[นอกเมืองหวงซาน] เขาหวงซาน

[คัดลอกลิงก์]
ไม่ระบุชื่อ  โพสต์ 2021-9-23 23:36:47 |โหมดอ่าน


เขาหวงซาน
{ นอกเมืองหวงซาน }







【เขาหวงซาน】

เขาหวงซาน หรือ ภูเขาเหลือง เป็นเขาที่มีชื่อเสียงที่สุด
ในแผ่นดินฮั่นเรื่องความงดงามของทิวทัศน์
ยอดเขาหินผาและต้นสนหวงที่มีรูปร่างแปลกตา
และภาพของหมอกและเมฆที่ลอยอยู่ใกล้ยอดเขา
บริเวณตีนเขามีน้ำพุร้อน บ่อน้ำร้อนธรรมชาติอีกมากมาย
เหมาะสำหรับคู่รักหนุ่มสาวที่มาหาความสำราญ
เพลิดเพลินกับทิวทัศน์รอบข้างอย่างชื่นบานใจ

เขาหวงซาน มีสามยอดเขาเอกที่สูงตะหง่าน
ได้แก่ ยอดเขาเหลียนหัว (เขาดอกบัว)
ยอดเขากวงหมิง (เขาแสงสว่าง)
ยอดเขาเทียนตู่ (ยอดเขาเมืองหลวงแห่งสรวงสวรรค์)





{ การเก็บของป่าจากต้นไม้สูงใหญ่ }
(1) สามารถเลือกได้ว่าจะใช้พลังยุทธ์ (Qi) หรือ เก็บด้วยตัวเอง (STR)
(2) หากเก็บด้วยตัวเอง ท่านจะต้องติดตั้ง ตะกร้าสาน เพื่อใช้ในการเก็บผลไม้ตอนปืนต้นไม้
โดยจะใช้ตามสูตรเก็บทรัพยากรส่วนตัว (อ่านคู่มือ)
(3) หากใช้พลังยุทธ์ ท่านจะสูตรดังนี้:
ตัวแปรทรัพยากรที่ได้ x Qi / 25 = ปริมาณทรัพยากรที่จะได้รับตามจริง
(/25 คือจำนวนผลที่ช้ำจากการตกพื้น)
(4) เขียนโรลสร้างสตอรี่ปืนต้นไม้ หรือ
รวบรวมลมปราณเพื่อผลักใส่ต้นไม้ส่งผลให้บ๊วยร่วงตกจากต้น



[วัตถุดิบที่พบได้บนเขา]
(1) ผลและใบจูอวี๋ (/2 จากผลรวมที่เก็บได้)






1

主题

4

回帖

1010万

积分

ผู้ดูแลระบบ

积分
10100080

VIP Admin

STR
72+0
INT
200+0
POL
200+0
LEA
62+0
CHA
103+0
VIT
88+0
หลี่ มู่
เลเวล 1
 เจ้าของ| โพสต์ 2021-9-28 20:18:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
โพสต์นี้มีการป้องกันรหัสผ่านไว้ กรุณากรอกรหัสผ่าน 
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x1
x1
x2
x12
x5
x636
x241
โพสต์ 2021-10-13 20:57:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ราชสีห์จรจัด
เขาหวงซาน

หลังจากที่ทั้งสองคนได้ออกเดินทางมาจากหมู่บ้านแห่งนั้นทั้งคู่ก็ได้ทางมาเรื่อยๆจนพบเก็นกับเขาลูกหนึ่ง ทั้งสองจึงได้ตัดสินใจที่จะเเวะเวียนมาที่เขาลูกนี้ซักเล็กน้อย

“ที่นี่อากาศดีนะว่าไหม แถมทิวทัศน์ก็ยังงดงามอีก”

ปิงจวนกล่าวออกมาในขณะที่กำลังสางผมของตนเอง ลมอ่อนๆบนภูเขาพัดพาผมของหญิงสาวไปตามสายลมอย่างงดงาม

“คงงั้น แหวะ แหวะ แหวะ”

ในขณะที่เทียนโจวกำลังผู้อยู่นั้นผมของปิงจวนที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็พลันพัดเข้ามาที่หน้าและปากของเทียนโจวเต็มไปหมด ทั้งสองยังคงเดินทางขึ้นเขามาด้วยมาเรื่อยๆ หนึ่งคนมีความสุขกับสายลมที่พัดพาเส้น กับอีกหนึ่งคนที่เป็นทุกข์กับผมของสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดทั้งสองก็ขึ้นมาถึงยังยอดเขาเเห่งนี้เสียที

“พวกเรานั่งพักกันซักหน่อยดีกว่านะ”

ปิงจวนพลันกล่าวออกมาก่อนจะเดินนำเทียนโจวไปใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง เทียนโจวเดินตามปิงจวนไปใต้ต้นไม้ก่อนจะหันไปมองทางเจ้าเขี้ยวเงินพร้อมกับรอยยิ้มของชายหนุ่มที่พลันปรากฎขึ้นมา

“ได้เวลาทำงานแล้วเจ้าเขี้ยวเงิน”

เบ้า!(ได้!)

เจ้าเขี้ยวเงินนั้นรู้ดีว่าเทียนโจวนั้นหมายถึงอะไร มันรีบวิ่งไปต้ต้นไม้ก่อนจะนอนลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว เทียนโจวเมื่อเห็นเจ้าเขี้ยวเงินประจำที่ของมันก็ได้เอนตัวลงนอนใต้ต้นไม้โดยนำหัวของตนไปหนุนกับเจ้าเขี้ยวเงิน

“หมอนชั้นเยี่ยม”

เทียนโจวค่อยๆหลับตาลงหวังจะพักผ่อนเสียหน่อยในตอนนี้ แต่แล้วเสียงหนึ่งก็ได้ทำให้บรรยากาศที่กำลังเป็นไปด้วยดีนั้นแย่ลง

“พวกเจ้าออกไปจากที่ของข้า!”

ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาเทียนโจวที่นอนอยู่

“ที่ของเจ้า? ใครสนล่ะ ข้าแข็งแกร่งกว่าัมนก็เป็นของข้า”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับชายอันธพาล ดาบของชายตรงหน้าพุ่งเข้าใส่เทียนโจว การโจมตีพื้นฐานแบบนี้เขาได้เจอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เทียนโจวเบียงตัวหลับอย่างรวดเร็วแต่มีดของชายผู้นั้นก็ยังตามเทียนโจวมาเฉียดโดนไหล่ของชายหนุ่ม

“ลึกใช้ได้ข้าชอบมันนะแต่มันก็ยังสู้แผลอื่นๆบนร่างของข้ามิได้หรอก”

เทียนโจวถีบร่างของอีกฝ่ายจนล้มลงกับพื้นก่อนจะหยิบทวนออกมาปักลงดินข้างๆหัวของอีกฝ่าย

“ทิ้งของทั้งหมดของเจ้าไว้แล้วไปซะถ้ามิอยากตาย!”

หนุ่มอันธพาลพลันพยักหน้าก่อนจะโยนอาวุธและของทั้งหมดในตัวทิ้งให้กับเทียนโจว ก่อนจะวิ่งหนีลงเขาไป

“โง่เง่าสิ้นดี”

เทียนโจวเดินไปเก็บดาบใบหลิวและของอื่นที่อันธพาลทิ้งไว้ก่อนจะกลับไปนอนบนหลังของเจ้าเขี้ยวเงิน

“ข้าของีบก่อนนะ”

เทียนโจวออกมาก่อนจะเริ่มหลับตาลงอีกครั้ง ปิงจวนนั้นก็หยิบตำราเรื่องสมุนไพรออกมาที่ได้หยิบมาจากบ้านของผู้ใหญ่เมื่อครั้งที่ไปกับเทียนโจวออกมาอ่าน แต่ก็แอบไปลูบหัวของเทียนโจวเล็กน้อย เจ้าเขี้ยวเงินที่อยู่ข้างๆเมื่อหันไปมองก็ต้องหันหน้าหนีเพราะความหวานที่เลี้ยนเกินหมาจะรับไหว






เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์ (ปิงจวน)
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ผ่านระบบและแพ้หรือชนะ แต่เขียนให้เกิดแผลเป็น (มีแผลเป็น)

+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)
+15 กับคนที่ให้ความสนใจ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+15 กับคนที่คุยด้วย (หูดี)
+5 มีธาตุทองเหมือนกัน
+20 ปีนักษัตรถูกโฉลกกัน (ชวด > ฉลู)
-20 กับคนที่สนทนาด้วย (ฟันเขี้ยว)
-10 กับคนที่มีนิสัยหนอนหนังสือ (สายตายาว)
+5 กับคนที่สนใจ (มีแผลเป็น)
-5 กับขุนนางในสภา (หยิ่งยะโส)
ผลรวมของแต่ละอัน
+30
+35
+25

https://rotk.xyz/dzs_npccomrade-fight.html?aid=399


เอฟเฟคตัวละคร ปิงจวน
Points
+2 จากการโรลเรียนรู้(ทะเยอทะยาน)
+4 เมื่อโรลเรียนรู้(หนอนหนังสือ)
+1 จากการโรลเรียนรู้ (ว่องไว)
ผลรวม
+7

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
โพสต์ 2021-10-14 11:37:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-14 12:17


เทศกาลฉงหยาง
วันเทศกาล : ปีนเขาช่วงเช้า
.
.

