครสาวก ญาติผู้ที่ตนเชื้อเชิญมาจากปาสู่โดยเฉพาะ ท่ามกลางช่องแสงที่ถูกออกแบบมาให้เปิดรับแสงสว่างได้ทั้งกลางวันกลางคืน ทางเดินของพวกเขาจึงรายล้อมไปด้วยนวลแสงอ่อนตา วิหารศิลาขาวยกชั้นด้วยไม้หอมเนื้อดีทั้งโอ่ดถงและสง่างามเรียบง่าย ต่างจากสถานที่ทางศาสนาแหล่งอื่น ไม่มีการจุดรมเครื่องหอมที่สร้างความฟุ่มเฟือย ไร้ควันธูป มีก็แต่เพียงเสียงของน้ำที่ไหลผ่านรางตลอดไปโดยทั่วเทวสถาน ให้ความสนชื่อนและอากาศอันสดชื่นปลอดโปร่ง โถงใหญ่ด้านหน้าเทวสถานคือลานรวมตัว บนพื้นที่สร้างอย่างปราณีตใช้สถาปัตยกรรมพิเศษเป็นพื้นที่สามารถมองเห็นทะลุผ่านลงไปด้านล่างใช้การเรียงตัวของหินสี ก่อให้เกิดภาพสัญลักษณ์ทางธรรมอันตรงการตา ทุกครังที่มีผู้ก้าวผ่าน แผ่นหินสีเหล่านั้นก็จะพลิกไปตามแรงสะเทือนเปลี่ยนเป้นข้อความหรือสัญลักษณ์อื่นอีกนับสิบ “องค์เทวาแห่งปัญญาทรงโปรด เหล่าสาวกน้อมรับเมธาจารย์.. ท่านมาแล้ว” สุดของลานกว้างมีชายในอาภรณ์สีม่วงอ่อนสีเส้นผมสีเงินทึบน้อมลงคาราวะเจ้าเมืองเสิ่นทันทีที่มา ด้านหลังของเขาคือแถวเรียงรายของเหล่าผู้ศรัทธาที่ยังไมไ่ด้รับการแต่งตั้งเป้นนักบวชอย่างเป้นทางการหรือทีเ่รียกว่าสาวกนั่นเอง “สุขสวัสดิ์จงมีแด่พวกท่าน ลุกขึ้นเถิดญาติข้า.. ในที่สุดเทวสถานแห่งแรกก็เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยพาข้าไปชมด้านในได้ไหม?” คนชุดครามพยักหน้าแล้วเข้าไปประคองัรบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ถึงเวลเที่ยวชมและจัดตกแต่งรายละเอียดเล้กน้อยให้เข้าที่เข้าทาง “ด้วยความยินดี.. ชางจวิน ด้วยความยินดียิ่ง” หัวหน้านักบวชคนแรกของเจียหลุนชางไม่ปฎิเสธความปลาบปลื้มบนในหน้า เขาพาให้อีกฝ่ายชมดูส่วนของโรเงรียนศาสนาที่จะรับเด็กกำพร้าและเด็กยากไร้มาอบรมให้ความรุ้โดยไม่แบ่งแยกชนชั้น อีกด้านหนึ่งแยกออกเป็นหอพักของเหล่าสาวก ซึ่งส่วนมากคือบัณฑิตผู้ใคร่รู้และกระหายในการศึกษา ส่วนของลานกว้างเป็นของเหล่าผู้เด่นล้ำเชิงยุทธ์ที่จะเปิดการสอนและอบรมวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวแขนงต่างๆ ในอนาคต สำหรับนักชวชและผู้ที่สนใจ “แม้ในตอนแรกยังมีเด็กๆ ไม่มาก แต่หอเทียนจีจะเริ่มเปิดการศึกษาค้นคว้าอย่างเต็มรุปแบบทันทีที่ท่านอนุญาตขอรับ” “เริ่มได้เร็วเท่าไรยิ่งดี หากมีสิ่งีท่ขาดเหลือให้แจ้งข้าโดยตรง จำไว้เสมอว่าอนาคตของใต้หล้าขึ้นอยุ่กับชนรุ่นหลัง” ศาสดาหนุ่มพยักหน้ารับอีกครา หนึ่งในเหตุผลที่เขายอมจ่ายเพื่อสร้างสถานีท่นี้ ก้คือจุดประสงคืเพื่อรวบรวมเหล่าคนไร้ที่ไปมาฝึกฝนทักษาะใช้ชีวิต รวมไปถึงเอาจัวรอดจากยุคสมัยแร้นแค้น ไม่แน่ว่าหนึ่งในต้นกล้าีท่เขาปั้นขึ้นมา