ณ ท่าเรือเจียวลู่นอกเมืองเว่ยหนานมีบุรุษสี่คนประกอบไปด้วย หลี่ซีซวน เฉินหยาง เทียนอินฉี เซี่ยงอวี่ พวกเขากำลังยืนรับลมหนาวของเหมันตฤดูบริเวณด้านหน้าที่พักสินค้าจากเรือสำเภา สองวันก่อนได้รับรายงานว่าเกิดความวุ่นวายจนเกือบควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทำให้ต้องมาตรวจสอบด้วยตนเอง ผู้คนแวะเวียนมาท่าเรือแทบทุกวันขนาดว่าเป็นช่วงหน้าหนาวจัดขนาดนี้แล้ว เซี่ยงอวี่ออกจากค่ายทหารมาเนื่องจากอับเฉากับค่ายทหาร ค่อยกลับเข้าไปพร้อมเจ้านาย ชายหนุ่มยืนลูบเคราตัวเองมองดูแม่น้ำฮวงโหกับเรือสำเภาขนาดต่างๆลอยล่องในนาวา ผสมกับเสียงผู้คนจากสถานที่ต่างๆแถบท่าเรือ ความจอแจเป็นเรื่องปรกติ เรือประมงหลายลำจอดเทียบท่านิ่งไม่สามารถออกไปหาปลาในช่วงเวลาอันหนาวจัดขนาดนี้
พวกเขาทั้งหมดสี่คน หลี่ซีซวน เฉินหยาง เทียนอินฉี เซี่ยงอวี่ ต่างหาที่นั่งได้ตรงมุมที่พักหนึ่งของท่าเรือเจียวลู่ เฉินหยางผู้รู้จักเว่ยหนานดีที่สุดกว่าใครในนี้ทั้งหมดได้จ้างคนให้นำเหล้าร้อนมาให้พวกเขาดื่มแก้หนาว แน่นอนว่าได้ชุดน้ำชามาหนึ่งกาสำหรับเจ้านายของเขาด้วย คณะทำงานของเมืองเว่ยหนานแทบไม่ได้สนทนากันมากไปกว่าการมองดูท่าเรือมีชีวิตเปี่ยมด้วยผู้คนกำลังขนถ่ายสินค้าขึ้นท่าเรือ
"เฉินหยาง ข้ายังมองไม่เห็นความวุ่นวายตามที่ท่านรายงานเจ้านาย"
เซี่ยงอวี่กันมามองเฉินหยางพลางวางถ้วยสุราสามขาลงบนโต๊ะ ใบหน้าเคร่งขรึมอย่างต้องการคำตอบแท้จริง
"เซี่ยงอวี่ สหายเรา ท่านคิดว่ามันเกิดขึ้นทุกวันอย่างนั้นหรือ"
เขาไม่ได้หวังว่าสวรรค์จะบัลดาลให้เกิดความโกลาหลได้ทุกวัน มันเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ ดั่งพยากรณ์อากาศของทุกวัน
"หรือเราต้องเฝ้าดูท่าเรือทุกวัน จนกว่าเหตุการณ์นั้นจะมาถึง
เซี่ยงอวี่เป็นนักรบ ขุนพล และจอมทัพ ย่อมไม่อาจทนให้ผู้อื่นลูบคมดาบได้ง่ายดาย หากไม่ติดเจ้านายนั่งร่วมอยู่ด้วย มันคงได้เกิดการดวลฝีมือเชิงดาบกันเป็นแน่
"แล้วอย่างนั้นเราจะมีทหารตรวจการณ์ไว้ทำไมกัน"
เฉินหยางรับราชการมาค่อนชีวิต มันก็ไม่อาจให้ผู้ใดมาหลู่เกียรติเช่นกัน
"ใยพวกท่านสองคนต้องมาวิวาทะกันเช่นนี้ เหตุชุลมุนไม่มีย่อมดีแล้วมิใช่หรือ" เทียนอินฉีเสียงดังเล็กน้อยไม่อยากให้ถึงต้องตะโกนห้ามทัพ "อย่างน้อยมาดูความเรียบร้อยของท่าเรือ ชาวประมงงดออกหาปลา พวกท่านก็งดวิวาทบ้างเถอะ"