          วันเทศกาลฉงหยางมาเยือนโดยที่ทั้งคนนัดหมายเวลาจิ้นอิ๋งและคนถูกนัดต่างมาพบกันด้านล่างโรงเตี๊ยมในช่วงกลางของยามอิ๋นแทนที่จะเป็นยามเหม่าให้พากันมองฉงน เสียงหัวเราะจากอิสตรีดังแว่วหวานฟังระคนขบขันที่ทั้งคู่คงคิดไม่ต่างกันว่าเวลานัดกับผู้อาวุโสเพื่อปีนเขาคงไม่แคล้วต้องไปให้ไวกว่านี้

          " อาเจียคิดว่าควรไปให้ไวกว่านี้เหมือนกันใช่หรือไม่เจ้าคะ? "

          " ไปปีนเขาก็ต้องดูพระอาทิตย์ขึ้นมิใช่หรือ เร่งเดินทางกันไปดีกว่า.. ปล่อยให้ท่านหลิวรอนานคงไม่ดี "

          กัวเจียเอ่ยทั้งรอยยิ้มไม่ต่างกันกับเด็กสาว ก่อนทั้งสองจะพาหยิบเอากล่องข้าวที่จัดเตรียมตั้งแต่เมื่อคืนมาพร้อมพากันออกจากโรงเตี๊ยมและห้อม้าไปยังเขาหวงซานกันอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา และอาจเพราะภูเขาที่พวกนางไปเป็นภูเขาที่สวยงามจนเป็นที่กล่าวถึงในอาณาจักรฮั่น ตามเส้นทางที่ยังโรยตัวด้วยความมืดของช่วงย่ำรุ่งจึงปรากฏผู้คนบางส่วนเดินทางมุ่งสู่เขาหวงซานไม่ต่างกัน และด้วยเพราะเมืองทั้งสองไม่ได้ห่างกันมากทั้งยังเดินทางด้วยม้าฝีเท้าที่ไม่เลวนีก ทำให้จิ้นอิ๋งและกัวเจียมาถึงยังตีนเขาในช่วงยามเหม่าพอดิบพอดี

          .
          และก็เป็นอย่างที่ทั้งสองคาดเดา ท่านจอมยุทธ์หลิวได้มารอกับผู้เป็นลูกศิษย์ก่อนอล้ว ทั้งคู่คล้ายนั่งสมาธิยังเพิงหินหนึ่ง ซึ่งทันทีที่ได้ยินเสียงผู้มาเยือนก็เป็นหวังอี้ตัวน้อยที่แอบลืมตาขึ้นมาก่อน รอยยิ้มกว้างจึงวาดออกก่อนร่างน้อยจะเร่งวิ่งเข้ามาหาจิ้นอิ๋งและอีกบุรุษเพื่อทักทาย

          " ดีใจที่พี่สาวกู่กับพี่ชายกัวมาปีนเขาด้วยกันนะเจ้าคะ มาเจ้าค่ะ.. ท่านอาจารย์รอพวกท่านพี่อยู่ " หวังอี้เอ่ยกระตือรือร้นก่อนจับจูงมืออีกสตรีให้เดินไปด้วยกันโดยมีกัวเจียที่มองดูภาพตรงหน้าก่อนหลุดเผยยิ้มพลางเดินตามอย่างอารมณ์ดี

          ยามทั้งสามเข้าใกล้ท่านจอมยุทธ์ บุรุษผู้นั่งสมาธิยังเพิงหินก็พลันลืมตาพร้อมขยับผุดลุกดูท่าทางสงบสำรวม ก่อนผินสายตามองผู้ร่วมปีนเขาเพียงนิดถึงได้ค้อมคารวะกลับหากันเป็นการทักทาย จากนั้นทั้งสี่คนก็พลันพากันเดินไม่เร่งร้อนไปตามขั้นบันไดที่ถูกชาวเมืองสรรสร้างขึ่นให้สามารถขึ้นเขาได้อย่างสะดวก และด้วยเพราะเวลาใกล้รุ่งสางเต็มที ผืนฟ้าจึงประดับทอสีที่เริ่มสดใสขึ้นจากดวงตะวันที่เตรียมพ้นโผล่ประดับฟ้า ส่องแสงอ่อนสู่เส้นทางที่เดินขึ้นเขาให้มองได้ง่ายขึ้น

          " เหตุใดท่านจอมยุทธ์หลิวถึงได้นัดมาที่เขาหวงซานงั้นหรือเจ้าคะ? "

          เนื่องจากบรรยากาศที่ผู้อาวุโสของกลุ่มไม่ได้ปริปากเอ่ยพูดคุยใด ๆ เลยนั้นชวนให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แม้จะได้ธรรมชาติที่รายล้อมด้วยต้นสนประหลาด หินโขดทรงแปลกตาอันช่วยจรรโลงให้แก่จิ้นอิ๋งและกัวเจียไม่น้อย ทั้งหวังอี้ก็คอยชี้ชวนและเอ่ยถึงรูปทรงตามจินตนาการเป็นระยะให้ตามเส้นทางไม่เงียบเหงาเกินไป ทว่าก็เทียบไม่ได้กับการแลกเปลี่ยนบทสนทนากับบุคคลที่นับถือเยี่ยงผู้อาวุโส เช่นนั้นแล้วจิ้นอิ๋งที่ยังกุมมือหวังอี้พากันเดินขึ้นเขามาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยหาบุคคลที่เงียบมาตลอดเส้นทางเอง

          กัวเจียที่รู้คำตอบนั้นอยากกล่าวหา ทว่าพลันลอบมองเสี้ยวหน้าของอิสตรีที่เดินขนาบกายก็ได้แต่เก็บปากเก็บคำ และด้วยเพราะเข้าใจธรรมเนียมของเทศกาลเด็กหนุ่มจึงรอให้อีกบุรุษผู้อาวุโสกว่าเล่าเรื่องราวของเขาหวงซานนี้ให้ฟัง ซึ่งเด็กน้อยหวังอี้ก็มีท่าทางไม่ต่างกัน

          ในยามที่หลิวจื่อกงผินใบหน้ามองกลับยังเด็กทั้งสามที่ตามตนมาก็พลันสบหาเจอยังดวงตาสามคู่ที่มองอย่างคาดหวังดูเตรียมรอฟังเรื่องราวอย่างแสนกระตือรือร้น จนในที่สุดดวงหน้าที่แทบไม่แสดงอารมณ์ใดก็พลันหลุดรอยยิ้มดูขบขันไม่น้อยออกมา ก่อนที่บุรุษแซ่หลิวผู้นั้นจะวางสายตาคืนสู่ทางเบื้องหน้าพร้อมเล่าเกี่ยวกับเขาหวงซานให้แก่เด็กทั้งสามได้ฟังร่วมกัน