อาจจะมีจอมคนแห่งยุคถือกำเนิด จื่อหลงออกเดินตามทัง้สองไปพร้อมกับเงี่ยหูฟังพลางๆ ลูบรอบแผลเป็นบนข้อศอกตน เป้นไปได้ไหมว่าท่านเจ้าเมืองคิดจะสร้างกองกำลังนักบวชขึ้นมาในอนาคต ดูแล้วเขาก็เกิดความสนใจไม่น้อย สถานที่แห่งนี้ให้กลิ่นอายสงบสุข เหมือนบ้านและที่พักพิงมากกว่าจะเป็นวิหารทางศาสนา “ข้าเดาว่าท่านต้องอยากชมสิ่งนี้แน่” หัวหน้านักบวชผายมือไปทางเส้นหลัก ลึกเข้าไปด้านในเทวสถาน โม่เสวียนออกเดินสำรวจไปตามแปลนที่ตนวางไว้ จนกระทั่งถึงใจกลางของเทวสถานภาพที่เห้นเบื้องหน้าก็ปลิดทุกลมหายใจให้ยิ่งตราตรึง “จิตแห่งปัญญาทรงอำนวยพร.. ข้าไม่นึกว่าพวกเจ้าจะหามันพบจริงๆ มหาพฤกษาในนิมิตของข้า” เสิ่นหานเช่อตื้นตันไม่ต่างจากอีกฝ่าย เดิมทีเขาคิดว่าญาติผู้น้องเพียงฝันเฟื่องถึงได้ส่งจดหมายมาให้เขาออกไปตามหาต้นไม้ประหลาด จนกระทั่งได้พบเข้ากับของจริงในป่าลึกแห่งหนึ่งของปาสู “ครั้งนั้นท่านบอกให้พวกเราลงใต้ ลัดเล่าตามแม่น้ำและตามรอยเท้าของเทวฑูตไป.. ข้ายังคิดว่าท่านเสียสติไปแล้วถึงได้เชื่อว่าจะเจอของแบบนี้ในแดนกันดาร” เทวฑูตที่พวเขาพบคือนกยูงเผือกตัวหนึ่ง พูดให้ถูกคือรอยเท้า และเมื่อตามไปจึงได้พบกับต้นไม้ประหลาด นี้ โม่เสวียนเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่ามีอยู่จริง น่าแปลกที่มันดูเหมือนตายไปแล้วขณะเดียวกันก็กำลังเติบโต ใบสีทองที่ว่ามิใช่ทองคำแต่ลวดลายและเส้นสายนั้นเหลือบรับกับแสงอย่างประหลาดตา นี่อาจเป้นพืชพันธุ์โบราณที่หายากยิ่งในยุคของพวกเขา “ตอนแรกข้าเข้าใจว่าเป็นตำนานเสียอีก ต้นไม้ที่มีกิ่งก้านดั่งจันทรา และผลิใบเสมือนแสงสุริยัน? มันมีอยู่จริงด้วย” จื่อหลงไม่เคยคิดมาก่อนว่ามหาพฤกษาแห่งปัญญาที่โม่เสวียนเคยพูดถึงนั้นจะมาอยุ่ตรงหน้าเขา วูบหนึง่ที่ความศรัทธาทะยานขึ้นสูง เขาก็พบว่านายท่านเข้าไปใกล้และฝังใบหน้าลงกับลำต้นสีขางเงินราวกับรักใคร่ “แน่นอน ข้าเชื่อว่าอะไรบางอย่างที่ลังเฝ้ามองการเดินทางของพวกเราอยู่ คงช่วยส่งสิ่งนี้มาเพื่อช่วยยืนยัน.. วิถีของพวกเราจะไม่ผันแปร ด้วยความช่วยเหลือจากอมตะชน” หลายครัง้ที่โม่เสวียนกล่าวบางอย่างที่คนอื่นๆ ล้วนไม่เข้าใจ แต่ทว่าเจียหลุนชางก็เป้นเช่นนี้ มีสิ่งไม่รุ้เพื่อให้พวกเขาสามารถ ‘เรียนรู้’ ได้ในภายหลัง โม่เสวียนใช้เวลากับมหาพฤกษาเพื่อประดับผ้ามงคล หรือก็คือเครื่องรางเป้นตัวแทนของศาสดา ให้อำนาจปกป้องต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ผู้ที่ก้าวเข้ามาในเขตที่รากของต้ไไม้ไปถึง จะได้รับผลพวงแห่งปัญญาญาณ ตามที่นิมิตของเขากล่าวเอาไว้ ครั้นทุกสิ่งเสร็จสมบูรณ์ ทั้งจื่อหลงหร้อมนายของเขาก็ได้มานั่งพักอยู่ที่ข้างลานน้ำพุกลางแจ้ง “หิวรึยัง? เจ้าจะกินนี่รองท้องก็ได้นะ?” ริมฝีปากซีดคว้าเอาฮวาเจียวปิ้งย่างขึ้นมากัดไปยังไม่ทันครบหน้าไม้ จู่ๆ ท้องฟ้าดา้นบนก็เปิดออกพร้อมกับร่างในชุดเกราะเบาของอิสตรีผมดำยาวถือธนูร่อนลงมา นี่เป้นภาพที่ดม่เสวียนเริ่มจะยินแต่กับจื่อหลงนั้นไม่ใช่ พร้อมกันกับที่หญิงแปลกหน้ายอบกายลงด้านข้างเจ้าเมืองซินเย่ องค์รักษ์หนุ่มก็ตั้งทวนออกไปหาอีกฝ่าย “ผู้มาเยือน เจ้าเป็นใคร แสดงตัวมา!” สตรีผู้นั้นเงยหน้าขึ้นสิง่ีท่เห้นได้คือคิ้วหงส์และแววตาเด็ดเดี่ยว นางทราบได้ทันทีว่าตนต้องภักดีต่อใคร จึงไม่สนพ่อหนุ่มเกราะขาวที่เข้ามาขัดจังหวะ “ยามเสียงแตรศึกกู่ร้องอีกครั้ง ให้ข้าได้เคียงข้างท่านในสนามรบ ‘ฟู่ เฮ่า’ จะมอบเกียรติยศที่ผู้อื่นทำได้เพียงใฝ่ฝันถึงให้แก่ท่าน” “...ฟู่ เฮ่า? การมาของพวกเจ้าแต่ละคนล้วนไม่ธรรมดา เอาเถิด คงมีบางสิ่งที่เห้นใจข้าจึงได้มอบสหายร่วมหนทางที่ยากลำบากนี้ รีบลุกขึ้น หิวไหม.. รับไปสิ ข้าไม่มีของพบหน้าอย่างอื่น หวังว่าเจ้าจะชอบ” โม่เสวียนให้สัญญาณจื่อหลงเก็บทวน เมื่อสตรีชุดเกระาเบาก้าวเข้ามาใหล้ตนจึงมอบฮวาเจียวอีกสามไม้เป้นการผูกเมิตร “บังอาจถามนายท่านของข้า.. ที่นี่คือที่ใด และ.. ท่านคือ..” เจ้าของชุดครามไม่ทันตอบจื่อหลงก็กล่าวอย่างมั่นคง “เทวสถานเจียหลุนชาง นครซินเย่ ผู้ที่อยุ่เบื้องหน้าเจ้าคือเจ้าเมืองคนปัจจุบัน ใต้เท้าเสิ่น และเป็นนายของข้าเช่นกัน” “อื้ม.. ข้าต้องการที่จะทราบเพื่อสลับความภักดีไว้ให้สลักแน่นในจิตวิญญาณ เช่นนั้น เจ้าล่ะเป้นใครพ่อหนุ่มน้อย” ฟู่เฮ่าคลี่รอยิย้มยียวน ราวกับกำลังหยอกเย้าอีกฝ่ายทำให้ขุนพลหนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“เขาคือขุนพลของข้า มีนามว่าจ้าวจื่อหลง ฟู่เฮ่า เจ้าสามารถเรียกข้าว่านายท่านเหมือนคนอื่นๆ” โม่เสวียนเห้นว่านางกินจนหมดไม้แล้วจึงส่งให้อีก ดุท่าเจ้าตัวจะชื่นชอบอาหารย่าง “ฟู่เฮ่าจะจดจำไว้” ดูท่าการกลับมาในโลกใบใหม่นี้ยังมีอีกหลายเรื่องีท่ต้องเรียนรุ้แล้วสิ ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ • ♦ -เอฟเฟคตัวละคร- +2 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ +2 Point ทุกครั้งที่โรลใช้กลอุบาย
(อัจฉริยะ) +5 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย +5 Point จากการโรลเรียนรู้(หูดี) +5 EXP จากการโรลสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น +2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย(เห็นอกเห็นใจ) +3 Point จากการโรลปกครองเมืองด้วยความเมตตาธรรม +20 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น หรือ ทำงานช่วยเหลือ -2 Point