หลี่ซีซวนไม่ได้เอ่ยวาจาใดเป็นการปรามขุนนางกับที่ปรึกษา ใช้เวลาดูความผิดปรกติเรื่องอื่น การขนถ่ายสินค้าปรกติ หากความปรกตินั้นจับได้ว่ามีลอบจ่ายเงิน เพื่อให้สินค้าผ่านทางได้โดยสะดวก การติดสินบนลักษณะนี้ย่อมหมายความว่ามีการลักลอบขนของเถื่อนขึ้นท่าเรือ น้ำชายังอุ่น ควันลอยกรุ่นเหนือถ้วยชา เขาลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังท่าเทียบเรือทันที ทำให้บรรกาที่ปรึกษากับขุนนางต่างรีบลุกเดินตามเจ้านายหนุ่มให้ทัน
เมื่อเดินทางมาถึงท่าเทียบเรือดังกล่าว ทำให้พบข้อพิรุธธโดยไม่ได้ตั้งใจ ทหารตรวจการณ์สามนายเดินตามถึงทันทีได้รับสัญญาณมือจากเทียนอินฉี สายตามองดูสินค้าบนกระดานไม้พบว่าเป็นของประเภทของประดับตกแต่งบ้านเป็นส่วนใหญ่กับลังผลไม้สองถึงสามชนิด การขนถ่ายสินค้าเป็นเรื่องปรกติ จึงสำรวจดูสินค้าโดยละเอียด ให้ทหารจัดการตรวจค้นไม่ให้สินค้าใดบอบช้ำ เพราะอาจมีการร้องเรียนถึงราชสำนักได้ภายหลัง
"นายท่านพบสิ่งใด จึงได้ให้ทหารตรวจค้นละเอียดขนาดนี้ ท่านมอบให้ข้า เฉินหยางกับเทียนอินฉีกระทำต่อได้"
เฉินหยางไม่เห็นเจ้านายเคร่งขรึมแบบนี้มานาน เว้นแต่เจอสิ่งที่กระตุกหนวดกิเลน
"เฉินหยาง ตามกฎหมายของต้าฮั่น โทษของการจ่ายสินบน ลักลอบขนของผิดกฎหมาย มีโทษสถานใด"
เจ้าเมืองหนุ่มไม่ได้ตอบคำถามของเฉินหยาง กลับถามถึงกฎหมายและบทลงโทษจากปลัดทัพของค่ายพยัคฆ์
พลัน เซี่ยงอวี่ยืนกันพวกมันคิดหลบหนีจากท่าเรือพร้อมกับเทียนอินฉี อย่าได้คิดลองดีกับขุนพลพยัคฆ์ ไม่ทราบว่ากระบี่ประจำตัวของหลี่ซีซวนไปอยู่ในมือของเซี่ยงอวี่ตั้งแต่เมื่อใด การที่อาวุธประจำกายมอบให้ขุนพลย่อมเป็นไปได้ทางเดียวคือลงโทษขั้นประหารและรับฟังคำสั่งจากนายของผู้เป็นเจ้าของกระบี่เท่านั้น
"เรียนท่านเจ้าเมือง ติดสินบนเจ้าหน้าที่ ลักขนของผิดกฏหมาย มีโทษประหารชีวิต"
เฉินหยางตอบเสียงดัง ฉะฉาน พลางมองดูคนบริเวณท่าเรือทั้งหมด
"นำตัวพวกมันทั้งหมด พร้อมด้วยหลักฐานไปที่ศาลรอการไตร่สวน"
ทุกคนบริเวณนั้นต่างกลืนน้ำลายเป็นแถว ทราบดีกว่าเจ้าเมืองหนุ่มมาตรวจตราดูความเรียบร้อย ไม่คิดว่าจะลงมาปราบปรามด้วยตนเอง พวกมันทุกคนถูกคุมตัวกลับไปศาลเมืองเว่ยหนาน โชคดีไม่มีการนองเลือดและการขัดขืนการจับกุม ไม่อย่างนั้นต้องลำบากออกแรงให้เป็นความวุ่นวายโดยไม่จำเป็น หลี่ซีซวนเดินชมบริเวณท่าเรือเจียวลู่ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจว่าครบทุกจุด และไม่มีอะไรตกหล่น ค่อยผละตัวจากไป