          " การปีนเขาในเทศกาลฉงหยางก็เพื่อดูทิวทัศน์ยามขึ้นเขามามิใช่หรือ เช่นนั้นข้าก็จึงคิดได้ว่า เขาหวงซานหรือเขายี่ซานที่เรียกในราชวงศ์จิ๋น ที่ถูกกล่าวขานถึงความงดงามของภาพทัศนีย์หมอกล้อมยอดเขาที่สูงขึ้นไปเป็นระยะทางเกือบสี่ลี้ ไหนจะมีบ่อน้ำผุร้อนให้เที่ยวชมยังใต้ยอดเขาเมฆม่วง ..พวกเจ้าไม่คิดว่าเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การเที่ยวชมธรรมชาติกับผู้อาวุโสงั้นหรือ? "

          สิ้นคำกล่าวที่ราวกับย้อนถามกลับมาทำให้จิ้นอิ๋งพลันร้องรับในคอแผ่ว ก่อนพยักใบหน้ารับอย่างอดเห็นด้วยไม่ได้ พร้อมกันนั้นดวงตากลมก็เป็นประกายไม่ต่างกับเด็กน้อยหวังอี้เมื่อหวนนึกถึงคำว่าทะเลหมอกที่จอมยุทธ์หลิวได้กล่าวถึง ทำให้ฝีเท้าของสองสตรีดูจะเร่งร้อนขึ้น ก่อนเสียงปรามของหัวเจียจะดังออกให้ทั้งคู่แทบผ่อนฝีเท้าลง

          " พวกเจ้าคิดว่าเขาหวงซานจะมีดีแค่เพียงยอดเขาที่ประดับหมอกเมฆล้อมนั่นหรืออย่างไร ใจเย็น ๆ และค่อยเดินขึ้นไปกันเถิด คอยมองชื่นชมรอบกายเสียบ้างจะไม่ดีกว่าหรือ "

          จบคำของเด็กหนุ่มที่ราวกับมีความรู้เรื่องเขาไม่น้อยไปกว่าผู้อาวุโส พลันเรียกรอยยิ้มของหลิวจื่อกงให้วาดออกอีกหนด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ช่วยคุมเหล่าเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องอีกสองให้ไม่วิ่งซนขึ้นเขาจนไปหอบหน้าซีดยังยอดเขาเสียก่อน เช่นนั้นแล้วเพราะได้เริ่มเอ่ยปากพูดคุยเพียงหน บรรยากาศชื่นชมทัศน์ระหว่างเส้นทางก็คล้ายดูผ่อนคลายขึ้นไม่น้อย หลิวจื่อกงจึงยอมเอ่ยปากเล่าข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ให้แก่เด็กสาวต่างวัยที่น่าจะยังไม่รู้ได้ทราบเอาไว้

          " อย่างที่คุณชายกัวกล่าว ทั้งเจ้าแม่นางกู่และหวังอี้ เจ้าค่อย ๆ เดินขึ้นเขาดูความแตกต่างของพืชพรรณไปด้วยกันเสียดีกว่า เพราะความสูงของเขาหวงซานทำให้อากาศพลอยต่างกันไปด้วย ที่ระดับความสูงราวสองลี้มักประดับด้วยเขตป่าชื้น ที่สามลี้เป็นป่าผลัดใบ และหลังจากนั้นจะเป็นทุ่งหญ้า ..พวกเจ้าไม่ลองสังเกตดูเล่าเผื่อกะระยะทางที่ขึ้นเขาได้คร่าว ๆ อีกด้วย "

          สิ้นเสียงของผู้เป็นอาจารย์ เด็กน้อยหวังอี้ก็พลันหันมาหาจิ้นอิ๋งตาแป๋ว ทั้งสองคล้ายแลกผ่านคำถามผ่านสายตาว่าถามอาจารย์หลิวต่อเกี่ยวกับเรื่องพืชพรรณดีดีหรือไม่ ซึ่งจิ้นอิ๋งก็ได้พยักหน้ารับเสียหลายรอบราวอยากให้อีกสตรีได้มีความกช้าถามในสิ่งที่ไม่รู้ออกไป ส่วนนางที่รู้เพียงไม่มากก็อยากได้ข้อมูลเพิ่มจากบุคคลที่นับถือเป็นผู้อาวุโสเช่นเดียวกัน

          " ป่าชื้นกับป่าผลัดใบหรือเจ้าคะ? เป็นอย่างไรงั้นหรือเจ้าคะท่านอาจารย์หลิว "

          " ป่าชื้นก็ประดับด้วยต้นสนเขาอย่างที่พวกเจ้าเห็นมาตลอดทางที่เรากำลังเดินผ่านอยู่นี้ ทำให้พอรับรู้ได้ว่ายังเดินขึ้นเขากันมาไม่เกินช่วงสองลี้ เนื่องจากเป็นพืชไม่ผลัดใบเจ้าจะเห็นว่ามันเขียวอยู่ตลอด "

          " จริงด้วยเจ้าค่ะ "

          กลายเป็นจิ้นอิ๋งที่เอ่ยอย่างตื่นตาขึ้นมาแทนเด็กน้อยที่หลุดร้องอุทานชื่นชมไม่ต่างกัน ทั้งสองแทบมองตามหลังหลิวจื่อกงด้วยสายตาภาคภูมิขึ้นมาที่ได้ขึ้นเขามากับผู้มีความรู้ พร้อมกันนั้นจิ้นอิ๋งก็ไม่ลืมที่จะย้อนหันไปมอบสายตากึ่งชื่นชมแก่อีกบุรุษอีกคนอย่างกัวเจียไปด้วย ถ้าไม่ได้อีกฝ่ายเอ่ยรั้งไว้เสียก่อน พวกนางคงไม่ได้เฝ้าฟังหลิวจื่อกงเล่าเกี่ยวกับข้อสังเกตระหว่างทางนี้เป็นแน่

          " ส่วนเขตป่าผลัดใบ ในยามนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ที่เตรียมผลัดมักเป็นสีส้มแสดหรือเหลืองอ่อนให้พวกเจ้าได้สังเกตไม่ยาก ซึ่งจะเป็นระยะราวสามลี้ และหลังจากนั้นเขตใกล้ยอดเขาจะเน้นเป็นส่วนของทุ่งหญ้า "

          สองสตรีพลันร้องรับแข็งขันเรียกรอยยิ้มจากทั้งสองบุรุษที่เดินนำและเดินรั้งท้ายให้เผยออกไม่ต่างกัน ก่อนตลอดเส้นทางที่หลังได้ข้อสังเกตมาแล้วนั้นจะปรากฏเสียงเจื้อยแจ้วของหวังอี้ชี้ชวนถามอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจิ้นอิ๋งจะคอยตอบรับขานหาอยู่เสมอ และเมื่อใดก็ตามที่นางไม่รู้คำตอบของคำถามเด็กหญิงตัวน้อย บุรุษที่เหลือก็จะคอยสลับตอบให้คำตอบแทน

          และด้วยเพราะทั้งสี่ต่างได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติโดยรอบและคอยผลัดกันแลกเปลี่ยนคำถามเกี่ยวกับตัวเขาหวงซานอยู่เรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาถึงยังยอดเขากันในยามเฉินแล้ว โดยระหว่างนั้นทั้งหมดก็ได้เฝ้ามองดวงอาทิตย์ค่อยคอยพ้นเลยจากขอบฟ้าและส่องทอแสงแทรกผ่านแมกไม้ให้เห็นตลอดระยะทางที่ขึ้นเขามา ยามเมื่อขึ้นมาสุดยังยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างยอดเขาเหลียนหัวแล้วนั้น ภาพดวงอาทิตย์ที่ประดับรับรายล้อมยังเมฆหมอกเบื้องหน้า จึงดูงดงามพัดหอบเอาความเหนื่อยล้าจากที่เดินขึ้นเขามาเป็นระยะเวลาหนึ่งของทุกคนได้เป็นปลิดทิ้ง

          สักพักตัวจิ้นอิ๋งก็คล้ายนึกถึงสิ่งที่ต้องทำทุกคราหลังมาปีนเขากับบิดามารดาได้ นั่นคือช่วยนวดตอบแทนพระคุณ ทว่าด้วยช่วงวัยของหลิวจื่อกงและจิ้นอิ๋งที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก เด็กสาวพลันรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมขึ้นมาถ้าจะตรงไปขอนวดบ่านวดไหล่ให้ ซึ่งอีกบุรุษก็คล้ายรับรู้จากสายตาที่ทอดมองหาอย่างเกรงอกเกรงใจจึงพลันยกมือปรามเอาไว้อย่างเข้าใจและเรียกให้หวังอี้มานวดให้แก่ตนเอง