เมื่อใช้อุบายแผนการ(นักวิชาการ) +4 Point เมื่อโรลเพลย์เรียนรู้(นักวางแผน) +5 Point เมื่อโรลเพลย์วางแผน ดำเนินกลอุบายรวม 21 Point 55exp -25 ความเครียดจากการกิน -ระบบเสริม- -25 ความเครียดโรลทานอาหาร +20 คุณธรรม พบหัวดี . เอฟเฟคจ้าวจื่อหลง +10 EXP เมื่อโรลแสดงความห้าวหาญ (กล้าหาญ) +5 EXP เมื่อโรลเพลย์พูดปลุกใจผู้คน (กล้าหาญ) +2 Point จากโรลช่วยเหลือส่งเสริมผู้อื่นโดยบริสุทธิ์ใจ (ซื่อสัตย์) +5 EXP จากการโรลประพฤติตนน่าเชื่อถือ สร้างความไว้ใจต่อผู้อื่น (ซื่อสัตย์) +7 EXP จากการทำงานช่วยเหลือเจ้านาย (ซื่อสัตย์) +10 EXP จากการทำงานช่วยเหลือราชสำนักฮั่น (ซื่อสัตย์) +5 EXP ในขณะที่โรลเพลย์ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย (ซื่อสัตย์) +1 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ (เที่ยงธรรม) +20 EXP เมื่อโรลเพลย์หยิ่งในศักดิ์ศรี (มีแผลเป็น) +4 Point เมื่อโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ (หล่อ/สวย)รวม +7 POINT +62 EXP . เอฟเฟค ฟู่ เฮ่า +10 EXP เมื่อโรลแสดงความห้าวหาญ (กล้าหาญ) +5 EXP เมื่อโรลเพลย์พูดปลุกใจผู้คน (กล้าหาญ) +2 Point จากโรลช่วยเหลือส่งเสริมผู้อื่นโดยบริสุทธิ์ใจ (ซื่อสัตย์) +5 EXP จากการโรลประพฤติตนน่าเชื่อถือ สร้างความไว้ใจต่อผู้อื่น (ซื่อสัตย์) +7 EXP จากการทำงานช่วยเหลือเจ้านาย (ซื่อสัตย์) +10 EXP จากการทำงานช่วยเหลือราชสำนักฮั่น (ซื่อสัตย์) +5 EXP ในขณะที่โรลเพลย์ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย (ซื่อสัตย์) +1 Point ทุกครั้งที่โรลเรียนรู้ (เที่ยงธรรม) +5 EXP จากการโรลเพลย์บริหารเสน่ห์ (คิ้วหงส์) +2 Point จากการโรลใช้แผนการหรือกลอุบาย (หูดี) +1 Point จากการโรลใช้แผนการและกลอุบาย (ว่องไว) +1 Point จากการโรลเรียนรู้ (ว่องไว)รวม 47 exp 7 point . ความสัมพันธ์ [H-018] ฟู่เฮ่า +35 มอบฮวาเจียวปิ้งย่าง +15 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย (หูดี) +20 ความสัมพันธ์ เมื่อโรลกับคนที่คุณสนใจ (ผู้กล้า) +20 อิเวนท์อัญเชิญวีรชน +5 พูดคุยรายวันรวม +95 . —-----------
x3.5 ความศรัทธา ทุกครั้งที่คุยแลกเปลี่ยนศาสนากับคนศาสนาเดียวกัน -จื่อหลง- กล้าหาญ, โม่เสวียน-เห็นอกเห็นใจ,เลื่อมใสศรัทธา +20 ความศรัทธา เมื่อโรลเผยแพร่ความกล้าหาญ (กลางเหตุการณ์ไปเลย) +10 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ
(เลื่อมใสศรัทธา) +25 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิ +15 ความศรัทธา ทุกครั้งที่โรลเผยแพร่ลัทธิหรือ โรลเกี่ยวกับศาสนา x4 ความศรัทธา เจ้าลัทธิ x2 ความศรัทธา VIP
|