ถัดจากท่าเรือเจียวลู่ออกมาถึงทุ่งนา ระยะทางไม่ได้ไกลกันมาก ใช้เวลาเดินเท้าเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงจุดหมาย ทุกอย่างไม่มีอะไรให้ต้องกังวล ความสกปรก ความเสียหายจากอุทกภัย ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ทุ่งนากำลังหว่านเมล็ดพันธุ์ใหม่ลงบนแปลงอีกครั้ง ความปรกติสุขกำลังกลับมาหาพวกเขา ทุกข์โศกกำลังจากไปอาจแค่ชั่วคราว ทว่าสิ่งหนึ่งที่มาเยือนเจ้าเมืองหนุ่มคือผมสีขาวแซมตามศีรษะ นับจำนวนแล้วเกินยี่สิบเส้น ไม่ได้ออกตรวจเยี่ยมนาน เห็นทีว่าต้องให้มันเป็นกิจวัตร
พวกเขาสี่คนเดินเท้ามาถึงบริเวณลานก่อกองไฟ ชาวบ้านทั้งหลายกำลังสรวญเส เฮฮา รอบกองไฟ สุขสำราญกับการร่ำสุรา ได้เห็นแบบนี้อยากให้แผ่นไร้สงคราม ราษฎรไร้ทุกข์เข็ญ โจรขโมยไม่มี อุดมคติทำนี้ผู้ปกครองทั้งหลายต่างฝันใฝ่อยากให้เกิดขึ้นจริง ความจริงยิ่กว่านั้นคือมันไม่เคยมีอยู่เลย มันคือมายาคติของนักปราชญ์
"ข้าเพ่งมองนึกว่าผู้ใด ที่แท้เป็นใต้เท้าหลี่ของพวกเรานี่เอง ใต้เท้ายังจำเราผู้เฒ่าได้หรือไม่"
ผู้เฒ่าคนหนึ่งลึกขึ้นยืนจากยืน มือถือจอกสุรา เดินมาหาเจ้าเมืองด้วยความคุ้นเคย
"เหตุใด ข้าจะจำท่านผู้เฒ่าไม่ได้ เพราะท่านยื่นฎีกา ข้าจึงได้เป็นเจ้าเมืองเว่ยหนาน หากข้าเลอะเลือนคงเป็นคนเนรคุณแล้ว"
หลี่ซีซวนยิ้มกว้างด้วยไมตรีจิตให้กับผู้เฒ่า ผู้เป็นแกนนำยื่นฎีกาที่ตลาดเมื่อหลายเดือนก่อน หันมามองหลายคนยังคุ้นหน้าอยู่หลายคน
"มิได้เจอท่านนานทีเดียว หลายคนยังเห็นท่านออกเดินเยี่ยมเยือน ใต้เท้ายังทำงานไม่หยุด รักษาสุขภาพบ้างหนา"
"แม้ไม่ค่อยได้เห็นท่าน พวกเรายังรู้ว่าท่านทำงานอยู่ในจวนร่วมกันที่ปรึกษาของท่าน"
อีกคนที่พูดเสริมขึ้นมาคือหวางคุน ใบหน้าแดงเข้มเพราะฤทธิ์สุราจากการดื่มมาก
"งานเมืองมีมาทุกวัน ให้ข้าหยุดได้หรือ หากไม่สะสางงานด้วยตัวเอง เกรงจะเป็นอันตราย" หลี่ซีซวนเดินมานั่งที่ว่าง เฉินหยาง เทียนอินฉี และเซี่ยงอวี่ นั่งกระจายตัวออกไป "วันนี้พวกท่านกำลังเฉลิมฉลองจากการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย วางเรื่องงานลงไว้ก่อน"