          กระนั้นแม้ไม่ได้นวดให้ จิ้นอิ๋งก็ยังอยากช่วยดูแลในฐานะผู้มีพระคุณ นางจึงหันไปหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของตนพร้อมกับรินน้ำจากกระบอกไผ่ใส่ไม่มากนักก่อนบิดพอหมาดแล้วยื่นส่งให้แก่หลิวจื่อกงอย่างนอบน้อม ดวงตากลมใสที่มองหานั้นราวอยากสื่อว่าอย่างน้อยไม่รับการนวด ได้รับผ้าเย็นนี้ไปเช็ดหน้าเช็ดตาหลังเดินขึ้นเขามาเหนื่อย ๆ น่าจะช่วยทำให้สดชื่นได้ไม่น้อยได้เช่นกัน จอมยุทธ์หลิวที่รู้ถึงเจตนาก็พลันเอ่ยขอบคุณเสียงแผ่วพร้อมรับผ้ามาอย่างเต็มใจ

          .
          " ข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณเจ้ามาก.. ไปดูสหายเจ้าเถิด หน้าซีดกว่าใครเพื่อนแล้ว "

          สิ้นคำพูดของหลิวจื่อกง จิ้นอิ๋งก็เร่งพยักใบหน้ารับก่อนตรงไปหากัวเจียอย่างที่อีกฝ่ายอนุญาต ไม่ใช่ว่าตัวเด็กสาวไม่สังเกตสหาย แต่ด้วยเพราะต้องดูแลบุคคลไล่ตามอาวุโสนางจึงตั้งใจมาหาสหายหลังจากดูแลท่านจอมยุทธ์เรียบร้อยแล้ว

          ทว่าทันทีที่มาเห็นท่าทางหายใจถี่พร้อมเหงื่อล้อมกรอบดวงหน้าคมที่ซีดขาวน้อย ๆ เด็กสาวก็นึกรู้สึกผิดขึ้นมาที่มาหากัวเจียช้ากว่าที่ควร นางจึงพลันเร่งให้อีกฝ่ายมานั่งยังโขดหินไม่ไกลพร้อมกันนั้นด้วยเพราะผ้าที่นางเตรียมมามีเพียงผืนเดียว ดรุณีน้อยจึงทำได้เพียงให้กระบอกไผ่ยื่นส่งแก่กัวเจียได้นำไปล้างหน้าล้างตาแทน

          " เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะอาเจีย.. เหนื่อยมากหรือไม่เจ้าคะ "

          จิ้นอิ๋งเฝ้ามองดวงหน้าอีกบุรุษที่ไม่มีหลุดอาการหอบให้เห็นราวกับอยากสื่อให้รู้ว่าตนไม่เป็นอะไร แต่ลมหายใจที่ยังถี่ออกไหนจะริมฝีปากซีดเซียวที่ไม่ยอมขยับเอ่ยตอบเป็นคำให้แก่นางก็ทำให้พอรับรู้ได้ว่ายังเหน็ดเหนื่อยไม่หาย สุดท้ายจิ้นอิ๋งจึงเลื่อนปลายแขนเสื้อมารองฝ่ามือของตนเอาไว้ ก่อนค่อยคอยซับเช็ดน้ำที่อีกบุรุษล้างหน้าล้างตาไปเมื่อครู่ออกแผ่วเบา พร้อมกันนั้นก็พร่ำเอ่ยขอโทษที่ทำไม่ได้เอ่ยถามว่าอยากพักระหว่างทางหรือไม่ไปด้วย แม้ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย แต่ท่าทางที่หลับตาพริ้มรับพร้อมแนบแก้มหาสัมผัสฝ่ามือผ่านเนื้อผ้าของดรุณีก็พอทำให้เข้าใจได้ไม่ยากว่าอีกคนไม่ได้ถือโทษนางเลยแม้แต่น้อย
          .
          .
          ท่าทางคลุมเครือเหล่านั้นอยู่ในสายตาของหลิวจื่อกงที่หันมาเห็นพอดี จนอีกฝ่ายเกือบหลุดถอนหายใจออกมาอย่างกึ่งขบขัน หวังอี้ที่แอบไปเห็นก็เผลอบีบนวดไหล่ผู้เป็นอาจารย์แรงขึ้นให้แว่วเสียงกระแอมดังจนเด็กหญิงตัวน้อยต้องรีบหันมาตั้งใจนวดต่อแทนให้ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากหลิวจื่อกงดังผ่าน ซึ่งทั้งคู่ก็ต่างรับรู้โดยทั่วกัน จึงได้แต่ปล่อยให้หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีได้ดูแลกันให้หายเหนื่อยเสียก่อนโดยไม่ได้เอ่ยเรียกรบกวน



กิจกรรมช่วงเทศกาล
เตรียมข้าวกล่องที่จัดมาเพื่อผู้อาวุโส
ปีนเขากับผู้อาวุโสพร้อมพูดคุยและเพลินกับทัวทัศน์ยามเช้า
พูดคุยให้ความเคารพในฐานะผู้อาวุโสและนอบน้อมประดุจผู้มีพระคุณ

ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
กัวเจีย
หลิวจื่อกง
หวังอี้
สถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง




สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [102] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
สถานะปีนักษัตร : -15 ความสัมพันธ์ [102] ปีเถาะ - ไม่ถูกโฉลก
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง


สถานะธาตุหลัก : +20 ความสัมพันธ์ [146] ธาตุไฟ - เกื้อหนุนเรา
สถานะปีนักษัตร : +20 ความสัมพันธ์ [146] ปีมะโรง - ถูกโฉลก
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง
ลักษณะนิสัยรู้จักให้อภัย
-10 ความสัมพันธ์นิสัยตรงข้าม

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-14 15:31:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-14 15:48


เทศกาลฉงหยาง
วันเทศกาล : พักชมทัศนีย์บนยอดเขา
.
.

           เพราะเป็นเขาที่ค่อนข้างสูงและมีบันไดต้องขึ้นราวหกหมื่นขั้น กว่าจะพากันหายเหนื่อยได้ก็ใช้เวลาราวสองเค่อ จนในตอนที่ทั้งหมดสามารถมานั่งเรียงชมวิวเบื้องหน้ากันได้หมดแล้ว จิ้นอิ๋งถึงเอ่ยถามถึงประเพณีที่มักทำร่วมกับกันผู้อาวุโสต่อ

           " จะมี.. เล่าเกี่ยวกับตำนานเทศกาลฉงหยางให้ฟังหรือไม่เจ้าคะ.. ไม่เล่าให้ข้าฟังก็ได้ แต่ถือว่าเล่าให้แม่นางน้อยหวังดีหรือไม่เจ้าคะ "

           ดรุณีพลันเอ่ยหาทั้งดวงตาเป็นประกาย โดยมีลูกคู่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังนั่งจิ้นอิ๋งพยักใบหน้ารับไปด้วยอย่างกระตือรือร้น ไหนจะมองเลยทั้งสองไปยังเด็กหนุ่มที่คล้ายมองนิ่งยังทิวทัศน์ตรงหน้าทว่ามีเอียงใบหน้าเงี่ยหูฟังอยู่ หลิวจื่อกงก็ได้แต่ยกยิ้มยอมแพ้ขึ้นมา แม้ในใจยังนึกตะขวงไม่น้อยว่าตนก็อายุอานามเพียงยี่สิบเอ็ดเท่านั้น ดันได้มาเป็นผู้อาวุโสให้เด็กถึงสามคนเช่นนี้รู้สึกเหนือคาดไม่น้อยเลยเชียว

           " ก็.. สำหรับเทศกาลฉงหยางมีประเพณีสืบทอดที่นิยมทำกันเรื่อยมา นั่นคือ การปีนที่สูง ทั้งนี้ในการปีนที่สูงไม่ได้มีข้อกำหนดว่าต้องไปปีนสถานที่ใด ทำให้ส่วนมากนิยมไปปีนเขาหรือปีนขึ้นเจดีย์สูง... ทั้งนี้การปีนที่สูง มิใช่เพียงเพราะความเชื่อว่าการปีนที่สูงจะทำให้ชีวิตได้ก้าวขึ้นไปสู่ที่สูง หรือหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้ามีตำแหน่งใหญ่โต.. แต่การปีนที่สูงนั้นทำให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติ ได้ชมความงามของดอกไม้ป่า ต้นไม้ป่า ใบไม้แดง ได้ผสานตนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ดั่งที่เราได้ทำการปีนมาเมื่อครู่ "
           .
           " เช่นนั้นแล้วจุดมุ่งหมายสำคัญที่แฝงอยู่ในการปีนที่สูง คือ การทำจิตใจให้ชื่นมื่น สบายใจและเพิ่มความแข็งแรงของสุขภาพร่างกายและจิตใจ ...เจ้ารู้สึกแข็งแรงขึ้นจริงหรือไม่ คุณชายกัว "

           เอ่ยลงท้ายด้วยการชวนคนที่ดูเหนื่อยหอบที่สุดคุยขึ้นมา พลันเรียกรอยยิ้มของอีกสองสตรีให้วาดออกอย่างขบขัน โดยที่กัวเจียก็ไม่ได้ถือสามากไปกว่าตอบรับด้วยการพยักหน้ารับแผ่วทั้งรอยยิ้มดูพึงใจ ทว่าก็ไม่รู้พึ่งใจที่ตัวเองรู้สึกร่างกายแข็งแรงขึ้นหรือได้รับการดูแลจากบางคนเช่นกัน

           ซึ่งหลังจากคลายบรรยากาศเก้อกระดากที่ต้องมาเล่าตำนวนให้เด็กทั้งสามลงได้แล้ว หลิวจื่อกงก็เล่ารายละเอียดต่อ โดยเริ่มเข้าสู่เนื้อหาที่เป็นตำนานให้ฟังหลังจากเกริ่นที่มาที่ต้องพากันมาปีนเขาเสร็จสิ้น

           " ส่วนตำนวนเกี่ยวกับเทศกาลฉงหยาง.. ได้เล่าสืบต่อกันมาถึงเรื่องราวของปีศาจร้ายที่ปรากฏตัวยังแม่น้ำหรูเหอ แค่เพียงมันปรากฏกาย แต่ละบ้านต้องมีคนล้มป่วย ทุกวันต้องมีคนล้มตาย "
           .
           " พ่อแม่ของบุรุษหนุ่มนาม เหิงจิ่ง ก็ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน แม้แต่ตัวบุรุษหนุ่มเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด ด้วยเหตุนี้หลังจากฟื้นตัวเหิงจิ่งตัดสินอำลาภรรยาและบ้านเกิด ดั้นด้นเสาะแสวงหาผู้วิเศษ เพื่อร่ำเรียนวิชาปราบมาร ในที่สุดก็ได้พบผู้วิเศษบนภูเขาที่เก่าแก่ที่สุดทางทิศตะวันออก "

           " หลังจากฝึกวิชาได้พักใหญ่ อยู่มาวันหนึ่งท่านเซียนก็เอ่ยกับเหิงจิ่งว่า
           พรุ่งนี้เป็นวันที่ 9 เดือน 9 ปีศาจจะออกอาละวาดอีกครั้ง บัดนี้เจ้าฝึกฝนวิชาจนแตกฉาน ถึงเวลากลับไปกำจัดมารร้ายปัดเป่าทุกข์ให้ชาวบ้านแล้ว
           ท่านเซียนยังได้มอบใบจูอี๋ว์และเหล้าแช่ดอกเบญจมาศ 1 ไห และถ่ายทอดเคล็ดลับปราบมารให้ด้วย "
           .
           " เหิงจิ่งอำลาอาจารย์และขี่นกกระเรียนเซียนกลับมายังหมู่บ้าน ในเช้าตรู่ของวันที่ 9 เดือน 9 นั่นเอง เหิงจิ่งทำตามที่อาจารย์แนะนำ... นำพาชาวบ้านอพยพขึ้นไปบนเขาที่ใกล้เคียง แล้วแจกจ่ายใบจูอวี๋และเหล้าแช่เบญจมาศให้ชาวบ้านเป็นเครื่องป้องกันตัว เมื่อปีศาจได้กลิ่นหอมของใบจูอวี๋และเหล้าเบญจมาศก็ล่าถอย เหิงจิ่งไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือตามลงไปสังหารปีศาจสำเร็จ ประเพณีขึ้นเขาเพื่อหลีกหนีจากความชั่วร้ายและโรคภัยไข้เจ็บจึงได้เริ่มอุบัติขึ้นนับตั้งแต่นั้นมา "

           .
           " ว้าว~ ที่มาของปีนเขาคือเช่นนี้นี่เอง! แต่ทำไมต้องให้เป็นสุราด้วยล่ะเจ้าคะ เป็นชาแทนไม่ได้หรือเจ้าคะ " หวังอี้พลันแสดงความคิดเห็นขึ้นมาทั้งสีหน้าครุ่นคิดหนัก เท่าเอารับรู้ได้โดยไม่ต้องเอ่ยว่าเด็กน้อยคงไม่ใคร่ชอบสุรานักแน่ ทำเอาเรียกเสียหัวเราะใสจากจิ้นอิ๋งให้ดังขึ้นอยากเอ้นดู พร้อมกันนั้นก็กอดโยกเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งตักไปมาราวอยากปลอบโยน

           " เพราะดอกเบญจมาศมักนำมาหมักเป็นสุราน่ะเจ้าค่ะ แล้วในฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่ในช่วงเทศกาลดอกเบญจมาศจะบานสะพรั่งพอดี อีกอย่างอากาศในฤดูนี้ยังหนาวเย็นไม่น้อย.. การร่ำสุราเบญจมาศที่มีดีกรีไม่แรงนักก็ช่วยในเรื่องให้ร่างกายอบอุ่น เลือดลมไหลเวียนด้วยนะเจ้าคะ "

           จิ้นอิ๋งพยายามเอ่ยให้เด็กสาวเห็นอีกด้านของสุรา ซึ่งเด็กสาวก็พลันยกริมฝีปากขึ้นน้อย ๆ อย่างครุ่นคิด ก่อนสุดท้ายจะยอมผงกศีรษะเล็กราวกับรับฟังเอาไว้ให้จิ้นอิ๋งยิ่งกระชับอ้อมกอดหาอย่างให้รางวัลเลยเชียว

           " อืม.. อย่างที่แม่นางกู่ว่า แต่นอกจากร่ำสุราก็มีมอบขนมอย่างที่ชาวฮั่นชอบทำกัน อีกอย่างที่ทำตามในตำนานอีกหนึ่งก็คือเก็บใบจูอวี๋ เจ้าจะลองเก็บไว้เสียหน่อยดีหรือไม่หวังอี้ ต้นจูอวี๋ก็อยู่ไม่ไกลนี้นี่เอง "

           หลิวจื่อกงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงหลายส่วนหลังจากรู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยหลังได้ลองแลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนที่เคยให้ความช่วยเหลือ ความเกร็งจากความไม่สนิทใจต่าง ๆ ดูจะจางลงไม่น้อยระหว่างที่พยิดใบหน้าให้สองสตรีเห็นต้นจูอวี๋ไม่ไกล ซึ่งหลังจิ้นอิ๋งมองตามก็เร่งลุกจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยให้มาเก็บผลและใบของต้นจูอวี๋ร่วมกันอย่างกระตือรือร้น

           " ไม่ไปเก็บกับพวกเขาด้วยเล่า " จอมยุทธ์หลิวที่สังเกตเห็นอีกบุรุษของกลุ่มไม่ยอมไปเก็บก็พลันมองอย่างนึกสงสัย แต่กัวเจียกลับส่งรอยยิ้มบางมาให้ก่อนเอ่ยคำพูดติดอารมณ์ขันที่ทำเอาหลิวจื่อกงต้องหลุดหัวเราะออกมา

           " ไม่ล่ะขอรับ ข้าเก็บแรงไว้ลงเขาเสียดีกว่า.. "

           .
           ใช้เวลาราวหนึ่งเค่อจิ้นอิ๋งกับหวังอี้ถึงกลับมาพร้อมผลและใบจูอวี๋บางส่วน ก่อนทั้งสองจะมองหน้ากันน้อย ๆ และวางแผ่ลงตรงหน้าราวกับจะให้ทั้งสองบุรุษได้รับไปไว้ด้วย