เซี่ยงอวี่เพิ่งได้มาร่วมงานฉลองเป็นครั้งแรก ปรกติคลุกตัวพักแรมในค่ายทหาร จึงขอร่วมวงร่ำสุรากับชาวบ้าน ยังได้รู้ว่าการมานั่งตำแหน่งเจ้าเมืองเว่ยหนานของขุนนางหนุ่มมาจากการสนับสนุนของชาวเมืองเว่ยหนานนี่เอง ไม่แปลกใจที่เห็นเขาลงพื้นที่ตรวจตรา เมื่อว่างจากงานเมือง ตัดสินใจไม่ผิดที่ได้มาร่วมงานกับคนผู้นี้ ยังเห็นว่านั่งสนทนาและดื่มสุราอย่างเป็นกันเอง ภาพการดื่มสุราน้อยครั้งจะได้เห็น
"ท่านเจ้าเมืองได้ยินว่าท่านมีน้องสาวมาพำนักอยู่โรงน้ำชา ใยไม่หาบุรุษที่คู่ควรให้กับน้องสาวของท่านสักคนละ"
ผู้เฒ่าโดนฤทธิ์สุรามากเข้า เริ่มจะทำตัวเป็นเถ้าแก่หาเหย้า หาเรือน ให้กับผู้อื่นเสียแล้ว
"หย่งเมี่ยวรักความเป็นอิสระ ชอบทำตามใจตัวเองเสมอ บุรุษที่คู่ควรกับนาง หากได้ยากยิ่ง"
หลี่ซีซวนไม่ค่อยได้ดื่มสุราเป็นนิตย์ก็จริง สติรู้ตัวว่ากำลังมีคนอยากดองเข้าบ้านสกุลหลี่ จึงบอกปัดไปอย่าไงว้ไมตรี
"เห้อ...นับวันเราผู้เฒ่าชราลงทุกวัน ได้เห็นเมืองพัฒนามาไกลจนเทียบที่อื่น อวดโอ้ได้เต็มปาก หากมีทหารแท้จริง เว่ยหนานคือพยัคฆ์คำราม" คนรอบกองไฟเริ่มฟังสิ่งที่ผู้อาวุโสกำลังจะสอนหรือบอกเล่า "ใต้เท้าหลี่ วัน คืน ปี เดือน ล่วงไปไม่หยุดเลยจะคอยท่าให้ได้ทีก็จะแก่เสียเปล่า การใดที่ท่านมุ่งหวังกระทำ พึงลงมือกระทำเสียเถิด ข้าเอ็นดูท่านกับน้องสาวดั่งลูก หลาน คนหนึ่ง อยากเห็นว่ามีคนคอยดูแลทั้งยามสุขและยามทุกข์ ที่ปรึกษารอบตัวของท่าน วันหนึ่งย่อมต้องมีครอบครัว ให้พวกอยู่ดูแลท่านไปจนชราย่อมเป็นไปไม่ได้ ขอท่านนำมันไปไตร่ตรองด้วย และสุดท้ายการที่ข้าและชาวเมืองทั้งหลายต่างลงชื่อหนุนท่านเป็นเจ้าเมืองเว่ยหนาน ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าหนุนไม่ผิดคน"
ใครหลายคนคนได้รับฟังรวมทั้งหลี่ซีซวนนั่งใกล้ผู้เฒ่าต่างได้ข้อคิด และเจ้าเมืองหนุ่มคือคนต้องนำไปใค่ครวญมากกว่าใคร เรื่องครอบครัว การแต่งงาน ใช่ว่าไม่เคยนำมาคิด แต่ยังหาคนมาร่วมเรียงเคียงหมอนมันหาไม่ได้ง่ายดายดั่งหาหยกงามหนึ่งก้อน จากนั้นพวกเขานั่งสนุกกันต่อ กระทั่งหลี่ซีซวนกับบรรดาที่ปรึกษาขอตัวกลับจวน ดื่มสุราอำลาจอกสุดท้าย ค่อยเดินทางกลับจวนเจ้าเมือง
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง
+35 EXP ทุกครั้งที่โรลเห็นแก่ตัวไม่สนใจใคร
เทียนอินฉี
นิสัย เที่ยงธรรม
+2 Point ทุกครั้งที่โรลพัฒนาเมือง