           " ท่านอาจารย์เลือกเก็บไว้ได้เลยเจ้าค่ะ! ปีศาจจะได้ไม่มากร่ำกราย "

           " อาเจียด้วยนะเจ้าคะ "

           จิ้นอิ๋งพลันเอ่ยเสริมรับหวังอี้ไปด้วย เรียกรอยยิ้มของสองบุรุษให้เผยออกก่อนจะบอกให้ทั้งคู่เตรียมอาหารมาทานดีกว่า ด้วยอย่างไรก็จะยามอู่แล้ว กระนั้นระหว่างที่จิ้นอิ๋งกำลังจะหยิบเอากล่องข้าวออกมาแจกจ่ายให้แต่ละคนได้นั่งทานร่วมกัน หลิวจื่อกงก็พลันเอ่ยท้วงถึงประเพณีอีกหนึ่งสิ่งด้วยน้ำเสียงที่ฟังเรียบเรื่อยแต่ก็ดูคาดหวังไม่น้อย

           " แม่นางกู่ไม่มีบทกวีลำนำชมเขาหวงซานให้ฟังกันเลยหรือ? เมื่อครู่ข้าพึ่งฟังจากคุณชายกัวไป ไพเราะไม่น้อย " สิ้นประโยคกัวเจียก็พลันเอ่ยหาอีกหนให้จิ้นอิ๋งและหวังอี้ยกมือปรบหาอย่างชื่นชม

           ดรุณีที่อยากเปลี่ยนเรื่องให้เร่งทานอาหารเที่ยง ในยามนี้กลับมีสายตามองกดดันมาถึงสามคู่ สุดท้ายจิ้นอิ๋งก็ได้แต่เก็บกลืนคำชวนทานข้าวเป็นมองสิดส่ายรอบตัวเพื่อคิดบทกวีขึ้นมา ดวงหน้านวลแทบอยากจะเบะร้องไห้แต่ก็คล้ายร้องไม่ออก แม้นางจะชอบร้องรำทำเพลง แต่ให้คิดกวีลำนำกลอนสดออกจะเหนือความสามารถนางไปเสียหน่อย ในยามที่เอ่ยกวีที่คิดได้ออกมานั้น เสียงหวานจึงสั่นไม่น้อยเลย

           " อันยอดเขาหมอกล้อมอ้อมประดับ
           ตะวันรับฉายแสงระยับใส
           มวลหมู่เมฆซับแสงสะท้อนไป
           ชวนตรึงใจยามรับสดับมอง
           .
           เพลานี้ฉงหยางพลันเวียนผ่าน
           ระลึกกาลตอบแทนพระคุณสนอง
           ได้ร่วมเดินขึ้นเขาระลึกตรอง
           หากปรองดองยามกลับคงสุขใจ "

           จบคำแก้มนวลก็ฝาดสี ทั้งนึกอายจากกลอนที่เพิ่งแต่ง ไหนจะมีความนัยในเนื้อหาที่อยากสนิทสนมกับอีกฝ่ายขึ้นมาให้ได้เพราะอย่างไรก็เป็นผู้มีพระคุณแก่ตน แต่ด้วยเพราะความรู้สึกไม่ถูกโฉลกในบางอย่างทำให้ตัวจิ้นอิ๋งพลอยคิดมาอยู่เสมอว่าตนกับจอมยุทธ์หลิวผู้นั้นมักมีกำแพงเข้าหากัน ในยามนี้นางก็ได้แต่คาดหวังให้งานเทศกาลฉงหยางที่ได้ชวนอีกฝ่ายมาเป็นผู้อาวุโสจะช่วยเปิดใจให้ทั้งสองนึกอยากสนิทกันจนเป็นมิตรภาพขึ้นมาได้

           .
           ซึ่งหลังทั้งหมดได้รับฟังไป หวังอี้ก็พลันตรงมานั่งตักจิ้นอิ๋งเช่นเดิมและเอ่ยชมไม่หยุด กัวเจียก็ยิ้มรับดูชื่นชมให้กำลังใจอยู่ในที ส่วนหลิวจื่อกงก็เพียงพยักใบหน้ารับไม่รู้ความหมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้นิ่วหน้านิ่วคิ้วให้นึกใจเสีย ก่อนในที่สุดทั้งสามจะได้รับประทานอาหารที่ดรุณีได้เตรียมมาให้ โดยของสำหรับผู้อาวุโสของงานเป็นกล่องข้าวชุดฮวาเจียวที่จิ้นอิ๋งตั้งใจเตรียมมาให้เป็นอย่างดี ส่วนทางเด็กสาวตัวน้อยเป็นปลาเปรี้ยวหวานซีหู และของกัวเจียและนางเป็นไก่ขอทาน

           หลังได้อาหารครบถ้วนทั้งสี่ก็นั่งทานอาหารเที่ยงกันเงียบ ๆ มีแลกบทสนทนาเกี่ยวกับแบ่งอาหารให้ทานร่วมกันเล็กน้อยจนเสร็จสิ้นทั้งหมดก็กลับคืนที่ยังเพิงหินต่อโดยที่มีต้นเบจญมาศประดับด้านหลังพอให้ได้ร่มเงาไม่ร้อนไปยามบ่าย ภาพมวลเมฆที่แผ่ล้อมยังให้ความรู้สึกเหมือนลอยขึ้นมาที่สูงดั่งยามเช้าที่เฝ้ามอง

           " ถ้าไม่ร่ำสุราในยามนี้ก็คงไม่จบเทศกาลฉงหยางสินะเจ้าคะ "

           จิ้นอิ๋งเอ่ยกลั้วขำขึ้นมาเมื่อเห็นวิวบนยอดเขาเช่นนี้ก็พาลคิดไปว่าหากได้ทานขนมเคล้าสุราชมทัศนีย์คงรู้สึกดีไม่น้อย นางจึงเอาขนมที่ทำมาแจกจ่ายให้ทุกคนในยามนี้ พร้อมกันนั้นสุราเบญจมาศก็ถูกส่งหาให้ทั้งสองบุรุษรวมถึงตัวจิ้นอิ๋งเองด้วย สำหรับเด็กหญิงตัวน้อยเพียงหนึ่ง นางได้เตรียมของพิเศษไว้ให้เป็นชาโมลี่ฮวาฉาให้ตัวหวังอี้ไม่รู้สึกน้อยหน้า

           ซึ่งก็ดูเหมือนเด็กสาวจะชอบใจไม่น้อยเลยเชียวที่ได้ของคล้าย ๆ กับคนอื่นให้รอยยิ้มแทบวาดออกกว้างเสียน่าเอ็นดูไม่น้อย

           จนเข้าสู่ยามเซินที่แดดเริ่มลดลงเต็มทีและขนมสุราที่พร่องหาย ทั้งสี่ก็พากันเดินลงจากเขากันมาในที่สุด และแน่นอนว่าระยะทางลงแม้จะยาวเท่ากันกับยามขึ้น แต่ก็เบาแรงได้มากกว่า เมื่อเหยียบถึงยังตีนเขา กัวเจียจึงมีท่าทางที่ดูดีกว่ายามอยู่บนยอดเขาช่วงแรกให้จิ้นอิ๋งพลอยยิ้มโล่งใจขึ้นมา
           .
           .
           " ขอบพระคุณท่านจอมยุทธ์หลิวมากเจ้าค่ะที่วันนี้อุตส่าห์สละเวลามาเป็นผู้อาวุโสให้กู่จิ้นอิ๋งผู้นี้ได้พาปีนเขาตอบแทนคุณช่วงเทศกาลฉงหยางเจ้าค่ะ "

           ก่อนจากจิ้นอิ๋งก็ไม่ลืมยกมือคารวะหาแก่อีกบุรุษอย่างนอบน้อม ลำตัวโค้งโน้มหาดูสุภาพไม่น้อยให้หลิวจื่อกงที่เห็นต้องค้อมตามกลับตามมารยาทไปด้วย กระนั้นแม้ทำกลับตามมารยาทแต่ก็ดูจริงใจอยู่หลายส่วนเนื่องจากในการตอบแทนคุณของอีกสตรีในวันฉงหยางนี้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงความจริงใจในทุกการกระทำที่มอบให้มาไม่น้อยจนรู้สึกสนิทใจขึ้นมากกว่าช่วงที่เคยพบพานกันมาไม่น้อยเลย

           " ขอบคุณที่เชิญข้ามาเป็นผู้อาวุโสของเจ้าด้วยเช่นกันแม่นางกู่.. อย่างไรก็เที่ยวเทศกาลกันในยามเย็นให้สนุกกันทั้งคู่นะขอรับ ที่หมู่บ้านหงชุนใกล้ ๆ นี้มีงานจัด.. พวกท่านสามารถไปได้ ยามกลับก็ระมัดระวังกันด้วย ส่วนพวกข้าคงต้องขอตัวลา "

           สิ้นประโยคหลิวจื่อคงก็โค้งลาเตรียมจาก โดยมีหวังอี้ตัวน้อยคารวะลาจิ้นอิ๋งและกัวเจียเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งคู่ก็โค้งลารับหาและเอ่ยย้อนคืนอวยพรให้ศิษย์อาจารย์เดินทางกลับปลอดภัยด้วยกันทั้งคู่เช่นกัน ก่อนทั้งหมดจะได้พากันแยกย้ายไปในที่สุด..



กิจกรรมช่วงเทศกาล
มอบกล่องข้าวที่คุณจัดมาด้วยใจแก่ผู้อาวุโส
ขับขานบทกวีแต่งเองให้ผู้อาวุโสฟัง
ชมดอกเบญจมาศ ดื่มเหล้าแช่ดอกเบญจมาศ (เก็กฮวย)
ทานขนมฉงหยาง และเก็บผลและเก็บใบจูอวี๋ไว้
ฟังเรื่องเล่าตำนานของเทศกาลฉงหยางจากผู้อาวุโส
แยกกับผู้อาวุโส อำลาอย่างนอบน้อม

กู่จิ้นอิ๋ง เก็บผลและใบจูอวี๋

ลักษณะนิสัยใจกว้าง
+15 EXP ทุกครั้งที่โรลแบ่งปันข้าวของบริจาคด้วยความเมตตาให้ผู้อื่น
-20 ความเครียดเมื่อโรลบริจาคของให้คนอื่น
.
ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
กัวเจีย
หลิวจื่อกง
หวังอี้
[028] มอบของเทศกาลให้
ขนมฉงหยางและสุราเบญจมาศ
[102] มอบของเทศกาลให้
กล่องข้าว ขนมฉงหยางและสุราเบญจมาศ
[146] มอบของเทศกาลให้
ขนมฉงหยางและชาโมลี่ฮวาฉา
[028] มอบ ไก่ขอทาน ให้
.
สถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง




สถานะธาตุหลัก : -15 ความสัมพันธ์ [102] ธาตุน้ำ - เราข่มอีกฝ่าย
สถานะปีนักษัตร : -15 ความสัมพันธ์ [102] ปีเถาะ - ไม่ถูกโฉลก
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง
[146] มอบ ปลาเปรี้ยวหวานซีหู ให้
.
สถานะธาตุหลัก : +20 ความสัมพันธ์ [146] ธาตุไฟ - เกื้อหนุนเรา
สถานะปีนักษัตร : +20 ความสัมพันธ์ [146] ปีมะโรง - ถูกโฉลก
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง
ลักษณะนิสัยรู้จักให้อภัย
-10 ความสัมพันธ์นิสัยตรงข้าม

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-10-14 19:10:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Jinying เมื่อ 2021-10-14 19:17


เทศกาลฉงหยาง
วันเทศกาล : เก็บใบและผลจูอวี๋
.
.

           ช่วงก่อนที่ทั้งสองจะไปร่วมงานเทศกาลยังเขตหมู่บ้านหงชุน ตัวจิ้นอิ๋งก็พลันขอกัวเจียให้หยุดเก็บใบของต้นจูอวี๋อีกสักเล็กน้อย เนื่องจากตัวนางยังเก็บได้ไม่เยอะนักยามขึ้นเขาหวงซานไป ระหว่างที่ดรุณีน้อยกำลังติดต่อขอซื้อตะกร้าจากชาวบ้านแถวนั้นที่แวะเวียนมาเก็บใบและผลของต้นจูอวี๋เช่นกัน กัวเจียก็พลันเดินเข้าหามาถามเด็กสาวด้วยความใคร่รู้ขึ้นมา

           " เจ้าจะอยากเก็บไปเยอะ ๆ ทำไมหรืออาอิ๋ง " จิ้นอิ๋งที่กระชับตะกร้าในมือเตรียมตัวไปเก็บพืชก็เงียบลงไปน้อย ๆ ด้วยกำลังครุ่นคิดถึงคำตอบของตนในตอนที่เอื้อมมือเก็บเอาใบที่สามารถเก็บได้ลงมาไปด้วย โดยละผลเอาไว้ด้วยความตั้งใจของนางนั้นไม่ได้จะเอาผลมาทาน

           " ก็.. ตอนเด็ก ๆ ข้าเคยได้ยินว่าใบหรือผลจูอวี๋สามารถป้องกันและขจัดภัยอันตรายได้น่ะเจ้าค่ะ เห็นท่านแม่มักเอาไปทำถุงหอมให้พวกข้าพกทุกปีด้วย "

           จบคำมือก็ยังเอื้อมเก็บพืชต่อ สักพักจิ้นอิ๋งก็หยิบเอาใบจูอวี๋ใบสวย ๆ ใบหนึ่งขึ้นมาก่อนจะเดินตรงไปหายังกัวเจียที่กำลังมองตามเด็กสาวอยู่พอดี อีกฝ่ายหยุดยื่นนิ่งทั้งรอยยิ้มไม่รู้ความหมาย คล้ายอยากจะรอดูว่าอีกสตรีจะทำสิ่งใด และจะรู้ถึงความนัยของถุงหอมเหล่านั้นหรือไม่

           " แต่ข้ายังไม่รู้วิธีทำถุงหอมน่ะเจ้าค่ะ เลยว่าจะเก็บเอาไว้ทำในโอกาสหน้า.. ข้าแบ่งให้อาเจียด้วยดีหรือไม่เจ้าคะถ้าเก็บไม่ไหว ตอนเด็ก ๆ ท่านแม่บอกข้าว่าแค่พกไว้ก็ช่วยกำจัดภัยให้แล้วนะเจ้าคะ "

           คำกล่าวที่ราวกับยังไม่รู้ถึงความนัยทำเอากัวเจียหรี่ตาดูขัดใจขึ้นมาน้อย ๆ ทว่าในตอนที่ได้แต่ถอนหายใจและยื่นมือรับของจากเด็กสาวมาอย่างปลดปลง อีกสตรีกลับไม่ยอมวางใบจูอวี๋นั้นกับมือเขาเสียทีให้เลื่อนสายตาสบหาอย่างติดฉงน จิ้นอิ๋งที่ไม่รู้ว่าโดนมองก็มองตามมือของกัวเจียครู่หนึ่ง ก่อนไล่สายตามองยังศีรษะอีกฝ่ายให้เผลอเลิกคิ้วตามการกระทำนั้น

           " ท่านแม่บอกให้เสียบไว้ที่แขน แต่อาเจียไม่มีกำไล.. เช่นนั้นก็เสียบไว้ที่ผมก็ได้เจ้าค่ะ "

           เสียงหวานเอ่ยหาก่อนจะเลื่อนใบจูอวี๋เสียบลงแผ่วเบายังเรือนผมใกล้ใบหูของกัวเจีย ดู ๆ แล้วคล้ายมีใบไม้ทัดข้างหูชวนให้ความรู้สึกนุ่มนวลขึ้นมาจนจิ้นอิ๋งอดที่จะอมยิ้มขบขันไม่ได้ ก่อนนางจะหันไปเก็บยังใบของมันต่อโดยไม่ได้รู้ตัวว่าทำให้อีกบุรุษต้องยืนค้างยังที่เดิมอยู่ครู่หนึ่ง..



กู่จิ้นอิ๋ง เก็บแค่ใบจูอวี๋

ลักษณะแต่กำเนิดตัวหอม
+20 ความสัมพันธ์กับคนที่คุยด้วย
.
สถานะธาตุหลัก : +10 ความสัมพันธ์ [028] ธาตุดินและปีนักษัตรเหมือนกัน
ค่าชื่อเสียง : +10 ความโหดเมื่อเจอคนหัวมาร/หัวคลั่ง

←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
บทเพลงเฟิ่งฉิวหวง
ถุงหอมจูอวี๋
กระบี่
พู่หยกเลือดหงส์
กลยุทธ์เล่ออี้
ม้าเหลียง
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x3
x5
x2
x2
x1
x2
x2
x2
x1
x1
x27
x2
x38
x40
x50
x50
x40
x40
x50
x3
x22
x19
x31
x10
x50
x5
x5
x5
x1
x12
x1
x2
x5
x2
x9
x1
x8
x6
x6
x1
x3
x2
x2
x1
โพสต์ 2021-11-19 23:22:51 | ดูโพสต์ทั้งหมด
❖ราชสีห์จรจัด❖
เขาที่เดิม

การเดินทางผ่านพ้นมาอย่างยาวนานผ่านผืนน้ำจนมาถึงยังจุดหมายที่ตั้งไว้ เมื่อมาถึงยังเจียงหนาน ชายหนุ่มเทียนโจวก็ได้ขึ้นขี่อาชาขาวออกเดินทางออกจากเมืองเพื่อมุ่งสู่จูหยาโดยใช้เส้นทางเดิมที่เคยใช้ในตอนแรก

“มิได้มาทางนี้ตั้งนาน”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มในขณะที่กำลังหันมองรอบข้าง สายตากวาดมองไปมาโดยมิได้คิดอะไร ก่อนที่ดวงเนตรคู่นี่จะหยุดลงเมื่อเห็นทางแห่งหนึ่งที่เป็นเส้นทางที่สามารถนำชายหนุ่มขึ้นไปบนยอดเขาที่เคยขึ้นไปกับปิงจวนเมื่อครั้งอดีต

“แวะซักหน่อยก็คงมิเป็นอะไรหรอกมั้ง”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาก่อนที่รีบคุมบังเหียนม้าขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาผ่านไปซักพักในที่สุดชายหนุ่มเทียนโจวก็ได้มาถึงยังยอดเขาหวงซานก่อนจะเดินไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเคยมาพักอยู่ตรงนี้กับปิงจวน

“ตอนนี้เจ้าจะเป็นเช่นไรบ้างนะ”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาขณะที่แหงนหน้ามองต้นไม้ แต่แล้วในจังหวะนั้นก็ได้มีใครบางคนเข้ามาทางด้านหลังของเทียนโจวและพยายามแท่งมีดเข้าที่ร่างของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบมีดนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะในช่วงที่ชายคนนั้นลอบเข้ามาด้านหลังชายหนุ่มนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่ก่อนแล้ว

“หึ อ่อนหัด!”

เทียนโจวล็อคแขนข้างที่แท่งเข้ามาของชายคนนั้นก่อนจะบิดมันจนหักก่อนจะหันไปหาชายคนนั้น ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าและผ้าโพกหัวสีเหลือง เมื่อมองเห็นก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าชายตรงหน้านั้นเป็นใคร

“ทำไมพวกแกถึงยั่วเยี้ยเป็นแมลงสาบขนาดนี้เนี่ย”

เทียนโจวเกาหัวตัวเองขณะที่กล่าวออกมา พร้อมกับชายโพกผ้าเหลืองที่ดีดตัวถอยหลังไปตั้งหลักในสภาพที่แขนบิดไปข้างหนึ่ง

“บังอาจมาทำเช่นนี้กับแขนของข้า!”

โจรโพกผ้าเหลืองกล่าวขึ้นมาก่อนจะหยิบดาบของตนออกมา สายตาจ้องมองไปที่เทียนโจวด้วยความเคียดเเค้น

“หากเจ้ายังคิดจะสู้อยู่ข้าจะทำให้แขนของเจ้ามิเหลือซักข้าง”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาก่อนจะหยิบทวนของตนออกมาชี้ไปที่อีกฝ่าย โจรโพกผ้าเหลืองยิ่งขุ่นเคืองมากกว่า มันขบฟันตนเองด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะใช้แขนเพียงเดียวบุกเข้าหาเทียนโจว ชายหนุ่มหลบการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างง่ายได้ ก่อนจะตะวัดทวนสองทีช่วงชิงเอาแขนทั้งสองข้างโจรโพกผ้าเหลืองไป

“ขะ….แขนของข้า ไม่นะแขนของข้าาาาา!”

โจรผ้าเหลืองร้องออกมาด้วยความเจ็บ เทียนโจวแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะปลดเสื้อด้านบนออกเผยให้โจรตรงหน้าได้เห็นบาดแผลของตน

“เจ้ามิเคยผ่านการสู้รบมาแม้แต่น้อย แตกต่างจากข้าที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ข้าต่อสู้มามากมายโดยแลกกับบาดแผลเหล่านี้ และนี่คือเครื่องยืนยันชัยชนะของข้าเสมอมา!”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาในขณะที่โจรผ้าเหลืองยังคงกรีดร้อง เทียนโจวที่ได้ยินมาได้ซักพักแล้วก็เริ่มเกิดความรำคาญขึ้นจึงเดินไปเตะเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายจนสลบลงกับพื้น

“ในที่สุดก็หุบปากเสียที ไหนดูสิเจ้านี่มีอะไรบ้าง”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาก่อนจะเริ่มเดินไปดูข้าวของของโจรผ้าเหลือง และริบเอาทั้งหมดมา แต่สิ่งที่เทียนโจวให้ความสนใจมากที่สุดคือรังนกแห้ง

“ไอนี่ใช่สมุนไพรรึเปล่า แต่ชั่งมันเหอะ...”

เทียนโจวกล่าวขึ้นมาก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋า ก่อนจะฉุดคิดเรื่องสมุนไพรและงานแต่งงานของปิงจวน

“ข้ามีความคิดดีแล้วๆ งานนี้คงต้องหาสมุนไพรหายากซัก 5 ชนิดหน่อยเสียแล้ว”

เทียนโจวกล่าวออกมาก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนหลังของเจ้าอาชาขาว ก่อนจะควบมันลงเข้าไปพร้อมกับเจ้าเขี้ยวเงินเพื่อเดินทางต่อ


เก็บไอเทม

@Watcher

https://rotk.xyz/dzs_npccomrade-fight.html?aid=573





เอฟเฟคจากตัวละคร
Points
Exp
ความสัมพันธ์
ชื่อเสียง
+4 จากโรลอวดเบ่ง (หยิ่งยะโส)
+7 เมื่อชนะการดวลพร้อมหยิ่งทะนง (หยิ่งยะโส)
+3 โรลต่อสู้ (ขี้โมโห)
+6 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (แข็งแกร่งดุจเซี่ยงอวี่)
+3 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (หูดี)
+3 เมื่อโรลต่อสู้พร้อมข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+2 เมื่อโรลต่อสู้ระบบ (สายตายาว)
+15 เมื่อโรลข่มขู่อีกฝ่าย (ฟันเขี้ยว)
+20 เมื่อโรลหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิในแผลเป็นทุกแผลบนร่าง (มีแผลเป็น)


ผลรวมของแต่ละอัน
+28
+40

คุณธรรม :
ความชั่ว :
ความโหด :


←อุปกรณ์ที่สวมใส่อยู่→
หวีเซียวเฉิน
ตำราตงฟางซั่ว
ยาสมานแผลขั้นต้น
ตะเกียงซือซานเยวี่ย
ทวนสามพยัคฆ์
ม้าขาว
บทเพลงยิ้มเย้ยยุทธจักร
หน้ากากขาว
เกราะเกล็ดมังกร
ผ้าคลุมไท่หลง
←ไอเท็มที่มีอยู่→
x20
x1
x1
x1
x1
x45
x1
x6
x2
x5
x984
x5
x50
x30
x2
x10
x8
x2
x8
x12
x24
x2
x7
x50
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x5
x4
x6
x2
x2
x15
x40
x1
x6
x6
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

อย่าลืมเข้าสู่ระบบนะจ๊ะ เข้าสู่ระบบตอนนี้ หรือ ลงทะเบียนตอนนี้

เว็บไซต์นี้ มีการใช้คุกกี้ 🍪 เพื่อการบริหารเว็บไซต์ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของท่าน (เรียนรู้เพิ่มเติม)

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้